ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Battlefield Witch: Cattleya แม่มดฝ่าสมรภูมิเดือด

    ลำดับตอนที่ #4 : แม่มดกับการล่าแม่มด

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 54


                    ภารกิจพิเศษที่ฉันได้รับในครั้งนี้คือการลอบสังหารแม่มดของฝ่ายศัตรู

     

                    การบุกเข้าจู่โจมแนวป้องกันข้าศึกเมื่อสองสัปดาห์ก่อนจบลงด้วยการสังเวยหมู่ทหารไปราวหนึ่งพันเศษ  รายงานส่วนหนึ่งกล่าวว่าจู่ ๆ พื้นดินที่เคยแห้งผากกลับร่วนซุยราวกับทรายดูด  ฉุดรั้งแถวทหารให้อยู่กับที่  ตกเป็นเป้านิ่งของปืนกลวิกเกอร์กับปืนเล็กยาวฝ่ายข้าศึก  แม้แต่หุ่นรบหุ้มเกราะไร้เทียมทานยังไม่รอด  ตกเป็นเป้าซ้อมยิงของปืนใหญ่ฝ่ายจักรวรรดิอย่างน่าสงสาร

     

                    มันเป็นเวทมนต์ของพวกแม่มด !”

     

                    นั่นคือสิ่งแรกที่หน่วยเหนือโบ้ยความผิดให้เป็นสิ่งแรก 

     

                    ไม่ใช่เพราะแผนการบุกเข้าตีแสนจะไร้ความยืดหยุ่น  หรือหน่วยปืนใหญ่ที่ไร้ความสามารถ  หรือการประสานงานระหว่างภาคสนามและแนวหลังที่แสนจะเชื่องช้า

     

                    ใช่แล้ว  หน่วยเหนือไม่คิดจะโทษเหตุผลเหล่านั้นเลย  เป็นเพราะเวทมนต์ของพวกแม่มด  ทำให้แผนการบุกที่สมบูรณ์แบบต้องล้มเหลว  เป็นเพราะคำสาปอันแสนชั่วร้ายที่ทำให้เด็กหนุ่มเหล่านั้นต้องตายราวกับใบไม้ร่วง 

     

                    ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด  ก็แม่มดอย่างฉันเป็นศูนย์รวมแห่งความเกลียดชังอยู่แล้ว

     

                    ในเมื่อความล้มเหลวในการเข้าตีเป็นผลมาจากเวทมนต์ของแม่มด  ดังนั้นหน่วยเหนือจึงมีคำสั่งให้กองร้อยไสยเวทที่ 601 รับผิดชอบในงานนี้

     

                    ตาต่อตา  ฟันต่อฟันสินะ

     

                    สิ่งแรกที่พวกเราทำคือค้นหาตำแหน่งของแม่มดที่ว่า  โชคเข้าข้างเราเหลือเกินที่มีเพื่อนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถเช่นไอริสอยู่ด้วย  ฝ่ายเราจึงสามารถระบุพิกัดคร่าว ๆ ของแม่มดเจ้าปัญหานั่นได้อย่างไม่ยากเย็น

     

                    และเนื่องจากเวทมนต์ที่ศัตรูใช้กินพื้นที่กว้างมาก  จึงมีความเป็นไปได้สูงที่แม่มดเจ้าปัญหาจะต้องอยู่ใกล้พื้นที่เขตแนวหน้าของศัตรูอย่างแน่นอน

     

                    เมื่อพอจะรู้แล้วว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน  ขั้นต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องเป็นคนจัดการ

     

              ถึงฉันจะไม่อาจอธิบายประสบการณ์ของธรรมชาติในห้วงแห่งอาคาช่าออกมาเป็นคำพูด  แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ฉันพอจะทำได้...

     

                    เส้นสายใยแห่งจักรวาล

     

                    ฉันสามารถมองการเปลี่ยนแปลงของเส้นสายใยแห่งจักรวาลในห้วงอาคาช่า  ฉันสามารถตรวจจับได้ว่าจุดไหนมีการเปลี่ยนแปลงของวิถีแห่งจักรวาลที่เกิดจากการบังคับโดยเวทมนต์ 

     

                    และเมื่อแม่มดฝ่ายจักรวรรดิร่ายมนต์อีกครั้ง  มันก็จะเป็นจุดจบของเธอ

     

                    หากถามว่าฉันรู้สึกอย่างไรที่จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการคร่าชีวิตคนเป็นครั้งแรก...

     

    บอกตรง ๆ เลยว่าฉันอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้

     

    ฉันไม่เคยฆ่าคนมาก่อน  บอกตรง ๆ เลยว่าแม้แต่สัตว์น้อยใหญ่ฉันก็ไม่เคยฆ่า

     

    กระนั้น  ฉันยินดีที่จะมือเปื้อนเลือดแทนไอริส... แม้ทั้งโลกจะประณามแม่มดเฉกเช่นเรา  แต่อย่างน้อยสำหรับไอริสแล้วเธอนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ 

     

    ที่สำคัญที่สุด  ฉันอยากเป็นคนปกป้องไอริสและคนอื่นอีกด้วย  แบบเดียวกับแฟนซีเตเต้ที่คอยปกป้องคู่หูของเธอ  มาจิก้าซีเรีย และชาวเมืองทั้งหลาย

     

    ........................

    ..............

    .....

     

    ระหว่างที่แหวกว่ายไปตามสายธารแห่งจักรวาล  ฉันก็รู้สึกว่าลุงกำลังสะกิดตัวฉันอยู่  ยังดีที่ฉันรอบคอบ  หากไม่ได้คว้าปมของลุงกับสายใยของสถานการณ์โดยรอบไว้ก็คงไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบร่างต้นได้เลย 

     

    ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าทำไมลุงดูกระวนกระวายเหลือเกิน...  ระหว่างที่จิตของฉันกำลังเหลือบมองเข้าไปในห้วงแห่งอาคาช่า  ร่างต้นจะแน่นิ่งราวกับคนตาย  หากลุงกังวลว่าฉันจะหมดลมไปแล้วมันก็ไม่น่าแปลกเลย

     

    ปากของลุงกล่าวอะไรบางอย่าง

     

    ถึงเวลาแล้วอย่างนั้นหรือ ?

     

    เสียงนกหวีดที่ดังแหวกอากาศมาจากสนามเพลาะฝั่งพันธมิตร

     

    เสียงของชายหนุ่มนับพันกำลังปีนออกมาจากสนามเพลาะ

     

    รองเท้าบู้ทนับพันคู่ย่ำพื้นจนผืนดินสั่นสะเทือน

     

    และ...

     

    เสียงหวีดหวิวของลูกกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืนครกฉีกอากาศ

     

    ตูม !

     

    ร่างของทหารนับสิบถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แขน ขา และส่วนอื่นที่ไม่อาจบอกได้กระจายไปทั่วพื้น

     

    แต่ทหารชุดสีน้ำเงินอันกล้าหาญก็ยังวิ่งทะยานผ่านชิ้นส่วนของผองเพื่อนอย่างไม่คิดชีวิต

     

    บรึม !

     

    เสาเพลิงปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ร่างมนุษย์ไหม้เกรียมปลิวว่อนราวกับใบไหม้ที่ถูกลมพัด

     

    มันคงเป็นระยะ 1,000 หลาที่ยาวไกลที่สุดสำหรับทหารเหล่านั้น

     

    ส่วนลุงก็มีสีหน้าเหมือนยักษ์ขึ้นเรื่อย ๆ  เหมือนแกพยายามจะเขย่าตัวปลุกฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    แต่ยังก่อน.. ยังไม่ถึงเวลา

     

    ฉันปล่อยให้ร่างล่องลอยไปตามกระแสแห่งชีวิต  เฝ้ามองการดับสูญของปมแสงราวกับเฝ้ามองดอกไม้ไฟ  พยายามเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นธรรมชาติท่ามกลางคลื่นปั่นป่วน

     

    และในตอนนั้นเอง  ฉันก็มองเห็นสิ่งที่เฝ้ารอ

     

    มันคือภาพของสายใยแห่งจักรวาลที่กำลังถูกดูดเข้าไปรวมกับจุด ๆ หนึ่งอย่างเข้มข้น

     

    เจอแกแล้ว  ยายแม่มดเจ้าปัญหา

     

    .....................

    ............

    ...

     

    ทุกอย่างมันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

     

    ทันทีที่ตัดการเชื่อมต่อกับห้วงแห่งอาคาช่า  สัมผัสทุกอย่างก็ประดังเข้ามาหาตัวฉันราวกับโดนน้ำหลากซัดใส่  โดยเฉพาะกับความรู้สึกที่ว่าร่างของฉันกำลังถูกเขย่าอย่างแรง

     

    พอได้แล้วลุง 

     

    ฉันรีบปัดไม้ปัดมือพัลวัน

     

    ขอบคุณพระเจ้า  เธอรู้สึกตัวเสียที

     

    ลุงกล่าวออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก  แต่สำหรับฉันแล้วมันค่อนข้างน่าแปลกใจเหลือเกิน

     

    ลุงเป็นห่วงฉันเหรอเนี่ย

     

    ไม่น่าเชื่อว่าคนธรรมดาจะเป็นห่วงแม่มดอย่างฉันได้

     

    แต่ก่อนที่ฉันจะได้กล่าวอะไรออกไป  กระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งเฉี่ยวหัวไปนิดเดียวระเบิดขึ้น  บังคับให้ทั้งฉันและลุงต่างหมอบราบตัวแนบกับพระแม่ธรณี

     

    มันเป็นช่วงนั้นเองที่ฉันสังเกตได้ว่าสัมผัสของพื้นดินดูแปลกไปอย่างบอกไม่ถูก  ดูคล้ายกับเปลี่ยนเป็นทรายร่วนที่ไร้ก้นบ่อ 

     

    ตัวของฉันกับลุงค่อย ๆ จมลงไปเรื่อย ๆ

     

    เวทมนต์ที่ว่าเริ่มทำงานแล้ว

     

    ลุง  ขอกระสุนนัดนึง  ด่วนเลย !”

     

              ฉันตะโกนลั่นแข่งกับเสียงโห่ร้องและระเบิดที่ปลิวว่อน

     

                    ลุงหยิบกระสุนนัดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าก่อนรีบยื่นมาให้  ฉันรีบคว้ามันมากุมไว้เหนือหน้าผาก

     

                    วัตถุในมือข้าจงฟัง  จงอย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกหรือภาษามนุษย์หลอกเจ้า  ตัวเจ้านั้นมิใช่กระสุนตะกั่ว  แต่เป็นส่วนหนึ่งของสายใยแห่งจักรวาล...  ฉันกล่าวเสียงสั่นในขณะที่ร่างค่อย ๆ จมลงไปในทรายดูด

     

                    ยังไม่เสร็จอีกหรือ !”  ลุงตะโกนลั่นพลางพยายามตะกายตัวปีนขึ้นจากการจมในผืนดิน

     

                    เอาล่ะ  จงไปได้แล้ว  จงไปหาผู้ที่กำลังเรียกหาเจ้าเสีย !”

     

                    ฉันจุมพิตเจ้ากระสุนที่ถูกกล่อมจนอยู่หมัดให้กับลุง  ไม่นึกว่าทริคที่ใช้เล่นซ่อนหากับพวกเพื่อน ๆ ที่หมู่บ้านจะมาใช้กับสถานการณ์นี้ได้

     

              ลุงใช้เจ้าหนูนี่ 

     

                    ลุงรีบรับมันมาจะบรรจุลงในรังเพลิงอย่างคล่องแคล่ว  ก่อนจะเล็งปืนไรเฟิลไปเบื้องหน้า

     

                    แล้วจะให้ยิงเป้าตรงไหน

     

                    นั่นเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมาก

     

                    ลุง...ปืนนี่ยิงได้ไกลเท่าไหร่

     

                    ระยะหวังผลประมาณ 400 กว่าหลา! ยังไม่เสร็จอีกเหรอ  จะจมดินตายโหงกันหมดแล้วนะ

     

                    400 หลา... ถ้ามองไม่ผิดตำแหน่งของแม่มดฝั่งโน้นน่าจะอยู่ห่างประมาณ 450 - 500 หลา  ต้องเคลื่อนที่ไปอีก 50 หลาอย่างนั้นหรือ

     

                    ลุง  ถ้าเกิดยิงนอกระยะหวังผลจะเกิดอะไรขึ้น 

     

                    ความแม่นยำก็จะลดลงนะสิ 

     

                    แต่มันยิงโดนได้ใช่ไหม 

     

                    เออ ! ยิงได้สิ  จะรีบทำอะไรก็ทำ  เร็วเข้า  ลุงตะคอกใส่ฉันอย่างอารมณ์เสียสุด ๆ แต่ฉันได้ข้อมูลที่ต้องการเพียงพอแล้ว...

     

                    ฉันขยับเข้าใกล้ลุงด้วยความยากลำบาก  ก่อนจะใช้มือสัมผัสปืนไรเฟิลของลุง

     

                    หันปืนขึ้นฟ้า  อย่าให้มีอะไรขวางวิถีกระสุนนะ  พอหนูบอกว่ายิง ลุงก็ลั่นไกเลยนะ 

     

                    ร่างของเราทั้งสองจมจนเกือบถึงหัวแล้ว  กระนั้นฉันกลับรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก  ฉันหลับตาพร้อมกับร่ายมนตราด้วยความเยือกเย็น

     

                    อดีตกระสุนตะกั่วเอ๋ย  เจ้าจงนำพาข้าไปยังผู้ที่กำลังเรียกหาเจ้าที

     

                    ในมโนภาพที่ทุกอย่างดูราวกับเชื่องช้าลง  วิสัยการมองเห็นของฉันถูกแรงบางอย่างดึงไปทางทิศของสนามเพลาะฝ่ายจักรวรรดิด้วยความเร็วสูงจนมองเหตุการณ์รอบด้านไม่ทัน 

     

                    ในที่สุดภาพก็หยุดลงต่อหน้าสตรีนางหนึ่งที่กำลังนั่งภาวนาอยู่ในมุมมืด  เธอเป็นสตรีร่างท้วมวัยกลางคนผู้มีผมสีแดงราวแอปเปิ้ล  สวมเครื่องแบบทหารฝ่ายจักรวรรดิสีน้ำตาลขี้ม้าและหมวกเหล็กปีกกว้างที่ดูคล้ายชามข้าว  บริเวณรอบตัวนางมีลวดลายสลักเป็นวงเวทที่เขียนจากเลือด

     

                    ราวกับว่าหล่อนรับรู้การมาของฉัน  เธอหันหน้ามามองด้วยนัยน์ตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

     

                    ปากของหล่อนขยับ  พยายามกล่าวอะไรบางอย่าง

     

                    แต่มันสายไปเสียแล้ว

     

              เพราะปากที่ร่างต้นของฉันได้ขยับก่อนเป็นที่เรียบร้อย

     

                    ยิง !”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×