คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 7Days : kai x sehun - III (The past)
7Days
KAI x SEHUN
เนื้อหาในฟิคเรื่องนี้ไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับความจริงแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ผู้แต่งคิดขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
3
น้ำทะเลสีฟ้าครามทรายขาวละเอียดลมทะเลที่พัดผ่านมาเบาๆทำให้ผู้ที่มาเที่ยวนั้นไม่รู้สึกร้อนจนเกินไปในเวลาบ่ายแก่ๆของวันนี้
นักท่องเที่ยวมากมายต่างกำลังสนุกสนานกับกิจกรรมที่สามารถทำได้ในการมาเที่ยวทะเลบ้างก็เล่นน้ำกันเป็นกลุ่ม บ้างก็เล่นเครื่องเล่นยอดฮิตกันตามประสา บ้างก็ก่อปราสาททรายเก็บหอยขุดหลุมอะไรก็ว่ากัน รวมถึงการอาบแดดที่ดูจะเป็นเมนหลักของชายหาดเมื่อนึกถึงสาวๆใส่บีกินี่นอนอาบแดดไม่แคร์สายตาประชาชีอวดทรวดทรงกันไปตามอัธยาศัย
ส่วนผู้ชายกลุ่มนี้...
ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่มาเที่ยวทะเลธรรมดาสังสรรค์กับเพื่อนตามประสาวัยรุ่นที่มักจะนัดกันมาเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่เพื่อสร้างความทรงจำดีๆในช่วงวัยที่สามารถสนุกสนานไปกับชีวิตได้อย่างเต็มที่
“หิวว่ะ พวกมึงสั่งของมาแดกดิ้!”
“กูอยากเล่นน้ำ!”
“ป้าๆกุ้งสองจาน!”
“นาอึนไปเก็บหอยกัน!”
เสียงโหวกขึ้นจากเพื่อนในกลุ่มหลังจากที่พวกเขาขับรถกับมาถึงทะเลแห่งนี่เมื่อเดินลงจับจองโต๊ะผ้าใบได้ครบทุกคนแล้ว สงครามความต้องการการของแต่ละคนก็เกิดขึ้น
“โหวกเหวกชิบหาย” เสียงทุ้มของปาร์คชานยอลเอ่ยขึ้นเบาๆเพราะความวุ่นวายของเพื่อนเกือบสิบชีวิต มือก็หยิบน้ำของไอเพื่อนข้างๆที่รินไว้แล้วหันไปแย่งกุ้งกับเพื่อนอีกคน
“ก็บ่นไป มึงเป็นคนเสนอให้มาเองไม่ใช่เหรอ” คนที่โดนกล่าวหาหันไปตามต้นเสียงที่นั่งอยู่ริมสุดข้างๆเขา เพื่อนผิวสีแทนที่กำลังวุ่นวายกับกล้องโปรของตัวเองอยู่
“เออกูก็บ่นเฉยๆ.. อ้าว แล้วนั่นมึงจะไปไหนวะน่ะ” ชานยอลเอ่ยถามขณะที่เขากำลังพูดอยู่เพื่อนตัวดีก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับเดินลงไปทางชายหาด
“ว่าจะไปเดินเล่นหน่อยว่ะ”
“เดินเล่นหรือส่องสาวบีกินี่ครับมึง” ชานยอลพูดพร้อมกับใบหน้ากวนประสาทก่อนจะได้รับคำด่าสั้นๆมาเป็นรางวัลที่รู้ทัน คิมจงอิน
“ส้นตีน”
.
ร่างหนาผิวสีแทนกับเสื้อกล้ามอวดมัดกล้ามเนื้อแลดูสุขภาพดีพร้อมกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม พร้อมกับกล้องในมือ
คิมจงอิน นักศึกษาปี2 ของมหาวิทยาลัยธรรมดาๆในเกาหลี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะที่ขึ้นชื่อว่าเรียนโหดงานหนักถ้าไม่มีใจรักไม่อึดไม่ถึกไม่ทนและไม่แกร่งจริงคงเรียนไม่รอด
คนผิวคล้ำยกลำกล้องหรี่ตาข้างหนึ่งแล้วจรดดวงตาอีกข้างมองภาพในเฟรมที่ปรากฏทิวทัศน์ท้องทะเลสวยงามก่อนจะกดชัตเตอร์ แล้วทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเพราะบรรยากาศและเสียงสีในเวลานี้มันชวนให้เขาเผลอกดชัตเตอร์ถ่ายภาพมานับสิบ
ในขณะที่เจ้าตัวกำลังจรดสายตาลงเพื่อบันทึกภาพชายหาดอยู่นั้นในจังหวะที่เขากดชัตเตอร์ก็มีร่างหนึ่งติดเข้ามาในเฟรมทำให้จงอินผละออกมาดูภาพที่เขาถ่ายได้เมื่อกี้พอดิบพอดี
ภาพผู้ชายร่างโปร่งบางผิวขาวจัดในชุดเสื้อยืดลายทางสีสดใสกับกางเกงขาสั้น สวมแว่นที่รับเข้ากับใบหน้าหวานนั้นกำลังเดินมาหยุดอยู่ในเฟรมกล้องเขาพอดี
จงอินเงยหน้ามองร่างโปร่งบางที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมท่าทางสดใสของอีกฝ่ายพร้อมกับรอยยิ้มถูกอกถูกใจแบบนั้นทำให้อดไม่ได้ที่เขาจะต้องยกลำกล้องขึ้นมาถ่ายรูปคนตรงหน้าเอาไว้
โดดเด่นและดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด
ท่าทางไม่อยู่สุขลุกลี้ลุกลนนั้นทำให้จงอินต้องยกยิ้มขึ้นมา ดูท่าทางว่าอีกฝ่ายจะตื่นเต้นกับผืนทะเลสีครามที่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ทั้งยังการที่ค่อยๆเดินเข้าไปหาคลื่นแต่พอมันซัดมาหาก็วิ่งหนีออกมาซะอย่างนั้น พอคลื่นนั้นดันตัวกลับไปนิ่งเจ้าตัวก็มายืนด้อมๆมองๆอย่างกับคนกลัวน้ำยังไงอย่างงั้น
น่ารัก..
คนเพ้อเจ้อสะดุ้งเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ แล้วไอคำว่าน่ารักที่ลอยอยู่ในหัวนั่นมันอะไรกันวะ ก่อนจะต้องยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“เห้ย หอยนี่หว่า!” คนตัวบางอุทานออกมาเสียงดังจนจงอินที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินแล้วต้องขมวดคิ้วกับอีกคนที่ทำท่าจะก้มลงเก็บเปลือกหอยบนพื้นทรายตรงหน้า
อะไรคืออาการตื่นเต้นไปซะทุกอย่างของอีกฝ่ายกัน
นี่มึงไม่เคยเห็นหอยมาก่อนในชีวิตหรือยังไง
“โอ๊ะ!”
ก่อนเสียงอุทานเบาๆดังตามมาพร้อมกับแว่นที่หลุดจากดั้งสวยเพราะการที่ก้มหน้าลงมากเกินไปจนทำให้มันหล่นกระเด็นมาไกลจากระยะที่คนตัวขาวนั้นยืนพอสมควร
จงอินลอบมองท่าทางของอีกฝ่ายก่อนจะต้องยกยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อคนที่หวังจะคว้าเปลือกหอยเมื่อครู่ ได้เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นคลำหาแว่นที่หล่นหายซะแล้ว
“คนอะไรวะ ซนแล้วยังซุ่มซ่ามอีก”
พึมพำกับตัวเองพร้อมกับขายาวที่ก้าวเดินไปข้างหน้าเป้าหมายคือแว่นรูปทรงดูดีก่อนจะก้มตัวลงหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินไปหาร่างที่ดูเหมือนคนตาบอดก็ไม่ปาน
หยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งยองๆแล้วใช้มือคลำพื้นทรายอยู่แบบนั้นผมสีทองจนเกือบขาวของอีกฝ่ายที่พัดไปตามลม ดวงหน้าหวานค่อยๆเงยหน้ามองอย่างสงสัยเมื่อรับรู้ถึงบุคคลที่มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องหยัดตัวขึ้นเต็มความสูง ภาพตรงหน้าพร่ามัวจนเซฮุนไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แม้จะไล่สายตามองตั้งหัวจรดเท้าแล้ว
“คุณ..”
ไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามออกไปก็โดยมือปริศนาดันคางให้เงยหน้าพร้อมกับภาพที่ค่อยๆชัดเจนขึ้น
อา..แว่น
เมื่อภาพตรงหน้าชัดเจนจนเซฮุนประมวลได้ว่าคนตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาแบบไหนพร้อมกับว่าเมื่อครู่เขาพึ่งโดนคนแปลกหน้าสวมแว่นให้ อยู่ๆดวงหน้าก็ร้อนขึ้นมาซะอย่างงั้น
“เอ่อ.. ขอบคุณครับ” แต่ก็ยังมีจิตสำนึกในการเอ่ยขอบคุณ ผู้มีน้ำใจที่คิดเอาเองว่าคงช่วยหาแว่นมาคืนให้เขา
“วันหลังก็อย่าทำตกอีกล่ะคุณ”
“ผมจะระวังนะครับ แฮ่ๆ” เสียงหวานตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มแหยๆแต่ก็ต้องทำให้คู่สนทนานิ่งไป
อื้อหือ.. ตาแม่งหายเป็นสระอิเลยวุ้ย
น่ารักอีกแล้ว...
กว่าจะได้สติร่างบางที่ขโมยสติของเขาไปก็หันหลังเดินไปเสียแล้ว ไวกว่าความคิดสองขายาวก็ก้าวเร็วๆแล้วเดินไปดักหน้าคนหน้าที่ชะงักเท้าแล้วเอียงคอมองมาที่เขาอย่างตั้งคำถาม
มึงจะเอียงคอทำไม...
“ถ้าคุณมีเวลา สนใจมาเป็นนายแบบให้ผมถ่ายรูปไหมครับ?”
.
กรุ๊งกริ๊งๆ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านหนังสือเล็กดังขึ้นก่อนร่างหนาสมส่วนจะก้าวเข้ามาในร้าน ก่อนจะย่างก้าวเข้าไปยังโซนขายหนังสือลายเส้นเกียวกับวิชาที่ตนเรียนอยู่ ร้านหนังสือเล็กๆแห่งนี้เป็นร้านหนังสือแถวๆมหาลัยของเขา
มือกร้านไล้มือไปตามสันหนังสือก่อนจะหยิบออกมาพิจารณาและเก็บมันเข้าที่เดิมอยู่นานสองนานกว่าจะได้เล่มที่ต้องการซื้อ
จงอินผิวปากเบาๆคลอไปตามเพลงที่เปิดคลอในร้านนี้ แล้วก้าวเดินไปยังโซนหน้าร้านที่มีนิตยสารต่างๆวางเรียงรายกันอยู่
จงอินหยิบนิตยสารเกี่ยวกับภาพวิวและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆขึ้นมาเปิดดูอย่างตั้งใจตามประสาคนที่สนใจในการถ่ายภาพและชอบเที่ยวเป็นต้นทนอยู่แล้ว
เพลิดเพลินจนไม่ได้สนใจว่ากระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างโปร่งบางที่คนผิวเข้มต้องการที่จะพบเจอที่สุดในตลอดหลายสัปดาห์
ตั้งแต่ไปเที่ยวทั้งทะเลครั้งนั้น...
เซฮุนเดินตรงไปยังแผงนิตยสารทันทีโดยไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ด้านข้างที่ก้มหน้าก้มตาแทบฝั่งลงไปกับหน้าหนังสือ ก่อนมือเรียวจะเอื้อมหยิบเล่มที่เกี่ยวกับแฟชั่นขึ้นมาแต่เป็นเพราะมันโดนทับอยู่ตอนที่ถึงออกมาจะทำให้หนังสือที่อยู่ก่อนหน้าร่างตกลงจากแผง
“ชิบหายละ”
คนตัวขาวครางออกมาอย่างหงุดหงิดกับตัวเองก้มลงเก็บหนังสือที่กระจายอยู่เต็มพื้นก่อนที่จะรู้สึกถึงคนที่ก้มลงมานั่งช่วยเก็บหนังสือให้จนหมดแล้วลุกขึ้นยืนขึ้นพร้อมกัน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้เงยหน้าสบตากันทั้งคู่แล้ว
“คุณ!/คุณ!”
ทั้งคู่อุทานออกมาพร้อมกันก่อนจะหัวเราะออกมา หลังจากที่คนผิวสีแทนได้ชวนและลากคนหน้าตาน่ารักไปเป็นนายแบบจำเป็นให้ มันทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยที่เข้ากับคนง่ายเกินไปทั้งหัวเราะง่ายยิ้มง่ายจนเขาเองยังเผลอยิ้มและหัวเราะตาม
ร่าเริงและสดใส..
จริงๆ คิมจงอิน ชอบถ่ายรูปวิว ไม่ได้จำเป็นเลยที่จำต้องมีนายแบบ แต่กับคนตรงหน้าเป็นข้อยกเว้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
หลังจากแยกย้ายกับในเวลาต่อมาเพราะเพื่อนของคนน่ารักโทรมาตามอีกคนจึงขอตัว โดยเราทั้งคู่ก็ไม่ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองเลยแม้กระทั่งชื่อ ในตอนนั้นสำหรับเขาคิดว่าก็แค่คนที่รู้สึกถูกชะตาและโดดเด่นในรูปภาพของเขาเท่านั้น แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทุกวันเขาต้องนั่งมองรูปภาพเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมารูปภาพที่มีเจ้าของใบหน้าน่ารักและรอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่ในนั้น และก็ไม่รู้ตัวอีกเหมือนกันว่าเขาตั้งมันเป็นเดสท็อปคอมพิวเตอร์ตัวเองเมื่อไหร่ทั้งยังอัดรูปออกมาแล้วแปะไว้ที่ฝาผนังตั้งแต่เมื่อไหร่
อยากจะตบกบาลตัวเอง ที่ปล่อยเรื่องราวของคนๆนั้นให้ผ่านไปแล้วคิดแค่ว่าเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆก็พอ แต่มันไม่ใช่.. มันไม่พอแล้วในตอนนี้ ไม่อยากจะยอมรับว่าเขาหลงใหลกับใบหน้าทั้งยังรูปร่างผอมบางนั้น ก็แค่รู้สึกว่าอยากเจออีกครั้งตลอด ถ้าได้เจออีกคงดี
และตอนนี้คนๆนั้นก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขาแล้ว
“เอ่อ..” เซฮุนครางออกมาเบาๆอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่อคนตรงหน้าเอาจ้องมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มแบบนั้น
“รู้ไหมครับ ว่าคนเราเจอกันโดยบังเอิญหลายครั้งแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร” จงอินยกยิ้มพร้อมกับทอดสายตาขี้เล่นส่งไป ก่อนคนได้ฟังจะเอียงคอมองอย่างไม่เข้าใจ
“เรียกว่าอะไรครับ?”
“ครั้งแรกเรียกว่าบังเอิญนั่นแหละครับ แต่ครั้งที่สอง...” จงอินลากเสียงยาวก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆคนน่ารักที่แก้มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อเรียบร้อย
“เรียกว่าพรหมลิขิตน่ะครับ” หลังพูดจบเสียงทุ้มก็หัวเราะในลำคอเบาๆ รวมทั้งคนที่ได้ยินก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างอัตโนมัติ
รู้สึกเหมือนแก้มตัวเองจะแตกยังไงก็ไม่รู้สินะ...
“ผมว่าเราต้องรู้จักกันแล้วล่ะนะ” ดวงตาพราวระยับตรงหน้าทำให้เซฮุนรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่มีเสน่ห์เอามากๆทั้งน้ำเสียงแบบแววตาเจ้าเล่ห์นั่น
รู้เลยว่าเจ้าชู้แน่ๆ...
“ผมคิมจงอิน เรียนสถาปัตย์ ปี2 อยู่ที่มหาวิทยาลัยM คุณล่ะครับ?” จงอินได้แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขาได้เจอคนตรงหน้าอีกและสัญญาว่าจะไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป
“ผมโอเซฮุน เรียนศิลปกรรม ปี1 ที่มหาวิทยาลัยS ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ.. พี่จงอิน” เสียงหวานเอ่ยตอบมาด้วยรอยยิ้ม และนั่นก็ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกหวิวที่หัวใจได้เป็นอย่างดี
ใครใช้ให้เรียกชื่อพี่เสียงหวานแบบนั้นครับ น้องเซฮุน...
และวันนั้นก็เป็นวันที่คิมจงอินเริ่มต้นรับโอเซฮุนเข้ามาในชีวิต
.
อกหัก..
คนอย่างคิมจงอินพึ่งทำความรู้จักกับความรู้สึกนี้ได้ไม่นาน ไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนที่อยู่ไปวันๆใช้ชีวิตเรื่อยๆอย่างเขากลายเป็นคนบ้าได้ขนาดนี้
“เบาๆมึงไอเหี้ย.. เหล้านะไม่ใช่น้ำเปล่า!” เสียงปรามจากเพื่อนคนเดิมไม่ได้ทำให้จงอินหยุดกระดกแก้วสีอำพันตรงหน้าได้ หนำซ้ำยังรินเหล้าลงในแก้วเดิมพร้อมกับยกกระดกเพียวๆจนชานยอลและเพื่อนคนอื่นมองด้วยสายตาอ่อนใจ
เหล้ากับน้ำแข็ง พ่อง.. เปลือง!
“มึงอกหักก็ไม่จำเป็นต้องทำงี้ป่ะวะ” เสียงแทมินเอ่ยขึ้นหลังจากมองเพื่อนที่เอาแต่นั่งเงียบกระดกเหล้าเอาๆ ไอเขาก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรมากมายเพียงแต่ใจความหลักๆคือ เพื่อนสุดหล่อเสน่ห์แรงของเขานั้นโดน หักอก โดย คนน่ารักที่ชื่อว่า โอ เซฮุน
ไอตอนที่ได้ยินก็รู้สึกอึ้งอยู่หน่อยๆเพราะสองคนนี้เท่าที่เห็นก็ดูรักกันดี ถึงไอจงอินจะไม่ได้เอ่ยแนะนำออกมาเต็มปากว่าเป็นแฟนแต่สายตาและการกระทำของมันที่ปฏิบัติแก่คนเด็กกว่านั้นมันบ่งบอกได้ว่า ไอ้เหี้ยนี่กำลังตามจีบ ตามเอาใจราวกับน้องเขาเป็นนกน้อยในกรงทอง จนน่าหมั่นไส้ซึ่งผิดวิสัยคนอย่างมันสุดๆ ส่วนเซฮุนที่เขามีโอกาสได้พบเจอสองสามครั้งก็ต้องยอมรับว่าน่ารัก ร่าเริง ชวนให้ยิ้มตามจริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนตัวดำมันถึงหลงนักหลงหนา
ถึงดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีใจให้เพื่อนของเขาเหมือนกันแต่อย่างว่าคนน่ารักมักใจร้ายเพลงเขาบอกไว้
“พอแล้วมั้งมึงเมาแล้วนะ” คนตัวสูงที่สุดเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติของเพื่อนถึงแม้มันจะเงียบไม่ยอมพูดจาแต่หน้ากับแววตามันนี่ไปแล้ว
ชานยอลหันไปส่งซิกกับเพื่อนอีกคนเพื่อจัดการลากไอคนติสท์แตกกลับหอมันได้แล้ว ขืนอยู่ต่อมีมันคงกินจนมะเร็งถามหาในคืนเดียวแน่ๆ
“ไม่ต้องมายุ่งกับกูหน่า!” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะดันแขนของเพื่อนทั้งสองข้างที่พยายามจะหิ้วปีกเขาขึ้นอย่างรำคาญ
“มึงเมาแล้วนะ” แทมินเอ่ยเสียงอ่อยเขารู้ว่าจงอินโหมดดาร์กมันน่ากลัวแค่ไหน เจ้าคนเมาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพียงแค่ปรายตามองเพื่อนๆที่ทำหน้าลำบากใจกันอยู่
ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะ
“จงอิน มึงจะไปไหน?” ชานยอลเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ห้องน้ำ” ตอบแค่นั้นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างที่บอกไป
ร่างหนาผลักบานประตูห้องสุขาให้เปิดออก ต้องใช้พยายามๆอย่างมากในการจดจ่อในแต่ละสิ่งอย่างที่เขาทำ เขารู้ตัวว่าตัวเองนั่นเมามากแล้ว เมาคนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาแค่อยากดื่มให้ลืมภาพที่มันตามมาหลอกหลอนเขาตั้งแต่เมื่อเย็น ภาพของเซฮุนที่กำลังหัวเราะร่าอยู่กับผู้ชายคนอื่น แถมยังดูมีความสุขมากๆอีกด้วย จงอินเค้นหัวเราะออกมาในลำคอเท้าแขนลงกับอ่างล้างหน้าอย่างหมดแรง
เจ็บจี๊ดที่หัวใจเมื่อยามนึกถึงภาพนั้น...
เขาจะไม่แย่ขนาดนี้ถ้าก่อนหน้านั้นเซฮุนไม่ปฏิเสธนัดเขาแล้วเอ่ยว่าวันนี้มีเดท ประโยคชัดถ้อยชัดคำที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากสวยน่าสัมผัสนั้นทำให้ผู้ชายอย่างเขาทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ก็ยังดีที่ร่างบางไม่ได้หันมาสนใจอะไรเขาเท่าไหร่นักแล้วเดินจากไป แค่นั้นว่าแย่แล้วใช่ไหมแต่ก็ยังไม่พอเหมือนสวรรค์ต้องการตอกย้ำเขาให้เข้าใจ ภาพก่อนที่บอกร่างสองร่างดูเหมาะสมกันดีเกินไปจนเขาแทบอยากจะหายไปจากตรงนั้น ได้แต่โทษตัวเองที่เสร่อติสท์มาเดินซื้อดินสอเขียนแบบในวันนี้
จบลงด้วยการที่มานั่งย้อมใจอยู่ตรงนี้ ซึ่งเขาไม่เคยเข้าใจพวกที่อกหักแล้วต้องมาอัดเหล้าเข้ากระแสเลือด แต่พอได้มาลองทำก็เข้าใจ
“หึ” ได้แค่หัวเราะกับความโง่เง่าของตัวเอง ก่อนจะควักเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมากดโทรออก
ตอนนี้เขาไม่สามารถหาเหตุผลในสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ และเขารู้ดีว่ามันโง่เง่าสิ้นดี...
แต่จะทำยังไงได้เพราะตอนนี้ร่างกายของเขามันยากที่จะควบคุมได้.. รู้อย่างเดียวคือแค่อยากได้ยินเสียง
เซฮุน..
‘พี่จงอิน’ น้ำเสียงติดจะงัวเงียลอดเข้ามาให้ได้ยิน จนคนเมาหัวใจสั่นคลอนอย่างห้ามไม่อยู่ สติสตางค์เริ่มเลือนหายไปทีละน้อย
“...” มีเพียงเสียงที่ดนตรีที่ดังจากด้านนอกเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหวในตอนนี้จงอินแต่ยืนเบลอฟังเสียงหวานที่เอ่ยเรียกตนซ้ำๆ
‘โทรมาไม่พูด ผมวางแล้วนะครับ’ เซฮุนกรอกเสียงลงไปติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย ปลุกเขาตื่นมาดึกดื่นแต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำเนี่ยนะ
“ด..เดี๋ยวๆ” เสียงแหบพร่าเปล่งออกไปตามสัญชาตญาณ แม้สติในตอนนี้ของเขาจะเหลือไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นก็ตามที
‘…’
“ทำไมใจร้ายกับพี่แบบนี้วะ ..หักอกพี่แบบนี้ได้ยังไง” ถ้อยคำตัดพ้อจากจงอินทำให้คนฟังเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมหนักเข้าไปอีก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร เขาไปทำอะไรให้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
‘พี่พูดอะไรของพ..’ ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องชะงักเมื่อปลายสายสวนขึ้นต่อจากประโยคเมื่อกี้ราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขายังไงอย่างงั้น แต่นั่นก็ต้องทำให้คนโดนระรานอ้าปากค้างด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม
“ทั้งๆที่พี่ชอบเรามากขนาดนี้แท้ๆ”
TBC.
ขอโทษที่ช้า ขี้เกียจล้วนๆ อิอิ
ย้อนอดีตกันหน่อย.. อิอิ
#ไคฮุนเจ็ดวัน
ความคิดเห็น