ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic EXO}Forbidden[chanbaek ft.hunhan krislay kaido taemin]

    ลำดับตอนที่ #4 : Forbidden ❤ ♡ - 003

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 56


                                            
     

                                         

                    You don't see, cause what you don't see, is when we don't speak
                                         
    I really don't sleep, I wanna talk to ya

    And if I had the world in my hands I'd give it all to ya

    I wanna know if you feeling, the way that I'm feelin'

    I wanna know if you feeling, the way that I, the way that I

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------

     

    ผมเดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกับแบคฮยอน เราเดินลัดผ่านสนามฟุตบอลตรงไปยังห้องสมุดเพื่อไปเปิดสวิตช์ไฟหน้าตึกเรียน  ตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว.....ความจริงผมควรนอนอยู่บ้านสิไม่น่าพาตัวเองมาลำบากเลย มันเพราะใครละเนีย.......

     

    แต่พอมาคิดคิดดูแล้ว.........มันก็เป็นเพราะผมเองนั้นล่ะ

     

    ผมลากคนข้างกายมาหยุดอยู่หน้าตึกเรียนที่ตอนนี้ทั้งมืดและวังเวง  จากเสียงสัตว์ที่เคยส่งเสียงร้องเรียกหาคู่ หรือร่ำร้องในยามดึกดื่น  แต่ในเวลานี้ ....... กลับกลายเป็นความเงียบสงัดมาแทนที่ และเหลือไว้เพียงสายลมบางเบาพัดผ่านให้พอมีเสียงใบไม้สัมผัสกันอยู่บ้าง  ทั้งตึกเรียนมีเพียงชั้นเดียวที่เปิดไฟอยู่  นั่นก็คือชั้นล่างที่ผมเดินไปสับสวิตช์ขึ้นที่ห้องสมุด แต่ชั้นอื่นยังคงถูกปกคลุมด้วยความมืด  และความเงียบสงบ



    ยังดี  ที่เพื่อนรักทั้ง 2 คนของผมมันให้ไฟฉายเอาไว้  ไม่งั้นคงได้เดินฝ่าความมืดไปแน่



    ผมกับแบคฮยอนตกลงกันว่าจะไปทางซีกซ้ายของโรงเรียน  เพราะประตูทางเข้าหน้าโรงเรียนถูกแม่กุญแจเหล็กหนาล็อคเอาไว้อยู่  จะให้ไปเอาค้อนมาทุบก็ไม่ใช้เรื่อง  ถ้าขืนทำแบบนั้นจริงๆวันรุ่งขึ้นทุกคนในโรงเรียนคงนึกว่ามีโจรมางัดโรงเรียนขโมยของแน่ๆ แต่ของที่ขโมยมันก็แค่เศษกระดาษแผ่นเดียวเนียนะ






     ....... คุ้มกันซะที่ไหนล่ะ.........

     




    ผมเดินฝ่าความมืดด้วยไฟฉายเก่าๆที่เพื่อนตัวดีหยิบยื่นให้  แสงไฟที่ริบหรี่บวกกับคนถือที่ไม่สามารถคอนโทรลตัวเองได้ด้วยซ้ำ  ส่องไฟไปซ้ายที  ขวาที  จะส่องให้ตรงๆไม่ได้หรือไง แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ

     


    ว่าทำไมส่องไม่ตรง ………………..

     


    ก็ดูเจ้าตัวสิ  กลัวจนตัวสั่นงันงก  จะเอาอะไรมาควบคุมตัวเองได้  มือข้างหนึ่งก็ถือไฟฉายไป 

    มืออีกข้างหนึ่งก็กอดแขนผมแน่น   ผมไม่รู้นะว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน 

    หรือ  มีอะไรมาดลใจผม

     

    แต่ผมยังไม่อยากออกไปจากตึกนี้เลย  อยากอยู่แบบนี้อีกสักพัก  พักใหญ่ๆเลยล่ะ

     

    ชานยอล นายเปิดไฟทั้งหมดเลยได้ไหมอ่ะ”  แบคฮยอนพูดพลางทำเสียงอ้อนๆแถมยังเขย่าแขนผมอีก  เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้  โตแล้วนะยังจะทำตัวเป็นเด็กๆไปได้  ทั้งๆที่อายุก็จะ 18 แล้ว 

     

    มึงเนียนะ........จริงๆเลย

     

    “ ทำไม  มึงกลัวไง๊ ”


    “  มากมากครับ ”  ฮ่าๆ ถ้าใครได้เห็นหน้าไอ้ตัวเล็กตอนนี้ก็คงต้องขำเหมือนผมทั้งนั้นละ

    ทำหน้ายังกะเด็กร้องไห้หาแม่  แล้วยังก้มหน้างุดๆอีก  เห็นแล้วมันก็อยากจะปลอบอะนะ

    แต่ต้องเข้มไว้ก่อน  เดียวเค้ารู้หมด แล้ว....รู้อะไรล่ะ  ผมก็ไม่ได้มีความในใจอะไรสักหน่อยไม่มี

    เลยนะ  ไม่มีจริ๊งจริง

     

    “ เออ เดียวกูเปิดให้ ”  ผมพูดพลางหันไปมองหน้าร่างเล็ก  แหม  พอบอกจะเปิดไฟให้เนียยิ้มแป้นเลยนะ สงสัยจะกลัวความมืดละสิท่า   ผมควรจะเปิดไฟให้มันดีมั้ยเนีย  ธรรมดาทำหน้าเฉยๆก็เขินจะตายห่าละ  ยิ่งมันยิ้มแบบนี้อีก..........ผมก็ละลายเลยซิครับ

     รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน  รู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหว 

    จะมีก็แต่.......การเคลื่อนไหวริมฝีปากของคนตรงหน้า  ที่ยกขึ้นให้อย่างเป็นมิตร แถมยังยิ้มให้

    จนตาแทบจะปิดอีก

     

     

     
    และอีกสิ่งหนึ่งที่เคลื่อนไหวก็คือ........ หัวใจของผม

     

     


    ผมว่า......ตั้งแต่ผมเจอมันชีวิตผมเปลี่ยนไปนะ แต่ในทางที่ดีขึ้น  หรือ  แย่ลง ก็ไม่รู้สิ

     

     


    “  ชานยอล เป็นไรรึเปล่า  ”  คนตรงหน้าพูดพลางยื่นหน้ามาใกล้ผม   มันใกล้มาก..... ใกล้จนผมรับรู้ถึงจังหวะการหายใจของเค้า   แต่เค้าล่ะ....... รับรู้จังหวะหัวใจของผมตอนนี้บ้างหรือเปล่า ?

     

    “ เปล่า กูไม่ได้เป็นไร ” 


    “ แน่ใจนะ  ไม่สบายหรือเปล่า  เมื่อกี้นายเหม่อยังกะจิตหลุดไปเลยแหน่ะ  ”  แล้วมันเพราะใครละ หืม ?


    “ ก็บอกว่าไม่ได้เป็นไรไง  เซ้าซี้กูจังมึงนี่ เดียวกูกลับเลย ”


    “ เอ้ยยย  อย่าไปเลยน้า อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน น้าชานยอลสุดหล่อ ”  เฮือก  เหมือนถูกทำร้ายด้วย

    ความน่ารัก  จะมาจับมือกูไว้ทำไมห้ะ  กูไม่ไปไหนหรอกหน่า  แล้วยังจะมาเรียก

    ‘ ชานยอลสุดหล่อ ’   อีก   กูเขินเว้ย  ถ้าหน้าตามึงไม่น่ารักกูจะไม่ว่าเลย 

     

    “ ปล่อยๆ ”

    “  ทำไมอะ ”

    “ ปล่อยเหอะกูขอ ”

    “ ถ้าปล่อยเดียว ชานยอลหนีกลับบ้านแล้วเราจะทำไงอะ ”

    “………”

    “ เงียบแบบนี้จะทิ้งจริงๆใช่มั้ยอ่า  ชานยอลอ่า ”

    “ กู….. ”

    “ ห้ะ ?? ”

    “ กู...... ”

    “…….”   มึงจะทำหน้าบ๊องแบ๊วไร้เดียงสาไปไหนครับ 


    “  กูเขิน ”  >//////<  เกิดมาไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย   หน้าร้อนผ่าว  ใจเต้นเร็วผิดปกติ

    เหมือนการสูบฉีดเลือดในร่างกายมันดีขึ้น  ไม่ต้องเดาผมก็รู้.........ตอนนี้หน้าผมแดงแน่ๆ

    แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวนะที่เขิน  ร่างเล็กตรงหน้าก็ใช่ย่อย บิดตัวม้วนไปม้วนมา พวงแก้มเปลี่ยนสี

    จากชมพูระเรื่อเป็นแดงสดใสแถมยังลามไปถึงใบหูอีก ถ้ามึงน่ารักมากกว่านี้อีกกูจะไม่ทนกับมึง

    แล้วจริงๆนะ  บยอนแบคฮยอน

     

    “ แล้วเขินทำไมอ่ะ  ”   เออ   เอาเข้าไปมึงจะแกล้งกูใช่มั้ย

     

    “ แล้วคิดว่าไงล่ะ ” 

     

    “ ไม่รู้สิ ถ้ารู้แล้วจะถามหรอ ”  พูดไปยิ้มไปแบบนี้  มึงหมายความว่ายังไงวะ

     

    “ กูว่าง  เลยแกล้งเขินเล่นๆ ”  ร่างเล็กหน้าถอดสีแถมยังตีแขนผมรัวๆ  แบคจ้ะคนนะ ไม่ใช่กลอง



    “ ชานยอล อ่า ”  ขนาดงอนยังน่ารักเลย คนอะไรวะ

     

     “ ไปชั้น 2 เหอะเดียวไม่ทันนะ  ”  ผมพูดพลางพลิกนาฬิกาข้อมือดู  นี่ก็ปาไปจะตี 1 แล้วนะเนีย

    ยังไปไม่ถึงไหนเลย  กลัวคนแถวนี้จะทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วโดนเพื่อนผมมันแกล้งนะสิ

     

    นี้ผมห่วงมันอีกแล้วหรอ ?  เฮ้อ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ที่เป็นอยู่เลยจริงๆ

     

    ตอนนี้ผมกับแบคฮยอนเดินมาถึง บันไดทางขึ้นไปยังชั้น 2 แล้ว

    ชั้นนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนชั้น 1   ไม่ว่าจะความเงียบ และ  ความมืด  แต่มันจะต่างจากชั้น 1  ก็ตรงที่ความรู้สึกของผม   ผมรู้สึกว่าตอนนี้....... ในโรงเรียนไม่ได้มีแค่ผมกับแบคฮยอน  ผมมั่นใจว่าตอนนี้มันอยู่แถวๆนี้ด้วย  อยู่ใกล้ๆผมเนียละ 

    เพราะ........กลิ่นของมันที่ลอยมาเตะจมูกของผม   กลิ่นเหม็นสาบของสุนัข แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่สุนัขธรรมดานะสิ  อาจจะเป็น  หมาจรจัด  หรือ  หมาป่า !!  แต่ผมคิดว่าไม่มีทางที่จะเป็นหมาจรจัดไปได้
    จริงๆแล้ว
      ผมค่อนข้างมั่นใจเลยล่ะ  ว่ามันไม่ใช่หมาจรจัด  แต่ถ้ามันเป็นหมาป่า มันจะเปิดประตูได้อย่างไร   ???

     

    มันจะเปิดประตูแล้วส่งตัวเองเข้ามาในอาคารได้อย่างไรกัน  

    มันจะทำได้อย่างไรถ้ามันไม่มีมือเหมือนมนุษย์     และ..........

    คงไม่มีใครบ้าเปิดประตูให้สัตว์ร้ายแบบนั้นเข้ามาด้วย   หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ตอนนี้ไม่มีใครอีกแล้ว  นอกจากผมกับแบคฮยอน  และผมก็มั่นใจว่าทั้งผมและ แบคฮยอน ไม่ได้เปิดประตูให้ใครหรือตัวอะไร เข้ามาด้วย

     

    หรือ ? ? ?

     

    มันจะเป็น มนุษย์หมาป่า  หรือ ไลเคน หรืออะไรสักอย่าง แต่ผมรู้สึกเป็นห่วงคนข้างๆตัวเองอย่างบอกไม่ถูกแล้วสิ   กลัวว่าถ้าผมปกป้องเค้าไม่ได้......ผมจะอดเห็นรอยยิ้มน่ารักๆแบบนั้นอีก

     

    ผมไม่รู้ว่าคนตัวเล็ก......จะสัมผัสเหมือนที่ผมสัมผัสได้หรือไม่  แต่ผมมั่นใจว่ามันไม่ได้มาดีแน่ๆ

     

     

    สิ่งที่กำลังจะมา  มันไม่ได้ประสงค์ดีทั้งกับผม และ....... กับแบคฮยอน


     

    ผมอยากจะให้เค้ารอผมตรงบันไดจัง

    ผมอยากเดินไปเปิดไฟให้หมดเสียก่อน เผื่อถ้ามีอะไร....

    ไม่ซิ ต้องมีแน่ๆ มันอยู่ชั้น 2 เนียละผมมั่นใจ  ในขณะที่ผมเดินไปเปิดไฟ

     

    ก็เท่ากับว่า........ผมก็จะเข้าใกล้มันมากขึ้น  นั่นมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากว่า....มันจะทำร้ายผม แต่ก็ดีกว่าให้มันทำร้ายคนของผม  ในขณะที่ผมกำลังต่อสู้กับมัน..... ผมก็จะได้ถ่วงเวลาให้  แบคฮยอนหนีไป  หนีไปให้ไกล ไกลจนผมคิดว่าปีศาจตัวนี้จะตามมาไม่ทัน  

     

    แต่ถ้าคิดในทางกลับกันละ

     

    ในขณะที่ผมเดินขึ้นไปชั้น 2  ในขณะที่ผมคิดว่า..... ตอนนี้คนที่อยู่ใกล้ปีศาจตนนั้นคือผม

    แต่ถ้าผมคิดผิด

    จริงๆมันอาจจะรอให้ผมออกห่างจากเหยื่อแล้วค่อยกระโจนจากที่มืด  ตะครุบแบคฮยอนแล้วลากเข้าสู่.....ห้วงนิทรา  นิทราตลอดชีวิต !!!

     

    ผมควรต้องเลือก  ใช่สิผมต้องเลือก   เพราะผมจะไม่บอกเรื่องนี้ให้เค้ารู้เด็ดขาด  ไม่มีวัน !

    หนทางเดียวที่น่าจะปลอดภัยมากที่สุด  ผมคิดว่าน่าจะไปด้วยกัน  ใช่ !! คงต้องไปด้วยกัน

    แต่ผมจะให้เค้าอยู่ข้างหลังผม  เพราะถ้าเกิดสัตว์นรกนั้นโผล่มาด้านหน้ามันก็จะเผชิญหน้ากับ

    ผม 

     

    และผมก็จะต้องจับมือเค้า    เพราะถ้าเกิดไอ้สัตว์นรกนั้นมันจะมาลากเค้าไปจากผม

    ผมมั่นใจว่ามือผมที่จับเค้านะ  มันแน่นพอที่จะรั้งเค้าไว้ให้อยู่กับผม

    ผมจะไม่ยอมให้มันมาพรากเค้าไปจากผม  ผมไม่ยอม

     

    มึงเอาไฟฉายไปไว้มือขวาดิ ”   ผมกระซิบบอกคนข้างกายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

    ทะ ..ทะ.... ”  ผมรีบเอามืดปิดปากคนตัวเล็กที่ถามออกมาซะเสียงดังลั่น  ที่กูกระซิบมึงเนียไม่เข้าใจหรอว่ากูต้องการให้มึงพูดเบาๆ

    พูดเบาๆ

    “  อ่าๆ เปลี่ยนแล้ว ทำไมต้องเบาๆด้วยอะ

    เออ ช่างเถอะ เอามือมา

    ห้ะ ?? ”  ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกแล้ว  ไม่รอแล้ว....ไม่รอให้เค้าเข้าใจอะไรผมแล้ว

    คนอะไรเข้าใจอะไรยากจริงๆ บอกอะไรไปก็   ห้ะ ห้ะ ห้ะ ผมยิ่งเป็นพวกไม่ชอบพูดอะไร

    ซ้ำๆซากๆ อยู่ด้วย

     

    หมับ

     

    จับเลยละกัน  คนข้างกายผมแสดงสีหน้าตกใจชัดเจน  ชัดเจนสุดๆเลยละ ทั้งมือเค้าที่มีเหงื่อไหลออกมาอย่างพลั่งพลู  แถมเหงื่อเม็ดเล็กๆยังผุดขึ้นตามใบหน้า ขาวๆนั้นอีก  แก้มที่เมื่อไม่นานมานี้แสดงสีแดงสดใส  บัดนี้มันก็แสดงสีนั้นอีกครั้ง  แบคฮยอนพยายามหลบหน้าไม่มองหน้าผม เค้าเลือกที่จะมองพื้นแทน  ตอนแรกที่ผมจับมือเค้าเนียก็ไม่ได้หวังจะล่วงเกินหรืออะไรเค้าหรอก แต่พอมาเห็นกริยาน่ารักๆที่เค้าแสดงออกมา ....... ผมเองก็ชักจะรู้สึกไม่แน่ใจแล้วสิ

     

    ผมเลือกที่จะเปลี่ยนแผน  จากตอนแรกผมคิดว่าผมจะเปิดไฟ.....แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว     ผมจะเดินฝ่าความมืดไปกับกระบอกไฟฉายเก่าๆอันนี้เนียละ  ผมแย่งไฟฉายจากมือของ     แบคฮยอนมาถือไว้ด้วยมือข้างที่ยังว่างอยู่   ผมถือให้ห่างจากตัวผมมากที่สุดด้วยการยื่นไปให้สุดแขนยื่นไปทางกำแพงฝั่งขวามือ 

     

    ถ้ามันจะโจมตี  ผมมั่นใจว่ามันจะต้องวิ่งเข้าหาแสงจากกระบอกไฟฉายอันนี้แน่ๆ

    และถ้ามันทำอย่างนั้นจริงๆ มันก็จะโดนแค่แขนของผม แต่จะไม่โดนคนข้างกายของผม

    จะไม่โดนแบคฮยอน......ของผม

     

    ในโรงเรียนเรา  ที่ชั้น 2 จะมีใบคำสั่งวางอยู่บนโต๊ะแรก   ทางซ้ายมือที่ติดกับหน้าต่าง 

    ห้องไหนของมันวะ .............  เดียวนะ  ติดกับหน้าต่าง    และ    มีโต๊ะ 

    น่าจะใช่นะ     ผมคิดว่าใช่ละ  มันต้องเป็นห้องเรียนของเด็กเอกพละ !!

    เพราะช่วงนี้ผมเห็นไอ้ยงกุกมันเดินมาบ่อยๆ  ต้องใช่แน่ๆละ

     

     

    เราเดินผ่านห้องทุกห้องในชั้น 2 จนมาหยุดอยู่หน้าห้อง A5 ห้องเรียนของเด็กเอกพละ             ผมลากแบคฮยอนเข้ามาในห้องนั้น  นั่นไงละคิดไว้แล้วเชียว   บนโต๊ะแรกทางฝั่งซ้ายมือติดกับหน้าต่างมีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้อยู่  ผมชี้ให้คนข้างกายดู เค้าพยักหน้ารับรู้และเดินไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาถือไว้ 

     

    ทำไมวันนี้แม่บ้านที่โรงเรียนเค้าไม่มาปิดหน้าต่างนะ  แสงของพระจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องเรียน  ทำให้สามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน  ถึงแม้ไม่เปิดไฟก็มองเห็น  แต่วันนี้ผมว่าพระจันทร์มันดูแปลกๆนะ  พระจันทร์ดวงกลมโต   ตามปกติมันควรจะเป็นสีขาวนวลผ่อง  อยู่ท่ามกลางฟากฟ้าสีมืด และถูกประดับประดาด้วยดวงดาวแวววาวนับร้อยดวง

    แต่ตอนนี้พระจันทร์กลับกลายเป็นสีน้ำเงินประกายฟ้า ใช่ครับ  คุณฟังไม่ผิด มันเป็นสีฟ้าและผมไม่ได้ตาฝาดด้วย  เพราะแบคฮยอนเองก็เห็น  เค้ายังหันมามองหน้าผมด้วยแววตาสงสัย  เค้าเองคงไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เค้าเห็นมันถูกหรือเปล่า  เค้ากำลังต้องการคำยื่นยันจากผม ว่าสิ่งที่เค้าเห็น.......     มันเกิดขึ้นจริง  หรือ  เค้าคิดไปเอง  ผมเดินไปจูงมือแบคฮยอนให้ออกห่างจากหน้าต่างพลางหมุนตัวหันหน้าออกจากห้องนั้น

     

    เราเดินลงบันไดจากชั้น 2 ลงมาเรื่อยๆ ตลอดทางแบคฮยอนเงียบไม่พูดไม่จา  ผมสังเกตุได้ว่าตัวเค้าสั่น.........สั่นมาก  เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมาเต็มฝ่ามือ  ไม่ซิไม่ใช่แค่มือ บริเวณใบหน้าเค้าก็ปรากฏเม็ดเหงื่อจำนวนมาก   ที่ไหลมาจากหน้าผากไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงมาที่ขมับและตามมาด้วยพวงแก้ม  ผมไม่เคยเห็นเค้าเป็นแบบนี้เลย  ผมบีบมือเค้าให้แน่นขึ้นให้เค้ารู้สึกมั่นใจว่าผมจะไม่ปล่อยมือ  ให้เค้ามั่นใจว่าผมจะไม่ทิ้งเค้าไปไหน

     

    !!!!!!!!!!!

     

    ฝีเท้าทั้งผมและเค้าแทบจะหยุดลงพร้อมกัน  มันหยุดชะงัก  เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

     

    และแล้วผมก็เจอมัน

     

    ปีศาจกลิ่นสาบนั่น

     

    ตอนนี้........ มันอยู่ข้างหน้าผมแล้ว

     

    สัตว์ 4 ขาร่างสูง  ส่วนสูงของมันน่าจะประมาณ 2 เมตร   ตัวของมันที่ถูกปกคลุมทั้งขนสีขาวและสีดำ  จริงๆแล้วเหมือนถูกปกคลุมด้วยสีดำ ยกเว้นขาทั้ง 4 ข้าง ใบหน้า  และหู 2 ข้างที่ยาวและยกตั้งขึ้น แต่จุดเด่นของมันไม่ได้อยู่ที่ขนาดตัว  หรือ  สีขนมันหรอก

     

    มันอยู่ที่......ลูกตา.......ของมัน

     

    ลูกตาสีน้ำเงินประกายฟ้า  ใช่ครับ  สีเดียวกับพระจันทร์นั่นละผมรู้ละทำไมวันนี้พระจันทร์ดูแปลกตากว่าแต่ก่อนที่เคยพบเห็น  ต้องเป็นเพราะมันแน่ๆ  ตอนนี้มันหยุดมองผมกับคนข้างกายด้วยสายตาว่างเปล่า  ไม่ได้ต้องการจะทำร้าย  และ  ไม่ได้ต้องการจะช่วยเหลือแต่อย่างใด        มันก้มหน้ามองพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูง   เชิดคอตั้งขึ้นพลางมองดวงจันทร์กลมโต  ที่เด่นตระหง่านอยู่กลางฟากฟ้า  พร้อมส่งเสียงเห่าหอน  เสียงมันดังมาก ดังไม่แพ้กับขนาดตัวของมันเลย 

     

    บู่ววววววววววววววววววววร์

     

    หลังจากที่มันส่งเสียงเห่าหอนจนพอใจมันแล้ว   มันก็วิ่งหนีหายไป หายเข้าไปในทางที่ผมกับ       แบคฮยอนเข้ามา   

     

    กลัวมั้ย  ”  ผมตัดสินใจถามเค้าออกไป  ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว  หมาป่าตัวเบ่อเริ่มมาอยู่ตรงหน้าเป็นใคร ใครจะไม่กลัวละ  แต่ที่ผมถามออกไปแบบนั้น  เพราะผมต้องการทำลายความเงียบที่มันเกิดขึ้น.....ตั้งแต่หมาป่าวิ่งหายไปจนผมเดินมาส่งเค้าที่บ้าน เราก็ไม่ได้คุยกันเลย     บ้านที่ว่า   ก็บ้านผมนั่นหละ    คือผมคิดว่าถ้าปล่อยเค้าไว้คนเดียวคงจะไม่ปลอดภัยอีกอย่าง......ผมขี้เกียจถามทางไปบ้านเค้า    ผมเลยพาเค้ามาบ้านผมแทน  เหตุผลอาจดูไร้สาระสักหน่อยแต่ถ้าสำหรับคนที่เพิ่งเจอเหตุการณ์ตกใจมากๆไป คงจะดีถ้าได้เดินเงียบๆ ใช้เวลาคิดวิเคราะห์กับสิ่งที่ได้พบเจอมา   ดีกว่าต้องมาบอกทางนู่นนี่นั่น  แต่มันก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนั่นละ

     

    เป็นนาย....นายจะกลัวมั้ย  ”  เค้าเงยหน้ามามองผมด้วยสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ

    “  ไม่รู้สิ  เฉยๆละมั้ง  

    ห้ะ  ไม่กลัวเลยหรอ  นี่นายบ้าหรือเปล่าเนีย  ”  เออ.....นั่นสิ  ผมก็ลืมไปว่าคนข้างกาย เค้าไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร   

    เอ่ออ..... คือกูดูหนังแนวนี้บ่อยอะ เลยเฉยๆ  ”  จะเชื่อกูมั้ยละเนีย

    อ้อ.....  ฉันก็ดูบ่อยนะ แต่ก็กลัว มันไม่ใช่หมาป่าธรรมดาอะ  ”  เอ้านี่รู้เรื่องด้วยหรอเนีย

    “  หมายความว่าไง ? ”

    มันเป็นหมาป่ายักษ์  กินจุ  ตัวใหญ่ .....อ้วน ”  อื้อหื้อ ไอ้เราก็นึกว่ารู้เรื่อง  มึงจะมองโลกสวยไปไหนวะ แบคฮยอน  แต่จะว่าไป........ปล่อยให้คิดแบบนั้นไปก็ดี  จะได้ไม่คิดมาก

    “  อ้อ  คงจะจริงแบบที่มึงว่า  ”  ตามน้ำไปละกันครับ

     

    “  เอ้ะ  เดียวนะกระดาษอยู่ไหนอ่า ”   คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ   เมื่อนึกถึงแผ่นกระดาษแผ่นนั้น    สงสัยว่าเค้าจะทำหายในนั้นแน่ๆเลย  ไม่ใช่แค่เค้าหรอกที่ตกใจ  ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน  แต่เอ๊ะ  ในมือข้างนั้น  มีอะไรขาวๆโผล่ออกมา  มันโผล่ออกมาเพียงเสี้ยวเดียวแต่ผมก็รู้ว่ามันคืออะไร

     

    “  ในมือมึง

     

      ไหนอะไร ? ”

     

    “  กระดาษอยู่ในมือมึง ”  แบคฮยอนยกมือขึ้นและแบมันออก    เผยให้เห็นกระดาษแผ่นนั้น    ถูกกำ  ขยำจนแทบเละ เค้าค่อยๆบรรจงคลี่มันออกอย่างเบามือ

     

    ทำไมต้องหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย............

     

    ทำไม มันเขียนว่าอะไร  

     

    เอ่อ .......

     

    อะไร ล่ะมึง  ? ”  ผมแย่งเศษกระดาษมาจากมือเล็กนั้น  อ้อ เข้าใจละ.....

     

     

     

    บ๊อกเซอร์  ปาร์คชานยอล

     

     

     

     

    อยากได้ก็ขึ้นห้องกับกูสิ  

    “  ห้ะ ” 

     

     

     

    ล้าลา  จบไปอีกหนึ่งตอน

    เป็นไงค่า   สัตว์ประหลาดที่คิดไว้  เป็นเหมือนกับที่เพื่อนๆคิดไว้รึป่าวเอ่ยยยยย

    แต่เชื่อไรท์เหอะ  หมาป่าตัวนี้ไม่ธรรมดา  O.O

    โอ้ยยยย  ชานยอลจะชวนแบคฮยอนขึ้นห้องอะ

    คิดว่าแบคไปป่ะ 5555555   มารอดูกันตอนหน้าน้า

     






     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×