คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 1: Act IV
“ข้าไม่มีวันบอกอะไรกับพวกสุนัขของราชวงศ์หรอก...”
“ตอบผิดแล้วนะคะ” แขกต่างถิ่นยิ้ม “อีกอย่าง พวกเราเป็นข้าราชรับใช้ผู้จงรักภักดีต่างหากค่ะ พวกคุณนั่นแลที่เป็นพวกกบฏหนูหนูสกปรก”
“กบฏที่ล้มเจ้าได้เขาเรียกว่าคณะปฏิวัติเฟ้ย”
ทว่า หญิงวัยกลางคนกลับไม่สนใจคำพูดคม ๆ ที่เจ้าของโรงเตี้ยมอุตส่าห์คิดขึ้นได้ในสถานการณ์นั้นเลย หล่อนหยิบดาบปลายปืนขึ้นมาหมุนควงอย่างคล่องแคล่วต่อหน้าคุณลุงผู้เชื่อมั่นในการปฏิวัติ
“รู้ไหมว่าการที่เราต้องลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับไพร่ที่ไม่เจียมกะลาหัวมันช่างเป็นเรื่องที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย” เธอเปรยด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่อ่อนโยน พร้อมกับจ่อใบมีดคมกริบที่ต้นคอของชายตรงหน้า “เอาล่ะ ทีนี้ก็ตั้งใจฟังคำถามของเราให้ดี แล้วตอบคำถามตามที่ถามนะคะ”
“ข...ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
คราวนี้หล่อนกดปลายมีดลงบนผิวหนังมากขึ้นจนโลหิตแดง ๆ เริ่มปูดออกมา
“ข้อแรก มาสเตอร์มีคอเล็คชั่นไวน์ที่ค่อนข้างไม่สมฐานะเลยนะคะ” คุณผู้หญิงเหลือบมองขวดไวน์ที่เรียงเป็นตับบนชั้น “ถึงเปโกกราซ กับ ดอม ปราโกดี้ที่มาสเตอร์เสนอมาเป็นไวน์หรูที่หาได้ทั่วไปในเมือง แต่เจ้าขวดอื่นบนชั้นนี่เรียกได้ว่าหายากแม้แต่บนชั้นไวน์ของพวกคหบดีผู้ร่ำรวยเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาโต้ มากราฟ ที่แม้แต่เจ้าเหนือหัวเองยังหาได้อย่างลำบากเลย นับภาษาอะไรกับพวกรากหญ้าชั้นสถุลอย่างมาสเตอร์ล่ะคะ—”
“ดังนั้นคำถามง่าย ๆ เลยก็คือ... มาสเตอร์ไปเอาไวน์ชั้นเลิศพวกนี้มาจากไหนคะ ?”
มาสเตอร์ของโรงเตี้ยมเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตระหนก
“ม...ไม่รู้”
“ไม่รู้อย่างนั้นหรือคะ”
สตรีผมน้ำตาลส่งยิ้มหวานให้กับชายหัวล้าน เธอค่อย ๆ ลดมีดลง... ทุกอย่างเริ่มดูคลี่คลายตามลำดับ
ทว่า...
แอ๊ก !
จู่ ๆ หล่อนก็เตะเข้าที่ข้อพับขาของเจ้าของโรงเตี้ยมจนทรุดตัวล้มไปนอนกับพื้น
“ทำไม —”
ก่อนที่จะได้พูดจนจบประโยค ดาบปลายปืนเล่มยาวก็ปักเข้าที่พื้นห่างจากแก้มของเขาไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร
“โกหก ! มาสเตอร์อยู่แถบนี้มานานก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนี่คะว่าแถบนี้มีแต่ปราสาทฮาลิแฟ็กซ์เท่านั้นที่พอจะเก็บไวน์คุณภาพชั้นนี้ มีแต่ครอบครัวตระกูลฮาลิแฟ็กซ์ที่ปกครองพื้นที่แถบนี้เท่านั้นล่ะที่มีเงินพอที่จะซื้อไวน์เหล่านี้มาได้ อืม อืม”
ใบหน้าที่ผ่านช่วงเวลาที่เจิดจรัสที่สุดแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความงามขยับเข้ามาใกล้หน้าของชายหัวล้านจนหน้าผากเกือบจะชนกัน เมื่อให้การถึงจุดนี้ร่างของเจ้าของโรงเตี้ยมต้องมีอันเป็นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว...
“ตอบมาตรง ๆ ดีกว่าค่ะ มาสเตอร์เอาไวน์พวกนี้มากจากปราสาทฮาลิแฟ็กซ์ใช่ไหมคะ ?”
“คงขโมยตอนช่วงตอนก่อกบฏสินะ ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากพวกหนูสกปรกที่พอแมวไม่อยู่ก็เที่ยวอาละวาดไปทั่วหรอก...”
“บารอนเนสคลาริสคงตายไปแล้วสินะ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน เธอยังสาวอยู่เลยตอนที่ต้องรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจากบารอนยอร์ฮันนะ”
ทันใดนั้นเอง มือของเจ้าหล่อนก็คว้าที่เป้ากางเกงของเจ้าของโรงเตี้ยมพลางบีบเค้นมันราวกับเป็นดินน้ำมัน
“พวกแกคงย่ำยีคลาริสที่แสนอ่อนโยนคนนั้นอย่างหนำใจล่ะสิ มาสเตอร์เองก็คงสนุกเลยล่ะสิที่ได้ลิ้มรสชาติของเธอ ทำไปกี่รอบล่ะ ? ลีลาของเธอเยี่ยมกว่าเมียของมาสเตอร์ไหมล่ะ ดีไหม ? สนุกไหม ? ยอดเยี่ยมไหมล่ะ !”
เจ้าของโรงเตี้ยมได้แต่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เขาอยากจะเอ่ยปากแก้ความเข้าใจผิดนี่เหลือเกิน แต่สตรีที่มือกำลังขยำเป้ากางเกงอย่างโหดเหี้ยมพลางถาโถมคำพูดที่สุดแสนจะน่าสะอิดสะเอียนทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มแย้มมันลบความกล้าในหัวไปหมดเลย
กระนั้นมีบางอย่างที่น่ากลัวอย่างกว่ามือที่กำลังขยี้เจ้าโลกของเขาอยู่
เขาไม่มีวันลืมนัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นเลย...
ทั้งที่หล่อนยังคงปั้นรอยยิ้มคุณป้าที่กำลังมองหลานวิ่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่สิ่งที่ฉายออกมาจากแววตากลับเป็นเพียงความมืดมิด...
มันมืดมาก... เป็นความืดมิดที่ไร้ความหวัง ไร้อนาคต มีแต่ความว่างเปล่า
ในที่สุดคุณลุงก็เค้นเสียงเฮือกสุดท้ายออกมาจนได้
“บ...บารอนเนส เสียชีวิตเพราะโรคเรื้อรังก่อนการปฏิวัติ !”
หญิงผู้โหดเหี้ยมหยุดมือก่อนที่จะบีบบางอย่างใต้กางเกงของเจ้าของโรงเตี้ยมเสียจนแตก หล่อนจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่แปลกใจเป็นครั้งแรก
“จริงหรือคะ ?”
“จริงสิ ! ใครจะไปทำอะไรบารอนเนสที่มีเมดสงครามตามติดตัวอยู่ตลอดเวลาได้ล่ะ !”
“จริงด้วยสินะ มีเมดสงครามอยู่ด้วยนี่เอง” หล่อนคลายมือออกจากเป้ากางเกง นัยน์ตาเหลือบมองผู้ถูกทารุณด้วยความสนใจ “มาสเตอร์คะ ช่วยเล่าเรื่องเมดสงครามหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนหลังจากบารอนเนสคลาริสตายไปนะ”
“แล้วแกอยากรู้ไปทำไม ?”
“พวกเราอยากจะเข้าไปหาบางสิ่งในปราสาทฮาลิแฟ็กซ์ค่ะ” ทันทีที่กล่าวจบ หญิงผู้มาเยือนก็รีบยกมือขึ้นมาป้องปากด้วยความแปลกใจ
“สงสัยว่าฤทธิ์ของชาโต้ มากราฟจะดีตามคำร่ำลือจริง ๆ ด้วยสินะคะ”
“สรุปแล้วพวกแกอยากไปหาอะไรบางอย่างที่ปราสาทนั่นสินะ” เจ้าของโรงเตี้ยมถามเพื่อยืนยันอีกรอบ
“ใช่ค่ะ มีบางอย่างสำคัญมากที่เราอยากได้อยู่ ไม่ทราบว่ามาสเตอร์จะพอให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ไหมคะ...”
นี่เป็นครั้งแรกที่ดูเหมือนเจ้าของโรงเตี้ยมจะเป็นต่อในการสนทนากับสตรีต่างถิ่นคนนี้ เขาเหลือบไปมองภรรยาที่ยังถูกมีดดาบจ่อที่คอหอยอยู่
“ปล่อยเมียข้าไปก่อน แล้วจะบอกสิ่งที่พวกแกอยากรู้”
“ช่างโรแมนติกเหลือเกิน... แต่มาสเตอร์ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองได้ในตอนนี้นะคะ” หล่อนกล่าวสวน
คราวนี้ชายหัวล้านกลับยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“รู้ไหมว่าข้านะเคยเป็นคนสวนของตระกูลฮาริแฟ็กซ์ ดังนั้นข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับปราสาทนั่นดีกว่าใครในที่นี้ ลองทำอะไรเมียข้าดูสิ พวกแกจะไม่มีวันรู้สิ่งอยากรู้อย่างแน่นอน เข้าใจไหม !”
ทว่า เจ้าของร้านดีใจกับความเหนือกว่าในการต่อรองได้ไม่นานนัก
แขกต่างถิ่นถอนหายใจ...
ก่อนที่จะใช้มือบีบปากของเจ้าของโรงเตี้ยมให้เปิดออก
อุก… เจ้าของร้านดิ้นพล่านอย่างตื่นตระหนก
“บอกแล้วไงคะว่ามาสเตอร์ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองได้นะค่ะ”
ว่าแล้วเธอก็ใช้มืออีกข้างที่ถือขวดไวน์ไว้ตั้งแต่แรก กรอกปากไวน์ราคาแพงลงในปากหนา ๆ ของชายหัวล้านจนหกเละเทะเต็มหน้าไปหมด
“เราจะบอกเรื่องอะไรดี ๆ อีกอย่างเกี่ยวกับชาโต้ มากราฟที่น้อยคนนักจะรู้นะ”
“เจ้าไวน์นี้ แท้จริงแล้วที่มันหายากไม่ใช่เพราะรสชาติของมันหรอกนะ แต่เป็นเพราะกองอัศวินกว้านซื้อมันไปหมดเลยนะสิคะ ก็ฤทธิ์ที่จะเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจของผู้ที่ดื่มออกมานะ มันคือยาบังคับสารภาพดี ๆ นี่เองล่ะค่ะ”
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกหยดที่มีค่าเท่ากับเหรียญทองนับสิบเหรียญก็ไหลออกมาจากขวดจนหมดสิ้น
“เอาล่ะค่ะ ทีนี้ก็ตอบคำถามของเราอีกรอบนะคะ...”
ภาพสุดท้ายที่เจ้าของโรงเตี้ยมจำได้คือรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของสตรีผู้ร่ำรวย หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ความคิดเห็น