คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วินดีเนีย
.
.
..สายลมแห่งการเยียวยา..
..เจ้าจงพัดพา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองนาคา วินดีเนีย..
.
.
"นั่นไปไหนมาของเธอน่ะ แล้วทำไมต้องรีบซะขนาดนั้นล่ะ" มัวร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับกระต่ายป่าขณะรอแอร่าอยู่ที่ใต้ตึกเพื่อที่จะได้กลับบ้านพร้อมกัน ยืนขึ้นถามพี่สาวของเธอเมื่อเห็นว่าแอร่าวิ่งมาจากหน้าประตูโรงเรียน เหมือนวิ่งหนีอะไรมาซักอย่าง
"ไปเก็บสมุนไพรมา" แอร่าตอบไปทั้งที่ยังหอบอยู่ "พอดีของในห้องทดลองมันหมด" เธอพยายามทำตัวเหมือนปกติที่สุดทั้งๆ ที่ก็ยังหอบอยู่
"แล้วไหนล่ะ สมุนไพร" น้องสาวร่างสูงถามเพราะไม่เห็นสมุนไพรที่พี่ตัวเองเก็บมา
"หล่นหมดแล้ว ช่างมันเถอะ" แอร่าตัดบท "รีบกลับบ้านเถอะ ป่านนี้แม่รอแล้วเนี่ย" แอร่าพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อซักครู่ แล้วคิดว่าไว้ว่างๆ ค่อยเล่าให้มัวร์ฟัง "พี่ขึ้นไปเอาของก่อนนะ" ว่าแล้วก็วิ่งขึ้นตึกไป
"อะไรของเธอเนี่ย" มัวร์ส่ายหน้าให้พี่สาว แล้วทรุดตัวนั่งรออยู่ที่เดิม "รีบลงมาล่ะ" พูดเสร็จก็เปิดหนังสืออ่านต่อจากที่ค้างอยู่เมื่อซักครู่
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทางกลับบ้าน แอร่าได้แต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คิดถึงความฝันแปลกๆ ของตัวเอง เธอกลัว กลัวว่าสิ่งที่นายคนนั้นพูดจะเป็นความจริง "มันจะจริงได้ยังไง" เธอบอกกับตัวเอง แต่ก็อดคิดต่อไม่ได้ว่าทำไมชายคนนั้นถึงได้รู้ว่าเธอฝันว่าอย่างไร อดคิดไปไม่ได้ว่าเจ้าพวก tail wolf พวกนั้นมีเป้าหมายที่เธอจริงๆ หรือว่าเราจะเป็นผู้กล้าหญิงจริงๆ ยังไงแอร่าก็แอบคิดขำๆ กับตัวเองไม่ได้เมื่อคิดว่าเธอคือคนในนิทาน
ตำนานที่ว่านั้นกล่าวถึงอัญมณีทั้ง 4 ที่บอกไว้ว่า เมื่อครบ 1000 ปีเจ้าแห่งดารค์เอลฟ์จะ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากนรก และเรียกเหล่าปีศาจให้พังประตูนรกออกมา เพื่อทำลายล้างโลก ไม่มีอาวุธหรือเวทย์มนต์ไดๆ ที่จะทำอันตรายเจ้าจอมปีศาจตนนี้ได้ นอกจากเทพผู้พิทักษ์ที่เกิดจากการทำพิธีของอัญมณีทั้งสี่เท่านั้น นี่เป็นตำนานที่ใครๆ ก็รู้จัก ทุกๆ คนคิดว่ามันเป็นแค่ตำนานธรรมดาๆ เป็นนิทานที่เอาไว้เล่าให้เด็กฟังสนุกๆ ก่อนนอนเท่านั้น คิดได้ดังนั้นจึงหันมาคุยกับน้องสาวที่กำลังเดินอ่านหนังสือเล่มเดิมอยู่ เพื่อจะได้ไม่คิดอะไรมาก
สองข้างทางที่ทั้งสองเดินผ่านในตอนนี้ เป็นย่านการค้า มีร้านรวงต่างๆ มากมาย มัวร์เดินดูนู่นดูนี่จนเพลินหลังจากอ่านหนังสือจบแล้ว จึงไม่ทันได้สังเกตพี่สาวของตนเองเมื่อซักครู่ ที่ทำหน้าแปลกๆ เหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบ
มัวร์จะอดไม่ได้หากเจอร้านขายหนังสือเก่าที่ตั้งอยู่ข้างทาง เห็นแล้วเป็นต้องแวะทุกร้านไป แค่หนังสือธรรมดามัวร์ก็ติดมันจนถึงขั้นที่เรียกว่าหลงใหลได้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นหนังสือเก่าๆ ยิ่งถูกใจเธอใหญ่ วันครบรอบวันเกิดของเธอที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนที่แล้วนั้น แม่และพี่สาวได้ซื้อหนังสือชุด สารานุกรมประวัติศาสตร์ชีวิตผู้กล้าแฮรี่ พอตเตอร์ (ขำๆ นะ) ให้เธอ ทำเอาเธอเห่อไปหลายวัน ไม่ว่าจะเห็นมัวร์เวลาไหนในบ้านจะต้องมีติดมือมาด้วยอย่างน้อยหนึ่งเล่มทุกครั้ง
แต่ตอนนี้มัวร์กำลังทำสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อนนั่นคือ หยุดอยู่ที่ร้านขายเครื่องประดับ และกำลังดูกำไลข้อมือสีสวยสดอยู่
"หาของขวัญให้พี่หรอ" แอร่าถามเพราะรู้ว่ามัวร์ไม่ชอบใส่เครื่องประดับ ที่จะมีติดตัวอยู่ก็เฉพาะ จี้สร้อยคอที่เป็นนิลรูปหยดน้ำที่พ่อให้เอาไว้นั่นเอง
"จะบ้าหรอ ถ้าเป็นของเธอจะเลือกให้เห็นได้ไงล่ะ" มัวร์แลบลิ้นใส่พี่สาวของเธอ "เค้ากับแม่เตรียมไว้แล้วน่า ไม่ต้องห่วง" ว่าแล้วก็หยิบกำไลที่เลือกอยู่มาทาบกับข้อมือตัวเอง "สวยมั้ย"
"ก็สวยดีนะ" แอร่ามองหน้ามัวร์แล้วถามแบบขำๆ "ทำไมล่ะ อยากเป็นผู้หญิงแล้วหรอ ธรรมดาเห็นไม่ชอบเครื่องประดับ"
"แล้วทำไมล่ะ อยากสวยเหมือนผู้หญิงบ้างไม่ได้หรือไง" พูดจบก็คืนกำไลให้แก่คุณป้าเจ้าของร้าน "ขอบคุณค่ะ"
"ไม่เอาล่ะ ยังไงก็ไม่อยากใส่ มันแปลกๆ" พูดแล้วก็หันกลับไปมองร้านหนังสือข้างๆ "ดูเฉยๆน่ะ มันสวยดี ไม่ได้อยากใส่หรอก ถ้าเป็นหนังสือซักเล่มซิไม่แน่" แล้วก็จมหายไปกับกองหนังสือของร้านที่เพิ่งมองเห็นนั้น
"แม่คะ กลับมาแล้วค่ะ" ทั้งสองพี่น้องพูดขึ้นพร้อมกันเมื่อกลับถึงบ้าน
"แม่กำลังอบเค้กอยู่เลย มัวร์มาช่วยแม่ดูหน่อยซิจ๊ะ" มิเรนแกล้งเรียกมัวร์ไปอย่างนั้น เพราะลูกสาวคนเล็กของเธอนั้นไม่ประสีประสาอะไรกับงานในครัวเลย
"แม่ก็เข้าใจแกล้งกันนะ หนูจะได้ไประเบิดเตาอบแม่เอาล่ะซิไม่ว่า" มัวร์พูดแล้วก็ทำเสียงตึงตังที่บันได "เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ" มัวร์ขึ้นไปเก็บหนังสือหอบใหญ่ที่ได้มาจากร้านขายหนังสือเก่า และเตรียมตัวที่จะลงมากินให้เต็มที่
"มาค่ะแม่ หนูดูให้" แอร่าเสนอตัวเพื่อจะช่วยแม่ของเธอ
"แม่ก็แค่แหย่น้องเล่นเท่านั้นแหละ" มิเรนเดินถือถาดไก่อบตัวโตออกมาวางที่โต๊ะ
เมื่อแอร่าแอบมองเข้าไปในครัวก็พบว่าทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรให้เธอต้องช่วย
"นั่นไปทำอะไรมาน่ะ" จากการสังเกตของผู้เป็นแม่ทั่วๆ ไปที่จะไวในทุกเรื่องของลูก "กระโปรงเลอะเทอะ เชียว"
"ทำการทดลองแล้วเปรอะน่ะค่ะ" แอร่าแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
"หรอจ๊ะ" มิเรนตบกระโปรงลูกสาวตรงที่เปรอะ "ยังกะไปนั่งคลุกฝุ่นที่ไหนมา ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเราน่ะ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวซะ"
"ค่ะแม่ หนูขึ้นข้างบนก่อนนะ" ว่าแล้วก็วิ่งขึ้นบันไดตามน้องสาวเธอไป
"ถ้ายังไม่ไปเจออะไรมาก็คงดี" แม่เธอพูดกับตัวเองหลังจากบ้านเงียบลงอีกครั้ง
บ้านของสาวๆ สามคนนี้เป็นบ้านไม้สองชั้น มุงหลังคากระเบื้องสีฟ้าสดใส ชั้นบนเป็นห้องนอนของ มัวร์และแอร่า ส่วนด้านล่างจะมีห้องนอนใหญ่ของมิเรน ห้องนั่งเล่นสารพัดประโยชน์ และห้องครัว ในบ้านจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากสมกับที่เป็นบ้านของสาวๆ จะมีที่ที่รกที่สุดก็คือห้องชั้นสองด้านขวา คงไม่ต้องบอกนะว่าเป็นห้องของใคร
เมื่อเปิดประตูบ้านมาจะเจอห้องนั่งเล่นสารพัดประโยชน์ที่ว่า ทั้งสามจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าว อ่านหนังสือ บางทีอาจมีใครบางคนเผลอหลับในห้องนี้ด้วยซ้ำไป
ห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากนัก เพราะตั้งใจจะเอาไว้พักผ่อน มีแค่โต๊ะกินข้าว และเบาะนิ่มๆ สองใบที่ริมหน้าต่าง เบาะใบหนึ่งเป็นของส่วนตัวของมัวร์ เปล่าหรอกไม่ได้มีใครไปเขียนชื่อเธอไว้ แต่มัวร์จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของตัวเองให้หมดไปกับการนอนบนเบาะใบนั้นพร้อมกับหนังสือในมือ คนที่หลับในห้องนั่งเล่นบ่อยที่สุดก็คงเป็นมัวร์นี่แหละ และในบางวันที่อากาศปลอดโปร่งมัวร์คนเดิมจะลากเก้าอี้ไม้ในบ้านออกไปนั่งที่สวนหน้าบ้านเพื่ออ่านหนังสือเล่มโปรดไปด้วยรับแสงแดดไปด้วย และก็มักจะเผลอหลับไปอีกตามเคย
เมื่อลูกๆ ทั้งสองคนพร้อมและลงมาที่ชั้นล่างก็พบอาหารมากมายอยู่บนโต๊ะ ใครที่ไม่รู้จักครอบครัวนี้มาเห็นเข้าก็จะพากันคิดว่า จะหมดไปได้ยังไงผู้หญิงแค่สามคน แต่อย่าลืมว่ามีมัวร์อยู่อะไรก็เกิดขึ้นได้ งานวันเกิดคืนนี้ผ่านไปด้วยดี เหมือนกับทุกๆปี จะต่างกันก็ตรงเทียนบนเค้กวันเกิดของแอร่าที่ปักเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเล่มจากปีที่แล้วตามอายุที่เพิ่มขึ้นของเธอ
ของกินหมดไป เรื่องที่จะคุยกันก็หาได้ยากขึ้นเพราะความง่วงที่เกิดจากหนังท้องที่ตึงจนแน่น และได้เวลาอันสมควรแล้วมิเรนจึงบอกให้ลูกสาวทั้งสองช่วยกันเก็บโต๊ะจะได้รีบขึ้นนอนเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในวันรุ่งขึ้น
"แม่คะ ขอบคุณค่ะ" แอร่าพูดกับแม่ที่ยืนส่งเธอให้ขึ้นนอน
"จ๊ะ ก็หนูเป็นลูกของแม่นี่" มิเรนยิ้มให้กับลูกสาวของเธอทั้งสองคน
"หนูก็ขอบคุณทั้ง ฮ้าววว... แม่และแอร่านะคะ หนูมี งึมๆ... ความสุขมากที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวนี้ ฮ้าววว..." มัวร์พูดไปก็หาวไปเพราะถูกปลุกให้ลุกจากเบาะอันแสนสุขของเธอเพื่อขึ้นไปนอนที่ห้องของตัวเอง ทำเอาคนที่ถูกขอบคุณอมยิ้มไปตามๆ กัน
"ราตรีสวัสดิ์ ค่ะ" ทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน
เมื่อล้มตัวลงนอนบนเตียงแอร่าก็ คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ "สรุปแล้วตานั่นน่ะบ้า เราก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาเท่านั้นล่ะ" นี่คือบทสรุปในความคิดของแอร่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เธอคิดเพียงว่านี่เป็นอีกวันหนึ่งที่ผ่านมา และคงจะผ่านไปตามธรรมชาติของเวลา ที่จะทำให้ขณะนี้กลายเป็นอดีตและพาอนาคตให้มาถึงตัวเราในไม่ช้า คิดนู่นคิดนี่ไปซักพัก ก็หาวและผล็อยหลับไป
- ตื่นเถิดนายแห่งข้า - น้ำเสียงเข้มแข็งแต่แฝงไปด้วยความการุญ พญานาคเจ้าเดิม กำลังมองลงมาที่แอร่า แต่คราวนี้เห็นภาพได้ชัดเจนราวกับไม่ใช่ฝัน เธอเห็นพญานาคตัวใหญ่ม้วนตัวอยู่กลางอากาศ เกล็ดสีเขียวสดสะท้อนแสงอยู่ในกลุ่มหมอกอันเลือนลาง หงอนสีเขียวใสตั้งอยู่บนส่วนที่เหมือนจะเป็นหน้าผากเคลื่อนไหวอยู่เบาๆคล้ายจะเป็นผ้าที่อ่อนนุ่ม ทั่วทั้งตัวใสราวกับจะมองทะลุไปอีกฝั่งได้ ปลายหางเรียวแหลมมีครีบลักษณะเหมือนมีไฟเย็นปลิวไสวอยู่
"ฝันอีกแล้วหรอเนี่ย" แอร่าขยี้ตางัวเงียในความฝันตัวเอง "ตื่นอะไรกัน เพิ่งหลับได้ซักพักเองนะ" เธอยืนกอดอกชะเง้อคอเถียงกับนาคที่เห็นในความฝัน ที่เจอกันเป็นประจำ แล้วชี้ไปบนฟ้าที่ที่นาคตัวนั้นลอยอยู่ "ชักจะได้ใจใหญ่แล้วนะ เรื่องอะไรมาปลุกกันตอนนี้"
- ตื่นเถิดนายแห่งข้า ท่านกำลังอยู่ในอันตราย - น้ำเสียงเดิมแต่เพิ่มด้วยความร้อนรนเร่งเร้าเธออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าแอร่าไม่ตอบอะไรจู่ๆ สัตว์ที่มีแต่ในตำนานก็พุ่งแหวกอากาศเข้ามาม้วนรอบๆ ตัวของแอร่าเอาไว้ เหมือนจะป้องกันไม่ให้อะไรเข้ามาทำอันตรายเธอได้
"ตื่นก็ตื่น ให้แค่คราวนี้นะ คราวหน้าโดนแน่" เธอขู่พญานาคที่มาล้อมตัวเธอในความฝัน แม้จะทำอะไรเขาไม่ได้ตามที่ขู่ก็ตาม
ขณะที่ลืมตาตื่นงัวเงียขึ้นมา ความง่วงก็หายไปจากร่างกายทันที เพราะภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือภาพของตัวเองถูกขังอยู่ในลูกกลมๆ ใบใหญ่พอดีตัว เหมือนอยู่ในฟองสบู่สีเขียวๆ นิ่มๆ
"นี่เรายังฝันอยู่อีกหรอเนี่ย" เธอคิดว่าตัวเองยังฝันต่อเนื่องอยู่ เลยทดลองหยิกแขนตัวเองเต็มแรง
"โอ๊ย!! เจ็บ" เมื่อรู้สึกเจ็บจึงเข้าใจแน่นอนแล้วว่าไม่ได้ฝันไป
แอร่ารู้ว่าเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับตัวเอง เพราะคงจะมีเด็กสาวไม่กี่คนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่ในลูกบอลสีเขียวๆ เธอจึงพิจารณาเจ้าฟองสบู่สีเขียวที่บรรจุเธออยู่ พอลองแตะดูก็รู้สึกเหมือนยางที่เหนียวและยืดหยุ่นได้ พอมาเพ่งดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าเป็นแค่ยางบางๆ เท่านั้น ส่องอยู่ซักพักเธอก็ได้ยินเสียงจากข้างนอกลูกบอล
"พวกเจ้ามัวเล่นอะไรกันอยู่ ทำไมถึงได้ทำอะไรชักช้านัก" เสียงแหบห้าวขาดน้ำหนักดังแว่วเข้ามา
ถัดจากเสียงแหบห้าวก็มีเสียงเล็กๆ แหลมๆ หลายเสียงดังขึ้นมาเหมือนเด็กๆ ที่แย่งกันตอบคำถามคุณครูในห้องเรียน
"นี่เราจะรู้ได้ไงว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกเนี่ย" แอร่าบ่นพึมพำเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ทันใดนั้นผิวของเจ้าลูกกลมๆ ที่เธอสัมผัสอยู่เมื่อครู่ก็ใสขึ้นจนสามารถมองเห็นข้างนอกได้ ทำให้แอร่ารู้แน่ๆ หนึ่งอย่างว่า ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเองซะแล้ว
รอบด้านในตอนนี้แอร่าเห็นแต่ต้นไม้ และต้นไม้ มองๆ ไปก็มีลักษณะเหมือนป่าหลังโรงเรียนที่เธอพึ่งไปมาเมื่อตอนสายๆ ของวันนี้
"ดูเหมือนพวกข้างนอกจะไม่เห็นเรานะ" สิ่งแปลกปลอมนอกจากป่าที่เธอเห็นคือ ก๊อบบลิน ตัวเท่าเด็ก 10 ขวบ แต่ผิวหนังย่นเหมือนคนแก่แขนขาสั้นเล็กและลีบ แต่งตัวคล้ายๆ กันหมดทั้งกลุ่มเสื้อผ้าสกปรก มอมแมม มีลักษณะเหมือนเป็นกองโจรเพราะติดอาวุธกันครบมือ จมูกโตผิดสัดส่วนสีแดงๆ ที่โผล่ออกมาเหนือปากหนาอันประกอบด้วยฝันแท่งโตยื่นออกมา ระเกะระกะเต็มไปหมด เมื่อรวมกับหมวกแบเล่ต์สีแดงสดที่ใส่เหมือนกันทุกตัว ยิ่งทำให้หน้าตาของพวกมันยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปอีก
ปกติพวกก๊อบบลินเหล่านี้จะไม่มายุ่งกับมนุษย์เท่าไรนัก มันมักจะตั้งรกรากอยู่ในป่า สมาคมแต่กับพวกเดียวกันเอง นานๆ ทีถึงจะได้ยินว่ามีก๊อบบลินเข้าเมืองมาขโมยทรัพย์สินและของกินบ้างเป็นครั้งเป็นคราว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกก๊อบบลินหมวกแดงเหล่านี้กำลังแย่งกันตะโกนเพื่ออธิบายว่าทำไมพวกมันถึงหยุดเดินให้กับมนุษย์หนึ่งเดียวที่เธอเห็นในละแวกนี้นอกจากตัวเธอเองฟัง
"พวกเจ้าแย่งกันพูดอย่างนี้ ข้าจะเข้าใจมั้ย" มนุษย์ที่คุมเหล่าก๊อบบลินด้วยตัวคนเดียว ตวาดออกมาพลางเกาหัวไปด้วยเหมือนกับดุเด็กๆ ที่ตะโกนแข่งกัน
เด็กหน้าแก่ทั้งฝูงเงียบลงในทันที มองหน้ากันเลิ่กลั่กไปมา แล้วตัวแทนที่ดูเหมือนว่าจะอาวุโสที่สุดจึงเงยหน้าชี้มือมาที่ลูกบอลที่เธอแอบมองอยู่จากด้านใน และอธิบายสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทำให้แอร่าเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
"หลังจากที่ข้าวางยานังเด็กสาวอัปลักษณ์นี่ และแบกมันมาเรื่อยๆ ตามที่ท่านสั่ง" มันหยุดกระแอมไอนิดนึงเหมือนกับว่าตนเองเป็นคนสำคัญ
"เด็กอัปลักษณ์? มันหมายถึงใครเนี่ย ออกไปได้นะโดนแน่" แอร่าฉุนกึ้กกับคำที่ก๊อบบลินใช้เรียกเธอ
"แต่อยู่ดีๆ ก็มีไอ้ฟองสบู่สีเขียวที่ท่านเห็น พองออกมาจากตัวมัน" เหล่าก๊อบบลินที่เหลือช่วยกันสนับสนุนคำพูดของเจ้าตัวที่ดูเหมือนผู้นำของมัน หลายเสียงจนฟังไม่ได้ศัพท์
"ก็แบกมันต่อทั้งกลมๆ อย่างนั้นนั่นแหละ เจ้าพวกโง่" ชายคนนั้นตัดบท เพราะรำคาญเสียงแหลมเล็กๆ นั่น
ก๊อบบลินตัวที่อยู่ใกล้กับลูกบอลสีเขียวที่แอร่าอยู่ข้างในที่สุด ทำท่าจะแบกเธอขึ้นแล้วก็บ่นออกมา "มันหนักมาก น่ายท่าน ไม่ว่าพวกเราจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถยกมันขึ้นได้"
"นี่เมื่อคืนเรากินเข้าไปเยอะขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย??" แอร่าพูดพลางลูบหน้าท้องตนเอง
"เพราะอย่างนี้แหละข้าถึงไม่อยากใช้งานเจ้าเปี๊ยกอย่างพวกเจ้า" เขาบ่นออกมาด้วยอารมณ์โกรธ
"ในเมื่อไอ้ลูกบอลนี่มันน่ารำคาญนักล่ะก็" มนุษย์ที่เป็นผู้นำเหล่าก๊อบบลินในตอนนี้ ปรี่เข้ามาหาเธอในมือถือดาบใบมีดหนาเทอะทะเงื้อง่าเข้ามา "ข้าจัดการเอง"
เมื่อถึงตัวแอร่าและลูกบอลสีเขียว เขาก็หวดคมดาบเข้าใส่อย่างจัง
"ว๊าย!!" แอร่าตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าเพราะนึกว่าคมดาบนั้นจะถึงตัวเธอเสียแล้ว แต่ปรากฏว่ามันทำได้เพียงแค่ทำให้ลูกบอลกลมๆ ที่มีเธออยู่ข้างในยุบลงมาเพียงหน่อยเดียวและเด้งกลับออกไปในทันที พร้อมทั้งสะท้อนดาบของมันกลับไปด้วย
"ฮึ่ม" เสียงของชายคนนั้นคำรามออกมาด้วยความหงุดหงิด "เจ้าพวกโง่ มัวยืนบื้อกันอยู่ทำไมเนี่ย ใครทำให้ไอ้ลูกบอลบ้าๆ นี่แตกได้ข้ามีรางวัลพิเศษให้ จัดการมันซะ"
พอพวกก๊อบบลินได้ยินดังนั้นก็หูผึ่งทันที แล้วพากันกรูเข้ามารุมล้อมรอบตัวแอร่าที่มีเพียงลูกบอลบางๆ กั้นเอาไว้ และเริ่มใช้ทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นดาบ มีด ค้อน หรือแม้กระทั่งก้อนหินบนพื้นที่เก็บขึ้นมา เพื่อทำให้ลูกบอลบางๆ ใบนี้แตกให้ได้
ภาพที่ชายคนที่ช่วยแอร่าไว้ในคราวที่ถูกหมามีหางรุมทำร้ายกำลังเฝ้าดูอยู่ได้ซักพักใหญ่ ในตอนนี้ทำให้เขาอดที่จะขำไม่ได้ เพราะเห็นเหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่งพาฝูงลิงหน้าเหี่ยวๆ มาเล่นลูกโป่งกันอยู่กลางดึก ถ้าเป็นฝูงลิงจริงคงจะน่ารักกว่านี้และเอาไปแสดงโชว์ตามละครสัตว์ได้ แต่นี่เป็นฝูงก๊อบบลินหิวเงิน ที่นำฝูงด้วยเจ้าโจรกระจอกๆ คนหนึ่ง
"ทีนี้พอจะเชื่อได้หรือยัง" ชายคนนี้เดินเข้าไปหาฝูงลิงเหล่านั้นและผู้คุมของมัน พูดกับสาวน้อยในลูกโป่ง
"นั่นเสียงคนบ้าเมื่อตอนเย็นนี่" แอร่าได้ยินเสียงเขาก็จำได้ "ช่วยด้วยๆ" เธอตะโกนออกไปหวังจะให้เขาได้ยิน
"ด้วยพลังที่มีอยู่ในตัวเธอ เจ้าพวกนี้มันไม่ครณามือซักเท่าไหร่หรอก" เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ
"ฉันมีพลังอะไรที่ไหนล่ะ นี่นายยังไม่เลิกบ้าอีกหรอเนี่ย" แอร่ายังไม่วายที่จะเถียง "ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ นะ"
"จ้าๆ ผู้หญิงธรรมดาที่มีลูกบอลมาคลุมตัวอยู่" เขาประชด "ลองถามจี้ห้อยคอของเธอเองแล้วกันนะ" เขาพูดกับแอร่าแล้วหันมามองพวกที่จับตัวเธอมา
ตอนนี้พวกโจรกำลังมองลูกบอลสีเขียวๆ ทีนึงมองหน้าชายคนที่กำลังเดินเข้ามาทีนึงอย่างระแวงๆ และตัดสินใจอะไรไม่ถูก
"เอาล่ะ พวกเจ้าเล่นกันมานานแล้วล่ะ ขอข้าเล่นลูกบอลใบนี้ด้วยคนนะ" เขาพูดขำๆ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "เล่นกันหลายๆ คนคงสนุกกว่า" เขาพูดไปยิ้มไป
"แกจะมาแย่งเงินรางวัลจากข้าล่ะซิ" โจรกระจอกที่พาฝูงก๊อบบลินมาบอกปฏิเสธเพราะคิดว่าเขามีจุดประสงค์เดียวกัน "ข้าไม่ให้หรอก"
มนุษย์จ่าฝูงก๊อบบลินยืนหน้าดำหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก แล้วสั่งให้ลูกน้องของมันทำในสิ่งที่ทำให้ชายผมแดงหัวเราะ แต่ทำให้แอร่าหัวเราะไม่ออก "ในเมื่อยกมันไปไม่ได้" มันหันไปมองลูกบอลสีเขียวอีกที "ก็กลิ้งมันไปเลย พวกเจ้า กลิ้งมันไปให้ไกลที่สุด แล้วข้าจะตามไป"
เมื่อชายผมแดงได้ยินดังนั้นจึงปล่อยก๊ากออกมา "เฮ้ๆ จริงๆ แล้วนั่นมันไม่ใช่ของเล่นนะเฟ้ย"
แต่พวกก๊อบบลินไม่ฟัง และตั้งหน้าตั้งตากลิ้งลูกบอลหนีไปอีกทาง ดูๆ ไปก็จะน่ารักเหมือนเด็กๆ ที่กลิ้งลูกบอลแข่งกัน
ชายผมแดงตั้งใจจะเดินตามไป แต่เจ้าหัวหน้าฝูงก็มาขวางหน้าไว้ "ข้าไม่ให้เจ้าหรอก ข้าเจอก่อนแท้ๆ หากเจ้าอยากได้ก็ต้องผ่านข้าไปก่อน ฮึ ฮึ ฮึ" เจ้าโจรชี้ดาบเทอะทะเล่มเดิมของมันไปที่คนที่มันพูดด้วยแล้วทำท่าที่คิดว่าตัวเองจะดูเท่ห์ที่สุดในชีวิต
ข้างฝ่ายคนที่ถูกกลิ้งไปเหมือนลูกบอลจริงๆ ในตอนนี้รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนอยู่รอบตัวไปหมด ถึงจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรจากการกระแทกเพราะมีผนังของลูกบอลที่คอยป้องกันเอาไว้ก็ตามที แต่ถึงกระนั้นความคลื่นไส้ เวียนหัวก็เข้ามาโจมตีเธออย่างจัง
"นี่ถ้าเราอาเจียนในนี้" แอร่าเอามือกุมหน้าและหลับตาในขณะที่กลิ้งไปด้วยเพราะไม่อยากจะคิดถึงภาพของอาหารเย็นอันหลากหลายที่เธอกินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นไก่อบ เค้ก ขนมปังสารพันชนิด และอะไรอีกหลายๆ อย่างในงานวันเกิดจะออกมาคลุกเคล้ากับตัวเธอในลูกบอลใบนี้อย่างสวยงาม
"หยุดนะหยุด ใครก็ได้หยุดที" เธอตะโกนออกไปอย่างไร้ความหมาย เพราะถึงพวกเด็กหน้าย่นซนๆ ข้างนอกจะได้ยินคำพูดของเธอ มันก็คงจะไม่หยุดให้เธอตามที่เธอบอก
แต่ทันทีที่คำว่าหยุดคำแรกหลุดออกมาจากปากของแอร่า ลูกบอลที่กำลังถูกกลิ้งอยู่อย่างต่อเนื่องก็หยุดลง และลอยสูงขึ้นจากพื้นดินในระดับที่ทำให้พวกก๊อบบลินไม่สามารถจะเอื้อมขึ้นมาถึงได้
เมื่อโลกหยุดหมุนแอร่าก็สังเกตเห็นจี้ห้อยคอของตัวเองที่ลอยเด่นออกมานอกเสื้อนอน และเปล่งประกายแสงสีเขียวเย็นๆ อยู่กลางอากาศในลูกบอกเล็กๆ นั้น ถึงตอนแรกจะเห็นเป็นหลายอันเพราะตาที่ยังลายอยู่แต่สักพักก็สามารถจับภาพได้ตามปกติ
- เพียงท่านเรียกชื่อของข้าเท่านั้น นายข้า -
"แล้วเธอเป็นใครล่ะ" แอร่าใช้คำว่าเธอเพราะรู้ได้จากในฝัน และความรู้สึกมานานแล้วว่าสัตว์ในเทพนิยายที่มาปลุกเธอทุกๆ เช้านั้นเป็นตัวเมีย
- ท่านรู้ชื่อของข้าอยู่แล้ว นายแห่งข้า แอร่า -
"ทำไมทุกๆ คนขี้โกงกันอย่างนี้ รู้ชื่อของฉันทุกคนแต่ ฉันไม่รู้จักใครเลย" แอร่าคร่ำครวญกับเสียงประหลาดที่คุยกับเธออย่างคุ้นเคย
- แม้ข้าจะมีพลังอันยิ่งใหญ่เพื่อรับใช้ท่าน แต่เวลาก็คือข้อจำกัดอันยิ่งใหญ่เช่นกัน -
แอร่ามองไปด้านล่างที่พื้นดิน ก็มองเห็นพวกก๊อบบลินกำลังขึ้นลำธนูอยู่ ลูกธนูประมาณ 10 ดอกกำลังเล็งมาทางเธอ
"จะให้ทำยังไงล่ะ เธอชื่ออะไรก็บอกมาซิ" แอร่าถามเมื่อเห็นว่าลูกบอลชักจะลอยไม่นิ่งเสียแล้ว
- จะไม่ทันการแล้วแอร่า ได้โปรดรีบเรียกชื่อข้าเถิด - เสียงนั้นเร่งเธอมา
ผิวของลูกบอลที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นลูกโป่งบางลงอย่างเห็นได้ชัด และทำท่าเหมือนกับว่าจะตกลงสู่พื้น
"ถ้าเป็นอย่างนี้เราไม่รอดแน่" แอร่าจำนนเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้ว "เอาล่ะเรียกชื่อก็เรียก" เธอหลับตาลง และนึกถึงชื่อทุกชื่อที่เธอรู้ ในดวงตาที่ปิดสนิทนั้น เธอกลับเห็นสาววัยรุ่นคนหนึ่งอายุประมาณไล่เลี่ยกับตัวเอง และน้องสาว ผิวขาวเหมือนหยวก ดวงหน้าคมชัด ตาโตนัยน์ตาสีเขียวจัด แก้มแดงอย่างคนสุขภาพดีที่ไม่ได้เสริมแต่งไดๆ อาภรณ์ทั่วทั้งตัวนั้นเปรียบประดุจเหมือนเป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองไดซักเมืองนุ่งกระโปรงสีเขียวใบไม้ที่ยาวถึงข้อเท้า เสื้อขาวแขนกุดมีระบายเต็มตัวดูเข้ากับคนที่สวมมันอยู่เหมือนกับติดตัวมาตั้งแต่เกิด ที่หูมีเครื่องประดับที่แอร่าไม่เคยเห็นเป็นลักษณะเหมือนกับครีบปลาสีเขียวมียอดอยู่สามแฉกมองดูเด่นเป็นสง่าสวมอยู่ทั้งสองข้าง เธอยื่นมือออกมาให้แอร่าประหนึ่งว่าจะให้กำลังใจ และยิ้มให้กับแอร่าเหมือนรู้จักกันมานาน
แอร่ารู้สึกคุ้นเคยกับคนที่เธอเห็นในดวงตาที่ปิดสนิทอย่างประหลาด แล้วในพริบตานั้นเองก็มี คำๆ หนึ่งลอยขึ้นมาในหัวของเธอ
"ฉันรู้แล้วว่าเธอชื่ออะไร พร้อมนะ" แอร่าพูดยิ้มๆ ให้กับคนที่เธอเห็นในนิมิตนั้น และเธอคนนั้นก็พยักหน้าตอบกลับมาให้แอร่า
"วินดีเนีย"
ชายผมแดงยืนดึงมีดสั้นของตัวเองที่ปักอยู่บนต้นไม้จากการปาเข้าใส่เจ้าโจรกระจอกใจเสาะที่หนีไปทันทีที่รู้ว่าสู้ไม่ได้
"ตื่นขึ้นจนได้นะ" เขาพูดเมื่อมองเห็นแสงสว่างสีเขียวเรืองๆ ที่สว่างวาบขึ้นมาจากทิศทางที่แอร่าถูกกลิ้งไป "ขอต้อนรับสู่สงครามอัญมณี สาวน้อยผู้น่าสงสาร"
ความคิดเห็น