ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Battlefield Witch: Cattleya แม่มดฝ่าสมรภูมิเดือด

    ลำดับตอนที่ #6 : แม่มดกับทริกเล็กน้อยของชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 54


                    ความจริงมันก็มีทริกสำหรับเรื่องพรรค์นี้อยู่นะ 

     

    ทริกเหรอคะ  ฉันพยายามปาดน้ำตาด้วยแขนเสื้อที่แสนสกปรก  แต่ในท้องยังรู้สึกพะอืดพะอมอยู่ไม่จาง

     

    ใช่... ทริกง่าย ๆ เลย  ลุงเขี่ยฝุ่นออกจากหู  ถ้าฆ่าคนไปบ่อย ๆ เข้าเดี๋ยวมันก็ชินเองล่ะ

     

    นั่นคือทริกที่ลุงแนะนำล่ะ 

     

    ช่างเป็นทริกที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้

     

    ตอนฉันเอาดาบปลายปืนเสียบข้าศึกเป็นหนแรกนะ  ฉันงี้นอนฝันร้ายไปสามวันสามคืนเลย  เพื่อนของฉันแย่กว่าอีก  หมอนั่นพร่ำเพ้อว่าจะส่งจดหมายไปขอโทษที่บ้านเขาบ้าง  จะส่งเงินไปช่วยบ้างล่ะ  งี่เง่าเป็นบ้าเลย  แต่สุดท้ายแล้วพอสอยเจ้าพวกนั้นไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกมันก็ด้านชาไปเองล่ะ  มันก็เหมือนกับยิงไก่งวงดี ๆ นั่นเอง

     

    มันเป็นคำแนะนำที่น่าขยะแขยง  น่ารังเกียจ  และชั่วช้าเป็นที่สุด

     

    เพราะงั้น  ทำไปบ่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ชินไปเองนั่นล่ะแม่มดเอ๋ย

     

    มันไม่ใช่สิ่งที่ควรสอนเด็กสาวอายุสิบสี่ปีอย่างฉันเลย

     

    แน่นอนว่าหากใครได้ฟังคำพูดของลุงเพียงครู่เดียวคงต้องรีบลุกเดินหนีไปให้ห่างอย่างแน่นอน

     

    แต่ว่า... 

     

    มันทำให้ฉันดีใจเหลือเกิน...

     

              ฉันหมายถึงทริกงี่เง่านั่นล่ะ...

     

    อย่างน้อยมันเป็นคำแนะนำที่ออกจากใจจริง... ให้คำแนะนำแก่แม่มดอย่างฉัน

     

    ถึงฉันไม่คิดว่ามันเป็นคำแนะนำที่ดีเลยสักนิด  แต่มันกลับจับใจฉันเสียยิ่งกว่าคำแนะนำที่กลวงโบ๋ของพวกมือถือสากปากถือศีล  น่าศรัทธายิ่งกว่าคำสอนที่ลักลั่นของพวกโบสถ์

     

    ใช่แล้ว... มันเป็นคำแนะนำไม่ได้เรื่องที่ดีที่สุดที่เคยได้ยินมาเลย

     

    เฮ้  แต่อย่าเข้าใจว่าฉันเป็นพวกฆาตกรไร้หัวใจนะเฟ้ย  มันเป็นหน้าที่นะ  เข้าใจไหม  มันเป็นหน้าที่  ทหารอย่างเรามันต้องเตรียมใจให้พร้อมกับเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว

     

    ทั้งที่เราอยู่กลางโนแมนส์แลนด์ที่แสนจะอันตราย  ลุงก็ยังคงกล่าวต่อไปอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อน  อาจเป็นเพราะหน้าที่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว  หรือเพราะยังไงตอนนี้ก็ต้องติดแหง็กอยู่ในหลุมนี่ไปอีกสักพักก่อนจะกลับสนามเพลาะฝั่งเราได้

     

    อีกอย่างนะ  ลองฟังเสียงนั่นดูสิ

     

    เสียง ?

     

    เสียงที่ได้ยินอยู่นี่ล่ะ

     

    มันคือเสียงโห่ร้องและเสียงรองเท้าบู้ทของทหารนับพันที่กำลังพุ่งทะยานฝ่าแนวกระสุนปืนใหญ่อย่างกล้าหาญ  เสียงของพวกเขาวิ่งอยู่เหนือหัวฉันนั้นพานให้นึกถึงตอนที่ฉันเคยได้ยินเสียงรถไฟเป็นครั้งแรก  แรงสั่นสะเทือนจากด้านบนทำให้เศษดินเศษหินร่วงกราวใส่หัวไม่หยุด

     

    ฉันไม่ต้องเข้าสู่ห้วงแห่งอาคาช่าก็สามารถรับรู้ถึงสภาพเบื้องบนได้เป็นอย่างดี 

     

    รอบแล้วรอบเล่าที่เงาของทหารกระโจนผ่านบดบังแสงสว่างที่ส่องผ่านรูทางออก  โดยเฉพาะเงาขนาดยักษ์ของหุ่นรบหุ้มเกราะไร้เทียมทานที่มาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนจนอดเสียวไม่ได้ว่าห้องใต้ดินจะรองรับน้ำหนักมันไหวหรือเปล่า

     

     ฟังฉันนะแม่มด  เพราะพวกเราจัดการกับแม่มดของพวกอิมปี้ได้  คนหนุ่มเหล่านี้ถึงได้ยังมีชีวิตยาวพอที่จะวิ่งมาจนถึงตรงนี้หรอก  แม่มดช่วยชีวิตคนไว้อีกมากเลยนะ  รู้ไหม

     

    ช่วยชีวิตพวกเขาเหรอ

     

     

    ใช่แล้วล่ะ  แม่มดคงไม่ได้อยู่ตอนเข้าตีครั้งก่อนสินะ  เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร  ลุงกอดปืนไรเฟิลแน่น  ถึงจะไม่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน  แต่มันก็สังเกตได้อย่างไม่ยากเย็นว่าในตาของลุงฉายแววความหวาดกลัวขนาดไหน  ไม่อยากให้เข้าใจว่าฉันขี้ขลาดหรอกนะ  ฉันนะ... โดนแรงอัดจากปืนใหญ่ซัดจนสลบตั้งแต่ตัวยังไม่ทันโผล่จากสนามเพลาะเลย  พอฉันฟื้นมาอีกทีเพื่อนร่วมหมวดก็หายไปหมดแล้ว  ไม่ใช่วิ่งนำฉันไปไกลหรอกนะ  แต่จมอยู่ในดินทั้งหมวดเลย  ถูกฝังทั้งเป็นเหลือแต่แขนแต่หัวโผล่มาจากพื้น 

     

    เพราะงั้นลุงเลยอาสามาล่าแม่มดกับหนูสินะ 

     

    ลุงยิ้มแห้ง ๆ ตอบ

     

    อยู่กับแม่มดน่ารักอย่างหนูมันก็คงไม่แย่ไปกว่าวิ่งฝ่าดงระเบิดหรอก 

     

    ฉันได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ไปกับคำพูดของลุง  ยอดเยี่ยมมาก  อย่างน้อยการติดแหง็กอยู่กับฉันมันมีความเสี่ยงพอ ๆ กับการบุกเข้าตีสนามเพลาะข้าศึกเลยทีเดียว

     

    แต่ว่า  ฉันต้องขอขอบคุณแม่มดจริง ๆ นะ

     

    คะ ?

     

    ฉันเผลออุทานอย่างไม่ทันตั้งตัว  โกหกน่า... คนธรรมดาอย่างลุงจะมาขอบคุณแม่มดอย่างฉันเนี่ยนะ

     

    ทว่า  สายตาของลุงกลับฉายแววความขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ

     

    ถึงแม่มดจะรู้สึกผิดกับการฆ่าคนครั้งแรก  แต่ขอให้รู้เลยว่าชีวิตที่แม่มดพรากไปได้ช่วยชีวิตอีกนับร้อยนับพันในตอนนี้...

     

    ขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยแก้แค้นแทนพวกพ้องของฉัน  ขอบคุณที่ช่วยยืดชีวิตคนหนุ่มเหล่านั้นไว้อย่างน้อยอีกสักนิด...

     

    ขอบคุณอย่างนั้นเหรอ

     

    ทันใดนั้นเอง  โลกทั้งโลกก็สดใสขึ้นราวกับว่าตัวฉันได้ก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งอาคาช่าอย่างไม่รู้ตัว 

     

    ทั้งที่ข้างบนกำลังฆ่าฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย  หัวใจของฉันกลับเบิกบานราวกับดอกไม้แย้มกลีบเมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ 

     

    เสียงระเบิดตูมตามด้านบนกลายเป็นเสียงดนตรีในงานเทศกาลฉลองฤดูเก็บเกี่ยว

     

    สิ่งที่ฉันปราถนาอยากได้ยินมาตลอดชีวิต !

     

    ยอดไปเลย  นี่หรือคือความรู้สึกของแฟนซีเตเต้เวลาที่ได้รับการขอบคุณจากชาวเมือง

     

    ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปให้ลุงเห็น  แต่ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก  แถมไม่ใช่ร้อนเพราะเอากระสุนไปอมใต้ลิ้นเพื่อแกล้งป่วยเสียด้วย

     

    ในตอนนั้นเองที่ลุงยืนมือมาให้ฉัน

     

    พวกเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยสินะ 

     

    เห... ไหนว่าถ้าถูกแม่มดรู้จักชื่อจะถูกสาปไงคะ

     

    ลุงยิ้ม

     

    แม่มดน่ารักอย่างหนูน่าจะนำโชคให้มากกว่านะ

     

    แล้วอย่าเสียใจทีหลังล่ะ 

     

    ฉันยิ้มตอบ

     

    แม้ว่าอายุจะห่างกันกว่าสองทศวรรษ  แม้ว่าเราจะเพิ่งเจอกันไม่นานนัก... พวกเราจับมือเชคแฮนด์กันดั่งสหายร่วมสมรภูมิผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

     

    หนูชื่อแคทรียา  แต่เพื่อน ๆ เรียกหนูว่า แคทค่ะ

     

    ยินดีที่ได้รู้จักนะแคท...

     

    ลุงเริ่มขยับปากทั้งรอยยิ้ม

     

    ส่วนฉันชื่อ...

     

    ฟุ่บ...

     

    มันเป็นเสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศผ่านรูทางออก

     

    ตามด้วยเสียงของแข็งกระทบกับไม้

     

    ด้ามไม้ของปืนไรเฟิลที่พาดอยู่ตรงร่องไหล่ของลุงแตกเป็นรูโหว่

     

    เลือดเลือดเริ่มไหลรินออกมาจากปากที่ยังยิ้มอยู่...

     

    ก่อนที่ร่างของลุงนิรนามจะเอนตัวฟุบลงไปทั้งที่ฉันยังคงกุมมือแกแน่น

     

    ลุงตายแล้ว...

     

    ตายทั้งที่ฉันยังไม่ทันได้รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×