คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คำเตือนจากเหล่าเทพอัศวิน
หลังจากที่พวกเราแนะนำตัวกันเรียบร้อย เฮฟเตตัสก็คุยสนุกสนานกับอันเซียร์ไปเรื่อยๆ ส่วนไทรอนดูท่าจะหมดแรงจากการเมาเรือเลยหลับคาเก้าอี้ เอาเถอะ ข้าไม่ได้ว่าเขาหรอก แค่เอาก้อนสำลีไปอุดจมูกเขาเท่านั้นเอง
เท่านั้นเองจริงๆนะ!!!
ระหว่างที่ทุกคนสนุกสนานกับการพูดคุย ข้าที่ไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้วก็ออกมานั่งชมวิว ซึ่งเอาเข้าตามจริงต้องบอกว่าข้าเริ่มง่วงแล้วต่างหากล่ะ
การนอนเร็วเป็นหนึ่งในวิธีรักษาผิวให้ขาวผ่องอยู่เสมอนะอย่าลืมสิ!!!
เจ้ารถนี่มันเร็วจริงๆ เล่นวิ่งเร็วขนาดนี้บรรยากาศดีๆเลยเสียหมด ข้าเป็นพวกชอบมองรอบๆตัวระหว่างเดินทางนะ! ถึงจิตสัมผัสของข้าจะทำให้สามารถสำรวจรอบข้างได้แม้ว่าจะไม่ได้ออกนอกรถก็ตามแต่ข้าต้องทำตัวให้ไม่มีพิรุธสิ! ข้าไม่อยากให้เคเรสมาตั้งแง่สงสัยอะไรข้าอีกหรอกนะ
“ครีอุส”
“ลอ
เอ่อ
ฮาเดส”ข้ารีบเปลี่ยนชื่อทันที
“เจ้าง่วง?”ลอเรนถาม
เฮ้อ ในโลกนี้คงจะมีแต่เทอร์มิสกับลอเรนเท่านั้นล่ะมั๊งที่รู้ใจข้า
“ฮื่อ มันไม่มีอะไรให้ทำเลยนี่นา ข้าไม่ชอบการรอคอยเจ้าก็รู้”ข้ายักไหล่
“งั้นไปเดินเล่นกับข้าหน่อยมั๊ย?”ลอเรนถาม
แปลกจริง ปรกติลอเรนไม่ค่อยชวนข้าไปไหนมาไหนนัก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีอะไรอยากคุยกับข้าล่ะกระมัง
“เทพอัศวินทั้งหลาย ข้าขอตัวไปสนทนากับเทพอัศวินฮาเดสซักระยะจะได้หรือไม่?”ข้าถามพวกเขา
“ตามสบายเลยครีอุส”เฮฟเตตัสตะโกนข้ามห้องมา
“เดี๋ยวสิครับ ที่นี่ก็มีแค่ห้องเดียว คุณครีอุสจะออกไป
”โจซัวทำท่าจะพูดอะไร
ครืด
เรื่องอะไรข้าจะอยู่ฟังคนอื่นบ่นกันล่ะ ข้าเปิดกระจกออกก่อนจะโหนตัวขึ้นไปบนหลังคาทันที อ๊ะ ก่อนไปข้าเห็นสายตาอึ้งๆของคนของราชาซอนเน่ด้วย มันแปลกตรงไหนกันนะ การเคลื่อนไหวว่องไวเป็นความสามารถของเทพอัศวินทุกองค์อยู่แล้ว
ข้าไม่ได้จงใจโชว์นะ! ไม่ได้จงใจซักนิด!!!
“บรรยากาศดีนะ”ข้ายิ้ม
“เจ้าน่าจะรู้ว่าข้ามีเรื่องจะคุย เกรเซียส”ลอเรนถอนหายใจ เขาตามข้าขึ้นมาด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ก็แหงล่ะ เขาเก่งกว่าข้านี่นา แต่ถ้าเทียบเรื่องเวทย์มนต์แล้วข้าเก่งกว่าเขาเป็นกอง
“ข้ารู้ลอเรน”ข้าโบกมือครั้งเดียวก็เกิดเป็นกำแพงลมป้องกันไม่ให้ใครได้ยิน เอาเถอะ ในเวลาที่เจ้ารถมันเคลื่อนที่เร็วขนาดนี้ ลมจะพัดแรงก็ไม่แปลก คงไม่มีใครคิดหรอกว่ามันเป็นเวทย์ของข้าน่ะ
หา? ใช้เวทย์แบบนี้ยังมีจิตสำนึกของบเทพอัศวินรึเปล่าน่ะเหรอ? ก็ต้องมีอยู่แล้ว ข้าน่ะเป็นเทพอัศวินครีอุสผู้เพียบพร้อมนะ!!! แต่เรื่องบางเรื่องแค่เก่งดาบอย่างเดียวมันจะไปทำอะไรกินกันล่ะ
ที่จริงข้าวางแผนหลังเกษียณว่าจะไปเป็นนักบวชล่ะ บางทีอาจะมีเงินมีรายได้ดีกว่าการเป็นเทพอัศวินก็ได้ แล้วก็ทำงานอดิเรกเป็นการหมักเหล้าขาย แบบนั้นเงินทองจะหนีข้าไปไหน ฮึๆๆๆ
“เรื่องของโจซัวกับเมโลดี้ สองคนนั้น
”
“ข้าก็รู้ลอเรน พวกเขาทั้งสองคนมีไอมารที่คล้ายๆกับเจ้า แต่มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว”ข้าบอก “ไอของเจ้าน่ะเป็นไอของประมุขแห่งความตาย เป็นไอของคนที่ตายไปแล้ว แต่ไอของพวกเขาสองคนเป็นไอที่เหมือนกับไอปิศาจมากกว่า”
“ไอปิศาจ
ส่วนมากไอพวกนี้จะมาจากพวกปิศาจมากกว่านี่ มันจะมาจากมนุษย์ได้ยังไง”ลอเรนถาม
“ไม่แน่หรอกลอเรน ที่นี่อาจจะมีปิศาจรูปร่างเหมือนมนุษย์ก็ได้ใครจะไปรู้”ข้ายิ้ม “แต่ข้าขอเตือนว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดให้ใครฟังดีกว่า เพราะท่าทางพวกเขาจะอยากปกปิดจากพวกเราอยู่เหมือนกัน”
“เจ้าเป็นเทพอัศวินครีอุสนะ เห็นปิศาจอยู่ตรงหน้าจะไม่ทำอะไรเลยรึไง”ลอเรนถอนหายใจ
“ข้าถือคติไม่หาเหาใส่หัวนะลอเรน ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นเรา อย่าหาเรื่องอะไรใส่ตัวจะดีกว่า”ข้ายิ้มกว้าง
“นั่นสินะ
ทางเลือกของเกรเซียสกับทางเลือกของครีอุสมักจะขัดกัน แต่ให้ผลร่วมกันเสมอ”ลอเรนถอนหายใจอีกครั้ง
อะไรกัน เขาเป็นประมุขแห่งความตายนะ!!! ถ้าข้ายึดหน้าที่ของเทพอัศวินครีอุสจริงๆล่ะก็ข้าต้องเชือดเขาก่อนพวกสองคนนั้นซะอีก! แถมคนที่ไม่สนหน้าที่ของประมุขแห่งความตายอย่างเขายังมีหน้ามาหาว่าข้าไม่สนหน้าที่ของเทพอัศวินครีอุสได้ยังไง!!! ข้าน่ะซื่อตรงต่อการเป็นเทพอัศวินครีอุสตลอดเวลานะ!!!!!
“เก่งจังเลย เขาทำได้ยังไงน่ะ”คุณหนูทำตาวาวอย่างตื่นเต้น
“นั่นเป็นความสามารถพื้นฐานของพวกเราอยู่แล้ว”เฮฟเตตัสหัวเราะ
“ความสามารถพื้นฐาน? พูดเหมือนพวกเทพอัศวินเนี่ยต้องเก่งทางการต่อสู้เลยนะ”เมโลดี้ถามบ้าง
“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเทพอัศวินทุกองค์มีหน้าที่ในการกำจัดปิศาจและอมนุษย์นี่นา”เฮฟเตตัสพูดอย่างสบายๆ แต่ผมกับเมโลดี้แอบหนาวสันหลังวูบ
ที่ผมเดาในตอนนั้นคงไม่ใช่แค่คิดไปเองสินะ
ไม่แน่ว่าครีอุสคนนั้นอาจจะจับโกหกพวกเราได้ตั้งแต่แรกแล้ว!
“แต่ยกเว้นครีอุส ในเทพอัศวินทุกองค์เขาเป็นคนเดียวที่ต้องยกเว้น”เฮฟเตตัสลดเสียงลงราวกับไม่อยากให้เสียงดังจนเกินไป
“ทำไมล่ะครับ”ผมถาม
“เพราะเขาเป็นเทพอัศวินที่ไม่น่าจะเป็นเทพอัศวินที่สุดในหมู่พวกเราน่ะสิ”ไอซอทพูดด้วยใบหน้าเย็นชา แต่ผมแอบสงสัยว่าเขาจะนิสัยเย็นชาเหมือนอย่างหน้าตาจริงๆน่ะเหรอในเมื่อเขาอุตส่าห์ช่วยเอาสำลีที่ใครก็ไม่รู้ยัดลงไปในรูจมูกของไทรอนและเกือบจะอุดจมูกไทรอนจนขาดอากาศตายออกให้
“เจ้าก็พูดเกินไป
มั้ง”เคเรสยิ้มแห้งๆ
“ฉันคิดว่าทางเราต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้นะ”นายท่านเอ่ยปากเป็นครั้งแรก
“เพราะเจ้านั่นเป็นเทพอัศวินที่ใช้ดาบได้ห่วยแบบไม่ธรรมดาน่ะสิ”เทอร์มิสที่เป็นคู่ปรับของครีอุสตอบ แต่ผมก็แอบงงกับเขาเหมือนกัน ถ้าบอกว่าเป็นคู่ปรับกันจริงๆทำไมตอนที่พวกเราเพิ่งขับรถไปรับเห็นเขาสองคนดูสนิทกันจัง
“เป็นอัศวินน่ะต้องใช้ดาบ แต่เจ้านั่นน่ะวิชาดาบห่วยกว่าอัศวินฝึกหัดซะอีก เรียกว่าผ่านเกณฑ์มาแบบคาบเส้นเลยล่ะ”อาเทมิสแบะปาก
“ครีอุสน่ะเป็นเทพอัศวินเพียงคนเดียวที่แหกกฏที่สุด
เป็นเทพอัศวินที่เก่งเวทย์มนต์ยิ่งกว่าพระสังฆราช เรียกได้ว่าเป็นคนที่ที่เก่งเวทย์มนต์ที่สุดในลีฟบัด”เนเฟลพูดเบาหวิว “เขาแตกฉานเวทย์มนต์ที่ไม่มีใครทำได้ ทั้งเวทย์มนต์ของวิหารเทพแห่งแสงสว่างของพวกเรา..เวทย์มนต์ของจอมเวทย์สะกดวิญญาณที่เป็นเวทย์มนต์ดำ
เวทย์มนต์ฟื้นคืนชีพที่หลายร้อยปีจะมีซักคน
และไหนยังจะเวทย์มนต์อื่นๆอีก”
“นอกจากนั้นนะ
”เฮฟเตตัสลดเสียงลงอีก “ความชั่วร้ายของเขาก็ไม่ธรรมดาด้วย”
“ความชั่วร้าย? ไหนพวกคุณบอกว่าคุณครีอุสเป็นเทพที่เพียบพร้อมที่สุดไงล่ะครับ?”ผมงงไปหมดแล้วนะ ทำไมพวกเขาพูดจาตีกันเองแบบนี้ล่ะ
“นั่นเพราะไม่มีใครกล้าไปเตะส่วนที่ไม่เพียบพร้อมของเขาน่ะสิ!!!”ทุกคนประสานเสียงตอบ
“ตามปรกติเขาจะไม่ใช้เวทย์มนต์ให้พวกเราได้เห็น แต่ลองอยู่ลับหลังพวกเราเหล่าเทพอัศวินดูสิ
ขนาดเจ้าหญิงเขายังกล้าเล่นงาน ขนาดพระราชายังถูกเขาตลบหลังขับไล่ลงจากบัลลังค์เลยคิดดู!!!”เฮฟเตตัสทำท่าปาดคอตัวเอง
ทำไมผมรู้สึกว่าทุกคนกำลังพยายามเตือนพวกเราเรื่องครีอุสกันนะ?
“ที่เขาไม่ใช้เวทย์มนต์ต่อหน้าพวกเรา เพราะเขายังมีสำนึกของการเป็นเทพอัศวินว่าต้องไม่ใช้เวทย์มนต์ และถ้าพวกเราบังเอิญไปเห็นเขาก็จะกลบเกลื่อน แต่ในความเป็นจริงพวกเราทุกคนต่างรู้กันดีว่าเขาน่ะเก่งกาจขนาดไหน”เคเรสยืนยัน
“แต่มันก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับความชั่วร้ายเลย ก็แค่เขาใช้เวทย์ได้เก่งแต่ไม่ยอมใช้เท่านั้นเอง”คุณหนูว่า ซึ่งทั้งผมทั้งเมโลดี้ต่างก็เห็นด้วยกันทั้งนั้น
ปังๆๆๆๆๆๆๆ
“หวา!!!!!”
“นายท่านครับ! เราถูกลอบทำร้าย!!!”เสียงคุณไคล์ตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ
“ใครกัน! มันช่างกล้านักนะ!!!”นายท่านกำหมัดแน่น อา
ผมเห็นอนาคตของคนที่ลอบเล่นงานท่านได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
“เดี๋ยวสิ! ครีอุสกับฮาเดสอยู่บนหลังคานี่!!!!!”เคเรสตะโกนลั่น คำพูดนั้นทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกหนาววูบทีเดียว
ครีอุสกับฮาเดส!!!!! พวกเราลืมทั้งสองคนไปได้ยังไงกัน!!!!!!!
ฟิ้ว
เสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศตรงมาทางพวกเราสองคน
ฟุ่บๆๆๆๆๆๆๆ
แน่นอนว่าโล่สายลมของข้ายังคงปัดป้องได้ดี อาวุธที่ถูกส่งมาเล่นงานหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเราทั้งสองคน
“ก้อนโลหะ?”ลอเรนหยิบมันขึ้นมาพินิจพิเคราะห์
“
บังอาจเล่นงานเทพอัศวินอย่างพวกเรางั้นเหรอ
ใจกล้าดีนี่
”ข้าหัวเราะหึๆ
ในสายตาลอเรนมันเป็นแค่ก้อนโลหะ แต่ข้าดูแวบเดียวก็มองออกว่านี่เป็นเงินแท้ราคาแพงลิบลิ่ว คนที่ส่งพวกมันมาเล่นงานเรานี่ท่าทางจะไม่เห็นคุณค่าของมันเอาซะเลย ข้าก็เลยเก็บก้อนโลหะพวกนั้นให้หมด แล้วเดี๋ยวค่อยเอาไปหลอมให้เป็นก้อนใหญ่เอาไปขายคงได้ราคาดีน่าดู ฮึๆๆๆๆ
“ลอเรน
ข้าจัดการเองดีกว่า”
ขืนให้เจ้าจัดการ
ข้าก็อดได้เงินพวกนี้ไปขายน่ะสิ!
ข้าเปิดพลังจิตสัมผัสแผ่กว้างออกเต็มที่ ในเวลาไม่กี่นาทีข้าก็จับได้ว่าคนที่บังอาจลอบทำร้ายพวกเราอยู่ที่ไหน เอาล่ะ มันต้องสำนึกเสียใจที่เอาของแบบนี้มายั่วให้ข้าอยากได้ เอ๊ย ที่บังอาจมาเล่นงานข้า
ข้าใช้วิชาที่เจ้าหญิงอลิซสอนมา วิ่งไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว เอาเถอะ ซักวันค่อยไปขอให้อาจารย์พาเพื่อนเอล์ฟดำของท่านมาให้ข้าลอกวิชาทีหลัง ตอนนี้มีอะไรก็ใช้ๆไปก่อนเถอะ!!!
“เฮ้ย!”เป้าหมายของข้าคงเห็นข้าเข้าแล้วถึงได้ร้องลั่นซะขนาดนั้น แต่ถึงมันจะเร็ว มันจะเร็วสู้ข้าได้เหรอ ข้าโผล่ไปดักหน้าเจ้าคนลอบกัดนั่น ก่อนจะดึงโลหะทรงกระบอกยาวออกจากมือมัน
ถึงข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ข้าไม่ใว้วางใจว่าของแบบนี้อาจจะทำอันตรายข้าได้รึเปล่า เพราะฉะนั้นข้าต้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง
“น
นี่มันอะไรกันวะ!!!”
“ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดหรอกนะ เสียใจด้วย”ข้ายิ้มตามแบบฉบับของครีอุสที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี
“ไม่เห็นมีรายงานเลยว่าตะวันรัตติกาลมีบอดี้การ์ดแบบนี้อยู่!”ชายคนนั้นกระฟัดกระเฟียด
จริงๆเขากะจะเล่นงานใครก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่ข้าสินะ
จริงๆตามปรกติถ้าข้ารู้ว่าเขาเล่นงานผิดคนข้าก็แค่ล้างแค้นเล็กๆน้อยๆก่อนจะปล่อยเขาไปหรอกนะ
แต่เงินแท้ที่เจ้าเอามาทำเป็นก้อนเล็กๆนั่นยั่วตายั่วใจข้าจริงๆ
เพี๊ยะ!
ระหว่างที่ข้าไม่ทันตั้งตัว เจ้าหนุ่มนั่นก็เอาแส้ยาวออกมา อืม มันเหมือนแส้ที่แผ่นดินของข้าใช้นะ แต่ทำไมมันมีแสงสีวิ้งๆน่ากลัวแบบนั้นกันล่ะนี่
“ตาย!!!”
เพี๊ยะ!!!
ข้ากระโดดหลบได้ ทำให้แส้นั่นฟาดลงกับพื้นแทน หญ้าส่วนที่ถูกแส้สัมผัสเกิดเป็นรอยไหม้แถมกลิ่นฉุน ทำให้ข้ารู้เลยว่าเจ้านั่นต้องมีความร้อนสูงพอๆกับเปลวไฟแน่ๆ
แต่ยิ่งของแปลกตาแบบนี้ ถ้าเอากลับไปขายก็ยิ่งมีราคา ตอนนี้ข้ายิ่งจนๆเพราะต้องหาถุงมือมาแทนคู่ที่เปื้อนเลือดยุงในคราวก่อนอยู่ด้วย เพราะงั้นข้าจะจัดการเจ้านี่ซะก่อนจะยึดอาวุธไปน่าจะเหมาะกว่า
อะไรกัน? ข้าแค่คิดว่าถ้าปล่อยคนแบบนี้ลอยนวลต่อไปชีวิตข้าก็ไม่สงบสุขแค่นั้นเองนะ!!!
“ครีอุส! ฮาเดส! เป็นยังไงบ้าง!!!”เฮฟเตตัสและเคเรสรีบผลุนผลันออกมาจากรถทันทีที่รถจอด แต่พวกเขาก็พบแต่ฮาเดสยืนงงๆอยู่กับที่แค่นั้น
“ฮาเดส ครีอุสล่ะ”เทอร์มิสถาม
“เขาไปแล้ว”ฮาเดสชี้ไปทางยอดเขา
“อาวุธที่โจมตีพวกคุณ
มันคืออะไรเหรอครับ”ผมถาม
“ไอ้นี่”ฮาเดสโยนมันให้ผม ซึ่งผมดูแวบเดียวก็ดูออกทันทีว่ามันเป็นกระสุนเงินที่มักจะเอาไว้ใช้ต่อกรกับแวมไพร์โดยเฉพาะ
“
ศาสนจักรอีกแล้วเหรอ
”เมโลดี้ทำเสียงเบื่อๆ
“แบบนั้นครีอุสจะไม่เป็นอันตรายเหรอครับ เขาไปคนเดียวแบบนั้น”ผมถามอย่างเห็นห่วง “คุณหนูครับ คุณให้ผมตามไปจะดีกว่ามั๊ยครับ?”
“ตามใครเหรอโจซัว”
“ครีอุส!!!!!!!”เคเรสตะโกนอย่างดีใจ “เจ้าเป็นอะไรมากมั๊ยครีอุส เจ้าโจรชั่วนั่นได้ทำอะไรเจ้ารึเปล่า!?!”
“เคเรสที่รัก ข้าสบายดีไม่ต้องห่วง”ครีอุสยิ้ม “แต่เจ้านั่นอาจไม่ค่อยสบายนักเท่านั้นเอง”
“ท่านเจอตัวมันรึเปล่า?”นายท่านถาม
“น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่พบ”ครีอุสทำเสียงเศร้า “ข้าไปช้าเกินไป เจ้าโจรลอบกัดนั่นหนีไปได้เสียก่อน”
แต่คำพูดนั้นทำให้เหล่าเทพอัศวินทุกองค์พร้อมใจกันขมวดคิ้วทันที
“ตอนนี้ข้ากลับคิดว่าองค์มหาเทพแห่งแสงสว่างต้องไม่พอพระทัยเป็นเป็นแน่หากเราไม่ถึงเป้าหมายก่อนที่จะขึ้นวันใหม่ ข้าในฐานะของผู้สืบทอดวจนะแห่งเทพไม่อาจทนเรื่องแบบนั้นได้อย่างแน่นอน”ครีอุสพูดประโยคสุดยาวเหยียดออกมาอีก เฮ้อ ผมไม่เคยฟังคนคนนี้รู้เรื่องเลยจริงๆ
“นั่นสินะ ดึกมากแล้ว ไม่รีบเดินทางจะไม่ทันเอาซะก่อน”
คุณหนู! ผมแปลกใจจริงๆที่คุณหนูสามารถแปลภาษาสุดยาวเหยียดของครีอุสออก!!!
“คุณหนูนายนี่แปลกดีนะ”เทอร์มิสพูดกับผมเบาๆ “มีไม่กี่คนหรอกที่แปลคำพูดของครีอุสออก”
“ผมควรภูมิใจรึเปล่าครับ”ผมหันมาทางเทพอัศวินเทอร์มิส จริงๆผมต้องขอยอมรับว่าถ้าไม่นับเทพอัศวินครีอุสแล้ว เขาเป็นคนที่ผมไม่อยากเข้าใกล้ที่สุด
“แต่คนที่แปลภาษาของครีอุสออกน่ะ
มักจะรู้ตัวก่อนเสมอว่าครีอุสกำลังก่อเรื่องอะไร
อย่างครั้งนี้เป็นต้น”
“อะไรนะครับ”ผมถาม
“ฮึ”เทอร์มิสยิ้มเย็นๆให้ผมนิดหนึ่ง ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมจากไป ท่าทางเขาคงไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ซ้ำสอง แต่แค่เขาเตือนผมแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ไว้วางใจ “เทพอัศวินครีอุส” ได้แล้ว
“ครีอุส”ระหว่างที่ข้ากำลังจะก้าวขึ้นรถ เทอร์มิสก็มาเรียกตัวข้าไว้เสียก่อน
“เทอร์มิสที่รัก ไม่ทราบว่า
”
“คนอื่นขึ้นรถไปแล้ว”เทอร์มิสสบตาข้านิ่ง
“เจ้าพยาธิเอ๊ย”ข้ากัดฟันกรอดๆ บางครั้งการที่เทอร์มิสรู้ทุกอย่างที่ข้าคิดแบบนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกว่าเขาอยู่เหนือกว่าข้ายังไงยังงั้น
“เจ้าทำอะไรกับมือสังหารนั่น”เทอร์มิสถามข้าอย่างไม้อ้อมค้อม
“ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายจนน้าสนใจหรอกเทอร์มิส”ข้าตอบปัดๆพลางหันหลังให้เขา เตรียมจะก้าวขึ้นรถ
“เกรเซียส จะตอบข้าดีๆหรือต้องให้ข้าบีบบังคับเจ้า”เทอร์มิสเอ่ยเสียงเย็น
“เฮ้อ
บางครั้งข้าก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าเป็นพยาธิในกระเพาะข้าจริงๆรึเปล่า”ข้าถอนหายใจ ปิดเทอร์มิสไม่เคยได้จริงๆ แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง เทพอัศวินทุกองค์ต่างก็รู้ๆกันดีว่าไม่มีทางเป็นอย่างที่ข้าบอกหรอก แค่ไม่มีใครพูดออกมาเท่านั้นเอง
จริงๆถ้าข้ายึดของที่ข้าต้องการได้แล้วก็ว่าจะปล่อยไปดีๆหรอกนะ แต่เจ้านั่นกลับมาพูดจายั่วโมโหข้าซะงั้น พูดเหมือนกับว่าข้ากำลังเข้าข้างปิศาจ หาว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าก็เลยอารมณ์ขึ้นมานิดหน่อย จับเจ้านั่นแช่แข็งทั้งเป็นเท่านั้นเอง
“เจ้าฆ่าเขารึเปล่า”เทอร์มิสถามข้า
“ข้าเป็นเทพอัศวินครีอุสนะ! จะสามารถฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคนที่ไม่ใช่พวกปิศาจหรืออมนุษย์ได้ยังไงกัน ข้าก็แค่แช่แข็งเฉพาะภายนอก แล้วจับเขาไปวางกลางแจ้ง รอให้น้ำแข็งละลายไปเองเท่านั้นแหละ”ข้าตอบยิ้มๆ
“แต่กว่าน้ำแข็งจะละลาย
เขาคงโดนแดดเผาจนเกรียมไปก่อนแล้ว”เทอร์มิสส่ายหัว
“ไม่หรอกแลนซ์ที่รัก ข้าบอกแล้วว่าเอาเขาไปวางกลางแจ้ง เพราะอย่างนั้นเดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วยเขาเองแหละ แต่โชคร้ายที่ข้าลืมไปแล้วสิว่าร่ายเวทย์เยือกแข็งทับลงไปกี่ชั้น เพราะฉะนั้นน้ำแข็งพวกนั้นตอนนี้อาจจะแข็งจนไฟยังไม่อาจหลอมละลายมันได้เท่านั้นแหละ”
“เจ้านี่มันน่ากลัวจริงๆ”เทอร์มิสพึมพำ
“ข้าแค่แก้แค้นและทวงความยุติธรรมที่ข้าควรได้รับเท่านั้นเองนะ เขามาโจมตีข้ากับลอเรนก่อนเองนี่ ถ้าเขามาอย่างสันติก็คงได้กลับไปแบบสันติเหมือนกัน”ข้ายิ้มกว้าง
“เจ้าระวังตัวเอาไว้เถอะเกรเซียส ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเรา อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าได้ทุกเมื่อ ข้าไม่ได้อยู่ปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลาหรอกนะ”เทอร์มิสถอนหายใจ
“พอเลยแลนซ์ ทั้งเจ้าทั้งลอเรนนี่พอกันทั้งคู่ คิดว่าข้าเป็นเด็กทำอะไรไม่เป็นรึไง แค่ปกป้องตัวเองข้าทำได้น่า”ข้าแบะปาก
“เจ้าก็เป็นอย่างนี้ทุกที ข้าถึงได้เป็นห่วงอยู่เรื่อย”เทอร์มิสพึมพำ “ปากก็บอกไม่หาเรื่องใส่ตัว แต่จริงๆเจ้าเคยอยู่นิ่งๆกับเขาบ้างรึเปล่าล่ะเกรเซียส”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น