คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แม่มดกับห้วงแห่งอาคาช่า
ฉันไม่เห็นอะไรเลยนอกจากฝุ่นควันที่ฟุ้งไปทั่ว
ดูจากการที่ตรงนี้เคยมีโบสถ์ตั้งอยู่แสดงว่ามันคงต้องเคยเป็นหมู่บ้านหรือไม่ก็เมืองมาก่อน ทว่าภาพที่ปรากฏอยู่โดยรอบผืนดินมีแต่รูบ่อเป็นตะปุ่มตะปั่มเต็มไปหมด หน้าดินถูกระเบิดซ้ำไปซ้ำมาจนภูมิประเทศถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นรูบ่อบูด ๆ เบี้ยว ๆ
เห็นผืนดินโดนทำร้ายขนาดนี้ทีไรฉันได้แต่รู้สึกปวดใจอยู่เสมอ
กลิ่นมูลดินแห้งกับกลิ่นดินปืนคละคลุ้งทำให้รู้สึกคันจมูกเหลือเกิน แต่ก็ต้องพยายามข่มใจไม่ให้จามหากยังอยากรักษาชีวิตเอาไว้อยู่ ว่าแล้วฉันก็เหลือบมองหนวดที่ถูกดัดอย่างสวยงามของลุงที่หมอบอยู่ข้าง ๆ เพราะเหตุนี้กระมังว่าทำไมพวกทหารถึงชอบไว้หนวดกัน
ไม่ทราบเหมือนกันว่าพวกเรานอนหมอบอยู่หลังซากของโบสถ์นานเท่าไหร่ คาดว่าไม่ถึงห้านาที แต่มันกลับเป็นห้านาทีที่ยาวนานราวกับห้าชั่วโมง
มันเงียบจนน่ากลัว
ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังยิงกันหูดับตับไหม้ พอจะเงียบก็พร้อมใจกันเงียบราวป่าช้า
ความจริงแล้วจะเรียกพื้นที่นี้ว่าป่าช้าก็ไม่แปลกหรอก ยังดีที่แถวนี้ยังไม่มีให้เห็น แต่ตอนวันก่อนที่ฉันต้องคลานกระดึบท่ามกลางความมืดทำเอาฉันเกือบร้องกรี๊ดไปหลายรอบ คิดดูก็แล้วกันว่า ขนาดแม่มดที่คุ้นเคยกับความตายอย่างฉันยังอดที่จะตกใจเสียไม่ได้
กระนั้น ลุงที่หมอบอยู่ข้าง ๆ กลับทำราวกับว่าซากศพพวกนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เขาสามารถคลานผ่านซากศพที่กำลังเน่าเปื่อยหนอนขึ้นเฟะได้อย่างหน้าตาเฉย
หากแม่มดอย่างฉันถูกเรียกว่าเป็นสมุนของปีศาจยังหวันเกรงขนาดนี้ แล้วจะให้เรียกคนที่ไร้ความกลัวอย่างลุงว่าอย่างไรดี
ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางสิ่งที่ฉันหวาดกลัวยิ่งกว่าเสียงระเบิดเหนือหัวหรือซากศพอันเน่าเหม็น...
มันคือความไม่รู้... ไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
ความไม่รู้เป็นบ่อเกิดของความกลัวทั้งหมด ที่เรากลัวเสียงระเบิดเพราะไม่รู้ว่ามันจะระเบิดบนหัวเราเมื่อไหร่ ที่เรากลัวซากศพเพราะเราไม่รู้ว่ารสชาติของความตายมันเป็นเช่นไร
พูดตรง ๆ เลย...ตอนนี้ฉันก็กำลังกลัว เพราะฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ฉันพยายามจะเงยหน้าขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลุงก็รีบกดหัวฉันลงทันที แรงของลุงทำเอามึนไปสักพักเลยทั้งที่ตัวฉันเองก็สวมหมวกเหล็กเอเดรียนอยู่
“ก้มต่ำไว้ อยากเจาะรูกลางกบาลนักหรือไงกัน” ลุงกระซิบอย่างเดือดดาลพลางเหลือบมองนาฬิกา ”ป่านนี้พวกอิมปี้คงเริ่มโผล่หัวกันออกมาจากหลุมแล้ว จะรีบร่ายเวทอะไรของเธอก็รีบทำเข้าซะ !”
ฉันพยักหน้าก่อนจะหยิบของบางสิ่งออกมา มันเป็นเครื่องรางประจำตัวที่ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจอยู่เสมอเมื่อถือมันไว้ในมือ...
ลุงขมวดคิ้วทันทีที่ได้เห็นของชิ้นนั้น
มันไม่น่าแปลกใจว่าทำไมลุงถึงมีสีหน้าอย่างนั้น เพราะสิ่งที่ฉันถืออยู่ในมืออย่างทะนุถนอมคือคฑาสีชมพูแหววทีมีดาวสีทองตรงปลาย มันคือคฑาไรซิ่งสตาร์ของแฟนซีเตเต้... ตัวการ์ตูนยอดนิยมของเด็กสาวทั่วทั้งสาธารณรัฐนั่นเอง
แน่นอนว่ามันเป็นของเลียนแบบที่ฉันอุตส่าห์นั่งแกะจากไม้กับมือ สีชมพูสดบนคฑาค่อนข้างหมองจากเหงื่อไคลและเศษฝุ่นของสนามรบ แถมส่วนดาวตรงปลายคฑาที่ฉันอุตส่าห์นั่งแกะแทบตายก็ทำท่าจวนจะหักมิหักแหล่...กลับไปคงต้องหากาวมาอัดเพิ่มเสียแล้ว
ฉันหลับตาพร้อมกับกุมคฑาไว้บนอก
“ในนามของแคทรียาแห่งหมู่บ้านวิลโลว์ไชล์ เลือดเนื้อเชื้อไขของจิตวิญญาณแห่งธรณี ออปติก้า ผู้เป็นร่างจำแลงแห่งเจตุจำนงของอาคาช่า ข้าขอวิงวอนต่อจิตวิญญาณผู้ปราณี อนุญาติให้ข้าเหลือบมองเข้าไปในจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของทุกสิ่งด้วยเถิด”
เมื่อสิ้นเสียงคำร่ายเวท ฉันก็รู้สึกเหมือนกับร่างทั้งร่างถูกดูดเข้าไปในห้วงอวกาศ
ร่างกายรู้สึกเบาหวิว สัมผัสประสาททั้งร่างถูกกระตุ้นจนรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว
ประสบการณ์สอนไว้ว่าหากรีบลืมตาไปมักจะทำให้ตาพร่าเสมอ ดังนั้นฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
และแล้วโลกแห่งแสงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น มีแต่ความรู้สึกเบาหวิวชวนให้เคลิบเคลิ้มราวกับเด็กทารกลอยเท้งเต้งในท้องแม่
ไม่ว่ากี่ครั้งกี่หนที่เหลือบมองเข้ามาในห้วงแห่งอาคาช่า ฉันก็อดนึกขำไม่ได้ว่านี่มันแค่ “เหลือบมอง” จริงหรือ หากตัวฉันได้เข้าไปในห้วงอาคาช่าจริง ๆ แล้วมันจะรู้สึกอย่างไรกันแน่
ร่างอันเปล่าเปลือยกึ่งโปร่งแสงของฉันลอยละล่องอยู่เหนือสายธารของของเส้นแสงสว่างที่ถักทอกันราวกับใยแมงมุม มันเบาบางราวกับควัน แต่ไม่ว่าฉันจะดึงไปไหนมันก็จะยังเชื่อมติดกัน เส้นสายเหล่านั้นยุ่งเหยิงพัวพันกันอย่างไร้ระเบียบ แม้แต่ตัวฉันเองก็พัวพันอยู่ในตาข่ายแห่งจักรวาลนี้ด้วย
ฉันค่อย ๆ เลาะเส้นสายที่เกี่ยวพันแขนขาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะไล่เส้นด้ายแห่งแสงเหล่านั้นไปยังปมเล็กขนาดเท่าขี้ฝุ่น แต่ละปมที่เส้นแสงตวัดเกี่ยวพันจะส่งแสงเป็นประกายเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า
“ปมนี่เป็นปมของลุงสินะ”
ฉันคว้าปมหนึ่งไว้ในมือพร้อมกับสายใยที่อยู่รอบ ๆ ไว้ ก่อนจะเริ่มแหวกว่ายไปตามห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยสายใยแห่งแสง
ถึงแม้ว่ารอบกายของฉันจะมีแต่สายใยสีทองอยู่เต็มไปหมด แต่ภาพเหล่านั้นกลับไม่อาจบรรยายถึงสิ่งที่ฉันสัมผัสได้
หากจะให้ตัดทอนความนามธรรมให้เหลือเป็นเพียงคำบอกเล่าที่ไม่สมบูรณ์แต่พออธิบายได้ มันก็รู้สึกเหมือนกับตัวฉันกำลังเดินอาด ๆ อยู่กลางโนแมนส์แลนด์ หากแต่ฉันสามารถรับถึงทุกอนูของสนามรบ
จากเศษเสี้ยวของเศษดิน คมทื่อ ๆ ของรั้วลวดหนาม ไปจนถึงลมหายใจอันอ่อนระทวยของทหารหลังแนวสนามเพลาะ
ไม่สิ...ต้องบอกว่าฉันได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับทุกอย่างในสมรภูมินี้เสียมากกว่า
นั่นอาจเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดที่พอจะทำให้ผู้อื่นพอจะเข้าใจ แต่ภาษาเหล่านั้นยังห่างไกลจากความหมายอันสมบูรณ์นัก
ไม่มีภาษาใดในโลกสามารถบรรยายถึงประสบการณ์ของฉันได้ เพราะในห้วงแห่งอาคาช่าคือความจริงอันเที่ยงแท้ของโลก ความหมายที่ถูกตีกรอบโดยสัญญลักษณ์เช่นภาษาของมนุษย์สามารถอธิบายได้เพียงเศษเสี้ยวของความจริงในโลกนี้
เพราะเหตุนี้ล่ะมั้ง ที่พวกนายทหารถึงได้พากันส่ายหัวกันถ้วนหน้ายามเมื่อทราบว่าความสามารถของฉันไม่อาจเอามาใช้ในทางทหารได้ ฉันเคยพยายามแล้ว แต่ให้ตายอย่างไรฉันก็ไม่อาจบอกอะไรจากประสบการณ์ในห้วงแห่งอาคาช่าได้เลย ฉันทราบอย่างแน่ชัดว่าสัมผัสได้ถึงทหารฝ่ายจักรวรรดิที่อยู่อีกฟากของสนามเพลาะ ทว่าจนแล้วจนรอดฉันก็ไม่อาจรายงานถึงตำแหน่งและจำนวนได้เลย
ดังนั้นเวทมนตร์ประยุกต์อย่างการบังคับสัตว์ของไอริสดูจะมีประโยชน์กว่าฉันมาก
แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพิรี้พิไรอยู่กับเรื่องในอดีต
ในตอนนี้ฉันได้ค้นพบแล้วว่าพลังของฉันสามารถทำประโยชน์อะไรให้กับพี่น้องร่วมชาติได้บ้าง...
ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมชาติที่ดูถูกและสาปแช่งแม่มดอย่างฉันมาตลอด
ใช่แล้ว... ฉันดีใจเหลือเกินที่จะได้เป็นอย่างแฟนซีเตเต้เสียที
และแม้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำในตอนนี้คือการสังหารแม่มดร่วมเผ่าพงศ์ของฉันก็ตามที
ความคิดเห็น