คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter : 03{เคสคู่}100%
บทที่ : 03
::เคสคู่::
พระเจ้าสรรสร้างให้ผู้ชายเกิดมาคู่กับผู้หญิงนั่นมันก็จริงครับ
แต่มนุษย์กลับแหกกฎข้อนั้นและได้กันเอง ซึ่งตอนนี้ผมก็เป็นบุคคลกลุ่มนั้นที่คิดอยากจะแหกกฎของสวรรค์เพราะผมดันไปตกหลุมรักผู้ชายคนนึง
พี่มันชื่อกัสอยู่ปีสองคณะผมครับ แต่ของผมอาจแปลกๆกว่าชาวบ้านเค้านิดหน่อยตรงที่ผมเป็นผู้ชายไม่ใช่เกย์
และคนที่ผมชอบก็ดันเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก
ตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะง่ายเพราะคิดว่าพี่มันเป็นเกย์ แต่เปล่าครับ มันเป็นผู้ชาย
แต่ดันคบกับผู้ชายเท่านั้นเอง งงสินะครับ ผมก็งงเหมือนกัน
เรื่องของผมกับพี่กัสผมคิดว่าเป็นลิขิตของสวรรค์ที่กำหนดให้ผมกับพี่มันได้มาเจอกันอีกครั้ง
เพราะหลังจากที่ผมขอพระเจ้าให้ได้เจอผู้ชายที่ผมช่วยไว้คนนั้นอีก ผ่านไปเกือบสามเดือนผมก็ได้เจอมัน
แถมยังเป็นรุ่นพี่ผมอีกต่างหาก
ตอนที่เจอกันครั้งที่สองผมแทบจำมันไม่ได้เพราะพี่มันดูไม่เหมือนครั้งแรกที่เจอกันเลย จากหนุ่มที่มองมุมไหนก็น่ารักกลับกลายเป็นหนุ่มแว่นจืดชืด ผมนั่งมองพี่มันตั้งนานกว่าจะจำได้ ตอนเห็นหน้าครั้งแรกแค่คิดว่ามันเหมือนกันแต่คิดว่าไม่น่าใช่ มาเริ่มแน่ใจอีกทีก็ตอนเห็นไอ้คู่ขาที่มันบอกเลิกที่ผับนั่นแหละครับ มันยืนข้างกันแถมยังคุยอะไรกันก็ไม่รู้เห็นหน้าพี่มันดูเคร่งเครียดเชียว
ผมนั่งมองจนพวกรุ่นพี่แนะนำตัวกันจนมาถึงมัน
และผมก็ได้รู้ชื่อมันตอนนั้นแหละครับ (ความจริงรู้ก่อนหน้านั้นแต่ลืมไปแล้ว) และยิ่งไปกว่านั้นพี่มันเป็นของส่วนรวมของคณะอีกด้วย ลำบากผมเลยสิครับดันไปชอบของส่วนรวมที่พวกวิศวะหวงนักหวงหนา
แต่ก็นะอุปสรรคแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมจะจีบซะอย่างเพราะผมดันสัญญาไว้แล้วถ้าเจอมันอีกผมจะเอามันมาเป็นแฟนถ้าผิดสัญญาเดี๋ยวสวรรค์ลงโทษครับ
แต่อุปสรรคผมก็ยังไม่หมดแค่นั้นครับ
เพราะผมดันรู้ว่าแฟนเก่าพี่มันกำลังตามง้ออยู่ และพี่กัสก็ยังรักแฟนมันอยู่เหมือนกันเพราะสายตาพี่มันอ่อนลงทุกครั้งที่ถูกขอคืนดี
ผมรู้ได้ไงน่ะหรอ ก็ตอนที่พวกเขายืนคุยกันผมก็แอบมองและแอบฟังอยู่ไง
คนไรแม่งโคตรหน้าด้านเลย เค้าบอกว่าไม่แม่งก็ตื๊อไม่เลิก
พอเห็นพี่กัสเริ่มใจอ่อนผมเลยต้องเข้าไปขัดขวางขืนปล่อยไปผมก็ชวดดิ
ผมก็เลยเข้าไปทักพี่กัส ปฏิกิริยาที่ได้รับจากคนที่ผมเข้าไปทักกลับทำให้ผมผิดหวังนิดหน่อยเพราะพี่มันดันจำผมไม่ได้ทั้งที่ผมเอาแต่คิดถึงมันทุกวัน
เสียใจว่ะ
แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรพี่มันหรอกครับ ผมทบทวนความจำให้พี่มันใหม่ถึงขนาดบอกว่าเคยพามันไปบ้านแล้วนอนกับมันทั้งคืนมันยังทำหน้างง
ที่พูดแบบนั้นเพราะอยากจะประชดแฟนเก่าพี่มันด้วย แต่ขนาดนั้นก็ยังจำไม่ได้เลย คนอะไรจะลืมได้ขนาดนั้นเก่งเกินไปแล้ว
สุดท้ายผมก็ดันไปมีเรื่องกับแฟนเก่าพี่มันแทน
แอบเจ็บที่พี่มันบอกว่าไม่ชอบให้ผมทำแบบนี้ ตอนนั้นผมคิดว่าเค้าคงเลือกแฟนเก่าแล้วถึงได้พูดกับผมแบบนั้น
ผมเลยคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะช่วยเขาเพราะเขาสองคนรักกัน
แต่พี่มันกลับหันไปบอกไอ้หน้าด้านนั่นให้มันให้เลิกยุ่งกับพี่มัน
น้ำเสียงฟังดูอ้อนวอนจนผมรู้สึกเจ็บที่หัวใจแทน
ผมไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยนั่นมันทำอะไรพี่กัสบ้างถึงขนาดต้องข้อร้องให้มันปล่อยพี่เค้าไป
คนตรงหน้าผมต้องเจ็บขนาดไหนถึงได้พูดแบบนั้น พอเห็นพี่มันเจ็บผมก็พลอยเจ็บไปด้วย
ใจผมคิดว่าคนนี้แหละที่ผมจะต้องปกป้อง ต่อให้ต้องดิ้นรนแค่ไหนก็จะเอา ผมเลือกแล้ว
แฟนกงแฟนเก่าอะไรนั่นผมจะไม่ให้มันได้แตะพี่กัสอีก มันผิดเองที่ปล่อยให้คนอย่างพี่กัสหลุดมือไป
อย่าหวังว่าผมจะให้มันได้เข้าใกล้พี่กัสอีกเลย
ผมเดินไปยืนซ้อนหลังพี่กัสเมื่อเห็นไอ้หน้าด้านนั่นเริ่มบีบน้ำตาขอความเห็นใจจากพี่กัส
และผมคิดว่าคนที่ทำเป็นใจแข็งมาตลอดต้องใจอ่อนแน่ๆ
และก็เป็นอย่างที่ผมคิดเมื่อพี่มันหันกลับมา แต่ผมไม่ยอมให้มันเป็นอย่างที่ไอ้บ้านั่นคิดหรอก
ผมเฝ้าบอกพี่มันถึงการกระทำของไอ้เหี้ยนั่น ถ้าพูดขนาดนั้นแล้วยังคิดจะไปหามันอีกผมคงต้องใช้กำลังลากพี่มันออกไปอยู่ดี
แต่พี่กัสเหมือนกำลังสับสนกับตัวเองอยู่ผมเลยใช้โอกาศนั้นเป่าหูพี่มันและพาเดินออกไปหาที่นั่งที่ไหนสักแห่งในมอ
พี่กัสฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีที่นั่งลง
ผมก็ปล่อยให้พี่มันได้อยู่เงียบๆคนเดียวและเลือกที่จะนั่งเป็นเพื่อนโดยไม่ส่งเสียงใดออกมาให้คนข้างๆรำคาญ
ถึงจะอยากดึงร่างที่มุดหน้าลงกับโต๊ะมากอดแทนก็เถอะ
ผ่านไปหลายชั่วโมงที่ผมนั่งเฝ้าพี่กัสโดยที่ตัวเองไม่นึกเบื่อหรือรำคาญเลยสักนิด
ทั้งที่กับคนอื่นถ้าทำให้ผมรอแค่ห้านาทีผมก็เผ่นแนบแล้ว
เป็นครั้งแรกที่ผมรอใครนานๆแบบนี้
พอพี่มันเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมก็ตกใจนิดหน่อยที่ผมยังอยู่
เราคุยกันแปบนึงก่อนที่พี่มันจะลุกขึ้นเตรียมเดินกลับบ้าน
แต่ผมกลับดึงให้มันเข้ามานั่งที่เดิมแล้วเอาหน้าเข้าไปใกล้
ใจจริงอยากจะกดปลายจมูกลงบนแก้มนั่นมากว่า
แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้รุกมากเดี๋ยวกระต่ายตื่น ผมเลยบอกความรู้สึกของตัวเองให้พี่มันฟังแทน
ส่วนคำตอบก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้นั่นแหละครับ ผมเลยไม่ได้เสียใจอะไร
แต่ที่ทำผมตกใจคือพี่มันดันบอกผมว่ามันเป็นผู้ชายไม่ใช่เกย์
และดูเหมือนไอ้เอซอะไรนั่นจะเป็นผู้ชายคนแรกที่พี่มันรักและคบด้วย
จากที่คิดว่าการจีบผู้ชายคนนี้ต้องยากมากแน่ๆ กลับยากเข้าไปอีกเมื่อมีคนมาทำลายความรู้สึกและความเชื่อใจของพี่มันไปแล้วรอบนึง
แล้วแบบนี้พี่กัสจะกล้าเปิดใจให้ผมหรอครับ คงจะเข็ดกับผู้ชายไปอีกนาน
แต่ผมก็ดีใจนะที่พี่กัสไม่ใช่เกย์เพราะผมคิดว่าเกย์ต้องผ่านผู้ชายมามากพอสมควรยิ่งหน้าพี่มันหวานหยดแบบนี้ด้วยแล้วคงมีคนมาจีบไม่น้อยครับ
มันเลยทำให้ผมสบายใจเรื่องที่พี่กัสจะคิดนอกใจผมไปเอาผู้ชายอื่นหรือเปล่า
หรือพี่มันจะผ่านผู้ชายมากี่คนกว่าจะมาถึงผม ผมหายห่วงเลย
แต่ก็ลำบากตรงมานั่งจีบนี่แหละครับ
ซึ่งผมจะต้องเดินหน้าให้เร็วเลยเผื่อมีคนอื่นคิดจะมาแย่งผม พี่มันยิ่งฮอตๆอยู่ด้วย
“ไอ้กัน!! มึงเล่ามาเลยว่าเมื่อวานเกิดไรขึ้น”
ผมหยุดคิดเรื่องเมื่อวานแล้วหันมาสนใจเพื่อนที่กำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากผม
ซึ่งผมบ่ายเบี่ยงมันมาตลอดช่วงเช้า พอเที่ยงพวกมันก็เริ่มตั้งคำถามผมใหม่และคนที่เปิดบทเรื่องเลยคือไอ้ดีอ้อนครับ
“ก็ตามที่เห็น” ผมตอบคำถามพวกมันกำกวมจนคนอื่นต้องส่งสายตามาคาดคั้นเอาคำตอบกับผม
“มึงจะบอกพวกกูดีๆ
หรือจะให้พวกกูไปหาคำตอบกันเอาเองวะ”
ไอ้โน่มันขู่ผมเลยครับ ซึ่งผมคงต้องเล่าเพราะผมรู้ว่ามันคงหาได้จริงตามที่มันพูด
และอาจจะหามาซะระเอียดยิบเลยก็ได้ครับ เพราะฉะนั้นขอเล่าเองดีกว่า
“ถ้ากูบอกว่ากูชอบพี่กัส
พวกมึงจะว่าไงวะ” ผมรู้ว่าพวกมันไม่ค่อยยอมรับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่
ผมเลยต้องถามพวกมัน อยากรู้ว่าถ้าผมชอบผู้ชายพวกมันจะรับผมได้หรือเปล่า
“ว่าไงนะ!!” พวกมันตอบเป็นเสียงเดียวกันเลย
แถมไอ้ดีอ้อนที่นั่งข้างผมเมื่อกี้ก็ลุกขึ้นย้ายไปนั่งกับคนอื่นๆอีกฝั่งแล้ว
ถ้ามันจะแสดงออกขนาดนี้ผมก็ไม่มีไรจะพูดหรอกครับ
“มึงเนี่ยนะไอ้กัน! มึงชอบผู้ชาย อำกูป่าววะ!” ถึงไอ้อลันจะถามมาแบบนั้นแต่พอพวกมันเห็นสีหน้าผมที่ไม่ได้มีความล้อเล่นอยู่ในนั้นพวกมันก็เริ่มเงียบครับ
“มึงเป็นเกย์หรอวะไอ้กัน” ไอ้ซีโน่ที่ดูจะโอเคกับเรื่องแบบนี้ที่สุดในกลุ่มเริ่มเปิดปากถามผมก่อนคนแรก
“กูแค่ชอบพี่กัส
ถ้าเป็นคนอื่นกูก็ไม่เอาว่ะ แบบนี้มันเรียกว่าเกย์หรือเปล่าวะ” ผมไม่รู้ว่าคนแบบผมเขานิยามผมเป็นแบบไหน
“ไม่แน่นี่หว่า
มึงอาจจะชอบผู้ชายคนอื่นด้วยก็ได้ แค่มึงไม่รู้ตัว...ไหนมึงรองคิดว่าตัวเองนอนกับผู้ชายคนอื่นดี๊”
ไอ้ซีโน่กำลังทดสอบผมว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าซึ่งผมก็ทำตามที่มันบอกเพราะผมก็อยากรู้เหมือนกัน
ลองจินตนาการว่าตัวเองกำลังนัวเนียกับผู้ชายคนอื่น เชี่ยยยยย!!
“เหี้ย!!” ผมทำท่าขนลุกขนพองสยองเกล้าเลยครับ
ทำไม่ได้ว่ะ พอคิดว่าเป็นคนอื่นผมก็จะอวกออกมาเลย รับไม่ได้โว้ยยยยยยย!!
“เป็นไงวะ สยองเลยดิมึง”
“เออดิสัส สงสัยจะได้แค่คนเดียว”
“งั้นมึงลองคิดว่าตัวเองมีอะไรกับพี่หน้าสวยนั่น
ความรู้สึกมันจะแตกต่างจากเมื่อกี้รึเปล่า”
“แตกต่างดิ ก็กูเคยสัมผัสพี่มันแล้ว”
ผมเผลอพูดเรื่องเมื่อตอนนั้นออกไปจนได้ครับ
พอพวกมันได้ยินก็อึ้งกันเป็นแถบ
“หมายความว่าไง มึงได้พี่เค้าแล้วเหรอวะไอ้กัน”
ไอ้อลันมันโพล่งออกมาเสียงดังมากจนผมต้องเอื้อมมือไปตบหัวมันบอกให้มันลดเสียงลงหน่อยเดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิด
“มึงไปได้พี่เค้าตอนไหนทำไมพวกกูไม่เห็นรู้เรื่อง?”
ไอ้ดีอ้อนก็เอากับเค้าครับ แต่ดีที่มันไม่ได้เสียงดังเหมือนไอ้อลัล
“มึงจำคนที่กูช่วยไว้ในผับพี่ซีน่อนเมื่อสองเดือนก่อนได้มั้ยวะ”
“คนที่โดนวางยาแล้วมึงพากลับบ้านน่ะหรอ”
ไอ้ดีอ้อนถามผมเหมือนจะจับใจความของเรื่องไม่ได้ซึ่งแตกต่างจากไอ้สองตัวที่นั่งข้างมันที่พอผมเกริ่นขึ้นมาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้และเริ่มประติดประต่อเรื่องราวเอาเอง
“อย่าบอกนะว่าคนที่มึงช่วยไว้คือพี่กัสน่ะ”
ไอ้โน่ที่ดูจะฉลาดกว่าไอ้สองตัวนั่นเอ่ยถามผม
ซึ่งผมก็พยักหน้าแทนคำตอบ พวกมันก็อึ้งกันไปอีกรอบครับ
“งั้นมึงก็ได้พี่เค้าแล้วจริงๆดิ...อ้อๆ
มึงได้พี่เค้าแล้วเกิดติดใจลีลาบนเตียงของพี่เขาเลยอยากได้อีก” ผมคว้าช้อนที่วางอยู่ในจานของตัวเองขึ้นมาเลียเศษข้าวออกแล้วเอามันไปเคาะหัวไอ้อลันที่คิดอะไรได้ทุเรศมากครับ
จนมันอี๋ออกมาด้วยความรังเกียจ
“ไม่ใช่โว้ย
กูยังไม่ได้ทำไรพี่เค้าทั้งนั้นแหละ เลิกคิดไปได้เลย”
“แต่พี่กัสถูกวางยาเลยนะ
จะไม่มีอะไรกันได้ไง เป็นไปไม่ได้!”
ไอ้โน่ผู้เชียวชาญเรื่องพวกนี้สันนิษฐานไปไกลเลยครับ
“แค่ยาสลบธรรมดา ไม่ใช่ยาปลุกอารมณ์อย่างที่มึงบอกหรอก”
ที่โกหกเพราะอยากข้ามเรื่องที่ผมกับพี่มันเกือบมีอะไรกันแต่พี่มันไม่ยอมและเข้าไปช่วยตัวเองในห้องน้ำนั่นไปครับ
ให้พวกมันเข้าใจแบบนี้น่าจะดีกว่า
“แล้วไป...ว่าแต่มึงอ่ะ
ชอบพี่เค้าตอนไหนวะ สองเดือนที่ผ่านมากูก็เห็นมึงควงผู้หญิงเป็นว่าเล่นนี่หว่า”
ก็ผมคิดว่าคงไม่ได้เจอพี่มันอีก ที่ควงผู้หญิงไปมั่วแบบนั้นก็แค่ไม่อยากคิดถึงมันและหาคนมาแทนที่มันครับแต่ก็ทำไม่ได้
ไม่มีใครแทนคนๆนี้ได้เลย
“เลิกเซ้าซี้เรื่องพี่กัสได้แล้ว
แค่รู้ว่ากูเลือกคนนี้ก็พอ เอาเรื่องพวกมึงดีกว่า รู้แบบนี้แล้วจะเลิกคบกูมั้ย”
“ถ้ากูบอกให้มึงเลือกระหว่างพวกกูกับพี่กัส มึงจะเลือกใครวะ” ของมันแน่อยู่แล้วครับ
50%
“กูเลือกพี่กัส” ผมตอบแบบไม่คิดเลยสักนิด จะให้ผมปล่อยพี่กัสไปตอนนี้ผมทำไม่ได้
แต่จะให้ปล่อยเพื่อนไปผมก็ลำบากเหมือนกัน
ผมชั่งน้ำหนักมาแล้วว่าอันไหนผมทำได้มากที่สุดซึ่งผมขอเลือกพี่กัสไว้เพราะผมปล่อยพี่เค้าไปไม่ได้จริงๆ
“สัดกัน ตอบแบบไม่คิดเลยนะมึง”
“มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไงไอ้โน่ ”
ถ้าพวกมันจะเลิกคบเพราะผมดันชอบผู้ชายผมก็จะคิดว่าพวกมันไม่ใช่เพื่อนผมเหมือนกัน
เพราะเพื่อนกันเค้าไม่ตัดเพื่อนด้วยเรื่องขี้ปะติ๋วนี่หรอกครับ
“มึงก็ไม่น่าถามมันเลยไอ้โน่
คนอย่างไอ้กันหรอจะเลือกพวกเรา มึงรอให้โลกแตกก่อนเถอะ” ไอ้ดีอ้อนที่รู้จักผมดีที่สุดเพราะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กย่อมรู้นิสัยและความคิดผมดี
“แล้วสรุปเอาไง
ยังจะให้กูเลือกอีกปะวะ” คราวนี้ผมขอความจริงครับไม่มีการล้อเล่น
พวกมันคงอ่านสายตาผมออกเลยไม่มีใครกล้าเล่นและตอบผม
“ถ้าพวกกูจะเลิกคบมึงด้วยเรื่องแค่นี้ก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้วเว้ย
ถึงพวกกูจะไม่ได้โอเคกับเรื่องแบบนี้แต่ยังไงมึงก็เพื่อนกูนะ กูรับได้อยู่แล้ว” ถือว่าพูดได้ดีนะไอ้ดีอ้อน
ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนกันมานาน
“กูยังไงก็ได้ เพราะกูไม่ได้อะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
เพื่อนกูจะเป็นเกย์เป็นตุ๊ดเป็นกระเทยกูก็โอเค” เยอะไปละสัสโน่แค่เกย์พอ
ตุ๊ดกระเทยนี่เกินไปครับ
“กูก็โอเค
แค่ขอเวลาทำใจก่อนนะเพื่อน” ไอ้อลันที่ดูจะไม่โอเคกับเรื่องนี้ที่สุดพูดขึ้นมา
ทำให้คนอื่นๆต้องหันไปมองมันตาขวาง
“แค่นี้มึงรับเพื่อนไม่ได้หรอวะไอ้ลัน”
ไอ้โน่ขึ้นเสียงใส่ไอ้อลัน แต่ผมไม่ได้ใส่ใจพวกมันหรอก จะตีกันก็เรื่องของพวกมันเถอะครับ
“ไม่ใช่
กูแค่ยังไม่ชินที่อยู่ดีๆไอ้กันมันก็มาบอกว่าชอบผู้ชาย กูยังตกใจอยู่นี่หว่า”
“มึงไม่ต้องเลยไอ้ลัน
ถ้ามึงจะตัดเพื่อนด้วยเรื่องแค่นี้ พวกกูนี่แหละจะตัดมึง”
แล้วพวกมันก็เริ่มเถียงกัน
ผมก็เข้าใจไอ้ลันมันนะครับมันคงจะตั้งตัวไม่ทันกับเรื่องแบบนี้ ขนาดผมเป็นคนคนบอกยังรับตัวเองไม่ได้เลย
ต้องเข้าใจนะครับวาผมเป็นผู้ชายแล้วอยู่ดีก็ดันชอบผู้ชายด้วยกันมันเลยยังปรับตัวไม่ทัน
ผมล่ะสายตาจากพวกเพื่อนไปที่หน้าตึกคณะก่อนจะเห็นร่างของใครบางคนเดินผ่านหน้าผมไป
ผมเลยไม่รอช้าที่จะตามร่างนั้นออกไปเมื่อรู้ว่าคนที่เดินผ่านเป็นพี่กัส
ต้องรีบไปให้พี่มันเห็นหน้าหน่อยเดี๋ยวจะลืมผมไปอีกรอบ
หัวสมองพี่มันยิ่งปลาทองอยู่ด้วย
“เดี๋ยวกูมานะ” สั่งพวกมันเสร็จก็รีบลุกตามพี่กัสไปเลยครับเดี๋ยวคลาดสายตา
“อ่าวไอ้กัน มึงจะรีบไปไหนวะ”
ผมไม่ได้ตอบไอ้ดีอ้อนกลับแค่ยู่ปากไปทางที่พี่กัสมันเดินไป
พอพวกมันเห็นก็ทำหน้าล้อเลียนผมและยอมปล่อยผมไปแต่โดยดี
ผมรีบเร่งฝีเท้าตามพี่มันมาจนทัน เพราะพี่มันหยุดอยู่กับที่ ไม่รู้ว่ามันหยุดทำไมแต่นั่นก็ทำให้ผมย่องเข้าข้างหลังพี่มันแล้วสะกิดไหล่มันพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ให้พอดีกับหน้าพี่มัน พอพี่กัสหันมาจมูกเราก็ชนกันเป๊ะ
“เฮ่ย!” พี่กัสผงะไปทันทีที่หันหน้ามาแล้วเห็นหน้าผมอยู่ใกล้ขนาดนี้
ดูตกใจไม่น้อยครับ
“((^=^))”
“เล่นไรของนายเนี่ย เราตกใจหมด”
พี่กัสขยับแว่นนิดหน่อยก่อนจะเบือนหน้าหนีผม
ทำเหมือนไม่อยากเจอหน้ากันยังงั้นแหละ เสียใจว่ะ
ทั้งๆที่ผมเอาแต่คิดถึงหน้าพี่มันแท้ๆ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ได้มาครอบครอง ฮ่าาาๆๆ (น่าจะเอาผมไปโรงบาลนะผมว่า)
“ไม่ชอบที่ผมเอาหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้หรอ”
ผมโคตรมั่นใจในหน้าตัวเองมากอ่ะ
ไปเอาความมั่นใจผิดๆแบบนั้นมาจากไหนก็ไม่รู้
“เราไม่ชอบ อย่าทำอีกนะ” คำตอบพี่มันก็บั่นทอนใจผมมาก ไม่มีความลังเลที่จะตอบเลย ท่าจะไม่ชอบจริงๆ
“พี่จะไปไหนรึเปล่าครับ ให้ผมไปส่งไหม”
เพราะทางที่พี่มันเดินไปคือหน้ามหาลัยผมเลยถามครับ
แต่พี่กัสกลับไม่สนใจผมเอาแต่มองโทรศัพท์ในมืออยู่ได้ มันน่าสนใจกว่าผมที่อยู่ตรงน้าเลยหรอวะ
เอาแต่มองอยู่ได้
ด้วยความอยากรู้ทำให้ผมต้องเสียมารยาทชะโงกหน้าไปมองโทรศัพท์ที่พี่มันถือไว้
เห็นแวบๆว่ามีคนโทรมาแต่พี่มันกลับไม่ยอมรับ เหมือนลังเลอยู่ว่าจะรับดีหรือเปล่า
ถ้าปฏิกิริยาพี่มันเป็นแบบนี้คนที่โทรมาคงเป็นไอ้เหี้ยเอซอะไรนั่นแน่นอน
นี่มันยังไม่เลิกตามง้อพี่กัสอีกหรอวะจะหน้าด้านหน้าทนเกินไปแล้วนะไอ้เหี้ย!
ผมเริ่มหงุดหงิดที่คนตรงหน้าไม่สนใจผมแถมยังเอาแต่จ้องเบอร์แฟนเก่านั่นอยู่ได้
เลยต้องขอเสียมารยาทอีกรอบคว้าโทรศัพท์พี่มันขึ้นมาดูว่าใช่อย่างที่ผมคิดหรือเปล่า
และก็เป็นไปตามที่ผมคิดเป๊ะ ชื่อที่ปรากฏเด่นหลาอยู่บนหน้าจออ่านยังไงก็เป็นเอซชัดๆ
ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ
“จะทำอะไร เอาโทรศัพท์คืนเรามานะ!”
พอคนตรงหน้าตะคอกใส่ผมก็ยิ่งโมโหเลยครับ
มือก็เลื่อนหน้าจอรับสายมันโดยที่สมองไม่ได้ไตร่ตรองเลยว่าคนตรงหน้าจะโกรธผมรึเปล่า
“เลิกโทรมาได้แล้ว
มึงไม่รู้หรอว่าพี่เค้ารำคาญมึงน่ะ” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างหงุดหงิดแล้วตัดสายมันทิ้งโดยที่ไม่ให้มันได้ตอบผมกลับมาสักคำ
“มากไปแล้วนะ
นั่นมันเรื่องของเราคนนอกอย่างนายอย่ามาเสือกได้มั้ยวะ” หัวใจรู้สึกเจ็บจี๊ดเมื่อคนตรงหน้าพ่นประโยคนั้นออกมา
ว่าผมเสือกทั้งที่ผมนั่งห่วงมันจะเป็นจะตาย
“จะว่าผมเสือกเรื่องพี่ก็ได้
แต่ผมแค่อยากจะช่วยไม่ให้พี่กลับไปเจ็บกับมันอีก”
“เราขอนายให้มาช่วยเราหรอ
เลิกยุ่งกับเราสักที” นี่ถ้าพี่มันไม่ใช่คนที่ผมตามจีบอยู่ตอนนี้
ผมเตะปากมันไปนานล่ะ ปากดีชิบหาย
“ไม่ได้ขอ ก็แค่อยากช่วยคนที่ผมชอบ”
“...” พี่มันนิ่งไปทันทีที่ผมบอกว่าชอบ
คงไม่คิดว่าผมจะพูดอะไรแบบนี้มั้งครับ
“ถ้าพี่ไม่ใช่คนที่ผมเลือกผมคงปล่อยพี่ไปตามทางของพี่แล้ว ไม่มานั่งห่วงแบบนี้หรอก”
ด้วยความโมโหทำให้ผมเผลอใส่เสียงดุคนตรงหน้านิดหน่อย แต่เหมือนพี่กัสจะไม่รู้ตัว
ผมเลิกสนใจพี่กัสที่ยืนทำหน้าไม่ถูกแล้วหันมาสนใจกับโทรศัพท์ในมือที่เอาแต่สั่นไม่เลิก
คนที่โทรมาก็ทำให้ผมของขึ้นได้อีกจะโทรมาอะไรนักหนาวะ ปิดเครื่องแม่ง
“เราบอกนายแล้วนะว่าให้เลิกชอบเรา
ยังไงเราก็ไม่ชอบนายหรอก เพราะเราไม่ใช่เกย์”
“รู้แล้วๆ ย้ำอยู่นั่นแหละ! จะเลิกไม่เลิกก็เรื่องของผมสิ พี่แค่อยู่ของพี่ไปเหมือนเดิมก็พอ” อุตส่าห์ว่าจะแค่มาทักทายเล่น แต่กลายเป็นว่าทะเลาะกันซะงั้น
ยังไม่ทันเริ่มก็เอาแล้วสิครับ
“เราจะไปแล้ว คืนโทรศัพท์มาให้เราด้วย”
คนตรงหน้าแบมือขอโทรศัพท์คืนจากผม
พึ่งนึกได้ว่าผมควรจะถือโอกาศนี้เมมเบอร์พี่มันไว้เลย
แต่ดันโง่ปิดเครื่องไปแล้วนี่สิครับ
“จะไปไหน” ผมถามพี่กัสอีกรอบ
อย่าคิดว่าผมจะให้ง่ายๆเลยเพราะมันยังมีประโยชน์กับผมอยู่
“ทำไมเราต้องบอก”
“งั้นก็ไม่ต้องเอาโทรศัพท์”
“นั่นมันของเรานะ!”
พี่กันขึ้นเสียงใส่ผมอย่างไม่ชอบใจแถมชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด
เห็นแล้วมันน่านัก(น่าจับไปขย้ำแถวนี้จริง)
“ว่าไงจะบอกดีๆมั้ย” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่กัสเพื่อแกล้งเล่น พี่มันก็ไวพอที่จะก้าวเท้าหนีผมไปหนึ่งก้าว
“เราจะออกไปข้างนอก
เอาคืนมาได้แล้ว”
“นอกไหน ผมไปด้วย” ผมขอไปด้วยแบบหน้าด้านๆเลยครับ และคำตอบก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่คิดเท่าไหร่
“ไม่!
คืนโทรศัพท์เรามาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือนนะ” พี่มันคงจะต่อยผมสักหมัดสองหมัดแล้วแย่งโทรศัพท์คืนไป
รู้แบบนั้นผมก็ยังไม่คืนอยู่ดี
“จะหวงไรนักหนาแค่ขอไปด้วย”
“เราจะกลับคอนโดจะตามไปมั้ยล่ะ”
“ไป” ถ้าพี่มันให้ไปผมก็จะไปครับ
แต่ดูหน้าแล้วคงยาก
“บ้าป่ะวะ
กลับห้องแล้วยังจะตามไปอีก” อืมบ้า บ้าชอบคนอย่างมันเนี่ยแหละครับ
ฮิ้วววว~ เล่นเองแม่ง
“ถ้าพี่ไม่ได้ไปไหนงั้นไปที่ๆนึงเป็นเพื่อนผมหน่อยดิ”
“ที่ไหน?”
“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ” ผมก็ยังไม่รู้เลย
แค่อยากอยู่กับพี่มันนานๆเลยหาข้ออ้างไปก่อนสถานที่ยังไม่ได้คิด
“ไปไหนก็ไม่ไปทั้งนั้นแหละ”
บทจะดื้อก็ดื้อเหลือเกินนะพ่อคุณ
“ตามใจ แต่โทรศัพท์ผมไม่คืนนะ”
พี่กัสมองโทรสัพท์ในมือผม ชั่งใจอยู่ครู่นึงก่อนจะตัดสินใจยอมผมครับ
“เออ!” สุดท้ายก็ยอบผมแต่โดยดี
แถมยังทำหน้ายู่เหมือนแมวที่โดนขัดใจอีก
เห็นแล้วก็อยากจะเอามือไปหยิกแก้มมันเหลือเกิน น่าร๊ากกกกกก
ผมพาพี่มันมาที่รถผมแล้วขับออกไป ระหว่างทางก็เอาแต่ยิ้มตลอดทางเหมือนคนบ้า
จะไม่ให้ผมยิ้มได้ไงก็พี่กัสอุดส่ายอมมากับผมเลยนะ คงจะหวงโทรศัพท์น่าดูเลย
ชักอยากรู้แล้วซิว่าในนั้นมีไรรึเปล่าถึงได้ต้องการขนาดนั้น
หรือเพราะไอ้แฟนเก่าโทรมาเลยอยากได้โทรศัพท์คุยกับมันวะ คิดมาถึงตรงนี้ร้อยยิ้มก็เริ่มหุบลงความหงุดหงิดก็เข้ามาแทนซะงั้น
อุตส่าห์ได้ออกมากับพี่กัสทั้งทีต้องอารมณ์ดีเข้าไว้สิวะ!
ผมเลี้ยวรถเข้าห้างที่เจอเป็นที่แรกเลยครับ
เพราะสถานที่ไม่ได้คิดไว้
แต่ห้างน่าจะมีข้ออ้างมากกว่าที่ไหนๆและดูเข้าท่ากว่าที่อื่น
พอพี่กัสเห็นผมเลี้ยวรถเข้ามาก็ถามเลย
“มาทำอะไรที่นี่” กะไม่ให้เตรียมตัวเตรียมใจเลยสินะ
“ผมทำโทรศัพท์หายเลยกะว่าจะมาซื้อใหม่”
พอดีเมื่อกี้หันไปเห็นโทรศัพท์เลยคิดได้แค่นี้แหละครับแต่ความจริงแค่โกหก
โทรศัพท์ผมก็ยังอยู่ในกระเป๋านี่แหละไม่ได้หายไปไหน
“แค่โทรศัพท์ทำไมต้องลากเรามาด้วย”
พี่มันบ่นอุบอิบใส่ผมก่อนจะเดินลงรถไปไม่รอผมเลย
ผมต้องรีบวิ่งตามพี่มันไป แต่ดันเห็นรถที่ขับมาทางนี้และกำลังจะชนพี่กัสเข้าพอดีเลยคว้าตัวพี่มันไว้ให้รถผ่านไปก่อน
“หัดดูทางข้างหน้าบ้างสิวะ! รถจะชนตายแล้วเห็นมั้ย!” ผมตะคอกใส่พี่มันอย่างลืมตัว
ก็คนมันเป็นห่วงนี่ครับเลยเผลอขึ้นเสียงใส่
“ขอบใจที่ช่วย
แต่อย่ามาขึ้นเสียงใส่เราได้มั้ย เราไม่ชอบ” พี่กัสบอกผมเสียงนิ่งทำให้ผมรู้สึกตัวว่าตัวเองทำเกินไป
“ขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่พี่แล้วกัน”
ผมปล่อยมือออกจากแขนเล็กๆของพี่กัสแล้วเดินนำพี่มันไป
ขืนให้นำเดี๋ยวได้เดินไปให้รถชนเล่นอีกอ่ะ
ผมพาพี่กัสเข้าช็อปแอปเปิ้ลแล้วทำเป็นเลือกโทรศัพท์ไป
พี่มันก็มองนู่นมองนี่ไปในร้านไม่สนใจผมเลยครับ
ผมละสายตาจากพี่มันมาที่ตู้โทรศัพท์ข้างหน้าต่อมองไปเลื่อยๆจนถึงตู้เคส
ผมว่าจะล่ะสายตากลับมาแล้ว ถ้าดันไม่ไปเห็นเคสคู่กันซะก่อน
ผมจำได้ว่ามันเป็นรุ่นเดียวกับโทรศัพท์ของพี่กัสเลย
“พี่ผมขอดูเคสคู่นี้หน่อยครับ”
ผมสั่งพนักงานที่มาบริการผม
ระหว่างที่พี่พนักงานหยิบเคสตัวนั้นออกมาผมก็เหลือบสายตาไปมองคนที่พามาด้วย
เห็นพี่มันกำลังจับไอแพดขึ้นเล่นอย่างสนใจ คงไม่มาสนใจผมตอนนี้หรอกครับ
พอเห็นว่าพี่กัสกำลังสนใจอย่างอื่นอยู่เลยหันกลับมามองเคสที่พี่พนักงานหยิบออกมาวางให้ผมดู
มันเป็นเคสเรียบสีขาวกับสีดำที่ข้างๆติดเพชรเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวทั้งสองอันถ้าเอาเคสทั้งสองมาต่อกันจะกลายเป็นพระจันทร์เต็มดวงครับสวยมากและดูไม่หวานแถมยังไม่เหมือนเคสคู่ด้วย
“ผมเอาสองอันนี้ครับ
เอาโทรศัพท์รุ่นนี้สีดำด้วย เคสสีดำห่อให้ด้วยนะครับ” ผมสั่งพี่พนักงานเสร็จก็เดินไปหาพี่กัสที่ยังดูไอแพดไม่เลิกครับ
“อยากได้หรอ ผมซื้อให้เอาป่ะ” ผมเอาหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆหูพี่กัสให้มันตกใจเล่น
“ทำไมชอบเอาหน้ามาใกล้วะ เราไม่ชอบ”
ก็รู้ว่าพี่มันไม่ชอบแต่ผมชอบนี่หว่า ดูเหมือนจะโกรธผมจริงๆด้วยครับ
เมื่อตอนบ่ายผมก็แกล้งแบบนี้ไม่ยักจะโกรธวะ
อ้อ...สงสัยไม่ชอบให้ผมทำในที่สาธารณะครับ
เห็นเอาแต่มองซ้ายมองขวาเหมือนดูว่ามีคนเห็นรึเปล่า น่ารักจักวะ
“ขอโทษ
ทีหลังจะไม่ทำในที่ๆมีคนเยอะๆครับ”
“จะที่ไหนเราก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ
แล้วธุระนายล่ะเสร็จแล้วรึไงถึงได้มายืนกวนประสาทเราแบบนี้”
ปากคอพี่แกนี่เราะร้ายมากครับ แต่ผมไม่ถือสาหรอก
“อื้ม
ออกจากนี่แล้วไปหาไรกินกันนะผมหิว ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย” ผมตอบก่อนจะชวนพี่มันไปกินข้าวครับ แต่โกหกล้วนๆ ผมกินมากับพวกไอ้โน่แล้ว
แค่หาข้ออ้างไปงั้นแหละ ไหนๆก็ได้ออกมากับพี่กัสแล้วเลยอยากอยู่ด้วยนานๆหน่อย
“ตอนบ่ายไม่มีเรียนรึไง” ก็มีแหละแต่ก็ไม่ได้สำคัญกับผมเท่าไหร่ คนตรงหน้าสำคัญกว่าเยอะเลย
“ไม่มี”
“แต่เรามี”
“โกหก
เมื่อกี้พี่ยังจะกลับคอนโดอยู่เลย แสดงว่าตอนบ่ายไม่มีเรียน
ฉะนั้นไปหาไรกินกันนะครับ” ผมทำหน้าอ้อนๆส่งไปให้ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลมั้ย
เพราะผมไม่เคยอ้อนใครเลยไม่รู้ว่าหน้าตัวเองเวลาอ้อนจะออกมาในแบบไหน
“เลิกทำหน้าแบบนั้นเลย
มันน่ากลัวว่ะ” พี่กัสทำหน้าอึ้งเมื่อผมส่งสายตาไปอ้อน
มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอวะ ชักอายว่ะ
“งั้นพี่ก็ไปกินกับผมดิ”
“นายหมายถึงไปกินข้าวรึเปล่า?” พี่มันถามเมื่อเห็นประโยคที่ผมพูดมันดูผิดเพี้ยนไปหน่อย แต่แหม
จะฉลาดเกินไปมั้ยวะ อุตส่าห์ทำเป็นเนียน
“ก็ต้องกินข้าวอยู่แล้ว
พี่คิดไปถึงไหนเนี่ย” ได้ทีผมก็แซวพี่กัสเล่นเลยครับ
พี่มันเริ่มทำหน้าโมโหใส่ผม ผมเลยต้องหนุดแซวแล้วส่งหน้าไปอ้อนมันอีกครั้ง
“เออๆ หยุดทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว”
เยส
พี่มันยอมไปกินข้าวกับผมแล้วถือว่าวันนี้ประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งเลยครับ
นี่ขนาดไม่ได้วางแผนมาให้เป็นแบบนี้นะเนี่ย แต่เดี๋ยวๆ
“พี่จำชื่อผมได้ป่ะเนี่ย!!”
สงสัยมาตั้งนานแล้วเห็นแต่เรียกผมนายๆ ไม่เคยเรียกชื่อผมเลย ลืมชัวร์
“จำได้ดิ ทำไมเราจะจำไม่ได้”
หลบสายตาแบบนี้จำไม่ได้ชัวร์
“ผมชื่ออะไร” เหมือนคนที่เพิ่งแนะนำตัวกันเลยครับ ช่างดูไม่สนิทกันเอาซะเลย
“นายชื่อ...” มันเว้นช่วงคิดอยู่แปบนึงก่อนที่จะอ้าปากตอบผม
“ของที่สั่งได้แล้วค่ะ”แต่ดันถูกขัดด้วยเสียงพนักงานที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนแล้วยื่นถุงโทรศัพท์มาให้
ผมเลยเอื้อมมือไปรับ พอหันกลับมาอีกทีเห็นพี่กัสเดินลิ่วไปนู่นแล้วครับ หนีจนได้
จ่ายเงินเสร็จผมก็รีบตามพี่มันไปทันที
พอตามทันเลยคว้ามือบางไว้ให้รอผม เดินเร็วชิบหายเล่นเอาผมต้องวิ่งตามจนเหนื่อยเลยเนี่ย
“จะรีบไปไหน รอผมด้วยสิครับ”
“ก็เห็นบ่นหิวเลยจะไปหาร้านรอไง”
แถไปเรื่อยเลยคนๆนี้ เฮ้ออออ!!
“อ่ะ ผมซื้อให้” ผมยื่นถุงเคสสีขาวที่ไม่ได้ห่ออะไรส่งไปให้คนตรงหน้า
พี่มันทำหน้างงก่อนจะถามผมขึ้นมา
“ซื้อให้เราทำไม?” แค่อยากให้ไม่ได้รึไงวะ
“ซื้อขอบคุณที่มาเป็นเพื่อน”
แถกว่าก็ผมนี่แหละครับ สีข้างถลอกหมดแล้วเนี่ย
“ไม่เป็นไร เราแค่ถูกบังคับมา”
โคตรไม่รักษาน้ำใจกันเลย
ไม่รับแล้วยังมาบอกอีกว่าผมไปบังคับเค้ามาถึงมันจะจริงก็เถอะ
“ผมซื้อมาแล้วจะให้เอาไปโยนทิ้งมั้ยล่ะ”
ประชดสุดๆครับ รู้ว่าคนตรงหน้าขี้ใจอ่อนไงเลยประชดไปแบบนั้น
“เออๆ รับไว้ก็ได้
ทีหลังไม่ต้องซื้ออะไรให้เรานะ เราไม่อยากได้”
สั่งดักหน้าผมเลยครับแต่แค่นี้ก็เกินพอแล้วเคสคู่อันแรกของเราสองคน
ฟังดูเลี่ยนเนอะ แต่ผมก็ยังชอบอ่ะ
ถ้าพี่มันรู้ว่าผมซื้อเคสคู่กับมันให้มีหวังหักของผมทิ้งแหงๆ
เพราะฉะนั้นอย่าให้มันรู้เชียว
“ครับๆ แค่อันเดียวนี่แหละ
ใส่แล้วเอามาให้ผมดูด้วยนะ อยากรู้ว่ามันสวยมั้ย” พี่กัสส่ายหน้าให้กับความคิดเด็กๆของผมก่อนจะเดินนำผมไป
ถ้าเอามาเทียบกับของผมมันต้องสวยมากแน่ๆเลย ว่ามั้ย
100%
#รุ่นพี่เด็ด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้สอบไรท์อาจจะไม่ค่อยได้ลงนะคะ ขออ่านหนังสือสอบก่อนเน้อออออ^^
ความคิดเห็น