ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสัวสองหน้า

    ลำดับตอนที่ #7 : นกคืนรัง

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 56


    เจ้าสัวสองหน้า

    ตอนที่ ๗ นกคืนรัง

     

                    ณ คฤหาสน์หรูหราของตระกูล ชัยพาณิชยการกุล ซึ่งมีเนื้อที่กว่ายี่สิบไร่ ประกอบไปด้วยคฤหาสน์หลังใหญ่

    หนึ่งหลัง  และบ้านขนาดใหญ่อีกสองหลัง  ถูกตกแต่งในแบบลากูน  ปลูกต้นไม้แบบสวนป่าเมืองร้อน ขณะนี้ผู้คนใน

    คฤหาสน์ กำลังตื่นเต้นดีใจกับการกลับมาของคุณหนูใหญ่  คนรับใช้ในอาคารเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนส่วนตัว

    ของรังสฤษฏิ์  ส่วนในครัวกำลังประกอบอาหารมื้อใหญ่กันอย่างสุดฝีมือ

                    ภายในคฤหาสน์คนรับใช้กำลังเปลี่ยนช่อดอกไม้สดตามมุมต่างๆ ของอาคาร มี “พุดกรอง” คนเก่าคนแก่ซึ่งเคย

    เป็นพี่เลี้ยงให้รังสฤษฏิ์และสิริมา คอยยืนกำกับดูแลความเรียบร้อยอยู่ไม่ห่าง

                    “นมพุด”

                    เสียงใสๆ ทักมาจากด้านหลัง หญิงชราวัยเจ็ดสิบห้ารีบหันไป

                    “คุณหนูเล็ก”

                    “แหมนมพุดออกมาบัญชาการเองเลยนะ” สิริมาโผกอดหญิงชราทางด้านหลัง “คิดถึงพี่หริดน่ะสิ เลยต้องลุกขึ้น

    มาดูแลเอง”

                    หญิงชรายิ้มเยือน “คุณหนูเล็กคะ คุณหริดจะมาถึงกี่โมงกันคะ”

                    “พี่รุจาโทรมาว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว  ตื่นเต้นใช่ไหม”

                    พุดกรองยิ้มแก้มแทบปริ เมื่อรู้ว่า ใกล้ถึงเวลาที่เธอรอคอยมานานแสนนาน  ขณะนั้นคุณนายเมตตาเดินลงบันได

    ใหญ่มาท่าทางรีบร้อน สิริมาเห็นเข้า จึงร้องถามมารดาไปอย่างแปลกใจ

                    “ป๊าให้แม่ไปโรงพยาบาล”

                    “เดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ” สิริมาเบิกตาประหลาดใจนัก “นี่วันสำคัญ ป๊ายังใจร้ายให้แม่ไปโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่นั่น ป๊า

    มีทั้งพยาบาลพิเศษ พยาบาลเวรอีกตั้งมากมาย จะต้องให้คนในบ้านไปเฝ้าอีกเหรอ ทำไมแม่ไม่ขอป๊าไปล่ะคะ ถ้าขาดแม่

    ไปคนนึง งานก็กร่อยกันพอดี”

                    “นี่ถ้าป๊าอยู่ สิอย่าพูดแบบนี้เป็นอันขาดนะ” เมตตาปรามลูกสาว

                    “หนูรู้ซึ้งตั้งแต่เด็กแล้วค่ะแม่ ว่าถ้าอยู่ต่อหน้าป๊าให้เออออ ห้ามออกความเห็นเด็ดขาด แต่นี่มันเกินไปจริงๆ”

                    เมตตาหันไปหาพุดกรอง สีหน้าเศร้าสร้อย

                    “ฝากด้วยนะนมพุด เฮ้อ…ฉันล่ะเหนื่อยหัวใจจริงๆ คิดว่าจะได้เจอหน้าลูก ก็มีอันจะต้องคลาดกันอีก”

                    สิริมามองมารดาเดินออกประตูใหญ่ ขึ้นรถหน้าคฤหาสถ์ขับออกไป

                    “สิว่า…แววไม่ค่อยดีแล้วล่ะนมพุด”

                    “นั่นน่ะสิคะคุณหนูเล็ก” พุดกรองกุมมือหญิงสาว “เรื่องที่เราเคยหวังไว้ว่า ความสัมพันธ์ฉันพ่อลูก จะพัฒนาขึ้น

    หลังจากกันหลายปี  คงจะยากเสียแล้ว แค่วันแรกเจ้าสัวอรุณก็…”

                    “ส่งสัญญาณอำมหิตออกมาแล้วน่ะสินมพุด เฮ้อ…สิล่ะเบื่อจริงๆ”

     

                    บ้านพักสองชั้น บริเวณส่วนท้ายของพื้นที่อันกว้างใหญ่ “เลิศ” น้องชายคนเดียวของเจ้าสัวอรุณ ได้รับรายงาน

    จากคนขับรถประจำตัวว่า ขณะนี้รังสฤษฏิ์กำลังจะกลับมาแล้ว

                    เลิศ…โยนหนังสือพิมพ์ธุรกิจลงบนโต๊ะรับแขกอย่างแรง แล้วหันไปหา “เกตุแก้ว” ภรรยา ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่

    ข้างตัว

                    “ดูพวกมันสิ ไม่เคยเห็นหัวเรา”

                    “ก็ช่างเขาประไรล่ะคะคุณพี่  ไม่เห็นจะต้องไปแคร์เลยนี่  อีกเดี๋ยวเราก็จะได้เป็นใหญ่เหมือนพวกเค้าแล้วนี่คะ”

                    เกตุแก้วแสดงความเห็น แต่สามีกลับไม่พอใจ

                    “มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอก  ไทยราเมน…มันแค่แหย่ดูเชิงเราเท่านั้น ยังไม่ได้ตกปากรับคำจะให้หุ้นกับเราสัก

    หน่อย ที่สำคัญ…ที่ฉันตัดสินใจดอดไปตกลงหลังบ้านในครั้งนี้  มันก็เสี่ยงอยู่ไม่ใช่น้อย แต่จะฉันคอยรับเศษบุญของไอ้

    อรุณมัน ทนรอให้มันเปลี่ยนใจให้หุ้นบะหมี่ไทยกับฉัน ชาตินี้ฉันคงไม่มีหวัง ดูนะ…ฉันเป็นพี่น้องคลานตามมันมาแท้ๆ มัน

    ยังใจดำ ไม่ยอมให้หุ้นฉันเลยสักหุ้นเดียว!”

                    เกตุแก้ววางถ้วยชา สะพายกระเป๋าถือราคาเรือนแสน ลุกขึ้นเดินกรีดกรายไปที่กระจกบานใหญ่ เพื่อดูความ

    เรียบร้อยของทรงผมโกรกสีน้ำตาลเข้ม กับใบหน้าที่งดงามด้วยการแต่งแต้มเครื่องสำอางจัด

                    “จะไปไหนอีกล่ะ” เลิศถามอย่างหงุดหงิด

                    “จะไปหาเพื่อนสักหน่อย”

                    “รำพัดอีกล่ะสิท่า นี่อย่าใช้เงินให้มันเปลืองนะ เงินทองยิ่งหายากอยู่ ฉันน่ะไม่มีปันผลกำไรอะไรทั้งนั้น มีแต่

    เงินเดือน”

                    “แหมคุณพี่ก็ว่าไป คุณพี่มีแค่เงินเดือนก็จริง แต่เจ้าสัวอรุณก็ทำเงินเดือนหลักแสนให้นี่ค่ะ แล้วนี่ก็เพิ่งได้โบนัส

    ประจำปีมาตั้งล้านกว่า”

                    ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปบีบนวดประจบสามีพร้อมแบมือขอเงินสด  ด้วยรู้เชิงสามีเป็นอย่างดี วันนี้เกตุแก้ว จึงได้

    เงินติดกระเป๋าไปอีกสามหมื่น แล้วเธอก็เดินจากไป ทิ้งให้สามีนั่งคุมแค้นพี่ชายอยู่เพียงลำพัง

                    ถัดไปราวหนึ่งชั่วโมง เลิศขับรถกอล์ฟไปที่คฤหาสน์ ซึ่งอยู่บนเกาะกลางน้ำ ขณะข้ามสะพานมีหงส์ขาว  กำลัง

    ว่ายน้ำเล่นอยู่ฝูงหนึ่ง ด้วยความหมั่นไส้พี่ชาย เขาจึงหยุดรถหยิบหินประดับหลายก้อน ขว้างใส่ฝูงหงส์ จนพวกมันต่าง

    พากันว่ายน้ำหนีแตกกระเจิงไป

     

                    ในห้องนั่งเล่น ซึ่งถูกตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น โชว์ความสวยงามของเนื้อไม้และวัสดุในโทนสีอบอุ่น รังสฤษฏิ์กำลัง

    กอดและหอมพุดกรองด้วยความคิดถึง  สิริมาเห็นแล้วก็อดปลื้มใจ ดีใจไม่ได้

                    “ดูสิ นี่หน้าตาเป็นหนุ่มใหญ่หล่อเหลาเสียยิ่งว่าตอนเป็นหนุ่มน้อยอีกนะพ่อคู้น” พุดกรองเงยหน้ามองคุณหนู

    ใหญ่อย่างชื่นชม

                    “แกลงตั้งเยอะ ความหล่อก็ต้องลดลงสินมพุด” รังสฤษฏิ์พูดแล้วก้มหอมแก้มซ้ายขวาของพุดกรองอีก

                    “แบบนี้พี่หริดคงมีสาวๆ เป็นพรวนแล้วล่ะสิ ถึงได้ลืมกลับบ้านกลับช่อง” สิริมาเอ่ยเย้าพี่ชาย

                    “เฮ้ยๆ ฉันน่ะมีทีละคน ไม่ได้เปิดฮาเร็มที่อังกฤษสักหน่อย คงไม่เหมือน…คนติ๋มๆ หงิ๋มๆ หรอก  พวกเนี่ยน่ากลัว

    นะ ดูเรียบร้อย แต่อาจแอบซ่อนอีหนูไว้เป็นโหลๆ จริงไหมคุณผู้ช่วย”

    ว่าแล้วเขาก็หันไปหารุจา ที่กำลังยืนเคียนค้างเดือนเพ็ญ อยู่ที่ประตูทางออกสู่ห้องโถง

    “ผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้ครับ” รุจาตอบสีหน้าขรึมอย่างเคย

    สิริมารู้ทันนิสัยของพี่ชายดี เธอตั้งข้อสังเกตว่า…นี่คงมีประเด็นอะไรกันล่ะสิ เพิ่งเจอกันแท้ๆ ยังมีเรื่องกันได้ เอ๊ะ

    คงไม่ใช่เรื่องผู้หญิงหรอกนะ!...

                    “พูดอะไรก็ไม่รู้ พี่รุจาผู้แสนดีอยู่ในกรอบ เรียบร้อย เคร่งครัดศีลธรรม ไม่เคยโกหก ไม่เคยมีแฟน…ไม่เหมือนพ่อ

    คาสโนว่าอย่างพี่หริดหรอก”

                    “นี่น้อยๆ หน่อย แอบดูเฟสฉันน่ะสิ”

                    “แล้วพอเลิกปุ๊บก็มีคนใหม่ปั๊บ” สิริมาสวนทันควัน

                    “แกรู้ได้ไง ไปอยู่กับฉันที่ลอนดอนหรือไง ว่าแต่แกเหอะแอบกุ๊กกิ๊กกับไอ้พงศ์อยู่นี่”

                    “นี่พูดดีๆ นะ สิไม่ได้ชอบนายนั่นสักหน่อย!”

                    พุดกรองเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามสงครามน้ำลาย “พอเถอะค่ะคุณหนูสองคน เพิ่งจะเจอกันไม่ถึงชั่วโมง จะเปิดศึกกัน

    เสียนี่ โตๆ กันแล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็กๆ อีก น่าเอาก้านมะยมหวดก้นสักทีสองที”

                    พุดกรองพูดจบก็มีสีหน้าเครียดขึ้น หญิงสูงวัยถอนหายใจหน้าละห้อย สิริมาจึงถามเธอว่าเป็นอะไร

                    “ก็เรื่องเจ้าสัวน่ะค่ะ ท่านเรียกคุณผู้หญิงไปหา นมว่าท่านคงอยากให้คุณหนูใหญ่ไปหาท่านที่นั่นนะคะ”

                    คราวนี้รังสฤษฏิ์กลับเป็นฝ่ายถอนหายใจเสียเอง… จะต้องประเคนถวายชีวิตกันไปถึงไหนนะ  นี่ก็ยอมกลับบ้าน

    แล้ว ป๊ายังต้องการอะไรจากผมอีก

                    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น…รังสฤษฏิ์รับสาย

                    “ตอนนี้รดาพักอยู่บ้านฉันนะโว้ย เป็นไงตามแผนเป๊ะ… พรุ่งนี้ฉันจะรีบจัดการเรื่องงานของเธอให้เสร็จ”

                “ขอบใจว่ะ งั้นฉันไปเดี๋ยวนี้เลย”

                “อะไร แกจะมาทำไม มาเรื่องอะไร” กันตพงศ์ถามเสียงหลง

                “ช่างฉันเถอะน่า เดี๋ยวเจอกัน”

     

                    ทุกคนในห้องมองรังสฤษฏิ์เป็นตาเดียว

                    “จะไปไหนล่ะ เดี๋ยวป๊าก็โกรธหรอก มีคดีติดตัวอยู่ เรื่องเถลไถลไม่ยอมกลับเมืองไทย” สิริมาพูดปรามพี่ชาย

    “แล้วนี่ไม่คิดเป็นห่วงแม่บ้างหรือไง”

                    “ช่างฉันเถอะน่า ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับ ยังไงตอนค่ำฉันก็ต้องกลับมาเจอแม่ที่บ้านอยู่ดีนั่นแหละ ไม่อยากไป

    เจอที่โรงพยาบาล”

                    “ไม่อยากเจอป๊าใช่ไหม ยิ่งพี่ไม่คิดจะเจอ…พี่นั่นแหละจะยิ่งเดือดร้อน”

                    รังสฤษฏิ์ทำหน้าไม่พอใจน้องสาว เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

                    พุดกรองมองตามหน้าละห้อย “โอยนมจะเป็นลม แล้วแบบนี้ระเบิดจะลงกี่ลูกคะคุณหนูเล็ก”

                    “เฮ้อ ไม่อยากคิด” สิริมารำพึง

     

                    รังสฤษฏิ์เดินออกมาที่หน้าอาคาร แล้วเรียกหานายแห้ว เลิศซึ่งยืนด่อมๆ มองๆ อยู่แถวนั้น จึงได้โอกาสเดินเข้า

    มาทักทาย

                    “สวัสดีหริด”

                    รังสฤษฏิ์หยุดเรียกคนขับรถ ยกมือสวัสดีอาอย่างนอบน้อม

                    “จะรีบไปไหนล่ะ เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ”

                    ขณะนั้นนายแห้ว วิ่งกระหืดกระหอบมาหาเจ้านายเร็วจี๋ “จะไปไหนครับคุณหนูใหญ่”

                    “ไม่ต้องถาม ไปเอารถออก” รังสฤษฏิ์สั่งแล้วจึงหันมาคุยกับอา “ผมมีธุระครับคุณอา เอาไว้วันพรุ่งนี้ ผมขอ

    อนุญาตไปพบพร้อมของฝากที่บ้านนะครับ”

                    เลิศพยักหน้าแล้วยิ้มให้หลานชาย…จะไปไหนของมันกันนะ ดูท่าคงไม่ได้ไปหาป๊ามันหรอกน่า  ดี กลับมาก็ดีแล้ว

    เราเข้าทางพ่อมันไม่ได้  ก็ประจบเข้าทางลูกมันซะเลยก็ดี

                    “เออหริด พวกรูปวาดเก่าๆ ของเธอ อายังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างนี้นะ”

                    ระหว่างรอรถ  เลิศเริ่มปูทาง เพื่อให้บรรลุตามแผนการบรรเจิดที่พึ่งผุดขึ้นในสมอง

                    “ขอบคุณครับอา เอ่อ…ถ้าว่างๆ ผมขอใช้สถานที่บ้านอาเหมือนเดิมได้ไหมครับ”

                    “ยังวาดรูปอยู่อีกเหรอ” เลิศมีท่าทีแปลกใจ “ถ้าอยากใช้สถานที่เมื่อไหร่ อายินดีนะ แหม! หลานชายทั้งคน รัก

    อะไร ชอบอะไร อาทุ่มให้สุดตัว”

                    รุจาเดินออกจากประตูใหญ่ พอเห็นเลิศ ก็โค้งคำนับน้อยๆ เลิศนิ่งใช้สายตามองรุจาราวจะสำรวจท่าทีของอีกฝ่าย

                    “เอ่อ อาไปแล้วนะ” เลิศบอกรังสฤษฏิ์ “คนแถวนี้ไม่ค่อยชอบอาเท่าไหร่นักหรอก”

                    ขณะนั้นนายแห้วขับรถเข้าเทียบที่บันไดพอดี

                    “ผมไปก่อนนะครับอา  มื้อค่ำวันนี้ผมขอเรียนเชิญคุณอาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน ถ้าคุณอาไม่มาผมคง

    เสียใจนะครับ”

                    รังสฤษฏิ์พูดแล้วยิ้มมุมปาก หันมองรุจาอย่างไม่พอใจ แล้วขึ้นนั่งบนรถ  รถค่อยๆ เคลื่อนตัวห่างออกไป

                    รุจาเดินเข้าไปใกล้เลิศ “ท่านมารับประทานอาหารค่ำ ในจังหวะที่ผมอยากเรียนปรึกษาท่านอยู่พอดีครับ”

                    “ปรึกษาอะไร” เลิศมองรุจาด้วยหางตา “ฉันไม่มีดีพอให้คำปรึกษากับแกหรอก”

                    เลิศรีบเดินตรงไปที่รถ ซึ่งจอดอยู่บริเวณสะพาน แต่รุจารีบเดินตามไปอย่างกระชั้นชิด

                    “มีสิครับ…เรื่องสำคัญเสียด้วย เรื่องที่ทำไมไทยราเมน ถึงได้ออกผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสเดียวกับเรา

    และยังเปิดตัวในเวลาเดียวกันกับเราอีกด้วย เหมือนก๊อบปี้กันเลยทีเดียว คุณท่านไม่แปลกใจบ้างเหรอครับ”

                    “แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” เลิศกำมือแน่น จ้องเขม็งไปที่รุจา

                    “เปล่าหรอกครับ แต่ผมอยากจะบอกท่านว่า ผมเพิ่งเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมนอกรอบเมื่อสองวันก่อน หวังว่า

    คุณท่าน คงจะให้ความร่วมมือหาเบาะแส ข่าวความลับบริษัทรั่วครั้งใหญ่นี้นะครับ”

                    “เหอะไม่เข้าท่า กะอีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสเนื้อ รสหมูสับ  รสต้มยำกุ้ง ใครๆ เขาก็ออกเกร่อไป เที่ยวมาสงสัย

    เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ เอาเวลาไปทำประโยชน์ให้บริษัทดีกว่าไหม…ฉันไปล่ะ”

                    เลิศรีบก้าวขึ้นรถกอล์ฟขับออกไป รุจาจ้องชายสูงวัยอย่างกับจะเอาเรื่อง…

                    ถ้าท่านไม่ทำแล้วใครจะทำ  เห็นทีผมต้องระวังท่านให้มากเสียแล้ว…ท่านผู้จัดการฝ่ายขาย!!

     

                    รังสฤษฏิ์มาถึงบ้านกันตพงศ์ในเวลาหกโมงเย็น พอมาถึงเขาก็รีบเอ่ยแนะนำรดาให้รู้จักกับว่าที่เจ้านายคน

    ใหม่ของเธอทันที

                    รังสฤษฏิ์ซึ่งนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกยิ้มมองมัทธุรดาอย่างไม่วางตา  จนหญิงสาวรู้สึกประหม่าอย่างหนัก…

                    จะมองอะไรกันนักนะ ทำยังกับฉันเป็นตัวประหลาดอย่างนั้นแหละ

                    “รดา คืนนี้พี่ต้องไปดินเนอร์ที่บ้านของท่านเจ้าสัว ฤทัยก็ไปนะ” กันตพงศ์เอ่ยตะกุกตะกัก เพราะรังสฤษฏิ์เพิ่งจะ

    สั่งเขาเมื่อครู่นี้นี่เอง

                    “ผมขอเชิญว่าที่นักวิจัยคนใหม่ให้เกียรติไปกับผมด้วยนะ” รังสฤษฏิ์ส่งสายตาขี้เล่นมองหญิงสาว พร้อมเอ่ยชวน

    เธออย่างใจ…หึหึหึ…ดูท่าเธอจะจำฉันไม่ได้จริงๆ รดา แบบนี้สิดี  ฉันจะได้รู้จริงๆ ว่า เธอเป็นคนยังไง

                    “เอ่อฉัน…ฉัน”

                    ฉันยังไม่ได้ตกปากรับคำจะเป็นลูกน้องคุณเลยสักนิด  มาเอ่ยชวนฉันอย่างกับรู้จักกันดี  เอ…หรือว่า เขาเห็นฉัน

    ก็เลยกลัวเสียมารยาท คงเอ่ยชวนไปแบบนั้นมั้ง  ปฏิเสธ…แล้วรีบเดินกลับเข้าห้องไปเร็วๆ ดีกว่า

                    “ไม่ได้ชวนตามมารยาทนะครับคุณ…คุณรดา”

                    “นะรดา ท่านเจ้าสัว…ไม่ชวนใครไปดินเนอร์กับท่านง่ายๆ นะ ไปกับพี่และฤทัยเถอะ รดาจะได้ทำความรู้จักท่าน

    ให้มากขึ้น”

                    รดาคิดแล้วเม้มริมฝีปากด้วยความประหม่าและเขินอาย…ตัวจริงเขาหล่อและสมาร์ทกว่าในรูปที่คุณรุจาให้ดู

    ตั้งเยอะ  แต่จะให้ฉันไปนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนไฮโซแบบนี้ ฉันคงเกร็งจนตายคาเก้าอี้แน่ๆ

                    “เอ่อ…ฉัน”

                    ขณะนั้น สมฤทัยน้องสาวคนเดียวของกันตพงศ์กลับมาถึงบ้านพอดี ในมือของเธอถือถุงเสื้อผ้าแบรนด์หรูจาก

    ฝรั่งเศลมาพะรุงพะรัง  เธอไหว้รังสฤษฏิ์เสร็จแล้ว ก็เข้ามาทักทายรุ่นพี่สาวสวยของเธอทันที

                    “พี่รดา นี่เราไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วคะ”

                    “ไม่รู้สิ แต่หลายปีมากแล้ว” มัทธุรดาจ้องมองสาวรุ่นน้องตรงหน้า ที่มีดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตา

                    กันตพงศ์รีบเดินเข้าไปดึงตัวสมฤทัย แล้วหายเข้าไปในครัวกันทั้งสองคน ทำให้มัทธุรดายืนเก้อ

                    “คุณรดา”

                    “คะ” มัทธุรดาตอบแล้วยืนตัวแข็งทื่อ

                    “คุณกลัวที่จะต้องไปกินข้าวกับผม หรือว่าจริงๆ แล้วคุณรังเกียจผมกันแน่” รังสฤษฏิ์ยิ้มขันๆ

                    “เอ่อ…เปล่า…เปล่าค่ะ เพียงแต่ฉัน  ไม่เคยกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับท่านประธานใหญ่ของบริษัท”

                    “อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ จริงๆ แล้ว ผมยังไม่ได้รับตำแหน่งนั้น  บางทีอาจจะไม่เลยก็ได้ มันมีอะไรอีกตั้งหลาย

    อย่างที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะฉะนั้นในตอนนี้ ผมก็ตกงานเหมือนๆ คุณนั่นแหละครับ”

                    รุจาพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปหาเธอ พลางมองออกไปที่ประตูหน้าบ้าน มัทธุรดาจึงมองตามเขาออกไปอย่าง

    ประหลาดใจ

                    นายแห้วหายไปไหนนะ  ทำไมยังไม่เห็นมาสักที  งานที่สั่งไป…จะได้ความหรือเปล่าเนี่ย!

                    “อะ…อะไรเหรอคะท่านเจ้าสัว”

                    หึหึ เข้าใกล้ขนาดนี้…เธอยังจำฉันไม่ได้!

                    “เปล่าครับ ผมมองหาคนขับรถครับ  ไม่รู้ไปเสียเวลาวนรถอยู่ที่ไหน”

                    ขณะนั้นสมฤทัยกับกันตพงศ์เดินออกมาจากห้องครัว ตรงเข้ามาหาเธอ

                    “พี่รดา” สมฤทัยเดินเข้าไปจับมือมัทธุรดา “เรารีบไปเตรียมตัวกันดีกว่าค่ะเดี๋ยวจะไม่ทัน”

                    มัทธุรดา ตกกระไดพลอยโจร จำต้องเดินขึ้นบันไดตามสมฤทัยไป

                    “เฮ้ย ไม่จู่โจมไปหน่อยเหรอวะ แกเห็นเธอหรือเปล่า ตัวลีบ…เกร็งจนแทบยกขาขึ้นบันไดบ้านไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย”

                    “โธ่ ฉันต้องรีบทำคะแนนสิวะ ไม่งั้นเดี๋ยวแมวขโมยมันได้คว้าเอาเธอไปปิ้งกินกันพอดี”

                    “ปิ้งเหรอ นี่แกก็คิดจะปิ้งเธอเหมือนกันใช่หรือเปล่าวะ” กันตพงศ์ถามอย่างขุ่นเคืองใจ

                    “แกก็พูดน่าเกลียด  ถ้าฉันคิดจะปิ้ง…ฉันปิ้งเธอตั้งแต่ตอนอยู่ที่บังกะโลหัวหินแล้ว ไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลแบบ

    นี้หรอก”

                    ขณะนั้นนายแห้ว เดินเข้ามารายงานว่า เรื่องที่ให้ไปทำเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งถุงกระดาษเล็กๆ ให้เขา

                    “อะไรของแกอีกล่ะเนี่ย เฮ้อกลับมาคราวนี้ลูกเล่นแพรวพราวเชียวนะแก”

                    รังสฤษฏิ์มองเพื่อนรัก สีหน้ากรุ้มกริ่มนัก

     

                    เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเศษ สมฤทัยในชุดราตรีสั้นสีฟ้าเทอควอยส์ เดินนำรดาลงมาที่ชั้นล่าง  แต่กว่ามัทธุรดา

    จะลงมาได้ สมฤทัยก็ต้องเสียเวลาขอร้องเธออยู่นาน  แต่แล้วพอเธอเดินลงมาปรากฏตัว รังสฤษฏิ์และกันตพงศ์ ก็ถึงกับ

    อ้าปากค้าง

                    มัทธุรดาสวมใส่ชุดราตรีหรูจากอิตาลี ที่สมฤทัยเลือกให้ตามคำสั่งของรังสฤษฏิ์…

     ชุดเดรสเกาะอกสีชมพูสดกลีบกุหลาบ พริ้วไหวด้วยผ้าไหมชีฟอง มีดีเทลลูกเล่นไขว่กันที่ช่วงอก พร้อมปัก

    คริสตัลเป็นแนวจนไปถึงช่วงเอว

                    สมฤทัยเอียงหน้ากระซิบที่ข้างหูพี่ชาย

                    “เฮ้อโล่งอก ฤทัยลุ้นแทบตาย กลัวว่าชุดที่เลือกเนี่ยจะไม่พอดีตัว แต่ที่ไหนได้พอดิบพอดีจริงๆ  เอ่อ…แล้วเครื่อง

    เพชรล่ะพี่พงศ์”

                    กันตพงศ์เอียงหน้า ปรายตายักคิ้วไปทางรังสฤษฏิ์  สมฤทัยพยักหน้ารับน้อยๆ

                    “เอ่อ…เราไปรอข้างนอกดีกว่านะฤทัย”

                    เมื่อสองคนพี่น้องเดินจากไปแล้ว มัทธุรดาซึ่งทั้งประหม่า และเขินอายที่ต้องใส่ชุดเปลือยไหล่ ก็แทบยืนไม่เป็น

    เสียแล้ว

                    รังสฤษฏิ์ยิ้มอย่างพึงพอใจ  แววตาเขาจ้องจับไปที่ตัวเธอ มองตั้งแต่ไรผม ซึ่งเกล้าไว้ด้านหลังอย่างเป็นระเบียบ

    เรื่อยลงมาจนถึงผิวเนื้อขาวผ่องนวลเนียนไร้ที่ติ  หัวใจชายหนุ่มเต้นรัว  รู้สึกตื่นเต้นปรีเปรมกับหญิงสาวตรงหน้านัก

                    “ขอบคุณนะครับ ที่ให้เกียรติผม”

                    รังสฤษฏิ์ยกกล่องเครื่องประดับกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมา แล้วเปิดออก…มัทธุรดาแลเห็นสร้อยเพชรอยู่ภายใน

    ชายหนุ่มค่อยๆ บรรจงหยิบสร้อยขึ้นมา

                    “ชุดที่คุณใส่สวยมาก แต่มันทำให้คอของคุณดูโล้นเกินไปนะครับ  ผมขออนุญาตสวมสร้อยนี้ให้คุณ”

                    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะอนุญาต ชายหนุ่มก็อ้อมไปข้างหลังเธออย่างรวดเร็ว แล้วบรรจงใส่สร้อยเพชรน้ำงาม

                    มัทธุรดาหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอสะดุ้งเมื่อโลหะทองขาวเย็นๆ กระทบผิวเนื้อ เธอตื่นเต้นจนต้องรีบกลั้นใจ

    รู้สึกนิ้วมือของชายหนุ่มสัมผัสบริเวณท้ายทอย ผิวหน้าเนื้อตัวพลันวูบวาบ จนขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×