คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : COURAGE : ตอนที่ 4 การฝึกและเฝ้าระวัง 2
คอราจ : ตอนที่ 4
การฝึกและเฝ้าระวัง 2
ชานยอลมาเรียกลู่หานที่หน้ากระท่อมตั้งแต่เช้าตรู่ ยิ่งวันนี้เป็นวันที่ต้องระวังเป็นพิเศษแล้วด้วยควรไปไหนมาไหนเป็นกลุ่ม วันนี้ลู่หานกับเซฮุนแยกกันเรียนคนละคลาสแต่ก็โชคดีที่ชานยอลเรียนคลาสเดียวกับลู่หาน เขาเป็นห่วงเด็กใหม่อย่างลู่หานที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่ ไอ้เด็กโรงเรียนนี้มาทีไรโรงเรียนวุ่นวายทุกที
“นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆ เอง วันนี้ทุกคนดูกระตือรือร้นกันดีเนอะ” พอเดินมาถึงหน้าโรงอาหารลู่หานก็ยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนจะพูดกับชานยอล
“เหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจแบบนี้ควรตื่นเช้าเข้าไว้ล่ะดีที่สุดเลย” ชานยอลสอดส่องมองหาที่นั่งว่างก่อนจะดึงลู่หานให้ตามมาแล้วนั่งลงข้างๆ เทาที่มีดีโอกับไคนั่งรวมอยู่ด้วย
“อรุณสวัสดิ์ลู่หาน ชานยอล” ดีโอทักทั้งสองเป็นคนแรกก่อนจะส่งยิ้มกว้าง ลู่หานเห็นรอยยิ้มสดใสของดีโอแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ ก่อนจะทักกลับไปเช่นกัน
“ปกติจะเจอพวกนักเรียนก็ตอนใกล้ๆ เจ็ดโมง สงสัยคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกัน” ไคที่ทานแอปเปิ้ลรองท้องพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงห้วน ลู่หานมองหน้าก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิดอาจจะเป็นเพราะที่นี่เสียงดังหรือไม่ไคเองก็คงไม่ได้นอนเช่นกัน
“ว่าแต่เขา นายก็ไม่ได้นอน” ดีโอหันไปตีหน้ายุ่งใส่คนผิวแทน ตัวเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพวกนั้นเลย
“จะให้นอนลงได้ไง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบปีที่แล้วผมจะได้เตรียมตัวทัน” ไคกัดแอปเปิ้ลคำใหญ่ด้วยความคับแค้นใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ปีที่แล้วที่โรงเรียนนั้นมาเยี่ยมแบบไม่บอกไม่กล่าวพ่วงมาด้วยของแถมอีกต่างหาก
ลู่หานที่นั่งฟังอยู่นานถามออกไปด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
“ก็เมื่อปีที่แล้วอ่ะนะ ไอ้โรงเรียนงูมันบอกว่าจะมาตอนสายๆ ของวันถัดมาแต่ดันมาตอนตีสี่พร้อมกับกองทัพงูเป็นโขยง เลื้อยให้ยั้วเยี้ยเต็มโรงเรียนไปหมด ดีนะที่เป็นงูไม่มีพิษไม่อย่างนั้นล่ะได้ตายยกโรงเรียน ดับอนาถด้วยพิษงู พูดแล้วก็ขนลุกเลย บรึ้ย~” ไคทำท่าขนลุกขนพองก่อนจะโยนแอปเปิ้ลลงบนโต๊ะ นึกสภาพตัวเองที่โดนงูรัดเมื่อปีก่อนแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนพาลจะกระเดือกอะไรไม่ลง
“โห นี่มันแกล้งกันเห็นๆ เลยนี่นา แล้วโรงเรียนเราไม่มีโครงการไปเยี่ยมโรงเรียนนั้นบ้างหรอ?” ลู่หานเห็นไคขนลุกแล้วพลอยขนลุกตามไปด้วย ลูบแขนเรียวของตัวเองสองสามทีก่อนจะถามออกไป
“จะไปเข้าถ้ำเสือทำไม ไปที่นั่นเท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ” เทาที่นั่งเงียบมานานก็ออกปากบอกลู่หาน ส่วนไคกับดีโอก็ตามมาสมทบ
“ใช่ๆ ได้ยินมาว่าที่นั่นมีแต่สัตว์น่ากลัวๆ แถมนักเรียนส่วนใหญ่ก็สนิทกับงู ฉันคนนึงล่ะขอบายถ้าผอ. คิดจะทำโครงการทัวร์”
“แต่ผอ. ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นน้องสาวเขา”
“จะว่าไปผอ. ก็น่าสงสารนะ ต้องมาบาดหมางกับพี่ชายแท้ๆ เพราะความคิดขัดกัน” ชานยอลออกความเห็น ก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วมีใครรู้ไหมว่าเบื้องหลังโรงเรียนนั้นสอนอะไร?”
“ไม่มีใครรู้ ขนาดผอ. กับอาจารย์เซนดริกยังไม่รู้เลยว่าพวกนั้นคิดจะทำอะไรที่เป็นภัยต่อพวกเรารึเปล่า” ชานยอลเบ้ปากก่อนจะยักไหล่ขึ้น
“หวังว่าปีนี้โรงเรียนนั้นคงไม่ทำอะไรพิเรนทร์ๆ อีกนะ มาแบบปกติสุขบ้างเถอะ” ดีโอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเหนื่อยใจที่จะรับมือ นี่ยังไม่รวมพวกนักเรียนตัวแสบที่มาป่วนเวลาเรียนของพวกเขาด้วย
“วันนี้ใครเรียนวิชาฝึกดาบกับวิชาเวทบ้าง?” ลู่หานถาม
“มีเรากับไค เทาแยกไปเรียนป้องกันตัวกับธนู วิชาเวทของเทามีแค่อาทิตย์ละสองครั้งเอง พอดีเขาฝักใฝ่ด้านป้องกันตัวมากไปหน่อย” ดีโอบอกก่อนจะแซวเทา เทาเป็นพวกคลั่งไคล้ในการต่อสู้ ไม่ได้ฝึกสักวันต้องลงแดงตายแน่ๆ
“แล้วเทานี่พลังอะไรหรอ?”
“ฉันหรอ? ฉันหยุดเวลาได้น่ะ” เทาที่กำลังเหม่อลอยเรียกสติกลับมาเมื่อได้ยินชื่อตัวเองก่อนจะตอบคำถาม
“เฮ้ย เจ๋งดีอ่ะ ลองหยุดให้ดูบ้างดิ” ลู่หานตาลุกวาวทำท่าสนุกสนานเหมือนได้ของเล่นใหม่ ชานยอลลอบมองอย่างปลงๆ
“หยุดไปพวกนายก็ไม่รู้ตัวหรอก แล้วฉันก็หยุดเวลาได้แค่ห้าวิเอง” เทาบอกก่อนจะยกมือทำท่าประกอบ
“ก็บอกแล้วให้ดึงพลังมาฝึก นายมัวแต่ฝึกวิชาป้องกันตัวจนจะครบทุกแขนงบนโลกแล้ว” ดีโอหันไปยู่ปากใส่เทา
“ความชอบคนเรามันไม่เหมือนกันนี่ นายก็เป็นมิตรกับดินของนายต่อไปเถอะ”
“เออไคเทเลพอร์ตได้นี่ ลองแวบให้ดูบ้างดิ” ลู่หานเลิกสนใจเทาก่อนจะหันมาถามไคด้วยแววตาเปี่ยมหวัง อยากจะเห็นพลังวิเศษที่ออกมาจากคนอื่นบ้างนอกจากชานยอล
“ได้...อันยอง~” ไคพยักหน้ารับก่อนจะใช้พลังตัวเองหายตัวจากที่นั่งข้างดีโอมาปรากฏตัวอยู่บนตักลู่หานภายในพริบตาแล้วทำตัวสะดิ้งยิ้มกว้างทักทาย ลู่หานสะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อไคแวบมาอยู่บนตักเขาโดยไม่บอกไม่กล่าว พอเห็นท่าทางน่าหมั่นไส้ของไคแล้วลู่หานก็ผลักให้ไคกระเด็นลงจากตักไป พวกเขาหัวเราะร่วนก่อนจะพบว่าอีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาทานอาหารเช้าแล้ว
“เออนี่ แล้วเซฮุนกับแบคฮยอนล่ะ ยังไม่เห็นเลยอ่ะ” ดีโอถามขึ้นมา ลู่หานกับชานยอลมองหน้ากันก่อนจะส่ายหัว
“เซฮุนมันเคยเดือดร้อนอะไรกับใครล่ะ เดี๋ยวมันก็มาเองแหละ” ไคบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“นั่น ตายยากชะมัด” เทายู่ปากเพยิดหน้าให้ทุกคนหันไปมองตามก่อนจะเจอเซฮุนกับแบคฮยอนที่เดินเข้ามาด้วยกัน แบคฮยอนชะเง้อคอเหมือนจะมองหาที่นั่ง แต่แล้วก็สะดุดกับโต๊ะที่ลู่หานนั่งอยู่เลยยิ้มกว้างส่งกลับมาก่อนจะเดินมาหา
“ไง พวกนายมากันนานแล้วหรอ?”
“อืม ไคกลัวโดนงูรัดอย่างปีที่แล้วน่ะ เลยลงทุนตื่นเช้าไปปลุกฉันกับเทา” ดีโอบอกก่อนจะอมยิ้มอย่างล้อเลียนคนที่นั่งข้างๆ ไคผลักหัวดีโอเบาๆ เป็นการเอาคืนที่กล้าล้อเขา
“อ้อ คงเข็ดมากสินะ เหมือนไม่มีโต๊ะว่างเลย ฉันขอนั่งตรงนี้ด้วยได้รึเปล่า?” แบคฮยอนหัวเราะร่วนก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“อ่า...แต่ว่าโต๊ะมันนั่งได้เต็มที่ก็แค่ฝั่งละสามคน ถ้าแบคฮยอนนั่งเซฮุนก็ต้อง...” ดีโอบอกด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ กลัวเพื่อนจะเสียน้ำใจ แต่มันก็จริง ถ้าแบคฮยอนนั่งที่ไหนเซฮุนก็ต้องนั่งตรงนั้นก็เขาเป็นแฟนกันนี่
“ลู่หาน…นายก็ไปนั่งฝั่งนู้นกับดีโอดิ ไคแกก็เขยิบไปให้มันชิดๆ ขอบหน่อย ฉันรู้ว่าแกจะนั่งกับดีโอ ทีนี้แบคฮยอนกับเซฮุนก็นั่งได้แล้ว” ชานยอลจัดการให้เสร็จสรรพ เขามองออกว่าดีโอลำบากใจแต่จะให้ไล่เพื่อนไปก็ใช่ที่...พวกนั้นก็ไหล่เล็กตัวเล็กอย่างกับผู้หญิง นั่งได้พอดีอยู่แล้ว
ลู่หานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ ดีโอ แบคฮยอนทำหน้าคิดไม่ตกก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“อ่า...ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะ เราไปนั่งที่อื่นกันก็ได้”
“นั่งตรงนี้แหละแบคฮยอน ไม่ใช่ว่ารังเกียจอะไรกันหรอก แต่กลัวนั่งไม่สบายต่างหากล่ะ” ชานยอลบอกแทนดีโอที่คิดเหมือนกัน
“อ้อ งั้นก็รบกวนด้วยนะ” แบคฮยอนมีสีหน้าผ่อนคลายก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ลู่หาน ส่วนเซฮุนที่เหมือนคนนอนไม่เต็มตื่นก็แบกร่างตัวเองลงไปนั่งข้างๆ ชานยอลพลางหาวหวอดๆ
“แกฝึกทั้งคืนเลยหรอวะ” ไคเห็นอาการเซฮุนแล้วก็ถามออกไปอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ ถึงจะหมั่นไส้ที่มันขาวกว่าแต่เขากับเซฮุนก็เป็นเพื่อนที่สนิทกัน
“อือ...ขี้เกียจตื่นชะมัด”
“ถึงว่าดิมาซะเกือบสาย”
“ถ้าแบคฮยอนไม่มาปลุกคงหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว”
“อิจฉาคนมีแฟนว่ะ อะไรๆ ก็ดี” ไคเอาลิ้นดุนแก้ม หงุดหงิดอ่ะ ไคก็อยากมีซอมวันๆ สักคนให้ฉันอบอุ่นใจบ้างนะ
“ไม่หาเอง ในค่ายนี่ก็สวยๆ เยอะแยะ” เทาคว่ำปากใส่ไค เห็นบ่นตลอดเวลาว่าอิจฉาคนมีแฟนแต่ตัวมันเองก็ใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ มันต่างหากที่ไม่สนใจคนอื่น อยากจะเบะปากรัวๆ ร้อยครั้งแต่ทำได้แค่ครั้งเดียวเดี๋ยวหมดหล่อ
“แล้วลู่หานมาอยู่นี่ถูกใจใครมั่งรึยังอ่ะ” ไคตบปากเทาเบาๆ ก่อนจะหันมาถามลู่หาน
“ยังอ่ะ จริงๆ แล้วชีวิตนี้ยังไม่เคยสนใจใครเลย” ลู่หานบอกด้วยท่าทางสบายๆ แต่คนอื่นคิดว่านี่เป็นปัญหาระดับชาติสำหรับผู้ชายหน้าตาดีแต่ไม่เคยมีแฟนเลยนะเว้ย
“เป็นไปได้...แต่ก็ไม่แน่ นายอาจจะได้เรียนรู้ความรักที่นี่นะเว้ยยย” ไคลากเสียงยาวก่อนจะทำหน้าทะเล้น ลู่หานแค่นหัวเราะก่อนจะได้ยินสัญญาณให้ไปต่อคิวรับอาหาร
หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารแต่ล่ะคนก็แยกย้ายกันไปเข้าคลาสเรียน ทุกคนมีสีหน้าดีขึ้นหลังจากที่ทานอาหารกันไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของนักเรียนเซอร์เพนไทน์ถึงแม้จะไม่มีเหตุการณ์วาดเสียวแบบปีที่แล้ว แต่ก็นิ่งนอนใจอะไรไม่ได้ ยิ่งไม่มีวี่แววอะไรแบบนี้แหละที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
วิชาแรกของวันคือวิชาฝึกดาบ ลู่หานโล่งใจที่มันไม่ใช่ดาบจริง ยิ่งเป็นคนซุ่มซ่ามอยู่หน่อยๆ เห็นของมีคมไม่ได้แล้วพาลจะมือไม้อ่อน ถ้าเกิดเป็นดาบจริงแล้วเผลอปล่อยดาบหลุดมือขึ้นมาจะแย่เอา
“ใครที่เคยซ้อมยังไงก็ไปซ้อมแบบเดิมก่อน ส่วนเด็กใหม่มานี่” พอเข้ามาที่คลาส ทุกคนก็แยกย้ายไปหยิบดาบไม้ก่อนจะมารวมกลุ่มกันรออาจารย์ พออาจารย์มาถึงก็ไม่รอเวลากระจายเด็กไปฝึกก่อนจะเรียกตัวลู่หานให้เข้าไปหา
อาจารย์วิชาฝึกดาบเป็นอาจารย์เชื้อสายตะวันตก ร่างกายสูงใหญ่กำยำอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อดูน่ากลัว ถ้าหากว่าท่อนแขนนั่นเผลอฟาดเขาคงน็อคคาที่ ทว่าหน้าตาของอาจารย์ตะวันตกก็ทำให้สาวๆ ลืมเรื่องกล้ามมัดที่ดูน่ากลัวนั่น คิ้วเรียวเข้มพาดเฉียง ตาสีน้ำทะเลล้อมด้วยแพขนตายาว จมูกโด่งเป็นสันหยักช่วงกลางกับปากรูปกระจับนั่น...ลู่หานอยากจะรู้ว่านอกจากเป็นอาจารย์กันแล้วอาจารย์ที่นี่รับจ็อบงานนอกด้วยหรือเปล่า
แต่ล่ะคน...นั่นอาจารย์หรือนายแบบกันแน่
“ฉันชื่อดอมินิก ครูส เรียกอาจารย์ดอมสั้นๆ ก็ได้ เคยจับดาบมาก่อนไหม?”
“นอกจากมีดในครัวแล้ว...ก็ไม่เคยยุ่งกับของมีคมครับ”
“เหอะ ไอ้เด็กนี่มีอารมณ์ขันเว้ย...โอเค นายคงต้องฝึกท่าพื้นฐานกับฉันก่อน ก้าวขาขวามาข้างหน้านิดหน่อย...” อาจารย์ตาฟ้าแค่นหัวเราะก่อนจะพูดกับตัวเองแล้วเริ่มสอนขั้นพื้นฐานให้กับนักเรียนใหม่
ลู่หานฝึกขยับขาและแขนให้เข้าจังหวะกันนานนับครึ่งชั่วโมง เพราะฝึกดาบต้องขยับตัวอยู่ตลอดเวลาและต้องมีสมาธิด้วย ยากกว่าธนูที่ใช้สมาธิอย่างเดียวแต่ถึงกระนั้นลู่หานก็ผ่านจุดๆ นั้นมาได้ อาจารย์ดอมินิกสอนกระบวนท่าให้ลู่หานไปสองสามท่าก่อนจะลองให้ลู่หานฝึกฟันกับเขา
“การใช้ดาบเป็นการฝึกไหวพริบอย่างหนึ่งหากฝึกไปเรื่อยๆ แล้วก็จะสามารถคาดคะเนทิศทางของดาบได้ ใช้ความไวของตาสังเกตและจดจำ ความจริงแล้วในสนามรบไม่มามัวลีลานึกท่าฟันแบบนี้หรอก แต่นี่คือการเรียน ฟันมั่วเดี๋ยวจะโดนทำโทษ” ระหว่างที่ฝึกท่ากันอยู่อาจารย์ฝรั่งก็พูดไปด้วย ลู่หานฟันดาบไล่จากบนลงล่างก่อนจะจบด้วยการฟาดดาบเข้าที่หน้าคู่ต่อสู้แต่อาจารย์ก็สามารถกันไว้ได้อย่างว่องไว ทั้งคู่ลดดาบลงก่อนที่อาจารย์ดอมินิกจะให้นักเรียนใหม่ไปนั่งพัก
“เฮ้!~เด็กจากโรงเรียนงูมาแล้ว คราวนี้ล่องเรือมาแบบปกติไม่มีสัตว์อะไรติดมา” ทุกคนหันไปสนใจผู้บอกสารนั้นเป็นตาเดียวก่อนจะเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น อาจารย์ฝรั่งเห็นว่านักเรียนเริ่มตื่นตระหนกกันมากขึ้นเลยลุกขึ้นปรบมือสองสามทีเพื่อเรียกความสนใจของทุกคน
“เด็กๆ ใจเย็นกันไว้ก่อน พวกเธอก็ทำตัวให้เหมือนปกตินั่นแหละ ถ้าไอ้พวกนั้นแกล้งมาก็แกล้งกลับแต่ไม่ต้องถึงขนาดมีเรื่องกัน ถ้ามันอยากหาเรื่องก็พามันมาหาฉันนี่เดี๋ยวจะจัดให้สักดอก แต่อย่าไปไว้วางใจสถานการณ์ พวกนั้นมาเงียบๆ มันก็ออกจะแปลกไปเสียหน่อย ระวังตัวกันไว้ให้ดีๆ ล่ะ”
“อาจารย์ครับ...แล้วถ้าพวกนั้นมาขอเรียนในคลาสล่ะครับ?”
“ก็ให้มันเรียนกันไป ดีซะอีกที่จะได้อยู่ในสายตาฉัน ฉันจะได้ช่วยพวกเธอง่ายๆ” อาจารย์ฝรั่งยักไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหันไปบอกลู่หาน
“นายก็ไปหาเพื่อนซ้อมไป หรือไม่ก็ไปฝึกกับหุ่นฟางก็ได้ แย่งกับเพื่อนเอา” ลู่หานพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาหุ่นฟางที่มีคนจับจองแค่คนเดียว ชานยอล ดีโอและไคก็จับจองตัวอื่นๆ กับเพื่อนไปแล้วจะให้ไปอัดกันฟันก็คงไม่ดี
“หวัดดี” ลู่หานทักขึ้น ผู้ชายที่ความสูงไม่ค่อยต่างจากลู่หานชะงักแขนที่กำละเงื้อขึ้นก่อนจะหันมามองลู่หานที่อยู่ด้านหลัง
“อ้อ เด็กใหม่...นายชื่ออะไรนะ?” ชายหนุ่มคนนั้นลดดาบไม้ลงก่อนจะหันมายิ้มให้แล้วกลอกตาขึ้นมองฟ้าพยายามนึกชื่อลู่หาน
“ฉันชื่อลู่หาน เป็นคนจีนแต่ว่ามาจากเกาหลี”
“อ้อ ฉันชื่อแจ็คสัน หวัง ฉันมาจากฮ่องกงแล้วก็เป็นคนฮ่องกง”
“โอ๊ะ...ดีเลย ใช้ภาษาเดียวกัน”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน แล้วนายมาอยู่ที่นี่นานรึยังอ่ะ?”
“ก็เกือบๆ ปีอ่ะ อยู่ที่นี่ก็สนุกดีนะ”
“แล้วนายพลังอะไรหรอ?”
“ฉันควบคุมน้ำได้”
“ลูกหลานโพไซดอนหรือเปล่า” ลู่หานพูดติดตลก เอ่อ...แต่ว่ามันก็อาจจะเป็นจริงก็ได้นะ ขนาดเรื่องไซคลอปส์ยังเจอมาแล้วเลย
“บ้าเหรอ ฮ่าๆๆ หรือว่าจะเป็นแบบนั้นนะ...” แจ็คสันหัวเราะออกมาก่อนจะแกล้งทำท่าครุ่นคิด ลู่หานยิ้มบางๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงมิตรใหม่ แจ็คสันดูเป็นคนตลกท่าทางตลกๆ ของเขาทำให้ลดช่องว่างในการสนทนากันได้ แจ็คสันช่วยสอนลู่หานในการฟันดาบอีกรอบก่อนจะฝึกไปพร้อมๆ กัน
“กรี๊ดดด~!” ลู่หานได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ มาจากผู้หญิงในคลาส พวกผู้หญิงนั้นจับกลุ่มกันก่อนจะซุบซิบๆ แล้วหันไปมองทางด้านหน้าคลาส ลู่หานมองตามไปก็พบกับบุคคลแปลกหน้าที่ยืนยกยิ้มหล่ออยู่ เขามั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เด็กคอราจแน่ ถึงจะจำได้ไม่หมดทุกคนแต่ก็ไม่เคยเห็นคนๆ นี้มาก่อน ต้องเป็นเด็กโรงเรียนเซอร์เพนไทน์นั่นแน่ๆ
ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่หลุดกรี๊ดให้ศัตรูนี่มันใช่เรื่องกันไหมแม่คุณ
“ลู่หานมานี่” ชานยอลเดินมาดึงลู่หานให้ไปรวมกลุ่มอยู่กับพวกก่อนจะจ้องเขม็งไปยังผู้มาเยือนที่ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์สอดส่องมองนักเรียนคอราจในคลาสนี้ทุกคน อาจารย์ดอมินิกเข้าไปทักอย่างไม่เต็มใจนัก
“นักเรียนเซอร์เพนไทน์ใช่ไหม?”
“ครับ พอดีผมเห็นคลาสนี้น่าสนใจก็เลยอยากร่วมด้วย” ชายหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตวัดสายตามาทางลู่หาน ลู่หานถึงกับสะดุ้งเบาๆ พร้อมๆ กับชานยอลที่กรอกตาเงยหน้าขึ้นฟ้า
เอาแล้วลู่หาน...หน้าตานายเป็นพิษชัดๆ
“ให้ลองฝึกก็คงได้ แต่อย่ามาแหยมกับนักเรียนของฉันแล้วกัน” อาจารย์ฝรั่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใช้สายตาน่าเกรงขามข่มขู่ ชายหนุ่มเอเชียผู้ตัวเตี้ยกว่าทำท่ายียวนด้วยการห่อปากร้องอูไม่มีเสียง แม้ว่าดอมินิกอยากจะซัดหน้าเด็กคนนี้สักเท่าไรแต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะข้อตกลงของผอ.
หนึ่ง...สามารถให้นักเรียนเซอร์เพนไทน์ร่วมคลาสได้
สอง...ห้ามทำอะไรวู่วาม ถ้าเกิดเหตุทะเลาะวิวาทค่อยจัดการ
สาม...โดยเฉพาะอาจารย์ ต้องปกป้องนักเรียนอย่างถึงที่สุด
“ขอบคุณครับ ผมไม่กล้าขนาดนั้นหรอก” ดอมินิกโยนดาบไม้ไปให้ เด็กหนุ่มรับได้อย่างเหมาะเจาะก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“นายฝึกถึงขั้นไหน?” ดอมินิกถามออกไป ดูจากท่าทางความมั่นใจและการจับดาบแล้วเด็กคนนี้คงจะมีฝีมือพอสมควร
“ก็ไม่สูงเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมไม่ได้อยากฝึกกับอาจารย์...ขอท้าดวลกับเพื่อนร่วมคลาสได้ไหมครับ?” ได้ยินผู้มาเยือนพูดออกมาแบบนั้น แต่ละคนก็ลอบกลืนน้ำลายและเสียวสันหลังกันวูบวาบ นัยน์ตาสีน้ำทะเลหลับแน่นกลั้นอารมณ์ก่อนจะทำใจให้เย็นแล้วทำตามคำขอ
“ได้ แต่อย่าเล่นให้มันหนักเกินไป ไม่อย่างนั้นนายอาจจะไม่ได้กลับไปโรงเรียนของนาย”
“อาจารย์ทำไมชอบขู่ผมจังเลย ผมน้อยใจนะเนี่ย” เด็กหนุ่มยู่หน้าพลางพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ดูก็รู้ว่ามันแกล้งยั่วเขาให้โกรธแต่ไม่ได้กินหรอกไอ้หนุ่ม
“อยากจะดวลกับใคร?”
“...คนนั้น” เด็กหนุ่มยกยิ้มมุมปากก่อนจะยกดาบแล้วหมุนปลายดาบให้ชี้มาทางลู่หาน พร้อมกับสายตาที่บ่งบอกว่าสนใจในตัวลู่หานเสียเหลือเกิน อาจารย์ฝรั่งตวัดตามองก่อนจะตวาดเสียงดัง
“ไม่ได้!!! นี่เด็กใหม่ ไม่มีพื้นฐานอะไรทั้งนั้น”
“ก็นี่ไงครับ จะได้ฝึกไปในตัว ไม่มีใครเคยจับดาบมาแต่เกิดหรอกครับ” ไอ้เด็กนี่มันไม่ฟังอะไรเลยใช่ไหม? อาจารย์ยกแขนเท้าเอวก่อนจะแค่นลมหายใจออกมาเสียงดัง เขาก็พอมองออกว่าสายตานั้นไม่ได้มีความเคียดแค้นอะไรต่อลู่หานดูท่าแล้วมันจะเอนเอียงไปในทางชู้สาว (?) เสียมากกว่า อาจารย์ตัวสูงกำลังจะอ้าปากค้านแต่เจ้าตัวที่โดนท้าดวลก็ก้าวพรวดเข้ามาเสียก่อน
“เอาสิ” ชานยอลมัวแต่มองอาจารย์กับผู้มาเยือนเลยไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองเดินไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จะห้ามก็ไม่ทันแล้ว ถึงหมอนั่นจะตัวสูงกว่าลู่หานนิดหน่อยดูจากความสมบูรณ์ของร่างกายที่ต่างกันแล้วมันได้เปรียบทางด้านพละกำลังอยู่นะ ยิ่งคนไม่เคยจับดาบแบบลู่หานแล้วด้วย
จะเอาอะไรมารอดวะ!
“เฮ้ นักเรียนใหม่ ไม่ต้องมาโชว์พาวอะไรแถวนี้” อาจารย์ฝรั่งปราม ลู่หานหันไปยิ้มหวานก่อนจะขยับปากไม่มีเสียง
“ไม่มีลีลาในสนามรบ”
อาจารย์ตาฟ้ามองเด็กใหม่อย่างเหลือเชื่อก่อนจะหันไปแค่นหัวเราะอีกทาง จะคอยดูแล้วกันว่ามันจะอวดเก่งไปได้สักกี่น้ำ
“ฉันมาร์ค”
“ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน”
“ยังไงก็ต้องเจอกันทุกปีต่อจากนี้ รู้จักกันไว้ก็ดีนะ”
“สำหรับฉันมันไม่ดี” ลู่หานบอกเสียงห้วนแม้คนตรงหน้าจะพยายามส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้เท่าไหร่ ลู่หานก็มองว่านั่นเสแสร้งอยู่ดี
“หึ...น่าสนใจจริงๆ”
“จะดวลไหม?”
“เฮ้~ คนสวยใจร้อนจริงๆ เลย”
“ผู้ชายเว้ย” ลู่หานตวัดปลายดาบไม้จ่อคอด้วยความฉุน แม้จะได้ยินคำนิยามของตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้วแต่พอหลุดออกมาจากปากคนที่ไม่ชอบขี้หน้ามันพาลอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
“ใจร้อนจริงๆ เลย”
มาร์คยกยิ้มก่อนจะตวัดดาบขึ้นมาฟาดใส่ลู่หาน ลู่หานยกดาบมากันได้ทันก่อนจะถอยไปตั้งหลัก มาร์คเร่งฝีเท้าเข้ามาก่อนจะฟาดดาบซ้ายทีขวาที ลู่หานครองสติและใช้สายตาอย่างที่อาจารย์ดอมินิกสอนเบี่ยงตัวหลบก่อนจะตั้งดาบฟันไปตรงๆ ผ่ากลางลำตัว แต่คู่ต่อสู้ก็สามารถกันไว้ได้อีกหน ลู่หานกดน้ำหนักให้ดาบเข้าไปใกล้คู่ต่อสู้มากขึ้น แต่ด้วยแรงของมาร์คที่มีมากกว่าทำให้ต้านแรงกดของลู่หานได้ แล้วดีดตัวลู่หานออกไป
“ใช้ได้นี่ แน่ใจนะว่าไม่เคยฝึก” อาจารย์ดอมินิกพูดขึ้นกับตัวเอง หรือว่าเด็กคนนี้จะมีสัญชาตญาณนักสู้ในตัว
“ฉันคงประเมินนายต่ำไป” มาร์คหอบก่อนจะยกยิ้มแบบที่ชอบทำแล้วบอก
“คนไม่รู้จักฉันก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ” ฝ่ายลู่หานก็หอบเหนื่อยไม่ต่างกัน แต่ก็ยักไหล่กวนประสาทคู่ต่อสู้กลับ
ทั้งคู่เดินวนเป็นวงกลม จ้องหน้ากันอย่างดูเชิงอีกครั้งก่อนที่มาร์คจะเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่ มาร์คกระโดดหมายจะฟาดดาบลงไปที่กลางศีรษะลู่หาน แต่ลู่หานก็ยกดาบขึ้นมากันได้ทันก่อนที่ดาบของทั้งคู่จะหัก
ปั๊ก!
“เล่นกันซะดาบหักเลย” กองเชียร์ข้างสนามอย่างไคที่กำลังเชียร์อย่างเมามันพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย ดาบหักทั้งคู่แบบนี้ก็จบ เสมอกันไป
แต่ดูเหมือนหลายคนจะคิดผิด...ดาบหักนั่นแหละคือจุดประสงค์ของมาร์คเพื่อใช้เป็นข้อแก้ต่างในการลวนลามลู่หาน มาร์ครวบตัวลู่หานก่อนจะสูดดมความหอมอย่างเนียนๆ แล้วจัดการจับลู่หานทุ่มแบบไม่ให้ใครจับได้ว่าเขาทำอะไรไปก่อนหน้านี้ มีเพียงลู่หานเท่านั้นที่รู้ตัวว่าถูกคุกคาม ร่างบางยันตัวลุกขึ้นก่อนจะมองมาร์คด้วยความแค้นเคือง
ขอด่าหน่อยเถอะ...ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!!
ลู่หานนึกถึงกลที่ใช้กับดีโอก่อนจะเข้าไปใกล้แล้ววาดขาใส่ แต่มาร์คก็ดันกระโดดหลบได้ ลู่หานคิดหาวิธีอื่นก่อนจะมีบางสิ่งแวบเข้ามาในหัว
ถึงจะห้ามแต่เวลานี้มันก็จำเป็นจริงๆ นะครับผอ. ขอแก้เผ็ดมันหน่อยเถอะ
ลู่หานตวัดสายตาไปยังหุ่นฟางสองตัวก่อนจะดึงพลังตัวเองออกมาใช้ หุ่นฟางมีชีวิตเดินตรงมาทางมาร์คสร้างความแตกตื่นให้บรรดาสาวๆ ที่ไม่รู้ว่าเจ้าหุ่นฟางนี่มีชีวิตได้อย่างไร คนที่รู้ว่าเป็นฝีมือใครก็มีแค่ชานยอล
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย” มาร์คร้องโวยวายออกมาเมื่อเจ้าหุ่นฟางจับแขนเขาไว้ทั้งสองข้าง แถมยังแน่นมากเสียด้วย ลู่หานยกยิ้มก่อนจะออกคำสั่งเจ้าหุ่นฟางสองตัว
“พาไปมัดที่เสา”
“เฮ้ย!!! ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ปล่อยนะเว้ย”
“อยากมาลวนลามกันก่อนทำไม” ลู่หานเข้าไปใกล้ก่อนจะยิ้มเยาะอย่างสะใจ ปล่อยให้หุ่นฟางลากมาร์คไปที่เสาแล้วจัดการใช้เชือกมัดมาร์คทั้งตัวเหมือนมัมมี่เหลือไว้แค่หน้า มาร์คไม่สามารถหลุดออกจากการจับของเจ้าหุ่นฟางสองตัวนี้ได้ เป็นแค่เศษใบไม้รวมกันแต่ทำไมกำลังมันเยอะจังวะ
“เฮ้ ทำกันเกินไปแล้วนะ”
“ฉันไม่ปล่อยให้นายตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว อยู่แบบนั้นไปสักพักแล้วกัน”
อาจารย์ดอมินิกที่ยืนมองอยู่ยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อนักเรียนของตัวเองสามารถจัดการกับไอ้เด็กจอมยียวนนั่นได้ ลู่หานเป็นเด็กฉลาดอย่างที่เลย์และคริสว่าจริงๆ คราวนี้เขาจะทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องใช้พลังในคลาสแล้วกัน นักเรียนทำได้สะใจครูมาก
พักกลางวัน
ด้วยความที่สามารถแก้เผ็ดมาร์คได้ อาจารย์ดอมินิกเลยอารมณ์ดีปล่อยนักเรียนมาทานอาหารกลางวัน หัวข้อทอล์คออฟเดอะสคูลมื้อเที่ยงนี้คงหนีไม่พ้นลู่หานที่สามารถจัดการเด็กแสบของโรงเรียนเซอร์เพนไทน์ได้
ข่าวไปถึงหูแบคฮยอนกับเซฮุนไวมาก ทั้งสองก็มาทานอาหารกลางวันพร้อมพวกเขา แบคฮยอนอยากฟังจากปากผู้กระทำและผู้เห็นเหตุการณ์เลยมานั่งอีหรอบเดิมแบบเมื่อเช้าของวัน ไคผู้สามารถเรียกอรรถรสในการเล่าเรื่องได้เสนอตัวเป็นคนเล่า พร้อมกับใส่สีตีไข่อย่างเมามัน ลู่หานกรอกตาก่อนจะเล่าเรื่องจริงแบบรวบรัดที่ต่างจากไคเยอะ ทำเอาทุกคนหัวเราะครื้นกับการหน้าแตกของไค
“สมน้ำหน้ามาร์ค เจอคนจริงอย่างลู่หานเข้าไป” แบคฮยอนที่ฟังจบก็ยกนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองข้างเชยชมลู่หาน
“ปีที่แล้วแบคฮยอนก็เจอหมอนั่นแกล้งนี่” ดีโอทำท่านึกก่อนจะบอกออกมา
“ก็ใช่น่ะสิ ปีที่แล้วฉันทำอะไรไม่ได้เลย หมอนั่นดันหนีไปก่อน ถือซะว่าปีนี้ลู่หานชำระแค้นให้เด็กทั้งโรงเรียนแล้วกัน”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“ไม่ต้องไปชมมากหรอกเดี๋ยวเหลิง” ลู่หานรู้สึกดีและยิ้มเขินๆ กับคำพูดของแบคฮยอน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกโป่งแตกดังปังพร้อมเสียงแผ่นตกร่องเข้ามาในหัวก่อนจะหุบยิ้ม โอเซฮุนคือมารความสุขเขาทุกเรื่องไป
“ก็ไม่ได้เหลิงอะไรสักหน่อย ฉันทำเพราะความแค้นส่วนตัวด้วยต่างหาก”
“อ้าว หมอนั่นไปทำอะไรให้นายแค้น” แบคฮยอนร้องถามออกมาเพราะหาเหตุผลไม่ได้จากที่ลู่หานเล่า เพราะลู่หานจงใจไม่เล่าตอนที่ถูกคุกคาม
“ไม่มีอะ...”
“อ้อ ที่โดนหมอนั่นกอดอ่ะนะ” ลู่หานกำลังปฏิเสธแต่ชานยอลก็พูดออกมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวทำให้เขาตวัดตาค้อนใส่ ชานยอลรู้ตัวว่าพลั้งปากก่อนจะยกมือทั้งสองข้างพลางทำหน้าสำนึกผิดเป็นการบอกขอโทษที่เผลอพูดออกไป
“อ่า...โดนหมอนั่นคุกคามใช่ไหม?” แบคฮยอนถามออกมา
“ประมาณนั้น”
“ปีที่แล้วฉันก็โดนคล้ายๆ แบบนี้แหละ มาเรียกฉันว่าคนสวยด้วย บ้า!” ว่าแล้วแบคฮยอนก็ฉุนไม่หาย สมองม้วนเทปกลับไปในตอนที่โดนหมอนั่นสวมกอดข้างหลังพลางเอาหน้าถูไหล่เขาแล้วหนีไป ก่อนจะกลับก็ดันมาเรียกเขาว่า ‘แบคฮยอนคนสวย’ อีกด้วย ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายนะ...ถึงจะชอบผู้ชายด้วยกันก็เถอะ
“แล้วเซฮุนไม่ทำอะไรเหรอ?” ลู่หานถามออกไป ก็เป็นแฟนกันก็ต้องทำอะไรบ้างแหละ
“ทำสิ ส่งพายุไปทำให้เรือล้มเลยล่ะ” แบคฮยอนตอบแทนเซฮุน
“ก็สมควรโดน ปีที่แล้วเล่นกันหนักเลยนี่”
“ปีนี่เห็นมาเงียบๆ แบบนี้ไม่อยากจะนิ่งนอนใจ” ชานยอลโคลงศีรษะอย่างเหนื่อยอ่อน ลำพังแค่ฝึกวิชานี่ก็เหนื่อยอยู่แล้วยังจะมารับมือกับโรงเรียนนี้ทุกปีอีก ให้ตายสิพับผ้า
“โอ๊ะ ภาคบ่ายไปเรียนวิชาเวทด้วยกันหมดเลยนี่” ดีโอนึกขึ้นได้ก่อนจะบอกออกไป เทายกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่ายกเว้นเขาแต่ไคก็หาแรงจูงใจให้เพื่อนไปด้วยกันได้
“เห้ยยย พอแล้วฝึกป้องกันตัวเนี่ย ฝึกอย่างกับมีเกราะล่องหนสิบชั้นแล้วแกน่ะ ไม่อยากไปหาอะไรหนุกๆ ทำหรอวะ ฉันว่าไอ้มาร์คมันต้องตามลู่หานไปแน่ๆ แกไม่สนใจอะไรเจ๋งๆ หรอวะ”
แล้วทำไม่สิ่งล่อใจต้องเป็นเขา -_-
เทาทำหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นชานยอลกับดีโอก็หาเรื่องเสริมมาจูงเทาให้เข้าเรียนคลาสเดียวกันให้ได้
แต่ว่าทำไมแรงจูงใจเป็นเรื่องเขาหมดเลยล่ะ...
“เห้ยเทา ถ้าแกไม่เข้าคลาสนี้แกอาจจะพลาดก็ได้นะเว้ย ฉันก็ว่าไอ้มาร์คมันต้องตามลู่หานแน่ๆ”
“ไม่อยากเห็นลู่หานโชว์อะไรเจ๋งๆ หรอ นั่นวิชาเวทเลยนะ ใช้พลังได้เต็มที่”
เออ เจริญมาก เทาคล้อยตามไปแล้วเรียบร้อย
“เออๆ ไปก็ได้ เบื่อหน้าอาจารย์คริสแล้วเหมือนกัน”
“ดีมากเพื่อน” ชานยอลยกแขนคล้องคอเทา ก่อนจะโดนปัดออกมาประหนึ่งคนหวงเนื้อหวงตัว
“มัวแต่คุยกัน อีกไม่นานก็เข้าคลาสแล้ว เดี๋ยวท้องก็แน่นเรียนกันไม่รู้เรื่องหรอก” เซฮุนยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนจะออกปากเตือนเพื่อนๆ ทุกคนมัวแต่ฟังเรื่องลู่หานไม่ได้สนใจอาหารตรงหน้าเลย พอได้ยินเซฮุนว่าดังนั้นทุกคนก็รีบสวาปามอาหารอย่างรวดเร็ว
“ดูทุกคนผ่อนคลายขึ้นนะ” อาจารย์เซนดริกเดินแนบหนังสือไว้ข้างลำตัวเข้ามากล่าวทักทายเด็กๆ ก่อนจะวางหนังสือลงแล้วสบตากับลู่หานอย่างรู้กัน
วิชาเวทเป็นวิชาเดียวที่เรียนในห้อง ห้องเรียนวิชานี้ถูกสร้างเป็นหลังสี่เหลี่ยมสูงขนาดเท่าตึกสองชั้น ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านของผอ. ความกว้างนั้นประมาณสิบห้าเมตร ภายในมีเพียงลานกว้างขนาบด้วยที่นั่งสามชั้นอยู่ติดกำแพงทั้งสองด้าน เว้นที่ว่างด้านหน้าไว้เพื่อใช้ฝึกพลังและมีแท่นไม้สูงระดับเอวเพื่อวางหนังสือของอาจารย์
“วันนี้เทาเต็มใจมาเรียนหรือนี่ ช่างดีจริงๆ” อาจารย์ใจดีกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดกับร่างสูงผมบลอนด์แล้วกล่าวทักทายอย่างยิ้มแย้มแต่คนถูกทักกลับทำหน้าซังกะตาย
ใช่ว่าเต็มใจมากันล่ะ...
“ก็ไม่ค่อยอยากมาหรอกครับ โดนเพื่อนหลอกให้มา” เทาพูดพลางเหลือบไปมองสามคนที่นั่งถัดไป พอพวกนั้นได้ยินก็แกล้งทำหูทวนลมลอยหน้าลอยตาเมินหน้าหนีไปทางอื่น
“พูดแบบนั้นฉันก็เสียใจแย่สิ...วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลู่หานเข้าเรียนคลาสฉันเช่นกัน เพื่อให้เพื่อนใหม่รู้จักพวกเธอเอาไว้ ฉันอยากให้ทุกคนช่วยใช้พลังแนะนำตัวให้เขาดูหน่อยแล้วกัน”
นักเรียนทุกคนพยักหน้ารับก่อนที่อาจารย์เซนดริกจะกวาดตามองไปทั่วเพื่อเลือกว่าใครจะออกมาเป็นคนแรก
“เธออยากยกเว้นใครไว้ไหม?”
“ไม่ครับ ผมอยากเห็นทุกคน”
“โอเค งั้นคนแรกเทานายออกมา ไม่ค่อยได้เข้าลองมาดูสิว่าซ้อมบ้างรึเปล่า?” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นกลอกตาก่อนจะยอมเดินลงไป
“อาจารย์จับเวลาไว้เลย ยังไงก็ไม่เกินห้าวิ” เทาบอกก่อนจะหมุนไหล่ซ้ายทีขวาที ลู่หานก็ไม่เข้าใจว่าจะหมุนทำไม นี่ไม่ใช่วิชาป้องกันตัวสักหน่อย...หรืออาจจะเป็นเพราะความเคยชิน
เอ๊ะ...แต่ก่อนหน้านี้เทาบอกว่าถึงจะหยุดเวลาไปพวกเขาก็ไม่รู้ตัวอยู่ดี แล้วจะเห็นพลังของเทาได้ยังไง
“ตรงฝั่งที่นั่งจะเป็นที่ปลอดเวท เราสามารถนั่งดูตรงนี้ได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าชานยอลจะปล่อยไฟใส่หรือเซฮุนจะเรียกพายุก็ไม่มีใครเป็นอะไรเพราะเวทเข้ามาไม่ถึง”
แบคฮยอนที่นั่งข้างลู่หานอธิบายให้ฟังเมื่อเห็นลู่หานขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิด พอแบคฮยอนอธิบายออกมาลู่หานก็ร้องอ้ออย่างไม่มีเสียงก่อนจะสนใจเทาที่กำลังตั้งสมาธิอยู่
“พร้อมนะ” อาจารย์เซนดริกถาม
“ครับ” เทาตอบพร้อมกับพยักหน้า อาจารย์เซนดริกหยิบนาฬิกาจับเวลาขึ้นมาก่อนจะโยนหนังสือเล่มหนาไปข้างหน้าเทา เทาดึงพลังออกมาใช้ในทันทีทำให้อาจารย์เซนดริกค้างท่ายกแขนไว้อย่างนั้น ก่อนจะก้าวเข้าไปคว้าหนังสือไว้แล้วกระดิกเท้าอยู่สักสามสี่วินาทีก่อนที่อาจารย์เซนดริกจะรู้สึกตัวและกดหยุดนาฬิกา
“หกวิ...ถือว่าทำลายสถิติไหม?”
“ก็ดีครับ” เทายิ้มบางๆ ก่อนจะส่งหนังสือคืนให้อาจารย์แล้วกลับไปนั่งที่ ลู่หานปรบมือให้ก่อนจะยกนิ้วให้เทา ถึงจะเป็นเวลาไม่กี่วินาทีแต่ลู่หานก็จำเหตุการณ์นั้นได้ขึ้นใจ ทุกอย่างดูหยุดนิ่งยกเว้นเทาคนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เป็นพลังวิเศษที่วิเศษจริงๆ ลู่หานคิดแบบนั้น
อาจารย์เซนดริกยังคงเรียกให้นักเรียนออกมาโชว์พลังให้ดูเรื่อยๆ ทุกคนต่างแสดงออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่ บ้างก็แกล้งปล่อยมาทางที่นั่งให้ตกใจเล่น อย่างชานยอลเป็นต้นที่ปล่อยลูกไฟมาทางนี้ แต่ลูกไฟก็สลายหายไปเหมือนมีกำแพงใสบังอยู่ คนแล้วคนเล่าที่ออกมาแสดงพลังแต่ลู่หานก็ไม่ได้สนใจเท่าความสามารถของเซฮุน เขารอให้ถึงคิวเซฮุนซึ่งเป็นคนรองสุดท้ายและปิดท้ายด้วยตัวเขา
เซฮุนออกไปยืนกลางลานก่อนจะหันหน้าไปทางด้านหน้าที่โล่งอยู่ ลู่หานเห็นเศษฝุ่นวิ่งวนอยู่ในอากาศก่อนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วหมุนเป็นวงกลม เซฮุนควงมือให้ลมนั่นเริ่มหมุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คล้ายจะเป็นพายุขนาดย่อมก่อนจะวาดมือกลางอากาศให้พายุขนาดย่อมนั่นมาทางเพื่อนๆ ที่นั่งดูอยู่
ทุกคนสะดุ้งเฮือกใหญ่ เซฮุนหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ ตั้งใจดูเขาจนลืมระวังตัวว่าอาจโดนแกล้งได้
ถึงเวทจะเข้าไปไม่ถึงก็เถอะ แต่ก็รู้สึกว่าเย็นหน้าวาบๆ เลยแหละ
คราวนี้ก็ถึงพระเอกของคลาสอย่างลู่หาน เขาก้าวลงไปด้านล่างท่ามกลางสายตาของเพื่อนที่มองมาอย่างกดดัน ก็ยอมรับแหละว่าความกดดันนั่นคิดไปเอง คนมันเยอะนี่หว่า
“เอ่อ ขอยืมหนังสืออาจารย์หน่อยได้ไหมครับ?” ลู่หานหันไปถามอาจารย์เซนดริกเพราะเขามองไปรอบๆ แล้วก็ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยนอกจากสแตนด์นั่ง จะให้ยกสแตนด์ก็ใช่เรื่อง...อีกอย่างก็ยกไม่ไหวหรอก ของใหญ่เกินไป
“ได้สิ” อาจารย์เซนดริกยื่นหนังสือให้คนตรงหน้า ลู่หานโยนหนังสือขึ้นในอากาศก่อนจะเพ่งจิตบังคับไม่ให้มันตกพื้นและควบคุมให้หนังสือลอยไปรอบห้องก่อนจะค่อยๆ ร่อนลงในมือเขา
“แค่นี้อ่ะนะ?” เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ร้องออกมา ลู่หานหันไปมองรู้สึกขัดกับน้ำเสียงที่ระคนดูถูก ด้วยความเป็นคนที่ชอบเอาชนะลึกๆ เลยจำเป็นต้องดึงพลังที่เป็นความลับออกมาใช้
“เธอช่วยลงมาตรงนี้หน่อยสิ” ลู่หานเรียกหญิงสาวผมแดงเพลิงคนนั้นลงมา เธอยืนขึ้นกอดอกเชิดหน้าแล้วก้าวเชื่องช้าเข้ามาหาลู่หาน ลู่หานจ้องตาก่อนจะแทรกแซงเข้าไปในจิตสำนึก
‘ฉันไม่ชอบหมอนี่เลย คิดว่าดังมากสินะ เฮอะ! ทำมาเป็นจ้องหน้า’
“ขอโทษนะที่ทำให้หมั่นไส้ แต่จ้องหน้านี่ไม่ได้หาเรื่องนะ ก็กำลังแสดงพลังอยู่นี่ไง” ลู่หานบอกออกไปทำให้หล่อนอ้าปากเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจ นี่หมอนี่เข้ามาอ่านความคิดเธองั้นหรอ?
“ฉันไม่ผิดที่ล่วงล้ำความคิดเธอ ก็เธออยากเห็นพลังฉันเองนี่” ตราบใดที่ลู่หานเปิดพลังและจ้องตา เขาก็ยังสามารถได้ยินความคิดของฝ่ายตรงข้ามเสมอ ลู่หานกดยิ้มที่มุมปากรู้สึกว่ายกนี้ชนะใสๆ
“พอล่ะ...ยังคิดว่า ‘แค่นี้’ อยู่ไหม?” ลู่หานหลับตาลง กดพลังให้ดับลงก่อนจะเอ่ยถาม
“เฮอะ!” ผู้หญิงคนนั้นสะบัดผมสีแดงเพลิงของตัวเองใส่ลู่หานก่อนจะกลับไปนั่ง ลู่หานเบนสายตากลับมาหาอาจารย์เซนดริกก่อนจะส่งหนังสือคืนแล้วกลับไปนั่งที่ตัวเองเช่นกัน
ที่ของผู้หญิงคนนั้นดันอยู่ฝั่งตรงข้าม คาบนี้คงได้นั่งเขม่นหน้ากันทั้งคาบแน่ๆ
“อย่าไปถือสาคริสตัลเลย ยัยนั่นก็ตั้งแง่กับทุกคนที่เข้ามาใหม่นั่นแหละ” แบคฮยอนวางมือบนไหล่เล็กเรียกให้ลู่หานเบนสายตากลับมาจากการเขม่นหญิงสาวฝั่งตรงข้าม
“จริงๆ ฉันก็ควรจะกลัวยัยนั่นนะ ต่อยพื้นซะยุบเลย” ลู่หานพูดติดตลก นึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่หญิงสาวผมแดงออกมาแสดงพลัง เห็นตัวเล็กๆ หุ่นนางแบบแบบนั้นแต่พลังมหาศาลมากครับ แบคฮยอนบอกว่านี่แค่เสี้ยวเท่านั้น พื้นยุบขนาดนั้นแค่เสี้ยว ถ้าพลังมาเต็มตึกนี้คงถล่ม
“ไม่ต้องกลัวอะไรมากหรอก แค่เกรงใจไว้ก็พอคริสตัลอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปีได้ เป็นนักเรียนที่อยู่นานที่สุดของรุ่นนี้ ความจริงคริสตัลสามารถกลับโลกถาวรได้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เธอผูกพันกับที่นี่เลยขออยู่ต่อ อีกหน่อยคริสตัลอาจจะกลายเป็นอาจารย์ของพวกเราก็ได้”
“อาจารย์เหวี่ยงๆ แบบนี้ฉันคงไม่ไหว” ลู่หานส่ายหน้าหน่ายๆ หันไปสนใจอาจารย์เซนดริกที่กำลังอธิบายทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับเวทอยู่
“พลังวิเศษที่เกี่ยวกับธรรมชาติ นอกจากจะเข้าใจตัวเองแล้วควรเข้าใจธรรมชาติก่อนที่จะเรียกใช้ เพราะธรรมชาติก็มีพลังอยู่ในตัวของมันเอง ดังนั้น...”
“ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะครับ พอดีพวกผมอยากเข้ามาเรียนด้วย” ในระหว่างที่อาจารย์เซนดริกกำลังบรรยายอยู่ นักเรียนต่างโรงเรียนสามคนก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงก้าวเข้ามาอยู่กลางลาน อาจารย์เซนดริกหุบปากที่กำลังอ้าลง หันไปยิ้มแย้มทักทาย
“ได้ ขอแค่ตั้งใจเรียนไม่ทำเรื่องวุ่นวายก็พอ”
“แหม...พวกผมมาดีนะครับอาจารย์ ว่าแต่ที่นั่งเนี่ย...ที่ปลอดเวทใช่ไหมครับ?” มาร์คมีพลังน้ำ เขาเรียกน้ำและยกมือลู่ไปกับกำแพงกั้นพื้นที่ปลอดเวท เห็นน้ำที่ไหลลงด้านล่างแทนที่จะพุ่งไปหานักเรียนก็ยกยิ้มกวนถามออกไปทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดี
ลู่หานจ้องมาร์คเขม็งไม่ต่างกับเซฮุน เซฮุนกับมาร์คเป็นคู่แค้นกันมาตั้งแต่เขาและแบคฮยอนเข้ามาและเหม็นขี้หน้ามากกว่าเดิมที่มาทำรุ่มร่ามกับแบคฮยอนเมื่อปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนปีนี้มาร์คจะเปลี่ยนเป้าหมายไปสนใจลู่หานแทน
“ไว้กันอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้เวทน่ะ”
“ดีจังเลยนะครับ โรงเรียนของผมยังไม่มีแบบนี้เลย…ว่าแต่เมื่อกี้ทำอะไรกันอยู่หรอครับ เห็นเล่นพลังกันซะสนุกเชียว” มาร์คหมุนตัวกลับไปหาอาจารย์ที่ร่างสูงใหญ่กว่า แต่กระนั้นก็ส่งยิ้มยียวนกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
ไอ้เด็กนี่มันแอบดูอยู่นานแล้วสินะ...เซนดริกทำอะไรไม่ได้นอกจากจำเป็นต้องบอกออกไป
“ให้เด็กๆ แนะนำตัวน่ะ เธอสนใจไหมล่ะ?”
“ฮ่ะๆ ผมก็ใช้ไปแล้วนี่ครับ ของผมพลังน้ำ”
“แล้วเพื่อนนายสองคนไม่พูดอะไรบ้างรึไง หรือมายืนเท่เฉยๆ อ้อ...คงใบ้กิน” เซฮุนทนความกวนประสาทของมาร์คที่มีต่ออาจารย์ไม่ไหวเลยแขวะใส่เพื่อนมาร์คอีกสองคนที่ยืนล่วงกระเป๋าทำเท่อยู่ สองคนนั้นเมื่อถูกว่ากระทบก็หน้าเจื่อน เพื่อนนักเรียนเห็นท่าทางแบบนั้นก็แอบหัวเราะกันเบาๆ ก่อนจะรีบเก็บอาการไม่ให้ผู้มาเยือนดูอายมากไป
“ไม่แรงไปรึไงเพื่อน แขวะฉันก็ได้นะ” มาร์คเน้นคำว่าเพื่อนแต่ความเป็นจริงสถานะนั้นห่างไกลพวกเขาทั้งสองหลายโข
“เปลืองน้ำลาย”
“เฮ้คนสวย ไม่เจอกันนานนะ คิดถึงฉันไหม?” มาร์คเลิกสนใจเซฮุนแล้วหันไปหาแบคฮยอนที่นั่งถัดจากเป้าหมายใหม่ของเขา ก่อนจะส่งยิ้มทักทาย
“คิดถึงกับผี” เป็นลู่หานที่ตอบแทนแบคฮยอน เขาเข้าใจดีว่าแบคฮยอนไม่ต่อปากต่อคำกับใคร แบคฮยอนดูใสซื่อเกินไปที่จะรับมือกับคนแบบมาร์ค คราวนี้เขาจะจัดการมาร์คให้เข็ด
“แน่ะๆ อยากคุยกับฉันมากล่ะสิ ลู่หาน” นี่มันมาแอบดูอยู่นานแล้วใช่ไหม...
“ขอโทษเถอะ แบคฮยอนรังเกียจนายจนไม่อยากพูด แต่ฉันเกรงว่านายจะพูดเก้อฉันก็เลยช่วยสงเคราะห์ตอบให้ ไม่มีใครเขาคิดถึงนายหรอกนะ” ลู่หานบอกด้วยเสียงหน่ายๆ แบคฮยอนเหลือบมองลู่หานก่อนจะยิ้มบางๆ ให้
ขอบคุณนะลู่หานที่ช่วยพูดแทน ฉันสะใจมากเลย
“แล้วนายมีพลังอะไรเหรอ?”
“อยากรู้มากหรอ?”
“อืม” ทำหน้าอ้อนวอนประกอบจนลู่หานหมั่นไส้
ได้...เดี๋ยวจะสงเคราะห์ให้
ลู่หานเดินลงไปกลางลานเพื่อจะได้ใช้พลังถนัดๆ ส่งยิ้มหวานทว่าเคลือบไปด้วยยาพิษ จ้องหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ละสายตา แต่นั่นก็เป็นการหลอกล่อเพื่อให้เหยื่อตายใจเท่านั้น...
ปัก! ปัก! ปัก!
“โอ๊ย!!! เฮ้ หยุดนะ!” ลู่หานดึงจิตออกไปควบคุมหนังสือของอาจารย์เซนดริกให้ลอยมาอยู่บนศีรษะมาร์คก่อนจะขยับขึ้นลงอย่างแรง ส่งผลให้หนังสือเล่มหนานั่นกระทบกับศีรษะคนยียวนเสียงดัง
“ก็นายอยากรู้นี่ เดี๋ยวสิ ฉันยังแสดงไม่หมดเลย” มาร์ควิ่งหนีไปทั่วห้อง แต่หนังสือนั่นก็ตามทุบเขาไปตลอด เสียงหัวเราะดังระงมไปทั่วห้อง ลูกน้องของมาร์คก็เข้ามาดึงหนังสือนั่นออกแต่มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะคนที่สั่งการคือลู่หาน เห็นว่าเพื่อนรักมาร์คมาก เลยจัดให้สักคนละสามดอก
“ลู่หานพอแล้ว” อาจารย์เซนดริกเข้ามาสะกิดลู่หานให้ออกจากภวังค์ของพลัง ลู่หานกัดปากล่างอย่างเด็กโดนขัดใจแต่ก็ยอมหยุดเพราะอาจารย์ขอ
“นี่เห็นแก่อาจารย์หรอก” ลู่หานกดเสียงต่ำก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ ระหว่างเดินผ่าน ชานยอล ไค ดีโอและเทาก็ยกมือขึ้นมาไฮไฟว์ ลู่หานตบมือกลับแต่ละคนก่อนจะเดินไปนั่งลงที่ตัวเอง
ทางด้านนักเรียนมาเยือนก็ลูบหัวลูบตัวกันป้อยๆ พลางร้องซี้ด ยิ่งมาร์คนี่ไม่ต้องพูดถึงอาการโลกหมุนกำลังจะตามมาในไม่ช้า
“นักเรียนอยากจะเรียนอะไรอีกไหม?” อาจารย์เซนดริกถามออกไปด้วยรอยยิ้ม อาจารย์คนนี้ไม่เคยแสดงสีหน้าอื่นนอกจากการยิ้มแบบจริงใจ เลยไม่มีใครรู้ว่าใจจริงข้างในเขาคิดอะไรอยู่
“ไม่ล่ะครับ ปีนี้ไม่ค่อยต้อนรับกันเลยนะครับ”
“ขอโทษด้วยแล้วกัน นักเรียนฉันสปิริตแรงกล้าไปหน่อย”
“งั้นพวกผมขอตัวก่อนแล้วกัน ขืนอยู่ต่อคงได้ตายอยู่ที่นี่” มาร์คตวัดสายตาไปมองลู่หานอย่างเคืองๆ ลู่หานยักไหล่พลางเบ้ปากใส่ คิดว่าทำหน้ากวนประสาทเป็นคนเดียวรึไง
“ตามสบาย จะไปหาอะไรทานก็ได้นะ” เด็กต่างโรงเรียนพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังเดินออกไป ลู่หานเห็นเซฮุนซุบซิบกับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านล่าง แต่เวลาต่อมาก็คลายความสงสัยเมื่อทั้งสองวางแผนเล่นงานพวกนั้นทีเผลอ
เพื่อนที่ร่วมวางแผนกับเซฮุน ทันทีที่พวกนั้นหันหลังเขาก็วาดมือตวัดไปมา เรียกอากาศให้รวมตัวเป็นก้อนเมฆอยู่เหนือหัวก่อนที่เซฮุนจะช่วยใช้ลมพัดก่อพายุขึ้นมาทำให้เมฆก้อนน้อยนั้นเป็นสีครึ้มและมีหยาดฝนตกลงมาในที่สุด
“เฮ้ยอะไรวะเนี่ย!” เมื่อพวกนั้นร้องออกมาเซฮุนกับเพื่อนที่วางแผนก็ปะทะฝ่ามือกันอย่างสะใจ พวกนั้นรีบวิ่งออกจากห้องฝึกไปเพราะรู้ดีว่าพลังจะไม่ตามออกไปข้างนอก เมื่อสามสหายออกไปเมฆครึ้มและสายฝนก็ค่อยๆ สลายหายไปด้วย
“จริงๆ เลยพวกนายเนี่ย” อาจารย์เซนดริกยิ้มบางก่อนจะโคลงศีรษะแล้วดึงนักเรียนกลับเข้าสู่บทเรียนอีกครั้ง เซฮุนยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีอยู่แบบนั้น เขาหันมาคุยกับไคที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะมองเลยมาทางลู่หานและแบคฮยอน
ถ้าไม่ได้คิดไปเอง...เหมือนเซฮุนจะมองมาทางเขา...แต่ก็ไม่หรอก หมอนั่นจะมองทำไมล่ะ?
Talk : last edit 71214
ช่วงตอบคอมเม้นท์กับไรท์หลิวสวยเสมอ (สะบัดผม///รองเท้าใคร)
*ไรท์อายุสิบเก้าหยกๆ สิบแปดหย่อนๆ พิจารณาการเรียกตามอัธยาศัย*
-
รอติดตามนะ สู้ๆ /// อัพแล้วจ้า ขอบคุณมากนะคะ#16
-
ชอบชานลู่ๆ(?)555555 /// เปลี่ยนคู่หลักดีป่ะ? 555#15
-
โอ่ยยยย.ไรต์ตอบคอมเมนท์ด้วยยยยย ชอบๆ555555 สนุกมากเลยค่ะะ สู้ๆน้ะค้ะะ /// อยากคุยๆ มาแชร์กัน ขอบคุณที่ชอบแล้วก็ติดตามนะคะ#14