ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Maid-At-Arms สาวใช้พันธุ์ดุ

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 1: Act III

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 65


     ซิลวี  ภรรยาเจ้าของโรงเตี้ยมที่กำลังตั้งท้องได้แปดเดือนให้การกับผู้หมวดแอนเดอร์สันไว้ดังนี้

     ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก

     ชายสามถึงสี่คนพยายามจะตะครุบตัวแขกต่างถิ่นร่างเล็กที่ยืนขวางระหว่างมวลชนบ้าคลั่งกับสตรีผู้มั่งคั่ง

     นั่นเป็นครั้งแรกเห็นแขกร่างเล็กขยับตัวมากขนาดนี้  แต่ก็เพียงพอที่จะประทับภาพนั้นในความทรงจำของซิลวี

     ซิลวีอธิบายไว้ว่าท่วงท่าการขยับตัวของ “หล่อน” ราวกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน

     และดอกไม้นั่นก็เต็มไปด้วยหนามที่แหลมคม

     ผ้าคลุมถูกสะบัดเป็นริ้วประดุจคลี่พัด  ก่อนที่ใบมีดแหลมคมจะพุ่งกระจายเสียบร่างของกลุ่มชายที่พุ่งเข้ามา

     ฉึก  ฉึก  ฉึก

     เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที  ชายทั้งสี่ล้มไปนอนจมกองเลือดกันอย่างพร้อมเพรียง 

     ร่างกลุ่มชายฉกรรจ์ถูกปักด้วยดาบปลายปืนนับสิบเล่ม  โลหิตสด ๆ หลั่งรินออกมาจากร่าง บางคนนอนแน่นิิ่งไม่ไหวติง  อีกคนร้องโหยหวนแข่งกับชาลีราวกับเป็นการร้องประสานเสียงคอรัสแห่งความตาย  คนสุดท้ายที่พอมีแรงที่สุดพยายามคลานหนีอย่างทุลักทุเล

     ผู้หมวดแอนเดอร์สันได้อธิบายปรากฏการณ์นั้นว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออาวุธที่เกิดจากการ “แมทีเรียลไลซ์” หรือเรียกกันเล่น ๆ ว่า “การเรียกอาวุธ” ของเมดสงครามนั่นเอง  มันเป็นความสามารถพิเศษของเมดสงครามที่จะเรียกอาวุธออกมาจากความว่างเปล่า  ซึ่งอาวุธที่เรียกออกมานั้นจะแตกต่างกันตามแต่ละคน 

     ยังตอบไม่ได้ว่าเมดสงครามเรียกอาวุธเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร ? ทำไมเมดแต่ละคนถึงได้มีอาวุธที่ต่างกัน ?  คำถามเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปริศนาทั้งปวงถึงตัวตนของเมดสงครามและเหตุผลในการดำรงอยู่ของพวกหล่อน

     และกลุ่มชายผู้โชคร้ายก็ได้เผชิญหน้ากับปรากฎการณ์นั้นเข้าอย่างจัง  

     ผู้ที่ยืนอยู่กลางความพินาศและคราบเลือด คือเด็กสาวผมทองที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินสิบห้าปี  ผมตัดสั้นราวกับเด็กผู้ชาย  แต่ไม่ว่ามองอย่างไรใบหน้าที่ราวหลุดออกมาจากภาพวาดของนางฟ้าก็ดูเป็นใบหน้าของเด็กหญิง เธอมีรูปร่างเล็กและผอมเพรียวราวกับเด็กชาย  สวมชุดเมดสีดำคาดแอพรอนสีขาวบริสุทธิ์ที่ถูกแปดเปื้อนด้วยคราบโลหิตสีแดงเป็นวงคล้ายกับลวดลายดอกไม้ประดับ

     กระนั้น สิ่งที่ทุกคนต่างหวาดกลัวสุดขีดคือนัยน์ตาสีทองของเมดสาว 

     แววตาของเธอไม่ใช่แววตาของมนุษย์ปรกติ  ซิลวีไม่เคยเห็นแววตาที่ไร้ความรู้สึกและอารมณ์เช่นนี้มาก่อน  แววตาที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้นว่างเปล่า  มองไม่เห็นความมีชีวิตอยู่ในตาคู่นั้นนอกจากเงาสะท้อนของเปลวเพลิงจากเตาผิง

     หากจะให้เปรียบเทียบแล้วมันเหมือนกับแววตาของงู...  มันเหมือนเวลาจ้องตาของงูยามที่กำลังเขมือบเหยื่อของมันลงท้องอย่างสยดสยอง

     ทุกคนได้แต่หยุดชะงักกับสิ่งที่เห็น  ก่อนจะเริ่มกลับหลังหันร้อยแปดสิบองศา  วิ่งกรูหนีออกจากร้านอย่างไม่คิดชีวิต  เหลือทิ้งไว้แต่บางคนอย่างซิลวีที่ตื่นตกใจจนขาก้าวไปไม่ออก 

     และหนึ่งในคนที่เหลืออยู่ คือสามีของหล่อนก็ยืนขาตายตัวสั่นอยู่แถวนั้น

     สภาพในโรงเตี้ยมนี้ไม่ต่างจากสนามรบเสียเท่าไหร่ 

     โต๊ะและเก้าอี้ล้มระเนระนาด 

     เศษขวดเศษแก้วแตกกระจายตามพื้นเต็มไปหมด 

     กลิ่นคาวเลือดลอยโชยผสมปนเปกับกลิ่นหอมละมุนติดจมูกของไวน์ชาโต้   มากราฟ

     ท่ามกลางเศษซากของการฆ่าฟัน มีสตรีนางหนึ่งดื่มไวน์หายากอย่างสบายอกสบายใจ 

     “บราโว่  ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”  หล่อนกล่าวพลางปรบมือประหนึ่งผู้ชมที่ถูกใจกับการแสดงบนละครเวที  “ความจริงเราอยากจะกล่าวแสดงความเสียใจนะ  แต่เมื่อดื่มไวน์นี้ไปแล้วทำให้เราไม่อาจจะหลอกความรู้สึกของตัวเองได้นะสิ” 

     สตรีผู้มั่งคั่งลุกขึ้นยืนพร้อมกับถือขวดไวน์ติดมือด้วย  สาวใช้มือสังหารที่ยืนขวางอยู่หลีกทางให้กับนายหญิงอย่างนอบน้อม  เบิกทางให้หล่อนเดินก้าวข้ามศพและผู้บาดเจ็บที่นอนเกลื่อนพื้น

     คุณผู้หญิงต่างถิ่นหยุดยืนต่อหน้าเจ้าของโรงเตี้ยมที่ยืนตัวสั่นไม่อาจขยับตัวหนีไปได้ 

     หล่อนก้มตัวหยิบดาบปลายปืนที่ปักคาศพของปิแอร์ผู้เป็นพ่อลูกสอง  สะบัดคราบเลือดที่ติดอยู่บนมีดดาบราวกับศิลปินสะบัดพู่กัน   

     “ไม่ต้องกลัวนะ เราแค่อยากถามคำถามไม่กี่ข้อเท่านั้นเอง  ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย จริงไหมคะ ?” เธอกล่าวกับชายหัวล้านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

     เจ้าของโรงเตี้ยมกล่าวในภายหลังว่าเขากลัวผู้หญิงตรงหน้ามาก  กลัวยิ่งกว่าตอนที่เจอฝูงหมาป่าระหว่างตอนหลงป่าเสียอีก  กลัวจนเรียกได้ว่าเยี่ยวจะราดเลยก็ว่าได้  สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่ฉี่แตกในตอนนั้นก็เพราะเขาเพิ่งแอบออกไปฉี่ก่อนที่ผู้หญิงบ้าเลือดทั้งสองคนนี้จะโผล่มานั่นเอง

     ที่น่ากลัวที่สุดก็คงเป็นรอยยิ้มอบอุ่นบนหน้าของหญิงวัยกลางคนนั่นที่เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับตอนที่ตอบรับคำขอบคุณตอนที่เลี้ยงเหล้าให้คนทั้งร้านไม่มีผิดเพี้ยน

     ขยับไม่ได้...

     เขาก้าวเท้าไม่ออก  ท่อนขาทั้งสองสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้

     เจ้าของโรงเตี้ยมคิดว่าชาตินี้คงจะไม่ได้ขยับอีกแล้ว  จนกระทั่งมีเสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังขึ้นมา...

     “ตาแก่  รีบหนีไปสิ !”

     มันเป็นเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของซิลวีผู้เป็นภรรยา

     พอสิ้นเสียงเท่านั้นปลายมีดสีเงินคมกริบในมือเมดสาวผมทองก็จ่อเข้าที่คอหอยของซิลวีที่กำลังตั้งท้องอยู่เสียแล้ว

     “พวกสัตว์นรก  ซิลวีกำลังท้องอยู่นะ !” 

     ในที่สุดเจ้าของโรงเตี้ยมก็เอาชนะความหวาดกลัวด้วยความโกรธเกรี้ยวจนสามารถที่จะเอ่ยปากได้อีกครั้ง 

     ทว่าคำขู่นั้นไม่ทำให้หญิงสาวผู้มั่งคั่งเปลี่ยนสีหน้าได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     “ไม่ต้องห่วงค่ะ  พวกเราไม่คิดจะใช้วิธีชั่วช้าเช่นจับตัวสตรีมีครรภ์มาเป็นตัวประกันหรอก”  แต่การกระทำของเมดจิ๋วนั้นดูจะตรงกันข้ามกับคำพูดของนายหญิงโดยสิ้นเชิง

     “พวกแกต้องการอะไรกันแน่ !”

     “บอกแล้วไงคะว่าเราอยากแค่ถามคำถามมาสเตอร์แค่ไม่กี่คำถามเท่านั้น” 

     เจ้าของโรงเตี้ยมมองหน้าภรรยาที่กำลังตื่นกลัวด้วยความเป็นกังวล  แต่สายตาที่ส่งตอบกลับมานั้นทำให้ใจของเขาต้องสั่นไหวด้วยความปลาบปลื้มในความแน่วแน่ของผู้เป็นภรรยา 

     ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กันอย่างคนรู้ใจ

     เจ้าของโรงเตี้ยมให้การในตอนหลังว่า เขารู้สึกได้ถึงคำพูดที่ซิลวีพยายามสื่อออกมาจากแววตาคู่นั้น... ราวกับซิลวีพยายามจะตะโกนเสียงดังว่า  “เอ็งอย่าได้ปริปากบอกอะไรเด็ดขาดนะ ! ไม่งั้นแม่เฉ่งแกแน่”  

     เขามั่นใจว่าซิลวีต้องหมายถึงตามนั้นอย่างแน่นอน...

     “ข้าไม่มีวันบอกอะไรกับพวกสุนัขของราชวงศ์หรอก”

     ชายหัวล้านผู้เป็นสามีตะโกนปฏิเสธด้วยความภาคภูมิตามปณิธานของผู้เป็นภรรยา

     ทว่า อีกบันทึกของคำให้การของซิลวีกลับเผยให้เห็นอีกเรื่องที่ตรงกันข้ามกับผู้เป็นสามีโดยสิ้นเชิง

     ซิลวีเล่าว่าตอนนั้นเธอแทบจะเป็นลมตอนที่ได้ยินผัวโง่ ๆ ตะโกนแหกปากออกไปเช่นนั้น...

     ทำไมนะหรือ

     ก็ตอนที่หล่อนพยักหน้ามันเป็นการบอกให้ผู้เป็นสามีเล่าทุกอย่างให้พวกนั้นฟังต่างหากเล่า !

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×