ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO :‹ 7Days ›: KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #3 : 7Days : kai x sehun - II

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 57


    7Days

    KAI x SEHUN

    เนื้อหาในฟิคเรื่องนี้ไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับความจริงแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ผู้แต่งคิดขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

    ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

    2

     

            ถ้าได้เริ่มอะไรสักอย่าง หวังจะให้มันออกมาดีที่สุด

                ร่างโปร่งรู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแสงรอดเข้ามายามเช้า ดวงอาทิตย์สีส้มก้อนโตโผล่พ้นขอบทะเลขึ้นมาอย่างสวยงาม คนตัวขาวหรี่ตาลืมขึ้นพร้อมปรับโฟกัสภาพให้ชัดขึ้น ยกใบหน้าขึ้นก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อมีหมอนใบโตวางกั้นแก้มเอาไว้ ทั้งผ้านวมที่คลุมไว้ที่ไหล่ มองที่โน๊ตบุ๊คถูกพับเก็บวางเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะเช่นเดียวกับหัวของเขา

                จำได้ว่าเขาอยู่ทำงานจนดึก

                และก็จำไม่ได้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน  

                แต่ผ้าห่มผืนนี้คงเป็นฝีมือของสถาปนิกร่วมห้องอย่างไม่ต้องสงสัย รู้สึกอุ่นในใจขึ้นมาหน่อยๆ

     

                    คนตัวขาวที่ยังงัวเงียยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องที่ไม่มีวี่แววของผู้ร่วมห้องชั่วคราวอย่างคิมจงอิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆแล้วเซฮุนอยากเห็นหน้าอีกฝ่าย

                อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง คำพูดที่เขาเอ่ยออกไปเมื่อคืน

                นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากพูด พูดเพื่อเป็นเกราะป้องกันความรู้สึกของตัวเขาเอง

               

                ส่ายหัวกับความคิดเรื่องไร้สาระ ถอนหายใจยาวๆอย่างเหนื่อยล้า ก่อนดวงตาเรียวจะสะดุดเข้ากับแก้วใบเดิมที่บรรจุนมอยู่ในนั้นเต็มแก้ว เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิดเพี้ยน พร้อมดาษแผ่นเล็กที่ถูกทับอยู่ใต้แก้วใบนั้น

                มือขาวหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนที่หัวใจจะกระตุกและเต้นผิดจังหวะ

                ถึงตอนนี้คุณจะชอบดื่มกาแฟ แต่ยังไงคุณก็เหมาะกับนมอุ่นๆมากกว่านะครับ

               

                แม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแต่เซฮุนก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับการกระทำของอีกฝ่ายที่ยังคงใส่ใจ และจดจำเรื่องราวของเขาได้

                แต่มันไม่ควร..

                เซฮุนไม่ควรจะรู้สึกอะไรทั้งนั้น

               

                “ถ้าคุณไม่รีบดื่มมัน และเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวคุณจะสายนะครับ”

                เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่เหนือหัวพร้อมกับจานที่ใส่แซนวิชไว้สองชิ้นวางลงตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็ต้องพบกับรอยยิ้มเดิมที่เขาเคยชอบ

                รอยยิ้มที่รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เขาได้มองมัน

                “ชิบหายละ” ร่างโปร่งครางออกมาเบาๆเมื่อแหงนมองนาฬิกาบนผนังบ่งบอกว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาที่ต้องออกไปตรวจชมรีสอร์ทที่เหลือ

                “ขอบคุณคุณมากนะครับ”

    เซฮุนลุกขึ้นหยิบโน๊ตบุ๊คหนีบกับแขนแล้วเอื้อมมือหยิบนมกับจานแซนวิชติดมือมาแล้วสาวเท้าเร็วๆเข้าไปในห้อง แม้ตอนกล่าวขอบคุณเขาก็ไม่กล้าสบตาจงอินตรงๆสักที

                เพราะเหมือนว่านัยน์ตาของผู้ชายคนนั้นมีอะไรบางอย่าง ที่มักจะทำให้หัวใจของเซฮุนวูบโหวงลงไป

                แววตาอ่อนโยนที่เหมือนกับเมื่อเจ็ดปีก่อน..

                หรือส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคำพูดเมื่อคืนของเขาที่ทำให้ทำตัวไม่ถูกแล้วยิ่งอีกฝ่ายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ยิ่งละอายใจ

    แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาก็ต้องรักษาความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ถลำลึกลงไปกับเรื่องราวในอดีต

     
     

    .

     

     

                “สำหรับเรื่องพนักงานผมได้ติดต่อกับทางบริษัทไว้แล้ว อีกสองอาทิตย์พนักงานคงได้มาทดลองงานกัน” ชายมีอายุเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มให้กับตัวแทนประธานบริษัทใหญ่

                คนตัวขาวพยักหน้ารับพลางมองเอกสารรายละเอียดต่างๆที่วางอยู่บนโต๊ะ ผู้ร่วมสนทนาสองสามคนลุกออกไปจากโต๊ะโดยที่ร่างโปร่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตาคมยังคงกวาดมองแผ่นกระดาษที่เป็นรายละเอียดที่ได้รับคำอธิบายอย่างทะลุปรุโปร่งและลงตัวดีแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมลุกไปไหน

    ถึงจากนี้เขาจะว่างและไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเหลือแค่เข้ามาเช็คระบบประปาวันมะรืนเท่านั้น

    แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามาคนกำลังจ้องตัวเองอยู่

     

    สิ่งแรกที่เซฮุนมองเห็นคือรอยยิ้มที่เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดที่จะกวนประสาทเขาอยู่ คนๆเดิมที่ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนตลอดทั้งวัน

    ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพูดจาไม่ดีใส่อย่างไร้เยื่อใยแท้ๆ

    และก็เป็นตัวเองที่ต้องมานั่งรู้สึกอึดอัดและคิดถึงแต่เหตุการณ์เมื่อวานซ้ำไปซ้ำมา

    “ไปกัน” ประโยคสั้นๆหลุดออกมาหลังจากที่พวกเขาจ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่งด้วยสีหน้าที่อีกคนยืนเท้ามือกับเก้าอี้ยกยิ้มมุมปากแต่นัยน์แววตามีประกายสนุกสนานอยู่ในนั้น กับอีกคนที่นั่งขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับแววตาสงสัย

    “อะไรของคุณ” คนตัวขาวมุ่นคิ้วหนักกว่าเก่ากับคำพูดสั้นๆไม่ได้ใจความของอีกฝ่าย

    “ว่างแล้วไม่ใช่เหรอครับ และนี่มันก็เย็นแล้ว”

    “ถ้าจะชวนกลับโรงแรมคุณก็ไปก่อนเลยเดี๋ยวผมกลับเอง” ร่างบางถอนหายใจเบาๆก่อนจะหลบสายตาหนีการเผชิญหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกแปลกๆกับสายตาของคนตรงหน้า

    “หัวรั้น”

    เสียงทุ้มเอ่ยติดังขึ้นเหนือหัวไม่ทันที่คนโดนกล่าวหาจะได้เงยหน้าขึ้นมาแสดงสีหน้าไม่พอใจส่งไป ขายาวของคนแก่กว่าก็เดินมาทางด้านข้าง รวบเอากระดาษเอกสารมากมายมาไว้ในมือก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเอกสารที่วางอยู่ข้างคนตัวขาว เปิดซิบแล้วยัดมันเข้าไปอย่างลวกๆ

    คนที่โดนมัดมือชกได้แต่มองอย่างงงๆ อ้าปากค้างอย่างคิดไม่ทันว่าควรจะใช้คำพูดอะไรมาด่าทอคนเผด็จการตรงหน้า

    นี่เขาลืมนิสัยเอาแต่ใจของจงอินไปได้ยังไงกันนะ

    “คุณ!

    เปล่งเสียงออกมาได้แค่นั้นแขนเรียวของเขาก็ถูกคว้าดึงให้ยืนขึ้นแรงลากของอีกฝ่ายมากมายจนต้องเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากร่างตรงหน้าอีก ไม่ว่าเซฮุนจะเรียกหรือขัดขืนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม

    สุดท้ายร่างบางก็ต้องยอมเดินตามแรงจูงไปขึ้นรถจนได้

     

    “ผมยังอยากเช็คงานให้มันเรียบร้อย” เซฮุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับใบหน้าติดจะไม่พอใจเล็กน้อยหลังจากขับรถออกมาได้สักพัก

    “ทำไมคุณถึงต้องลากผมมาแบบนี้ด้วย” น้ำเสียงไม่พอใจยังดังมาอย่างต่อเนื่องในเมื่อเขารู้สึกหงุดหงิดที่อยู่ๆก็โดยลากออกมาทั้งๆที่เขายังอยากจะเช็คงานให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีข้อผิดพลาดจริงๆ

    “ผมหิว” 

    “ห๊ะ!?”

                ร่างหนาถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองอีกคนที่เลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงว่าข้องใจกับคำพูดของเขาเสียเต็มประดา

                “ผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า” ตั้งแต่ลงไปเอาแซนวิสให้เซฮุนตอนเช้าเขาก็ไม่ได้กินอะไรเลยคงเป็นเพราะคำพูดเมื่อวานที่พาลทำให้เขาไม่อยากอาหารในเช้าวันนี้

                “แล้วเมื่อเช้า..”

                “การที่จะไปทานข้าวกับสถาปนิกมันคงไม่เสียหายอะไรมากมายหรอกนะครับ..ท่านประธาน” จงอินยักไหล่ก่อนจะพูดเหยียดยาวจนคนตัวขาวทำได้แต่กระพริบตาปริบๆแล้วถอนหายใจ เบนหน้าออกไปมองด้านข้างกระจกแทนก่อนจะพูดเสียงเบาแต่ก็ดังพอที่คนขับรถจำเป็นจะได้ยินมันชัดเจน

                “ผมอยากกินอะไรอุ่นๆ”

               

    .

     
     

               

                เซฮุนกำลังก้มมองชามบะหมี่ชามใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมออกมาจนชวนให้รู้สึกว่าน้ำย่อยในกระเพาะกำลังทำงาน ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากท้องฟ้าสีส้มเริ่มถูกกลืนจนค่อยๆกลายเป็นสีหม่น

                ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงด้านหน้าเมื่อชามบะหมี่เสิร์ฟลงตรงหน้าของผู้ที่ร้องขอให้เขามาเป็นเพื่อน ดวงหน้าเข้มยกยิ้มพร้อมค้อมหัวให้ลุงท่าทางใจดีเจ้าของร้านบะหมี่รถเข็น ถูกแล้ว.. ร้านที่พวกเขากำลังมากินเป็นเพียงร้านบะหมี่ข้างถนนเท่านั้น

                ซึ่งคนตัวขาวก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะไลฟ์สไตล์ของคนตรงหน้าก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

                ตัวเซฮุนเองก็แทบจะลืมบรรยากาศแบบนี้ไปแล้ว

               

                “นี่” ไม่รู้ว่าจิตใจตัวเองลอยไปอยู่ที่ไหนแต่ภาพตรงหน้ายังคงเห็นชัดเป็นคนๆเดิมกับเมื่อเจ็ดปีก่อน เสียงเรียกทำให้คนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกระพริบตาปริบๆ

                ตะเกียบที่ถูกหักออกจากกันแล้วยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางๆนั้น เซฮุนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองหัวใจกระตุกไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขอบคุณออกไปเบาๆแล้วรับตะเกียบคู่นั้นมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก้มหน้าลงคีบเส้นเข้าปากหลบสายตาคนแก่กว่าที่ยังคงมองคนที่ก้มกินบะหมี่จนหัวแทบมุดลงไปในชาม

                จงอินยกยิ้มก่อนจะหันมาจัดการกับบะหมี่ตรงหน้าบ้างพร้อมกับลอบมองคนตัวขาวที่ดูชอบใจกับบะหมี่ตรงหน้าเป็นพักๆ

                เขากำลังรู้สึกว่าความรู้สึกเก่าๆมันกำลังกัดกินหัวใจของเขา ตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขจริงๆ  

                ไม่เปลี่ยน.. เซฮุนน่ารักไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

               

                “ยังไม่กินผักอยู่อีกเหรอ?” จงอินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างบางที่ก้มหน้าก้มตากินเส้นบะหมี่เมื่อครู่เริ่มค่อยๆเขี่ยผักสีเขียวที่ลอยอยู่ในชาม

                คนที่ถูกเอ่ยถามชะงักก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่ทำหน้านิ่ง คนแก่กว่าอีกฝ่ายจะถอนหายใจแล้วเอื้อมมาตักผักในชามของเขาไปไว้ในชามตัวเอง

                “กินผักบ้างก็ดีนะครับ ตัวซีดขนาดนี้เดี๋ยวจะเป็นโรคเอานะ”

                น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเอ่ยมาอีกระลอกเซฮุนกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆมากมายที่อีกฝ่ายทำให้อกด้านซ้ายก็เต้นแรงแปลกๆ จนพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองไม่ได้

                คิมจงอินมีอิทธิพลกับเขาเกินไปจริงๆ..

               

    “ตอนกินข้าวใครเขาคุยกัน” เอ่ยติออกไปแค่นั้นเพื่อจบสนทนาคนโดนว่าเข้าให้ก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆแล้วยอมปิดปากลงจัดการกับบะหมี่ตรงหน้า

    คนตัวขาวที่เหล่ตาขึ้นมองอีกคนว่าไม่ได้มองตนอยู่จึงเงยหน้าขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาท่าทางการกินนั้น ดูเอร็ดอร่อยและเป็นธรรมชาติจนเขาเผลอจ้องนานเกิน

    “ไม่มีใครบอกคุณเหรอว่าจ้องคนอื่นตอนกำลังกินมันเสียมารยาทนะ” ดวงหน้าเข้มเงยขึ้นมองร่างบางที่รีบหลบสายตาก่อนจะอ้าปากพะงาบๆแก้ตัวข้างๆคูๆออกไป

    “ใครจ้องคุณกัน” คนโดนจับผิดเสมองไปด้านข้างอย่างไม่อยากสบตาแพรวพราวของจงอินที่กำลังจ้องมองมาทางนี้โดยไม่พูดอะไร

    “ผมอิ่มแล้วล่ะ”

                เซฮุนบอกก่อนจะหันไปเรียกลุงเจ้าของร้านให้เก็บเงินโดยที่ไม่รอถามอีกฝ่ายว่าอิ่มหรือยัง ก็เล่นมองเขาไม่วางตาแบบนี้ เขาเองก็ไม่อยากจะเสวนาด้วยแค่นี้เขาก็รู้สึกเสียเปรียบอีกคนมากพอแล้ว

                ลุงเจ้าของร้านเดินยิ้มมาที่โต๊ะแล้วเอ่ยราคาบอกคนตัวขาวที่ก้มลงหยิบกระเป๋าเงินออกมาแต่พอเงยหน้าขึ้นร่างตรงหน้าก็ชิงวางแบงก์เงินบนมือหยาบกร้านของเจ้าของร้านเสียก่อนแล้ว

                “ผมเลี้ยง” พูดแค่นั้นก่อนจะหันไปเอ่ยว่าไม่ต้องทอนกับลุงใจดีคนนั้น ก่อนจะหันมาหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อแก้กระหาย

                แต่คนร่างโปร่งก็ลุกพรวดขึ้นเดินไปที่รถซะอย่างนั้นจนเจ้าของร่างหนาลุกขึ้นตามแทบไม่ทัน

     

                “รีบไปไหนของคุณ”

    มือกร้านคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะเอ่ยออกมา คนโดนยื้อหันกลับมาทำหน้ายุ่งยากพร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง

    “ผมจะกลับโรงแรมแล้ว” พูดพร้อมกับชักแขนตัวเองกลับออกมาจากการรัดกุมของอีกฝ่ายที่จงอินก็ยอมปล่อยแต่โดยดี

    “รีบกลับไปไหนคุณ มาถึงนี่ทั้งทีใจคอคุณจะอยู่แค่รีสอร์ทกับโรงแรมหรือไง” ร่างหนาเอ่ยเสียงเข้ม

    “นั่นมันก็เรื่องของผม หมดเรื่องที่เราตกลงกันแล้วนะครับ ผมยอมมาทานข้าวเป็นกับคุณแค่นี้ที่ผมยอมตกลงมากับคุณ นอกเหนือจากนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของผมไม่ใช่เหรอครับ” ร่างบางมือหน้าอีกฝ่ายที่นิ่งไปราวกับคำพูดของเขาไปสะกิดตรงจุดจนอีกฝ่ายพูดไม่ออก

    กว่านาทีที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มเงียบลงความรู้สึกแปลกๆก่อตัวขึ้นมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาก็นับไม่ได้ รู้สึกเหมือนลำคอแห้งผากขึ้นมาเสียดื้อๆพ่วงทั้งอาการปวดหนึบที่อกด้านซ้าย

    อีกแล้วที่รู้สึกแบบนี้ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเอ่ยทุกอย่างออกมา

    แต่ไม่รู้ทำไมว่าเซฮุนรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวขา

    “มันก็ถูกของคุณ..”

    “งั้นผมขอตัวกลับนะครับ” พูดจบร่างบางก็หันหลังรวบรวมแรงทั้งหมดก้าวขาหวังออกจากตรงนั้นออกจากคนที่เขาไม่ควรจะเข้าใกล้ตั้งแต่กลับมาเจอกันอีก

     

    “เซฮุนนา..

    เสียงเรียกแผ่วเบาแต่นั่นทำให้สองขามั่นคงของคนที่ถูกเรียกชะงักกึกสรรพนามแบบนี้ ร่างโปร่งกลืนน้ำลายเหนียวอึกใหญ่ รู้สึกได้ว่ามือที่แนบลำตัวอยู่นั้นสั่นเบาๆ

    ทำไมต้องเรียกเขาแบบนี้กัน...

    เซฮุนยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเดินไปข้างหน้า แม้แต่คำพูดป้องกันตัวเองอย่างทุกครั้งยังพูดไม่ออก แม้รู้สึกถึงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ จนมาหยุดอยู่ด้านหลังของเขา และนั่นทำให้รู้ว่าตัวเขาเองนั้นยังอ่อนหัดนักเพียงแค่หันกลับไปมองก็ยังไม่กล้าเช่นกัน

    เขากลัวจะใจอ่อนเพราะแววตาเว้าวอนคู่นั้น

    “ลืม..”

    น้ำเสียงแหบพร่าของอีกฝ่ายดังขึ้นด้านหลัง ร่างบางรู้สึกว่าหัวใจของเขามันเต้นเร็วเหลือเกินจนต้องค่อยๆผ่อนลมหายใจให้มันพอจะบรรเทาอาการที่เป็นอยู่

    “ลืมไม่ได้เหรอครับ..”

    น้ำเสียงแผ่วเบาดังขึ้นราวกับว่าคนพูดนั้นไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะเปล่งมันออกมาให้ดังกว่านี้ เหตุผลคงเป็นที่หัวใจของคิมจงอิน มันไม่หนักแน่นและไม่มั่นใจอะไรเลย

     
     

    “ลืมว่าเราทั้งคู่เป็นใครและเคยเป็นใคร... แค่ตอนนี้ก็พอ”

     

     

    TBC.

     

    อาจจะสั้นก็เข้าใจแต่มันจบตอนแล้วอะ ไม่รู้จะใส่อะไรเพิ่มอะ โทษๆนะ

    แค่นี้ก็สูบพลังจนแทบซูบซีดโอยยยย แต่งยากจางงงงง

    ฮีลเราด้วยคอมเม้นทีไม่ได้ร้องขอแต่ก็ขอเออขอเม้นหน่อยน้าตะเอง

    #ไคฮุนเจ็ดวัน

     
     

     

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×