คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : COURAGE : Intro
คอราจ : บทนำ
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
เสียงธนูที่ปักลงกับเป้าดังติดกันถึงสามครั้งแต่ครั้งที่สามนั้นลูกธนูไม่ได้ถูกปักไว้ที่เป้าแต่มันทะลุไปปักกับกองฟางที่อยู่ข้างหลังแทน จะไม่ให้ทะลุได้อย่างไร ก็คนยิงธนูเล่นยิงที่เดียวกันไปสองครั้งจนมันกลายเป็นรูกว้างขึ้นทำให้ลูกสุดท้ายลอดรูไปได้ และก็คงไม่มีเสียงกรี๊ดที่ดังกระหึ่มแบบนี้แน่ๆ ถ้าที่ยิงไปนั้นไม่ใช่ตำแหน่งสิบแต้ม
...
อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นการแนะนำตัวพระเอกเลย นี่น่ะแนะนำตัวนายเอกต่างหาก
“วู้ว!~เจ๋งไปเลยเสี่ยวลู่!~” เสียงเจื้อยแจ้วของ ‘คิมมินซอก’ ดูจะชัดเจนที่สุดในโสตประสาทของ ‘ลู่หาน’ เขาหันไปยิ้มให้ก่อนจะตั้งใจยิงธนูลูกต่อไป กรรมการทำสัญญาณให้กองเชียร์ช่วยเงียบเสียงลงก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเงียบสงัดอีกครั้งและการแข่งขันก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
สรุปแล้วคนชนะก็คือเขานี่แหละ ลู่หานคนนี้นี่เอง
จะไม่ให้ชนะได้ไงล่ะ...ก็เล่นเข้าสิบแต้มทุกดอกเลยนี่ คนอื่นมองก็อาจจะคิดว่าเขานั้นยิงธนูแม่น แต่เปล่าเลย...จริงๆ แล้วเขาก็โกงเหมือนกัน
แต่ก็ไม่ได้โกงเท่าไหร่หรอกมั้ง แค่ใช้พลังวิเศษบังคับลูกธนูเท่านั้นเอง
ทว่า...มีคนหนึ่งละที่รู้ว่าเขาโกงแน่ๆ นั่นก็คือมินซอกเพื่อนสนิทตัวแสบของเขานั่นแหละ เพราะการที่เขามาลงแข่งยิงธนูในงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนก็เป็นการบังคับจากมินซอกคนนี้นี่เอง
ลู่หานกับคิมมินซอกเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิด ย้ำว่าตั้งแต่เกิดจริงๆ เพราะบ้านอยู่ติดกันแถมยังเกิดใกล้ๆ กันอีกด้วย มินซอกนั้นเกิดก่อนเขาแค่สามวันแต่ก็ชอบบังคับขู่เข็ญลู่หานอย่างกับตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆ เรื่องที่ลู่หานมีพลังวิเศษนั้น มินซอกก็รู้ดีและไม่คิดจะตีตัวออกห่างเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย มินซอกบอกกับเขาว่า ‘มีเพื่อนมีพลังแบบในหนังอย่างนี้น่ะเท่จะตาย จะทำอะไรก็ทำได้’ นั่นทำให้เขาเชื่อใจและสนิทใจกับมินซอกที่สุด แล้วก็ไม่อยากจะผูกมิตรกับใครให้เป็นปัญหาด้วย ใครๆ ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้น่ะมีในหนังไม่ก็ในนิยายเท่านั้น แล้วใครมันจะไปกล้าเปิดเผยตัวตนกันล่ะ!
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาอายุราวๆ สี่ห้าปีได้ ตอนนั้นเขาเผลอใช้พลังทำให้ดินน้ำมันที่ปั้นมีชีวิตได้เพราะเขาคิดว่าเพื่อนๆ เขาต้องชอบแน่นอน แต่เปล่าเลย เด็กพวกนั้นกลับตกใจกลัวแล้วร้องออกมาแถมยังทำให้เขาไม่กล้าใช้พลังนั่นอีก
‘สัตว์ประหลาดๆ เธอเป็นสัตว์ประหลาด ฮืออออ อย่าทำอะไรเราเลย เรากลัว’
‘พวกเธอไม่ชอบหรอ พวกมันมีชีวิตได้นะ’
‘ไม่ พวกเราไม่ชอบ เธอออกไปไกลๆ เลยนะ พวกเรากลัวเธอ ฮืออออ ครูขา!~ช่วยด้วย’
‘หยุดร้องนะไอ้พวกบ้า! เพื่อนฉันเท่จะตาย ทำเป็นกลัวไปได้ อ่อนว่ะ’
‘ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย เสี่ยวลู่ไม่ทำร้ายพวกเธอสักหน่อย นี่แค่ทำของเล่นให้พวกเธอเองนะ’
ก็ตอนนั้นแหละที่ลู่หานได้รู้ว่าเพื่อนแท้มันเป็นยังไง แต่ตอนนี้ชักอยากจะเลิกเป็นเพื่อนกับมันแล้ว เอะอะอะไรก็มาขอร้องให้ทำนู้นนี่นั่นตลอด เหนื่อยเป็นนะเฟ้ย
ลู่หานเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าพลังวิเศษของเขาจะทำอะไรได้มากกว่าการควบคุมสิ่งของรึเปล่า แต่การควบคุมสิ่งของเล็กๆ อย่างเช่นกระเป๋า หนังสือ แก้วน้ำ นาฬิกา บลาๆ พวกนี้ เขาควบคุมมันบ่อยๆ อยู่แล้วด้วยความขี้เกียจ แต่ไม่อยากลองกับของใหญ่หรอก กลัวทับตัวเองตาย
ถามว่าพ่อแม่ของเขารู้ไหมน่ะเหรอ...ก็รู้สิ แต่พวกท่านไม่บอกอะไรเขาเลย บอกแค่ว่าสักวันเมื่อมันถึงเวลาเขาจะเข้าใจเอง
อาจจะแก่ตายไปแล้วกว่าจะถึงเวลา
แต่ก็ช่างเถอะ ก็มีชีวิตปกติแบบคนทั่วไป อยู่แบบไม่เปิดเผยตัวตนให้คนนอกเห็นเพราะเขาอาจจะช็อกตายได้
“เยส! ในที่สุดปีนี้สีเราก็กวาดถ้วยมาทุกกีฬาได้ แม้จะไม่ได้ที่หนึ่งหมดก็เถอะ แต่รางวัลถ้วยรวมกีฬาก็เป็นของเรา ต้องขอบคุณลู่หานนะที่ยอมลงแข่งยิงธนูแล้วคว้าชัยชนะมาได้ กีฬานี้ไม่น่าเอามาให้เล่นเล๊ยยย ยากสุดๆ เอ้อ เย็นนี้เจอกันที่ร้าน ABC นะ พี่ได้เงินมาเดี๋ยวพี่ปิดร้านเลี้ยงเอง” หลังจากที่จบพิธีการต่างๆ แล้ว มินซอกก็เรียกตัวนักกีฬาและพี่คุมกีฬามารวมตัวกันก่อนจะพูดไปบ่นไปและจบท้ายด้วยการตอบแทนความเหนื่อยของแต่ละคน ซึ่งพอได้ยินว่าจะเลี้ยงแต่ละคนก็ลุกเฮ้ก่อนจะแยกย้ายกันออกไป
“เสี่ยวลู่จะไปไหม?” มินซอกถามในระหว่างที่เดินกลับบ้านด้วยกัน
“ไปก็ได้ จะให้ทิ้งมินนี่ได้ไงล่ะ”
“ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“ไม่เป็นไรหรอก อยู่บ้านก็เบื่อๆ ไปนั่งฟังเพลงชิวๆ ดีกว่า”
“ระวังจะชิวไม่ออกนะ แต่ล่ะคนไม่อยากให้จับไมค์” มินซอกทำท่ากุมขมับ
“ขนาดนั้นเลย?”
“เออดิ เคยเจอไปทีนึงแบบ…”
ในขณะที่มินซอกกำลังเล่าเรื่องอย่างออกรส ลู่หานรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่แผ่กระจายมาจากทางด้านหลังของเขา เขารู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะใช้พลังลองค้นหาสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมเขาก็ไม่พบอะไร
อาจจะเพลียก็ได้ล่ะมั้ง...ลู่หานคิดในใจ
“นี่เสี่ยวลู่ ฟังฉันรึเปล่าเนี่ย”
“ฟังๆ แต่มินนี่...อย่าหันไปข้างหลังนะ เรารู้สึกเหมือนมีคนตามเรามา”
“เราไม่เห็นจะรู้สึกเลย เรื่องแบบนี้เราก็รู้สึกไวนะ แต่นี่เฉยๆ มากเลย นายเพลียแล้วคิดไปเองรึเปล่า”
“...อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง เฮ้อ กลับไปงีบสักแป๊บก็คงจะดี”
“อืม โอเค ก่อนไปสักชั่วโมงเดี๋ยวเราไปปลุก”
“จ้ะ”
“กลับมาแล้วครับ พ่อไปไหนล่ะแม่” ลู่หานส่งเสียงเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านก่อนจะถามพลางถอดรองเท้าเมื่อมองไม่เห็นบิดา
“พ่อไปเคลียร์งานนิดหน่อยน่ะจ้ะ” ลู่หานสังเกตได้ว่าแม่ของเขามีเรื่องกังวลใจ ก่อนจะทำหน้าสงสัยแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ มารดา
“แม่มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ ผมรับรู้ได้”
“เฮ้อ...คงต้องบอกแล้วสินะ” ลู่หานมองมารดาตัวเองอย่างไม่เข้าใจเมื่อเธอลดมีดที่กำลังปอกแอปเปิ้ลลงพลางถอนหายใจ
“มีอะไรรึเปล่าครับแม่ หรือว่าพ่อเป็นอะไร!” ลู่หานถามอย่างร้อนใจเพราะกลัวว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับบิดาของตน
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอก เสี่ยวลู่...ถ้าลูกต้องไปอยู่ไกลบ้าน ลูกจะอยู่ได้ไหม?”
“ก็ต้องได้สิครับแม่ เดี๋ยวผมก็จะเข้ามหา’ลัยแล้วนี่ไง”
“ถ้างั้นก็ดีแล้วลูก เสี่ยวลู่...ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นขอให้ลูกมีสติ คิดให้ดี แล้วใช้พลังที่มีให้เกิดประโยชน์อย่าใช้มันในทางที่ผิด ที่แม่พูดเนี่ย...ก็เพราะว่าสักวันหนึ่งลูกของแม่อาจจะต้องไปเข้าสังคมใหม่ๆ พบเจอคนใหม่ๆ เราต้องซ่อนตัวไว้ให้ดี พลังนั่นถ้าใช้ในทางที่ดีมันก็จะยิ่งส่งผลดีแต่มันก็เหมือนดาบสองคม ต้องระวังเอาไว้ให้ดี ลูกเป็นคนที่ฉลาดมาก...แม่เชื่อว่าลูกไปอยู่ที่ไหนก็ต้องมีทางรอดแน่ๆ”
“แม่ก็พูดมาซะยาวอย่างกับผมจะไปวันนี้พรุ่งนี้ แต่ผมก็ขอบคุณแม่นะที่สอนผมบ่อยๆ ยังไงผมก็รักแม่ที่สุด” ลู่หานโถมเข้าไปกอดมารดาอย่างรักใคร่โดยไม่รู้เลยว่าคนโดนสวมกอดนั้นน้ำตาไหลลงมาอย่างเงียบๆ
“สองแม่ลูกมาสวีตอะไรกันไม่รอพ่อเลย” ลู่หานหันไปทางประตูก่อนจะยิ้มกว้าง มารดาของเขาแอบเช็ดน้ำตาก่อนจะทำสีหน้าปกติและยิ้มแย้มกลับไป
“พ่อนั่นแหละ กลับมาช้า”
“อ้าวๆ มาโทษพ่อไม่ได้นะ ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อเรานั่นแหละ...ให้พ่อกอดทีสิ” ผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาเขกหัวเขาก่อนจะดึงลู่หานเข้าไปกอดเบาๆ และลูบหัวอย่างเอ็นดู
“ทำไมวันนี้ทุกคนดูซึมๆ กันจัง” ลู่หานกอดตอบ ก่อนจะหันมองหน้าผู้ให้กำเนิดทั้งสองสลับกันไปมา
“ซึมที่ไหนกันละฮึ พ่อเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ วันนี้ลูกค้ามาเยอะ” อ้อ...ลืมบอกไป กิจการของครอบครัวเขาก็คือเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่รสชาติถูกปากเลยทำให้มีลูกค้าประจำเยอะ กิจการก็เลยไปรอด ลู่หานเองก็มีความสามารถในการชงกาแฟติดตัวอยู่เหมือนกัน
“อ้อ งั้นพ่อก็ไปพักเถอะครับ วันนี้ผมไม่กินข้าวเย็นนะครับแม่...มินซอกพาไปเลี้ยงฉลองงานกีฬา”
“...ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก เหลืออีกสองสามชั่วโมงไปนอนเก็บแรงก่อนไหม? ยิงธนูมาคงจะเพลียหมดแล้วมั้ง”
“ก็กะอยู่ครับ งั้นผมไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวมินซอกก็เข้ามาปลุกเองนะครับแม่”
“จ้า”
บุพการีมองตามลูกชายที่เดินขึ้นไปข้างบนบ้านอย่างอาลัยอาวรณ์เพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ลูกชายของพวกเขาก็จะต้องจากพวกเขาทั้งสองไปอยู่ยังที่ที่หนึ่ง ซึ่งไม่มีปรากฏบนแผนที่โลก
นี่แหละ...ถึงเวลาที่ลู่หานจะได้รู้ทุกอย่างสักที
“อย่ากลับบ้านดึกกันนะทั้งสองคน ดูแลตัวเองกันดีๆ นะลูก” มารดาของลู่หานลูบหัวเด็กทั้งสองเบาๆ พลางส่งสายตาที่รู้กันไปให้มินซอก มินซอกนั้นเพิ่งรู้จากพวกเขาเมื่อวานว่าเพื่อนสนิทของเขาถึงเวลาที่จะต้องจากไปแล้ว เมื่อวานก็ร้องไห้จนหนำใจไปแล้วกว่าจะทำใจได้ ภาวนาให้เพื่อนรักปลอดภัยได้ตลอดรอดฝั่ง
“ไม่ดึกหรอกครับแม่สองสามทุ่มก็กลับแล้ว”
“จ้ะ เดี๋ยวแม่นั่งรออยู่ข้างล่างนี่แหละ มาถึงก็เรียกนะ”
“ครับ ไปแล้วนะครับ”
“ขี่รถระวังนะลูก”
“คร้าบบบ!~”
อยากทำให้เหมือนปกติที่สุด เพื่อไม่ให้ลู่หานจับได้ พอลับหลังลูกชายไป...คนเป็นแม่ก็น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พ่อของลู่หานก็เหมือนกัน พอเห็นภรรยาตัวเองร้องไห้แล้วก็ร้องไห้ตามไปด้วยเงียบๆ ก่อนจะดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบ
ฉันฝากให้นายดูแลลูกชายฉันให้ดีนะ ‘เซนดริก โจนส์’
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk : เป็นการรีไรท์บางจุด บางประโยคนะคะ ใครว่างๆ ก็เข้ามาอ่านอีกรอบแล้วช่วยตรวจคำผิดก็ดีเด้อออ
open 27062014
UPDATE 8/01/2019
ตอนนี้ COURAGE โรงเรียนฝึกแกร่งได้วางขายในรูปแบบ e-book ลงบนเว็บ meb แล้วนะคะ นักอ่านท่านใดที่อยากซื้อหนังสือเก็บไว้กับตัว พกไปไหนมาไหนด้วยได้ อ่านเมื่อไหร่ก็สะดวก สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิ้งค์เลยค่ะ (กดที่นี่) แถมราคาก็ลดลงมาจากการตีพิมพ์เป็นรูปเล่มอยู่หลายเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ รวมทั้งสามารถซื้อแยกเป็นเล่มๆ ไม่ต้องซื้อรวมกันทีเดียวก็ได้ ดีต่อใจมากๆ เลย ***หากนักอ่านท่านใดสงสัยวิธีการซื้อหรือมีคำถามอยากถามสามารถติดต่อเราได้ที่ Twitter: @taliuterhua หรือ Facebook: taliuterhua/ตะหลิวเต้อหัว ค่ะ
ภาพปลากรอบ
ความคิดเห็น