ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NoHero&LSK : ถ้าเทพอัศวินไปเซ็ตติ้งซัน

    ลำดับตอนที่ #7 : ภารกิจของพ่อบ้านกับคุณหนู [2]

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 52


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    “แถวนี้มันสัมผัสอะไรกันนะ น่าขนลุกจริงๆ”เมโลดี้บ่นพึมพำ

    “ผมรู้สึกเหมือนถูกใครมองอยู่เลยล่ะเมโลดี้”ผมหันมองซ้ายขวา แต่ก็รู้อยู่แกใจว่ามันเป็นไปไม่ได้

    “ตลกมั๊ยนายพ่อบ้าน นี่มันดาดฟ้าสูงตั้งสี่สิบห้าสิบชั้น ไอ้บ้าตัวไหนจะมามองเรา”เมโลดี้แขวะ

    จริงๆมันไม่ใช่แค่นั้นหรอก แต่มันเพราะทั้งผมทั้งเมโลดี้ต่างใช้ความเร็วขั้นสูงสุดของแวมไพร์กันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นประกอบกับการที่อยู่สูงซะขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีใครมองทันแล้ว แต่ผมรู้สึกได้จริงๆนะ และลางสังหรณ์ของผมก็มักจะแม่นเสมอๆเสียด้วย

    “เหมือนเดิม นายจัดการครึ่งนึง”เมโลดี้ไม่รอให้ผมได้ค้านอะไร เธอก็ทิ้งผมไว้แล้วแยกตัวไปอีกทางซะแล้ว ผมก็เลยจำใจต้องไปจัดการคนเดียวอย่างช่วยไม่ได้

    แต่…ความรู้สึกของผมยังไม่จางหายไปเลย…หรือจะมีใครมองพวกเราอยู่จริงๆกันนะ?



    “ตะวันรัตติกาล นี่เฟิร์สวินด์พูด”

    “อือ”

    “ทางนี้ถอดสลักระเบิดรอบนอกออกหมดแล้ว กำลังซ่อนตัวอยู่นอกระยะยิงของไรเฟิล คิดว่านายคงรู้แล้วนะ”

    “มือสังหารรอบนอกสิบสองคน คนที่คุมตัวประกันยี่สิบเจ็ด ตัวประกันหก”

    “จะให้ติดต่อผีเสื้อเดียวดายกับดราก้อนพีชมั๊ย”

    “ไม่จำเป็น”

    “ดี ถ้าจะให้เข้าไปเมื่อไหร่ส่งสัญญาณมาด้วย”จบคำ อีกฝ่ายก็ตัดการสนทนาไป

    “ตะวันรัตติกาล! ถ้าแกมาช้านัก เราจะเป่าตัวประกันให้กระจุยทีละคนเลยคอยดู!!!!!”ท่าทางหัวหน้าของคนร้ายที่คุมตัวประกันอยู่จะหมดความอดทนแล้ว เขาเล็งปืนเลเซอร์ไปทางหนึ่งในตัวประกันที่ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าปิดตาจนมิด

    “เฮ้อ…ข้าคงถูกเทพเจ้าแห่งแสงสว่างหมั่นไส้เอากระมัง…ถึงได้โชคร้ายแต่หัววันแบบนี้”ชายคนนั้นถอนหายใจ

    แต่…คำพูดแบบนั้น…มัน…

    ครีอุส!!!!!



    “ครีอุส…จะเอายังไง”เคเรสถามข้า

    “ไม่เป็นไรหรอกเคเรสที่รัก ปล่อยเอาไว้แบบนี้แหละ”ข้ายิ้มบางๆให้

    เอาน่า จิตสัมผัสของข้าบอกว่านอกจากโจซัวกับเมโลดี้แล้ว ยังมีอันเซียร์กับผู้ช่วยของเขาอีกคน มีคนตั้งสี่คนกำลังเล็งเล่นงานพวกนี้อยู่แล้วข้าจะเป็นอะไรได้อย่างไรกัน

    “ถึงจะมีโจซัวกับเมโลดี้มาก็เถอะ แต่พวกเขาจะไว้ใจได้เหรอ”เคเรสกระซิบเบาๆ

    โอ้! เคเรสเอ๋ย เจ้าไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังพูดถึงใคร สองคนนั้นน่ะเป็นถึงตัวประหลาดที่มีไอปิศาจออกจากตัวนะ จะใช้การอะไรไม่ได้เลยก็แปลกเกินไปแล้ว แถมอันเซียร์ยังเป็นถึงน้องชายของราชาซอนเน่ ถ้าเขาทำอะไรไม่เป็น ต่อสู้ไม่ได้ล่ะก็ ข้ายอมเผาลอเรนจริงๆเลยเอ้า!

    แต่คิดอีกทีก็ไม่แปลก เพราะเขาไม่ได้สัมผัสถึงพลังของทั้งสองคนอย่างที่ข้ากับลอเรนสัมผัสได้ และเขายังมองไม่เห็นอันเซียร์กับผู้ช่วยของเขาอีกคนที่อยู่รอบนอกด้วย อ๊ะ พูดถึงทั้งสี่คนแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังเร่งมาทางนี้สุดแรงเลย เร็วน่าดู

    ท่าทางจะไม่ต้องถึงมือพวกเราจริงๆนั่นแหละนะ



    “คุณหนู!”ผมรู้แล้วว่าตัวประกันคนนั้นเป็นใคร และท่าทางทั้งเมโลดี้และคุณหนูก็รู้แล้วเช่นกัน

    “ไปเร็ว!!!”เมโลดี้รีบพุ่งตรงไปที่ถนนเป็นคนแรก เธอฉีกกระโปรงของเธอมาเป็นผ้าปิดหน้าอีกแล้ว ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์เตือนเรื่องความยาวของกระโปรงเธอแล้วนะ

    นอกจากเมโลดี้แล้ว ผมยังเห็นคุณหนูกับเฟิร์สวินด์ออกจากที่ซ่อนแล้วรีบตรงไปช่วยครีอุสเหมือนกัน ผมก็เลยต้องออกไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ถึงลางสังหรณ์ของผมจะบอกว่าเขาช่วยตัวเองได้ก็เถอะ

    “แยกส่วน!”คุณหนูแยกส่วนเคียวที่นำมาตั้งแต่แรก จากนั้นก็ซัดคมเคียวใส่ใจกลางถนนเลย

    “ทั้งสองคน ไปช่วยตัวประกัน”เฟิร์สวินด์บอกพวกผม

    “ได้เลยค่ะ”เมโลดี้ก็ยังคงเหมือนเดิม เธอเชื่อฟังคำของเฟิร์สวินด์พอๆกับคุณหนูเลยจริงๆ

    “มาแล้วเหรอ…ตะวันรัตติกาล!”หนึ่งในกลุ่มคนร้ายตะโกน

    “ตะวันรัตติกาล?”ครีอุสทำหน้างง เขาคงไม่เคยได้ยินชื่อของฮีโร่สินะ

    “ก้ม!”คุณหนูตะโกนครั้งเดียว ครีอุสก็รีบก้มหัวลง ฮู้ดของเขาโดนเคียวของคุณหนูเฉี่ยวขาด แต่ดูท่าจะไม่มีอันตราย แต่กับคนร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาน่ะเป็นแน่

    “ทุกคน มาทางนี้”เมโลดี้สั่ง แน่นอนว่าหลังจากเกิดเรื่องที่ใจกลางเมืองคราวก่อนแล้ว เธอกับผมก็เป็นที่รู้จักพอๆกับดาราหลายๆคนไปเลย สาเหตุเพราะเป็นพี่น้องกับ “เทวดา” ของเซ็ตติ้งซัน

    “เมโลดี้ โจซัว”เสียงเรียกมาจากอีกหนึ่งตัวประกันที่พวกผมมองข้ามไป

    “คุณเคเรส!?!”เมโลดี้ร้องเบาๆ

    “พวกผมต้องทำอะไรรึเปล่าครับ…สองคนนั้น…เป็นพวกเดียวกับเรารึเปล่า”ท่าทางเคเรสจะกังวลเรื่องตะวันรัตติกาลและเฟิร์สวินด์ที่อยู่ๆก็โผล่มากระทันหัน

    “ไม่เป็นไรครับ พวกเราเป็นพวกเดียวกัน”ผมรีบปลอบ

    “แกกล้าขยับรึไงตะวันรัตติกาล…ไม่กลัวเราจะฆ่าตัวประกันรึไง!!!”ถึงตัวประกันห้าคนจะถูกลำเลียงตัวออกไปหมดแล้ว แต่ตะวันรัตติกาลและเฟิร์สวินด์กลับไม่สามารถขยับตัวได้เพราะเจ้าคนร้ายมันดันจับตัวครีอุสเอาไว้

    “ก็ตามสบายสิ”ตะวันรัตติกาลตอบอย่างนิ่งเฉย

    “อะ..อะไรนะ?”

    “คราวก่อนที่ลงข่าวกันโครมๆไม่ได้รู้เรื่องเลยรึไง ตะวันรัตติกาลจะไม่สนตัวประกัน แต่จะฆ่าคนที่ฆ่าตัวประกันเพื่อแก้แค้นให้พวกเขาต่างหาก”เฟิร์สวินด์ยิ้มเย็น

    “…อึก…”

    “ท่าทางแกจะไม่ใช่คนของเซ็ตติ้งซันนะ ข่าวเขาลงกันเป็นอาทิตย์ยังไม่รู้เนี่ย”เฟิร์สวินด์ถอนหายใจ

    “สมกับเป็นเฟิร์สวินด์ กดดันอีกฝ่ายซะหงอไปเลย”เมโลดี้คราง ผมเองก็อดตกใจไม่ได้ที่คุณโลชูคนนั้นจะพูดจาข่มขู่ได้ขนาดนี้

    “ไม่ได้นะ จะปล่อยให้ครีอุสตายไม่ได้นะ”เคเรสกระตุกแขนเสื้อของพวกเรา

    “เรากำลังหาทางอยู่น่า! เลิกพิรี้พิไรซะที!!!”เมโลดี้ตวาด

    “เมโลดี้”ผมเรียกเธอ

    “อะไรกันเล่านายพ่อบ้าน ก็ดูหมอนี่สิ!”เมโลดี้โวยวาย แต่สายตาของเธอก็ต้องกลายเป็นตกใจเมื่อเห็นคนที่ [น่าจะ] เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มผู้มาเยือนทั้งสิบสองคนกำลัง…ยิ้ม

    “…เดี๋ยวกลับไปต้องหาตุ๊กตาตัวใหม่อีกแล้ว…”เคเรสยิ้มอย่างมีความสุข และจากที่ผมแอบเห็น มือของเขาข้างที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างนั้นเหมือนจะมีเส้นผมยาวๆสีส้มอยู่ด้วยหลายเส้น

    “ถ้าพวกคุณไม่จัดการ…ทางเราจะไม่รับผิดชอบนะครับ”เคเรสยังคงยิ้ม

    “ก็ได้ๆ ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นนะ!”เมโลดี้ร้อง “ยังไงเราก็ต้องช่วยหัวหน้าของนายอยู่แล้วแหละน่า! อย่าโวยวายนักสิ!”

    “คิดว่าจะช่วยตัวประกันได้รึไง!!!”คนเป็นหัวหน้ากดปากกระบอกปืนเข้ากับขมับของครีอุส ส่วนอีกสามสิบหกคนเล็งปืนมาทางตะวันรัตติกาลกับเฟิร์สวินด์ ท่าทางว่าแค่การโดนเคียวเฉี่ยวแขนซ้ายไปจะยังทำให้เขาเข็ดไม่ได้สินะ

    “ถ้าแกขยับ…เราจะกดระเบิดทันที!!!”

    “มีระเบิดที่ไหนให้กดล่ะ”เฟิร์สวินด์ถาม

    “และไม่มีมือปืนมาส่องพวกเราหรอกนะไม่ต้องหาเลย พวกเขาโดน “จัดการ” ไปหมดแล้ว”คุณหนูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

    “อ…อะไรนะ”

    “สิบสองคนที่ดาดฟ้า กับระเบิดอีกสี่จุดรอบถนน ยังมีอะไรอีกมั๊ย”เฟิร์สวินด์ยิ้ม

    “ยอดไปเลย! สมกับที่เป็นเฟิร์สวินด์”เมโลดี้ยังคงบ้าต่อไป ผมแอบคิดไม่ได้ว่าถ้าผมบอกตัวจริงของเฟิร์สวินด์ให้เธอรู้เข้าจะเป็นยังไงนะ

    “…รีบช่วยครีอุสเร็วๆเข้าเถอะ…”เคเรสคราง “…เขาไม่ชอบความร้อน…ยิ่งแดดเปรี้ยงๆแบบนี้ด้วยแล้ว…”

    “……”ครีอุสที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนับตั้งแต่ตะวันรัตติกาลโผล่มา เงยหน้าขึ้นสบตาตะวันรัตติกาล ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนสื่อสารอะไรกัน แต่ที่แน่ๆคือผมเห็นครีอุสพยักหน้าน้อยๆ

    “ชั้นจะให้เวลา…สามวินาที…ปล่อยตัวประกันแล้วไปซะ”ตะวันรัตติกาลชูเคียวมัจจุราชขึ้น

    “หนึ่ง…”

    “เฮอะ! แกจะกล้าเหรอ ตัวประกันยังอยู่กับเรา!!!”

    “…สอง…”

    “ไม่ต้องให้เวลาแล้วล่ะตะวันรัตติกาล”เฟิร์สวินด์ถอนหายใจ ก่อนที่ขาจะนับเลขสุดท้ายเสียเอง “…สาม…”

    ฟิ้ว…

    ในช่วงเวลานั้นเอง ร่างของครีอุสที่ถูกจับล็อคคออยู่ก็ค่อยๆซีดจางลง…ก่อนจะสลายไปทั้งอย่างนั้นเลย

    “เฮ้ย!!!”

    แต่ไม่มีเวลาให้ใครได้ตกใจ ตะวันรัตติกาลกางปีกเหล็กของเขา ส่วนเฟิร์สวินด์ก็เรียกแส้เลเซอร์ขึ้นมา ทั้งสองคนเข้าประจันบานแบบแทบจะไม่มีช่วงเวลาเว้นให้หายใจ

    “ย…ยิง!”

    ฟิ้วๆๆๆๆๆ

    “นั่นมันแสงอะไรกันน่ะ ตอนที่เห็นครั้งแรกก็สงสัยอยู่”

    “ครีอุส!!!”เคเรสหันไปด้าหลังพร้อมๆกับพวกผม

    บอกตรงๆผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่หายตัวไปเมื่อครู่จะมาอยู่ข้างหลังพวกผมได้ ทั้งๆที่ทั้งผมทั้งเมโลดี้ไม่ได้รู้สึกตัวเลยซักนิด

    “นั่นนายทำได้ยังไงน่ะ”เมโลดี้ถามด้วยเสียงแปร่งๆ ผมว่าเธอคงไม่อยากเชื่อเหมือนๆกับผมนี่แหละ

    “นั่น? อ้อ หมายถึงที่เลือนหายไปนั่นน่ะเหรอ?”ครีอุสถาม

    “วิชาของเนเฟลใช่มั๊ยครีอุส ข้ารู้สึกว่าเนเฟลก็เคยใช้บ่อยๆ”

    “อือ ก้าวข้ามเมฆาของเนเฟลนั่นแหละ”ครีอุสยิ้มอย่างอ่อนโยน

    [ณ ตอนนี้ครีอุสคิดว่า : ที่ข้าใช้ได้ต้องยกความดีความชอบให้อิลเลียส เพราะตอนที่ข้าขอให้เนเฟลสอนท่าก้าวข้ามเมฆาให้เขา ข้าก็แอบดูจนสุดท้ายก็ได้เรียนมาด้วยยังไงล่ะ]

    แค่ฟังถึงตรงนี้ผมก็เข้าใจขึ้นมาทันที ผมไม่แปลกใจเลยซักนิดที่เนเฟลจะล่องลอยจนขนาดพวกผมยังจับสัมผัสไม่ได้ เพราะขนาดครีอุสหายตัวมาอยู่ข้างหลังพวกผมยังไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ว่าแต่ลำแสงต่างๆพวกนี้มันอันตรายเหรอ?”ครีอุสถาม

    “อันตรายสิครับ พวกนี้น่ะเรียกว่าเลเซอร์ เป็นพลังงานความร้อนสูงชนิดที่ว่าโดนยิงครั้งเดียวผิวจะไหม้เป็นรูเลยล่ะครับ”ผมตอบ พลางรีบบังคับพลัง ควบคุมทิศทางของเลเซอร์ไม่ให้พวกผมโดนลูกหลง

    จริงๆถ้าผมใช้พลังเลือดอาจจะเหมาะกว่า แต่ผมไม่อยากทำให้แขกทั้งสองตกใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว แค่นี้ทั้งสองคนก็มองการต่อสู้ของตะวันรัตติกาลกับเฟิร์สวินด์กันตาค้างแล้ว

    “เก่งจังเลย”เคเรสเอ่ยชม

    “สามสิบเจ็ดต่อสอง…เก่งจริงๆแฮะ”ครีอุสพึมพำ

    “ทีนี้เข้าใจรึยังว่าถึงยังไงเพื่อนนายก็ไม่มีทางตายหรอก ตะวันรัตติกาลกับเฟิร์สวินด์น่ะจะต้องช่วยครีอุสออกมาได้อยู่แล้ว”เมโลดี้แขวะ

    “เข้าใจแล้วครับ แต่…”เคเรสทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ

    “มีอะไรรึเคเรสที่รัก?”ครีอุสถาม

    “ไม่มีอะไรหรอกครีอุส”เคเรสยิ้ม

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน หากเสร็จแล้วก็มาเรียกข้าละกัน”

    “อืม ครีอุสคงร้อนมากแล้วนี่นา”เคเรสมองชุดคลุมของครีอุสก่อนจะยิ้มแหยๆ

    “ทำไมต้องพูดจาซะอ้อมโลกขนาดนั้นนะ เพื่อนนายน่ะ”เมโลดี้ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ

    “เอ่อ…ข้าขอร้องพวกท่านอย่างหนึ่งได้มั๊ย?”เคเรสเอ่ยเบาๆ

    “พวกผมยินดีช่วยอยู่แล้วครับ”ผมตอบ

    “ถ้างั้น…บอกสองคนที่กำลังสู้อยู่นั่นทีสิ…บอกให้เขาเล่นสามสิบเจ็ดคนนี่ให้เละจนไม่รู้จะเละยังไงเลยก็ได้ ถ้าไม่อยากให้พวกเขาทรมานยิ่งกว่านี้”

    “หา???”

    “เพราะถ้าพวกเขาไม่เล่นงานคนร้ายให้ครีอุสหายสะใจล่ะก็ ข้ารับรองเลยว่าเขาจะไปลงมือเอง และถ้าเป็นแบบนั้นข้าไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นนะ”สีหน้าของเคเรสดูเหมือนคนอยากจะร้องไห้



    ฟิ้วๆๆๆๆ

    “ไม่ได้เรื่องเล้ย…ฝีมือใช้ไม่ได้เลย”เฟิร์สวินด์ถอนหายใจ

    “พวกเขาไม่ได้ดัดแปลงร่างกาย”ตะวันรัตติกาลบอก

    “คงถูกจ้างมาสินะ…และคนที่จ้างมาคงมีความแค้นกับนายแหงๆเลยเซียร์”เฟิร์สวินด์ว่า

    ระหว่างที่คุยกัน ทั้งสองก็จัดการล้มศัตรูทีละคนๆ จนกระทั่งเหลือไม่ถึงสิบ

    “บ…บ้าน่า…”

    “ใครใช้แกมา…บอกมาไม่งั้นตาย!”ตะวันรัตติกาลพูด

    “ย…ย…ยอมแล้วๆ! ศาสนจักร! ศาสนจักรใช้พวกเรามาจัดการ!!!”

    “…ศาสนจักรเหรอครับ…”ผมก้าวเข้าไปหาคุณหนูกับเฟิร์สวินด์

    “โดนไล่ไปแล้วก็จริง…แต่ท่าทางจะยังไม่ยอมตัดใจเรื่องพวกนายสองคนนะ”เฟิร์สวินด์ถอนหายใจ

    “แบบนี้ก็แย่สิคะ”เมโลดี้ทำหน้าไม่พอใจ

    “พวกนาย…ไปซะให้พ้นจากเมืองนี้ภายในหนึ่งชั่วโมง!”ตะวันรัตติกาลหันไปสั่ง ซึ่งพวกชายชุดดำก็ยอมทำตามแต่โดยดี

    “เอ่อ…ขอบคุณครับที่มาช่วยพวกเรา”เคเรสค่อยๆเดินมาขอบคุณ

    “โจซัว…คนคนนี้…”เฟิร์สวินด์หันมาทางผมกับเมโลดี้

    “เขาเป็นแขกของคุณหนูค่ะ”เมโลดี้ยิ้ม

    แค่ได้ยินว่าเป็นแขกของคุณหนูเท่านั้น เฟิร์สวินด์ก็เข้าใจที่มาที่ไปของเคเรสกับครีอุสทันที เขามองทั้งสองคนด้วยสายตาวิเคราะห์นิดๆ

    “ข้าชื่อเคเรส ส่วนเขาชื่อครีอุส เราสองคนต้องขอบคุณจริงๆที่มาช่วยเหลือ”เคเรสโค้งหัวเป็นการขอบคุณ ผมคิดว่าในคนทั้งหมด เขาคงเป็นคนที่มารยาทดีที่สุดล่ะมั๊ง

    “ข้าเองก็ต้องขอขอบคุณเช่นกัน”ครีอุสยิ้มกว้าง แต่แม้รอยยิ้มของเขาจะดูสว่างไสวน่าใว้วางใจมากขนาดไหนก็ตาม แต่เวลาผมมองทีไรก็รู้สึกไม่ไว้วางใจทุกครั้งไป

    “เซียร์…นายต้องลากพวกเขามาที่สตูดิโอให้ได้นะ”ผมแอบได้ยินเฟิร์สวินด์กระซิบแบบนี้



    ในที่สุด ผมก็ต้องกลับโรงแรมมาพร้อมๆกับทั้งสองคนจนได้ เพราะเมโลดี้กำลังบ้าเฟิร์สวินด์มากเสียจนไม่มีอารมณ์จะทำงาน และดูท่าทางเธอจะยังไม่อยากกลับด้วย ผมก็เลยต้องกลับมากับทั้งสองคนแทน

    เพราะถึงยังไง แดดที่ร้อนแรงขนาดนั้นมันก็ส่งผลต่อผมไม่เบาเหมือนกัน ถึงผมจะคิดเผื่อและเตรียมผ้าคลุมไปแล้ว แต่ถ้าใส่มันนานๆเข้าคนอื่นจะสงสัยอยู่ดี ผมก็เลยพาพวกเขากลับทางเลี่ยง นั่นก็คือดาดฟ้าตึกต่างๆ และเคเรสกับครีอุสก็ทำให้ผมตกใจอีกครั้ง เพราะทั้งสองคนกลับตามความเร็วของแวมไพร์อย่างผมมาติดๆ

    “เล่นเอาตกใจไปเลยนะเนี่ย ไม่คิดว่าโจซัวจะเก่งขนาดนี้”เคเรสชวนคุย

    “ผมยังไม่เรียกว่าเก่งหรอกครับ ยังมีอีกหลายคนที่เก่งกว่าผม”ผมตอบ

    “โห…แสดงว่าที่นี่ต้องมีคนเก่งๆเยอะแยะเลยนะเนี่ย ท่าทางเทอร์มิสกับฮาเดสคงจะชอบนะครีอุส”เคเรสหันไปถามครีอุส

    “ก็คงเป็นเช่นนั้น เคเรสที่รัก”ครีอุสตอบ

    “จะว่าไปแล้ว…ผมไม่เห็นคุณฮาเดสตั้งแต่เช้าแล้วนี่ครับ”

    “เอ๋!?!”ครั้งนี้ทั้งเคเรสและครีอุสกลับทำหน้างงเหมือนๆกัน

    “คุณครีอุสไม่ได้ลงมาทางข้าวเช้า ส่วนคุณเคเรสก็มาช้ากว่าคนอื่นเพราะต้องตักอาหารแยกก็เลยไม่ทันได้สังเกตล่ะมั๊งครับ”ผมยิ้มตามแบบฉบับของพ่อบ้านที่ดี

    “ฮาเดสหายไปตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”ครีอุสถามผม

    “ครับ เห็นออกไปตั้งแต่เช้ามืดเลยล่ะครับ”

    “…เคเรส…”ครีอุสถอนหายใจ

    “มีอะไรเหรอครีอุส”เคเรสถาม

    “กลับไปถึงที่โรงแรม เจ้าไม่ต้องพูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เด็ดขาด บอกแค่ว่าเราไปเดินเล่นก็พอ”

    “อ้าว? ทำไม…”

    “ข้าไม่มีเวลาอธิบาย”ครีอุสหันหลังให้พวกผม ก่อนที่เขาจะจากไปแทบจะทันที

    “จะรีบไปไหนของเขากันเนี่ย”เคเรสแบะปากน้อยๆ



    ฟิ้ว…ฟิ้ว…

    ข้ารีบกระโดดข้ามผ่านหลังคาเรียบๆพวกนี้มาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยังเปิดจิตสัมผัสเพื่อตามหาลอเรนเต็มที่

    คนอย่างเขาไม่มีทางหายตัวไปไหนได้หรอก ข้าเชื่อย่างนั้น แต่ข้าดันติดคำสัญญากับท่านอาจารย์เอาไว้ว่าจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตา และไม่พาเขาออกนอกเขตวิหารเทพแห่งแสงสว่าง ซึ่งข้อหลังข้าก็จำเป็นต้องแหกกฎมาแล้วเพราะเป็นคำสั่งของตาแก่สังฆราช ดังนั้นข้าจึงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวซ้ำสองอีกหรอก

    ก็อาจารย์ข้าน่ะ…น่ากลัวยิ่งกว่ามังกรซะอีก!!!

    จริงๆข้าอดตกใจไม่ได้ เพราะในเซ็ตติ้งซันมีไอของพวกปิศาจปะปนอยู่เต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่หลังคาที่ข้ากำลังข้ามผ่านพวกนี้ หากแต่พวกเขาไม่มีใครปรากฎตัวออกมา ข้าก็ไม่คิดจะเล่นงานพวกเขาหรอก และถึงพวกเขาปรากฎตัวมาอยู่ตรงหน้าข้า ถ้าเขาไม่ลงมือก่อนข้าก็จะไม่ลงมือเช่นกัน

    ก็ที่นี่ไม่ใช่เขตของข้า…จะทำอะไรก็ไม่สะดวกแบบนี้แหละ!!!

    ในที่สุดข้าก็สัมผัสถึงจิตของลอเรนเสียที จิตมืดของเขารุนแรงมากขนาดข้ารู้สึกได้แม้จะไม่เปิดจิตสัมผัส และข้าก็คิดว่าการที่ข้าเปิดจิตสัมผัสให้กว้างเกินไปอาจจะนำภัยมาหาตัวข้าเองก็เป็นได้ เพราะไม่มีอะไรยืนยันว่าปิศาจพวกนี้จะไม่รู้จักจิตสัมผัส ข้าจึงลดมันลงให้มีระยะเท่ากับสายตาของข้าเท่านั้น ก่อนจะรีบมุ่งไปหาลอเรน



    “ในที่สุดเจ้าก็มา ครีอุส”

    “เทอร์มิส!!!”ข้าร้องอย่างตกใจ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อข้าไม่รู้สึกถึงตัวเขาเลยซักนิด

    “ไอมืดของเขาคงจะเข้มเกินไปจนบดบังตัวตนของข้าไปหมดน่ะสิ”เทอร์มิสถอนหายใจ

    “นี่…นี่พวกเจ้ามาทำบ้าอะไรกัน”ข้ากัดฟันถาม

    “ดูรอบๆก็รู้แล้ว”เทอร์มิสยิ้มบางๆให้ข้า

    “เจ้าอย่ามาพูดดี แลนซ์!!!”

    จะไม่ให้ข้าโวยวายได้อย่างไรกัน เทพเจ้า! ดูความวุ่นวายที่เจ้าสองตัวนี้ก่อขึ้นสิ!!! พวกมันไม่สนใจเลยรึไงนะว่านี่เป็นเขตของอมนุษย์! มาซ้อมดาบกันข้าไม่เคยว่า แต่พวกเจ้าช่วยเลือกสถานที่กันหน่อยได้มั๊ย!!!!!

    “ลอเรน! เจ้า…ร่วมมือกับพวกเขามาหลอกข้ารึไงกัน! เจ้ารู้มั๊ยว่าข้าตกใจแทบตายที่เจ้าหายไป!!!”ข้าหันไปโวยวายใส่ลอเรนแทน

    “เจ้าหลับอยู่ ข้าไม่กล้าปลุกหรอก”ลอเรนถอนหายใจ “เจ้าน่าจะรู้ว่าเวลาเจ้าหลับมันตื่นยากขนาดไหน ข้าเลยไม่ปลุก”

    “ก็เจ้าตื่นสายเอง ข้าก็เลยไม่ได้บอก อีกอย่าง ถ้าข้าบอกเจ้าคงคัดค้านข้าล่ะสิ”เทอร์มิสเสริม แหม เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะเรื่องแกล้งทำให้ข้าตกใจเนี่ย!

    “หุบปากนะ แลนซ์ เทอร์มิส!”ข้าโวยวาย “ไว้ข้าจะคิดบัญชีที่เจ้าหลอกข้าทีหลัง!”

    “อ๊ะฮาเดส ข้าคิดว่าข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกเจ้าด้วยนะ”เทอร์มิสหัน

    “อย่านะเทอร์มิส!!!”ข้าซาบซึ้งถึงทรวงในทีเดียวว่าเขาจะพูดอะไร องค์มหาเทพ! ข้าแค่พลาดให้เขาจับจุดอ่อนข้าได้จุดเดียว เขาก็นำเรื่องนี้มาขู่ข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

    แลนซ เทอร์มิส! เจ้ามันชั่วช้าที่สุด!!!

    “ไม่ต้องห่วงหรอกเกรเซียส ข้าตกลงกับเจ้าของที่นี่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ตกลงให้พวกเรายืมบ้านของเขาเป็นที่ฝึกซ้อมเช่นกัน”ลอเรนบอก

    “เจ้า…เจ้าไปคุยกับอมนุษย์เจ้าของที่นี่ โอย~”ข้าจะเป็นลม

    ข้าให้เขาทำตัวเป็นคนปรกติธรรมดาๆนะ ไม่ใช่วางมาดประมุขแห่งความตายไปปกครองอมนุษย์แบบนี้! แค่ไอปิศาจของเขาเท่านั้นก็ทำพวกอมนุษย์แถวนี้กลัวกันหัวหดแล้ว! ข้าจะไม่แปลกใจเลยซักนิดถ้าปิศาจที่ลอเรนไปคุยด้วยจะชักตาตั้ง รีบอนุญาติทันที

    แล้วดูเข้าสิ ทีตอนที่ข้าอยากให้เขาทำตัวเป็นประมุขแห่งความตาย เขาก็ไม่ทำ ทีข้าจะให้เขากลายเป็นมนุษย์ธรรมดาๆเขาก็ทำตัวเป็นประมุขแห่งความตายอีก ข้าจะบ้าตายวันละหลายรอบเพราะเขานี่แหละ!

    “เกรเซียส เจ้าทำหน้าเหมือนคนจะเป็นลม”ลอเรนถาม

    “ข้าจะบ้าตายเพราะพวกเจ้าสองคนนั่นแหละ!!!!!”ข้าตวาด

    “เกรเซียส”ลอเรนทำสีหน้าปุเลี่ยนๆ “การตวาดไม่ใช่สิ่งที่เทพอัศวินครีอุสควรกระทำนะ”

    “ข้าจะทำแล้วใครจะทำไม! ข้าพูดผิดตรงไหนล่ะที่ข้าจะบ้าตายเนี่ย! พวกเจ้าช่วยทำตัวให้มันเรียบร้อยกับเขาหน่อยได้มั๊ย!!!!!”ข้าล้มตัวลงนั่งอย่างหมดแรง แถมยังตวาดพวกเขาอีกด้วย

    “ทีนี้เชื่อข้ารึยัง…เกรเซียสน่ะเป็นเทพอัศวินครีอุสที่ไม่เหมาะจะเป็นเทพอัศวินครีอุสที่สุด”เทอร์มิสถอนหายใจ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×