คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ข่าวที่มาในตอนรุ่งเช้า[ปรับปรุงหนึ่ง 100%]
ถ้าจะถามว่า "คดีฆาตรกรรมเอ็นโทรปี" เป็นอย่างไรต้องถาม ดร.วิเชียร
ถ้าจะให้ผม ดร.วิเชียร เล่าเรื่องคดีฆาตรกรรมเอ็นโทรปีนี้ เห็นทีควรต้องเริ่มจากการประชุมทางวิชาการ ครั้งหนึ่ง ผมนั่งติดกับดร.พิเชฐ เพื่อนของผม ซึ่งขณะที่ในที่ประชุมกำลังเถียงกันอย่างออกรสนั้นเอง ก็มีชายแปลกหน้าผู้หนึ่ง สวมเสื้อคลุมดำทั้งตัวผลุนผลันเข้ามาในห้อง เขาออกจะตัวเตี้ยสักเล็กน้อย ท่ววงท่าการเดินของเขาเป็นที่คุ้นเคยเหลือเกิน เขาหยิบมีดบินรูปตัวเอสออกจากเสื้อคลุม แล้วตะโกนด้วยเสียงแหบห้าวที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหนสักที่หนึ่งว่า "ถึงเวลาแล้วที่เอ็นโทรปีจะฆ่าคุณ" หลังจากนั้นเจาก็ขว้างมีดบินรูปตัวเอสอันเป็นสัญลักษณ์ของเอ็นโทรปีในทางฟิสิกส์ มาทางดร.พิเชฐเพื่อนผม มีดปักลงบนหน้าอกตรงหัวใจดร.พิชฐพอดีแล้วบินวกกลับมาทางอากาศเหมือนบูมเบอแรง เพื่อนผมก็กระอักเลือดล้มลงสิ้นใจทันที ผมตกใจอย่างยิ่ง ฆาตรกรกำลังเปลี่ยนทิศทางใบมีดบินมาเล็งผมแทน และ...
เอ่อครับ ผมยอมรับว่าคดีฆาตรกรรมเอ็นโทรปีจริงๆไม่สยองขวัญอย่างนี่หรอก แต่ฟังๆผมเล่าไปปเถอะครับผมเล่าต่อนะ ขณะฆาตรกรกำลังเปลี่ยนทิศทางใบมีดบินมาเล็งผมแทน และผมก็ตกใจสะดุ้งตื่นขึ้น
"อ่าว ที่แท้ก็ฝันไปหรือนี่"ผมงัวเงีย แล้วจึงควานหาต้นตอของเสียงที่ปลุกผมตื่น
"กริ๊ง..."
อ๋อเสียงโทรศัพท์นี่เองที่ปลุกผมตื่นจากผวังค์ฝันร้าย เหงื่อที่ยังคงแตกพลักอยู่เนื่องจากความตกใจที่ชายลึกลับเล็งมีดบินมาทางผมยังไม่หาย
ผม ดร.วิเชียร ตอนนี้ก็อายุ 30 ปีแล้ว ผอม ผมสั้น มีผมหงอกแซมประปราย ก็เป็นเอกลักษณ์ให้ดูคงแก่เรียนดี ผมค่อยๆปรับสายตากับความมืด แล้วมะงุมมะงาหรารับโทรศัพท์ มือซ้ายก็ควานหาแว่นตา นี่คืออีกปัญหาหนึ่งของคนสายตาสั้นเช่นผม
นาฬิกายังบอกเวลาตีห้าสิบนาทีอยู่ ราตรีนั้นยังไม่ผ่านพ้น
"โทรมาทำไมตั้งแต่เช้า"ผมหงุดหงิด
"ขอโทษครับ นี่จากคฤหาสน์ของคุณพิเชฐครับ"คู่สายตอบกลับมา
"อ่าว ลุงวิจิตร สวัสดีครับ"ผมทักอีกฝ่าย ลุงวิจิตรเป็นคนรับใช้ที่เก่าแก่ของคฤหาสน์ดร.พิเชฐ มาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อดร.พิเชฐแล้ว ผมรู้จักลุงเขาตั้งแต่ผมไปเที่ยวบ้านดร.พิเชฐเพื่อนผม ตอนสมัยปริญญาตรี ลุงแกมีลูกสาวคนหนึ่ง สวยมาก รุ่นราวคราวเดียวกับผมนั้นแหละ แต่น่าเสียดายที่เป็นโรคมะเร็งตั้งแต่ยังสาวยังแส่
"ลูกสาวลุงเป็นอย่างไรบ้าง"ผมถาม
"อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้เป็นถึงระยะสุดท้ายแล้ว อาจจะ.."ลุงหยุดไปสักพัก เหมือนจะสะอื้น แล้วพูดต่อว่า "ไม่เป็นไรครับ ที่ลุงโทรมานี้ผมจะแจ้งข่าวเกี่ยวกับคุณพิเชฐ
"คุณพิเชฐ!!!" ผมงง นึกถึงความฝันขึ้นมา "ผมเพิ่งไปหาเมื่อวานที่บ้าน เชฐแกเป็นไรเหรอครับ"
"คุณพิเชฐ ท่าน...เสียแล้วครับ"ลุงวิจิตรพูดช้าๆ
"หา!! อะไรน่ะ"ผมถามอย่างไม่เชื่อหู
"คุณพิเชฐ ท่าน...เสียแล้วครับ"ลุงวิจิตรทวนซ้ำ
"เป็นไปไม่ได้ เชฐเป็นอะไรตาย"ผมตกใจ ในใจยังคิดติดตลกว่า หรือว่าจะโดนมีดบินปักอกอยู่
"เอ่อ ท่านฟลุ๊บลงไปกับโต๊ะ ปกติท่านกินอาหารเช้าตอนตีสี่ ผมเลยไปส่ง ด๊อกเตอร์ไม่ได้ล๊อกประตู ผมเลยเข้าไปดู ด๊อกเตอร์หน้าเขียว ผมจับชีพจรไม่ได้ เลยรีบโทรไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าแกตายแล้วตั้งแต่เมื่อคืน"
"ตกลง เชฐตายเพราะสาเหตุใดครับ"ผมถาม
" ยังไม่รู้ แพทย์กำลังชันสูตรอยู่"ลุงวิจิตรตอบ
"ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปรดน้ำศพน่ะครับ"ผมตอบรับ
"ครับ สวัสดีครับ"ลุงวิจิตรพูดก่อนวางหูโทรศัพท์ลง
ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆตั้งแต่ตอนนั้น ผมแต่ชุดดำไปรดน้ำศพ ผมต้องขับจากบ้านผม ซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ไปบ้านเพื่อนผม ดร.พิเชฐ ที่ปทุมธานี ผมยังง่วงนอนนิดๆ บางทีฝันร้ายก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมจึงเปิดวิทยุแก้ความฟุ้งซ่าน รายการวิทยุยังคงเป็นรายการเล็กๆที่จัดในตอนเช้า ในรายการกำลังพูดขึ้นว่า"..การปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ เป็นการอนุรักษ์พลังงานอย่างง่ายๆ" ผมยิ้มนิดๆ จิตใจแจ่มใสขึ้นเล็กน้อย เพราะในหัวผมคิดว่า พิธีกรรายการยังไม่เข้าใจการอนุรักษ์พลังงานที่แท้จริงเลยสักนิดเดียว
ความคิดเห็น