คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 1: Act V
“ซีเรียรู้จักบารอนเนสคลาริสหรือเปล่า ?”
“ค่ะ เคยพบท่านที่นครหลวงเมื่อนานมาแล้วตอนที่ท่านมารับตำแหน่งแทนบารอนยอร์ฮัน เป็นคนที่อ่อนโยนมากเลยล่ะ ถึงร่างกายจะอ่อนแอแต่ก็เป็นคนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา คุยเก่งเชียวล่ะ นายท่านเองก็โปรดปรานท่านคลาริสมากเลยทีเดียว แต่อากาศของนครหลวงเป็นเหมือนกับยาพิษกับร่างกายที่อ่อนแอนั่น สุดท้ายท่านจึงต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดทั้งที่หากอยู่ต่อต้องได้เป็นมเหสีของนายท่านแน่ ๆ เลยค่ะ”
“คอเล็คชั่นไวน์สุดหรูพวกนั้นคงเป็นของกำนัลจากลาสินะ”
“แล้วเมดสงครามที่มาสเตอร์คนนั้นพูดถึงล่ะ ?”
“น่าจะเป็นเถาวัลย์สวรรค์ เมลิซซ่า เคยได้ยินว่าท่านคลาริสได้รับเธอไว้ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิดนะค่ะ...”
“ถ้าอย่างนั้นคงเป็นรุ่นน้องซีเรียที่อะคาเดมี่สินะ”
“ค่ะ แต่เป็นรุ่นน้องถัดไปประมาณ 4 รุ่นเห็นจะได้ เลยไม่เคยได้พบหน้ากันตรง ๆ ได้ยินแต่ชื่อเสียงและสมญานามเท่านั้นล่ะค่ะ แต่ได้ยินมาว่าเป็นคนที่เก่งมากเลยทีเดียว ระดับที่สามารถรับใช้ราชวงศ์ชั้นสูงได้สบายเลย”
แต่หล่อนก็มารับใช้บารอนเนสบ้านนอกอย่างนี้ ?”
“ใช่แล้วค่ะ แต่เจ้านายก็เป็นเจ้านายอยู่ดี ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นกษัตริย์หรือยาจกก็ตาม”
“เอาเถอะ แล้วรู้อะไรอย่างอื่นนอกจากว่าเธอเก่งมากไหม เช่นอาวุธ หรือ สิ่งอื่นที่ควรรู้ ?”
“เคยได้ยินคำร่ำลือมาว่าอาวุธที่เธอแมทีเรียลไลซ์ออกมานั้นพิศดารมากเลยทีเดียว แต่ก็แค่นั้นล่ะค่ะ”
“ขอบคุณมากซีเรีย เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก”
“ยินดีที่ได้รับใช้ค่ะ”
“เมื่อกี๊มันประชดนะ”
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ประชดได้ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ”
“รู้ไหม... บางทีเราก็ไม่เข้าใจเมดสงครามอย่างเธอเอาเสียเลยนะ”
“ค่ะ... แม้แต่พวกเราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวตนของพวกเราสักเท่าไหร่หรอกค่ะ”
“.....”
“มีอะไรหรือคะ ?”
“เปล่า... แค่กลุ้มใจนิดหน่อย แต่เอาเถิด ถ้าอย่างนั้นเราขอแก้คำถามใหม่หน่อย... พวกเรามีโอกาสชนะเมดสงครามผู้นี้หรือไม่ ? คิดว่ากุหลาบพันหนามจะชนะเถาวัลย์สวรรค์ได้หรือไม่ ?”
“ถ้าลองได้ประมือด้วยสักครั้งก็คงพอรู้ฝีมือค่ะ”
“ขอบใจนะ”
“ยินดีที่ได้รับใช้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร เราชินเสียแล้วล่ะ”
“.....”
“แต่ว่า... เถาวัลย์สวรรค์ไร้เจ้านายมาได้เหยียบครึ่งปีแล้ว ถึงหล่อนจะยังมีชีวิตอยู่แต่ป่านนี้พลังชีวิตคงใกล้หมดเต็มทีแล้วล่ะค่ะ คงอ่อนแอลงกว่าแต่ก่อนมากเลยทีเดียว โอกาสชนะของเราคงมีสูงอย่างแน่นอน”
“นั่นมันไม่ต่างจากเธอเลยไม่ใช่รึ”
“.....”
“เอาเถอะ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้สินะ”
“ถูกต้องแล้วค่ะ”
“อ๊ะ เห็นยอดหลังคาแล้วล่ะค่ะ มาสเตอร์คนนั้นพูดถูกจริง ๆ ด้วย มาทางนี้ง่ายกว่าเยอะเลย”
“ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงเดินหลงอยู่ในค่ายกลนั่นทั้งคืนเหมือนเมื่อวานแน่เลย”
“หุบปากน่า...”
......................................
..........................
..............
....
ดวงจันทร์กลมโตสองดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าทำให้ยามค่ำคืนดูสว่างไสวราวกับมีคนจุดตะเกียงบนสวรรค์
แม้แสงจันทร์สองดวงจะไม่สว่างเท่าตะวันยามเช้า แต่มันก็ถือเป็นพรจากสวรรค์ในยามราตรีที่ทำให้ทุกอย่างไม่มืดมิดไปเสียทีเดียว
แขกผู้มาเยือนสองคนยืนอยู่ต่อหน้าสิ่งก่อสร้างมหึมาที่บดบังไปครึ่งท้องฟ้า
หลังจากต้องใช้เวลาเดินเท้ากว่าห้าชั่วโมงผ่านความมืดมิดยามค่ำคืนและพื้นที่ทุรกันดานที่ไม่อำนวยต่อแขกผู้มาเยือน เดินเข้าไปในหุบเขาที่ปลีกตัวออกจากแหล่งชุมชน ในที่สุดหญิงวัยกลางคนผู้ผ่านช่วงเวลาบานสพรั่งกับเมดสาวร่างเล็กก็ประสบความสำเร็จในการยืนอยู่หน้าปราสาทฮาลิแฟกซ์
ข้างในอาคารมืดสนิท ไม่มีวี่แววของผู้คนหลงเหลืออยู่ เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านช่องว่างของตัวอาคาร เสียงบานประตูเปิดเข้าออกตามแรงลมตามยถากรรมบ่งบอกถึงตัวอาคารที่ถึงทิ้งไว้ให้รกร้างไร้การดูแล
แขกผู้มาเยือนร่างเล็กหยิบบางอย่างออกมา เพียงครู่เดียวมันก็ค่อย ๆ เรืองแสงสีฟ้าอ่อนตัดผ่านความมืดมิดของยามค่ำคืน เผยให้เห็นสภาพโดยรอบอย่างชัดเจนมากขึ้น
พวกเธอยืนอยู่ต่อหน้าประตูหลักของปราสาทที่มีขนาดใหญ่โตพอจะเอารถม้าเข้าไปได้ทั้งคันอย่างง่ายดาย ประตูไม้ดูหนักอึ้งสลักด้วยลวดลายที่ถักทอกันอย่างซับซ้อน หากแต่เวลานี้เป็นยามค่ำคืน ทำให้ไม่สามารถชื่นชมความงดงามของมันได้
“เราหาทางเข้าทางอื่นดีกว่าไหมคะ ?”
“ทำไมล่ะ เราไม่ได้มาเยี่ยงโจรหรือหัวขโมยสักหน่อย ทำไมต้องลักลอบเข้าไปด้วยล่ะ”
“ทราบแล้วค่ะ”
เมดสาวเดินตรงไปยังบานประตู เอื้อมมือไปสัมผัสบานประตูหนา
หล่อนพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ตัวคนเดียว
“ท่าทางกลไกเวทมนตร์ยังยังทำงานดีอยู่”
เพียงครู่เดียวก็มีเสียงแกร๊กดังลั่น ก่อนที่ประตูจะค่อย ๆ เปิดต้อนรับแขกผู้มาเยือน
ทั้งสองก้าวเข้าไปในอาคารที่มืดมิดด้วยความระมัดระวัง มีเพียงแสงสีน้ำเงินจากคริสตัลในมือเมดสาวเท่านั้นที่ส่องสว่างนำทาง
และแล้วภาพที่ปรากฏต่อหน้าทั้งสองก็ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว...
“ลวดหนาม ?”
พื้นที่ที่ควรจะเป็นห้องโถงกลางสำหรับอวดความมั่งคั่งของเจ้าของกลับเต็มไปด้วยลวดหนามขึงระโยงระยาง เต็มพื้นที่ห้องโถงจนไปถึงบันไดส่วนกลางที่อยู่ด้านในสุดของห้องราวกับเป็นสิ่งกีดขวางไม่ต้องการให้ผู้ใดรุกล้ำเข้าถึง
“ฝีมือยายเมดสงครามนาริสสาหรือ ?”
“เมลิสซ่าค่ะ ไม่ใช่นาริสสา...”
“เออนั่นล่ะ คิดว่าเธอเป็นคนทำหรือ ?”
“อาจเป็นไปได้ค่ะ”
และแล้วคำตอบก็ปรากฎออกมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ ระหว่างที่หญิงวัยกลางคนกำลังจะก้าวเดินเพื่อที่จะสำรวจพื้นที่ จู่ ๆ ก็มีบางอย่างพุ่งลงมาปักพื้นขวางหล่อนไว้
ฉึก !
สิ่งนั้นคือพลั่วสนามปลายแหลมคมขนาดมาตรฐานของทหารราบ
พลั่วสนามปริศนาปักอยู่บนพื้นได้ครู่เดียวก่อนจะค่อย ๆ สลายหายไปเป็นฝุ่นละอองราวกับกากเพชร...
“ปราสาทนี้ไม่ต้อนรับแขก เข้ามาทางไหนก็ออกไปทางนั้นเสีย อย่าหาว่าเราไม่เตือน !”
เสียงขู่อาฆาตตะโกนออกมาจากมุมมืดที่ไหนสักแห่งภายในห้องโถงส่วนใน มันเป็นเสียงของหญิงสาวที่ดูไร้เรี่ยวแรง แต่กระนั้นทั้งสองกลับได้ยินทุกคนพูดอย่างชัดเจนทั้งที่ยืนอยู่ห่างพอสมควร
“เราไม่ได้มาร้าย” หญิงวัยกลางคนตะโกนกลับอย่างไม่เกรงกลัว “เราแค่ต้องการของบางอย่างในปราสาทเท่านั้น !”
“สรุปพวกคุณเป็นโจรสินะ...”
เมื่อสิ้นเสียง พลั่วนับสิบด้ามก็พุ่งตรงเข้าหาผู้บุกรุกทั้งสองอย่างไม่ปราณี
ทว่า ก่อนที่จะได้ถึงตัวสตรีทั้งสอง พลั่วทุกด้ามก็ถูกดาบปลายปืนในจำนวนที่พอกันสกัดไว้กลางอากาศ เสียงโลหะหล่นกับพื้นดังเคร้งคร้างไปทั่ว ก่อนที่อาวุธทั้งสองชนิดจะค่อย ๆ สลายกลายเป็นกากเพชรไป
“อาวุธแมทีเรียลไลซ์ !”
ดูเหมือนว่าผู้ที่แอบซ่อนในเงามืดจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเผลออุทานออกมา
“ไม่มีโจรคนไหนเข้าทางประตูหน้าหรอกค่ะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยกล่าว
“ไม่ว่าจะเข้าทางไหน หากเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตมันก็โจรทั้งนั้นล่ะ” บุคคลในเงามืดกล่าวแย้ง “แต่ถึงขนาดเป็นโจรที่มีเมดสงครามด้วยนี่เหนือความคาดหมายเลยทีเดียว แสดงว่าโลกภายนอกนี่คงถึงยุคอนาธิปไตยแล้วสินะ”
“เรื่องยุคอนาธิปไตยนี่ไม่ขอปฏิเสธ แต่เจ้าเองไม่ใช่เจ้าของสถานที่ จะหาว่าพวกเราเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไรล่ะ ?”
“เลิกเล่นลิ้นเสียทีเถอะ ที่ปราสาทแห่งนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว พวกเจ้ามาได้เสียเที่ยวแล้วล่ะ”
“ไม่เลย... ที่แห่งนี้ยังมีของมีค่าบางอย่างเหลืออยู่นะ”
ว่าแล้วหล่อนก็ให้สัญญาณเมดสาวที่อยู่ข้างเคียง เมดสาวร่างเล็กควักแท่งอะไรบางอย่างที่มีสายเชือกยื่นออกมา เธอนำสายเชือกมาจี้เข้ากับคริสตัลสีฟ้า ทันใดนั้นเอง เชือกที่ว่าก็ลุกเป็นไฟอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ประกายไฟจะลามไปถึงตัวแท่งเจ้าปัญหา เมดสาวร่างเล็กก็ขว้างแท่งนั้นขึ้นฟ้าก่อนที่ผู้บุกรุกทั้งสองจะรีบหมอบกับพื้นพร้อมอุดหูอย่างรวดเร็ว
“ทีเอ็นที !”
กว่าที่บุคคลในเงามืดจะทราบว่าแท่งนั้นคืออะไรทุกอย่างก็สายไปแล้ว เมื่อไฟลามถึงตัวแท่งระเบิดทีเอ็นทีที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ มันก็ระเบิด
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง แรงทำลายฉีกอัดทุกอย่างในรัศมีเสียจนย่อยยับ
ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นและเศษสิ่งก่อสร้างที่ถล่มลงมา เพดานของห้องโถงหน้าปราสาทถูกเจาะจนเป็นรูโหว่ ปล่อยให้แสงจันทร์ทะลุผ่านช่องว่างลงมาเป็นลำแสงจาง ๆ ส่องสว่างด้านในตัวอาคาร
แสงนั้นเปิดเผยให้เห็นบุคคลที่เคยซ่อนอยู่ในเงามืดกำลังพยุงตัวขึ้นจากพื้น
เธอเป็นหญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบปี แม้หน้าตาจะดูงดงาม แต่บัดนี้กลับดูเสื่อมโทรมราวกับต้นไม้ที่ไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เธอสวมชุดเมดซอมซ่อที่ผ้าแอพรอนขาดรุ่งริ่งจนมองไม่ออกว่ามันคือผ้าแอพรอน นัยน์ตาสีทองแดงมองผ่านผมเพ้าสีเงินสกปรกด้วยความอาฆาตต่อผู้ที่เพิ่งระเบิดเพดานที่อาศัยของหล่อนเป็นรูโหว่ ในมือถือคีมตัดเหล็กอันโตที่ดูแล้วคงจะเจ็บเหลือเกินหากมันตัดผ่านเนื้อมนุษย์
ส่วนแขกผู้บุกรุกทั้งสองก็ชักมีดดาบปลายปืนออกมากันอย่างพร้อมเพรียง
“ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าตากันเสียทีนะ เถาวัลย์สวรรค์ เมลิซซ่า ทีนี้เราก็จะได้คุยกันเยี่ยงผู้มีอารยะกันหน่อยล่ะ”
ความคิดเห็น