ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ภารกิจของพ่อบ้านกับคุณหนู [1]
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”ผมยิ้มบางๆ
หลังจากผ่านเรื่องน่าสงสัยเมื่อคืนมาได้แล้ว นายท่านก็พาทุกคนมาพักค้างคืนที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง และคุณหนูก็มาค้างที่นี่ด้วยอีกคนหนึ่ง ผมก็เลยต้องมาทำงานพ่อบ้านนอกสถานที่
และหลังจากผมตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ระหว่างที่คุณหนูกำลังออกไปวิ่งตอนเช้า ผมก็ต้องแปลกใจที่เห็น “เทพอัศวิน” บางคนตื่นแต่เช้าเหมือนกัน
“อรุณสวัสดิ์”เทอร์มิสตอบ
“หวัดดีโจซัว”เคเรสยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นเดิม
“ตื่นเช้าจังเลยนะครับ”ผมยิ้มตอบ กับชายคนนี้ใครๆก็คงโกรธเขาไม่ลงหรอก ในเมื่อเขาออกจะเป็นคนดีได้ขนาดนี้
“ก็ตามปรกติผมต้องมาเตรียมอาหารให้ครีอุสเป็นพิเศษนี่ครับ”
“คุณครีอุสกินอาหารยากเหรอครับ?”ผมถามอย่างกังวล แล้วแบบนี้ผมจะได้ทำหน้าที่พ่อบ้านที่ต้องรับแขกได้อย่างสมบูรณ์แบบเหรอ?
“จะว่าอย่างงั้นก็ไม่เชิงหรอก เขาแค่ไม่ชอบอาหารจืดๆและก็ชอบใส่เครื่องเทศเยอะๆเท่านั้นเอง”เคเรสยิ้ม แต่ผมม่เห็นเข้าใจคำว่า “เครื่องเทศ” ของพวกเขาเลย
เฮ้อ! ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ของคุณหนูก็ทำผมรู้สึกว่าโบราณแล้วนะ แต่พวกเขากลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนยุคกลับไปจริงๆเนี่ยสิ
“ก็พวกสมุนไพรกลิ่นหอมๆนั่นแหละ”เทอร์มิสช่วยขยายความ
คนนี้ก็เป็นอีกคนที่ผมเกรงกลัวรองลงมาจากคุณครีอุส เพราะแค่สายตาของเขาก็ดูจะเข้มงวดไม่เบาแล้ว แถมบางครั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถเดาใจคนได้ยังไงยังงั้น!!!
“แต่ที่สำคัญที่สุดคือครีอุสน่ะตื่นสายมากๆ ทำให้ไม่ทันกินอาหารพร้อมกับทุกคน เคเรสเลยต้องเตรียมอาหารแยกสำหรับเขาเป็นพิเศษ มันก็แค่นั้น”เทอร์มิสถอนหายใจ เสียงของเขาเวลาพูดถึงคุณครีอุสดูจะอ่อนโยน แต่ก็ติดจะระอา
มันทำให้ผมสงสัยจริงๆว่าทั้งสองคนเป็นคู่ปรับกันจริงๆน่ะเหรอ?
“กลับมาแล้วโจซัว”คุณหนูเปิดประตูเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่พวกเราอยู่
“สวัสดีครับคุณหนู อาหารเช้าตั้งโต๊ะแล้วนะครับ จะให้เชิญนายท่านกับคุณไคล์ลงมาเลยรึเปล่าครับ”ผมถาม
“พี่ชายยังไม่ตื่นหรอก ปรกติเขาตื่นสายกว่านี้น่ะ”คุณหนูตอบ
“อาหารตั้งโต๊ะเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง”
ผมเพิ่งสังเกตเห็นอีกคนก็ตอนที่เขาพูดนี่แหละ เฮ้อ ผมเองยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะซ่อนตัวจากประสาทสัมผัสของแวมไพร์อย่างผมได้แนบเนียนขนาดนี้ ไม่สิ ขนาดเมื่อวานคุณหนูยังแทบไม่ได้สังเกตถึงตัวเขาเลย
“เนเฟล ข้าขอร้องเถอะว่าคราวหน้าช่วยเดินลงมาแบบคนธรรมดาๆเขาหน่อย ที่นี่ไม่ใช่ลีฟบัดที่เจ้าจะลอยไปลอยมาได้นะ”เทมเพสเดินลงมาจากชั้นสอง ท่าทางเขาจะระอาใจกับนิสัยลอยไปลอยมาของเนเฟลเหมือนกัน
แต่เจอแบบนี้ใครก็ต้องระอาใจล่ะครับ ก็ขนาดผมกับคุณหนูยังไม่รู้สึกตัวแบบนี้ ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าเขาคิดจะซ่อนตัวจริงๆจะมีใครหาเขาเจอมั๊ยเนี่ย
“ไปปลุกคนอื่นๆที เนเฟล เทมเพส”เทอร์มิสสั่ง
“อิ่มแล้วครับ”ในที่สุดทุกคนก็กินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ผมอดดีใจไม่ได้ที่พวกเขาดูท่าทางจะไม่ลำบากในการกินอาหารของผมเท่าไหร่นัก
“เป็นไง อร่อยมั๊ย?”เมโลดี้ถาม
“ถึงจะไม่รู้จักเจ้านั่น แต่ก็อร่อยดีนะครับ”เคเรสชี้ไปที่มันฝรั่งทอด ซึ่งเมโลดี้ก็ทำหน้าแปลกๆ ซึ่งผมว่าเธอก็คงคิดแบบเดียวกับผมนั่นแหละ ว่าพวกเขาดูจะโบราณยิ่งว่าคุณหนูซะอีก
“แล้ววันนี้พวกนายจะทำอะไรกันบ้าง”เทอร์มิสถามทุกคน ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าของฝ่ายโคลด์ เอ่อ โคล์บลัดด์รึเปล่านะ ผมจำไม่ค่อยได้ซะแล้วสิ
“ข้ากับเนเฟลจะไปดูอะไรในห้องสมุดของเมือง”เทมเพสตอบ เมื่อคืนตอนที่เนเฟลมาถามเรื่องห้องสมุด เขาดูสนใจไม่น้อยเชียวล่ะครับ
“ขอให้เจ้าตาไม่เขตอนกลับมาแล้วกันเทมเพส”อาเทมิสเชิดหน้าสูงอย่างหยิ่งๆ แต่นี่ก็เป็นอีกคนที่ผมไม่เข้าใจ เขาไม่เมื่อยคอบ้างรึไงนะ เชิดตลอดเวลาแบบนั้น
“ที่นี่ไม่ใช่ลีฟบัด ข้าไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาของเทพอัศวินเทมเพสให้มากนักหรอกกระมัง”เทมเพสตอบกลับ
พวกเขาพูดอะไรกันนะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
“ข้าขอนอนพักดีกว่า วันนี้อากาศร้อนเกินกว่าจะออกไปข้างนอก”ไทรอนว่า
“ข้าด้วย”อาร์เมลต่อ
“เอ่อ ข้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยน่ะ”เคเรสยกมือขึ้น “ตอนแรกข้าคิดว่าจะไปกับครีอุส แต่ ”
“ท่าทางเจ้าต้องไปคนเดียวแล้วล่ะเคเรส ครีอุสยังไม่ตื่นเลย”เฮฟเตตัสเงยหน้ามองชั้นสอง ที่ครีอุสกำลังหลับสนิท
“นั่นสินะ แต่ข้าไม่เหมือนครีอุสซะหน่อย ข้ายังจำแผนที่ของที่นี่ไม่ได้เลยนี่นา”เคเรสถอนหายใจ
“ครีอุสจำแผนที่ของเซ็ตติ้งซันได้หมดแล้วเหรอ!?!?!”เมโลดี้ร้องเสียงแหลม
“แปลกตรงไหนล่ะโจซัว? ฉันยังจำได้หมดเลย”คุณหนูถามผม
“คุณหนูครับ กับคุณน่ะเป็นข้อยกเว้นล่ะมั๊งครับ”ผมตอบ
“อ้อ จริงสินะ”คุณหนูเองก็รู้สินะว่าผมหมายถึงอะไร เพราะฉะนั้นกับครีอุสที่ไม่มีอะไรเหมือนกับคุณหนูเลยแต่กลับสามารถจำแผนที่ทั่วเซ็ตติ้งซันได้ในคืนเดียวเนี่ย ผมคงต้องขอยอมรับแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ผมจะเอาชนะได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ช่วยไม่ได้ เจ้ารอจนกว่าครีอุสจะตื่นแล้วกัน”เทอร์มิสลุกขึ้นจากโซฟา “ไอซอท ไปกับข้า”
“ได้”
ผมล่ะนับถือการปกครองของเทอร์มิสจริงๆ ขนาดเขาเรียกตัวไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไอซอทก็ไม่ได้ถามเหตุผลเลยซักคำ แต่ปรกติเขาก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้วนี่นะ
“โอ๊ย มาผลัดเวรกันได้ซักที ฉันดูจนตาลายแล้วนะ”เกรนบ่นผมกับเมโลดี้ทันทีที่พวกผมมาถึงห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั๊ยครับ?”ผมถาม
“มีสิ เยอะแยะเหมือนเดิมแหละ นายก็รู้”เกรนว่า
“เซ็ตติ้งซันมีเรื่องวิวาทเกิดขึ้นได้ทุกๆ 5 นาทีอยู่แล้ว”เทียนฉาพูดเหมือนเป็นเรื่องปรกติ
“เอาเรื่องใหญ่ที่คุณหนูต้องไปจัดการสิยะ”เมโลดี้แหว
“ไม่มีหรอกเมโลดี้ ถ้ามี DSII ต้องติดต่อมาแล้วล่ะ”คุณหนูยิ้มร่าเริง
“งั้นถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาแล้วกันนะครับ”ผมบอกเทียนฉา
“อ้าว จะไปไหนกันล่ะทั้งสองคน”เกรนถาม
“คุณหนูนัดคุณโลชูเอาไว้น่ะครับ เรื่องการถ่ายแบบ”ผมตอบ
“อ้อ งั้นก็รีบไปเถอะ ถ้าช้าเดี๋ยวพวกนั้นจะรอนานนะ”
“ครับ”ผมตอบ “คุณหนู คุณจะเปลี่ยนชุดก่อนรึเปล่าครับ”
“อืม จริงๆฉันว่าชุดแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ”คุณหนูก้มลงมองตัวเอง
“คุณหนูคะ มันไม่แปลกสำหรับคุณหนู แต่มันแปลกสำหรับคนอื่นนะคะ”เมโลดี้เตือนด้วยความหวังดี
“ผมว่าคุณหนูใส่ชุดใหม่ที่เพิ่งสั่งมาเถอะครับ น่าจะดีกว่าชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบนี้”ผมลอบถอนหายใจ คุณหนูยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมากมายเหลือเกิน
“โจซัว อันเซียร์ ทางนี้!!!”
“สวัสดีครับคุณโลชู / พี่โลชู”ผมกับคุณหนูทักพร้อมๆกัน
“ฉันอ่านเมลล์แล้วนะ คนอื่นๆก็ดูจะอ่านแล้วเหมือนกัน”โลชูเอ่ย “บอกตรงๆนะมันน่าตื่นเต้นจริงๆ พวกเราล่ะอยากเห็นพวกคนจากต่างแดนทั้งสิบสองคนนั่นจริงๆนั่นแหละ”
“พวกเขาเป็นคนที่น่าสนใจมากเลยล่ะฮะ”คุณหนูเล่า “พวกเขามีสิบสองคน แบ่งเป็นกลุ่มสองกลุ่ม กลุ่มโคลด์บลัดด์กับกลุ่มเฮมิช หัวหน้ากลุ่มก็คือพี่เทอร์มิสกับพี่ครีอุส น่าสนใจทั้งคู่เลยแหละ”
“พวกเขาหน้าตาดีรึเปล่าล่ะ เผื่อถ้านายสนใจจะลองชวนมาถ่ายรูปบ้างก็ได้นะ”โลชูหัวเราะ
“หน้าตาดีมากๆทุกคนเลยล่ะครับ”ผมบอก “แต่ผมว่า ถ้าจะพาพวกเขามาคงยากนะครับ”
“ทำไมล่ะโจซัว?”คุณหนูถาม
“คุณหนูครับ คุณอย่าลืมว่าพวกเขาทั้งสิบสองคนน่ะเป็นยังไง พวกเขาน่ะไม่รู้จักกระทั่งมันฝรั่งทอดนะครับ จะมาถ่ายรูปเป็นได้ยังไงกัน”ผมบอก
“โห โบราณขนาดนั้น”โลชูฟังอย่างอึ้งๆ
“ขนาดผมยังดีกว่าเลยฮะ”คุณหนูส่ายหน้า “ผมคิดว่าพวกเขาคงลำบากแน่ๆเวลาอยู่ที่นี่”
ปี๊บๆๆๆๆๆๆๆ
“คุณหนูคะ มีผู้ก่อการร้ายมาอาละวาดอยู่ในถิ่นของตะวันรัตติกาลค่ะ”เสียงเมโลดี้ออกมาจากเครื่องสื่อสาร
“แถวไหน? เกิดอะไรขึ้น?”คุณหนูรีบถาม
“มันกล้ามากค่ะ โผล่มาแบบคราวนี้แล้วอีกแล้ว แถมทำแบบเดิมด้วย”เมโลดี้ดูหงุดหงิดใจมาก “คนร้ายปรากฎตัวที่ถนน แถมขู่วางระเบิดไว้รอบๆแล้วด้วย”
“เอาไงเซียร์”โลชูถามอย่างเป็นห่วง คราวก่อนเขาเป็นคนที่ตกเป็นเป้าหมายของการล่าฮีโร่ทำให้รู้ดีว่ามันลำบากใจแค่ไหนถ้าต้องมีผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อล่อ
“คุณหนู ไปกันเถอะครับ”ผมรีบชวนคุณหนูที่ยังคงครุ่นคิด คุณหนูคงกังวลไม่น้อย และผมกล้าพูดว่าคุณหนูไม่มีวันอยากฆ่าคนหากไม่จำเป็นจริงๆ
“พี่โลชู ผมฝากเรื่องระเบิดได้มั๊ยฮะ”คุณหนูถาม
“ได้!”โลชูตอบรับทันที
“โจซัว เดี๋ยวนาย ”
“ครั้งนี้ผมจะไปด้วยครับ”ผมตอบอย่างแน่วแน่ ผมไม่มีทางยอมให้คุณหนูกอยู่ในอันตรายหรอก
“แต่นายเป็นพ่อบ้านนะโจซัว”คุณหนูค้าน
“อย่างที่ผมบอกคราวก่อนนะครับคุณหนู ครั้งนี้ก็เช่นกัน”ผมยืนยันคำเดิม
“ อื้อ! ขอบใจนะ ”
“คุณหนู ท่าทางครั้งนี้คนที่พวกมันจะล่าคงเป็นคุณหนูจริงๆนั่นแหละ”ผมว่า
ตอนนี้พวกเรายืนอยู่บนหลังคาคอนโดของคุณหนู กำลังดูสภาพโดยรอบ ซึ่งแค่จากที่เห็นก็เจอมือปืนอีกหลายสิบคนซุ่มอยู่รอบๆแล้ว ท่าทางเรื่องระเบิดก็คงเป็นเรื่องจริงเหมือนกัน แต่ดีที่วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนมากๆจนทำให้ไม่ค่อยมีคนออกมาเดินถนนมากนัก ไม่เหมือนครั้งของเฟิร์สวินด์ ทำให้มีคนตกเป็นตัวประกันอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
“จะเอายังไงคะคุณหนู?”เมโลดี้ถาม เธอขี่ DSII มาสมทบกับพวกเราทันทีที่คุณหนูมาถึง
“ พวกนายสองคนจัดการมือปืน ”คุณหนูตอบอย่างสงบนิ่ง
“ครับ / ค่ะ”
“ไปกันเถอะ”เมโลดี้ดึงตัวผมออกบิน
ผมอดหันกลับไปมองคุณหนูอย่างเป็นห่วงไม่ได้ ซึ่งที่ผมเห็นก่อนที่เมโลดี้จะกระชากตัวผมไปก็คือภาพคุณหนูที่กางปีกเหล็กออกและพุ่งดิ่งลงไปข้างล่าง
คุณหนูจะไม่เป็นไร ผมได้แต่ปลอบตัวเองแบบนี้เท่านั้น
“ นี่มัน อะไรกัน ”ข้าหันไปถามเคเรสอย่างช้าๆ ถึงข้าจะยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า แต่ในใจข้าน่ะแทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้วนะ! แล้วข้าก็ไม่สนตำแหน่งเทพอัศวินแห่งความเมตตาแล้วด้วย! ก็ที่นี่ไม่ใช่ลีฟบัดนี่นา ข้าจะเมตตาไปทำไม!!!!!
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”เคเรสได้แต่ส่ายหน้าตอบเขาเท่านั้น
ตอนแรก เคเรสก็ชวนข้าลงมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ข้าก็เห็นว่าลงมาเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี อีกอย่างข้าจะจำแผนที่ได้ทั้งหมดแล้วด้วย ลงมาสำรวจพวกบ้านทรงแปลกๆพวกนี้บ้างก็ดี แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ!!!!!
พวกเราสองคนเดินเล่นมาถึงตลาด แล้วทำไมพวกคนใส่แว่นตาแปลกๆจนมองไม่เห็นตาพวกนี้ถึงได้มากักตัวพวกเราเอาไว้ล่ะ!?!
และนอกจากข้ากับเคเรสแล้ว ก็ยังมีคนอื่นๆที่เดินอยู่แถวนี้อีกหลายคนที่โดนกักตัวเอาไว้ นี่มันเรื่องอะไรกัน ข้าร้อนนะ! วันอากาศร้อนๆอย่างนี้พวกเจ้ายังจะมากักตัวข้าไว้กลางแดดเปรี้ยงอีกเหรอ! ข้ายิ่งหาโอกาสพอกตัวยากๆอยู่ด้วย เดี๋ยวผิวอันขาวผ่องของข้าก็กลายเป็นสีน้ำผึ้งไปก่อนหรอก!!!!!
“ครีอุส ข้าว่าหน้าตาพวกเขาดูไม่ไว้วางใจเอาซะเลย”เคเรสกระซิบกับข้า
“ตรงนั้นน่ะทำอะไรกัน! ห้ามขยับตัว!!!”หนึ่งในคนที่กักตัวพวกเราเอาไว้ชี้แท่งโลหะทรงแปลกๆใส่พวกเรา
เฮอะ! แค่แท่งโลหะข้าจะกลัวอะไร จริงๆข้าจะหลบไปจากตรงนี้เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ด้วยซ้ำ! แต่พวกเจ้าจงอย่าลืมว่าข้างๆตัวข้าคือเคเรส ข้าจะมาใช้เวทย์มนต์ให้เขาเห็นได้อย่างไรกัน! แถมจิตสัมผัสอันเฉียบคมของข้ายังบอกว่า นอกจากคนท่าทางไม่น่าไว้วางใจพวกนี้แล้ว ยังมีคนอีกหลายสิบคนล้อมรอบๆแถวนี้อยู่ และยังเล็งแท่งโลหะแบบเดียวกันมาทางพวกเรากันการเล่นตุกติกด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ข้าก็คิดได้ว่า ถ้ามันเป็นแท่งเหล็กธรรมดาๆจริงล่ะก็ เจ้าพวกคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างนอกนั่นจะเล็งมาทางพวกเราทำไม หรือมันจะสามารถปล่อยก้อนโลหะแบบครั้งก่อนที่ข้าเคยเจอได้? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เลวเชียวล่ะเพราะข้าจะได้จัดการกอบโกยหารายได้ เอ๊ย จัดการพวกมารยาททรามที่บังอาจมากักตัวข้าไว้ได้อย่างเต็มที่
“เคเรส เปิดจิตสัมผัสแล้วช่วยข้านับที”ข้าดึงไอพลังลำแสงแห่งเทพมาเขียนเป็นตัวอักษรอีกครั้ง
“นับอะไร”กว่าข้าจะแกะตัวอักษรยึกๆยือๆของเคเรสออกก็ทำเอาข้าปวดหัวทีเดียว เพราะลำแสงแห่งเทพของเคเรสที่ข้า “รับรู้” นั้นมันยึกๆยือๆจนอ่านแทบไม่ได้ ข้าคิดว่าหากข้ายัง “มองเห็น” ได้อยู่ล่ะก็ ตัวอักษรพวกนี้คงไม่มีทางอ่านออกเป็นแน่แท้
“มีคนซุ่มอยู่กี่คน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเปิดจิตสัมผัสหรอก แค่กวาดตามองข้าก็เห็นหมดแล้ว”เคเรสกระซิบเบาๆ
ข้าก็ลืมไปเลยว่าหลังฟื้นคืนชีพ ตาของเขาดีกว่าคนปรกติอีกหลายเท่า เฮ้อ เคเรสเอ๋ย เจ้าแบ่งๆมาให้ข้าบ้างก็ได้นะ
“มีคนเล็งแท่งโลหะแบบนี้อยู่รอบๆสิบสองคน คนชุดดำที่อยู่บนทางเดินนี้มียี่สิบเจ็ดคน และคนที่ถูกกักตัวเหมือนพวกเรามีสี่คน รวมพวกเราด้วยก็หกคน”
“อ้อ”ข้าพยักหน้ารับ
พิ้ง!
“ถ้าแกขยับอีกรอบ แกตาย”เจ้าคนเดิมขู่พวกเราอีกครั้ง และตอนนั้นเองที่ข้าสัมผัสถึงใครบางคนเข้ามาในเขตจิตสัมผัสของข้า
“นั่นมันโจซัวนี่ เมโลดี้ด้วย”เคเรสพึมพำ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”ผมยิ้มบางๆ
หลังจากผ่านเรื่องน่าสงสัยเมื่อคืนมาได้แล้ว นายท่านก็พาทุกคนมาพักค้างคืนที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง และคุณหนูก็มาค้างที่นี่ด้วยอีกคนหนึ่ง ผมก็เลยต้องมาทำงานพ่อบ้านนอกสถานที่
และหลังจากผมตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ระหว่างที่คุณหนูกำลังออกไปวิ่งตอนเช้า ผมก็ต้องแปลกใจที่เห็น “เทพอัศวิน” บางคนตื่นแต่เช้าเหมือนกัน
“อรุณสวัสดิ์”เทอร์มิสตอบ
“หวัดดีโจซัว”เคเรสยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นเดิม
“ตื่นเช้าจังเลยนะครับ”ผมยิ้มตอบ กับชายคนนี้ใครๆก็คงโกรธเขาไม่ลงหรอก ในเมื่อเขาออกจะเป็นคนดีได้ขนาดนี้
“ก็ตามปรกติผมต้องมาเตรียมอาหารให้ครีอุสเป็นพิเศษนี่ครับ”
“คุณครีอุสกินอาหารยากเหรอครับ?”ผมถามอย่างกังวล แล้วแบบนี้ผมจะได้ทำหน้าที่พ่อบ้านที่ต้องรับแขกได้อย่างสมบูรณ์แบบเหรอ?
“จะว่าอย่างงั้นก็ไม่เชิงหรอก เขาแค่ไม่ชอบอาหารจืดๆและก็ชอบใส่เครื่องเทศเยอะๆเท่านั้นเอง”เคเรสยิ้ม แต่ผมม่เห็นเข้าใจคำว่า “เครื่องเทศ” ของพวกเขาเลย
เฮ้อ! ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ของคุณหนูก็ทำผมรู้สึกว่าโบราณแล้วนะ แต่พวกเขากลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนย้อนยุคกลับไปจริงๆเนี่ยสิ
“ก็พวกสมุนไพรกลิ่นหอมๆนั่นแหละ”เทอร์มิสช่วยขยายความ
คนนี้ก็เป็นอีกคนที่ผมเกรงกลัวรองลงมาจากคุณครีอุส เพราะแค่สายตาของเขาก็ดูจะเข้มงวดไม่เบาแล้ว แถมบางครั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาสามารถเดาใจคนได้ยังไงยังงั้น!!!
“แต่ที่สำคัญที่สุดคือครีอุสน่ะตื่นสายมากๆ ทำให้ไม่ทันกินอาหารพร้อมกับทุกคน เคเรสเลยต้องเตรียมอาหารแยกสำหรับเขาเป็นพิเศษ มันก็แค่นั้น”เทอร์มิสถอนหายใจ เสียงของเขาเวลาพูดถึงคุณครีอุสดูจะอ่อนโยน แต่ก็ติดจะระอา
มันทำให้ผมสงสัยจริงๆว่าทั้งสองคนเป็นคู่ปรับกันจริงๆน่ะเหรอ?
“กลับมาแล้วโจซัว”คุณหนูเปิดประตูเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่พวกเราอยู่
“สวัสดีครับคุณหนู อาหารเช้าตั้งโต๊ะแล้วนะครับ จะให้เชิญนายท่านกับคุณไคล์ลงมาเลยรึเปล่าครับ”ผมถาม
“พี่ชายยังไม่ตื่นหรอก ปรกติเขาตื่นสายกว่านี้น่ะ”คุณหนูตอบ
“อาหารตั้งโต๊ะเสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง”
ผมเพิ่งสังเกตเห็นอีกคนก็ตอนที่เขาพูดนี่แหละ เฮ้อ ผมเองยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะซ่อนตัวจากประสาทสัมผัสของแวมไพร์อย่างผมได้แนบเนียนขนาดนี้ ไม่สิ ขนาดเมื่อวานคุณหนูยังแทบไม่ได้สังเกตถึงตัวเขาเลย
“เนเฟล ข้าขอร้องเถอะว่าคราวหน้าช่วยเดินลงมาแบบคนธรรมดาๆเขาหน่อย ที่นี่ไม่ใช่ลีฟบัดที่เจ้าจะลอยไปลอยมาได้นะ”เทมเพสเดินลงมาจากชั้นสอง ท่าทางเขาจะระอาใจกับนิสัยลอยไปลอยมาของเนเฟลเหมือนกัน
แต่เจอแบบนี้ใครก็ต้องระอาใจล่ะครับ ก็ขนาดผมกับคุณหนูยังไม่รู้สึกตัวแบบนี้ ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าเขาคิดจะซ่อนตัวจริงๆจะมีใครหาเขาเจอมั๊ยเนี่ย
“ไปปลุกคนอื่นๆที เนเฟล เทมเพส”เทอร์มิสสั่ง
“อิ่มแล้วครับ”ในที่สุดทุกคนก็กินอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ผมอดดีใจไม่ได้ที่พวกเขาดูท่าทางจะไม่ลำบากในการกินอาหารของผมเท่าไหร่นัก
“เป็นไง อร่อยมั๊ย?”เมโลดี้ถาม
“ถึงจะไม่รู้จักเจ้านั่น แต่ก็อร่อยดีนะครับ”เคเรสชี้ไปที่มันฝรั่งทอด ซึ่งเมโลดี้ก็ทำหน้าแปลกๆ ซึ่งผมว่าเธอก็คงคิดแบบเดียวกับผมนั่นแหละ ว่าพวกเขาดูจะโบราณยิ่งว่าคุณหนูซะอีก
“แล้ววันนี้พวกนายจะทำอะไรกันบ้าง”เทอร์มิสถามทุกคน ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าของฝ่ายโคลด์ เอ่อ โคล์บลัดด์รึเปล่านะ ผมจำไม่ค่อยได้ซะแล้วสิ
“ข้ากับเนเฟลจะไปดูอะไรในห้องสมุดของเมือง”เทมเพสตอบ เมื่อคืนตอนที่เนเฟลมาถามเรื่องห้องสมุด เขาดูสนใจไม่น้อยเชียวล่ะครับ
“ขอให้เจ้าตาไม่เขตอนกลับมาแล้วกันเทมเพส”อาเทมิสเชิดหน้าสูงอย่างหยิ่งๆ แต่นี่ก็เป็นอีกคนที่ผมไม่เข้าใจ เขาไม่เมื่อยคอบ้างรึไงนะ เชิดตลอดเวลาแบบนั้น
“ที่นี่ไม่ใช่ลีฟบัด ข้าไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาของเทพอัศวินเทมเพสให้มากนักหรอกกระมัง”เทมเพสตอบกลับ
พวกเขาพูดอะไรกันนะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
“ข้าขอนอนพักดีกว่า วันนี้อากาศร้อนเกินกว่าจะออกไปข้างนอก”ไทรอนว่า
“ข้าด้วย”อาร์เมลต่อ
“เอ่อ ข้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยน่ะ”เคเรสยกมือขึ้น “ตอนแรกข้าคิดว่าจะไปกับครีอุส แต่ ”
“ท่าทางเจ้าต้องไปคนเดียวแล้วล่ะเคเรส ครีอุสยังไม่ตื่นเลย”เฮฟเตตัสเงยหน้ามองชั้นสอง ที่ครีอุสกำลังหลับสนิท
“นั่นสินะ แต่ข้าไม่เหมือนครีอุสซะหน่อย ข้ายังจำแผนที่ของที่นี่ไม่ได้เลยนี่นา”เคเรสถอนหายใจ
“ครีอุสจำแผนที่ของเซ็ตติ้งซันได้หมดแล้วเหรอ!?!?!”เมโลดี้ร้องเสียงแหลม
“แปลกตรงไหนล่ะโจซัว? ฉันยังจำได้หมดเลย”คุณหนูถามผม
“คุณหนูครับ กับคุณน่ะเป็นข้อยกเว้นล่ะมั๊งครับ”ผมตอบ
“อ้อ จริงสินะ”คุณหนูเองก็รู้สินะว่าผมหมายถึงอะไร เพราะฉะนั้นกับครีอุสที่ไม่มีอะไรเหมือนกับคุณหนูเลยแต่กลับสามารถจำแผนที่ทั่วเซ็ตติ้งซันได้ในคืนเดียวเนี่ย ผมคงต้องขอยอมรับแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ผมจะเอาชนะได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ช่วยไม่ได้ เจ้ารอจนกว่าครีอุสจะตื่นแล้วกัน”เทอร์มิสลุกขึ้นจากโซฟา “ไอซอท ไปกับข้า”
“ได้”
ผมล่ะนับถือการปกครองของเทอร์มิสจริงๆ ขนาดเขาเรียกตัวไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไอซอทก็ไม่ได้ถามเหตุผลเลยซักคำ แต่ปรกติเขาก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้วนี่นะ
“โอ๊ย มาผลัดเวรกันได้ซักที ฉันดูจนตาลายแล้วนะ”เกรนบ่นผมกับเมโลดี้ทันทีที่พวกผมมาถึงห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั๊ยครับ?”ผมถาม
“มีสิ เยอะแยะเหมือนเดิมแหละ นายก็รู้”เกรนว่า
“เซ็ตติ้งซันมีเรื่องวิวาทเกิดขึ้นได้ทุกๆ 5 นาทีอยู่แล้ว”เทียนฉาพูดเหมือนเป็นเรื่องปรกติ
“เอาเรื่องใหญ่ที่คุณหนูต้องไปจัดการสิยะ”เมโลดี้แหว
“ไม่มีหรอกเมโลดี้ ถ้ามี DSII ต้องติดต่อมาแล้วล่ะ”คุณหนูยิ้มร่าเริง
“งั้นถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาแล้วกันนะครับ”ผมบอกเทียนฉา
“อ้าว จะไปไหนกันล่ะทั้งสองคน”เกรนถาม
“คุณหนูนัดคุณโลชูเอาไว้น่ะครับ เรื่องการถ่ายแบบ”ผมตอบ
“อ้อ งั้นก็รีบไปเถอะ ถ้าช้าเดี๋ยวพวกนั้นจะรอนานนะ”
“ครับ”ผมตอบ “คุณหนู คุณจะเปลี่ยนชุดก่อนรึเปล่าครับ”
“อืม จริงๆฉันว่าชุดแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ”คุณหนูก้มลงมองตัวเอง
“คุณหนูคะ มันไม่แปลกสำหรับคุณหนู แต่มันแปลกสำหรับคนอื่นนะคะ”เมโลดี้เตือนด้วยความหวังดี
“ผมว่าคุณหนูใส่ชุดใหม่ที่เพิ่งสั่งมาเถอะครับ น่าจะดีกว่าชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบนี้”ผมลอบถอนหายใจ คุณหนูยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมากมายเหลือเกิน
“โจซัว อันเซียร์ ทางนี้!!!”
“สวัสดีครับคุณโลชู / พี่โลชู”ผมกับคุณหนูทักพร้อมๆกัน
“ฉันอ่านเมลล์แล้วนะ คนอื่นๆก็ดูจะอ่านแล้วเหมือนกัน”โลชูเอ่ย “บอกตรงๆนะมันน่าตื่นเต้นจริงๆ พวกเราล่ะอยากเห็นพวกคนจากต่างแดนทั้งสิบสองคนนั่นจริงๆนั่นแหละ”
“พวกเขาเป็นคนที่น่าสนใจมากเลยล่ะฮะ”คุณหนูเล่า “พวกเขามีสิบสองคน แบ่งเป็นกลุ่มสองกลุ่ม กลุ่มโคลด์บลัดด์กับกลุ่มเฮมิช หัวหน้ากลุ่มก็คือพี่เทอร์มิสกับพี่ครีอุส น่าสนใจทั้งคู่เลยแหละ”
“พวกเขาหน้าตาดีรึเปล่าล่ะ เผื่อถ้านายสนใจจะลองชวนมาถ่ายรูปบ้างก็ได้นะ”โลชูหัวเราะ
“หน้าตาดีมากๆทุกคนเลยล่ะครับ”ผมบอก “แต่ผมว่า ถ้าจะพาพวกเขามาคงยากนะครับ”
“ทำไมล่ะโจซัว?”คุณหนูถาม
“คุณหนูครับ คุณอย่าลืมว่าพวกเขาทั้งสิบสองคนน่ะเป็นยังไง พวกเขาน่ะไม่รู้จักกระทั่งมันฝรั่งทอดนะครับ จะมาถ่ายรูปเป็นได้ยังไงกัน”ผมบอก
“โห โบราณขนาดนั้น”โลชูฟังอย่างอึ้งๆ
“ขนาดผมยังดีกว่าเลยฮะ”คุณหนูส่ายหน้า “ผมคิดว่าพวกเขาคงลำบากแน่ๆเวลาอยู่ที่นี่”
ปี๊บๆๆๆๆๆๆๆ
“คุณหนูคะ มีผู้ก่อการร้ายมาอาละวาดอยู่ในถิ่นของตะวันรัตติกาลค่ะ”เสียงเมโลดี้ออกมาจากเครื่องสื่อสาร
“แถวไหน? เกิดอะไรขึ้น?”คุณหนูรีบถาม
“มันกล้ามากค่ะ โผล่มาแบบคราวนี้แล้วอีกแล้ว แถมทำแบบเดิมด้วย”เมโลดี้ดูหงุดหงิดใจมาก “คนร้ายปรากฎตัวที่ถนน แถมขู่วางระเบิดไว้รอบๆแล้วด้วย”
“เอาไงเซียร์”โลชูถามอย่างเป็นห่วง คราวก่อนเขาเป็นคนที่ตกเป็นเป้าหมายของการล่าฮีโร่ทำให้รู้ดีว่ามันลำบากใจแค่ไหนถ้าต้องมีผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อล่อ
“คุณหนู ไปกันเถอะครับ”ผมรีบชวนคุณหนูที่ยังคงครุ่นคิด คุณหนูคงกังวลไม่น้อย และผมกล้าพูดว่าคุณหนูไม่มีวันอยากฆ่าคนหากไม่จำเป็นจริงๆ
“พี่โลชู ผมฝากเรื่องระเบิดได้มั๊ยฮะ”คุณหนูถาม
“ได้!”โลชูตอบรับทันที
“โจซัว เดี๋ยวนาย ”
“ครั้งนี้ผมจะไปด้วยครับ”ผมตอบอย่างแน่วแน่ ผมไม่มีทางยอมให้คุณหนูกอยู่ในอันตรายหรอก
“แต่นายเป็นพ่อบ้านนะโจซัว”คุณหนูค้าน
“อย่างที่ผมบอกคราวก่อนนะครับคุณหนู ครั้งนี้ก็เช่นกัน”ผมยืนยันคำเดิม
“ อื้อ! ขอบใจนะ ”
“คุณหนู ท่าทางครั้งนี้คนที่พวกมันจะล่าคงเป็นคุณหนูจริงๆนั่นแหละ”ผมว่า
ตอนนี้พวกเรายืนอยู่บนหลังคาคอนโดของคุณหนู กำลังดูสภาพโดยรอบ ซึ่งแค่จากที่เห็นก็เจอมือปืนอีกหลายสิบคนซุ่มอยู่รอบๆแล้ว ท่าทางเรื่องระเบิดก็คงเป็นเรื่องจริงเหมือนกัน แต่ดีที่วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนมากๆจนทำให้ไม่ค่อยมีคนออกมาเดินถนนมากนัก ไม่เหมือนครั้งของเฟิร์สวินด์ ทำให้มีคนตกเป็นตัวประกันอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
“จะเอายังไงคะคุณหนู?”เมโลดี้ถาม เธอขี่ DSII มาสมทบกับพวกเราทันทีที่คุณหนูมาถึง
“ พวกนายสองคนจัดการมือปืน ”คุณหนูตอบอย่างสงบนิ่ง
“ครับ / ค่ะ”
“ไปกันเถอะ”เมโลดี้ดึงตัวผมออกบิน
ผมอดหันกลับไปมองคุณหนูอย่างเป็นห่วงไม่ได้ ซึ่งที่ผมเห็นก่อนที่เมโลดี้จะกระชากตัวผมไปก็คือภาพคุณหนูที่กางปีกเหล็กออกและพุ่งดิ่งลงไปข้างล่าง
คุณหนูจะไม่เป็นไร ผมได้แต่ปลอบตัวเองแบบนี้เท่านั้น
“ นี่มัน อะไรกัน ”ข้าหันไปถามเคเรสอย่างช้าๆ ถึงข้าจะยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า แต่ในใจข้าน่ะแทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้วนะ! แล้วข้าก็ไม่สนตำแหน่งเทพอัศวินแห่งความเมตตาแล้วด้วย! ก็ที่นี่ไม่ใช่ลีฟบัดนี่นา ข้าจะเมตตาไปทำไม!!!!!
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”เคเรสได้แต่ส่ายหน้าตอบเขาเท่านั้น
ตอนแรก เคเรสก็ชวนข้าลงมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ข้าก็เห็นว่าลงมาเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี อีกอย่างข้าจะจำแผนที่ได้ทั้งหมดแล้วด้วย ลงมาสำรวจพวกบ้านทรงแปลกๆพวกนี้บ้างก็ดี แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ!!!!!
พวกเราสองคนเดินเล่นมาถึงตลาด แล้วทำไมพวกคนใส่แว่นตาแปลกๆจนมองไม่เห็นตาพวกนี้ถึงได้มากักตัวพวกเราเอาไว้ล่ะ!?!
และนอกจากข้ากับเคเรสแล้ว ก็ยังมีคนอื่นๆที่เดินอยู่แถวนี้อีกหลายคนที่โดนกักตัวเอาไว้ นี่มันเรื่องอะไรกัน ข้าร้อนนะ! วันอากาศร้อนๆอย่างนี้พวกเจ้ายังจะมากักตัวข้าไว้กลางแดดเปรี้ยงอีกเหรอ! ข้ายิ่งหาโอกาสพอกตัวยากๆอยู่ด้วย เดี๋ยวผิวอันขาวผ่องของข้าก็กลายเป็นสีน้ำผึ้งไปก่อนหรอก!!!!!
“ครีอุส ข้าว่าหน้าตาพวกเขาดูไม่ไว้วางใจเอาซะเลย”เคเรสกระซิบกับข้า
“ตรงนั้นน่ะทำอะไรกัน! ห้ามขยับตัว!!!”หนึ่งในคนที่กักตัวพวกเราเอาไว้ชี้แท่งโลหะทรงแปลกๆใส่พวกเรา
เฮอะ! แค่แท่งโลหะข้าจะกลัวอะไร จริงๆข้าจะหลบไปจากตรงนี้เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ด้วยซ้ำ! แต่พวกเจ้าจงอย่าลืมว่าข้างๆตัวข้าคือเคเรส ข้าจะมาใช้เวทย์มนต์ให้เขาเห็นได้อย่างไรกัน! แถมจิตสัมผัสอันเฉียบคมของข้ายังบอกว่า นอกจากคนท่าทางไม่น่าไว้วางใจพวกนี้แล้ว ยังมีคนอีกหลายสิบคนล้อมรอบๆแถวนี้อยู่ และยังเล็งแท่งโลหะแบบเดียวกันมาทางพวกเรากันการเล่นตุกติกด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ข้าก็คิดได้ว่า ถ้ามันเป็นแท่งเหล็กธรรมดาๆจริงล่ะก็ เจ้าพวกคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างนอกนั่นจะเล็งมาทางพวกเราทำไม หรือมันจะสามารถปล่อยก้อนโลหะแบบครั้งก่อนที่ข้าเคยเจอได้? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เลวเชียวล่ะเพราะข้าจะได้จัดการกอบโกยหารายได้ เอ๊ย จัดการพวกมารยาททรามที่บังอาจมากักตัวข้าไว้ได้อย่างเต็มที่
“เคเรส เปิดจิตสัมผัสแล้วช่วยข้านับที”ข้าดึงไอพลังลำแสงแห่งเทพมาเขียนเป็นตัวอักษรอีกครั้ง
“นับอะไร”กว่าข้าจะแกะตัวอักษรยึกๆยือๆของเคเรสออกก็ทำเอาข้าปวดหัวทีเดียว เพราะลำแสงแห่งเทพของเคเรสที่ข้า “รับรู้” นั้นมันยึกๆยือๆจนอ่านแทบไม่ได้ ข้าคิดว่าหากข้ายัง “มองเห็น” ได้อยู่ล่ะก็ ตัวอักษรพวกนี้คงไม่มีทางอ่านออกเป็นแน่แท้
“มีคนซุ่มอยู่กี่คน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเปิดจิตสัมผัสหรอก แค่กวาดตามองข้าก็เห็นหมดแล้ว”เคเรสกระซิบเบาๆ
ข้าก็ลืมไปเลยว่าหลังฟื้นคืนชีพ ตาของเขาดีกว่าคนปรกติอีกหลายเท่า เฮ้อ เคเรสเอ๋ย เจ้าแบ่งๆมาให้ข้าบ้างก็ได้นะ
“มีคนเล็งแท่งโลหะแบบนี้อยู่รอบๆสิบสองคน คนชุดดำที่อยู่บนทางเดินนี้มียี่สิบเจ็ดคน และคนที่ถูกกักตัวเหมือนพวกเรามีสี่คน รวมพวกเราด้วยก็หกคน”
“อ้อ”ข้าพยักหน้ารับ
พิ้ง!
“ถ้าแกขยับอีกรอบ แกตาย”เจ้าคนเดิมขู่พวกเราอีกครั้ง และตอนนั้นเองที่ข้าสัมผัสถึงใครบางคนเข้ามาในเขตจิตสัมผัสของข้า
“นั่นมันโจซัวนี่ เมโลดี้ด้วย”เคเรสพึมพำ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น