คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ; Chapter1 ,,, Party
เวลาหนึ่งทุ่มสิบห้านาที ณ คณะดนตรีของมหาวิทยาลัยโซล บริเวณห้องโถงประชุมใหญ่ของคณะ วันนี้เป็นวันสำคัญของเหล่านักศึกษาสาขาโมเดิร์นมิวสิค เพราะวันนี้คือวันจัดงานประจำปีของสาขา ที่ถือว่าเป็นงานใหญ่และเป็นงานที่เป็นหน้าเป็นตาของเหล่านักศึกษาสาขาดังกล่าวเลยก็ว่าได้
ห้องโถงประชุมถูกตกแต่งด้วยสไตล์หรูหราตามคอนเซ็ปต์ของงาน เหล่านักศึกษาทั้งในสาขาและบางส่วนก็เป็นนักศึกษาของสาขาอื่นและคณะอื่น ต่างแต่งตัวกันมาอย่างหรูหรามีสไตล์เต็มที่ ส่วนสาเหตุที่มีนักศึกษาของคณะและสาขาอื่นเข้ามาร่วมงานด้วยนั้น เหตุจูงใจมาจากเสียงเล่าลือที่ว่า นักศึกษาชายของสาขาโมเดิร์นมิวสิคนั้น เรียกว่าหน้าตาดีขั้นเทพและบางคนเมื่อจบออกไปแล้วก็กลายเป็นนักร้องดังของเกาหลีใต้อีก ฉะนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นว่า นักศึกษาจากคณะและสาขาอื่นส่วนมากจะเป็นผู้หญิงแทบทั้งนั้น
ภายในห้องเก็บตัวของนักศึกษาที่จะขึ้นร้องเพลงในคืนนี้ ... อนยู ชายหนุ่มดวงตายิ้มได้ บุคลิกอบอุ่นผู้เป็นเจ้าของตำแหน่ง ‘ดาวเด่นประจำสาขา’ วันนี้เขามาในชุดสูทสีขาวสะอาดตาราวกับเทพบุตรในนิยาย ผมสีบลอนด์ทองถูกจัดและเซ็ททรงมาเป็นอย่างดี เขากำลังนั่งซ้อมร้องเพลงอยู่ในห้องเก็บตัวคนเดียว เพราะต้องการใช้สมาธิ
“ว่าไง นายเต้าหู้ยี้ หนีมาซ้อมร้องเพลงคนเดียวอยู่ที่นี่เองเหรอยะ”
สมาธิที่อนยูอุตส่าห์รวบรวมเอาไว้ พลันต้องแตกกระเจิง เมื่อมีเสียงห้าวๆของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการร้องเพลงของเขา พร้อมๆกันกับที่ร่างบางของเจ้าของเสียงเดินย่างกรายเข้ามาในห้อง หญิงสาวผิวคล้ำหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสีขาวสะอาดตา แต่งหน้าโทนสีทองทำให้ผิวหน้าดูสว่างและสวยสะดุดตา ผมสีแดงถูกปล่อยเคลียไหล่แต่ถูกจัดให้เป็นทรง รวมๆแล้วก็คือ เธอคนนี้เป็นผู้หญิงผิวคล้ำที่สวยมาก
“ยัยมืดยูบิน” อนยูเรียกฉายาของคนที่เดินเข้ามาที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่นัก หญิงสาวคนดังกล่าวหรือ คิมยูบิน ผู้เป็นเพื่อนสนิทของอนยูพลันหุบยิ้มลงทันที
“น้อยๆหน่อยนะยะไอ้เต้าหู้ยี้! ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ฉันอุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวมาเต็มที่ มองยังไงก็เจ้าหญิงชัดๆ ยังจะมาเรียกกันให้เสียหายอีก ชิ! คอยดูนะ วันนี้ตอนนายร้องเพลง ฉันจะไม่พาเพื่อนไปยืนเชียร์เลยสักคน” ยูบินกล่าวขึ้นพลางทำหน้างอน อนยูหัวเราะจนตาหยี
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่า ตัวดำแล้วอย่าขี้น้อยใจดิ่ วันนี้เธอสวยออกจะตาย ฉันก็ชินปากน่ะ เรียกยัยมืดๆอยู่ทุกวัน จะให้มาเรียกสโนไวท์มันก็กระดากปากอ่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“ถ้าไม่เลิกหัวเราะฉันโกรธจริงๆด้วยนะ”
“ฮ่าๆๆ โอเค ไม่หัวเราะแล้วก็ได้ ขอโทษทีๆ ว่าแต่ ... เธอนี่เข้าใจเลือกชุดให้เหมาะกับตัวเองนะเนี่ย คนผิวคล้ำแบบเธอ ใส่สีขาวแล้วดูโดดเด่นและสว่างมากเลย ไม่นึกเลยนะว่าคนอย่างคิมยูบินจะมีเซนส์ทางด้านแฟชั่นขนาดนี้” อนยูเอ่ยชมอย่างจริงใจ เพราะปกติ คิมยูบินที่เขาเคยเห็นทุกวันจะเป็นผู้หญิงเพิ้งๆคนหนึ่ง ที่ชอบแต่งตัวตามสบาย เสื้อยืด กางกงขาสั้น ถ้าจะสุภาพหน่อยก็กางเกงยีนส์ขาสามส่วน ไม่นึกว่าจะแต่งแบบหรูหรา ถูกกาลเทศะกับเขาก็เป็น ตอนแรกเขายังแอบคิดเลยด้วยซ้ำว่า วันนี้ยูบินอาจจะแต่งตัวเพิ้งๆมาอีก
“บ้า! ฉันไม่ได้เลือกชุดเองหรอกย่ะ นี่ ต้องยกความดีความชอบให้คนนี้ สไตล์ลิสต์ส่วนตัวของฉัน คิมบลิง Come here!” คิมยูบินหันไปกวักมือเรียกคนที่ยืนอยู่ด้านนอกให้เข้ามา
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลัก อยู่ในชุดสูทเนี้ยบสีดำ สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในและผูกเนคไทสีแดงเข้ม การแต่งกายของเขาค่อนข้างจะเรียบร้อยและหรูหราแมทช์กันอย่างลงตัว ผมสีน้ำตาลเข้มถูกหวีปัดข้างอย่างเรียบร้อย แต่ก็ดูไม่เฉิ่มเชยจนเกินไป อนยูถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเขาย่างกรายเข้ามาในห้อง
“โอ้โห ... ไอ้จงฮยอน จำแทบไม่ได้แน่ะ” อนยูเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง จงฮยอน หรือ คิมจงฮยอนก็คือชื่อของชายหนุ่มคนนี้นี่เอง ต้องอธิบายก่อนว่า เขาคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของทั้งอนยูและยูบินมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งด้วยกัน แต่เขาขอไปเรียนทางด้านแฟชั่นและดีไซน์ที่อเมริกาเป็นเวลาหนึ่งปีและพึ่งจะกลับมาถึงในเร็วๆนี้เอง เขาจึงมีเซ้นส์และความถนัดทางด้านการมิกซ์แอนด์แมทช์และเลือกเสื้อผ้าให้เข้ากับตัวบุคคลมากเป็นพิเศษ แต่น่าแปลก ที่สไตล์การแต่งตัวของเขากลับเป็นสไตล์ที่จัดจ้าน เน้นเสื้อผ้าสีแรงๆ เจ็บๆ ที่ทำให้เขาดูเหมือนกะเทยมากๆเวลาแต่งตัวตามสไตล์ของตัวเอง
“ชุดนี้จงฮยอนเป็นคนลือกให้ฉัน สวยใช่มั้ยล่ะ สมแล้วที่ไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ถึงอเมริกา ส่วนชุดของจงฮยอนน่ะ ฉันเป็นคนเลือกให้ หล่อล่ะสิ ฮิฮิ” ยูบินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจกับผลงานของจงฮยอนและตัวเอง
“เข้าท่าๆ ชุดที่เธอเลือกให้ไอ้เป็ดนี่ดูดีกว่าชุดธรรมดาของมันเยอะเลย” อนยูกล่าวชมพลางยกนิ้วให้ยูบิน แต่จงฮยอนกลับทำสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว
“Bad” จงฮยอนกล่าวสั้นๆ
“แล้วเป็นไง ซ้อมร้องเพลงถึงไหนแล้ว” ยูบินถามถึงการซ้อมร้องเพลงของอนยูพลางเดินมานั่งข้างๆอย่างสนิทสนม
“ก็เกือบจะไปได้สวยแล้วล่ะ ถ้าเธอไม่เข้ามาซะก่อน เฮ้อ ... สมาธิแตกกระเจิงหมดเลย”
“อ้าว แล้วก็ไม่บอก จะได้ไม่กวน งั้น เดี๋ยวฉันกับอีตาคิมบลิงออกไปรอนายข้างนอกก็แล้วกันนะ เชิญซ้อมร้องเพลงไปตามสบายเลย แล้วเจอกันข้างนอก ไปเหอะ คิมบลิง” ยูบินกวักมือเรียกจงฮยอนให้เดินตามตนออกไปทางด้านนอก ปล่อยให้อนยูรวบรวมสมาธิซ้อมร้องเพลงต่อไปคนเดียว
“อะแฮ่ม! เอาล่ะ เริ่มใหม่ๆ”
“จินกิโอป้า ~” ยังไม่ทันที่อนยูจะเริ่มรวบรวมสมาธิใหม่ เสียงเล็กๆของสาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังในชุดกระโปรงบานสีชมพูก็วิ่งปรี่เข้ามาหาหาเขาถึงในห้องเก็บตัว ทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งตกใจจนแทบตกเก้าอี้
“ซอนมี! เข้ามาได้ไงเนี่ย” อนยูดูจะตกใจกับการปรากฏตัวของ ซอนมี สาวน้อยสี่มิติคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก ซอนมีที่ว่านี้เป็นนักศึกษาสาขาเดียวกับเขาแต่เป็นรุ่นน้อง และแน่นอน เธอคนนี้ก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับของอนยู แต่จะหนักกว่าตรงที่พฤติกรรมและลักษณะนิสัยแปลกๆของเธอนี่แหละ ที่สำคัญ เธอตามติดเขากันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยทีเดียว!
“เข้ามาได้ทุกที่อยู่แล้วที่มีจินกิโอป้า” สาวน้อยซอนมีตอบพลางยิ้มน่ารัก อนยูมองซอนมีขึ้นๆลงๆด้วยสายตาเหมือนจะสมเพช เพราะคอนเซ็ปต์ของงานนั้นมันคือความหรูหรา แต่ดูซอนมีแต่งตัวเข้าสิ ชุดกระโปรงบานสีชมพูเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ถุงเท้ายาวถึงเข่าและรองเท้าสีชมพู ทรงผมก็มัดแกละสองข้าง ตกลงซอนมีจะมางานสาขาหรือจะไปงานคอสเพลย์กันแน่เนี่ย?
“นี่ ซอนมีเอามาให้ เพราะจินกิโอป้าจะต้องขึ้นร้องเพลง จะได้มีเสียง” ซอนมีส่งขวดน้ำมะนาวให้เขา ที่ฝาขวดมีกระดาษที่ถูกตัดและระบายสีเป็นรูปยูเอฟโอติดเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า ขวดน้ำมะนาวขวดนี้ ใครเป็นคนให้เขา
“ขอบใจนะซอนมี แต่ตอนนี้ช่วยออกไปรอข้างนอกก่อนได้มั้ย พี่จะซ้อมร้องเพลง มันต้องใช้สมาธิ”
“ถ้างั้นซอนมีจะนั่งเงียบๆอยู่ตรงนี้ล่ะ รับรอง ว่าไม่ส่งเสียงรบกวนจินกิโอป้าแน่นอน”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เวลาพี่ซ้อมร้องเพลง มันต้องใช้สมาธิสูงมาก แล้วมันต้องอยู่คนเดียว ถึงจะมีสมาธิ ถ้าขืนซอนมีมาอยู่ด้วยแบบนี้ พี่ว่าสมาธิพี่กระเจิงแหงๆเลย ไปรอข้างนอกก่อนเถอะนะ นะ”
“โธ่ ... จินกิโอป้าอ่ะ ก็ซอนมีบอกแล้วไงว่าซอนมีจะนั่งเฉยๆ ไม่รบกวนจินกิโอป้าแน่นอน ซอนมีสัญญา ซอนมีจะไม่พู้ด ... ไม่พูดอะไรเลย จะนั่งเงียบๆ ไม่เคลื่อนไหวไม่หายใจให้ต้องรบกวนจินกิโอป้าเลย” ซอนมีพูดอย่างจริงจังพลางชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
“เฮ้อ ... ซอนมีนี่”
“เฮ้ย! ไอ้อนยู มัวทำอะไรอยู่วะ ซ้อมถึงไหนแล้วเนี่ย เดี๋ยวต้องขึ้นร้องเพลงแล้วนะเว้ย!” ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างสูงของชายหนุ่มหน้าสวยคนหนึ่งในชุดสูทสีขาวเช่นเดียวกับอนยูเดินเข้ามาท่าทางรีบร้อน แต่พอเขาเห็นหน้าของคนที่อยู่ในห้องอีกคนหนึ่ง เขาก็ต้องผงะไปล็กน้อย
“ยัยเอเลี่ยน! มาได้ไงเนี่ย”
“หยาบคายมากเลยค่ะคิบอมโอป้า! ซอนมีค่ะ ไม่ใช่เอเลี่ยน” ซอนมีหันไปทำสายตาขุ่นเคืองใส่ชายหนุ่มหน้าสวยคนดังกล่าว หรือ คีย์ หรืออีกชื่อก็คือคิมคิบอม ผู้เป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งในแก็งค์ของอนยู และเป็นคู่กัดตัวฉกาจของเธอด้วย
“เอเลี่ยนนั่นแหละเหมาะกับเธอที่สุดแล้ว เข้ามาทำอะไรที่นี่เนี่ย ออกไปเลยนะ ไม่เห็นเหรอเพื่อนฉันกำลังจะซ้อมร้องเพลง เข้ามากวนเขาทำไม ไปเลย” ซอนมีทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกคีย์ไล่ออกไปนอกห้องเก็บตัว
“ไม่เอา ไม่ไป ซอนมีจะอยู่ให้กำลังใจจินกิโอป้า” ซอนมีส่ายหน้า
“ไปเถอะน่าซอนมี พี่ต้องการสมาธิจริงๆ เฮ้ย! คีย์ ช่วยหน่อยเหอะ” อนยูช่วยไล่ซอนมีทางอ้อมอีกแรง
“มานี่เลย ยัยเอเลี่ยน”
“ไม่เอา! จินกิโอป้าใจร้าย ซอนมีไม่ไปนะ ซอนมีจะอยู่ให้กำลังใจจินกิโอป้า ซอนมีบอกแล้วไงว่าจะไม่ส่งเสียงดัง ไม่รบกวนจินกิโอป้าให้รำคาญ ไม่ทำลายสมาธิของจินกิโอป้า ซอนมีสัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ซอนมี ... อ๊าย!! ปล่อยซอนมีนะ คิบอมโอป้าอ่ะ! ปล่อย ซอนมีไม่ป๊ายยย!!!”
ซอนมีโหวกเหวกโวยวายเมื่อถูกคีย์ลากตัวออกไปข้างนอก หันมามองอนยูด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์พลางขัดขืนคีย์ที่กำลังลากเธอออกไป จนในที่สุดคีย์ก็สามารถลากซอนมีออกไปกับตนได้ เสียงโหยหวนของซอนมีดังลั่นไปตามทางเดิน จนกระทั่งเงียบไป นั่นแหละ อนยูถึงได้รวบรวมสมาธิใหม่ได้
“ยัยเด็กประหลาด” อนยูบ่นอย่างเอือมระอา พลางรวบรวมสมาธิร้องเพลงต่อ
.
.
.
ทางด้านนอกของห้องเก็บตัว บริเวณโถงห้องประชุมซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน มินซอนเย ที่วันนี้อยู่ในชุดเดรสหรูหราผ่าหลังสีน้ำตาลยาวกรอมเท้า เปิดโชว์แผ่นหลังขาวเนียนเล็กน้อย ผมถูกรวบเอาไว้หลวมๆและปล่อยปอยผมปรกหน้าเล็กน้อย ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเบาบาง ทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดามาก เธอกำลังยืนคุยกับเหล่าเพื่อนสนิทที่เป็นตัวการลากเธอมางานนี้อยู่
ถึงแม้ว่าชุดเดรสตัวดังกล่าวที่ซอนเยสวมมานั้น จะไม่ได้เป็นตัวที่เธอเลือกเองและต้องการแต่แรก แต่เป็นตัวที่ กะเทยควาย คนนั้นเลือกให้ แต่ซอนเยก็ต้องยอมรับว่า เธอสวมมันแล้วดูดีมากเลยทีเดียว
“เยอึน แกจะมัวยืนบื้ออะไรตรงนี้เล่า ไหนๆก็อุตส่าห์ไปสั่งดอกกุหลาบมาแล้ว ก็เอาไปให้พี่อนยูอะไรของแกนั่นสิ มายืนอายอยู่ตรงนี้มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก” ซอนเยจับไหล่ของหญิงสาวผมสีทองยาวเหยียดตรงที่อยู่ในชุดราตรีสีดำเปิดไหล่ หรือชื่อของเธอก็คือ ปาร์คเยอึน ผู้เป็นเพื่อนสนิทของเธอและเป็นตัวการที่ลากเธอมางานนี้ พลางบอกเชิงยุยงให้เยอึนนำดอกกุหลาบช่อขนาดปานกลางในมือเอาไปให้ชายหนุ่มที่เธอปลื้มสักที
“ก็อยากจะเอาไปให้อยู่หรอก แต่พี่อนยูอยู่ไหนกันล่ะ ฉันมองหาตั้งนานแล้วนะเนี่ย ยังหาไม่เจอเลย” เยอึนตอบพลางชะเง้อคอมองหาอนยู ชายหนุ่มในฝันของเธอจนคอแทบหัก
“อยู่ในห้องน้ำชายรึเปล่า มินโฮ นายช่วยเดินไปดูให้ทีสิ” ซอนเยหันไปขอความช่วยเหลือจาก ชเวมินโฮ ชายหนุ่มตัวสูงโย่งที่อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับภาพวาดดวงตากลมโตของเขาคล้ายจะมีแรงดึงดูดสายตาจากสาวๆให้ละสายตาไปขากดวงตากลมคู่นี้ไม่ได้เมื่อสบกับมันแล้ว
“ฉันเข้าไปเป็นสิบรอบแล้ว” มินโฮตอบสั้นๆ ตามลักษณะนิสัยของคนพูดน้อยเช่นเขา
“แล้วถ้างั้นพี่อนยูอะไรของเธอ เขาไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ? เราก็เดินตามหากันจนทั่วทั้งงานแล้วนะเนี่ย” ซอนเยพูดขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน พลางทำท่าจะนั่งลงกับพื้น แต่ตระหนักได้ว่าวันนี้ใส่ชุดเดรสยาวกรอมเท้ามา จึงลุกขึ้นยืนได้ทันท่วงที
“ไม่รู้เหมือนกันน่ะ โอ๊ยยย ... จะทำยังไงดีซอนเย จะรอให้พี่อนยูขึ้นร้องเพลงก่อน ฉันก็อายไม่กล้าเดินเอาไปให้พี่อนยูเขาถึงบนเวทีหรอก จะรอให้ร้องเพลงเสร็จ ป่านนั้นสาวๆก็รุมล้อมพี่อนยูแล้วแน่ๆ แล้วฉันจะเอาเวลาตอนไหนไปให้ดอกไม้เขา” เยอึนเอ่ยอย่างจิตตก สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“เฮ้อ ... ไม่รู้ด้วยแล้ว เดี๋ยวฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะเยอึน อยู่กับมินโฮไปก่อนแล้วกัน” ซอนเยกล่าวพลางเดินหนีทั้งสองคนไปทางห้องน้ำทันที รู้สึกปวดหัวไปกับเรื่องบ้าผู้ชายของเยอึนด้วย ... นี่ถ้าไม่ได้รู้จักกันมานาน เธอคงไม่เชื่อแน่ๆถ้ามีใครมาบอกว่า เยอึนคนนี้คืออัจฉริยะทางด้านการเรียน แต่เขาว่ากันว่า คนเรียนเก่งมักจะเพี้ยน ไม่รู้ว่าเยอึนจะรวมอยู่ในกรณีนี้ด้วยหรือเปล่า?
ซอนเยเดินเข้ามาในห้องน้ำ ตรงไปที่อ่างล่างหน้าก่อนเป็นอันดับแรก สำรวจหน้าตาตัวเองในหระจกดูว่าเครื่องสำอางลบไปบ้างหรือเปล่า แต่พอสายตาของเธอปะทะเข้ากับกระจกเท่านั้นแหละ เธอก็ต้องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อกระจกสะท้อนภาพชายหนุ่มในชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังฉี่อยู่ทางด้านหลังของเธอ!
“กรี๊ดดดดด!!! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต!”
“เฮ้ย!”
ซอนเยแผดเสียงกรี๊ดประมาณหนึ่งพันเดซิเบลของเธอดังลั่นห้องน้ำ จนชายหนุ่มคนดังกล่าวต้องสะดุ้งตกใจ พลางรีบรูดซิปกางเกงของตัวเองแล้วหันมาปะทะหน้ากับเธอทันที และแล้ว ... สิ่งที่น่าตกใจซะยิ่งกว่าก็บังเกิดขึ้น เมื่อสองสายตาประสานกันเข้าอย่างจัง
“เฮ้ย! ยัยเตี้ยนี่”
“ไอ้กระเทยควาย!”
ที่แท้ ... ชายหนุ่มคนดังกล่าว ก็คือ คิมจงฮยอน หรือที่ซอนเยเข้าใจว่าเป็น กระเทยควาย ที่มาเลือกชุดให้เธอเมื่อวันก่อนนั่นเอง ... คิมจงฮยอนเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่มาเจอยัยเตี้ยนอนเซ้นส์ทางด้านแฟชั่นอีกครั้งในห้องน้ำแบบนี้
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่กระเทย! อ้าว วันนี้ใส่ชุดที่ฉันเลือกให้มาด้วยเหรอ สวยดีนะ ใครแต่งหน้าให้ล่ะ เข้ากับชุดมากเลย” จงฮยอนเถียง พลางหันมาชมซอนเยถึงการแต่งตัวแต่งหน้าของเธอในวันนี้ ว่าแล้วว่าถ้ายัยเตี้ยนี่ใส่ชุดนี้แล้วจะต้องดูสวยและโดดเด่น ตาของเขาไม่เคยมองใครพลาด
“จริงเหรอ? ขอบใจนะที่ชม ฮิฮิ เฮ้ย! จะบ้าเหรอ นี่มันใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้ที่ไหนกันเล่า! นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำหญิงนะ! ถึงจะเป็นกระเทย แต่นายก็ต้องเข้าห้องน้ำผู้ชาย มาเข้าห้องน้ำผู้หญิงไม่ได้มันไม่เหมาะ” ซอนเยยิ้มเขินที่ถูกชม แต่สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าในเวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องคอสตูมสักหน่อย
“ยัยคนนี้นี่! บอกว่าไม่ใช่กระเทย ไม่ใช่กระเทยไง แล้วเธอแน่ใจเหรอ ว่าที่นี่ คือห้องน้ำหญิง?”
“ถ้าไม่ใช่ห้องน้ำหญิงแล้วจะเป็นอะไร แหกตาของนายดูสิ นี่ไงห้องน....” ซอนเยกำลังจะเถียงชายคนนั้นกลับ แต่ก็ต้องตกใจซ้ำสองเมื่อสายตาดันพึ่งผ่าไปเห็นโถฉี่ของผู้ชายตั้งเรียงรายกันอยู่ทางด้านข้างของกำแพง และซ้ำร้ายไปกว่านั้น ... ประตูห้องน้ำบานหนึ่งก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มหน้าตาน่ารัก ที่ดูเหมือนว่าพึ่งจะเสร็จกิจของตัวเอง พอเขาเปิดประตูออกมาเจอซอนเย เขาก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“เอ่อ ... นี่ ... นี่มันอะไรกันครับเนี่ย” เด็กหนุ่มคนนั้นเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
ซอนเยมองหน้าจงฮยอนที มองหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นทีอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะวิ่งออกไปที่หน้าห้องน้ำแล้วมองดูป้ายข้างหน้า สัญลักษณ์รูปผู้ชายเด่นหราอยู่หน้าห้องน้ำ ... ความรู้สึกชาคืบคลานขึ้นมาบนใบหน้าทีละน้อย แก้มใสๆเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้
“ว่าไงแม่คนเก่ง” จงฮยอนกอดอกถามคนหน้ากระต่ายตรงหน้าอย่างนึกขำในความมั่นใจของเธอ
“อะไร้! แค่นี้ก็เชื่อด้วยเหรอ? เหอะ! นี่นายคงไม่คิดว่าฉันจะบื้อขนาดที่เข้าห้องน้ำผิดหรอกนะ ที่ฉันเข้ามาเนี่ย ก็แค่อยากจะรู้ว่าในห้องน้ำชายมันมีอะไรบ้าง ก็แค่นั้นเอ๊ง! แบบว่าไม่เคยเข้าน่ะก็เลยไม่รู้ว่าข้างในมันมีอะไร ทำไมเหรอ? ผู้หญิงจะอยากรู้ไม่ได้เลยเหรอว่าข้างในห้องน้ำผู้ชายจะมีอะไร” ซอนเยทำเนียนเลยซะงั้น ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้พลางเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจสุดๆ ท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของซอนเยทำให้เด็กหนุ่มที่พึ่งจะออกมาจากในห้องน้ำเมื่อกี๊นี้ต้องนึกแปลกใจ ‘พี่สาวคนนี้ท่าจะเพี้ยน จะอยากรู้ไปทำไมกันว่าในห้องน้ำชายมีอะไร หรือว่า ... เกิดมาไม่เคยเห็นโถฉี่?’
“เหรอ ... แล้วตอนนี้รู้หรือยังล่ะว่าข้างในนี้มันมีอะไร” จงฮยอนถามกวนๆ
“รู้แล้วก็กำลังจะไปแล้วนี่ไง” ซอนเยตอบพลางรีบเดินออกไปจากห้องน้ำชายทันทีด้วยใบหน้าที่แหลกยับเยิน โชคยังดีที่ทำเนียน หนีออกมาได้ทัน หวังว่าเรื่องนี้มันคงจะเป็นความลับที่มีแค่เพียงเธอ ไอ้กระเทยควายและเด็กหนุ่มคนนั้นที่รู้ ขืนเรื่องนี้เล็ดลอดเข้าไปถึงหูของเพื่อนๆของเธอ เธอได้อายไปสามชาติแน่ๆ! ซอนเยลอบถอนหายใจเล็กน้อยในขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ยังนึกแปลกใจอยู่อย่าง ... ไอ้กระเทยควายมาทำไมที่นี่? จะว่าป็นนักศึกษาของที่นี่เหรอ ไม่มั้ง ...
“นี่ ยัยเตี้ย เธอมางานนี้ทำไมอ่ะ” เสียงเจ้าปัญหาของคนเจ้าปัญหาดังตามหลังเธอมา ซอนเยขมวดคิ้วก่อนจะหันหลังกลับไปสนทนากับกระเทยควายที่กำลังเดินตามเธอมาจากในห้องน้ำ
“ฉันน่าจะถามนายมากกว่านะว่ามาทำไมที่นี่? เพราะหน้าอย่างนายเนี่ย คงจะไม่ได้เป็นนักศึกษาของที่นี่หรอก ... หรือว่า นายจะมาหาจับผู้ชาย” ซอนเยพูดในสิ่งที่เธอคาดเดาเอาไว้ แต่คำพูดของเธอกลับทำให้จงฮยอนต้องจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย
“ยัยเตี้ยความจำเสื่อม! ฟังฉันดีๆนะ ฉัน-ไม่-ใช่-กระ-เทย! เลิกคิดว่าฉันเป็นสักที”
“ถ้าไม่ใช่กระเทยนายก็ต้องเป็นตุ๊ด!”
“แต่ตุ๊ดมันก็ทำเธอท้องได้นะ อยากจะลองดูมั้ยล่ะ” จงฮยอนชักจะโมโหที่ยัยเตี้ยคนนี้เอาแต่คิดว่าเขาเป็นตุ๊ด เขาก็เลยคิดจะแก้เผ็ดกลับบ้าง โดยการพูดประโยคเมื่อครู่พลางเดินเข้าไปหาซอนเยช้าๆด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ซอนเยที่ตอนแรกยังปากดีอยู่ ตอนนี้กลับกลัวในท่าทางของชายหนุ่มคนนี้จนต้องถอยหลังหนี
“นี่! นายอย่ามาลามกกับฉันนะ ไอ้กระเทยควาย! กลับไปหาผู้ชายของนายนู่นไป อย่ามายุ่งกับฉัน จะทำอะไรของนายกันน่ะ ออกไป๊!”
“ก็จะพิสูจน์ให้เธอได้รู้ไง ว่าฉัน ไม่ใช่ตุ๊ดหรือกระเทยอย่างที่เธอคิด มานี่!”
“อ๊ายยย!!! ปล่อยฉันนะไอ้กระเทยควาย อย่านะ!” ซอนเยร้องเมื่อถูกจงฮยอนดึงตัวเข้าไปใกล้ๆ แล้วค่อยๆยื่นใบหน้าของเขามาใกล้ๆกับใบหน้าของเธอ ทำท่าเหมือนจะจูบเธอยังไงยังงั้น สองมือหนาของเขาประคองใบหน้าเธอที่กำลังเบี่ยงหลบใบหน้าของเขาให้หันมาตรงๆ
“อยู่นิ่งๆสิยัยเตี้ยนี่! ไม่อยากรู้เหรอว่าฉันน่ะเป็นตุ๊ดเป็นกระเทยอย่างที่เธอว่ารึเปล่า”
“ออกป๊ายยย!!! ไม่เอานะ” ซอนเยหลับตาปี๋ เม้มปากแน่น แต่ถึงกระนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของชายหนุ่มที่กำลังพ่นรดใบหน้าของเธอเข้ามาทีละน้อย หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวอย่างห้ามไม่ได้ ...
“คิบอมโอป้าใจร้าย!!!! ปล่อยซอนมีนะ ปล่อย บอกให้ปล่อยไงเล่า! แยกซอนมีออกมาจากจินกิโอป้าไม่พอ ยังจะพาซอนมีมาขังในส้วมอีก” เสียงโหวกเหวกโวยวายของสาวน้อยคนหนึ่งดังขึ้นมาตามทางเดินเข้าห้องน้ำ ขัดจังหวะงามๆของจงฮยอนเอาไว้พอดี เขาเลยต้องละใบหน้าของตัวเองออกจากใบหน้าของหญิงสาวเสียก่อน หากแต่มือของเขาก็ยังกำข้อแขนของเธอแน่นโดยไม่ยอมปล่อย
“เลิกร้องโวยวายซักทีเถอะยัยเอเลี่ยน! หนวกหูเป็นบ้าเลย เข้าไปอยู่ในห้องน้ำไป๊!” เสียงของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งดังขึ้น เขากำลังลากเด็กสาวเจ้าของเสียงโวยวายเดินมาทางห้องน้ำ ตรงที่จงฮยอนและซอนเยยืนอยู่
“อ้าว! ไอ้จงฮยอน มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ แล้วนี่ ...” คีย์ชะงักเมื่อกำลังลากซอนมีเพื่อที่จะพามาขังในห้องน้ำ แต่กลับเดินมาพบจงฮยอน เพื่อนสนิทของเขายืนจับมือถือแขนอยู่กับสาวสวยคนหนึ่งแทน
“ปล่อยนะ” ซอนเยสะบัดแขนตัวเองออกจากมือของจงฮยอน มองเขาอย่างตำหนิอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินสวนคีย์และซอนมีออกไปทางด้านนอกทันที คีย์และซอนมีมองตามไปอย่างสงสัย แต่จงฮยอนมองตามหลังร่างบางไปด้วยรอยยิ้ม
“อะไรกันวะไอ้จง พึ่งกลับมาได้แค่อาทิตย์เดียวก็มีสาวแล้วเหรอเนี่ย ร้ายกาจไม่เบานะแก” คีย์เอ่ยแซวจงฮยอนพลางยิ้ม สมัยที่จงฮยอนยังไม่ไปอเมริกา เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่มีสาวๆมาติดกันตรึมอยู่แล้ว
“Just friend” จงฮยอนตอบสั้นๆ พลางเดินล้วงกระเป๋าสวนคีย์และซอนมีออกไปทางด้านนอกอีกคน
“อะไรของมันวะ” คีย์พึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย
“นั่นน่ะสิคะคิบอมโอป้า จงฮยอนโอป้าพูดอะไรน่ะ ซอนมีแปลไม่ออก? แต่จงฮยอนโอป้านี่เท่จังเลยนะคะ เด็กจบนอกเนี่ย ทำอะไรก็ดูดีไปหมดทุกอย่างเลย” ซอนมีเอ่ยอย่างชื่นชม
“อืม นั่นน่ะสิ เด็กจบนอกอย่างไอ้จงฮยอนเนี่ย ทำอะไรก็ดูดี แต่เอ๊ะ! นี่ฉันกำลังจะพาเธอมาขังในห้องน้ำนี่! ไม่ต้องมาชวนฉันคุยเปลี่ยนเรื่องให้ฉันเขวเลยนะยัยเอเลี่ยน เข้าไปอยู่ในห้องน้ำเลยไป!”
“ง่า ~ คิบอมโอป้าใจร้าย T^T”
โฮกกก!!! แชปหนึ่งมาแล้ว สติจะแตกจริงๆนะคะเนี่ยตอนนี้ ยุ่งวุ่นวายกับการรื้อความจำเรื่องเรียนมาก !!
ค่ายธรรมมะก็อดไป เพราะอีสแตติกเวรตะไลเนี่ยแหละ อยากจะร้องไห้ TT
ว่างๆก็เลยเอาเวลามานั่งอัพฟิค ก็เลยได้แชปหนึ่งของเรื่องนี้มาอย่างที่เห็นนี่แหละ ;))
แอบค้างคาเล็กน้อย ให้รีดเดอร์ไปลุ้นกันเอาเอง ว่ายัยสี่มิติจะถูกคิบอมจับขังส้วมมั้ย?
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับซอนเยและเป็ดจงต่อไป ๕๕๕ อ่านแล้วเม้นท์กันด้วยนะคะ
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์และขอขอบคุณทุกๆท่านที่มาตามทวงฟิคด้วยค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Bl ing
ความคิดเห็น