คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แม่มดกับการล่าแม่มด
ภารกิจพิเศษที่ฉันได้รับในครั้งนี้คือการลอบสังหารแม่มดของฝ่ายศัตรู
การบุกเข้าจู่โจมแนวป้องกันข้าศึกเมื่อสองสัปดาห์ก่อนจบลงด้วยการสังเวยหมู่ทหารไปราวหนึ่งพันเศษ รายงานส่วนหนึ่งกล่าวว่าจู่ ๆ พื้นดินที่เคยแห้งผากกลับร่วนซุยราวกับทรายดูด ฉุดรั้งแถวทหารให้อยู่กับที่ ตกเป็นเป้านิ่งของปืนกลวิกเกอร์กับปืนเล็กยาวฝ่ายข้าศึก แม้แต่หุ่นรบหุ้มเกราะไร้เทียมทานยังไม่รอด ตกเป็นเป้าซ้อมยิงของปืนใหญ่ฝ่ายจักรวรรดิอย่างน่าสงสาร
“มันเป็นเวทมนต์ของพวกแม่มด !”
นั่นคือสิ่งแรกที่หน่วยเหนือโบ้ยความผิดให้เป็นสิ่งแรก
ไม่ใช่เพราะแผนการบุกเข้าตีแสนจะไร้ความยืดหยุ่น หรือหน่วยปืนใหญ่ที่ไร้ความสามารถ หรือการประสานงานระหว่างภาคสนามและแนวหลังที่แสนจะเชื่องช้า
ใช่แล้ว หน่วยเหนือไม่คิดจะโทษเหตุผลเหล่านั้นเลย เป็นเพราะเวทมนต์ของพวกแม่มด ทำให้แผนการบุกที่สมบูรณ์แบบต้องล้มเหลว เป็นเพราะคำสาปอันแสนชั่วร้ายที่ทำให้เด็กหนุ่มเหล่านั้นต้องตายราวกับใบไม้ร่วง
ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด ก็แม่มดอย่างฉันเป็นศูนย์รวมแห่งความเกลียดชังอยู่แล้ว
ในเมื่อความล้มเหลวในการเข้าตีเป็นผลมาจากเวทมนต์ของแม่มด ดังนั้นหน่วยเหนือจึงมีคำสั่งให้กองร้อยไสยเวทที่ 601 รับผิดชอบในงานนี้
ตาต่อตา ฟันต่อฟันสินะ
สิ่งแรกที่พวกเราทำคือค้นหาตำแหน่งของแม่มดที่ว่า โชคเข้าข้างเราเหลือเกินที่มีเพื่อนที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถเช่นไอริสอยู่ด้วย ฝ่ายเราจึงสามารถระบุพิกัดคร่าว ๆ ของแม่มดเจ้าปัญหานั่นได้อย่างไม่ยากเย็น
และเนื่องจากเวทมนต์ที่ศัตรูใช้กินพื้นที่กว้างมาก จึงมีความเป็นไปได้สูงที่แม่มดเจ้าปัญหาจะต้องอยู่ใกล้พื้นที่เขตแนวหน้าของศัตรูอย่างแน่นอน
เมื่อพอจะรู้แล้วว่าเป้าหมายอยู่ที่ไหน ขั้นต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องเป็นคนจัดการ
ถึงฉันจะไม่อาจอธิบายประสบการณ์ของธรรมชาติในห้วงแห่งอาคาช่าออกมาเป็นคำพูด แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ฉันพอจะทำได้...
เส้นสายใยแห่งจักรวาล
ฉันสามารถมองการเปลี่ยนแปลงของเส้นสายใยแห่งจักรวาลในห้วงอาคาช่า ฉันสามารถตรวจจับได้ว่าจุดไหนมีการเปลี่ยนแปลงของวิถีแห่งจักรวาลที่เกิดจากการบังคับโดยเวทมนต์
และเมื่อแม่มดฝ่ายจักรวรรดิร่ายมนต์อีกครั้ง มันก็จะเป็นจุดจบของเธอ
หากถามว่าฉันรู้สึกอย่างไรที่จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการคร่าชีวิตคนเป็นครั้งแรก...
บอกตรง ๆ เลยว่าฉันอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้
ฉันไม่เคยฆ่าคนมาก่อน บอกตรง ๆ เลยว่าแม้แต่สัตว์น้อยใหญ่ฉันก็ไม่เคยฆ่า
กระนั้น ฉันยินดีที่จะมือเปื้อนเลือดแทนไอริส... แม้ทั้งโลกจะประณามแม่มดเฉกเช่นเรา แต่อย่างน้อยสำหรับไอริสแล้วเธอนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้
ที่สำคัญที่สุด ฉันอยากเป็นคนปกป้องไอริสและคนอื่นอีกด้วย แบบเดียวกับแฟนซีเตเต้ที่คอยปกป้องคู่หูของเธอ มาจิก้าซีเรีย และชาวเมืองทั้งหลาย
........................
..............
.....
ระหว่างที่แหวกว่ายไปตามสายธารแห่งจักรวาล ฉันก็รู้สึกว่าลุงกำลังสะกิดตัวฉันอยู่ ยังดีที่ฉันรอบคอบ หากไม่ได้คว้าปมของลุงกับสายใยของสถานการณ์โดยรอบไว้ก็คงไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบร่างต้นได้เลย
ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าทำไมลุงดูกระวนกระวายเหลือเกิน... ระหว่างที่จิตของฉันกำลังเหลือบมองเข้าไปในห้วงแห่งอาคาช่า ร่างต้นจะแน่นิ่งราวกับคนตาย หากลุงกังวลว่าฉันจะหมดลมไปแล้วมันก็ไม่น่าแปลกเลย
ปากของลุงกล่าวอะไรบางอย่าง
ถึงเวลาแล้วอย่างนั้นหรือ ?
เสียงนกหวีดที่ดังแหวกอากาศมาจากสนามเพลาะฝั่งพันธมิตร
เสียงของชายหนุ่มนับพันกำลังปีนออกมาจากสนามเพลาะ
รองเท้าบู้ทนับพันคู่ย่ำพื้นจนผืนดินสั่นสะเทือน
และ...
เสียงหวีดหวิวของลูกกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืนครกฉีกอากาศ
ตูม !
ร่างของทหารนับสิบถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แขน ขา และส่วนอื่นที่ไม่อาจบอกได้กระจายไปทั่วพื้น
แต่ทหารชุดสีน้ำเงินอันกล้าหาญก็ยังวิ่งทะยานผ่านชิ้นส่วนของผองเพื่อนอย่างไม่คิดชีวิต
บรึม !
เสาเพลิงปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างมนุษย์ไหม้เกรียมปลิวว่อนราวกับใบไหม้ที่ถูกลมพัด
มันคงเป็นระยะ 1,000 หลาที่ยาวไกลที่สุดสำหรับทหารเหล่านั้น
ส่วนลุงก็มีสีหน้าเหมือนยักษ์ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนแกพยายามจะเขย่าตัวปลุกฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ยังก่อน.. ยังไม่ถึงเวลา
ฉันปล่อยให้ร่างล่องลอยไปตามกระแสแห่งชีวิต เฝ้ามองการดับสูญของปมแสงราวกับเฝ้ามองดอกไม้ไฟ พยายามเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นธรรมชาติท่ามกลางคลื่นปั่นป่วน
และในตอนนั้นเอง ฉันก็มองเห็นสิ่งที่เฝ้ารอ
มันคือภาพของสายใยแห่งจักรวาลที่กำลังถูกดูดเข้าไปรวมกับจุด ๆ หนึ่งอย่างเข้มข้น
เจอแกแล้ว ยายแม่มดเจ้าปัญหา
.....................
............
...
ทุกอย่างมันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ตัดการเชื่อมต่อกับห้วงแห่งอาคาช่า สัมผัสทุกอย่างก็ประดังเข้ามาหาตัวฉันราวกับโดนน้ำหลากซัดใส่ โดยเฉพาะกับความรู้สึกที่ว่าร่างของฉันกำลังถูกเขย่าอย่างแรง
“พอได้แล้วลุง”
ฉันรีบปัดไม้ปัดมือพัลวัน
“ขอบคุณพระเจ้า เธอรู้สึกตัวเสียที”
ลุงกล่าวออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก แต่สำหรับฉันแล้วมันค่อนข้างน่าแปลกใจเหลือเกิน
ลุงเป็นห่วงฉันเหรอเนี่ย
ไม่น่าเชื่อว่าคนธรรมดาจะเป็นห่วงแม่มดอย่างฉันได้
แต่ก่อนที่ฉันจะได้กล่าวอะไรออกไป กระสุนปืนใหญ่ที่พุ่งเฉี่ยวหัวไปนิดเดียวระเบิดขึ้น บังคับให้ทั้งฉันและลุงต่างหมอบราบตัวแนบกับพระแม่ธรณี
มันเป็นช่วงนั้นเองที่ฉันสังเกตได้ว่าสัมผัสของพื้นดินดูแปลกไปอย่างบอกไม่ถูก ดูคล้ายกับเปลี่ยนเป็นทรายร่วนที่ไร้ก้นบ่อ
ตัวของฉันกับลุงค่อย ๆ จมลงไปเรื่อย ๆ
เวทมนต์ที่ว่าเริ่มทำงานแล้ว
“ลุง ขอกระสุนนัดนึง ด่วนเลย !”
ฉันตะโกนลั่นแข่งกับเสียงโห่ร้องและระเบิดที่ปลิวว่อน
ลุงหยิบกระสุนนัดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าก่อนรีบยื่นมาให้ ฉันรีบคว้ามันมากุมไว้เหนือหน้าผาก
“วัตถุในมือข้าจงฟัง จงอย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกหรือภาษามนุษย์หลอกเจ้า ตัวเจ้านั้นมิใช่กระสุนตะกั่ว แต่เป็นส่วนหนึ่งของสายใยแห่งจักรวาล...” ฉันกล่าวเสียงสั่นในขณะที่ร่างค่อย ๆ จมลงไปในทรายดูด
“ยังไม่เสร็จอีกหรือ !” ลุงตะโกนลั่นพลางพยายามตะกายตัวปีนขึ้นจากการจมในผืนดิน
“เอาล่ะ จงไปได้แล้ว จงไปหาผู้ที่กำลังเรียกหาเจ้าเสีย !”
ฉันจุมพิตเจ้ากระสุนที่ถูกกล่อมจนอยู่หมัดให้กับลุง ไม่นึกว่าทริคที่ใช้เล่นซ่อนหากับพวกเพื่อน ๆ ที่หมู่บ้านจะมาใช้กับสถานการณ์นี้ได้
“ลุงใช้เจ้าหนูนี่”
ลุงรีบรับมันมาจะบรรจุลงในรังเพลิงอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเล็งปืนไรเฟิลไปเบื้องหน้า
“แล้วจะให้ยิงเป้าตรงไหน”
นั่นเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมาก
“ลุง...ปืนนี่ยิงได้ไกลเท่าไหร่”
“ระยะหวังผลประมาณ 400 กว่าหลา! ยังไม่เสร็จอีกเหรอ จะจมดินตายโหงกันหมดแล้วนะ”
400 หลา... ถ้ามองไม่ผิดตำแหน่งของแม่มดฝั่งโน้นน่าจะอยู่ห่างประมาณ 450 - 500 หลา ต้องเคลื่อนที่ไปอีก 50 หลาอย่างนั้นหรือ
“ลุง ถ้าเกิดยิงนอกระยะหวังผลจะเกิดอะไรขึ้น”
“ความแม่นยำก็จะลดลงนะสิ”
“แต่มันยิงโดนได้ใช่ไหม”
“เออ ! ยิงได้สิ จะรีบทำอะไรก็ทำ เร็วเข้า” ลุงตะคอกใส่ฉันอย่างอารมณ์เสียสุด ๆ แต่ฉันได้ข้อมูลที่ต้องการเพียงพอแล้ว...
ฉันขยับเข้าใกล้ลุงด้วยความยากลำบาก ก่อนจะใช้มือสัมผัสปืนไรเฟิลของลุง
“หันปืนขึ้นฟ้า อย่าให้มีอะไรขวางวิถีกระสุนนะ พอหนูบอกว่ายิง ลุงก็ลั่นไกเลยนะ”
ร่างของเราทั้งสองจมจนเกือบถึงหัวแล้ว กระนั้นฉันกลับรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ฉันหลับตาพร้อมกับร่ายมนตราด้วยความเยือกเย็น
“อดีตกระสุนตะกั่วเอ๋ย เจ้าจงนำพาข้าไปยังผู้ที่กำลังเรียกหาเจ้าที”
ในมโนภาพที่ทุกอย่างดูราวกับเชื่องช้าลง วิสัยการมองเห็นของฉันถูกแรงบางอย่างดึงไปทางทิศของสนามเพลาะฝ่ายจักรวรรดิด้วยความเร็วสูงจนมองเหตุการณ์รอบด้านไม่ทัน
ในที่สุดภาพก็หยุดลงต่อหน้าสตรีนางหนึ่งที่กำลังนั่งภาวนาอยู่ในมุมมืด เธอเป็นสตรีร่างท้วมวัยกลางคนผู้มีผมสีแดงราวแอปเปิ้ล สวมเครื่องแบบทหารฝ่ายจักรวรรดิสีน้ำตาลขี้ม้าและหมวกเหล็กปีกกว้างที่ดูคล้ายชามข้าว บริเวณรอบตัวนางมีลวดลายสลักเป็นวงเวทที่เขียนจากเลือด
ราวกับว่าหล่อนรับรู้การมาของฉัน เธอหันหน้ามามองด้วยนัยน์ตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ปากของหล่อนขยับ พยายามกล่าวอะไรบางอย่าง
แต่มันสายไปเสียแล้ว
เพราะปากที่ร่างต้นของฉันได้ขยับก่อนเป็นที่เรียบร้อย
“ยิง !”
ความคิดเห็น