ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] ex-bf แฟนเก่า chanbaek ft. kris

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro [55.55%]

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 58


                    “ถึงไหนแล้วเนี่ย”

                    [ใกล้ถึงแล้ว รอออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวไปหา]

             “ก็รออยู่เนี่ย รู้ใช่ปะ ว่าไม่ชอบรออะไรนานๆ”

                    [รู้ครับๆๆๆ รีบอยู่เนี่ย]

                    หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทที่ไม่เจอกันนาน แบคฮยอนก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมาทางตัวเอง และคงไม่พ้นผู้ชายที่นั่งหน้าหล่ออยู่ฝั่งตรงข้าม คนที่เขาไม่อยากจะเจอในเวลานี้ที่สุด พร้อมกับเพื่อนของเขาที่คนตัวเล็กเองก็รู้จักดี แต่เพื่อนเขาแค่มองผ่านๆและยิ้มให้ด้วยความคุ้นเคยเท่านั้น และแบคฮยอนก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก พร้อมกับเอาเกมส์ขึ้นมากดเล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย
     

                    ในร้านคอฟฟี่ที่มีกลิ่นกาแฟหอมฟุ้งชื่อดังร้านนี้  เป็นร้านประจำของร่างเล็กนี้เลยก็ว่าได้ เวลาเขาเครียดๆหรือหลังเลิกเรียนเขาก็จะมานั่งดื่มกาแฟชิวๆที่ร้านนี้ มาคนเดียวบ้าง มากับเพื่อนบ้าง และนอกจากจะขายพวกคอฟฟี่แล้ว ตอนกลางคืน เขายังขายพวกแอลกอฮอล์อะไรอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าคนจะต้องเยอะกว่าตอนกลางวันอยู่แล้ว
     

                    และที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือร้านประจำของเขาดันเป็นร้านประจำของผู้ชายฝั่งตรงข้ามด้วยนี่สิ ซึ่งเขาไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่หรอก แต่บอกได้แค่ว่าเขาชื่อ อู๋อี้ฟาน หรือ คริส อะนะ

                    “แบคฮยอน นี่ แบคฮยอน”
     

                    คนตัวเล็กหันไปมองผู้มาใหม่ที่พยายามเรียกเขาหลายครั้งแล้ว แต่เพราะสนใจเกมส์มากไปหน่อยเลยไม่ได้ยิน
     

                    “ชานยอล ปาร์คชานยอลใช่มั้ยเนี่ย” มองตั้งนานกว่าคนตัวเล็กจะจำได้ว่าคือเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง หลังจากที่ไม่เจอตั้งนาน ก็พบว่าเพื่อนเขานั้นหล่อขึ้นมาก มากจนเกือบจำไม่ได้เลย ใบหน้าคมคาย เนียนใสอย่างกับไอดอลเกาหลีที่เขาแอบกรี๊ดอย่างวง exo เลยแหละ

                    “ก็ใช่น่ะสิ เรียกตั้งนานกว่าจะหันมานะเนี่ย”
     

                    “ก็เล่นเกมส์อยู่ไม่เห็นอ่อ แต่มึงหล่อขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
     

                    คนตัวเล็กว่าพลางจับหน้าเพื่อนสนิทหันไปหันมาเพื่อสำรวจอีกครั้ง

                    “มึงก็น่ารักขึ้นนะเนี่ย”
     

                    “อันนั้นก็พอรู้ตัวแหละ ไม่ต้องชม”
     

                    ชานยอลหัวเราะกับความน่ารักของแบคฮยอน ที่ไม่ถ่อมตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน จนไม่คิดว่าเขาอาจจะพูดก็ได้ แต่ที่ชานยอลพูดออกไปไม่ได้พูดเล่นหรอก แต่เพราะคนตรงหน้าน่ารักขึ้นมากจริงๆ
     

                    “นั่นอะไรอะ”
     

                    และด้วยความไวของสายตาแบคฮยอนก็หันไปเห็นว่าเพื่อนของเขาเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง และแบคฮยอนต้องรู้ให้ได้ด้วย
     

                    “ของฝาก”
     

                    “มีของฝากมาด้วยเหรอ นึกว่าจะเอาไปเซอร์ไพร้เมื่อถึงบ้านซะอีก” แบคฮยอนทำหน้าผิดหวังอย่างไม่จริงจังนัก หรือเพราะเพียงแค่พูดเล่นๆกับเพื่อนของเขาเท่านั้นเอง
     

                    “เมี้ยว เมี้ยว” เสียงเจี๊ยวจ๊าวน่ารักน่าเอ็นดูเล็ดลอดออกมาเมื่อชานยอลเองกรงลูกแมวสองตัวยื่นมาให้ดู เป็นแมวสีแดงออกน้ำตาล ขนฟูเล็กๆ น่ารักๆ ทำให้แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะเอามันออกมาจากกรงและอุ้มด้วยมือทั้งสองข้าง
     

                    “น่ารักอะ น่ารักจังเลย ขนก็นุ๊มนุ่ม ไหนมาจุ๊บหน่อยดิ๊” ไม่ว่าเปล่าแบคฮยอนก็ก้มลงไปจุ๊บเหม่งแมวทั้งสองตัวทันที เพราะแบคฮยอนชอบแมวที่สุดตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
     

                    “ดีใจนะที่ชอบ”
     

                    “อยากเลี้ยงอะ”
     

                    “ก็เอามาให้เลี้ยงไง”
     

                    “ก็รู้ใช่ปะว่าเลี้ยงไม่ได้”
     

                    “กลัวมันตายใช่ปะ”
     

                    ปาร์คชานยอลพูดอย่างรู้ทัน ว่าทำไมคนที่เคยรักแมวอย่างแบคฮยอนไม่ยอมเลี้ยงแมวซักที เพราะเมื่อก่อนแบคฮยอนเคยรักแมวอยู่ตัวหนึ่งและรักมันมากๆด้วย นอนด้วยกันทุกคืน ตื่นเช้ามาก็กอดมันทุกวันเลย เล่นด้วยกันตลอดไม่เคยห่าง พอวันหนึ่งแบคฮยอนออกไปซื้อของ แต่กลับมาก็พบว่าแมวกำลังถูกหมาไล่กัด แคนตัวเล็กพยายามที่จะหาอะไรมาไล่หมาออกไปอีกทีเพื่อไม่ให้ยุ่งกับแมวของตน
     

                    แต่ก็นั่นแหละสัญชาตญานของหมา ถ้าได้ทำอะไรแล้วก็จะไม่หยุดจนกว่าจะตามไม่ได้ สุดท้ายกว่าหมาจะหยุด หมาก็ฟัดแมวจนมันตายแล้ว แบคฮยอนได้แต่ร้องไห้คิดถึงแมวตลอดเวลา กว่าจะทำใจได้ใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยแหละ
     

                    “ถ้ารู้แล้วจะเอามาให้กูเลี้ยงทำไมล่ะ”
     

                    “เลิกคิดมาได้แล้วแบคฮยอน นั่นมันก็แค่ครั้งแรก และอาจจะเป็นครั้งเดียวก็ได้นะ อีกอย่างมึงอาจจะรักมันแค่ตัวเดียว รักมันมากเกินไป จนไม่เผื่อใจไว้บ้างเลย มันก็เลยอาจทำให้มึงเจ็บหนักหน่อยอะ”
     

                    พอได้ยินชานยอลพูดแบบนั้น เรื่องราวมันจะเหมือนเรื่องของตัวเองยังไงก็ไม่รู้ พอหันหน้าขึ้นไปฝั่งตรงข้ามก็พบว่าคริสก็มองมาและคิดว่าอาจจะได้ยินเรื่องที่เราคุยกันด้วยก็ได้
     

                    “อือ”
     

                    “เพราะงั้นกูเลยซื้อมาให้มึงสองตัวเลย จะได้เผื่อใจไว้บ้าง เลี้ยงหลายๆตัว รักหลายๆตัว เพราะตัวใดตัวหนึ่งตายมึงก็จะรู้สึกเสียใจแค่นิดเดียวนะ”
     

                    “มึงคิดว่างั้นเหรอ”
     

                    เมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดแบบนั้นทำให้เขาคิดอะไรได้อีกเยอะ เพราะเหมือนโยงไปถึงชีวิตของเขาด้วย เพราะที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะว่าเขารักใครรักจริง รักหมดหัวใจ และมันก็ผิดหวังทุกครั้งซะด้วยสิ กว่าจะทำใจได้แต่ละครั้งก็แทบแย่
     

                    “กูคิดว่างั้นแหละ”
     

                    “โอเค..กูจะเลี้ยงมันก็ได้”
     

                    เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนสนิทเขาที่จริงจังและคิดว่าเขาก็คงคิดดีแล้วแหละที่จะให้แบคฮยอนเลี้ยง เลยไม่ปฏิเสธ แม้จะเคยบอกคนๆนึงว่าชอบหมา ที่จริงแล้วแค่ไม่อยากรักแมวเท่านั้นเองแหละ
     

                    “อ้อ..กูมีของอีกอย่างมาให้มึงด้วยแหละ”
     

                    ชานยอลว่าพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสีดำ และยื่นมือที่กำไว้มาตรงหน้าแบคฮยอนเหมือนจะชกจนร่างบางต้องหลับตาลง แต่พอเงียบซักพักเขาก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับที่ชานยอลแบมือออก จนสร้อยคอร่วงลงมา
     

                    “นี่อะไรวะ”
     

                    “ก็สร้อยคอไง...ไม่ได้เจอกันนานมึงโง่ขึ้นป่ะเนี่ยแบคฮยอน”
     

                    “รู้ว่าสร้อยล้วซื้อมาให้กูทำไมเนี่ย”
     

                    “ก็เห็นว่าสวยเลยซื้อมาให้หรอกหน่า”
     

                    ไม่ว่าเปล่าชานยอลก็จัดการสวมสร้อยคอให้แบคฮยอนทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้แย้งเลย

             “ทำไม..ต้องสลักชื่อมึงด้วยวะ” เมื่อเห็นว่าไหนๆ ชานยอลก็ซื้อมาแล้วแบคฮยอนก็เลยไม่ขัด พอสำรวจดูดีๆ สร้อยนั้นมันดันสลักเป็นคำว่า CHANYEOL แทนที่จะเป็น BAEKHYUN ชื่อของเจ้าตัวเอง

                    “อ้าว ก็กูเป็นคนซื้อ กูก็ต้องสลักชื่อกูสิวะ มึงจะได้ไม่ลืมว่าใครเป็นคนซื้อให้ไง”
     

                    “มึงก็คิดได้เนาะ”
     

                    แบคฮยอนว่าแค่นั้น ซึ่งชานยอลก็ทำแค่เพียงยิ้มออกมาเพราะความเจ้าเล่ห์ของตัวเอง ที่จริงเขาแค่คิดว่าที่สลักชื่อตัวเองเพราะคนอื่นที่เห็นสร้อยนี้จะได้รู้ว่าแบคฮยอนมีเจ้าของแล้วต่างหาก  ถึงแม้แบคฮยอนจะคิดกับเขาเพียงแค่เพื่อนก็ตาม
     

                    “จะกลับบ้านเลยมั้ยหรือว่าไง มึงมาเหนื่อยๆกลับไปพักผ่อนก่อนน่าจะดีนะ”
     

                    คนตัวเล็กถามแล้วก็ตอบเองเสร็จสรรพสมกับเป็นแบคฮยอนจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโตแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันช่วงหนึ่งก็ตามเพราะชานยอลต้องไปเรียนต่อเมืองนอกตอนอายุ 15 ปี และตอนนี้เขาก็อายุ 20 ปีแล้ว ผ่านไป 5 ปี คนตรงหน้าก็ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลย
     

                    “โอเค..กลับบ้านก่อนก็ได้”
     

                    และชานยอลก็ตามใจแบคฮยอนตลอดและเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเหมือนกัน  ชานยอลเดินไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ทันทีที่ตกลงกันได้ ส่วนแบคฮยอนก็เก็บของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้านเพราะเขาเองก็นั่งรอมานานแล้วเหมือนกัน พลันสายตาดันหันไปสบตาคริสแวบนึง แบคฮยอนแค่โค้งหัวให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกลา อย่างน้อยก็ในฐานะคนเคยรู้จักกัน
     

                    “ไปกันเถอะแบคฮยอน”
     

                    “อ้อ...อื้ม..”
     

                    ว่าจบแบคฮยอนก็ตามชานยอลไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูทันที เพื่อไปที่บ้านย่าของแบคฮยอนที่มกโพ ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนเป็นคนบ้านนอกหรือจนอะไรหรอก ที่จรองแล้วแบคฮยอนมีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจชื่อดังในโซล แต่เลือกที่จะมาอยู่กับย่าที่มกโพเพราะต้องการอิสระ และที่เขากับชานยอลสนิทกันเพราะพ่อของแบคฮยอนและพ่อของชานยอลเป็นเพื่อนสนิทกัน
     

                    ซึ่งในขณะที่ชานยอลไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แบคฮยอนก็เลือกที่จะมาอยู่มกโพกับคุณย่า เพราะบรรยากาศค่อนข้างดี อีกอย่างคุณย่าก็ตามใจเขาและมีเวลาให้เขามากกว่าที่อยู่กับคุณพ่อ ซึ่งปกติเขาจะอยู่กับชานยอล แต่เพราะชานยอลจะไปเรียนต่างประเทศแบคฮยอนกลัวเหงาเลยย้ายมาทันที และพ่อเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจความรู้สึกของบคฮยอนดี
     

                    “นี่..ถามอะไรหน่อยดิ”
     

                    “อะไร” ในระหว่างที่ขับรถไปเรื่อยๆ ชานยอลก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบๆ เลยชวนแบคฮยอนคุย เพราะเขาก็อยากรู้ว่าอยู่นี่แบคฮยอนเป็นยังไงบ้าง ลำบากหรือเปล่า
     

                    “ตอนนี้มึงมีแฟนหรือยังอะ”
     

                    มันเป็นคำถามที่ชานยอลอยากรู้มากที่สุด แต่มันดันจี้จุดที่สุดสำหรับแบคฮยอนในตอนนี้
     

                    “พึ่งเลิกอะ”
     

                    “งั้นก็แปลว่าโสดอะดิ”
     

                    “คงงั้นมั้ง” แบคฮยอนว่าพลางหันหน้าไปข้างนอกรถ เพื่อมองวิวข้างนอก และเพื่อไม่ให้ชานยอลเห็นความรู้สึกของเขาในตอนนี้ด้วย

                    “เป็นไรไปอะ”
     

                    “ป่าว ไม่มีอะไรหนี่”
     

                    “จริงอะ...มีอะไรปรึกษากูได้นะโว้ย เห็นแบบนี้บอกเลยเรื่องความรักนี่กูเชี่ยวชาญเลยแหละ”
     

                    “ไม่เป็นไรหว่า เอาไว้ไปใช้กับตัวเองเถอะนะมายเฟรนด์ ฮ่าๆๆ” แบคฮยอนพูดขำๆ เพราะตอนที่ชานยอลยังอยู่กับแบคฮยอน ตอนนั้นบอกเลยเขาอกหักเป็นว่าเล่นเลยแหละ และก็เป็นแบคฮยอนต้องปลอบเขาทุกครั้ง แบบนี้ทำเป็นมาบอกว่าจะช่วย
     

                    “กูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะเว้ย...ตั้งแต่กูไปต่างประเทศกูคบหญิงมาเป็นสิบคนแล้ว แต่แค่มันยังไม่ใช่กูก็เลยทิ้งไปอะ ว่าแต่มึงเถอะมีแฟนมาแล้วกี่คนวะ บอกหน่อยดิ”
     

                    “กูยังไม่เคยมีแฟน”
     

                    “อีกละ..แบบนี้ตลอด แปลว่าเจ็บหนักมาอีกแล้วอะดิ”
     

                    แบคฮยอนมักจะพูดแบบนี้เสมอว่ายังไม่มีแฟน เพราะเขาคิดว่าถ้าบอกว่าไม่มีแฟน ก็แปลว่าเขาไม่เคยผูกพันกับใคร จะไม่มีใครถามเขาด้วย ว่าคบกับใคร ทำไมถึงเลิกกัน มันเหมือนกับย้ำเรื่องราวที่ผ่านมา ที่เขาไม่อยากจะจำเท่าไหร่
     

                    “หึ”
     

                    “ไว้อยากเล่าเมื่อไหร่ก็บอกละกันนะ กูพร้อมฟังมึงเสมอ”
     

                    ชานยอลพูดพร้อมกับที่รถเลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง หลังไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป รอบบ้านมีต้นไม้ปลูกอยู่มากมาย และจัดได้อย่างลงตัวมาก เห็นแล้วสบายตาสุดๆ คิดไม่ผิดจริงๆที่มาเที่ยวบ้านย่าแบคฮยอนแทนที่จะให้แบคฮยอนไปหาเขาที่โซล
     

                    เมื่อรถจอดลงในที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนก็ลงไปช่วยชานยอลถือของเข้ามาในบ้านทันที เพราะย่าของเขรออยู่ก่อนแล้ว แม้ชานยอลจะไม่ค่อยสนิทกับท่านเท่าไหร่ แต่ก็รู้จักท่านอยู่แล้ว และคุณย่าเขาก็ไม่ได้ขัดอะไรแถมยังดีใจซะอีก บ้านจะได้ไม่ค่อยเหงาไปกว่าเดิมด้วย
     

                    ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมซะด้วยและอยู่ในช่วงที่เขาต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัยแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเรียนที่ไหน
     

                    “คุณย่าสวัสดีครับ”
     

                    “ชานยอลเหรอเนี่ย...โตเป็นหนุ่มขึ้นเยอะเลยนะเรา ย่าเกือบจำไม่ได้แหน่” คุณย่าพูดอย่างดีใจ พลางดึงแก้มชานยอลเล่น อย่างเอ็นดูและเพราะความเคยชินที่ทำกับแบคฮยอน ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับยิ้มแย้มขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะความขี้เล่นของคุณย่า
     

                    “ฮ่าๆๆ คุณย่าก็สวยขึ้นนะครับ”
     

                    “แหม..ทำมาชมคนแก่”
     

                    “จริงๆนะครับ”
     

                    “อะแฮ่ม...เหมือนทุกคนจะลืมผมไปเลยนะครับ”
     

                    แบคฮยอนที่ยืนมองอยู่ก็แอบหมั่นไส้ชานยอลที่เอาแต่ยอคุณย่าของเขา ที่ตอนนี้เอาแต่ยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้วเพราะถูกชมจากผู้ชายตัวสูงคนนี้
     

                    “ทำไมอิจฉาล่ะสิ”
     

                    “โอ้ย..อะไรเนี่ย” อยู่ๆ ไอ้บ้าชานยอลก็เข้ามากอดเขาหน้าตาเฉย และไม่ขออนุญาตอะไรเลย คนถูกกอดก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา

                    “ก็กอดไง เพราะกูกอดแต่คุณย่าใช่ป่ะ มึงก็เลยอิจฉา”
     

                    “อย่ามามั่ว กูแค่หมั่นไส้มึงเท่านั้นแหละ ยอคุณย่าอยู่ได้”
     

                    “อ้อ..เหรอ”

                     “เออ ปล่อยกูได้แล้วโว้ย”
     

                    “อะไรแค่นี้ทำมาหวง เมื่อก่อนก็กอดกันออกจะบ่อย”
     

                    “กูยังไม่ชิน ไม่เจอมึงมาเกือบห้าปีแล้วป่ะ” แบคฮยอนว่าพลางดันชานยอลออกจนสำเร็จ แล้วใช้มือแกล้งปัดเสื้อผ้าเหมือนรังเกียจ
     

                    “งั้นก็ทำให้มันชินซะสิ” ชนยอลพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ในฉบับชานยอล เมื่อก่อนก็ไม่เห็นเป็นขนาดนี้หรอก ออกจะขาดความมั่นใจ เดี๋ยวนี้ดูมีความมั่นใจขึ้น หล่อขึ้น สูงขึ้น ทุกอย่างดูดีขึ้นหมดเลยแหละ
     

                    “อย่ามาพูดอะไรที่มันขนลุกได้ป่ะ”
     

                    “เลิกเถียงกันได้แล้วหน่า ไม่เจอกันตั้งนานแทนที่จะพูดกันดีๆ” คุณย่าที่ยืนดูเด็กทั้งสองคนทะเลาะกัน ก็เลยเข้ามาขัดไว้ ก่อนที่จากทะเลาะแค่ขำๆ จะกลายเป็นทะเลาะจริงขึ้นมา
     

                    “ก็คุณย่าดูไอ้ชานยอลดิ มันแกล้งแบคอะ” ได้ทีแบคฮยอนก็ไปอ้อนคุณย่าทันที พร้อมกับเยาะเย้ยชานยอลลับหลังไม่ให้คุณย่าเห็น
     

                    “มันก็ทั้งสองคนนั่นแหละ พอได้แล้ว พาชานยอลเอาของไปเก็บได้แล้วไป สงสัยคงอยากพักผ่อนแล้วแหละ เดินทางมาตั้งไกล แถมขับรถมาเองอีก”
     

                    “ครับบบ เป็นห่วงกันจังนะ”
     

                    “แบคฮยอน” คุณย่ากดเสียงต่ำเมื่อแบคฮยอนยังเอาแต่เล่นอยู่แบบนี้
     

              “ครับๆๆ มึงนอนกับกูนะเว้ย พอดีบ้านนี้มีสองห้องหว่า ถ้านอนไม่ได้ก็นอนโซฟาข้างล่างนี้ละกัน”
     

                    “ทำไมจะนอนไม่ได้วะ เมื่อก่อนก็นอนด้วยกันออกจะบ่อย”
     

                    “เออๆๆ ไม่ต้องยิ้มแบบนั้นได้เปล่า แปลกๆหว่า”
     

                    “ทำไมเหรออ” ไม่พูดเปล่าชานยอลยังเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้น ยิ้มที่แบคฮยอนคิดว่าเจ้าเล่ห์ที่สุด
     

                    “ช่างมึงเหอะ”
     

          เมื่อขี้เกียจเถียงแบคฮยอนก็ได้แค่บอกปัดๆไป แล้เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน เดินไปฝั่งซ้ายมือก็จะเป็นห้องนอนของแบคฮยอน และแน่นอนว่าฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้องของคุณย่าเขา เผื่อมีอะไรฉุกเฉินแบคฮยอนแบคฮยอนจะได้มาช่วยง่ายๆหน่อย จะมีบางครั้งที่เขามานอนกับคุณย่าบ้าง เพราะรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก หรือแม้กระทั่งตอนที่พึ่งอกหักมาก็ตาม


     

    ลงแค่นี้ก่อนละกันเนาะ
    ช่วงนี้คิดพลอตได้หลายเรื่องมาก
    แต่ไม่เคยจบซักเรื่องเพราะตันก่อนอะ TT
    แต่จะพยายามแต่งให้จบในทุกๆเรื่องนะคะ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×