ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสัวสองหน้า

    ลำดับตอนที่ #2 : คนที่แสนดี กับนายลิงกอลิลล่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 203
      1
      12 ธ.ค. 55

    เจ้าสัวสองหน้า

    ตอนที่ ๒ คนที่แสนดี กับนายลิงกอลลลา

     

              รุจาขับรถพามัทธุรดา เข้าไปรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารอาหารจีนมีชื่อแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท  ทันทีที่เขา

    เลี้ยวรถเข้าไป  มัทธุรดารู้สึกตกใจจนเก็บอาการประหม่าไว้ไม่อยู่  เธอนั่งตัวเกร็งหันมองสบตาเขาเหมือนตั้งคำถาม  จน

    ชายหนุ่มต้องรีบเอ่ยถามเธอทันที

                    “คุณไม่ชอบที่นี่หรือเปล่าครับ  ถ้าไม่ชอบคุณแนะนำร้านให้ผมก็ได้นะครับ  เราจะได้เปลี่ยนร้าน” รุจาพูดกับเธอ

    อย่างสุภาพ  สีหน้าของเขามีแววกังวลขึ้นเล็กน้อย

                    “เอ่อ...ฉันไม่ได้ไม่ชอบที่นี่หรอกค่ะ  แต่ฉันกำลังคิดว่า  มันดีเกินไปสำหรับฉันต่างหาก” มัทธุรดาพูดแล้วเม้มริม

    ฝีปากไว้แน่น

                    “ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะครับ” รุจาถามเธอกลับ จากนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ “ผมรู้แล้ว...คุณคงคิดถึงคำที่ท่านเจ้า

    สัวพูดดูถูกคุณเมื่อบ่ายวันนี้ใช่ไหมครับ”

                    มัทธุรดายกมือกอดอก ถอนหายใจน้อยๆ พร้อมมองตรงไปข้างหน้าไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก  รุจาจึงรีบก้าวลง

    จากรถแล้วเดินอ้อมไปที่หน้ารถ เพื่อมาประตูรถให้เธอ

                    “เชิญครับคุณผู้หญิง” รุจาส่งยิ้มกว้างให้เธอ พร้อมโค้งคำนับเธอไปหนึ่งครั้ง

                    หญิงสาวใบหน้าร้อนผาว  คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิบัติกับเธอแบบนี้  เธอค่อยๆ หันมองสบตาเขา  รุจาจึงคำนับและ

    พูดเชิญเธออีกครั้ง พร้อมยื่นมือให้เธอด้วย

                    “เชิญครับท่านสุภาพสตรี  ผมจะเป็นบอดี้การ์ดให้คุณเองครับ”

                    มัทธุรดารู้สึกขันท่าทีของเขานัก  เธอพยายามซ่อนยิ้มแต่ทำไม่ได้  อยากจะบอกกับเขาว่า แยกกันตรงนี้จะดีกว่า

    มันไม่สมควรที่คนสองคน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันเลย จะมานั่งกินข้าวด้วยกัน แต่แล้วสายตาวิงวอนของเขา กลับทำให้เธอเปลี่ยน

    ใจ  มัทธุรดาส่งมือให้เขา ค่อยๆ ก้าวลงจากรถ  แล้วเดินเข้าไปในภัตตาคารกับเขาในที่สุด

                    บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร  หรูหราและเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส ซึ่งถูกตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม ที่สำคัญที่สุด

    ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีผู้นี้  ปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพและแสนจะอ่อนโยนนัก  แม้มันจะทำให้เธอรู้สึกเกร็งอยู่เกือบตลอด

    เวลาก็ตาม  แต่ความเอาใจใส่ของเขาได้สร้างความประทับใจให้เธอไม่น้อยเลยทีเดียว

                    หลังอาหารมื้อพิเศษ  ชายหนุ่มขับรถไปส่งเธอที่หอพัก  เขาจอดรถเทียบทางขึ้นอาคาร และลงมาเปิดประตูรถ

    ให้เธอเหมือนตอนที่อยู่ที่ภัตตาคาร

                    “ขอบคุณมากนะครับ  ที่ให้เกียรติและไม่ถือโทษโกรธผม” รุจายิ้มมุมปาก

                    มัทธุรดาพยักหน้าน้อยๆ “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว  ว่าคุณไม่ได้ดูถูกฉัน”

                    รุจายิ้มกว้างพร้อมจ้องมองดวงตาคู่สวยของเธอ  ตาชั้นเดียวนัยน์ตาดำสนิทของเขาวิบวับ สื่ออารมณ์จากภายใน

    จนหญิงสาวต้องหลบตา

                    “ฉันไปก่อนนะคะ” มัทธุรดาหันหลังให้เขาตั้งท่าจะเดินขึ้นหอพัก

                    “เดี๋ยวครับ...เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอทราบชื่อคุณสักนิดได้ไหม” รุจายังคงมองเธออยู่

                    “รดาค่ะ”

                    “ขอบคุณครับ ผมชื่อรุจานะครับ ยินดีที่ได้รู้จักและเอ่อ...ถ้าคราวหน้าผมขออนุญาตชวนคุณไปกินข้าวอีกจะ

    ได้หรือเปล่าครับ” รุจารีบเอ่ยกับเธออย่างรวดเร็ว  อาการของเขาประหม่าและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

                    มัทธุรดาส่งยิ้มบางๆ กลับไป “ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันคงพูดกับคุณว่า ขอคิดดูก่อน...แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะ

    อยู่ที่นี่แล้วคะ”

                    หญิงสาวบอกเขาแล้ว ก็กระชับกระเป๋าถือเดินขึ้นหอพักหายลับไป  ทิ้งรุจาให้ยืนเดียวดาย มองตามเธอไปจน

    ลับตา

     

                    วันรุ่งขึ้น มัทธุรดาง่วนอยู่กับงานที่ร้านดอกไม้  กว่าจะสะสางงานเสร็จก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว วันนี้เป็น

    วันที่เธอต้องเดินทางไปหัวหิน  เพื่อทำงานเป็นแม่บ้านให้จิตกรคนหนึ่ง  ตามที่นายจ้างได้แจ้งเอาไว้

                    “เฮ้อ กว่าจะถึงท่ารถตู้ก็คงทุ่มนึงแล้ว...ไหนจะเดินทางอีกล่ะ” มัทธุรดาพึมพำกับตัวเอง  พลางรีบเดินไปหานาย

    จ้างสาวใหญ่ เจ้าของร้านดอกไม้เพื่อเบิกเงินค่าแรง “ฉันต้องไปแล้วค่ะเจ๊”

                    “อะไรกัน...เศษดอกไม้ใบไม้ยังเกลื่อนร้านอยู่เลย  เก็บให้เสร็จก่อนสิ” สาวใหญ่เจ้าของร้านดอกไม้พูดอย่างไม่พอ

    ใจเธอเลย

                    “แต่ฉันต้องรีบเดินทางไปหัวหินตอนนี้แล้วนะคะ” มัทธุรดาเอ่ยบอกความจำเป็น

                    “ก็รีบเก็บรีบถูสิ  อยากไปเร็วก็ต้องทำงานให้เสร็จเร็วๆ ไม่ใช่เที่ยวทิ้งงานให้คนอื่นตามเช็ดแบบนี้” สาวใหญ่เริ่ม

    ต่อว่าเธอ

                    “แต่เจ๊ ฉันอยู่ที่นี่ฉันไม่ได้เป็นลูกจ้างจัดดอกไม้นะ  ที่ทุกวันฉันช่วยเคลียร์ให้  ก็เพราะฉันอยากช่วยเจ๊  วันนี้ฉันรีบ

    ก็ให้คนรับผิดชอบทำไปสิคะ” มัทธุรดาให้เหตุผลเสียงดัง

                    “ถ้าอย่างงั้นก็ไม่ต้องเอาค่าจ้าง!!!

                หญิงสาวพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างถึงที่สุด  พยายามคิดแต่ว่า  เดี๋ยวก็เป็นอิสระแล้ว

                    ทนไว้รดา  อีกเดี๋ยวก็จะได้ไปให้พ้นๆ จากที่นี่แล้ว ทนไว้

                    แต่พอเธอทำงานเสร็จ  แล้วเดินกลับไปจะรับเงินค่าจ้างในระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา  สาวใหญ่เจ้าของร้าน

    กลับหายตัวไปเสียแล้ว  เวลาล่วงเลยไปเกือบหนึ่งทุ่ม  มัทธุรดาหมดหนทาง รู้สึกมืดมนไปหมด  คิดอยู่แต่ว่าเธอโดนเจ้า

    ของร้านใจร้าย  เบี้ยวเงินค่าจ้างเสียแล้ว  คราวนี้จะทนนั่งรอต่อไป หรือ จะทำอย่างไรดี

                    เงินไม่เหลือสักบาท  ข้าวมื้อสุดท้ายก็กินไปเมื่อวานตอนเย็น  วันนี้ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องเลย

                    คิดแล้วน้ำตาแทบไหล  เธอหยิบมือถือขึ้นมาตั้งใจจะโทรบอกผู้ว่าจ้าง  แต่แล้วแบตเตอรี่กลับหมด  สายชาร์ทก็

    ลืมไว้ที่หอพัก...จะทำยังไงดี

                    ในที่สุดเมื่อไม่มีเงิน เธอก็ไปไหนไม่ได้  มัทธุรดานั่งดักรอเจ๊เจ้าของร้าน  เพื่อเบิกเงินค่าแรง เวลาผ่านไปสอง

    ทุ่มเศษ  ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กหนุ่มขี่จักรยานมาปิดร้าน  เธอจึงรีบเข้าไปถามเขาทันที  แต่แล้วกลับได้รับคำตอบว่า

                    “เจ๊มีธุระด่วน  ต้องไปต่างจังหวัด  เขาบอกว่าถ้าเจอพี่สาว  ให้มารับค่าแรงอาทิตย์หน้า”

                    “อะไรนะ” มัทธุรดาโกรธจัด คิดอยู่แล้วว่าหล่อนต้องโกงค่าแรงแน่ “แต่ฉันต้องใช้เงินนะ  มันเป็นเงินที่ฉันต้องได้

    ฉันทำงานมาตลอดหนึ่งเดือน  ยังไม่ได้ค่าแรงเลยสักบาทเดียว”

                    “ผมไม่รู้ เจ๊เขาไปแล้ว”

                    เด็กหนุ่มปิดฉากกั้นหน้าร้านลงกลอนเสร็จก็ขับรถออกจากร้านไป  มัทธุรดานั่งร้องไห้รู้สึกหนทางมืดมนเหลือเกิน

    บัตรเครดิตที่มีอยู่ก็วงเงินเต็มแล้ว เพราะต้องใช้หนี้พนันให้พ่อจนหมด เงินในธนาคารก็กดใช้จนไม่เหลือสักบาทเดียว คราว

    นี้จะไปที่ไหน  จะทำยังไงดี

                    ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งร้องไห้อยู่นั้น  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดหนุ่มออฟิต  ก็เดินเข้ามาหาเธอ

                    “คุณรดา”

                    หญิงสาวจำได้ทันทีว่าเสียงนั้น เป็นเสียงของรุจา  เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งที่แก้มเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตา

    เวลานี้หญิงสาวรู้สึกทดท้อใจเป็นอย่างมาก คิดอยู่แต่ว่า โลกใบนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย  เริ่มตั้งแต่เจ้านายเก่าที่เห็น

    ผู้หญิงทั้งโลกเป็นเพียงแค่ของเล่นบำเรอชาย  จึงใช้กำลังเข้าห้ำหั่น หมายจะทำมิดีมิร้ายเธอ  แม้เธอจะโชคดีที่สามารถ

    หนีออกมาได้เสียก่อน  แต่หน้าที่การงานที่กำลังเจริญก้าวหน้า  ก็พังครืนลงมาเพียงชั่วระยะเวลาคืนเดียวเท่านั้น เธอ

    จึงต้องดิ้นรนหางานใหม่  แต่กลับไม่มีบริษัทไหน  ส่งจดหมายเรียกเธอไปสัมภาษณ์สักแห่ง  เงินก็ต้องใช้อยู่ทุกวัน และ

    ยังต้องส่งเงินใช้หนี้พนันให้พ่อเสียอีก  ยามได้งานที่ร้านดอกไม้  ก็คิดว่าจะช่วยประทังชีวิตเธอให้ดีขึ้น  แต่แล้วกลับมา

    เจอนายจ้างใจร้ายเบี้ยวเงินค่าจ้างเธอเสียอีก

                    รุจา...หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อส่งให้เธอ  พร้อมเดินเข้าไปใกล้ ถามอย่างห่วงใยนัก

                    “คุณรดาเป็นอะไรครับ  มา...ผมจะช่วยคุณนะ”

                    เพียงเท่านั้น ทำนบกั้นน้ำตาพลันแตกลงทันที  มัทธุรดาไม่อาจกลั้นความเศร้าโศกเสียใจได้แม้แต่เสี้ยววินาที เธอ

    ร้องไห้สะอึกสะอื้น  แทบทรงตัวไม่อยู่  ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้าไปใกล้เธอ แล้วดึงร่างบางมากุมกอดไว้อย่างแผ่วเบา ทะนุ

    ถนอมราวกับกำลังประคองดอกไม้กลีบบางสวย  มิให้ต้องชอกช้ำมีรอยราคี

                    เวลาผ่านไปเนิ่นนาน...มัทธุรดาเริ่มประคองสติให้สงบลงได้แล้ว  รุจาก็รีบพาเธอเข้าไปนั่งในรถ  พร้อมเอ่ยถามถึง

    สาเหตุทั้งหมด  มัทธุรดาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง  ในที่สุดรุจาก็อาสาไปส่งเธอที่หัวหิน  หญิงสาวร้องไห้อีกครั้ง เธอพูด

    อะไรไม่ออก  คิดไม่ถึงว่า คนที่เธอเคยโกรธเคืองเขาเป็นอย่างมาก  จะกลายมาเป็นคนที่แสนจะน่ารัก  และเต็มใจช่วยเธอ

    อย่างไม่มีข้อแม้

                    “ฉันให้คุณลำบากอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ” มัทธุรดาเอ่ยออกมาจากใจจริง

                    “ไม่ลำบากครับ...และไม่ต้องเกรงใจด้วย  วันนี้เป็นวันศุกร์  ผมเคลียร์งานหมดแล้ว  ครอบครัวท่านเจ้าสัวก็มา

    ดูแลท่านที่โรงพยาบาล  ดีเหมือนกันพรุ่งนี้เช้าผมจะได้  มีโอกาสไปกินข้าวเช้ากับคุณที่หัวหินอีกหนึ่งมื้อ” รุจาแสดงอาการ

    ดีใจนัก สายตาของเขาวิบวับอีกครั้ง

                    หญิงสาวประนมมือไหว้เขา พลันน้ำตาจะไหลอีก รุจาจึงหัวเราะเบาๆ พร้อมเอ่ยกระเซ้าเย้าแหยะให้เธออารมณ์ดี

                    “โตแล้วน้า  เอ...หรือว่ายังเป็นเด็กนะ  ถ้าอย่างนั้นเด็กน้อยหยุดร้องไห้นะ  พี่จะซื้อขนมอร่อยๆ มาให้กินน้า”

                    หญิงสาวฟังคำเขาแล้ว   ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา  เธอหัวเราะเบาๆ อย่างรู้สึกขันเขาเหลือเกิน

                    คนอะไร...ทำไมถึงได้ช่างแสนดีเหลือเกิน  ขอบคุณนะคะ...ที่เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยฉันเสียตลอดเวลา ขอบ

    คุณที่อุตส่าห์หาฉันจนพบ  ขอบคุณ...ขอบคุณที่สุดคะ

     

                    รุจาขับรถมาถึงหัวหินฝั่งใต้ในเวลาเที่ยงคืนเศษ  ดูจากแผนที่ในมือมัทธุรดา  ทั้งสองใกล้ถึงจุดหมายแล้ว

                    “โน่นค่ะ ฉันเห็นตู้ไปรษณีย์แล้ว  เราเลี้ยวซ้ายข้างหน้าตรงไปจนสุดซอยก็ถึงแล้วค่ะ” มัทธุรดาตื่นเต้นเอ่ยบอกรุจา

    เสียงดัง

                    “อืม...คุณไม่คิดว่ามันดึกไปเหรอครับ” รุจาเอ่ยบอกเธอเสียงอ่อยพลางคิดในใจอยู่ว่า หากไม่เจอเจ้าของบ้าน เขา

    จะรีบขับรถพาเธอไปนอนที่โรงแรมในตัวเมืองหัวหิน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและปลอดภัย

                    “ดึกค่ะ...แต่ทำไงได้ล่ะ ฉันใช้มือถือคุณโทรหาผู้ว่าจ้างตั้งหลายครั้งแล้วเขาไม่เห็นรับสายเลย อีกอย่างฉันบอกกับ

    เขาว่า  จะมาถึงวันนี้เสียด้วยสิค่ะ”

                    เมื่อรุจาขับรถมาจนสุดซอย  ทั้งสองฝั่งเป็นเรือนไม้แบบบังกะโลตากอากาศใต้ถุนโล่ง  หน้าบ้านหันหาทะเล ซึ่ง

    บ้านของผู้ว่าจ้างของมัทธุรดาอยู่ทางขวามือ  มองขึ้นไปยังชั้นบน ห้องด้านหน้ายังเปิดไฟสว่างอยู่

                    “สงสัยนายจ้างคงยังรอฉันอยู่ ถึงยังไม่ได้ปิดไฟ”

    มัทธุรดาเอ่ยบอกกับรุจา พลางเปิดประตูรถเดินลงไปประเดี๋ยวเดียวรุจาก็ดับเครื่องรถ แล้วเดินตามเธอไปถึง

    บันไดทางขึ้นชั้นบน

                    “คุณรดา...คุณแน่ใจนะว่าเขาเอ่อ...เขาจะไม่ทำอะไรคุณ” รุจาถามเสียงเธอด้วยความเป็นห่วง

                    “ไม่มั้งคะ พอดีฉันรู้จักกับคนติดต่อให้มาทำงานน่ะค่ะ อีกอย่างเขาบอกฉันว่าจิตกรคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของเขา

    เอง” มัทธุรดาเอ่ยบอกรุจา แล้วเธอก็รีบตะโกนเรียกชื่อนายจ้างของเธอทันที “คุณบ๊อบบี้...คุณบ๊อบบี้คะ ฉันที่จะมาเป็น

    แม่บ้านให้คุณมาแล้วค่ะ”

                    ชื่อที่เธอเรียกทำให้รุจาแปลกใจนัก “นี่...นายจ้างคุณเป็นฝรั่งเหรอครับ  แบบนี้ยิ่งน่ากลัวนะ”

                    “หึ หึ ไม่น่ากลัวหรอกคะ เพราะเขาเป็นคนไทย  พอดีฉันรู้จักแต่ชื่อฝรั่งของเขาก็เลยเรียกแบบนั้น เอว่าแต่ทำไม

    ยังไม่มีใครมาเลย  เดี๋ยวฉันขึ้นไปเคาะประตูข้างบนดีกว่า” เธอเอ่ยแล้วรีบเดินขึ้นบันไดไป

                    รุจาเฝ้ามองเธอด้วยความเป็นห่วง  แต่ไม่กล้าตามขึ้นไปเพราะข้างบนนั้นมืด ไม่เหมาะที่เขาจะอยู่สองต่อสองกับ

    เธอ  ชายหนุ่มจึงเฝ้ามองเธออยู่ข้างล่าง  ชั่วประเดี๋ยวเสียงกระดิ่งก็ดัง

                    ประตูห้องพักค่อยๆ เปิดออก  พร้อมๆ กับไฟโถงหน้าบันไดติดขึ้นด้วย ทำให้ทุกอย่างรอบตัวสว่างอย่างชัดเจน

    จนทำให้เธอเห็นหน้านายจ้างคนใหม่ของเธออย่างเต็มตา!

                    “อือ…เออ…คุณ…มุดราใช่ไหม”

                    โอ้ยตายแล้ว…หน้าเขาเหมือนลิงกอลิลล่าเลย  คนอะไรไว้หนวดไว้เครารกรุงรังไปหมด  โอ้ยฉันจะอยู่กับเขาได้

    ไหมนี่

                    “อ้อค่ะ…ที่ถูกคือ มัด-ทุ-ระ-ดา ค่ะ ฉันชื่อมัทธุรดา เรียกฉันว่ารดาเฉยๆ ก็ได้” เธอเอ่ยบอกเขา พร้อมส่งยิ้ม

    แห้งๆ ออกไป เพื่อแก้เก้อ “คุณบ๊อบบี้รอฉันสักครู่นะคะ  พอดีมีคนใจดีมาส่งฉัน  ฉันต้องลงไปลาเขาก่อน

                    ระหว่างที่เธอเดินลงบันไดไปนั้น  รุจากำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด  เธอรอจนเขาคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว จึงกล่าวขอบคุณ  และยกมือสวัสดีเขาอย่างนอบน้อม

                    “ขอให้คุณโชคดีนะครับ  คืนนี้ผมกะว่าจะเปิดโรงแรมนอนที่หัวหินเสียหน่อย  ตอนเช้าตั้งใจจะกินข้าวกับคุณ

    แต่พรุ่งนี้ท่านเจ้าสัว  ต้องการประชุมวาระด่วน  ผมเลยต้องขับรถกลับกรุงเทพคืนนี้เลยครับ”

                    “ฉันเสียใจค่ะ ที่ทำให้คุณลำบากถึงขนาดนี้  ต้องขอโทษคุณด้วย เอ่อ…ถ้ายังไง” มัทธุรดาอึกอัก “คือฉันอยากจะ

    บอกกับคุณว่า  ถ้าคุณถึงกรุงเทพแล้ว  ช่วยโทรบอกฉันหน่อยเพราะฉันเป็นห่วงคุณ แต่แบตเตอรี่โทรศัพท์มันหมด แล้วฉัน

    ก็ลืมสายชาร์ทไว้ที่หอพักด้วย”

                    “ขอโทษนะครับ ผมมีโทรศัพท์สำรองอยู่เครื่องนึง มีที่ชาร์ทแบตมาด้วย เอ่อ…มันเป็นเบอร์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และ

    อีกอย่าง ผมไม่ค่อยได้ใช้” รุจาบอกกับมัทธุรดา สีหน้าหม่นเศร้า

                    ชายหนุ่มเดินไปเอาโทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์ที่รถ  พอกลับมาเขายังส่งเงินให้เธออีกห้าพันบาทด้วย

                    “ไม่ได้ค่ะ คุณรุจา…คุณช่วยฉันมามากแล้ว  นี่ฉันยังทำให้คุณต้องลำบากขับรถกลับกรุงเทพด้วย”

                    “ได้โปรดเถอะนะครับ  อย่าคิดอะไรมาก…คุณเผชิญเรื่องไม่ดีมาเยอะแล้ว  ขอให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่ง  สำหรับเรื่อง

    ดีๆ ของคุณบ้างเถอะนะครับ…นะครับรดา รับไว้เถอะ เพราะการรับไว้ มันจะทำให้ผมเป็นห่วงคุณน้อยลง”

                    ฉันปฏิเสธคุณไม่ได้อีกแล้ว  คุณรุจา…คุณกำลังทำให้ฉันตื้นตันใจ

                    มัทธุรดาน้ำตารื่นขึ้น เธอยกมือขอบคุณเขา รู้สึกตื้นตันใจกับมิตรภาพที่เขามอบให้เธอ “คุณรุจาคะ  ฉันขอรับของ

    คุณด้วยการยืมเถอะนะคะ  ถ้าฉันมีเมื่อไหร่  ฉันจะคืนคุณค่ะ”

                    “เรื่องนั้นแล้วแต่คุณเถอะนะครับ” รุจาเอ่ยแล้วยิ้มให้เธอ

                    ขณะบุคคลทั้งสอง กำลังคุยกันอยู่ที่เชิงบันไดชั้นล่าง  บ๊อบบี้ หรือ รังสฤษฏิ์ กำลังแอบมองเธออยู่ที่เชิงบันไดชั้น

    บน  พอเธอเดินกลับมาข้างบน เขาก็รีบยิ่งคำถามถามเธอทันที

                    “ผู้ชายคนนั้นแฟนคุณสิ…ดูจากการแต่งตัวแล้ว  อืม…ท่าทางจะมีเงินนะเนี่ย เอ…หน้าคุ้นๆ รูปร่างคุ้นๆ เหมือน

    ผมรู้จักแฟนคุณงั้นแหละ”

                    “นี่คุณบ๊อบบี้ คุณอย่าบอกนะว่าเมื่อตะกี้คุณแอบดูฉันอยู่” มัทธุรดาเสียงเขียว

                    “ก็แค่เอ่อ…เขาเรียกว่าอะไรน้า เอ่อ…ชะ..ชำ อ้อ...ก็แค่อยากรู้ เลยชำเลืองด้วยหางตาน่ะ” รังสฤษฏิ์คิดคำไทยได้

    ก็รีบบอกกับเธอ

                    “ไม่ใช่ค่ะ คนไทยเรียกว่า แอบดู” เธอเสียงเขียวใส่เขาอีกครั้ง

                    “เขาชื่ออะไร” รังสฤษฏิ์จ้องมองหน้ามัทธุรดาไม่วางตา “ผมอยากรู้ คือมันคุ้นมากเลย…คุ้นมากๆ เมื่อตะกี้นะผม

    เกือบจะเปิดไฟข้างล่างดูหน้าเขาแล้วนะ”

                    “คุณกอลิลล่า…เอ่อ”

                    อุ้ยตายแล้ว ฉันเผลอพูดออกไปแล้วทำไงดี

                    “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ” รังสฤษฏิ์ยื่นหน้าจองเธอใกล้ขึ้นอีก “อะไรนะลิงๆ อะไรกอริลล่า”

                    “เอ่อ..คือ ฉัน…ฉันกำลังจะบอกว่าคุณไม่ต้องรู้ชื่อเขาหรอก  เพราะเขา…ไม่…ใช่…แฟน…ของฉันค่ะ”

                    “อืมงั้นก็ดี  แสดงว่าผมยังมีโอกาลลุ้นใช่ไหม  ใช่ไหมรดา”

                    อย่ามาทำทะลึ่งกับฉันทีเดียวนะ อีตากอริลล่า  แค่เจอกันครั้งแรกนายก็ยียวนกวนประสาทฉันแล้ว  นี่อย่าได้คิด

    มาทำมิดีมิร้ายฉันเป็นอันขาด  ฉันสู้ยิบตาเลยทีเดียว คอยดูสินายลิงกอลิลล่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×