คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter : 05{สร้างกระแส} 70%
บทที่ : 05
สร้างกระแส
“พี่มาอยู่กับผมนะ” หลังจากที่นั่งเงียบกันมาจะค่อนทางผมก็พูดขึ้นมา
เล่นเอาคนที่นั่งนิ่งตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถมาต้องหันมามองผม
วันนี้ผมต้องตื่นเช้าเพื่อไปส่งพี่กัสที่มหาลัยเพราะพี่มันมีเรียนเช้าแต่ผมดันมีเรียนบ่าย
ตอนแรกพี่มันบอกจะไปเองนั่นแหละครับแต่ผมอยากไปส่งเลยต้องโกหกพี่มันว่ามีเรียนเช้าเหมือนกันพี่มันเลยยอมนั่งรถมากับผม
ผมมองพี่กัสตอบ สายตาก็สื่อถึงความจริงจังกับประโยคที่พูดไปเมื่อกี้
เรื่องนี้ผมนั่งคิดนอนคิดตีลังกาคิดแล้วทั้งคืน ผมอยากให้พี่กัสมาอยู่ด้วยอย่างน้อยก็แค่ตอนที่ไอ้แฟนเก่ามันตามง้อพี่กัส
ผมไม่อยากให้พี่มันไปเจอหมอนั่นในขณะที่ใจยังตัดมันไม่ขาด
ผมกลัวใจพี่กัสครับ ถึงผมจะเพิ่งรู้จักพี่มันมาแค่ไม่กี่วันแต่ผมก็รู้ว่าพี่มันเป็นคนขี้ใจอ่อนมากถึงบางครั้งจะดูใจเด็ดไปบ้างก็เถอะ
ผมเลยต้องหาทางทำให้พวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ต้องขัดขวางครับเพราะฉะนั้นผมต้องเอาพี่กัสไปอยู่กับผมชั่วคราวให้ได้
“นะพี่กัส”
“เป็นเหี้ยไรอีกเนี่ย ผีเข้าหรอถึงชวนเราไปค้างบ้าน”
“ผมหมายถึงให้ไปอยู่ชั่วคราว”
“คอนโดเราก็มี จะไปอยู่บ้านนายทำเหี้ยไร” นี่ตกลงมันจะพูดเพราะหรือพูดหยาบกันวะสงสัยผมจะบังคับพี่มันมากไปถึงได้จับมาผสมกันซะมั่วเลย
“ก็ผมไม่อยากให้พี่เจอหน้าไอ้แฟนเก่านั่น
เชื่อดิว่ามันต้องไปดักรอพี่ที่คอนโดแน่”
“เราบอกแล้วไงว่านั่นมันเรื่องของเรา” ใช่ซี่ผมมันคนนอกนี่ “รีบๆขับรถเถอะ เดี๋ยวไม่มีเวลากินข้าว”
พูดเสร็จก็เบือนหน้าหนีผมไปมองข้างทางเหมือนตัดบทสนทนาเรื่องนี้ ผมเลยต้องหันมาสนใจทางข้างหน้าต่อ
ไม่อยากเร่งรัดพี่มันมากเกินไปเดี๋ยวจะหาว่าผมยุ่งวุ่นวายกับพี่มันมากเกิน
ก็รู้แหละว่าถ้าพูดตอนนี้พี่กัสคงไม่ยอมผมง่ายๆ
ก็เมื่อคืนผมเล่นรุกพี่มันหนักไปหน่อยเช้ามาเลยระวังตัวเป็นพิเศษ ขนาดผมขอ Morning kiss มันยังไม่ให้เลยต้องขโมยเอาแต่ได้แค่เฉียดแก้มเพราะพี่มันดันไหวตัวทัน
เรื่องนี้พี่กัสคงจะระแวงผมไปอีกนานเลย
ผมเลี้ยวรถเข้าโรงจอดรถก่อนจะจอดมันตรงพื้นที่จอด
พอรถหยุดคนที่นั่งนิ่งอยู่อีกฝั่งก็เปิดประตูรถแล้วเดินออกไปไม่รอผมเลยครับ
ผมเลยต้องรีบออกจากรถตามพี่มันไป
พี่กัสเดินเข้าตึกวิศวะแล้วตรงเข้าโรงอาหารไปเลย
ตลอดทางที่พี่มันเดินผ่านก็จะมีแต่คนมองสลับกับมองผม คนถูกมองอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นของสูงเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
แต่เปล่าครับ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ผมรู้ได้ไงนะหรอ ก็ผมเป็นคนทำไง หึหึ
พี่กัสเอาของมาวางที่โต๊ะก่อนจะเดินออกไปหาอะไรกิน
ผมเลยเอากระเป๋าตัวเองมาวางข้างๆกับของพี่มัน ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงกว่าๆแล้วครับ ที่โรงอาหารเลยค่อนข้างมีคนเยอะหน่อยเพราะพวกที่เตรียมมารอเรียนเช้าจะพากันมากินข้าวที่นี่เพื่อความสะดวกสบายและง่ายต่อการขึ้นเรียน
มหาลัยที่ผมเรียนโรงอาหารดูเป็นส่วนตัวมากเพราะมีโรงอาหารอยู่ในตึกของใครของมัน
ทุกคณะจะไม่มีการข้ามเขตแดนมากินที่คณะอื่น
ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเพราะผมพึ่งเข้าเรียนปีหนึ่ง แต่พวกรุ่นพี่เขาเตือนพวกผมอยู่เหมือนกันว่าอย่าเข้าไปเดี๋ยวเป็นเรื่อง
ผมมองพวกวิศวะที่เอาแต่จ้องพี่กัสไม่วางตาก่อนที่สายตาของพวกนั้นจะเหล่ลงไปมองคอระหงของพี่มันแล้วทำหน้าตกใจเหมือนไม่อยากเชื่อบ้าง
สงสัยบ้าง ทำไมวะ กับอีแค่มีรอยแดงตรงคอ ทำเป็นตื่นเต้นกันไปได้
ผมรีบก้าวเท้าไปหาคนที่ยืนสั่งข้าวอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่ง
ไปถึงก็เอามือไปจับตรงราวกั้นเพื่อให้ดูเหมือนเป็นการโอบเอวพี่มันไว้เพื่อให้คนที่มองอยู่อิจฉาเล่น
รำคาญแม่งมองพี่กัสอยู่ได้ พี่มันก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าผมคิดจะทำอะไร ผมขยับตัวเข้าหาพี่กัสอีกหน่อยแล้วเอาคางเกยไหล่พี่มัน
จะเรียกว่าสร้างกระแสก็ได้ครับ หึหึ
ที่ทำแบบนี้ก็แค่แสดงความเป็นเจ้าของพี่มันโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัวและเพื่อเปิดเผยไอ้ตัวการที่ทำรอยอันเร่าร้อนไว้บนคอพี่กัสคือผมและพวกที่มองอยู่จะได้รู้ว่าของใครเป็นของใคร หึหึ
“จะยื่นหน้าเข้ามาทำไมวะ” พี่กัสโวยวายขึ้นเมื่อผมวางคางไว้บนไหล่ก่อนจะขยับหนีผมไป
“ผมเอาเหมือนพี่นะสั่งให้ด้วย”
“มาเพื่อบอกแค่นี้หรอ ตะโกนบอกก็ได้มั้ง”
“ผมไม่อยากตะโกนนี่ เดี๋ยวกลับไปเฝ้าโต๊ะให้” สร้างภาพเสร็จก็เดินกลับโต๊ะมานั่ง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นรอ
ผมปลดล็อคมือถือแล้วเข้าไปในรูปภาพ
ภาพแรกที่ปรากฏเลยคือภาพผู้ชายสองคนนอนกอดกัน
ผมไม่รีรอที่จะกดเข้าไปดูรูปแบบเต็มจอทันที ภาพที่ปรากฏขึ้นทำให้ผมยิ้มออกมา
ผมมองภาพผู้ชายสองที่คนนึงยิ้มให้กล้องและอีกคนหลับสนิทไม่รู้เลยว่าถูกผมแอบถ่ายรูปไว้
ผมมองพี่กัสที่อยู่ในรูปอย่างนึกเสียดาย
เสียดายที่เมื่อคืนไม่ได้ลักหลับคนน่ารักไง นี่ถ้ารู้ว่าตอนหลับจะน่ารักขนาดนี้ผมไม่ปล่อยไปหรอก เมื่อคืนพอแอบถ่ายรูปพี่มันเสร็จผมก็นอนเลยรูปก็ไม่ได้ดูว่าเป็นยังไงด้วย กว่าพี่มันจะหลับให้ถ่ายผมต้องรอยันเกือบตีสองถ้าเอาเวลาไปดูรูปด้วยเมื่อคืนผมคงไม่ได้นอนว่ะ ผมนี่ก็ลงทุนเนอะ อ้อ...อีกเรื่องนึงที่ผมเพิ่งรู้เกี่ยวกับพี่กัสคือพี่มันหลับลึกมากขนาดผมจัดท่าทางพี่มันเพื่อถ่ายรูปยังไม่ตื่นเลยหลับลึกเกินไปแล้ว
ตึก
พี่กัสเดินมาวางข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะเลื่อนมาตรงหน้าผม
ผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นไปมองพี่มันที่มาใหม่และรีบเก็บโทรศัพย์อย่างแนบเนียน
เดี๋ยวมันจะรู้ว่าแอบถ่ายตอนมันหลับ
ผมละสายตาจากพี่กัสแล้วก้มลงมามองจานข้าวตัวเอง
อยากรู้ว่าคนหน้าหวานๆแบบพี่กัสจะกินอะไร
“...” นิ่งไปเลยสิเมื่อเห็นว่าจานข้าวของผมมันคืออะไร
หันไปมองของคนที่สั่งให้เพราะคิดว่ามันแกล้งแต่เปล่า ทั้งสองจานเหมือนกันเป๊ะเลยครับ
เฮ้ย! เอาจริงดิ บนโลกนี้ยังมีคนสั่งข้าวผัดมากินด้วยหรอวะ
“มองอะไร”คนตรงหน้าผมถามเมื่อเห็นผมมองพี่มันไม่หยุด
“เปล่า” จะให้บอกได้ไงว่าอึ้งที่พี่มันสั่งข้าวผัดมากิน
“พี่ชอบกินข้าวผัดหรอ”
“เปล่า แต่ในโรงอาหารมีแต่ของเผ็ดๆ”
“กินเผ็ดไม่ได้”
“อือ” ตอบผมทั้งที่ข้าวเต็มปาก แก้มพี่กัสพองขึ้นเพราะมีข้าวอยู่ข้างในเห็นเเล้วอยากเอามือไปหยิกชิบหาย
น่ารักว่ะ
เมื่อเจ้าตัวถูกผมจ้องมากก็ส่งสายตาดุๆมาให้ ผมเลยละสายตาออกมามองข้าวในจานต่อ
นี่สรุปผมต้องกินมันสินะ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบข้าวผัดนะครับแต่แบบมันเป็นอาหารที่สมควรกินที่บ้านเฉพาะเวลาหิว
ไม่น่ามาสั่งตามร้านอาหารได้ เพราะมันทำง่ายและก็สิ้นคิดมากไป หรือคนอื่นเค้าสั่งกินกันวะ
“ไม่กิน” คนที่นั่งกินฝั่งตรงข้ามกับผมเงยหน้าขึ้นถามเมื่อเห็นผมลังเลไม่ยอมกินมันสักที
“กินๆ” ผมตักข้าวผัดเข้าปากก่อนจะเขี้ยวตุ้ยๆ
มันก็อร่อยอยู่หรอกแต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาหิวข้าวผัดครับ
“ไม่ชอบก็ไปซื้อใหม่
เราไม่ชอบบังคับฝืนใจใครให้กินตามเรา”
“ห่วงผมหรอ((^-^))”
“เราไม่ได้ห่วง” คนตรงหน้าก็ตอบตรงเชียว
เล่นเอาหุบยิ้มแทบไม่ทันเลย
เรานั่งกินข้าวกันไม่นานก็หมดจาน
ผมเลยเก็บจานข้าวทั้งของผมและของไอ้พี่กัสไปเก็บ ด้วยเลย มีไม่ยอมให้ผมเก็บของมันไปด้วยนะครับแต่พอผมคว้าได้ก็เดินออกไปเลย
พี่มันเลยว่าอะไรผมไม่ทัน ตอรแรกคิดว่าพอละสายตาผมพี่มันจะหนีเข้าห้องเรียนเลย แต่พอกลับมาที่โต๊ะก็เห็นมันนั่งอยู่ที่เดิม
เล่นเอาผมยิ้มไม่กว้างไปเลย นี่รอผมหรอ ผมตามความคิดพี่มันไม่ทันแล้วนะเนี่ย
“รอผมอยู่หรอ” ผมทำหน้าทะเล้นใส่พี่มันก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเจ้าตัวต้องถอยหนี
“บอกแล้วไงว่าไม่ชอบ และก็ไม่ได้รอด้วยแค่นั่งรอเวลาเข้าเรียน”
“แต่นี่มันจะสิบโมงแล้วนะ” คนนั่งรอถึงกลับยกแขนขึ้นมาดูเวลาทันทีและพี่มันก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นตัวเลขที่ขึ้นเด็นหลาอยู่ตรงหน้าปัดนาฬิกาขอมือ
08:58 น
“เชี่ยยยย” พี่มันสบออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะรีบวิ่งออกไป
ผมยิ้มตามหลังพี่มันไปจนสุดสายตา แล้วค่อยละสายตามาที่โทรศัพท์ของตัวเอง ผมส่งเฟสหาไอ้เพื่อนเกรียนทั้งหลายให้มันมามอเร็วๆเพราะผมไม่อยากอยู่คนเดียว
จะจีบพี่มันทีนี่ผมต้องคิดหาคำโกหกเป็นว่าเล่นเลย ลงทุนกับพี่มันมาเยอะแล้วด้วยต้องได้มาถึงจะคุ้มกับที่เสียไป
Special: [GUS]
ทักๆๆๆ
ผมรีบวิ่งขึ้นตึงไปชั้นสามอย่างรีบร้อนเพื่อให้ทันเข้าห้องก่อนอาจารย์
เพราะดันไปรอไอ้เด็กกันเอาจานไปเก็บให้จนไม่รู้เวล่ำเวลา ยิ่งเป็นวิชาของอาจารย์ ศรีนวรด้วยแล้ว
แกยิ่งชอบจับผิดผมอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าไปเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษผมไย
ถึงได้จ้องจะเล่นงานผมตลอดเวลา
แค่ผมกระดิกตัวหน่อยยังหาว่าผมไม่ตั้งใจเรียนเลย เพราะฉะนั้นผมต้องรีบเข้าก่อนอาจารย์ ผมมองเวลาที่ข้อมือตอนนี้เก้าโมงแล้วครับสาธุขอให้อาจารย์ท้องเสียเข้าสอนช้า
เพราะแกมักจะเข้าตรงเวลาเสมอผมเลยต้องพึ่งดวง
แฮกๆ
ผมยืนหอบอยู่ตรงหน้าห้องเรียนพอให้หายใจทันหน่อยจากนั้นค่อยเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูแล้วเปิดออกฉะโงกหน้าเข้าไปดูก่อน
เผื่ออาจารย์อยู่ในห้องจะได้เตรียมคำแก้ตัว แต่ไม่เห็นแฮะ เห็นแค่เพื่อนๆที่นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันครบองค์
เฮ้ออออ~ รอดไปสิครับ ว่าแต่ทำไมวันนี้จิตมนัสสายได้วะ พระเจ้าต้องเห็นใจข้างผมแน่ๆเลย
เมื่อไม่เห็นอาจารย์ผมเลยเดินเข้าห้องไป พอเพื่อนในห้องเห็นผมก็พากันสะกิดหลังอีกคนให้มองมาทางผมจากนั้นทุกวายตาก็จับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว
ผมว่ามันแปลกๆตั้งแต่ที่โรงอาหารแล้วครับ สายตาของทุกคนที่มองมาทางผมมันดูต่างไปจากเดิมนิดหย่อย
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผมเป็นของส่วนรวมทุกคนก็ต้องมองเป็นปกติอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่
ยิ่งมาเจอคนในห้องมองแบบนี้แล้วผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
ผมเดินผ่านสายตาเพื่อนๆที่มองมาแล้วขึ้นไปนั่งข้างไอ้กายที่เว้นที่ว่างไว้ให้
ถัดจากไอ้กายคือไอ้แซ็กและเป็นไอ้เอส ปกติไอ้เอสจะนั่งข้างผมแต่ยังดีที่ไอ้กายมันเว้นระยะห่างให้ผมกับไอ้เอสไม่งันผมคงอึดอัดตายคาห้องแน่
ขนาดนั่งห่างกันสองที่นั่งผมยังอึดอัดเลย ไอ้เอสมันเล่นหันมามองผมตั้งแต่ผมเดินเข้ามายันนั่งที่มันก็ยังไม่เลิกมองเลยครับ
แวบนึงที่ผมเห็นสายตามันดูเศร้าๆแต่ด้วยสาเหตุอะไรนั้นผมไม่รู้
“เดี๋ยวนี้ริอาจแรดนะมึง เมื่อคืนมึงไปทำอะไรกับใครมาวะไอ้กัส” ไอ้กายทักผมทันทีที่ก้นผมถึงเก้าอี้ ว่าแต่มันรู้ด้วยหรอว่าเมื่อคืนผมไปกับไอ้เด็กชั่งเต๊าะที่ทำเอาผมเกือบเสียเวอร์จิ้นไปแล้วครับ
ถ้าผมห้ามไม่ทันมีดรามาแน่ อ้อ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ทำให้ผมชอบมันมากขึ้นหลอกนะครับ
ที่ผมเขินเพราะผมดันคิดอกุศลกับไอ้เด็กนั่นก่อน
คุณรองมาเจอทับแบบผมดิคุณจะรู้ถึงแรงดึงดูดของไอ้เด็กนั่น
ต่อให้ไม่ได้รักหรือชอบพอกันคุณจะหวันไหวเหมือนผม
ยิ่งตอนมันจ้องตาใจผมก็คิดไปไกลแล้วครับ อย่าบอกมันเชียวเดี๋ยวมันได้ใจ
“มึงรู้หรอว่าเมื่อคืนกูไปไหน?”
“แหมไอ้กัสคอมึงเด่นหลาขนาดนั้นกูไม่รู้เลยมั้ง”
“คอ?” ผมตะคลุบคอตัวเองพรางหาสิ่งผิดปกติ
คอผมเป็นอะไรมีอะไรงั้นหรอ
“นี่มึงอย่าบอกนะว่าตั้งแต่เดินเข้ามอมามึงไม่รู้อะไรเลย”
“รู้อะไรวะ?”
“กูล่ะเชื่อมึงเลย” ด่าผมเสร็จก็ยื่นโทรศัพท์ที่เปิดกล้องหน้ามาให้
ผมเลยรีบคว้ามันมาจากมือไอ้กายแล้วส่องดูคอตัวเองว่ามีอะไร สิ่งที่เห็นก็ทำเอาผมต้องเบิกตากว้างเลย
ผมเข้าใจแล้วครับ สาเหตุที่พากันมองตั้งแต่โรงรถยันในห้องเรียนเพราะไอ้รอยดูดที่เด่นหลาอยู่บนคอนี่เอง
“ไอ้เชี่ยยยยย” ผมสบถด่าไอ้เด็กนั่นอย่างโมโห
แม่งสร้างรอยอุบาทนี่ไว้ไม่บอกผมเลย แถมตอนเดินมาด้วยกันมันก็เอาแต่ยิ้มตลอดทาง คงชอบใจในผลงานล่ะสิ
เจอหน้ากันเมื่อไหร่มึงตายแน่ไอ้เหี้ย!
ผมรีบเอามือตะคลุบคอเพื่อปกปิดรอยดูดเอาไว้ ถึงจะคิดว่าไม่ทันแล้วก็เถอะ
ในใจก็โกนด่าไอ้เด็กนั่นไม่หยุด
“ตกลงไอ้คนที่ทำรอยนี่มันเป็นใคร พวกกูรู้จักป่ะ?”
ไอ้เเซ็กที่หาโอกาสแทรกพวกผมพูดกันก็เอ่ยถาม แต่เรื่องอะไรผมจะบอก
แค่นี้ก็อับอายมากพอแล้ว
ครืดดดด~ ครืดดดดดดด~
โทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงยีนส์ทำให้ผมต้องคว้ามือไปหยิบมันขึ้นมาดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
สามีในอนาคต (ไม่รับผมจะจุ๊บพี่ร้อยที)
ชื่อที่ปรากฏบ้นหน้าจอดูไม่คุ้นตาแต่รู้ว่าคือใครทำให้ผมตกใจไม่น้อยครับ
จุ๊บพี่หรอ ไม่รู้เลยมั้งว่าเป็นใคร แล้วมันเอาโทรศัพท์ผมไปเมมชื่ออุบาทๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
ผมกดรับสายไอ้เด็กบ้ากามนั่นอย่างไม่รีรอ
ไม่ใช่กลัวคำขู่นะครับ แต่อยากด่ามันเรื่องที่ทำรอยไว้ไม่บอกผมต่างหาก
“ไอ้...”
( พี่อยู่ห้องไหนครับ ) ยังไม่ทันจะได้ด่าปลายสายก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อนครับ
“ถามทำไม”
(ผมจะเอาเสื้อไปให้เผื่อพี่จะอายร้อยที่ผมทำไว้) มึงเพิ่งคิดได้หรอไอ้เด็กเจ้าเล่ห์
อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่านี่เป็นแผนมึงนะ
“ห้อง 305” เก็บไว้ด่าตอนเจอหน้าดีกว่าจะได้อัดมันด้วยเลย
โทษฐานทำผมเสียชื่อเสียง
และผมก็รำคาญพวกเพื่อนๆที่พากันนั่งเงียบตั้งแต่ผมรับโทรศัพท์แล้ว
ผมรู้นะว่าพวกมันแอบฟังผมอยู่ อย่าฝันว่าผมจะโวยวายให้พวกมันรู้เลย
“โอเค เดี๋ยวผมไปหา”
ผมยกโทรศัพท์ออกจากหูแล้ววางมันไว้ที่โต๊ะเมื่อสายตัดไป
พวกไอ้กายที่พยายามจะฟังบทสนทนาของผมกับไอ้เด็กนั่นถึงกับทำเสียงจิ้จ๊ะอย่างขัดใจเมื่อไม่ได้ข้อมูลอะไร
มันเลยหันมาถามผมแทนคนทั้งห้องที่รอฟัง จะสนใจอะไรเรื่องของผมนักหนาวะ
“สรุปมันเป็นคนในมอหรอวะ สาขาไหนกันที่คิดจะสอยของส่วนรวมของพวกวิศวะ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่...”แค่อะไรวะ
คิดไม่ออกแมลงกัดต่อยนี่อ้างได้ป่ะ
“แค่อะไร อย่าบอกว่ามดกัดเชียวนะมึง
เป็นจ้ำขนาดนี้กูคงเชื่อหรอก” ใครมันจะบอกว่ามดกัดกัน เด็กอนุบาลดูยังรู้ว่ากูโกหกเลย
“เออน่า เลิกถามเซ้าซี้สักที ถ้ามีอะไรเดี๋ยวกูบอกพวกมึงเองแหละ”
งานนี้ขอแถไปก่อนแล้วกันไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเท่าไหร่
“มึงเป็นแบบนี้ทุกที ตอนเรื่องไอ้เอสก็ทีนึงแล้วนะ”
ผมเงียบไปทันทีที่มันพูดถึงไอ้เอส
ก็จริงครับตอนที่ผมคบกับไอ้เอสเพื่อนๆไม่มีใครรู้ มารู้เอาตอนใกล้เลิกกัน
พวกมันโกรธผมอยู่นานทีเดียวกว่าผมจะเคลียร์กันได้
“กูขอโทษ ที่ทำให้พวกมึงอึดอัดใจ” ไอ้กายพอรู้ตัวว่าพูดอะไรมันก็ขอโทษผมแล้วหันไปขอโทษไอ้เอส
ผมเข้าใจความรู้สึกมันนะครับ มันเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางเรื่องของผมกับไอ้เอส
ผมก็เพื่อนไอ้เอสก็เพื่อน มันคงไม่รู้จะทำตัวเข้าข้างใครดีระหว่างเพื่อนกับเพื่อน
“ไม่ใช่ความผิดมึงสักหน่อย” ผมพูดเพื่อให้ไอ้กายสบายใจ
แต่สายตากลับชำเลืองไปมองคนข้างหลังที่อยู่ถัดจากผมไปสองที่นั่ง
มันมองผมอยู่ก่อนแล้วเราสบตากันแวบนึงก่อนที่ผมจะเบือนหน้าหนีมันไป
แอ๊ดดดด~
เสียงหลอนๆของประตูที่กำลังเปิดออก ทำให้พวกผมตกอยู่ในความเงียบกันแทบจะทันทีเพราะคิดว่าเป็นอาจารย์
แต่พอหัวของคนที่เปิดประตูโผล่เข้ามาก็ทำเอาทุกสายตาหันไปมองอย่างสงสัยว่าไอ้เด็กนี่มาทำอะไรที่ห้องนี้
ผมมองไอ้เด็กกันที่โผล่แค่หัวเข้ามาแล้วสอดส่ายสายตามองหาอะไรสักอย่างซึ่งน่าจะเป็นผม
พอมันเห็นผมก็ยิ้มและโบกไม้โบกมือให้ ผมรีบลุกขึ้นมาเมื่อเห็นไอ้เด็กนั่นจนเพื่อนในห้องละสายตาจากหน้าประตูแล้วหันมามองผมแทน
“ไอ้กัส เดี๋ยวนี้มึงริอาจกินเด็กหรอวะ”
เพื่อๆพากันแซวผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจรีบเดินไปหาไอ้เด็กที่นัดมันมาเจออย่างรีบเร่ง
มันจะแสดงตัวเกินไปแล้วโว้ย ผมผลักหัวไอ้เด็กนี่ออกจากห้องทันทีที่เดินถึงตัวมันและไม่ลืมปิดประตูห้องเรียบร้อย
“บอกกันดีๆก็ได้ทำไมต้องรุนแรงกับผมด้วย”
“เอาเสื้อมาแล้วใสหัวไปเลยนะ” ผมไล่มันมือก็กระดิกเร่งให้มันถอดเสื้อมาให้ผมได้แล้ว
“ใจร้ายว่ะพี่ ผมอุตส่าห์เอาเสื้อมาให้คำขอบคุณก็ไม่มีสักคำ”
มันทำเป็นตีหน้าเศร้าใส่ผมแต่คิดว่าผมจะเชื่อรึไงวะ!
“อย่ามาทำท่าทางน่าสงสาร มึงทำกูก่อน กล้าดียังไงมาทำรอยไว้บนคอกูไม่บอกกูสักคำ
ไอ้...จุ๊ฟ”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ให้พูดคำหยาบกับผม”
ไอ้...อ๊ากกกกก หมดคำจะด่าทำไมมันอัดอั้นขนาดนี้วะ
ความรู้สึกที่อยากด่าแต่ด่าไม่ออกนี่มันโคตรทรมานเลยเว้ย!
“เอาเสื้อมาได้แล้ว” ผมข่มอารมณ์นี้ไว้แล้วพูดกับมันดีๆ
“ตอนเที่ยงไปกินข้าวกับผมนะ” มันเคยฟังภาษาคนรู้เรื่องมั้ยวะ
เคยมองบ้างมั้ยว่าผมเบื่อ ผมรำคาญมันแค่ไหนหัดมองบ้างสิเห้ย
“ไม่กิน เอาเสื้อมาเร็วๆ” ผมเดินไปแย่งเสื้อจากมือมัน
แต่มันดันหลบได้แล้วเอาเสื้อซุกไว้ข้างหลัง
“งั้นผมไม่ให้นะ”
“มึงอย่ามาบังคับกูให้มันมากนักนะ”
ผมเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะเว้ย
อย่าให้ต้องได้วีน ไอ้เด็กนี้พอเห็นผมขึ้นคำหยาบก็เตรียมยื่นหน้ามาใกล้
ผมเลยต้องรีบตะครุบปากมันไว้ก่อนที่มันจะจุ๊บผมอีกที
“ไออินอ้าวอับอมอิ”(ไปกินข้าวกับผมสิ)
“ไม่!” ผมก็เด็ดขาดเหมือนกัน
ตอนนี้ผมปล่อยปากมันและผลักออกให้ห่างแล้วครับ
“งั้นผมไม่ให้เสื้อนะ” ว่าไม่พอยังยืนแกว่งเสื้อล่อตาล่อใจผมอีก
จะไม่เอาก็ไม่ได้ผมทนให้คนเห็นรอยที่น่าอับอายบนคอไม่ไหวหรอก
แต่ก็ไม่อยากไปกินข้าวกับไอ้เด็กนี่อยู่ดี
ระหว่างที่คิดว่าจะเลือกทางไหนสายตาก็เหลือบไปเห็นอาจารย์ศรีนวรกำลังเดินขึ้นบันไดและตรงมาทางนี้
ซวยแล้วไงถ้าเกิดอาจารย์เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ คงมีด่ากันแน่นอน
“รีบๆเอาเสื้อมาได้แล้ว” ผมเร่งคนถือเสื้อให้ส่งมันมาสักทีสายตาก็เอาแต่จับจ้องไปที่อาจารย์
ตอนนี้อาจารย์เห็นผมแล้วครับ
“บอกก่อนว่าจะไปกินข้าวกับผมมั้ย” ไอ้เด็กนี่ก็ยังรีราไม่เลิก กูยอมก็ได้ถ้าอาจารย์จะส่งสายตามากดดันขนาดนั้นผมยอมก็ได้!
“เออๆ เอามาได้แล้ว”
“งั้นตอนเที่ยงผมมารอหน้าห้องนะ อย่าไปไหนล่ะ”
“รู้แล้วรีบๆส่งมาซักทีดิวะ!” ผมเร่งคนตรงหน้ายิกๆ
จะไม่ให้เร่งได้ไงอาจารย์เดินมาจนจะถึงผมอยู่แล้วโว้ยยย
“ครับ” ในที่สุดมันก็ยื่นเสื้อมาให้ผม
ผมรีบคว้าออกจากมือมันแล้ววิ่งเข้าห้องไปทันที
ไม่วายใส่มันลงไปด้วยในระหว่างที่วิ่งไปนั่งที่
พวกที่คิดจะแซวผมตอนเข้ามาก็อย่างหวังว่าจะได้แซวเลยพอเห็นท่าทางผมพวกมันก็รู้แล้วครับว่าอาจารย์กำลังมา
พวกมันเลยต้องสงบปากสงบคำไว้เดี๋ยวโดนหางเลขแล้วจะซวยเหมือนผม
แอ๊ดดดดด~
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งตามด้วยหญิงมีอายุหน่อยๆใส่แว่นหน้าเตอะเดินเข้ามาทำให้พวกนักศึกษาพากันเงียบกริบด้วยบารมีปากอาจารย์ที่แรงกล้าจนทุกคนกลัว
สายตาดุใต้กรอบแว่นตวัดมามองผมก่อนที่คำพูดทิ่มแทงจะตามมาติดๆ
“ที่นี่คือมหาลัยไม่ใช่โรงแรม จะทำอะไรก็ให้เกียรติสถาบันด้วยนะคุณกฤต”
“ครับ” ผมได้แต่ก้มหน้ารับคำกล่าวหาของอาจารย์
กับผู้หญิงคนนี้เถียงไม่ได้ครับ ถ้าคุณยังอยากเรียนของแกอย่างสงบสุขก็อย่าเถียง
“วันนี้เราจะมาเริ่มเรียนกันที่บท...”
แล้วอาจารย์ก็เริ่มบทเรียนไป
พวกเพื่อนๆในห้องก็นั่งเงียบเหมือนตั้งใจฟังอาจารย์ แต่เปล่าหรอกครับผมเห็นหมดคาบทีไรแม่งบ่นทุกทีว่าสอนไม่รู้เรื่องแถบอึดอัดเหมือนอยู่ในคุกอย่างไรอย่างนั้น
แต่พออาจารย์ถามว่าเข้าใจมั้ยคะพวกผมก็จะพยักไปส่งๆเพื่อให้วิชานี้มันพ้นๆไปในแต่ละวัน
“เข้าใจมั้ยคะนักศึกษา”
“เข้าใจครับ” อย่างวันนี้ก็เช่นกัน
70%
#รุ่นพี่เด็ด
---------------------------------------------------------
-------------------------------
ความคิดเห็น