คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : COURAGE : ตอนที่ 8 Back home
คอราจ : ตอนที่ 8
Back home
“อย่างนี้ต้องฉลองป่ะ” หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ทุกคนก็พากันมารวมอยู่ที่บ้านเซฮุนเช่นเคย ไคถามขึ้นหลังจากที่ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ในป่าให้คนที่เหลือฟัง ถึงแม้ไคกับเทาจะเป็นตัวเรียกเสียงฮาซะมากกว่า แต่ไคก็ยอมรับว่าลู่หานเก่งมากจริงๆ ถึงแม้ว่าจะบอกออกไปว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ช่วยล่อก็คงไม่ได้ลูก’ แต่ถึงไม่มีพวกเขา ไคก็เชื่อว่าลู่หานสามารถพาลูกเสือกลับมาได้
และเหตุผลของการฉลองคือการที่ลู่หานสามารถทำภารกิจแรก ทั้งที่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีเพียงสามในสิบเท่านั้น
แต่เหตุผลหลักของไคคืออยากกินเหล้า...แค่นั้นเอง
“พูดงี้กลับบ้านไปเอาเหล้ามาด้วยสิมึงอ่ะ” เทาถามอย่างรู้ทัน ไคยิ้มกวนๆ ส่งไปให้
“รู้ดีจริงๆ เลยมึง เออ...ก็อยากแดกแหละ เอามาตั้งสองอาทิตย์แล้วกูกลัวเหล้าบูด”
“เหล้าที่ไหนจะบูด เออๆ ไปเอามาแดกก็ได้ กูก็อยาก” เทาเออออไปด้วยก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างรู้กันกับจงอิน
“พวกแกสองคนจะกินก็กินไป ลู่หานห้ามกิน”
“อะไรอ่ะ ห้ามทำไม กินได้” ลู่หานร้องทักขึ้นมาเมื่อชานยอลบอกออกมาแบบนั้น เห้ย...ถึงอายุจะยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่ก็ก๊งได้เพื่อความสนุกนะ ก็เคยก๊งกับเพื่อนตอนทำงานกีฬาสีเหมือนกัน (เด็กๆ อย่าทำตามนะ ก๊งเหล้ามันไม่ดี -..-)
“ปีนเกลียวหรอเรา อายุแค่นี้กินน้ำอัดลมไปก่อนไป” ชานยอลบอกออกมาอย่างเป็นห่วง ถึงลู่หานจะดูโตเกินวัยแต่เขาก็เอ็นดูลู่หานเหมือนน้องชายจึงไม่อยากให้รีบออกนอกลู่นอกทาง
“นี่ก็เคยก๊งมา เอาน่า หนุกหนานๆ อย่าทำเหมือนฉันเป็นน้องชายในกรอบของนายหน่อยเลย”
“เออ...ให้เด็กมันเรียนรู้บ้าง ว่าแต่เคยก๊งก็ไม่เบานี่หว่า” ไคกอดคอลู่หานช่วยพูดกับชานยอลก่อนจะหันมากระซิบกับลู่หานที่ยักคิ้วกลับไป
“ก็มีบ้างแหละ ตามประสาวัยรุ่น แล้วนี่แบคฮยอนกับดีโอไปไหนอ่ะ” ลู่หานถามขึ้น หลังจากที่เล่าจบได้ไม่นานสองเพื่อนซี้ตัวเล็กก็พากันออกไปไหนไม่รู้ เมื่อเห็นว่าหายไปนานแล้วลู่หานเลยถามขึ้น
“ไม่รู้เหมือนกัน งั้นเดี๋ยวกูไปเอาเหล้าแปบ ไอ้เทาไปเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“กูว่ากูเป็นพี่มึงนะ”
“กูถามหน่อยมึง แถวนี้เคยนับญาติกันด้วยหรอ”
“ก็ไม่”
“แล้วมึงเกิดห่างกับกูไม่กี่เดือนเองแค่เลขปีไม่เหมือนกัน”
“เออ...”
“แล้วมึงจะเครียดทำแมงกะพรุนอะไร ไปๆ จะแดกไหม”
“แดก”
“เออ พูดง่ายๆ โตไวๆ” ไคยื่นมือไปลูบหัวเทาก่อนที่เทาจะสะบัดด้วยความรำคาญแต่ก็พากันเดินกอดคอออกไปอยู่ดี
เดินไปด้วยกันตอนมืดๆ แบบนี้ถ้าหายไปทั้งคู่คงจะตามตัวยาก สีผิวช่างกลืนไปกับความมืด
ลู่หานแซะเพื่อนอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปถามชานยอลเมื่อนึกถึงสัญญาที่เคยให้กันไว้
“เออนี่...นายจะกลับบ้านพร้อมฉันใช่ไหม”
“หะ...หื้ม?” ชานยอลสะดุดกับคำว่ากลับบ้านก่อนที่สมองจะพาคิดไปเรื่องอื่นก็ดึงกลับมาตอบลู่หานก่อน “อ้อ...”
แต่ก็ทำได้แค่ลากเสียงยาวเท่านั้น...ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับบ้าน แต่กลับไปแล้วต้องเจอแบบนั้นเขาก็ไม่อยากจะกลับเหมือนกัน
“ดีใจจนพูดไม่ออกเลยหรอ ก็นะ...บ้านเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วล่ะ มีคนที่เรารักมากที่สุดรออยู่ ใครๆ ก็อยากกลับบ้านทั้งนั้นต่อให้ทะเลาะกันมากแค่ไหนก็ตาม แต่บ้านก็คือสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวเรายามที่เราเป็นทุกข์”
ชานยอลเห็นด้วยกับคำพูดลู่หานอยู่ในใจ แม้เขาจะไม่อยากกลับบ้านอย่างที่เคยกระดี๊กระด๊ากับลู่หานแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิดถึงครอบครัวมากแค่ไหน
เขามีความลับเกี่ยวกับครอบครัวที่ยังไม่มีใครเคยรู้...และมันก็เกี่ยวกับการที่เขามาอยู่ที่นี่ด้วย
“อืม...ก็จริงของนาย”
“นายเคยได้กลับบ้านบ้างรึยัง”
“กลับสิ เพิ่งกลับไปเมื่อสามเดือนที่แล้วเอง” ชานยอลโกหก...สิ่งที่เขาทำคือกลับเกาหลีแต่ไมได้กลับบ้าน
“โห ตั้งสามเดือน สรุปแล้วนายต้องไปเป็นเพื่อนฉันนะ พ่อแม่นายคงคิดถึงแย่แล้วล่ะ”
“...อืม...ฉันจะกลับกับนาย” ...ฉันก็อยากกลับไปเห็นหน้าพ่อแม่อีกสักครั้งเหมือนกัน
“นายดูเหนื่อยๆ นะ จะก๊งไหวป่ะเนี่ย” ลู่หานถามทีเล่นทีจริง ชานยอลปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะส่งยิ้มกลับไป
“เรื่องก๊งขอให้บอก ถ่างตาได้เสมอ”
“เฮ้ยยย ร้ายเหมือนกันนี่หว่า” ลู่หานล้อเลียน
“ยุงกัดแล้วอ่ะ เข้าไปนั่งข้างในกันดีกว่า ดีโอกับแบคฮยอนคงมาแล้วมั้ง” ลู่หานเกาแขนก่อนจะชวนชานยอลเข้าไปในตัวบ้าน พวกเขาออกมานั่งคุยกันที่ระเบียงเพื่อรับลมเย็นๆ พอเล่าจบก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมส่วนตัว
เซฮุนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ปรายตามองสองเพื่อนซี้ต่างขนาดที่เดินเข้ามาก่อนจะขยับตัวไปชิดโซฟาเพื่อให้ทั้งคู่นั่ง
“ไคบอกว่าจะเลี้ยงฉลองที่ลู่หานทำภารกิจแรกสำเร็จ” ชานยอลนั่งคั่นลู่หานกับเซฮุนก่อนจะหันไปคุยกับเซฮุนที่นั่งกินขนมไปดูโทรทัศน์ไป
“มันอยากกินเหล้ามากกว่ามั้ง อ้างชัดๆ” เซฮุนยกยิ้มก่อนจะโคลงศีรษะอย่างหน่ายๆ เมื่อรู้ทันความคิดของเพื่อน
“แล้วแบคฮยอนกับดีโอยังไม่มาอีกหรอ...ไปไหนกันนะ” ลู่หานถามออกไปก่อนจะลดเสียงเบาพูดกับตัวเอง
“อืม เห็นหายไปนานแล้วเหมือนกัน” เซฮุนตอบ
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เกาะก็ปิดแล้ว คนในเกาะก็สามัคคีกันดีคงไม่มีอะไรหรอก” ชานยอลตอบ
“ก็เป็นห่วงนี่...” ลู่หานยู่ปาก ก่อนจะหันหน้าไปตามเสียงเจื้อยแจ้วที่ลอยเข้ามาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นแบคฮยอนกับดีโอ
“หายไปไหนกันมา ทำให้เป็นห่วงเลย” ลู่หานเดินเข้าไปหาก่อนจะตีหน้าเศร้า
“ไปหาของมาให้ลู่หานนั่นแหละ เป็นของขวัญที่ลู่หานทำภารกิจแรกสำเร็จไง น้อยคนนะที่จะทำได้” แบคฮยอนตอบเป็นคนแรก
“ใช่ แล้วเราก็อยากได้ของฝากจากนายเป็นการตอบแทนด้วย” ดีโอตอบ ลู่หานยิ้มขำเมื่อแบคฮยอนตีเข้าที่แขนดีโอที่เผลอบอกความจริงไป
“อืม ก็ว่าจะหาอะไรมาฝากอยู่แล้ว แล้วเอาอะไรมาให้ฉันกัน”
“ฉันเอาร่มมาให้ ถึงจะหน้าร้อนแต่อีกไม่นานเดี๋ยวฝนก็ตก ฉันยังไม่ได้ใช้เลยนะ ฝนตกแล้วอย่าลืมหยิบมาใช้ล่ะ” แบคฮยอนยื่นร่มคันพอเหมาะที่ผูกโบว์สวยให้ลู่หาน ลู่หานพยักหน้ารับเพราะเป็นของที่มีประโยชน์
“ฉันก็ไม่รู้จะให้อะไรแต่เป็นบัตรเช่าหนังสือของฉันแล้วกัน เวลานายไม่มีอะไรทำก็มายืมหนังสือของฉันอ่านก็ได้”
ลู่หานรับกระดาษแข็งที่วาดลวดลายการ์ตูนเด็กๆ พร้อมกับเขียนว่า ‘บัตรยืมหนังสือของดีโอ’ ทำให้ลู่หานหลุดยิ้ม ดีโอคงจะชอบอ่านหนังสือมาก จินตนาการได้เลยว่าที่กระท่อมของดีโอคงอัดแน่นไปด้วยหนังสือขนาดที่พอให้เขายืมอ่านได้
“ขอบคุณพวกนายสองคนมากนะ ฉันจะรักษาให้ดีเลยล่ะ”
“แล้วไคกับเทาไปไหนล่ะ บ้านดูเงียบเชียว” ดีโอกวาดตามองหาสองร่างก่อนจะถามขึ้น
“ไปเอาเหล้า มันบอกฉลองที่ลู่หานทำภารกิจสำเร็จ” ชานยอลตอบ
“ว่าแล้ว ขากลับถึงมีพิรุธแปลกๆ เอาเหล้ามาด้วยนี่เอง” เพราะดีโอได้กลับบ้านพร้อมกับไค ขากลับเจ้าตัวก็ทำท่าทางแปลกๆ พร้อมกับจับกระเป๋าไว้แน่น ดีโอได้คลายความสงสัยก็วันนี้เอง
“มาล้าววว!~” สำเนียงแปลกๆ ถูกส่งมาจากไค ไคสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเจอตาจิกๆ ของดีโอก่อนจะยิ้มแหยๆ แสร้งเดินหนีไปกดน้ำแข็งที่ตู้เย็น
“โคล่าหมดยังวะเซฮุน” เทาหันไปถามเจ้าของบ้าน
“ยัง มีอยู่ในตู้เย็นกับในตู้เก็บของสามสี่ขวดมั้ง”
“โซดาอ่ะ”
“ที่เดิม”
โอโห...แสดงว่ากินกันบ่อยสิท่า
“นั่งข้างนอกป่ะ ตากลมเย็นๆ” เมื่อสองสิงห์จัดเตรียมของเรียบร้อยแล้ว ก็เข้ามาชวนเดอะแก๊ง
ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเดินตามกันออกไป เซฮุนยกพัดลมออกไปไว้ข้างนอกเพื่อเปิดไล่ยุง ไคกับเทามีหน้าที่เป็นคนชงแต่ก็มิวายยกดื่มก่อน ก่อนจะชงส่งต่อให้คนอื่นยกเว้นแบคฮยอนกับดีโอที่ดื่มโคล่าเพราะรู้หน้าที่ดีว่าต้องคอยเก็บศพพวกที่เหลือ ลู่หานยื่นมือไปรับแก้วแต่ก็โดนชานยอลแย่งไปก่อน ก่อนจะเทโคล่าใส่แก้วแล้วส่งมาให้ลู่หาน
“เห้ยยย...นี่เป็นคนชนะนะเว้ย” ลู่หานหันไปงอแงใส่
ชานยอลทำเป็นไม่สนใจก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่ม ลู่หานเบะปากใส่แก้วในมือก่อนจะยกดื่มแบบขอไปที
“แด่ลู่หานที่ทำภารกิจแรกสำเร็จ นายมันแน่จริงว่ะ” ไคชูแก้วขึ้นก่อนที่คนอื่นๆ จะส่งเสียงเฮแล้วชนแก้วด้วยกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีเสียงคุยเท่าไหร่ ไคเห็นสถานะการณ์แล้วว่าแบบนี้คงก๊งไม่มันส์เลยหาเกมมาเล่นสร้างบรรยากาศ
“เงียบว่ะ เล่นเกมกัน”
“เกมอะไรของมึงอีกอ่ะ สรรหา” เทาหันไปบ่น
“ก็มันเงียบอ่ะ กูอยากให้ครื้นเครง เล่น truth or dare กันดีกว่า กระชับความสัมพันธ์ไง...ลู่หานรู้จักใช่ไหม”
“อืมๆ ก็เคยดูในหนัง เอาสิ...ไม่ค่อยมีความลับหรอก”
“น้องเล็กอยากเล่นแบบนี้แล้วก็ขัดกันไม่ได้นะครับ...คิคิคิเน็ตมาร์เบิ้ล” ไคหัวเราะอย่างมีเลศนัย คงมีลู่หานคนเดียวนั่นแหละที่ไม่รู้ว่าเกมนี้นรกแตกแค่ไหน ยิ่งไคเป็นคนถามคำถามล่ะก็...ได้อายยันลูกบวช นี่ยังไม่นับคำสั่งเวลาเลือกแดร์อีกนะ
“เค้าหมุนเปิดนะ อิ๊อิ๊” ไคมองไปรอบๆ ซึ่งทุกคนนั่งล้อมเป็นวงอยู่แล้ว ถัดจากไคก็เป็น เทา เซฮุน แบคฮยอน ชานยอล ลู่หานและดีโอ ทุกคนต่างกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอผิดกับลู่หานที่นั่งหน้านิ่งจิบโคล่าอย่างสบายใจ
ยัง...ยังไม่รู้ตัวว่าหายนะมาเยือน
ไคกะแรงหมุนให้ปากขวดหยุดตรงลู่หาน น้องเล็กมาใหม่ยังใสๆ ต้องทำให้แปดเปื้อนสักหน่อยจะได้เป็นสีสันของชีวิต...นี่ไม่ได้เกลียดอะไรเลยนะ จริงๆ
ไคเริ่มหมุนขวด ทุกชีวิตกลั้นหายใจอย่างลุ้นจัดพลางภาวนาในใจอย่าให้ปากขวดหยุดที่ตัวเอง แบคฮยอนกำมือแน่นหลับตาปี๋ไม่ต่างจากดีโอที่เหลือกตาด้วยความลุ้น แต่แล้วเมื่อขวดหยุดทุกคนก็ถอนหายใจออกมาเมื่อปากขวดนั้นได้ผ่านพ้นไป ปากขวดนั่นดันไปจ่ออยู่ข้างหน้าลู่หานแทน
“โอ๊ะ ฉันคนแรกด้วยอ่ะ”
“เลือกมา truth or dare”
“dare”
“นี่มึงอยากแดกเหล้ามากใช่ไหม”
“อืม” เป็นอีกครั้งที่ลู่หานตอบอย่างไม่ลังเล ก็อยากกินจริงๆ อ่ะ นี่ก็ลุ้นให้ปากขวดหมุนมาโดนนะเนี่ย ดีใจจัง เหย่ ลู่หานรู้อยู่ว่าถ้าใครเลือกแดร์ไคต้องจัดเหล้าให้แหงๆ แต่ไม่คิดว่าจะมาเพียวๆ ครึ่งแก้วขนาดนี้
“ไงล่ะ อยากแดกก็แดกดิ” ไคยิ้มมุมปากอย่างสะใจ อยากแดกก็แดกให้เต็มที่เลยจ้ะ เหล้านุ่มๆ แต่เมาเพียวๆ
ลู่หานทำจมูกบานใส่ไคก่อนจะยกดื่มรวดเดียว ลู่หานหน้าบิดเบี้ยวอ้าปากค้างก่อนจะยกมือขึ้นจับคอเมื่อความแสบร้อนของเครื่องดื่มสีอำพันไหลลงไป คนอื่นที่เห็นแบบนั้นแล้วก็อดจะทำหน้าตามไม่ได้ เสียวคอเลยบอกตรง
“โอเคสะใจล่ะ กลับนะ” ลู่หานบอกอย่างเข็ดอยู่ในใจแต่ดีโอกับชานยอลที่นั่งขนาบข้างก็ยกมือขึ้นจับแขนเขาไว้ก่อนจะกระชากให้นั่งลง แหม...เรื่องแบบนี้ล่ะทีมเวิร์กกันจริงๆ
“แหม...มันไม่จบง่ายๆ หรอกครับคุณ” เทาซึ่งรับหน้าที่คนต่อไปพูดขึ้น ตอนนี้ลู่หานรู้ตัวแล้วว่ากำลังโดนหมายหัวและสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ระหว่างที่ขวดกำลังหมุนคือภาวนาเหมือนคนอื่นๆ
กึก!
ไมมึงแม่นกันจังวะ!!!
“truth ก็ได้ อยากรู้อะไรถามมาเลยครับ” ลู่หานไม่ต้องรอให้เทาถาม เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“มาอยู่นี่มีคนที่ชอบยัง”
“ยัง”
“ห้ามโกหกนะเว้ย”
“ดูหน้าดิโกหกรึเปล่า”
“มันพูดจริงว่ะ”
“เฮ้ย จำได้ว่าฉันต้องเป็นคนหมุนขวดดิ เอามานี่ สองตาซ้อนเลยนะ ฮึๆๆ” ลู่หานคว้าขวดได้ก่อนไคกับเทาแล้วหัวเราะในลำคอ เสร็จแน่ๆ
“ห้ามใช้พลังนะเว้ย โกงเจอแดกเพียวสิบแก้ว” ไคชี้คาดโทษ
“เออ ระดับนี้ไม่ต้องใช้พลังก็แม่นได้”
ไอ้ไค...มึงเจอแน่ มึงเจอ...
ลู่หานแค้นอยู่ในใจก่อนจะเริ่มหมุนขวด พลางยิ้มเจ้าเล่ห์แบบคนมีแผนการตลอดเวลาทำให้คนรอบข้างกลัวเหมือนหนูติดจั่น ไม่ว่าจะเลือก truth หรือ dare ก็แสบพอกัน
“โชคดีมึง” เทาตบบ่าไคให้กำลังใจเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวหน้าซีด คนอื่นเห็นเจ้าพ่อเกมเป็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้มขำกันเบาๆ
“เลือกจ้ะ” ลู่หานยิ้มหวานเคลือบยาพิษ ไคนิ่งคิด...เลือก truth ไปแม่งต้องเจอคำถามเด็ดๆ แน่ ดูจากหน้าแม่งแล้ว...จะเลือก dare ก็คงให้ทำอะไรแผลงๆ แต่ก็ยังดีกว่าเลือก truth วะ ถ้ามันถามอะไรที่อับอายในชีวิตขึ้นมา แดร์ก็แดร์วะ
“dare”
“เอ้า...ป๊อดนี่หว่า”
“เออ จะให้ทำอะไรก็ว่ามา”
“เต้น Gee ของ เกิร์ลเจนฯ ให้ดูหน่อย ร้องด้วยนะ”
“อุ๊บ!” ดีโอกลั้นหัวเราะไว้ ไม่รู้ว่าลู่หานรู้ได้ไงว่าไคชอบวงนี้มาก...อาจจะบังเอิญก็ได้เพราะเพลงนี้ก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ไคทำหน้าเหมือนโลกสลายก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น แม่งมันรู้ได้ไงวะว่าเราติ่งวงนี้
คนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้แต่มองผู้ที่ยืนอยู่เยื้องๆ ตาแป๋ว คงจะสงสัยล่ะสิว่าเขารู้ได้ยังไง ไม่ต้องไปมองคนอื่นไกลชานยอลที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือนี่แหละ ลู่หานจำที่ชานยอลเล่าให้ฟังเกี่ยวกับไคได้และชานยอลก็เคยเห็นไคเต้นอยู่คนเดียวในกระท่อมส่วนตัว
วันนี้แหละ สเต็ปเทพจะได้เปิดเผยแล้ว...คิคิคิ
ทุกคนหัวเราะครื้นเมื่อไคเริ่มขยับตัวและร้องเพลงท่อนฮุก ไคเต้นด้วยใบหน้าที่แดงจัดก่อนจะรีบนั่งลงเมื่อท่อนฮุกจบไปอย่างรวดเร็ว
มึง...ฝากไว้ก่อนเลยมึง
“เหลืออีกรอบนึง ตกที่ใครดีนะ~” ลู่หานลากเสียงยาวให้หลายคนขนลุกเล่นก่อนจะเริ่มหมุนขวด เมื่อขวดเริ่มหมุนบรรยากาศก็ตึงเครียดเงียบสงัดอีกครั้ง คราวนี้ลู่หานไม่ได้เจาะจงใคร มันตกที่ใครก็ค่อยเลือกคำถามที่ตรงกับคนนั้น
กึก...
อ้าว ดันตกใส่คนที่ไม่มีอะไรจะถามซะด้วย แต่ก็บอกไม่ได้วุ้ย เอาเป็นว่า...คิดสิๆๆๆๆ
“truth or dare” ปากก็ถามไปแต่สมองก็ยังคิดหาคำถามกับบทลงโทษอยู่
“truth”
เวร...ดันอยากตอบ ฮือ...งั้นเอาคำถามสิ้นคิดไปแล้วกัน
“มีจูบแรกตอนอายุเท่าไหร่”
“คำถามอะไร...14” เซฮุนบ่นแต่ก็ยอมตอบ
“โห...แต่เด็ก”
“คำถามมึงนี่สิ้นคิดจริงๆ รู้งี้กูน่าจะ truth” ไคบ่นออกมาแต่ลู่หานก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ถ้าเป็นนายคำถามไม่สิ้นคิดแบบนี้หรอก พอเป็นเซฮุนนี่ไม่รู้จะถามอะไรมากกว่า เจ้าตัวดันอยากตอบด้วย”
“เอ้าๆ ต่อไปๆ เซฮุนหมุน” เทาดึงเพื่อนกลับมาสนใจเกม เซฮุนไม่ได้เลือกเป้าหมายหมุนไปตกที่ใครก็ได้ทั้งนั้น
กึก!
ตกที่เทา
“ห่าน กูไม่น่าจับขวดเลย”
“เลือก”
“truth มา”
“ดีเลย แกเอา PSP ฉันไปใช่ไหม”
“เออ...แม่งรู้ได้ไงวะ”
“เอามาคืนด้วย”
“มันใช่ช่วงแห่งการทวงของไหมเนี่ย” ไคบ่นขึ้น “เปลี่ยนเกมดีกว่าว่ะ ไม่มันส์เลย เล่นเกมที่แดกเหล้ากันอย่างเดียวดีกว่า เกมนี้เบื่อล้ะ”
“หรอออ” ทุกคนส่งเสียงออกมา เจอลู่หานขัดลาภมากกว่ามั้งเลยเลิกเล่น ไคเสนอเกมต่อคำขึ้น ใครต่อไม่ได้คนนั้นต้องกินเหล้าสองฝาผสมอะไรก็ได้แต่เต็มแก้ว ทุกคนร่วมใจแกล้งลู่หานแล้วก็โดนหักหลังบ้างเป็นบางเวลา เอาเป็นว่าตอนนี้กรึ่มกันทั้งวงไม่เว้นแม่แต่สองหน่อที่ต้องคอยเก็บศพ ดีโอกับแบคฮยอนถอนตัวจากดื่มเหล้า ได้แต่นั่งมองคนอื่นเล่นเกมรอให้สร่างเมา
ไม่คิดเลยว่าลู่หานจะคอแข็ง โดนเข้าไปเกือบสิบแก้วแล้วยังพูดปร๋ออยู่เลย ดีโอกับแบคฮยอนแค่ห้าแก้วหน้าก็เริ่มแดงก่ำแล้ว
“มึงไม่เมาสักทีวะ” ไคพูดเสียงติดยานหน่อยๆ แล้วชี้ไปที่ลู่หาน ชานยอลที่เคยห้ามลู่หานบัดนี้ก็เลิกห้ามและคงไม่คิดห้ามอีกแล้วเพราะดูท่าเจ้าตัวจะคอแข็งใช้ได้เลย ลู่หานหัวเราะเยาะไคที่โดนเขาผสมเหล้าให้ในอัตราส่วนเกือบครึ่งแก้วทุกครั้ง คิดจะมามอมลู่หานมันง่ายเกินไป
“ฉันว่านายเมาแล้วล่ะไค ไปนอนได้แล้วไป พอๆ” ดีโอห้ามปราบ พอจะสร่างเมาแบกไคกลับกระท่อมได้แล้ว ร่างเล็กลุกขึ้นก่อนจะฉุดไคให้ลุกขึ้นตาม ไครู้สึกโลกหมุนเมื่อยืนขึ้นก่อนจะเซเล็กน้อย บอกแล้วว่าเหล้านุ่มๆ แต่เมาเพียวๆ กินแปบเดียวก็เมาได้
“ไปก็ด้ายยย ฝากไว้ก่อนนะมึง” ตัวไคโงนเงนไปมา ดีโอจับแขนไคพาดบ่าไว้ก่อนที่ร่างสูงจะเซไปมากกว่านี้ ไคหันมาชี้หน้าลู่หานด้วยหน้าง่วงทำให้ลู่หานหัวเราะเบาๆ ออกมา
เขารู้สึกว่าตัวเองก็เริ่มกรึ่มๆ แล้วล่ะ แต่ยังไม่อยากลุกไปไหน...หันไปมองแบคฮยอนที่ตาเริ่มจะปิด ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมายิ้มให้
“ฉันเป็นพวกเมาแล้วง่วงน่ะ เลยกินแบบพอประมาณ” แบคฮยอนบอก
“ดีแล้ว จะได้ไม่ถูกใครมอมง่ายๆ” ลู่หานบอก
“นายก็คอแข็งใช้ได้เลยนะเนี่ย”
“ก็กินไม่บ่อยนะ สงสัยมีภูมิต้านทานอยู่แล้ว” ลู่หานบอกก่อนจะที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน หันไปมองเซฮุนกับเทาก็ยังนั่งคุยเอาหลังพิงระเบียงยกเหล้าดื่มแบบชิวๆ พอๆ กับชานยอลที่นั่งคั่นระหว่างเขากับแบคฮยอน
“ชานยอลเปลี่ยนที่กัน อยากคุยกับแบคฮยอน” ลู่หานสะกิดบอกร่างสูง ชานยอลปรายตามองก่อนจะส่ายศีรษะ
“ไม่เอา อยากนั่งตรงนี้”
“หา...เมาแล้วหรอเนี่ย” ลู่หานถามกับอากาศ ชานยอลไม่ตอบได้แต่เท้าแขนไปข้างหลังเพื่อให้ตัวเล็กทั้งสองได้คุยเห็นหน้ากันก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่ม
“ฉันเห็นชานยอลยกดื่มตลอดเลยนะ เขาอาจจะเครียดๆ อะไรหรือเปล่า” แบคฮยอนถาม
“ไม่หรอก ก็เห็นพูดมาก ปกติดีนะ”
“อ้อ...อืม ถ้าชานยอลเมาคงแบกกลับไม่ไหวหรอก มันไกลนะ นอนที่นี่ไม่ก็ไปนอนกับฉันที่กระท่อมก็ได้”
“จะไปแล้วหรอ”
“อืม ไม่ไหวแล้ว ง่วงมาก” แบคฮยอนลุกขึ้นเมื่อตัวเองสร่างเมาแต่ความง่วงก็เข้ามาแทรกแทน บิดสุดตัวก่อนจะลาเทากับเซฮุนและปลีกตัวออกไป
“เฮ้ย พอแล้ว พรุ่งนี้กลับบ้านนะ เดี๋ยวก็ตื่นไม่ไหวหรอก” ลู่หานแย่งแก้วเหล้ามาจากชานยอล ชานยอลหันมามองลู่หานด้วยนัยน์ตาวูบไหว ลู่หานขมวดคิ้วประหลาดใจ ทุกครั้งที่เขาพูดเกี่ยวกับการกลับบ้านชานยอลจะมีท่าทีแปลกๆ เสมอ
“นายไม่อยากกลับก็ไม่เป็นไรนะ ฉันไปคนเดียวได้” ลู่หานบอกออกไป พอจะคิดได้ระดับหนึ่งว่าชานยอลอาจจะมีปัญหากับที่บ้านจากรอบที่แล้วก็ได้
“ฉันอยากกลับแต่ก็ไม่อยากกลับ...” ชานยอลเหม่อมองดวงจันทร์บนทองฟ้าที่มืดสนิทก่อนจะบอกออกมา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น
“ไม่เป็นไร ไม่อยากกลับก็ไม่เป็นไร มีอะไรนายก็ปรึกษาฉันได้นะ อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว” ลู่หานยกนิ้วก้อยขึ้นมาทำให้ชานยอลนึกถึงสัญญาที่เคยสัญญากันไว้ในวันแรกที่เจอกัน ชานยอลยิ้มบางๆ ก่อนจะเอียงตัวซบไหล่ลู่หาน
“ฉันเหนื่อยนะ...รู้สึกเหนื่อยใจ...”
“อยากเล่าเมื่อไหร่ก็เล่านะ”
“ขอบใจนะ มีนายเป็นเพื่อนนี่ดีที่สุดแล้ว ความคิดนายโตกว่าฉันซะอีก”
“ตั้งแต่มีคนรังเกียจก็ทำให้มองโลกหลายๆ ด้านขึ้นน่ะ ครอบครัวมันตัดกันไม่ขาดหรอกนะ นายชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ควรบอกผู้ใหญ่ไปตรงๆ เราจะมาบ่นเองไม่ได้ว่าเขาไม่เข้าใจเราถ้าเราไม่ได้บอกเขาก่อน เฮ้...นายโตกว่าฉันตั้งหลายปีนะ ฉันมาสอนนายทำไม” ลู่หานร้องขัดเมื่อตัวเองเผลอพูดไปไกล
“หึ...ก็ช่วยได้เยอะ พูดไปเถอะ” ชานยอลยกมือขึ้นลูบหัวลู่หาน ลู่หานจิปากอย่างขัดใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้ยกเว้นให้ชานยอลเป็นกรณีพิเศษ
60%
“ลู่หานกับชานยอลดูสนิทกันดีนะ” เทาพูดขึ้นหลังจากที่เหลือบมองฝั่งตรงข้ามว่านอนเกลื่อนไปหรือยัง ปรากฏว่าชานยอลหลับตาซบไหล่ลู่หานอยู่และลู่หานก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“ก็ดีแล้วนี่”
“คู่แกนี่แปลกนะเว้ย มีแต่เข้ามาแล้วจะสนิทกับพาร์ทเนอร์ก่อน จนป่านนี้แล้วพวกแกแม่งยังอึมครึมอยู่เลย” เทายิ้มขำก่อนจะยกเหล้าขึ้นจิบ
“ก็ไม่แปลกนี่ หน้าอย่างฉันมันรับแขกมากหรือไง”
“ก็นะ เจอกันครั้งแรกฉันอยากจะฟาดปากแกเลยล่ะ คิดดูแล้วกัน” ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ เซฮุนเหลือบไปมองฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง เห็นชานยอลพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่ลู่หานจะหันมาพูดกับเขา ลู่หานสะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขามองอยู่แล้ว
“ฉันแบกชานยอลกลับไม่ไหว ขอนอนนี่แล้วกัน”
“อืม โซฟาว่าง”
“มีฟูกหรืออะไรให้ฉันนอนป่ะ”
“แล้วทำไมไม่เดินกลับ...อ้อ” เซฮุนลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลู่หานกลัวผี
“นั่นแหละ นอนนี่แล้วกัน ไปชานยอล ลุก” ลู่หานเพยิดหน้าคิดว่าเซฮุนก็คงรู้เหตุผลดีก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอามือเกี่ยวเอวชานยอลให้ลุกขึ้นมาด้วยกัน
“ไหวไหมล่ะนั่น” เทาถามอย่างเป็นห่วง
“ไหวๆ เดินเข้านิดเดียวเอง” ถึงจะปฏิเสธไปแต่ด้วยความสูงและน้ำหนักตัวที่แตกต่างทำให้ลู่หานเซเกือบล้มเมื่อชานยอลทิ้งน้ำหนักลงมา เซฮุนกับเทาปราดเข้าไปช่วยก่อนที่เซฮุนจะหันมาสั่ง
“ยังไหวก็เคลียร์สถานที่ไปแล้วกัน ฉันก็ว่าจะพอแล้ว”
“เดี๋ยวออกมาช่วย” เทาบอก
“โอเคๆ” ลู่หานสะบัดศีรษะไล่ความมึนที่ก่อตัวขึ้นก่อนจะหันหลังไปเก็บกวาดซากขนม แก้วที่วางเกลื่อนกลาด ขวดเหล้าที่เหลือเพียงก้นขวด สักพักเทากับเซฮุนก็ออกมาช่วยเก็บ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจการเก็บกวาดแล้วเทาก็ขอตัวกลับกระท่อมไป
“เดี๋ยวฉันนอนข้างล่างข้างๆ โซฟาก็ได้” ลู่หานพูดขึ้นหลังจากเซฮุนหอบหมอนกับฟูกมาให้
“ระวังชานยอลกลิ้งลงมาทับล่ะ”
“คงไม่นอนดิ้นขนาดนั้นหรอกมั้ง”
ตุบ!
ยังไม่ทันขาดคำชานยอลที่นอนพาดยาวอยู่บนโซฟาก็กลิ้งตกลงมาจูบพื้นไม้ซะอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้โวยวายอะไรนอกจากส่งเสียงงึมงำในลำคอติดรำคาญ ลู่หานกรอกตาขึ้นเพดานก่อนจะร่วมมือกับเซฮุนพาชานยอลขึ้นไปนอนบนโซฟาเหมือนเดิม
“แล้วเขาจะกลิ้งลงมาอีกไหม” ลู่หานถาม
“มันกลิ้งทุกครึ่งชั่วโมงนั่นแหละ ฉันถึงบอกให้นายระวังไง”
“อ้าว แล้วฉันจะไปนอนตรงไหนล่ะเนี่ย” ลู่หานบ่นกับตัวเองก่อนจะเกาหัวแกรกๆ เขาคงต้องเสียสละฟูกให้ชานยอลแน่ๆ ถ้าชานยอลจะกลิ้งตกลงมาถี่ขนาดนั้น แล้วก็คงไม่แบกขึ้นโซฟาอีกแล้ว ปล่อยให้นอนจูบพื้นไปแบบนั้นแหละ
“ไปนอนในห้องฉันก็ได้”
“นายมีฟูกอีป่ะ อันนี้คงต้องปูไว้ให้ชานยอล” ลู่หานพยักหน้ารับ เห็นด้วยที่จะไปนอนในห้องเซฮุนเพราะที่ห้องนั่งเล่นนี่ก็ไม่ใช่ว่าใหญ่อะไรมาก หันไปทางซ้ายก็เจอโต๊ะกินข้าว หันไปทางขวาก็เจอห้องครัว
“ไม่มีแล้ว มีอันเดียว เวลาพวกไคกับเทาเมามันก็จะมานอนอัดบนเตียงกับฉัน”
“แสดงว่าเตียงนายใหญ่มากดิ”
“สองคนกำลังพอดี”
“ชวนพี่ขึ้นเตียงหรอน้อง” ลู่หานทำเสียงล้อเลียน เซฮุนผลักหัวคนตัวเล็กกว่าซะแรงจนลู่หานเซไปเล็กน้อย
“ไม่ต้องปฏิเสธแรงขนาดนี้ก็ได้มั้ง ก็แซวๆ”
“ตกลงจะนอนยัง”
“อืมๆ ไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวปูฟูกไว้ให้ชานยอลแปบ”
“ปูเสร็จแล้วก็เข้าไปเลย ฉันว่าจะอาบน้ำอีกรอบ”
“โอเค”
เซฮุนเดินซับหน้าเข้ามาในห้องนอนก่อนจะมองสำรวจร่างบางว่าหลับไปหรือยัง ร่างบางนอนตะแคงเสียจนสุดเตียง เหลืออีกไม่กี่มิลลิเมตรก็จะตกเตียงอยู่แล้ว เซฮุนกระตุกมุมปากยิ้ม...เห็นห่ามๆ ไร้มารยาทไปบ้างแต่ก็ยังมีความเกรงใจ ที่นอนบนเตียงเหลือขนาดที่ว่าไปหิ้วชานยอลมานอนด้วยยังดิ้นได้สบาย
เซฮุนนั่งคุกเข่าบนเตียงก่อนจะค่อยๆ สอดมือที่คอและข้อพับขาของลู่หาน ดึงให้คนตัวเล็กเข้ามาในเขตเตียงมากกว่านี้ หากพรุ่งนี้ตกเตียงกลับบ้านไม่ได้เดี๋ยวจะมางอแงใส่เขาเอา ลู่หานขยับตัวนอนหงาย สีหน้าผ่อนคลายราวกับกำลังฝันดี เซฮุนละมือออกมาก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วกลับมาทิ้งตัวนอน
ร่างสูงเอียงคอมองคนข้างๆ เมื่อรู้สึกแรงยุบตัวของเตียงก่อนจะเห็นว่าลู่หานนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางเขา แสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เขามองเห็นหน้าลู่หานได้ชัดเจน ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงตรงหน้ามีใบหน้าที่งดงามยิ่งกว่าผู้หญิง ยิ่งตอนหลับยิ่งเหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่ ถ้าหากที่นี่เป็นบ้านเขาตื่นเช้ามาแม่คงตกใจแน่ๆ เพราะคงคิดว่าเขาพาผู้หญิงมานอนในห้อง เซฮุนหัวเราะเบาๆ ตลกกับความคิดตัวเอง จะว่าไปแล้วก็คิดถึงแม่แฮะ...ไม่ได้เจอกันสามสี่เดือนได้แล้วมั้ง...
อะไรอีกล่ะ...นอนดิ้นจริงๆ เลยวุ้ย
เซฮุนบ่นในใจเมื่อลู่หานตะแคงพลิกไปอีกข้างพร้อมกับดึงผ้าห่มฝั่งเขาไปเกือบหมด จะดิ้นบนที่นอนก็ดิ้นได้แต่แย่งผ้าห่มฮุนไม่ยอมเพราะตอนกลางคืนที่นี่เย็นมากแล้วก็อยู่ใกล้ทะเลสาบด้วย เซฮุนเขยิบตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะออกแรงดึงผ้าห่มให้กลับห่มตัวเองไปถึงคอ
ลู่หานครางในลำคออย่างหงุดหงิดก่อนจะสาวผ้าห่มกลับไปเพื่อจะห่อตัว แต่เซฮุนก็ยื้อไว้ก่อนจะนอนทับปลายผ้าห่มฝั่งหนึ่งไว้ เอาสิ...ดึงไปทั้งตัวได้ก็แรงควายแล้ว ลู่หานออกแรงดึงอีกรอบแต่ก็ดึงไม่ไหว เปลือกตาสวยก็ยังหลับอยู่แบบนั้นในที่สุดก็เลิกดึงแล้วพลิกตัวตะแคงมาทางด้านเซฮุนอีกรอบก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้เซฮุนมากขึ้นเพื่อให้ผ้าห่มคลุมตัวได้มิดมากกว่าเดิม เซฮุนแค่นหัวเราะเมื่อคนตัวเล็กเลิกพยศ นี่คงละเมอว่านอนอยู่บนเตียงตัวเองคนเดียวแน่ๆ เซฮุนถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นร่างบางนิ่งไปแล้วและปิดเปลือกตาลงหวังจะพักผ่อน
สวบ
จะนอนโว้ยยย!
เซฮุนคิ้วขมวดลืมตามองร่างบางอย่างขุ่นเคืองเมื่อรับรู้ถึงการขยับตัวก่อนจะเบิกตาหน่อยๆ อย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นหน้าลู่หานแต่ความรู้สึกหนักๆ ที่เอวกับลมหายใจร้อนๆ ใกล้หน้าอกก็บอกเขาได้ดีว่าตอนนี้กำลังโดนอะไรอยู่
“นี่...”
“หมอนข้างมาหาพี่ลู่แล้วหรอ...ว่าจะไปหาอยู่พอดี แง่มๆ” เซฮุนกำลังจะอ้าปากด่าแต่ก็อ้าปากค้างไว้อย่างนั้นก่อนจะก้มมองหัวทุยๆ ที่เริ่มซุกเข้ามาใกล้อกเขามากขึ้น พอได้ยินลู่หานละเมอออกมาแบบนั้นแล้วก็ด่าไม่ออก หมอนี่คงจะติดหมอนข้างแน่ๆ เซฮุนได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ขอละ...หยุดดิ้นสักทีเถอะ เป็นหมอนข้างก็เป็นให้แล้ว
พอคิดไปคิดมาเซฮุนเลยตัดปัญหาด้วยการเอาลู่หานเป็นหมอนข้างบ้าง วาดมือยกทาบบนเอวบางไว้ก่อนจะยกขาก่ายไม่ให้ตัวปัญหาดิ้นไปไหน ก่อนจะวางศีรษะลงบนกลุ่มผมนิ่มของร่างบาง เอาเถอะ...เขาก็ทำแบบนี้กับแบคฮยอนอยู่บ่อยๆ
เออจะว่าไปมันก็สบายดีนะ...
ลู่หานลืมตาตื่นในเช้ามืดวันต่อมาก่อนจะลุกนั่งแล้วปรือตามองไปรอบๆ เพื่อปรับแสง ทำไมผนังไม่คุ้น...อ้อลืมไปว่าเมื่อคืนค้างที่บ้านเซฮุน ร่างบางก้มสำรวจข้างเตียงแต่ก็เจอความว่างเปล่า...นี่โอเซฮุนตื่นเร็วกว่าเขาอีกหรอ
แต่เอ๊ะ...เมื่อคืนจำได้ว่าเรานอนฝั่งนู้นนี่หว่า ไหงกระเด็นมาฝั่งนี้ได้
ลู่หานกัดปากหลับตาแน่นเมื่อนึกได้ว่าเมื่อคืนตัวเองคงนอนดิ้นรบกวนเจ้าของบ้านแน่ๆ เตียงนอนของเซฮุนนอนสบายจริงๆ นิ่มมากจนไม่อยากจะตื่น แต่วันนี้จำเป็นต้องตื่นเพราะเรามีนัดที่สำคัญกว่า เหย่
ลู่หานพับผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปดูชานยอล เห็นร่างสูงนอนแผ่อยู่บนพื้นแล้วก็ยิ้มบางๆ ลู่หานเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเขย่าตัวชานยอล
“ชานยอล ตื่นได้แล้วเช้าแล้ว กลับไปนอนบ้านไป”
“อือ...” ชานยอลส่งเสียงครางในลำคอก่อนจะเปลือกเปิดตาแล้วยันตัวลุกขึ้น “เช้าแล้วหรอ”
“อือ ประมาณหกโมงได้แล้วมั้ง ไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวนายไปกินข้าวไม่ทันนะ”
“…ไปกินที่บ้านก็ได้”
“หืม?” ลู่หานที่ลุกขึ้นยืนหลังจากปลุกร่างสูงเสร็จหันมาถามร่างสูงอย่างแปลกใจ
“ฉันจะกลับบ้าน...คิดดูแล้วว่าควรกลับ”
“เยี่ยม ต้องแบบนี้สิ เซฮุนคงอาบน้ำอยู่มั้ง เดินไปบอกเขาหน่อยก็ดี” ลู่หานยกนิ้วโป้งให้ชานยอลก่อนจะช่วยดึงตัวชานยอลให้ลุกขึ้นมาเก็บที่นอนไว้บนโซฟาแล้วเดินไปที่ห้องน้ำด้วยกัน ได้ยินเสียงน้ำไหลก็คิดว่าตัวเองเดาถูกก่อนจะตะโกนบอกคนข้างใน
“เซฮุน เราตื่นแล้วนะ กลับบ้านก่อนล่ะ”
“อืม โชคดี” ข้างในก็ตะโกนกลับมา
ลู่หานและชานยอลแยกย้ายกันไปอาบน้ำชำระร่างกายสาดความสดชื่นให้หายเมาค้างก่อนจะมารวมตัวแล้วไปหาอาจารย์เซนดริกด้วยกัน
“จริงๆ ฉันบอกนายเองก็ได้ว่าไปยังไงกลับยังไง แต่อาจารย์เขาให้ไปหาก็ไปฟังจากเขาเอาแล้วกัน” ชานยอลบอก
“อืม...อาจจะฝากอะไรถึงพ่อก็ได้มั้ง”
“รออยู่ข้างนอกแล้วกัน”
“โอเค” ลู่หานพยักหน้ารับเมื่อทั่งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านอาจารย์เซนดริกก่อนที่ชานยอลจะบอกออกมา
“ผมมาแล้วครับอาจารย์”
“โอ้...จะไปแต่เช้าเลยหรือ?”
“ครับ...อยากกลับบ้านใจจะขาด” ลู่หานทำท่าตื่นเต้นก่อนจะหัวเราะออกมา
“โอเค งั้นมาเรียนรู้การกลับโลกครั้งแรกกันเถอะ อันดับแรกนายต้องเดินไปที่ทางเข้าใหญ่ของโรงเรียน นึกออกไหมซุ้มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากท่าเรือ...นั่นแหละ จากนั้นให้มองไปทางซ้ายมือของนายจะมีช่องให้ใส่วาร์ปโฟนอยู่ ให้นายวางวาร์ปโฟนของนายลงไปแล้วก็พูดรหัสใส่แค่นั้นประตูวาร์ปก็จะเปิด เดี๋ยวาร์ปโฟนมันจะตามไปทีหลังเอง รอรับให้ดีๆ แล้วกัน อ้อๆ พูดสถานที่ต่อท้ายรหัสด้วย ครั้งแรกนายต้องนึกถึงสถานที่ดังๆ อย่างเช่นห้าง ไม่ก็สถานที่ท่องเที่ยว เพราะนายยังไม่เคยไปไหนเลยไม่ได้บันทึกสถานที่อะไรไว้ พอนายกลับบ้านไปก็ให้พ่อนายช่วยสอนแล้วกกันว่าบันทึกสถานที่ยังไง วาร์ปไปที่ห้องน้ำหรือที่ลับตาคนหน่อยก็ดี เขาจะได้ไม่สงสัยอะไร”
“นี่วาร์ปโฟนหรือเครื่องสะสมสถานที่ครับ” ลู่หานเอ่ยแซว
“ฮ่ะๆ ถ้าฉันเปิดบริษัทแข่งกับสตีฟ จอบส์รับรองว่าฉันรุ่งแน่ๆ ข้ามเรื่องนั้นไป...เรื่องสำคัญคือนายต้องกลับไม่เกินเที่ยงของวันพรุ่งนี้...ถ้าเกินก็ไม่ใช่ว่ากลับไม่ได้หรอกนะ...เพียงแต่ว่านายจะโดนทำโทษเพราะมันเป็นกฎ...เข้าใจไหม”
“ครับ ผมจะรักษาเวลาให้ดีที่สุดเลยครับ...เอ่อ...แล้วผมจะกลับยังไงล่ะครับ”
“นายแค่พูดว่า ‘คอราจ’ แค่นั้นแหละ ขากลับมักง่ายกว่าขาไปเสมอ อ้อ...อีกอย่างถ้ามีเรื่องฉุกเฉินอะไรโทรมาหาฉันได้ตลอด เครื่องฉันมันรับรหัสตลอดเวลา ไกลแค่ไหนคลื่นก็มาถึง” อาจารย์เซนดริกตบท้ายด้วยมุกให้นักเรียนขำเบาๆ
“อาจารย์มีอะไรจะฝากถึงพ่อผมไหมครับ”
“ฝากบอกเขาว่าคิดถึงมากแล้วกัน ว่างๆ ก็แวะมาเยี่ยมกันบ้าง”
“พ่อผมสามารถมาที่นี่ได้หรอครับ” ลู่หานถามอย่างสงสัย
“เด็กที่จบไปแล้วไม่สามารถกลับมาบนเกาะได้ แต่ก็นะ...มีพ่อนายคนเดียวที่สามารถทำได้”
“พ่อผมไม่ธรรมดาเลยนะครับเนี่ย”
“นายก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน” อาจารย์เซนดริกจ้องลึกเข้ามาในดวงตาลู่หานอย่าง นัยน์ตานั้นแฝงไปด้วยความหยั่งรู้อะไรบ้างอย่างในตัวเขา ลู่หานนิ่งไปก่อนจะแสร้งทำเป็นหัวเราะ
“ฮ่ะๆๆๆ อาจารย์ก็พูดไป ผมไม่ขนาดพ่อหรอกครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“โชคดีล่ะ” อาจารย์เซนดริกโบกมือไล่หลังจนร่างบางออกจากบ้านไปก่อนจะพูดตามหลัง “ใช่นายไม่เท่าพ่อนาย...แต่นายจะยิ่งกว่าพ่อนาย”
“โอเคล่ะ ฉันได้รู้เรื่องพ่อเพิ่มอีกแล้ว กลับไปฉันจะฮุกหมัดใส่พ่อไม่ยั้งเลย” ลู่หานเดินมาหาชานยอลก่อนจะบ่นด้วยความคับอกคับใจ
“ขนาดนั้นเลย...รีบไปกันเถอะ” ชานยอลเบ้ปากใส่ก่อนจะยกแขนเกี่ยวคอลู่หานให้เดินไปด้วยกัน
“อยากกลับบ้านขึ้นมาแล้วหรอ”
“อือ...ไปให้เห็นหน้าสักหน่อยก็ดี”
“สู้ๆ แล้วกัน ไม่รู้จะบอกอะไร”
“ขอบใจ”
ลู่หานกับชานยอลเดินคุยกันมาเรื่อยๆ จนถึงซุ้มทางเข้าใหญ่ ลู่หานหยิบวาร์ปโฟนออกมาก่อนจะวางในช่องของเสาด้านซ้ายมือตามที่อาจารย์เซนดริกบอกแล้วหยิบกระดาษที่เขียนรหัสไว้ขึ้นมาอ่านแต่ลู่หานก็ชะงักก่อนจะหันไปถามชานยอล
“ไปโผล่ที่ไหนดี”
“ตามใจนาย”
“เฮ้ย ช่วยหน่อยสิ นึกไม่ออกอ่ะ...ครั้งแรกของนายนายเลือกไปที่ไหนล่ะ”
“ห้องน้ำห้าง XXX”
“งั้นไปที่นั่นอีกครั้งแล้วกัน เฮ้ย แต่ห้างมันยังไม่เปิดนี่!” ลู่หานหันกลับเตรียมจะท่อนรหัสแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ถึงเวลาเปิดทำการของห้างดัง
“เออดิ งั้นไปห้องน้ำย่านการค้าอะไรที่ดังๆ แล้วกัน” ชานยอลยกกำปั้นโขลกเข้าที่ศีรษะลู่หานก่อนจะช่วยเสนอแนะให้
“เออเนอะ” ลู่หานหันไปท่องรหัสใส่ก่อนจะบอกชื่อสถานที่ ฉับพลันซุ้มไม้ก็มีกระจกใสกั้น ภายในมีตัวอักษรสีม่วงที่เป็นภาษาโบราณวิ่งวนเป็นวงกลมรอบๆ วังวนสีขาว ลู่หานค่อยๆ ยื่นแขนเข้าไปใกล้ก่อนจะหันมาถามชานยอล
“เราจะไม่โดนพลัดหลงไปไหนไกลใช่ป่ะ”
“ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่นายบอกอ่ะ มันรับสถานที่จากกูเกิ้ล”
“เฮ้ย จริงป่ะเนี่ย”
“ล้อเล่น ดาวเทียมต่างหาก เข้าๆ ไปเถอะ” ชานยอลพูดจบก็ไม่รอให้ลู่หานได้ตั้งตัวดุนหลังลู่หานให้เข้าไปก่อนจะตามเข้าไปติดๆ แค่เสี้ยววินาทีที่ทั้งคู่ตกอยู่ในวังวนของแสงสีขาวก่อนที่จะหายไป ลู่หานรู้ตัวอีกทีก็ตอนตกหวืดล้มพับนั่งกับพื้นก่อนที่ชานยอลจะตามมาล้มทับใส่
“โอ๊ย ลุกไปเลยนะ” ลู่หานออกแรงผลัก ชานยอลดันตัวลุกขึ้นก่อนจะดึงแขนลู่หานให้ลุกขึ้นตาม ร่างบางมองสำรวจรอบๆ ตัวก่อนจะยิ้มกว้าง
“เออ...ห้องน้ำจริงๆ เนอะ ในห้องน้ำเลยเนี่ย”
โป้ก!
“โอ๊ย!” ลู่หานร้องออกมาเมื่อมีอะไรแข็งๆ มาหล่นมากระทบศีรษะ มีทั้งสองข้างแบรับโดยอัตโนมัติก่อนจะพบว่าสิ่งที่ตกลงมาคือวาร์ปโฟนของตัวเอง
เลือกที่ลงได้ดีมากลูก ฮึ่ม...
“นายพาฉันมาที่ย่านไหนเนี่ย” ชานยอลถามขึ้นหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำสาธารณะของย่านการท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง คนยังไม่พลุกพล่านมากนักเพราะยังเช้าอยู่
“แถวบ้านฉันเองอ่ะ บ้านนายอยู่แถวไหนอ่ะ”
“แถวXXX”
“ก็ไปอีกไกลเลยอ่ะ แล้วจะไปยังไง มีเงิน?”
“มีดิ เตรียมมา...นายล่ะ”
“คงเดินอ่ะแหละ แต่ก็ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก นี่ก็เลือกที่ใกล้สุดแล้ว”
“ให้เดินไปส่งป่ะ”
“ไม่เป็นไร กลับบ้านไปเถอะ มีอะไรก็โทรมา”
“อืม โชคดี”
“โชคดี” ทั้งคู่โบกมือลาก่อนจะแยกย้ายกันไป ลู่หานเดินไปเรื่อยๆ ตามทางที่คุ้นเคย ก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ถึงอากาศจะไม่ค่อยดีแบบบนเกาะแต่ด้วยความคิดถึงบ้านเกิดทำให้การกลับมาครั้งนี้อะไรมันก็ดีไปหมด ลู่หานเดินยิ้มตลอดทางเหมือนคนบ้า ทักเจ้าของร้านค้าที่คุ้นเคยกันดีก่อนจะได้ของมากินฟรีๆ
ในที่สุดสองเท้าของลู่หานก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความทรงจำ ลู่หานกดกริ่งหน้าบ้านก่อนจะไปหลบตรงพุ่มไม้เพื่อแกล้งคนที่จะมาเปิดประตูให้
“ค่า ใครคะ?” เสียงหวานที่ลู่หานจำได้ขึ้นใจ พอเห็นมารดาเปิดประตูออกมาทำหน้าฉงนเมื่อไม่พบใครลู่หานก็หลุดหัวเราะแบบไม่มีเสียงออกมา ก่อนจะกดกริ่งอีกครั้งเมื่อมารดาเดินกลับเข้าไปแล้ว คราวนี้ลู่หานยืนยิ้มรอผู้เป็นแม่อยู่หน้าประตู
“คะ...ละ...ลูก” ลู่หานยิ้มให้มารดาที่มองมาที่เขาอย่างตกใจก่อนที่น้ำตาเม็ดใสจะร่วงออกมาหยดแล้วหยดเล่าจากดวงตาคู่สวยที่ลู่หานได้มา ทิ้งจังหวะได้ไม่นานร่างบางของมารดาก็โผเข้ากอดเต็มรัก ลู่หานกอดตอบก่อนจะหัวเราะหยอกล้อกับมารดา
“แม่ ผมไม่ได้ฟื้นจากตายนะเนี่ย ร้องไห้อย่างกับผมตายไปแล้ว”
“ไอ้เด็กคนนี้นี่!” หญิงวัยทำงานผละออกมาตีแขนลูกชายที่ทำเสียบรรยากาศก่อนจะชวนลู่หานเข้าบ้านไปด้วยกัน ลู่หานจำได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดของร้านเพราะฉะนั้น วันนี้เลยเป็นวันดีของเขาสุดๆ ที่จะได้อยู่กับครอบครัวทั้งวัน
“พ่อ! ลงมาข้างล่างนี่เร็ว ลูกกลับมาแล้ว” หญิงวัยทำงานส่งเสียงบอกสามีที่อยู่ด้านบนอย่างตื่นเต้น ลู่หานยังคงยิ้มค้างอยู่แบบนั้น ถึงแม้จะรู้สึกเมื่อยแก้มแต่เขาก็มีความสุขจนอยากจะยิ้มทั้งวัน
“จริงหรอแม่!” ลู่หานอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงของพ่อที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ลู่หานเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยแล้วก็กางแขนรอรับอ้อมกอด บิดาของลู่หานวิ่งลงบันไดมาก่อนจะโผเข้ากอดแล้วเหวี่ยงตัวลู่หานเป็นวงกลมแบบที่ลู่หานชอบให้ทำตอนเป็นเด็ก
“พอแล้วพ่อๆ มึนหัวๆ” ลู่หานปราม ทำให้บิดายอมวางตัวลงก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวจนผมลู่หานกระเซิงไปหมด
“โอ๊ย พ่อนี่...” ลู่หานได้แสร้งเรียกอย่างไม่พอใจก่อนจะจัดทรงอีกครั้ง
“เสี่ยวลู่กินอะไรมารึยัง”
“ยังครับ อยากกลับมากินฝีมือแม่ใจจะขาด” ลู่หานว่าอ้อนๆ ก่อนจะเอาหน้าถูไหล่มารดา
“ดีเลย แม่กับพ่อก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเหมือนกัน มาถูกเวลาจริงๆ เลย”
“ลูกพ่อกับแม่เก่งจะตาย...นี่ๆ ผมมีเรื่องจะเล่าเยอะเลยล่ะ”
“จะฟังยันจบเลยไอ้ตัวแสบ”
บิดาลู่หานตบไหล่เบาๆ ก่อนจะพาลูกชายเดินเข้าไปยังโต๊ะทานข้าวระหว่างรอแม่จัดเตรียมลู่หานก็เล่าชีวิตสองอาทิตย์ให้บิดาฟัง มารดาที่อยู่ไม่ไกลก็ได้ยินด้วย ลู่หานเล่าไปพร้อมกับตัดพ้อพ่อไปที่ไม่ยอมบอกอะไร แต่ลู่หานก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก อยากจะเล่าเรื่องการทำภารกิจแรกมากกว่าก่อนจะให้บิดาเล่าเรื่องภารกิจแรกให้ฟังบ้าง วันนี้มื้อเช้าเลยกินเวลานานกว่าปกติเพราะทานไปคุยไป ลู่หานอยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกทีเมื่อไหร่
“พ่อ...อาจารย์เซนดริกฝากบอกมาว่าคิดถึงพ่อ ว่างๆ ก็ให้ไปเยี่ยม ว่าแต่พ่อไปที่เกาะได้ยังไงอาจารย์บอกว่าคนอื่นทำไม่ได้นอกจากพ่อ”
ลู่หานกับบิดาออกมาช่วยกันทำสวนที่หลังบ้าน มารดาก็นั่งถักไหมพรมอยู่ไม่ไกล มองภาพที่เหมือนวันเก่าๆ ด้วยความอิ่มเอมในใจ
“ความลับ”
“เอ้า...พ่ออ่า” ลู่หานทำหน้างุ้มเมื่อบิดาไม่ยอมบอก ลองได้พูดคำนี้แล้วสิ่งนั้นก็คือสิ่งที่บิดาจะไม่ยอมบอกจริงๆ
“บอกไม่ได้ สัญญากับคนๆ หนึ่งไว้”
“ก็ได้ๆ ลองพ่อได้พูดแบบนี้แล้วก็คงไม่ยอมบอกอะไรแน่ๆ อ่ะ”
“แต่แกก็เก่งจริงๆ นะที่ผ่านภารกิจแรกมาได้ ถึงฟังๆ ดูมันเหมือนจะฟลุ๊คซะมากกว่าก็เถอะ”
“ผมก็ว่างั้นอ่ะพ่อ ถ้าไม่ได้ไอ้สองแสบนั่นช่วยแบบไม่ได้ตั้งใจก็คงไม่ผ่าน” ลู่หานหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันแข่ง
“แล้วไปตั้งชื่อลูกเขาว่าคิตตี้นี่คิดดีแล้วหรอ ชื่อน่าเกรงขามดีจริงๆ”
“ทำไมพ่อต้องพูดเหมือนเซฮุนด้วย” ร่างบางบ่นอุบอิบเบาๆ
“เอ้า ก็มันจริงไหมล่ะ ถึงเจ้าตัวกับแม่ของเขาจะไม่รู้ แต่เพื่อนๆ ลูกน่ะรู้จักการ์ตูนคิตตี้กันเกือบทุกคนแหละ” บิดายิ้มขำ
“ก็ตั้งไปแล้วนี่พ่อ ช่างเถอะๆ ผมไม่ได้เลี้ยงเขาสักหน่อย จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ให้เขาอยู่กันแบบครอบครัวนั่นแหละดีแล้ว”
“นี่ลูกพ่ออายุสิบแปดจริงหรอ?”
“ทำไมถามงั้นล่ะพ่อ”
“แกดูโตขึ้นนะ”
“คงเพราะผมต้องอยู่ตัวคนเดียวล่ะมั้ง ยิ่งมาเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับตัวเองมันก็ทำให้ผมคิดได้อะไรได้หลายอย่าง สังคมที่นั่นก็ดีเหมือนกันนะ ทุกคนรักกันเหมือนพี่น้อง...อาจจะไม่ชอบหน้ากันบ้างแต่พอคุยกันแล้วก็เข้าใจตัวตนของคนๆ นั้น แล้วเราก็ไปเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้ทำได้แค่ยอมรับแล้วก็ปรับตัวเองเข้าหาเขา ผมเจอคนๆ หนึ่งที่เป็นแบบนี้แหละ แล้วฝ่ายที่ปรับตัวก็คือผมนี่แหละ” ลู่หานบอกอย่างเซ็งๆ ...เจ้าเก่าเจ้าเดิมครับ ป่านนี้คงจามไปหลายแฮ่กแล้ว
“แล้วตอนนี้เป็นไง”
“ก็เรื่อยๆ นะพ่อ ก็ไม่เกลียดแต่ก็ยังไม่สนิทเท่าไหร่”
“เอาเถอะ แกยังมีเวลาเรียนรู้อีกเยอะ อยู่ที่นั่นอย่างต่ำก็สี่ห้าปี”
“ผมควรจะได้ปริญญาสาขาอะไรดีพ่อ”
“เอาสาขาชงกาแฟศาสตร์ไหม ช่วยกิจการที่บ้านต่อ”
“มันมีหรอพ่อ” ลู่หานหัวเราะกับบิดาอย่างชอบใจก่อนจะช่วยกันถอนหญ้าต่อไป แต่แล้วลู่หานก็นึกขึ้นได้อีกหนึ่งคำถาม
“ตอนนี้พ่อควบคุมจิตใจคนได้แล้วรึยัง”
“ได้...แต่พ่อไม่อยากเอาออกมาใช้หรอก ใช้ตอนที่มันอันตรายจะดีกว่า”
“งั้นพ่อก็ไม่เคยใช้พลังเลยอ่ะดิ”
“ใครบอก แล้วที่ชงกาแฟเสิร์ฟได้เร็วแบบนั้นคิดว่าเพราะอะไรล่ะ?”
“อ้อ...ที่แท้ก็แอบใช้หลังเคาเตอร์นี่เอง ทำไม่ให้ผมเห็นด้วยนะ...แล้วทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกเรื่องพลังกับผม ผมคิดว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจส่งผมไปอยู่คอราจตั้งแต่รู้ว่าผมมีพลังแน่ๆ”
“ใช่ พ่อไม่อยากส่งแกไปคอราจ อยากให้แกอยู่กับพวกเราไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามีพลังนิดๆ หน่อยๆ ก็พอ ไม่ต้องไปฝึกฝนขนาดพ่อ ใช่...ได้ฝึกมันก็ดี แต่มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ”
“มันก็อยู่ที่เราจะเลือกใช้นี่พ่อ พ่อไม่ต้องกลัวว่าผมจะเป็นคนเลวหรอก พ่อกับแม่สอนผมให้เป็นคนดีจนผมจะไม่รู้จักกับคำว่าเลวแล้ว”
“โห...ลูกพ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ นะเนี่ย” บิดายกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายอย่างเอ็นดู
“หล่อมากด้วยพ่อ...อีกข้อพ่อ...นอกจากจะควบคุมสิ่งของแล้วพ่ออ่านใจคนได้ไหม”
“ไม่ได้นี่...แกทำได้เหรอ”
“ครับ อยู่ๆ ผมก็ทำได้...เพื่อนผมบอกว่าถ้าพ่ออ่านใจได้เหมือนผมก็แสดงว่าผมได้มาจากพ่อและเราก็มีพลังเดียวกันคือพลังควบคุม แต่ว่ามันไม่ใช่แล้ว...เพราะผมดันทำในสิ่งที่พ่อทำไม่ได้” ลู่หานบอกเสียงแผ่ว กลับไปคงต้องรีบบอกเรื่องนี้กับเซฮุน
“นอกจากอ่านใจแล้วแกทำอะไรได้อีก” บิดาหยุดกิจกรรมรดน้ำต้นไม้ วางสายยางลงก่อนจะหันมากอดอกถามลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำอะไรได้อีก รู้แค่สองอย่างคือควบคุมสิ่งของกับอ่านใจ”
“คิดไม่ผิดจริง...” ลู่หานได้ยินบิดาพูดกับตัวเองก่อนจะทวนถามออกไปเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ว่าไงนะพ่อ”
“เปล่าๆ แล้วได้คุยกับอาจารย์เซนดริกเรื่องนี้รึยัง”
“ยังเลยครับ ผมต้องไปปรึกษาเขาใช่ไหม”
“ลูกควรทำ เพื่อความสบายใจ...ลูกจะได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้อีก”
“ครับพ่อ ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับเขา” ลู่หานตอบรับ
“เอ้อ ออกไปซื้อหลอดไฟแบบในห้องพ่อมาให้หน่อยสิ หลอดมันขาดพอดี”
“ครับ เงินครับพ่อ” ลู่หานแบบมือตรงหน้าก่อนที่บิดาจะควักแล้วแปะใส่มือลูกชาย
“เหลือก็ซื้ออะไรเข้ามากินได้ พ่อให้”
“โห พ่อใจดีจังเลย” ลู่หานกอดพ่อไปหนึ่งทีก่อนจะวิ่งลั้นลาร้องเพลงออกจากบ้านไป บิดาลู่หานเห็นลูกชายเดินออกไปแล้วก็รีบไปนั่งคุยกับภรรยา ภรรยาสาวเงยหน้ามองอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของสามี
“คุณไม่สบายรึเปล่าคะ”
“เปล่าๆ คุณจำเรื่องที่ลู่หานเข้ามาในความฝันผมได้ไหม เมื่อตอนแกสิบขวบ”
“อ้อ...ได้ค่ะ แล้วคุณแน่ใจแล้วหรอคะว่าแกเข้ามาจริงๆ ไม่ใช่คุณคิดไปเอง”
“เมื่อกี้ลูกบอกผมว่าอ่านใจคนได้...ทั้งๆ ที่ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ พลังในวัยเด็กจะแผ่ออกมามากกว่าตอนโตเพราะเขายังไม่รู้วิธีควบคุม ตอนหลับลู่หานอาจจะเผลอปล่อยพลังออกมาทำให้เขาเข้ามาในจิตใจของผมได้ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมส่งเขาไปคอราจ”
“ไม่จริงน่า...” ฝ่ายหญิงอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหู
“ผมอยากจะให้อาจารย์เซนดริกช่วยพิสูจน์แล้วก็ดึงพลังของลู่หานออกมา ผมรู้ว่าเขาไม่ธรรมดามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วและตอนนี้ผมก็แน่ใจเมื่อได้ยินจากปากเขา เพราะฉะนั้นเราก็คิดถูกแล้วที่ส่งเขาไปที่นั่น ขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไปพลังของลู่หานอาจจะเป็นภัยโดยที่ไม่รู้ตัว”
“เราจะได้อยู่เป็นครอบครัวอีกครั้งเมื่อไหร่คะเนี่ย” ภรรยาสาวถอนหายใจออกมา
“ก็มาทำน้องให้ลู่หานก่อนก็ได้ จะได้ไม่เหงา”
“เอ๊ะ...คุณนี่ มันใช่เวลาไหม”
“เอาน่า ผมไม่อยากให้คุณเศร้า ลูกก็โตแล้วเราควรจะปล่อยให้แกไปเผชิญโลกเอง ยังไงซะสักวันหนึ่งแกก็ต้องมีครอบครัวและเราก็ต้องจากแกไปอยู่ดี”
“ฉันขอใช้เวลาที่เหลือกับลูกบ้างไม่ได้รึไงล่ะ” ภรรยาสาวว่าอย่างงอนๆ
“เชื่อผมเถอะ ยังไงแกก็หาทางมาหาเราได้บ่อยๆ อยู่แล้ว ลูกเราฉลาดและเก่งกว่าที่คุณคิดนะ”
“อะไรๆ คุณก็รู้ไปหมด ใช่สิ...ฉันไม่ได้มีพลังวิเศษแบบคุณนี่”
“ทำเป็นงอนเหมือนตอนคบกันใหม่ๆ ไปได้ แต่ผมก็ขอบคุณคุณนะ ที่รู้ตัวตนของผมแล้วคุณไม่ทิ้งผมไปเหมือนคนอื่นๆ” สามีจับมือภรรยาสาวก่อนจะจุมพิตเบาๆ ที่หลังมือสวยเป็นการขอบคุณ ภรรยาสาวหน้าแดงแต่กลบเกลื่อนความอาย
“ก็รักไปแล้วฉันทิ้งคุณไม่ลงหรอก อีกอย่างคุณก็เป็นคนดีมากๆ ด้วย”
“ผมรักคุณจัง”
“ฉันเขินนะ”
“ผมก็เขินเหมือนกัน แต่ผมรักคุณมากกว่า”
“เข้าบ้านแล้ว มาจ้องตาอยู่ได้” ภรรยาสาวว่าก่อนจะเก็บของและเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้สามีหัวเราะกับการกลบเกลื่อนความเขินด้วยการด่าเหมือนตอนที่จีบกันไม่มีผิด
หลังจากนี้คงต้องคอยเอาใจช่วยลูกชายอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แต่ก็ไม่แน่...บางทีอาจจะลองไปที่เกาะนั่นอีกครั้ง
Talk 2 : -ขำฮุนฮานแย่งผ้าห่ม 555 มันยังไม่หวานนะ อารมณ์แบบเพื่อนๆ กัน (อีนี่ก็ดับการจิ้นดีจริงๆ เลยมึง) เอ้อะ ใครจะสกรีมก็สกรีมไป ครึ่งแรกให้พิชานไปแล้วครึ่งหลังมาให้พิฮุนบ้างละกัน ตอนหน้านี่เจอกับเรื่องพี่ชาร์ลล้วนๆ เลยค่ะ ตามติดชีวิตพระรองบ้าง จริงๆ ฟิคก็มีแท็กนะ เพิ่งนึกออก 5555 แต่ก็ไม่รู้จะเล่นกันไหม ว่างๆ ก็ติดให้เราเห็นบ้างก็ดี #ฟิครรฝก ฝากด้วยเหล่ย
Talk : เจอหลอกกันไปเป็นแถบๆ ใครแอบแช่งอยู่ในใจป่ะเนี่ย ขายของไม่ดีเลยกลับไวเลย ชิๆ (ได้ข่าวไปหลอกเค้าก่อน) กลับมาเจอเม้นท์แล้วตื่นเลยอ่ะ ดีใจมีคนแสดงตัวว่ารอเราอยู่
#ตอนนี้คืออะไร ง่อยมาก ไม่มีอะไรจะเขียนแล้ว? 5555 น้ำเน้นๆ มีเนื้อแค่ดราม่าพี่ชานเอง บ่นชานลู่กันไปสักสองสามตอนนะแต่จำเป็นต้องเขียนถึงเพราะจะปูพื้นไปเรื่องของพี่ชาร์ลส์
อ้ออีกอย่าง จะเขียนช็อตฟิคฉลองทุกๆ 100 เฟบดั๊วะ เอาชื่อเรื่องมาให้ดู
เรื่องนี้มีสามตอนก็กะแค่สามร้อยเฟบพอ อ่านแล้วติดใจก็ชวนเพื่อนมาอ่านด้วยกันนะ จะได้อ่านต่อไวๆ อิอิ -..- โปรโมตดีๆ นี่เองมุง ไปล้ะ บายจย้า ดีมืด
ตอบ Comment!!! (มากันเยอะเพราะเจอฉันหลอกเข้าไป 555)
-
ไม่นะคิตตี้55555555 /// ไม่นะคิตตี้นี่คืออย่าตั้งชื่อนี้ใช่ไหม 55#56
-
ชอบมากง่ะเรื่องนี้ แฟนตาซีโครต แต่ม่วน >< /// ขอบคุณค่ะ จะพยายามให้ม่วนๆ ต่อไป 555#55
-
โท่ น้องกลายมาเป้็นมักเน่ไปละ55555 /// จ๋อยเลยฮะพี่ลู่#54
-
เฮ้ๆๆๆ จะทำอะไรย่ะโอเซเดี๋ยวเถอะๆ /// โอเย่ะ ช็อตฟิคมีคนอ่านด้วยงับ ดีใจ#53
-
ชานลู่ ชานลู่ ชานลู่ ฮิ้วววว ฮุนฮานไว้ทีหลังเนอะไรท์ ฉากต่อไปลู่พาชานไปเปิดตัวที่บ้านละกัน คิคิ /// เดี๋ยวๆ ตกลงเรื่องนี้ใครเป็นพระเอก#52
-
ว่าแล้วลู่หานต้องชนะคู่ป่วนแน่ๆ ไคกับเทาหนีเสือฮาไปไหมเนี่ย แม่เสือน้อยคิตตี้มุ้งมิ้งมากกกกก /// เอ้าเมนท์เด้ง#51
-
ว่าแล้วลู่หานต้องชนะคู่ป่วนแน่ๆ ไคกับเทาหนีเสือฮาไปไหมเนี่ย แม่เสือน้อยคิตตี้มุ้งมิ้งมากกกกก /// ดูชื่อที่นางตั้ง นั่นคือเสือ ใครได้ยินจะกลัวลงไหม ตอบ! 555#50
-
รออออออออออออออออออออออออออออค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา /// ลงอย่างไว#49