คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : อดัม
ย้อนกลับไปประมาณ 30 นาที ก่อนที่แอร่าจะมาถึงโรงเรียน
ผมชื่ออดัมครับ ปีนี้ก็อายุ 16 ปีแล้ว เรียนอยู่ที่โรงเรียน holy seed ผมค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว เลยไม่ค่อยมีเพื่อนกับเค้าซักเท่าไหร่นัก
ผมเรียนเอกการเขียนเนื่องจากที่บ้านเป็นครอบครัวของนักเขียน จึงถูกบังคับให้เรียนทางด้านนี้ วิชาที่ผมชอบที่สุดก็คือ วิชาอักษรโบราณ แต่จริงๆ แล้วก็ถูกบังคับให้ชอบอีกนั่นแหละครับ มาพักหลังๆ นี่ผมก็เริ่มจะชินและชอบชีวิตอย่างนี้ขึ้นมาบ้าง ... ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะตอนนี้ผมแอบชอบเพื่อนร่วมชั้นอยู่คนหนึ่ง เธอเป็นคนที่น่ารักมากๆ ร่าเริงแจ่มใส และเป็นคนบ้าหนังสือขั้นรุนแรงด้วย เธอชอบที่จะอ่านหนังสือแปลกๆ วันก่อนผมยังหาหนังสือเก่าๆ เรื่องชีวิตของกระต่ายป่ามาให้เธอยืมไปอ่าน และเธอก็ดีใจมากๆ ด้วย
แค่เห็นรอยยิ้มของเธอผมก็แทบละลายแล้ว ยิ่งเธอพูดคำขอบคุณกับผม ผมยิ่งมีความสุขจนตัวลอยไปเลยทีเดียว
ตอนนี้เป็น ชั่วโมงเรียนวิชาการอ่านจับใจความโดยที่ อาจารย์จะให้ นักเรียนแต่ละคนสุ่มหยิบหนังสือเล่มหนาๆ ไปคนละเล่ม เป็นหนังสือแปลกๆ เข้าใจยากทั้งนั้น และให้เวลา 1 ชั่วโมงในการอ่านและออกมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังที่หน้าห้อง ว่าหนังสือที่ตัวเองได้ไปนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
“อดัม! นายได้เรื่องอะไรน่ะ”
เสียงนางฟ้าของผมครับ เธอถามผมว่าได้หนังสืออะไรมา
“ได้เรื่องการปลูกหัวผักกาดบนกระถางลอยได้น่ะ” หนังสือบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทำไมคนเราต้องทำอะไรๆ ให้ยากเย็นด้วยนะปลูกบนดินกินกันง่ายๆ ก็ไม่ได้
“เราได้เรื่อง อาหารกึ่งสำเร็จรูป แค่เติมน้ำร้อนก็ใช้ได้”
เธอพูดกับผมอีกแล้วครับ คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักจริงๆ เลย ผมขยับแว่นตาเลนส์หนา ที่เกิดจากการยัดเยียดความรู้ตั้งแต่เด็กๆ ให้เข้าที่ และตอบกลับไป “เรื่องนี้เราเคยอ่านเจอนะรู้สึกว่าจะเป็นอาหารเวทย์มนต์ที่เพิ่งคิดค้นได้ในเวลาไม่นานมานี้เอง”
“หรอๆ มันเป็นยังไงอ่ะ เราคิดภาพตามไม่ออกเลยล่ะ ลองบอกหน่อยสิ” เธอขอร้องผมครับ ทุกๆ คน อย่างนี้ผมจะใจร้ายไม่ตอบเธอได้อย่างไร
“เอ้า เงียบๆ กันหน่อยตรงนั้นน่ะ งานเดี่ยวนะไม่ใช่งานกลุ่ม อย่างนี้ทุกทีเลยเด็กพวกนี้นี่”
เสียง อาจารย์จอมโหดประจำวิชาการอ่านดังมาขัดจังหวะ การทำตัวเป็นฮีโร่ของผมซะได้ เธอเลยยิ้มเจื่อนๆ แล้วหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือของเธอต่อไป
ผมจึงได้แต่ทำใจและอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการปลูกพืชประหลาดๆ นี่ต่อไป
“นั่นเสียงอะไรน่ะ”
เป็นเสียงระเบิดดังขึ้นที่ด้านหลังโรงเรียน ตอนนั้นผมคิดว่าพวกเอกเวทย์มนต์คงทดลองอะไร แปลกๆ กันอีกแล้ว ตอนแรกก็มีคนตะโกนขึ้นมาแค่คนเดียว จากนั้นจึงลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่างกัน แล้วตะโกนถามกันดังลั่นห้องไปหมด
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงระเบิดตามมาอีกหลายครั้ง และยังมีเสียงเห่าและหอนเหมือนมีฝูงหมาไม่ต่ำกว่าร้อยตัว วิ่งเข้ามาในโรงเรียน
แม้แต่อาจารย์จอมเฮี้ยบที่เพิ่งขัดจังหวะผมไปเมื่อซักครู่ ก็ยังชะโงกหน้าไปดูที่หน้าต่างกับกับเค้าด้วย เป็นครูภาษาอะไรไม่เก็บอาการเอาซะเลย
หลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์ได้ซักพัก สัญญาณเตือนภัยของโรงเรียนก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงประกาศหวานจ๋อยของพี่รีเน่ หัวหน้าชมรมประชาสัมพันธ์
“ขอให้นักเรียนและอาจารย์ทุกท่าน รวมถึงทุกๆ คนที่อยู่ในบริเวณโรงเรียน ออกจากโรงเรียนให้เร็วที่สุด ขณะนี้ได้เกิดเหตุร้ายขึ้นที่นี่ นี่ไม่ใช่การซ้อมนะคะ ขอย้ำนี่ไม่ใช่การซ้อม”
อาจารย์คนเดียวที่อยู่ในห้องเพิ่งได้สติหลังจากฟังคำประกาศ พาพวกเราออกไปเข้าแถวหน้าประตูห้องเรียนตามแผนการอพยพหนีภัยที่ซ้อมกันอยู่เป็นประจำ
ผมก็รีบวิ่งไปที่หน้าประตูคนแรกเลยครับ จะอยู่ทำไมล่ะ พวกเราทั้งห้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามอาจารย์ไปทางบันไดของตึกเรียน ห้องเรียนของผมอยู่ที่ชั้น 4 ครับ คงวิ่งกันเมื่อยเลยกว่าจะถึงชั้นล่างและออกไปจากตึกเรียนได้
ยังไม่ทันที่จะถึงบันไดของชั้น 4 ทางเดินข้างหน้าก็เหมือนกับมีอะไรมืดๆ มาขวางไว้อยู่ พร้อมกับมีหมาเป็นสิบตัวพุ่งออกมาจากเงาดำๆนั้น จากนั้นก็มีคนเดินออกมาอีกหนึ่งคน ลักษณะท่าทางเป็นยังไงผมไม่ได้สนใจแล้วครับ
นักเรียนทั้งห้องวิ่งออกไปพร้อมกันทางบันไดข้างหน้าเหมือนนัดกันไว้ ต่างคนต่างวิ่งโดยไม่สนใจคนอื่น ภาพสุดท้ายที่ผมเหลือบไปเห็นรู้สึกเหมือนว่าหมาหลายๆ ตัวและคนที่เดินออกมาจากเงานั้นจะเจอเป้าหมายและเดินไปหาอะไรซักอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจล่ะครับ จังหวะนั้น พอวิ่งหลุดจากบันไดชั้น 4 ได้ผมก็รีบวิ่งหนีออกจากตัวตึกนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้พอมาถึงบันไดของอีกชั้นหนึ่งก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงขึ้น มันดังลั่นตึกเรียนจนทำให้ คนที่วิ่งมาพร้อมกันกับผมหลายๆ คนสะดุ้งและหยุดฟัง แต่เสียงกรี๊ดนั้นถูกกลบด้วยเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และนั่นก็เป็นเหมือนกับเสียงระฆังที่บอกให้นักวิ่งหนี อย่างผม และเพื่อนๆ รอบข้างออกวิ่งกันอีกครั้ง
เมื่อผมวิ่งมาได้ถึงชั้น 2 ก็ห่างไกลจากความโกลาหลเมื่อครู่ ทางเดินตรงนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะแปลกจากปกติก็เพียงแค่มีนักเรียนและครูวิ่งแข่งกันไปถึงบันไดให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง ผมวิ่งเหยาะๆ เพื่อทบทวนเหตุการณ์ และสมองก็พาให้ผมคิดไปถึงเสียงกรีดร้องของผู้หญิงเมื่อครู่
นั่นมันเสียงของนางฟ้า ของผมนี่นา ถึงหัวผมจะบอกอย่างนั้นแต่ขากลับไม่ยอมหยุดวิ่ง ดูเหมือนว่ามันจะวิ่งเร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ คงเพียงเพราะว่ามันต้องการจะหนีไปให้พ้นจากความผิดปกติในชีวิตประจำวันของผมเท่านั้นเอง
ขาของผมนำผมมาถึงหน้าบันได บันไดของชั้นหนึ่ง เมื่อลงบันไดนี้ไปก็จะถึงภายนอกตึก บันไดที่บอกผมว่าถ้าหลุดจากตรงนี้ไปได้ เราก็จะพ้นจากเหตุการณ์บ้าๆ เหล่านี้ และกลับไปอยู่ในการควบคุมของพ่อแม่และคุณครู จะไม่มีใครมาทำอะไรผมได้อีก
แต่... เอ๊ะ ทำไมผมถึงหันหลังกลับ แล้ววิ่งสวนกับคนอื่นๆ เข้าไปในตึก นี่ขาของผมไม่ใช่ของผมเองเสียแล้ว มันกลับโดนหัวใจยึดไปแทนที่จะให้สมองสั่งการ หัวใจที่บอกผมว่า นั่นนางฟ้าของผม เสียงของเธอที่ร้องอยู่บนตึกเมื่อซักครู่ ตอนนี้แม้แต่สมองของผมเองก็คงโดนหัวใจยึดไปด้วยเสียแล้ว เพราะมันสั่งให้อวัยวะทุกชิ้นส่วนทำตามสิ่งที่ขาผมทำไปก่อนหน้านี้ นั่นคือกลับไปช่วยเธอ ช่วยมัวร์ นางฟ้าของอดัม
แต่ตอนนี้ผมกลับต้องมาติดอยู่ในห้องน้ำอาจารย์ กับหมาไม่น้อย หางยาว ไม่รู้กี่ตัว เจ้าของมันไม่เคยให้อาหารมันเลยหรือไงเนี่ย แต่ผมก็ไม่ใช่อาหารหมานะ ถ้ามันพังประตูนี้ได้ ผมคงไม่ได้เจอหน้ามัวร์อีกต่อไปแล้ว และผมก็สงสัยว่ามันคงเป็นแบบนั้น ลาก่อนมัวร์ ถ้าชาติหน้ามีจริง เราคงได้เจอกันอีก....
เอ๊ะนั่นเสียงอะไรน่ะ เสียงหมาก็เงียบไปแล้วด้วย มีคนมาช่วยเราแล้วหรอ มาเร็วจัง ต้องเป็นจอมเวทย์เก่งๆ หรือไม่ก็พวกอัศวินแน่ๆ แต่ทำไมเงียบกันไปอีกแล้วล่ะ คราวนี้ไม่มีเสียงอะไรเลย มีแต่เสียงน้ำหยดในห้องน้ำนี่ล่ะ
อดัมเปิดประตูออกไป เห็นแอร่า นอนฝุบไม่ได้สติอยู่ที่พื้น มือของเธอยังกำแน่นอยู่ที่คันธนู และรอบข้างที่อดัมเห็นก็มีแต่หมาที่นอนจมกองเลือดทั้งสามตัว และพี่แอร่า...
ความคิดเห็น