ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gem สงครามอัญมณีสุดขอบฟ้า

    ลำดับตอนที่ #3 : ความวุ่นวาย

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 50


    .

    .

    ..จากตำนานสู่ต้นกำเนิด..

    ..ศาสตราทั้ง 5 และอัญมณีทั้ง 4..

    .

    .

     

    "แม่ขา ทำไมวันนี้ไม่ปลุกเลยล่ะ" แอร่าวิ่งลงบันไดมาอย่างเร่งรีบเพราะเวลาล่วงมาถึงช่วงสายแล้ว และวันนี้ก็มีซ้อมตอนเช้าด้วยแอร่าจึงต้องแต่งตัวพร้อมกับหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองที่ไปซ้อมไม่ทันด้วย

    "ทุกทีแม่ ไม่เห็นต้องปลุกนี่" มิเรนบอกลูกสาวคนสวยของเธอ และยกข้าวต้มที่เตรียมไว้มาให้ที่โต๊ะ "อีกอย่าง แม่ขึ้นไปดูแล้วเห็นว่าตัวร้อน คิดว่าคงไม่สบายเลยปล่อยให้นอน"

    ได้ยินดังนั้นแอร่าจึงนั่งลงบนโต๊ะแล้วสำรวจร่างกายตนเอง "หนูไม่สบายหรอ" แอร่าถามเพื่อความแน่ใจและเอามืออังหน้าผาก

    "จ๊ะ ตัวร้อนเชียวละ ละเมอพูดอะไรก็ไม่รู้ เรียกก็ไม่ตื่นด้วย กินข้าวต้มก่อนซิ" มิเรนเตือนให้ลูกสาวกินข้าวต้มร้อนๆ ที่อยู่ตรงหน้า

    "มัวร์ล่ะแม่" แอร่าถามขึ้นเมื่อไม่เห็นน้องสาวของเธออยู่

    "ไปเรียนนานแล้วล่ะ ตอนแรกทำท่าจะเบี้ยว บอกรอพี่ๆ แต่แม่บอกให้ไปก่อน"

    "งั้นหนูไปโรงเรียนก่อนดีกว่าค่ะ"

    "แอร่า... ลูกดีขึ้นแล้วหรอ"

    แอร่าไม่พูดอะไรลุกจากเก้าอี้ แล้วรีบเดินออกทางประตูไป

     

    แอร่าเดินไปโรงเรียนผ่านหมู่บ้านอันเงียบสงบในตอนสายๆ คนเดียว เพราะทุกคนอยู่ในบ้านของตนเอง พวกผู้ชายก็ออกไปทำงาน และแม่บ้านก็จะเลี้ยงลูกและทำงานบ้านของตนเองไป หมู่บ้านที่แอร่าอาศัยอยู่ประกอบไปด้วยครอบครัวราว 200 หลังคาเรือน มีความสำคัญเปรียบเสมือนเมืองหลวงของเมืองบาเบลเลยทีเดียว เพราะอุตสาหกรรมการแปรรูปไม้ของเมืองนี้เป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับการส่งออกได้อย่างมหาศาล

                    ถึงแม้อุตสาหกรรมหลักของเมืองนี้จะเป็นงานเกี่ยวกับการตัดไม้ไปใช้ แต่กระนั้นเมืองนี้ก็ยังเต็มไปด้วยพื้นที่ที่เป็นป่าไม้ โดยที่ไม่ลดลงไปจากอดีต เพราะว่าได้รับการดูแล และมีการจัดการวางแผนการปลูกป่าทดแทนที่ดี และยังมีพื้นที่ที่ห้ามตัดไม้โดยเด็ดขาด เช่นป่าด้านหลังโรงเรียนที่แอร่าเรียนอยู่อีกด้วย

     

                    ตลอดทางที่เดินมาแอร่าเฝ้าคิดคำนึงถึงความฝันแปลกๆ ที่เธอฝันเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นคืนวันเกิดของเธอเอง แอร่าจับจี้ห้อยคอมรกตสีเขียวสดของเธอขึ้นมาดูและพูดกับมัน

                    "วินดีเนีย เมื่อคืนนี้เป็นแค่ความฝันใช่ไหม ฝันแปลกเชียวแต่ก็สนุกดีนะ" แอร่านึกขำที่ตอนนี้เธอกำลังพูดกับจี้ห้อยคอของตัวเองอยู่ แต่ก็ยังพูดต่อไป "แต่วันนี้ไม่ยอมไม่ปลุกนะ ตื่นสายเลยเห็นไหม"

                    - ข้าขอโทษ นายแห่งข้า -  เสียงใสๆ ที่แอร่าได้ยินทุกเช้า และได้ยินครั้งล่าสุดในความฝันเมื่อคืนดังขึ้นในหัวของเธอ -  ข้าคิดว่าเมื่อคืนนี้ท่านเหนื่อยมาก จึงไม่ได้ปลุก -

                    "นั่น.. นั่นเสียงเธอหรอ วินดีเนีย" แอร่าโพล่งออกมาด้วยความตกใจที่ได้ยินเสียงนี้อีกครั้งนอกจากในความฝันที่เคยได้ยินอยู่ตามปกติจนเธอไม่ได้คิดว่ามันผิดปกติ

                    - ข้าเอง ท่านจำเสียงข้าไม่ได้หรอกหรือ -  เสียงใสๆ ราวกับเสียงลั่นของแก้วนั้นย้ำให้แอร่าตระหนักว่าเมื่อคืนนี้เธอไม่ได้ฝันไป และตอนนี้ก็เช่นกัน เพราะทั้งสองฝั่งถนน ตามบ้านเรือนหลังเล็กหลังน้อยเหล่าแม่บ้านก็ยังคงทำงานบ้านของตนเอง และเด็กๆ ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนก็ยังวิ่งกันอยู่ให้เห็นประปราย

                    "เมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้ฝันไปหรอ" แอร่าถามย้ำกับตัวเองอีกครั้ง

                    - ท่านไม่ได้ฝันไป นายแห่งข้า - วินดีเนียตอบนายของเธอ - ท่านถูกไอ้พวกคนชั่วจับตัวไป แล้วมีชายคนหนึ่งมาช่วยท่านไว้ ชายลึกลับที่มีเส้นผมสีแดงราวกับเพลิง และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่ท่านปลดปล่อยพลังของข้าออกมาเป็นครั้งแรก -

                    "แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะเมื่อคืนนี้ พอฉันเรียกชื่อเธอฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย" คราวนี้แอร่าพูดกับจี้ห้อยคอของตัวเองโดยตรง

                    - เมื่อท่านปลดปล่อยข้าสู่โลกมนุษย์ ด้วยการเรียกชื่อ - เสียงใสๆ ยังคงลอยขึ้นมาในหัวของแอร่าอย่างไม่รู้ที่มา อาจเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยและความตื่นเต้นต่างๆ จึงทำให้ท่านหมดสติไป -

     

                    ตอนนี้แอร่ารู้สึกงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนี้ เธอมองหาที่นั่งพักเพื่อให้รู้สึกสบายตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกจี๊ดๆ ในหัว และรู้สึกเหมือนจะเป็นลมล้มลงไปอีกครั้ง มองไปมองมาก็เจอร้านขนมเล็กๆ ที่เป็นร้านประจำสำหรับสาวๆ วัยรุ่น ซึ่งเธอก็เคยมานั่งกับน้องสาวเป็นประจำตอนกลับบ้านด้วยกัน

                    เมื่อหาที่นั่งได้และสั่งเครื่องดื่มพร้อมขนมเล็กน้อยกับพนักงานในร้านเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพูดกับจี้ของเธออีก แต่คราวนี้พูดเสียงเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นจะคิดว่าเธอเป็นบ้าจากการที่เห็นเธอพูดคนเดียว

    "เอาล่ะ" แอร่าเริ่มพูดคำแรกหลังจากเดินเข้ามาในร้าน และเรียบเรียงความคิดตัวเองแล้ว "ก่อนอื่นเลย เธอเป็นใคร?"

    น้ำเสียงลึกลับนั้นเงียบไปชั่วครู่ราวกับกำลังคิดคำตอบที่ดีที่สุดให้กับแอร่า - ข้า วินดีเนีย ข้อนั้นท่านรู้อยู่แล้ว - วินดีเนียแนะนำตัวเองกับแอร่าอีกครั้ง - เป็นเทพผู้พิทักษ์ของท่าน -

    "เธอคือคนที่ฉันเห็นตอนหลับตาเมื่อคืน?" แอร่าซักต่อ

    - ใช่ นั่นข้าเอง - วินดีเนีย พญานาค หรือในอีกร่างหนึ่งคือสาวน้อยในชุดสีเขียวสด ยืนยันให้แอร่ารู้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป - ท่านแอร่า ... ถ้าให้ดีท่านพูดกับข้าในจิตจะดีกว่า เพราะโต๊ะทางด้านขวาของท่านเริ่มมองมาแปลกๆ และพนักงานในร้านทางด้านหลังท่านด้วยอีกคน ยืนถือของที่ท่านสั่งอยู่ได้ซักพักแล้ว -

    "ได้ด้วยหรอ" แอร่ากระซิบถามในใจ "ได้ยินฉันไหม"

    - ข้าได้ยินแล้ว - วินดีเนียตอบในใจตามปกติ เหมือนทุกๆ ครั้งทิ่เสียงเธอดังออกมาให้ได้ยิน แบบไม่มีที่มาที่ไปแต่รู้สึกเหมือนดังขึ้นในหัวโดยตรง

    เมื่อแอร่าหยุดพูดคนเดียวซักพัก พนักงานในร้านที่แอบมองอยู่พักใหญ่จึงได้นำขนมและน้ำที่แอร่าสั่งไว้มาให้ที่โต๊ะ และมองแอร่าแบบแปลกๆ ปนขำ แล้วกลับไปพูดอะไรกับเพื่อนพนักงานด้วยกันทางด้านหลังเคาน์เตอร์ของร้าน

    แอร่าบอกให้วินดีเนียรอเธอซักพัก แล้วค่อยคุยกันต่อ เพราะตามปกติของสาวๆ แล้วเมื่อขนมมาวางอยู่ตรงหน้า ธุระไดๆ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

     

    เมื่อขนมเค้กชิ้นแรกหมดไป และช้อนที่มีเค้กชิ้นที่สองอยู่หลุดออกมาจากปากแอร่า ในสภาพที่ว่างเปล่า เธอถึงได้บอกให้วินดีเนียเริ่มแนะนำตัวเองต่อจากที่ค้างไว้

    - ข้าเป็นอสูรที่ผูกมัดกับท่านด้วยพันธะสัญญาแห่งอัญมณี ข้าตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอันยาวนานในอัญมณีเม็ดนี้ ด้วยการเปล่งชื่อที่แท้จริงของข้าจากปากของผู้ที่ถูกเลือก -

    "สัญญาอะไร แล้วใครถูกเลือกนะ" แอร่าถามแทรกขึ้นมา และแน่นอนว่า...ถามในใจ

    - พันธะสัญญาแห่งอัญมณี เป็นสัญญาเลือดที่ข้าให้คำสัตย์ไว้ว่าจะรับใช้ผู้ที่ถูกเลือกจากอัญมณีของตนเองด้วยชีวิต - เสียงใสๆ ตอบกลับมาแบบเจือด้วยความรู้สึกที่จริงใจและมั่นคง

    "แล้วทำไมถึงเป็นฉันล่ะ" แอร่าถามขึ้นในใจ เพราะคิดว่าทำไมเรื่องซวยๆ ที่เกิดขึ้นถึงต้องมาลงที่เธอด้วย

    - ด้วยความสัตย์จริง ข้าไม่ทราบ... ข้ารู้แต่ว่าผู้ที่ถูกเลือกก็คือท่าน -

    "ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ ว่าแต่เธอต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่างใช่มะ" อยู่ดีๆ แอร่าก็ถามขึ้นมา

    - ใช่  - เสียงใสๆ นั้นตอบออกมาแบบงงๆ เพราะไม่รู้ว่าคนถามต้องการอะไร

    " ถ้างั้นต่อไปนี้ฉันเรียกวินดีเนีย ว่า วินดี้ นะ" แอร่าตั้งชื่อให้กับเทพพิทักษ์ของตัวเองแบบดื้อๆ โดยไม่ฟังเสียงของเจ้าตัว

                    - ดะ.. ได้ แล้วแต่ความประสงค์ของท่าน แต่เมื่อเวลาที่ท่านต้องการใช้พลังของข้ามาถึง ชื่อของข้าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับท่าน - ความนิ่งและสงบในตอนแรกของวินดีเนีย เริ่มแกว่งเนื่องจากเจ้านายของเธอเอง

                    "แล้วก็เลิกซะทีนะ ที่เรียกตัวเองว่าข้า แล้วเรียกฉันว่าท่านน่ะ เข้าใจไหมวินดี้ มันจั๊กจี้น่ะ ต่อไปนี้... อืมเธอเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ข้านะ แล้วจะเรียกฉันว่าแอร่าหรืออะไรก็ได้ และแน่นอนว่าไม่เรียกว่าท่านนะ" แอร่าตั้งกฎขึ้นมาอีก

                    - ... - วินดีเนียอึ้งกับกฎที่เจ้านายของตัวเองตั้งขึ้นมา - แล้วแต่ท่า... . เอ่อ แล้วแต่แอร่า - และแล้วก็ต้องเลยตามเลยเจ้านายของเธอไป

                   

                    ทั้งสองคน... จริงๆ แล้วต้องเป็น หนึ่งคนและอีกหนึ่งตนนั่งคุยกันได้พักใหญ่ๆ แอร่าก็นึกขึ้นได้ว่ามีงานที่ทำค้างไว้ที่โรงเรียนจึงจ่ายเงินค่าขนมที่เธอจัดการจนหมดจานไป และยังสั่งขนมเพิ่มให้วินดีเนีย หรือวินดี้ของเธอกินด้วยทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นวินดีเนียกินไม่ได้ ดังนั้นขนมในส่วนของวินดีเนียจึงเสร็จแอร่าไปโดยปริยาย

                    ระหว่างทางเดินต่อไปถึงโรงเรียนจากร้านขนมนั้น ทั้งสองก็คุยกันไปตลอดทางโดยที่แอร่าไม่ลืมว่าเธอสามารถคุยกับเทพผู้พิทักษ์ หรือ อสูรที่ผูกพันกับเธอด้วยพันธะสัญญาแต่ครั้งโบราณกาลได้ในจิตของเธอเองโดยที่ไม่ต้องเปล่งเสียงออกมาให้คนอื่นเห็นว่าเธอเป็นบ้าไปแล้ว เพราะเดินพูดอยู่คนเดียว

     

                    วินดีเนียนั้นก็ไม่รู้เช่นกันว่าหน้าที่ของเธอคืออะไร และเธอสามารถทำอะไรได้บ้าง สิ่งที่เธอรู้ก็คือชื่อ ตัวตนของเธอเอง และเธอจะรับใช้ แอร่า หรือผู้ที่ถูกเลือกจากอัญมณีด้วยชีวิต ที่เธอตื่นขึ้นมาปลุกแอร่าเป็นประจำในตอนเช้าก็เนื่องจากจิตใต้สำนึกของเธอที่บอกให้รู้ว่าถึงเวลาแล้ว ซึ่งแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเวลานั้นคือเวลาอะไร

    วินดีเนียไม่รู้จักแม้แต่นิยายยอดนิยมที่แอร่านั้นต้องกลายไปเป็นตัวเอกของนิยายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แอร่าจึงได้เล่าให้กับวินดีเนียฟังถึงนิยายเรื่องนั้น ซึ่งเมื่อฟังจบเธอจึงได้ตระหนักว่า ตัวเธอเองก็กลายเป็นตัวเอกที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าแอร่าซักเท่าไหร่

     

    - แล้วแอร่าจะทำยังไงต่อไปล่ะ- วินดีเนียเริ่มคล่องมากขึ้นกับการพูดไม่ให้ติดสำเนียงโบราณของเธอ เพราะแอร่าจะดุเธอทุกครั้งที่พูดสำเนียงโบราณออกมา แต่ก็ยังคงมีความเคอะเขินอยู่ในคำพูดนั้น

    "ก็ยังไม่รู้เลย คงต้องไปถามนายผมแดงคนนั้นล่ะมั้ง ว่าเราจะต้องเอายังไงกัน ทั้งเธอทั้งฉันนี่แหละ" แอร่าพูดถึงคนผมแดงที่มาช่วยเธอไว้ทั้งสองครั้งที่เธอเจอเรื่องซวยๆ "แต่ยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่า ทำไมถึงต้องเป็นฉัน และจริงๆ แล้วฉันจะต้องทำอะไร" และก็พูดถึงความจริงที่เธอก็ยังมืดแปดด้านอยู่เหมือนกัน

    - วินดีเนียจะทำตามที่แอร่าต้องการ -  นี่คือสิ่งที่พญานาคแสนสวยตอบนายของเธอ

     

    เมื่อแอร่าคุยเรื่อยเปื่อยกับวินดี้ในเรื่องต่างๆ จนมาถึงหน้าโรงเรียนและสัมผัสได้ถึงความอลหม่านที่เกิดขึ้น

    "ทำไมโรงเรียนฉันวุ่นวายอย่างนี้ล่ะ" ความผิดปกติที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอนั้น คือการที่คนทั้งโรงเรียนกำลังวิ่งออกมาจากตึกเรียน และกรูกันมาที่ประตูเพื่อจะออกจากโรงเรียนให้เร็วที่สุด

    มองไปรอบๆ ก็เห็นว่ามีห้องเรียนอยู่หนึ่งห้องที่ฝุ้งไปด้วยฝุ่นและมีเปลวไฟลามเลียออกมาทางหน้าต่าง ซึ่งพอนึกๆ ดูแล้วนั่นคือห้องเรียนของเธอบนชั้นสามของตึกเรียน

    "เกิดอะไรขึ้น" แอร่าคว้าแขนเพื่อนร่วมห้องของเธอคนหนึ่งไว้ทัน และถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    "มีสัตว์ประหลาดบุกโรงเรียนน่ะซิ" เพื่อนแอร่าตอบด้วยน้ำเสียงกระหืดกระหอบจากการวิ่งหนีไม่คิดชีวิต พูดจบเธอก็สลัดมือแอร่าออกและวิ่งหนีไปกับคนอื่นๆ

    แอร่าได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อได้ยินเพื่อนเธอพูดอย่างนั้น ยืนอยู่ท่างกลางฝูงชนที่วิ่งมาชนเธอจนเกือบเสียหลักล้ม

    - ข้าได้กลิ่นปีศาจ - เสียงวินดีเนียลอยอยู่ในหัวของแอร่า

    "ฉันว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับพวกเราแน่เลย" แอร่าพูดพลางจ้องไปที่ตึกเรียนที่เกิดเหตุ "เราไปดูกันเถอะ เผื่อจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง" เธอออกวิ่งไปสู่ห้องที่เธอเคยนอนเล่น และเรียนหนังสืออยู่เป็นประจำ และคิดว่าชีวิตเธอคงกลับไปสู่ความปกติเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกแล้ว

    ระหว่างที่วิ่งไปหาจุดต้นตอของเรื่องนี้วินดีเนียก็ถามย้ำแอร่าถึงวิธีการปลดปล่อยพลังของตัวเธอเอง

    - ท่านจำการปลดปล่อยครั้งแรกได้ใช่ไหม - วินดีเนียถามออกมา

    "จำได้ซิ และจะจำไม่ลืมเลยล่ะ จินตนาการถึงความต้องการของเรา เหมือนการใช้เวทย์มนต์ทั่วไป แต่คำที่พูดออกมาเปลี่ยนเป็นชื่อเธอแทนใช่ไหมล่ะ" แอร่าอธิบายให้วินดี้รู้ถึงความเข้าใจของเธอ

    - ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าท่านทำอย่างไร แต่ให้ทำเหมือนครั้งที่ท่านเคยทำไว้เมื่อครั้งแรก และขอให้คิดไว้เสมอว่าพลังงานที่ปล่อยออกมานั้น มิใช่ของข้าเพียงตนเดียว แต่เป็นการรวมพลังจากจิตของท่านด้วย อย่าทำอะไรที่เกินตัวไป ท่านอาจจะได้รับอันตรายจากการใช้เวทย์มนต์ครั้งนั้นได้ - สาวน้อยในชุดเขียวมรกตเตือนเจ้านายของเธอ

     

    มัวร์ล่ะ แอร่านึกถึงน้องสาวเธอที่เดินทางล่วงหน้ามาโรงเรียนก่อนตั้งแต่เช้าแล้ว มัวร์อยู่ไหน

    แอร่ามองหาน้องสาวของเธอในกลุ่มคนที่วิ่งสวนออกมาจากตึกเรียน มัวร์นั้นตัวสูงกว่าเพื่อนๆ คนอื่นจึงน่าจะสังเกตได้ง่าย แต่.... แอร่าก็ยังมองไม่เห็นน้องสาวของเธอในกลุ่มคนที่สับสนวุ่นวายข้างหน้า

     

    บึ้ม เสียงระเบิดดังขึ้นมาจากห้องเรียนอีกห้องหนึ่งคนละตึกกับห้องที่มีไฟไหม้อยู่เดิม หน้าต่างห้องเรียนกระเด็นลอยลงมาที่พื้นเฉี่ยวหัวคนที่วิ่งหนีอยู่ด้านล่าง ทำเอาเหล่านักเรียนและครูวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น

    และภาพที่ทำให้แอร่าลืมหายใจไปชั่วขณะคือ ภาพของมือใหญ่ๆ ที่น่าเกลียดน่ากลัว และไม่มีทางเป็นมือมนุษย์ไปได้ นิ้วมือหงิกงอ และเล็บที่ปูดโปนออกมาจากปลายนิ้วกำลังจับขาทั้งสองข้างของเด็กสาวในชุดนักเรียนโรงเรียนนี้ ชูขึ้นในลักษณะห้อยหัวอยู่ เด็กสาวในมือปีศาจอันน่าเกลียดน่ากลัวนั้นหมดสติ และมีเลือดเปรอะไปทั่วร่างกาย

    ทั้งมือน่าเกลียดและเด็กสาวนั้นชูพ้นหน้าต่างออกมาได้เพียงชั่วอึดใจเดียวก็หดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว

     

    มัวร์…” แอร่าตะโกนออกมาจนสุดเสียงเพราะเด็กสาวที่เธอเห็นคนนั้นคือมัวร์ น้องสาวของเธอเอง

    เด็กสาวผู้ไม่ค่อยจะรีบร้อนเท่าไรนักในชีวิตประจำวัน แต่ตอนนี้เธอกลับวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปที่ตึกเรียนที่น้องของเธอเรียนอยู่แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสถานที่ ที่น้องของเธอถูกจับและกำลังอยู่ในอันตราย

    เสียงของวินดีเนียบอกกับแอร่าอย่างร้อนรนให้เธอใจเย็นๆ ท่านแอร่า... นี่ต้องเป็นกับดักแน่ๆ เราไม่ควรรีบร้อนเข้าไปอย่างนี้-

    แต่ตอนนี้ในหัวของแอร่านั้นมีแต่ภาพของน้องสาวเธอที่ถูกห้อยหัวลงทางหน้าต่างที่เห็นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ไม่สนใจในสิ่งรอบข้างไดๆ ที่เข้ามา แม้จะเข้ามาด้วยความหวังดีก็ตาม

    ปราดเดียวเท่านั้น ด้วยความที่โรงเรียนเป็นโรงเรียนเล็กๆ ไม่ใหญ่มากนัก แอร่าก็มาถึงชั้นล่างของตึกและวิ่งตรงไปที่บันได แต่ชายผมแดงคนเดิม ที่เคยช่วยเธอไว้หลายครั้งก็โผล่เข้ามาขวางหน้าเธอเอาไว้

     

    ถอยไป ฉันจะไปช่วยน้องสาวของฉัน เสียงแอร่าที่ดังกว่าปกติเพราะความร้อนใจ บอกกับชายผมแดงที่ยืนขวางเธออยู่

    สงบสติอารมณ์หน่อย นี่มันกับดักชัดๆ ถ้าเข้าไปโดยไม่คิดอะไร เธอก็มีแต่ตายเท่านั้นเอง ชายคนนั้นบอกกับแอร่า

    - ท่านแอร่า ชายคนนี้พูดถูกเราควรจะใจเย็นๆ ไว้ในสถานการณ์อย่างนี้จะดีกว่า - เสียงของ วินดีเนียเสริมเข้ามาอีกในหัวของแอร่า

    แต่น้องสาวฉันอยู่บนนั้น แอร่าตะโกนกลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม

    ชายผมแดงตะโกนกลับไปด้วยเสียงที่ไม่เบาไปกว่ากัน ใจเย็นๆ ซิ อยากเข้าไปตายทั้งคู่หรือไงล่ะ ถ้าเธอไปทั้งอย่างนี้ก็เหมือนกับเดินไปฆ่าน้องสาวตัวเองนั่นแหละ

     

    เพี๊ยะ... มือขวาของแอร่าสะบัดไปบนหน้าของชายผมแดงนั้น อย่ามาแช่งน้องสาวของฉันอย่างนั้นนะ

    แอร่าจ้องมองหน้าของชายผมแดงที่ไม่หันไปตามแรงมือของเธอ แต่รอยแดงเริ่มปรากฎขึ้นช้าๆ

    นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ เราเป็นอะไรไป เมือแอร่าได้ยืนเฉยๆ เพื่อคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นความใจเย็นของเธอก็กลับมาหาเธออีกครั้ง

    ขอโทษ.....ฉัน... ฉัน... แอร่ากลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

    ไม่เป็นไร ตอนนี้เรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าจะไปช่วยน้องสาวของเธออย่างไร ชายผมแดงไม่ว่าอะไรที่แอร่าตบหน้าของเขาอย่างเต็มแรง หลังจากเสร็จเรื่องนี้ค่อยมาคุยกันอีกที

    แล้วนายมีแผนอะไรหรือยังล่ะ รีบหน่อยนะนั่นน้องสาวของฉัน

     

    ยัง.... ชายผมแดงตอบแบบไม่คิดอะไร ถึงได้บอกไงล่ะว่าให้ช่วยกันคิด

     

    ทั้งสองคนนั่งลงบนบันไดตรงที่เจอกันเพื่อวางแผนการครั้งนี้

    เพียงไม่นานทั้งสองคนก็แยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้วางแผนกันเอาไว้ ก่อนแยกกันไปชายผมแดงหันไปหยิบของที่วางอยู่ข้างบันไดมาให้แอร่า... เป็นคันธนูสีขาวบริสุทธิ์ดูแข็งแรงและลูกธนูอีกประมาณหนึ่ง

    เห็นเธอบอกว่าถนัดธนู ฉันเลยไปหามาให้ เขาพูดพลางยื่นของที่เตรียมไว้ให้กับแอร่า

    นี่มันของฉันนี่ แอร่าพิจารณาดูคันธนูในมืออีกครั้งเมื่อรับมา นายไปเอามาได้ยังไงเนี่ย มันอยู่ในตู้ไม่ใช่หรอ อีกอย่างห้องชมรมน่าจะล๊อคอยู่ด้วยนะ

    ชายผมแดงไม่ตอบอะไรเพราะกำลังเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อแผรการณ์ช่วยเหลือตัวประกันที่กำลังจะเกิดขึ้น

     

    ว่าแต่นายชื่ออะไร คุยกันมาตั้งหลายครั้งยังไม่รู้จักกันเลย

    เฟลย์ ... ทุกคนเรียกผมว่าอย่างนั้น

     

    แล้วทั้งสองคนก็แยกกันออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×