คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตื่นเถิดนายแห่งข้า
.
.
..เมื่อไดอัญมณีทั้งสี่ประจำทิศ..
..เมื่อนั้นเทพผู้พิทักษ์ผู้ยิ่งใหญ่จะกลับมา..
.
.
- ตื่นเถิดนายแห่งข้า ... เวลานั้นได้มาถึงแล้ว -
"จ้าๆ ตื่นแล้วๆ" แอร่าลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วบิดขี้เกียจต้อนรับวันใหม่อีกหนึ่งวัน
"วันนี้เราก็จะ 18 แล้วซินะ เป็นสาวแล้วเรา" เธอนึกกับตัวเอง
แอร่าสาวน้อยที่มีผมดำสลวยที่ยาวถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตแววสวย สีดำสนิท รูปร่างบอบบาง ตัวเล็กเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ รุ่นๆ เดียวกัน ร่าเริง แจ่มใส เป็นที่รักของทุกๆ คน ใครๆ จะนึกถึงเธอในลักษณะเช่นนี้ ชีวิตของเธอดำเนินมาด้วยดี มีแม่ มีน้องสาว กับพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ในวันนี้... วันนี้ชีวิตเธอจะเปลี่ยนไป
เธอลุกจากเตียงไปหยิบชุดนักเรียน เพื่อเตรียมไว้ใส่หลังอาบน้ำ อาบน้ำไปก็ฮัมเพลงไปด้วย ช่างเป็นความสุขของเด็กในวัยนี้จริงๆ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แอร่าก็เดินลงบันไดมาหาของกินก่อนไปเรียนเหมือนทุกๆ วัน
เมื่อเห็นแต่แม่กำลังง่วนอยู่กับงานบ้านเธอจึงถามแม่ว่า
"แม่จ๋า มัวร์ล่ะ" เธอหมายถึง น้องสาวของเธอ
ตอนนี้แอร่าอายุ 17 ส่วนน้องสาวเธอเพิ่ง 16 ได้ไม่นาน แต่มัวร์กลับสูงกว่าและมีรูปร่างที่เป็นผู้หญิงมากกว่าแอร่าเสียอีก
แอร่านั้นคิดว่าเธอได้รูปหน้าของแม่มา แต่ใครๆ ก็จะบอกว่าเธอไม่เห็นเหมือนใครในบ้านเลย เพราะแม่ของเธอเป็นคนสูงโปร่ง คล่องแคล่วว่องไว และยังสวยอยู่เสมอแม่ว่าอายุจะมากขึ้น ผอมแต่แข็งแรงเหมือนคนที่เคยทำงานหนักมาก่อน พ่อของเธอเสียไปตอนแอร่าอายุได้ 10 ขวบ
"ยังไม่ลงมาเลยน่ะ สายอีกแล้วซิเรา" มิเรนแม่ของเธอตอบ
"สงสัยเมื่อคืนจะนอนดึกอีกแล้วแน่เลย ต้องดุกันหน่อยแล้วนะแม่"
"จะดุอะไรกันนักหนาล่ะ เด็กตัวเท่านี้เอง" มัวร์พูดขณะวิ่งลงบันไดมา "มีอะไรกินมั่ง แม่"
'ตัวเท่านี้' คงไม่ใช่คำนิยามถึงรูปร่างของมัวร์ที่ถูกต้องนัก อย่างที่บอกว่าเธอตัวสูง แต่ก็ไม่ได้สูงเสียจนน่าเกลียด เพียงแต่หาเพื่อนผู้ชายที่สูงพอๆ กันได้ยากแค่นั้นเอง มัวร์ได้รูปหน้าและลักษณะของแม่มาเต็มๆ เพียงแต่จะดูมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าเท่านั้น แม่มักจะบอกว่ามัวร์เหมือนแม่ตอนสาวๆ แต่จะขาดไปก็ตรงความสวยนี่ล่ะ แม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะถูกลูกสาวทั้งสองคนโห่เอา ในบ้านนี้จะอยู่กันเหมือนเป็นเพื่อนมากกว่าจะเป็นแม่กับลูก
"ก็มีเหมือนทุกวันนั้นแหละ" มิเรนพูดพร้อมเสือกถาดขนมปังและเนยไปให้
"วันนี้มีสอบวิชาประวัติศาสตร์นี่นา วิชาโปรดซะด้วย เมื่อคืนเลยนอนดึกไปหน่อย อ่านทั้งคืนเลยนะ" มัวร์พูดอวดแม่และพี่สาว ทั้งๆ ที่ในปากเคี้ยวขนมปังอยู่
"ไม่ต้องรีบก็ได้" แอร่าบอกน้องสาวด้วยความที่กลัวว่าขนมปังจะติดคอ
"ทำไมล่ะ" มัวร์และขนมปังเต็มปากอีกตามเคย
"วันนี้พี่ไม่ต้องซ้อมช่วงเช้าจ๊ะ"
แอร่าเป็นนักกีฬายิงธนูของโรงเรียน ด้วยความที่เธอเป็นคนตัวเล็กแรงก็ไม่ค่อยมี ทำอะไรไม่ค่อยทันคนอื่นเขา เลยทำให้เธอไม่ถนัดในกีฬาไดๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องยิงธนู เธอกลับมีความสามารถถึงขนาดที่พูดได้ว่าไม่เป็นรองใครในเมืองนี้ อาจจะเป็นเพราะยิงธนูเป็นกีฬาที่ใช้สมาธิสูงก็ได้จึงเหมาะกับคนที่ใจเย็นอย่างแอร่า
ตรงข้ามกับมัวร์ เธอเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่สมส่วนในความเป็นผู้หญิง ทำให้มักจะถูกจับไปเล่นกีฬาต่างๆ มากมาย ด้วยความที่เธอเป็นคนกระฉับกระเฉง ร่าเริงอยู่เสมอ ใครๆ จึงคิดว่าเธอเหมาะกับการออกกำลังกาย... แต่ไม่ใช่เลย ด้วยความที่เป็นคนขี้เกียจขั้นปานกลางถึงร้ายแรง การอ่านหนังสือจึงเป็นกีฬาที่เธอชอบมากที่สุด อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่หนังสือเรียนหรอกนะ มัวร์ชอบเสาะหาหนังสือแปลกๆ ชอบหาเรื่องราวที่คนอื่นไม่รู้ หรือไม่ก็ตำนานเก่าแก่ต่างๆ มาอ่านประดับความรู้ของตัวเอง
ทั้งสองพี่น้องมีผลการเรียนที่พอๆ กัน คือไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีเลิศเลอ พอจะเรียนจบได้โดยไม่เดือดร้อนใครๆ
หลายๆ คนชอบพูดว่า "เธอสองคนนี่ไม่เหมือนพี่น้องกันเลยนะ" อาจจะเป็นเพราะนิสัยที่ต่างกันอย่างชัดเจนของทั้งสองคน จึงทำให้พวกเขาคิดกันอย่างนั้น คนหนึ่งใจเย็นเหมือนเป็นน้ำแข็ง ส่วนอีกคนใจร้อนและร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เมื่อสองพี่น้องคู่นี้เดินด้วยกัน จึงดูเหมือนเพื่อนสนิทกันเสียมากกว่า ยิ่งรวมแม่ของเธอไปอีกคนยิ่งกลายเป็นกลุ่มสาวๆ ไปเลย
"เสร็จแล้วๆ แอร่าไปยัง" มัวร์ร้องเรียกเมื่อกินขนมปังในถาดของตัวเองหมดลง
"เรียกพี่ซักครั้งให้ชื่นใจหน่อยไม่ได้หรอจ๊ะ"
"เอาน่าๆ" มัวร์คว้ากระเป๋ามือหนึ่ง และขนมปังที่หยิบมาจากในตู้อีกมือหนึ่ง
"กินเข้าไปๆ น่าอิจฉาคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนจริงๆ" แอร่าหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามน้องสาวไป
"ไปแล้วนะคะ"
"ไปแล้วค่ะ"
"รีบกลับล่ะ มาช่วยแม่เตรียมงานด้วย ทั้งสองคนนั่นแหละ" มิเรนพูดถึงงานวันเกิดของแอร่าตอนเย็นวันนี้
ทั้งสองพี่น้องไม่ตอบกลับมา ได้ยินแต่เสียงคิกคักๆ ของทั้งสองคนที่ห่างออกไป และเสียงปิดประตูบ้าน
เมื่อในบ้านตกอยู่ในความเงียบ มิเรนได้อยู่คนเดียวก็พลันคิดหนักถึงเรื่องราวที่จะเกิดต่อไปในอนาคต เธอมองไปนอกหน้าต่างแล้วพูดกับตัวเอง "คุณคะ ในที่สุดเวลานั้นก็ได้มาถึงแล้ว ฉันควรจะทำอย่างไรดีนะ" มิเรนเก็บของบนโต๊ะไปล้าง แล้วจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
โรงเรียนที่ทั้งสองคนเรียนอยู่ เดินไปจากบ้านใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที เป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ทั้งเมืองบาเบลนี้ โรงเรียนนี้เท่านั้นที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝันจะมาเรียนให้ได้ เพราะแม่ของเธอเป็นศิษย์เก่าของที่นี่ ทั้งสองพี่น้องจึงได้รับสิทธ์ในการเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ ที่นี่เปิดรับตั้งแต่เด็กอายุ 10ปี และจบการศึกษาเมื่ออายุครบ 18ปี ปีนี้จึงเป็นปีสุดท้ายของแอร่าในโรงเรียนแห่งนี้แล้ว แอร่านั้นเรียนเกี่ยวกับการพยาบาล เธอฝันที่จะได้ประจำอยู่ใน โรงพยาบาลประจำเมือง ส่วนคนน้องสนใจด้านงานเขียน เป็นปกติของคนที่อ่านหนังสือมาเยอะ เมื่ออ่านเข้าไปมากๆ เข้า ซักวันหนึ่งก็ถึงเวลาที่จะต้องเขียนออกมาบ้าง
ทั้งสองคนเดินกันไปพลางคุยกันไปอย่างไม่รีบร้อน เพราะยังไงก็ไปสายอยู่แล้วสายอีกหน่อยคงไม่เป็นอะไร เพราะสองสาวก็สายกันอยู่ทุกวันที่แอร่าไม่ต้องไปซ้อมช่วงเช้าอยู่แล้ว
"นี่ๆ แอร่า" มัวร์ถามเมื่อปากว่าง เพราะขนมปังที่ถือมาด้วยหมดไปแล้ว
"หือ" แอร่าขานรับขณะที่คิดอะไรเพลินๆ
"ใกล้จะจบแล้ว ตัวเองจะทำอะไรต่อล่ะ"
"พี่อยากจะไปเรียนต่อ ด้านการรักษาน่ะ"
"เรียนอีกแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรือไงเนี่ย" มัวร์คิดถึงตัวเองที่เบื่อกับการเรียนจะแย่ แล้วทำปากขมุบขมิบ
"พี่อยากเป็นหมอ อยากทำงานเหมือนพ่อ"
"จ้าๆ คุณหมอสาวในอนาคต"
ในโรงเรียนตอนนี้มีเด็กนักเรียนที่ทำธุระอยู่ที่สนามข้างล่างเพียงส่วนน้อย เพราะเลยเวลาเข้าเรียนมาซักพักแล้ว เมื่อผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาทั้งสองคนเห็นคนทำความสะอาดกำลังไล่ชายที่ดูมอมแมมในผ้าคลุมสีดำมีผ้าคลุมปิดหน้าปิดตา ที่นอนอยู่ใต้ร่มไม้
"แอร่า ดูนั่นซิ" มัวร์เรียกแอร่า แล้วชี้ให้เธอดูชายมอมแมมคนนั้น
"อย่าไปชี้เค้าอย่างนั้นสิ รีบๆ ไปเรียนเถอะ สายมากแล้ว"
"แต่งดำทั้งตัวเลยอ่ะ น่ากลัวจัง แอร่าก็ระวังตัวล่ะยิ่งเฉื่อยๆ อยู่ เค้าเป็นห่วงนะเนี่ย
"
"จ้าๆ พี่จะระวังตัวตามที่คุณน้องเตือนนะเจ้าคะ ไปเรียนได้แล้วไป" เธอพูดแล้วตบเบาๆ ที่หลังของน้องสาว
"เจอกันตอนเย็นนะตัวเอง" มัวร์เดินไปที่ตึกเรียนของตัวเอง แล้วโบกมือให้พี่สาว
แอร่าโบกมือตอบ "สงสัยเราจะไม่น่าเคารพเท่าไหร่มั้ง น้องถึงไม่เคยเรียกเราว่าพี่ซักที" แอร่าบ่นกับตัวเอง "เอาล่ะๆ ไปทำงานให้เสร็จๆ ซักที"
แอร่าเดินไปดูในห้องประจำของเธอ ในห้องมีนักเรียนอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะในปีสุดท้ายของการเรียนจะไม่มีค่อยมีการเรียนการสอนซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นการทำรายงานเล่มใหญ่ๆ มากกว่า ดังนั้นที่อยู่ประจำของแอร่าในปีนี้คือห้องสมุด ที่ที่แอร่ามักจะหลับเป็นประจำเพราะความเบื่อ
แอร่าเป็นคนชอบเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงมากกว่าการทำรายงาน เพราะมันจะได้เห็นของที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่เหตุผลหลักๆ แล้วก็คือเธอไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนเหมือนน้องสาวของเธอนั่นแหละ สงสัยว่าตรงนี้คงเป็นหนึ่งอย่างที่สองพี่น้องคู่นี้เหมือนกัน (หรือเป็นเหมือนกันทั้งโลกหว่า)
หัวข้อรายงานที่แอร่าเลือกทำเพื่อจบการศึกษานั้นคือ "สมุนไพรเพิ่มประสิทธิภาพพลังเวทย์ในร่างกาย" เนื้อหาที่แอร่าค้นคว้ามาจนถึงตอนนี้ทำให้เธอได้ความรู้มาว่า
พลังเวทย์ในตัวมนุษย์นั้น เกิดจากการที่มนุษย์ตั้งสมาธิ คั้นพลังเวทย์จากพลังกายหรือจากพลังงานลึกลับในจิตใต้สำนึกให้ออกมาในรูปของก้อนพลังงาน จากนั้นจึงใช้ภาษาเวทย์มนต์ ซึ่งเป็นคำศัพท์โบราณของเอลฟ์ที่เลิกใช้ไปแล้ว ในการแปรสภาพก้อนพลังงานนั้นให้ทำงานตามที่คน คนนั้นได้จิตนาการเอาไว้ เวทย์มนต์ที่ปรากฏออกมาจะแปรไปตามจิตนาการว่าชัดเจนแค่ไหน และก้อนพลังงานที่ดึงออกมาจากร่างกายว่ามีพลังงานเข้มข้นแค่ไหน ผู้ที่ใช้เวทย์มนต์เสร็จหมาดๆ จึงมักจะรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแรง จนถึงขั้นเพลียจนเป็นลมได้ แต่ถ้าใครมีพลังงานลึกลับที่กล่าวมาเก็บไว้มากก็จะได้เปรียบเหมือนกับเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ เพราะเวทย์มนต์ที่ออกมาจะมีความรุนแรงแตกต่างจากคนที่ไม่มีเจ้าพลังงานลึกลับนี้อย่างเห็นได้ชัด
สมุนไพรบางตัว สามารถทำให้ร่างกายชดเชยพลังกายที่ถูกคั้นออกไปเป็นก้อนพลังงานได้ในทันที แต่การใช้ก็มีขีดจำกัดในตัวเอง ไม่ใช่ว่าเหนื่อยก็ใช้ เพลียมากๆ ก็ใช้ ถ้าไม่ดูปริมาณให้ดีอาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตแต่แม้ว่าจะมีการค้นคว้าอย่างเอาจริงเอาจังเท่าไร ก็ไม่มีสมุนไพรไดๆ หรือสิ่งไดก็ตาม ที่จะเข้าไปเพิ่มพลังงานลึกลับในจิตใต้สำนึกได้
งานในวันนี้ที่แอร่าวางแผนไว้ คือการนำสมุนไพรหลายๆ ตัวมาผสมกันเพื่อหาส่วนผสมที่จะทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้มากที่สุด แต่เนื่องจากว่าสมุนไพรที่จำเป็นในการทดลองได้หมดลงกะทันหัน เธอจึงไม่มีอะไรทำได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องสมุดเพราะงานด้านเอกสารเธอทำเสร็จไปแล้ว เพื่อนคนอื่นๆ ในห้องก็แยกย้ายกันไปทำรายงานของตนเอง
แอร่าเดินไปที่ห้องสมุดที่อยู่ตึกติดกัน ซึ่งมีทางเชื่อมระหว่างตึก เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมให้กับรายงานของตัวเอง เมื่ออ่านหนังสือไปซักพักจึงเริ่มเบื่อ แล้วกะว่าจะหลับ
"เราฝันแบบนี้ติดต่อกันมานานแค่ไหนแล้วนะ" เมื่อคิดว่าจะหลับแอร่าจึงนึกถึงความฝันที่ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาในช่วงนี้ ในตอนแรกๆ ก็ฝันห่างกัน เดือนละครั้ง สองครั้ง แต่มาเดี๋ยวนี้วันไหนไม่ได้ฝันจะรู้สึกแปลกๆเพราะฝันทุกวัน พญานาคตัวใหญ่สีเขียวใสเหมือน มรกต จ้องมองเธอด้วยดวงตาเรียวแหลม นัยน์ตาสีแดงที่ดูร้อนแรง แต่อ่อนโยน มีความรู้สึกเหมือนคุ้นเคย เหมือนกับว่ามีคนรอเธออยู่แล้วร้องเรียก "สงสัยเราจะเป็นเจ้าหญิงที่เมืองไหนซักเมืองมั้งนี่" เธอคิดแล้วก็ยิ้มให้ความไร้สาระของตัวเอง
"ไอ้คำที่ว่า ตื่นเถิด นี่พอจะเข้าใจว่าต้องการปลุกเรา แต่ไอ้ที่ว่า นายของข้า เวลานั้นมาถึงแล้ว เนี่ยมันหมายถึงอะไรก็ไม่รู้ ยังไงก็ไม่เข้าใจ ถึงเวลาตื่นมั้ง" แม้แอร่าจะสงสัยยังไงก็ไม่ได้ไปคิดอะไรมากมาย เพราะเล่าให้แม่กับน้องฟังก็ไม่เห็นมีใครบอกได้ว่ามันคืออะไร อีกทั้งยังไม่มีข้อเสียอะไร ดีเสียอีกมีคนมาปลุกทุกเช้าเลย ไม่ต้องตื่นเองด้วย
แอร่านั่งอ่านหนังสือต่อในห้องสมุด หลับบ้าง ตื่นบ้างจนเวลาล่วงมาถึงช่วงสายๆ ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ "ไปหาสมุนไพรดีกว่า นั่งอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา" พลางใช้สมองอันน้อยนิดคิดว่ามันอยู่ตรงไหนก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า เคยเจอในหนังสือว่าสมุนไพรที่ต้องการขึ้นอยู่ที่เชิงเขาหลังโรงเรียน
ด้านหลังโรงเรียนจะไม่มีทางออกไปยังป่าเชิงเขา เพราะป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน ทุกคนที่จะไปที่นั่นจึงต้องอ้อมไปตามกำแพงของโรงเรียน
เมื่อแอร่าเก็บของและเตรียมตัวเรียบร้อย ก็ไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สร่างง่วง จากการนั่งเฉยๆในห้องสมุด เสร็จธุระก็ส่องกระจกเพื่อสำรวจความสวยของตัวเอง "เรานี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ แต่ไม่รู้ทำไมไม่มีแฟนซักที" ส่องไปก็น้อยใจตัวเองไป พลันเหลือบไปเห็นจี้ห้อยคอที่พ่อได้ให้ไว้ก่อนตาย ของเธอสีเขียว ส่วนของน้องสาวเป็นสีดำ เป็นมรกต และนิลรูปหยดน้ำ เชื่อมต่อตรงปลายหยดน้ำไว้ด้วยเงินบริสุทธิ์ ห้อยกับสร้อยคอเชือกสีดำ "จริงๆแล้วเราอยากได้สีดำมากกว่าอีก ทำไมพ่อไม่ให้เรานะ"
"วันนี้ก็ยังดูสวยเหมือนเดิม แต่รู้สึกเหมือนมันสว่างกว่าเดิมนะ สวยจัง" แอร่าจับตัวจี้มาส่องดูในกระจก
"สงสัยเพราะอยู่กับคนสวย เลยสวยตามไปด้วยแน่เลย" พูดแล้วก็ขำกับตัวเอง จากนั้นจึงไปหยิบข้าวของ และตะกร้าเพื่อไปเก็บสมุนไพรที่เชิงเขา
เมื่อเจอตะกร้าจึงเดินลงมาจากตัวตึก หันไปเห็นผู้ชายคนที่มัวร์ชี้ให้ดูเมื่อเช้ามองอยู่พอดี
"น่ากลัวจัง นี่ยังอยู่ในโรงเรียนอยู่อีกหรอ มาจากที่ไหนนะ ไม่เคยเห็นในเมืองนี้มาก่อนเลย" แอร่ารีบเดินไปหาสมุนไพรที่เธอต้องการ เพื่อนำมาทำการทดลองได้ทันก่อนกลับบ้านวันนี้
เชิงเขาหลังโรงเรียนนั้นถึงจะอยู่กับกำแพงหลังโรงเรียน และที่อยู่อาศัย แต่ด้วยความที่ได้รับการดูแลอย่างดีจึงทำให้ยังมีสภาพของป่าที่สมบูรณ์อยู่ เป็นป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองเลยก็ว่าได้ มีอาณาเขตติดต่อไปถึงเมืองใกล้เคียงหลายๆ เมือง ในป่านี้มีข่าวลือต่างๆ มากมายอาจจะเป็นเพราะความลึกลับของป่าเอง บ้างก็ว่ามีตัวประหลาดออกมาเดินไปเดินมาตอนกลางคืน บางคนก็ว่ามีถ้ำ ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ แต่ที่มีคนเชื่อมากที่สุดก็คงเป็นความเชื่อที่ว่าเคยเป็นที่ตั้งของวิหารเทพแห่งธาตุลมเมื่อพันปีที่แล้ว
"แค่ตรงริมๆ ป่าคงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ" แอร่าให้กำลังใจตัวเองซักนิดนึงก่อนเข้าป่า
ด้วยเวลาไม่ถึง 10 นาทีแอร่าก็พบตัวเองอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มองไม่เห็นยอดไม้ เธอเคยเข้ามาในป่าก่อนหน้านี้แล้ว 2 3 ครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาคนเดียว
บรรยากาศในป่าดูน่ากลัวเมื่อต้องมายืนอยู่คนเดียว ยิ่งนึกถึงข่าวลือต่างๆ นาๆ ยิ่งทำให้ดูเหมือนจะมีตัวอะไรโผล่ออกมาได้ทุกเวลา
"รีบเก็บรีบไปดีกว่า จะได้เสร็จๆ ซักที" สาวน้อยในป่าใหญ่เร่งตัวเอง แล้วเริ่มต้นเก็บสมุนไพรที่ต้องการ
ตะกร้าที่เอามาด้วยเริ่มไม่มีที่ให้ใส่อะไรเพิ่ม และแอร่าก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะเข้ามาในป่าลึกเกินกว่าที่เคยเข้ามาเสียแล้ว คงเป็นเพราะเก็บจนเพลินไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง และก็เพราะไม่กล้ามองสิ่งรอบข้างด้วย
"นี่ก็ได้ของที่ต้องการหมดแล้ว กลับเลยดีกว่า" แอร่ารีบหาทางกลับไปโรงเรียนด้วยความเร็วกึ่งเดินกึ่งวิ่ง
ป่าทั้งป่าตอนนี้เงียบเหมือนไม่มีสัตว์ตัวไดอยู่ ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงซักตัวจะร้องออกมาให้ได้ยิน ความเงียบนั้นดำเนินมาได้ซักพัก แอร่าถึงรู้สึกตัว
"มันแปลกๆ นะนี่ รู้อย่างนี้ชวนมัวร์มาด้วยดีกว่า" แอร่าเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
"ว๊าย !!" แอร่าตกใจที่หันไปเห็นเงาของคนอยู่หลังต้นไม้ด้านขวามือของตัวเอง แต่ไม่เห็นว่าเป็นใคร
"นั่นใครน่ะ" เธอตะโกนถามออกมา
"เงียบ" ชายคนนั้นกระซิบบอกแอร่าแล้วพูดต่อว่า "หมอบลง"
แอร่าได้แต่นิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกใจที่มากกว่าเมื่อซักครู่เพราะ เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นได้เข้ามาถึงตัวแอร่า และดึงตัวเธอลงมานั่งอยู่กับพื้น ทำให้ตะกร้าสมุนไพรที่เก็บได้จนเต็มหล่นลงบนพื้นดิน และกระจัดกระจายไปทั่ว
แอร่าเพิ่งจำได้ว่า ชายคนนี้คือคนไม่น่าไว้วางใจที่เธอเจอที่โรงเรียน
"นายต้องการอะไร" แอร่าเริ่มตั้งสติ และหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้
"อย่าเพิ่งพูด เงียบไว้" เขาทำท่าให้แอร่าเงียบ และหันซ้ายหันขวามองไปรอบตัวทั่วๆ เหมือนกับว่ากลัวใครจะมาเห็นเข้า
"ต้องการอะไรก็บอกมาเถอะ ฉันจะให้ แต่ปล่อยฉันไปนะ"
"โธ่ เอ้ย!! ก็บอกว่าอย่าเพิ่งพูดไงล่ะ" เขากดหลังเธออย่างแรงให้เธอก้มตัวต่ำลงมาอีก
ในหัวของแอร่าตอนนี้ บอกตัวเองว่า ไม่พูดก็ไม่พูด และพยายามที่จะไม่คิดอะไรไปในทางไม่ดี ย้ำกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ ไว้ หาทางออกให้ตัวเองรอดไปให้ได้
เริ่มด้วยการสังเกตสิ่งรอบตัวเพื่อประเมินสถานการณ์ โดยมุ่งไปที่ชายคนที่คุกคามเธออยู่เป็นสิ่งแรก
"สูง .. แล้วไงต่อล่ะ" แอร่าแอบมองเขาแล้วคิดอยู่ในใจ
"เสื้อดำ กางเกงดำ รองเท้าดำ ในเสื้อคลุมสีดำ ใส่หมวกคลุมหัวที่ติดอยู่กับเสื้อปิดหน้าปิดตาตัวเองไว้ ... อืม ไม่รู้อะไรเพิ่มขึ้นมาเลย ทำยังไงต่อดีเนี่ย" แอร่าเริ่มจะรู้สึกตัวว่าใจเย็นไว้ไม่อยู่แล้วเมื่อมองเห็นดาบแวบๆ อยู่ในผ้าคลุมของเขา
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความเงียบที่ปกคลุมป่าอยู่ยังคงดำเนินต่อไป มีแต่เสียงหายใจของตัวเองเท่านั้นที่แอร่าได้ยิน
"นี่ฉันพูดได้หรือยัง" แอร่าทำลายความเงียบที่บีบคั้นหัวใจด้วยคำพูดนี้ แต่ทันทีที่พูดก็ทำให้ป่าเกิดเสียงขึ้นมา ป่าทั้งป่าก็เหมือนกับว่าตื่นขึ้นเพราะคำพูดของเธอ มีเสียงดังอย่างรุนแรงรอบๆ ตัว เสียงที่เกิดจากการสั่นไหวของพุ่มไม้ เพราะตัวอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างในได้ปรากฏตัวออกมา
สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายหมา แต่ตัวใหญ่ประมาณลูกม้า หางยาวและใหญ่คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน ยิ้มแสยะโชว์เขี้ยวที่ไม่เคยได้รู้จักกับแปรงสีฟันมาทั้งชีวิต โดยมีนัยน์ตาสีแดงบ่งบอกถึงความเป็นสัตว์กินเนื้อ และความดุร้ายของมันได้อย่างดี
เจ้าตัวประหลาดที่แอร่าเห็น ตัวสูงประมาณอกเธอ และยาววัดตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายหางประมาณ
"ก็บอกว่าอย่าพึ่งพูด" ชายลึกลับยืนขึ้นแล้วส่ายหัวอย่างอารมณ์เสีย แล้วบ่นออกมาอีก "เงียบไว้ก็ดีแล้ว" เขาชักดาบที่เธอเห็นว่าเหน็บอยู่ที่เอวออกมา ด้วยหน้าตาหงุดหงิด
ดาบเล่มเรียว ตัวดาบสีแดงจัดราวกับตีมาจากโลหะที่ไม่มีอยู่ไหนโลก ถูกถืออย่างมั่นคงในมือของเขา ด้ามดาบสีดำสนิทประณีตสวยงาม เหมือนเป็นดาบประจำพระราชวงศ์อะไรซักอย่าง เพราะมีตราประทับอยู่ที่ปลายของด้าม
"มาอยู่ข้างหลังนี่" เขาลากเธอให้มาอยู่ด้านหลัง
ทั้งสองคนหันหลังให้กับไม้ใหญ่ต้นเดิมที่ แอร่าตกใจเพราะเจอเขาในตอนแรก
ตัวประหลาดเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา หยุดล้อมทั้งสองคนเอาไว้เป็นวงกลมแล้วแยกเขี้ยวโชว์ฝันเหลือง กับน้ำลายยืดๆ เต็มไปหมดทุกด้าน
"ต. ตัวอะไรน่ะ" เมื่อเห็นใกล้ๆ แอร่าจึงตระหนักเจ้าหมาที่เห็นข้างหน้า เป็นสัตว์ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ในเวลานี้ความใจเย็นของเธอไม่ช่วยอะไรเธอเลย
"tail wolf" เสียงลอดออกมาจากหมวกคลุมหน้าของชายด้านหน้าเธอพลางโยน มีดเล่มเล็กๆ มาให้เธอและเปิดผ้าคลุมหน้าของตัวเองออก
ผมสีแดงเพลิง สีเดียวกับดาบของเขา อยู่บนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ อายุประมาณ 20-25 ทรงผมเหมือนมีไฟลุกอยู่บนศีรษะตลอดเวลา
"ใช้เป็นไหม" เขาถามถึงมีดบนพื้น
"พอเป็น" แอร่าตอบตะกุกตะกักในขณะที่เก็บมีดบนพื้นมาถือไว้ "แต่ถ้าเป็นธนูน่าจะดีกว่านี้"
ชายผมแดงมองแอร่าอย่างทึ่งๆ "ใช้อันนี้ไปก่อนแล้วกันนะ"
ไม่ทันจะพูดกันเสร็จ เจ้าตัวประหลาดที่เขาบอกว่าชื่อ tail wolf ไร้มารยาทตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสอง
สวบ... เสียงดาบเล่มยาวที่แหวเข้าไปในเนื้อของเจ้าตัวไร้มารยาทเคราะห์ร้าย
"ไม่เห็นหรือไงคนเขากำลังคุยกันอยู่" พูดพลางสลัดดาบออกจากตัวของ tail wolf ที่นอนแน่นิ่งอยู่
เสียงคำราม เห่า หอน ขู่ สารพันเสียงดังขึ้นลั่นป่าพร้อมๆ กัน ทันทีที่ดาบสีแดงสลัดหลุดออกมา
ฝูง หมามีหาง กรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน แต่ไม่มีตัวไดจะเล็ดลอดจากคมดาบเล่มแดงไปได้
"เก่งจัง ว้าย!!" คำแรกเธอคิดในใจ แต่คำหลังหลุดปากอุทานออกมา
ผลั่ก!! เสียงบูทสีดำหวดเข้าที่สีข้างของ tail wolf ตัวที่หลุดเข้ามาอย่างจัง "อย่าเหม่อซิ" พูดแล้วก็หันกลับไปเหวียงดาบของเขาใส่เจ้าตัวที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ร้องออกมาเสียงดับ เอ๋ง เสียงเหมือนหมาบ้านเราดีๆ นี่เอง
เจ้า tail wolf ฝูงนี้เหมือนไม่มีความกลัวอยู่ในจิตใต้สำนึกของมัน เคลื่อนไหวราวกับมีผีป่าคอยควบคุมมันอยู่ ตัวไหนที่ยังไม่ตายก็พร้อมที่จะกระโจนข้ามศพเพื่อนมันที่นอนไร้ลมหายใจอยู่เข้ามา ส่วนตัวที่เจ็บก็รอจังหวะเข้ามาแทนตัวที่ล้มลงไปในทันที
เมื่อแอร่าตั้งหลักได้จึงระวังตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่มีไอ้หางยาวตัวไหนที่รอดมาได้อีก
ซักพักใหญ่ๆ ผ่านไปเจ้า wolf tail ตัวสุดท้ายของฝูงก็ล้มลงจมกองเลือดของมันเองก็เห็นเขายืนหอบหายใจ ทั้งตัวเปียกชุ่มไปด้วยเลือด ทั้งของศัตรู และของตัวเอง
"ไอ้พวกนี้มันร้ายกาจ ถ้าอยู่ตัวเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ารวมกันเป็นฝูงขนาดนี้ได้ล่ะก็จัดการลำบาก" เขาบอกแอร่าด้วยเสียงเรียบๆ ราวกับว่าไม่เหน็ดเหนื่อยเท่าไหร่
"นายเป็นอะไรมากไหม เป็นแผลทั้งตัวเลย" แอร่าถามด้วยความเป็นห่วง
"ขอพักซักหน่อยก็พอ" เขาตอบกลับมาแล้วทรุดนั่งลงกับพื้นทันที
ทั้งตัวของเขาตอนนี้ เสื้อผ้าที่สกปรกอยู่แล้ว กลับยิ่งดูโทรมหนักกว่าเดิม เพราะมีรอยขาดมากมายจากเขี้ยวและเล็บของเจ้าฝูงหมามีหางเมื่อซักครู่
"ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยเอาไว้" แอร่านั่งลงกับพื้นข้างๆ เขาเพื่อพักให้หายเหนื่อย ถึงจะไม่ได้ไปสู้รบตบมือกับใคร แต่เธอก็เหนื่อยเหมือนไปวิ่งรอบสนามมาซักสามรอบ
"ไม่เป็นไร แต่คราวหน้าอย่าไปไหนมาไหนในที่ๆ อันตรายคนเดียวอีกล่ะ" เขาส่ายหน้าและตอบแอร่าด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนดุ "เข้าใจไหมแอร่า"
"นายรู้ชื่อฉันได้ยังไง"
เขาไม่สนใจคำถามของแอร่า แต่ยังดุเธอต่อ "เจ้าหมาพวกนี้มันมีเป้าหมายที่เธอนั่นแหละ ดีนะที่ฉันตามมา ไม่อย่างนั้นมันคงได้ตัวเธอไปแล้ว"
"ใครจะทำอย่างนั้น แล้วทำไปเพื่ออะไร" แอร่าส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ
"เคยได้ยินตำนานอัญมณีไหมล่ะ" เขาถามคำถามเดิมอีกครั้ง
"ทุกๆ คนต้องเคยได้ยิน แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็เถอะ" เธอพยักหน้าและพูดถึงนิยายก่อนนอนที่ดังที่สุดในโลก "ตำนานที่พูดถึงเรื่องของ อัญมณีทั้ง 4 และเทพพิทักษ์ ตำนานของผู้กล้าที่จะมาต่อต้าน จอมมารดารค์เอลฟ์"
"แสดงว่านี่คือนิทานเรื่องโปรดของเธอล่ะซิ รู้เอาไว้ด้วยนะเธอคือตัวเอกของเรื่อง เธอเป็น 1 ใน 4 อัญมณี" คำพูดนี้หลุดออกมาเหมือนเรื่องปกติ
รู้ทั้งรู้ว่าเขาพูดโกหก แต่เธอก็ยังเถียงออกไป "เป็นไปได้ไง ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่งนายจะบ้าหรอ"
"พักนี้มีตัวอะไรประหลาดๆ มาหาเธอในความฝันบ้างหรือเปล่าล่ะ" คำถามถัดมาที่จี้ใจดำ
แอร่าอึ้งไปพักใหญ่ และกัดปากแน่น "มัน... มันจะมีได้ไงล่ะ นายเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย" เธอโกหกออกไปเพราะความกลัว
"แล้วเธอก็จะรู้เอง" เขาตอบกลับมา
แอร่าผุดลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมา "นายมันบ้าไปแล้ว ขอบคุณนะที่ช่วยและ ขอบใจสำหรับนิทานแปลกๆ ฉันต้องไปแล้วล่ะ" พูดจบก็หันหลังวิ่งหนีจากเขาไป
ชายผมแดงลุกขึ้นยืนช้าๆ มองดาบที่เปื้อนเลือดของตัวเอง "มันจะมีได้ไงล่ะ ตัวประหลาดที่มาเข้าฝัน ..." เขาพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ และมองไปที่หลังของแอร่าซึ่งเห็นอยู่ลิบๆ "อดทนไว้นะ แล้วเธอจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้"
ความคิดเห็น