คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : จงออกมา ผู้พิทักษ์แห่งข้า!
“จงออกมา ผู้พิทักษ์แห่งข้า/ ผู้รับใช้แห่งข้า” หลายเสียงเปล่งออกมาจากทั่วทุกมุมของลานกว้างตามอย่างใจคิด พร้อมสายพลังมากมายที่ก่อตัวหมุนวนจนเกิดเป็นพลังงานหลากหลายสีสันแตกต่างกันไปตามพลังธาตุของแต่ละคน ไม่นานนักจึงปรากฏเป็นสัตว์เวทย์มากมายหลายชนิด บ้างก็เป็นสัตว์ที่คุ้นตา บ้างก็เป็นตัวประหลาดที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก
ปุ๊ง!
“ฮะฮะฮะ พวกแก ดูนี่สิ ลูกฉันน่ารักไหม” พาเอมิตะครุบสัตว์เวทย์ตัวขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมาให้เพื่อนๆ ดู เรียกความสนใจให้พีโกะ จาวิกะและเกรสหันมามองเจ้าสัตว์หน้าขน(?)ที่มีสีเหลืองทองเป็นประกายทั่วทั้งตัวที่กำลังมองไปมาอย่างเลิกลัก
“ลูกเจี๊ยบเหรอ ของฉันน่ารักกว่าอีก นี่ๆๆ” เกรสบอก พลางอุ้มเจ้าตัวปุกปุยสีครีมออกขาวที่มีลักษณะคล้ายสุนัขขึ้นมา พลางโยกเล่นอย่างสนุกสนาน
“มันคือจิ้งจอกเก้าหางป่ะ แต่ทำไมนี่มีแค่สามหางเอง” จาวิกะที่มองมาอย่างสนใจเอ่ยขึ้น โดยที่บนไหล่ของเธอมีนกสีดำทมิฬเกาะอยู่ด้วย
“น่าจะใช่นะ แต่เกรสคงปล่อยพลังออกมาไม่พอ เลยออกมาแค่สามหางล่ะมั้ง” พีโกะว่าอย่างขำๆ พลางมองหางที่ตะหวัดไปมาของสัตว์เวทย์ของเกรส
“โหยย ก็อาจารย์ให้แค่ระดับกลางเองหนิ ฉันเลยกะไม่ถูกว่าต้องประมาณไหน” เกรสบอก พาเอมิพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะตนก็ปล่อยพลังออกมาน้อยเกินไปเช่นกันจึงออกมาเป็นลูกนกแทนที่จะเป็นช่วงโตเต็มวัย ก่อนที่เกรสจะเหลือบไปมองนกสีดำที่เกาะอยู่บนไหล่จาวิกะ พร้อมกับเอ่ยว่า “แล้วของแกเป็นตัวอะไรอ่ะ อีกาเรอะ”
“นกเรเวนต่างหากล่ะ ถึงจะดูไม่ค่อยเหมือนก็เถอะ” จาวิกะบอก ก่อนจะหันไปมองสัตว์เวทย์ของพีโกะอย่างตื่นเต้นแทน “แต่ฉันชอบของพีโกะอ่ะ ถ้าลูบหัวมันจะกัดไหม”
“ลองดูสิ ฉันยังไม่กล้าจับมันเลยเนี่ย” พีโกะบอกอย่างเกรงๆ พลางมองสัตว์เวทย์สี่ขาขนาดไม่ใหญ่มากของตนที่กำลังนอนขดตัวอยู่ พร้อมแพร่รังสีน่าเกรงขามออกมาอย่างไม่อยากให้ใครเข้าใกล้
“น่ากลัวแหะ ขนาดเจ้าของยังไม่กล้ายุ่งแล้วฉันจะโดนมันขย้ำไหมเนี่ย” จาวิกะบอก
“มันคือเสือหรือเปล่าอ่า แกลองคุยกับมันก่อนสิพีโกะ ฉันยังไม่อยากโดนกินนะ” พาเอมิเอ่ยคะยั้นคะยอให้เพื่อนเข้าไปหาสัตว์เวทย์ที่คล้ายกับสัตว์กินเนื้อดุร้ายที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในป่า
“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาดัน” พีโกะบอก พร้อมกับปัดๆ มือพาเอมิที่จับไหล่ของเธอให้เดินไปข้างหน้าออกอย่างหน่ายๆ
พีโกะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสัตว์เวทย์ของตน ขนสั้นๆ สีดำสนิททอประกายเล็กน้อยเมื่อต้องแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ส่องลงมา ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งยองๆ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปหมายจะลูบหัวมัน แต่ยังไม่ทันจะโดนตัวมัน ทันใดนั้น เสียงลั่นสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้นด้านหลังจนทำให้ต้องหันไปมองแทน
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าที่จู่ๆ ก็พลันมืดครึ้มขึ้นมา เมฆหมอกสีดำทะมึนลอยคว้างไปทั่วก่อนจะจางลงปรากฏเป็นร่างของมังกรขนาดมหึมา เกร็ดสีเขียวมรกตตามตัวของมันทอประกายระยิบระยับ ดวงตาสีแดงเพลิงกวาดตาลงมายังผู้คนที่อยู่ด้านล่างที่ต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันลอยตัวมาอยู่เหนือผู้ที่เรียกมันออกมา พร้อมกับค้อมหัวให้เล็กน้อยอย่างนอบน้อม
เต๋า เร็นมองมันอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสีหน้าราบเรียบตามเดิม แต่แค่นั้นก็ทำให้เพื่อนในชั้นเรียนที่อึ้งอยู่แล้วอึ้งมากขึ้นไปอีกกับการปรากฏตัวครั้งยิ่งใหญ่นี้
“เท่จัง” เสียงเพ้อดังขึ้นมาเบาๆ จากพาเอมิที่กำลังมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นเต้น เรียกให้เพื่อนๆ หันมาสนใจคนพูด
“มังกร หรือ หมอนั่นล่ะ” พีโกะถามติดตลก
“ก็ทั้งสองนั่นแหละ พอมีมังกรแล้ว นายนั่นดูดีขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์เชียวล่ะ” พาเอมิตอบ พร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตามาให้คนถาม ทำให้พีโกะได้แต่ร้องเหอะอย่างหมั่นไส้เล็กน้อย
“อย่าบอกนะ ว่าแกชอบเร็นน่ะเอมิ” เกรสว่าอย่างจับผิด พร้อมหัวเราะแซวๆ อย่างรู้ทัน
“เปล่าซะหน่อย ก็แค่เห็นว่าดูเท่เฉยๆ เท่านั้นเอง” พาเอมิปฏิเสธทันควัน แต่แก้มของเธอกลับแดงขึ้นมาอย่างให้ผลตรงกันข้าม จึงทำให้เพื่อนได้แต่ส่งเสียงล้อเลียนเธอกันอย่างสนุกปาก ก่อนทุกคนจะหันไปมองอาจารย์ประจำคาบที่สาวเท้ามาหาคนที่ถูกกล่าวถึงอย่างสนใจ
“เต๋า เร็น เธอทำได้เยี่ยมมาก สมแล้วที่เป็นประธานชั้นปี” โชเซเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับเอ่ยอย่างชื่นชม เร็นเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “แต่ผมจำได้ว่า ผมบอกให้คุณเรียกแค่สัตว์เวทย์ระดับกลางเท่านั้น คุณไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผมนะครับ”
เร็นจิปากอย่างขัดใจ ดูก็รู้ว่าชายหนุ่มยังคงอารมณ์เสียจากการถูกหักหน้าเมื่อวานไม่หาย ก่อนจะสลายพลังให้สัตว์เวทย์ของตนหายไป ทำให้บริเวณโดยรอบกลับคืนสู่สภาวะปกติ
“แต่เอาเถอะ ไหนๆ ผมก็แค่มาสอนแทน คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยนะครับ” โชเซบอก พร้อมกับฉีกยิ้มขยิบตาให้เร็นอย่างไม่เอาความ ทำให้เขาได้แต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนที่โชเซจะหันมาประกาศให้นักเรียนทุกคนหันมาฟัง “ผมได้เห็นสัตว์เวทย์ของทุกคนแล้วนะครับ สามารถสลายเวทย์ไปได้เลย”
สิ้นเสียงบอกของอาจารย์ นักเรียนทุกคนก็พากันสลายพลังของตน สัตว์เวทย์ต่างต่างนานาก็พลันหายไปทันที ก่อนที่กระดาษสีน้ำตาลหลายแผ่นจะโผล่ผลุบออกมาลอยอยู่ตรงหน้าของแต่ละคน
“ส่วนกระดาษที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคนตอนนี้ คือ สิ่งที่จะต้องแก้ไขของแต่ละคน สำหรับคนที่ทำได้ดีแล้วก็จะมีคำแนะนำเล็กน้อยที่ผมเห็นว่าควรบอกให้รู้ไว้นิดหน่อย เอากลับไปอ่านแล้วลองปรับปรุงเวทย์ของตัวเองดูนะครับ สำหรับคราวหน้าก็เจอกับอาจารย์ตัวจริงของคุณ อาจารย์มาเชลกันนะครับ สำหรับวันนี้พอแค่นี้ ขอบคุณทุกท่าน แล้วเจอกันใหม่ในคาบปรุงยาครับ”
พอจบเสียงบอกลาจากอาจารย์ เจ้าตัวก็หายวับไปเหมือนกับในคาบเรียนที่เจอกันครั้งแรก แต่ที่ต่างออกไปคือคราวนี้มีรุ่นพี่ปีสองหายไปพร้อมกับเขาด้วยอีกคน
“นี่ อาจารย์โชเซคะ ฉันไม่เข้าใจ” หญิงสาวผู้มีผมสีน้ำตาลแดงยาวถึงกลางหลังกล่าวท้วงขึ้น ขณะเดินตามร่างสูงที่พาเธอมาด้วย ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองแผ่นหลังของคนข้างหน้าอย่างครุ่นคิด
“มีอะไรเหรอครับ คุณนามิ” โชเซตอบ โดยไม่ได้หันไปหาคนถามแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ให้ร่างบางได้แต่เดินตาม
“ทำไมต้องพาฉันมาด้วย นี่เราจะไปไหนกันคะ” นามิถามอย่างสงสัย อันที่จริงเธอควรจะแยกกับเขาตั้งแต่หมดคาบเรียนที่เธอไปเป็นผู้ช่วยเขาแล้ว แต่คนตรงหน้าดันใช้เวทย์มนต์หายตัวพาเธอมาด้วย แถมยังบอกให้ตามเขามาโดยไม่บอกอะไรเธอซักอย่างเดียว
โชเซค่อยๆ ก้าวเท้าช้าลง ก่อนจะหยุดเดิน ทำให้นามิหยุดตามไปด้วย ก่อนเขาจะหันมาส่งยิ้มให้อย่างคนที่กำลังคิดถึงเรื่องสนุก ทำให้หญิงสาวสงสัยมากขึ้นไปอีก
“ความลับครับ” โชเซเอ่ยบอกคนถาม พร้อมกับชูนิ้วชี้มาทาบไว้เหนือปากของเธอเล็กน้อย เพื่อสื่อว่าไม่ต้องพูดไม่ต้องถามอีกแล้ว “ตามมาก่อนเถอะครับ รับรองคุณต้องชอบมันแน่ๆ”
:: Talk with Paemi ::
บอกก่อนเลยว่าคราวนี้ขี้เกียจแต่งสุดๆ 5555 ออกมาได้แค่นี้แหละ ทิ้งระเบิดให้จาวิแต่งต่อ เรื่องโชเซจะพาแม่ไปไหนนี่ไม่ได้คิดไว้เลยนะ แกจะพาไปไหนก็เชิญเลย 5555 ไม่ได้แก้ปมเก่าๆ เลยแม้แต่น้อย แถมยังเพิ่มปมใหม่ให้อีก ฮะฮะฮะ
ป.ล.คราวนี้ไม่ได้มีสัตว์ประหลาดรับเชิญตัวเดียว นี่มาทั้งฝูงบอกเลย ฮา
ความคิดเห็น