คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : COURAGE : ตอนที่ 3 การฝึกและเฝ้าระวัง
คอราจ : ตอนที่ 3
การฝึกและเฝ้าระวัง 1
“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกรอบไหม?”
“คิดว่าไม่ เขารู้จักนายกันหมดแล้วแหละ”
“โอเค งั้นก็แค่...หวัดดีทุกคน” ลู่หานเดินเคียงคู่มากับชานยอล ก็อย่างที่เห็นในบทสนทนา...ลู่หานรู้สึกกังวลนิดหน่อยเกี่ยวกับการเรียนวันแรก อ้อ...ถึงผอ. จะบอกว่าให้เขาพักอีกวัน ลู่หานก็ไม่รู้จะทำอะไรนอกจากอยู่แต่ในบ้านก็เลยขอผอ. เริ่มฝึกเลยดีกว่า
พอได้คำตอบที่พอใจเขากับชานยอลก็เดินมาถึงที่เรียนพอดีเลยยิ้มและทักทายเพื่อนทุกคน ทุกคนหันมาสนใจในตอนแรกเมื่อเห็นว่าเป็นใครเลยหันกลับไปทำกิจกรรมของตัวเองกันต่อ
“ดูพวกเขาต้อนรับนายดีนะ”
“ไม่ต้องมาประชดกันหรอกเซฮุน”
“หึ...” เซฮุนเดินพูดผ่านหน้าพวกเขาไป ลู่หานเบ้ปากใส่ก่อนจะหาที่นั่ง
วิชาแรกคือวิชาป้องกันตัว...ห้องเรียนวิชานี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากลานสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยกสูงจากพื้นนิดหน่อย ไม่กว้างมากและมีเบาะวางอยู่ข้างบน เก้าอี้ที่ทำจากตอไม้ล้อมอยู่รอบๆ ลาน
นี่กะจะเรียกเหงื่อแต่เช้าเลยสินะเนี่ย
“อรุณสวัสดิ์เด็กๆ ขอแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่สักครู่ ฉันอาจารย์เควิน คริส อู๋ คนจีนด้วยกันจะเรียกอาจารย์อี้ฟานก็ได้ไม่ว่ากัน” อาจารย์รูปหล่อขยิบตาให้ลู่หานอย่างทะเล้นก่อนจะใช้เสียงที่ดังขึ้นเพื่อให้คนอื่นได้ยินทั่วถึง “เนื่องจากวันนี้มีเพื่อนใหม่มา เราก็ต้องทดสอบฝีมือเขาสักหน่อย จำไว้ว่าอยู่ในสนามห้ามใช้พลังนะ ใช้ร่างกายกับสมองพอ” ประโยคหลังเขาหันมาพูดกับลู่หาน ก่อนจะผายมือให้ลู่หานเข้าไปอยู่บนลานนั่น
คือว่า...ยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรก็ให้ไฟว้เลยหรอครับอาจารย์
ลู่หานทำตามก่อนจะคิดในใจแล้วยกมือปาดเหงื่อที่ตกบนใบหน้าด้วยความตื่นเต้น
“อืม...ดีโอ ออกมา” อาจารย์รูปหล่อทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกวักมือเรียกเจ้าของชื่อนั้น คนที่ก้าวออกมาเป็นชายร่างบาง ส่วนสูงไม่ต่างกับลู่หานเท่าไหร่นัก ดวงตากลมโตนั่นเหมือนจะเบิกกว้างอยู่ตลอดเวลาแต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะคนตัวเล็กตาโตเกินไปต่างหาก ริมฝีปากรูปหัวใจนั่นระบายยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวทักทายลู่หาน
“สวัสดีลูเธอร์ ฉันดีโอ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
“ฉันสิต้องฝากนาย” ลู่หานประเมินได้ว่าหน้าใสๆ แววตาซื่อๆ แบบนี้คงมีทีเด็ดอะไรไม่น้อยแน่ๆ อาจารย์อี้ฟานถึงเรียกออกมา
“ฮ่ะๆ ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรนักหรอก”
“เอาล่ะเด็กๆ พวกเธอทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วก็คงพร้อมแล้วล่ะนะ ดีโอ ออมมือหน่อยนะ...นี่เพื่อนใหม่ท่องไว้แล้วกัน”
“โถ่...อาจารย์อย่าทำให้ผมดูเป็นคนน่ากลัวสิครับ” อี้ฟานพูดหยอกกับดีโอเพื่อบั่นทอนกำลังใจลู่หาน ดีโออดร้องออกมาไม่ได้เมื่ออาจารย์คนหล่อพูดให้เขาดูเป็นคนน่ากลัวไปซะแล้ว
“โอเคๆ เอาล่ะ มายืนตรงกลาง...” ทั้งสองทำตามที่อี้ฟานบอก “กติกาก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก ใครล้มใครได้คนนั้นชนะ ถ้าดีโอล้มได้ฉันก็คงไม่แปลกใจแต่ถ้าเด็กใหม่เป็นคนล้มดีโอได้ก็ต้องรับไว้พิจารณา” อาจารย์สัญชาติจีนบอกยิ้มๆ ก่อนจะมองหน้าลูกศิษย์สลับกัน เขาเริ่มเห็นแววตาที่เปลี่ยนเป็นแววตาจริงจังของทั้งสองคน
“Ready...Start!” อี้ฟานสับมือลงเป็นการให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้ได้ ทั้งสองขยับเท้าออกห่างจากกันเล็กน้อยก่อนจะสบตากันแล้วคอยหาจังหวะเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม ดีโอเป็นคนส่งหมัดเข้าไปก่อนแต่ลู่หานก็หลบได้อย่างหวุดหวิดและวาดขาใส่ดีโอหวังจะให้อีกฝ่ายล้มแต่อีกฝ่ายไวกว่า เขากระโดดหลบก่อนที่ทั้งคู่จะซอยเท้าถอยออกจากกัน ด้านล่างเวทีนั้นก็ส่งเสียงเฮ้กันขึ้นมาเมื่อมีการจู่โจมไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้ชมต่างส่งเสียงให้ทั้งคู่บุกเข้าหากันเมื่อเห็นว่าดูเชิงกันมานานแล้ว
ดีโอใช้การจ้องตาก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นและลู่หานก็เผลอมองตามด้วย นั่นทำให้ลู่หานรู้ตัวว่าเขาพลาด แต่ก็แก้อะไรไม่ทันเสียแล้วเมื่อดีโอเข้ามาประชิดตัวก่อนจะจับตัวเขายกขึ้นแล้วหันหลังตวัดทุ่มเหมือนท่ายูโดท่าหนึ่งที่เขาเคยเรียนที่โรงเรียนมา ลู่หานสูดปากเมื่อความเจ็บแล่นไปทั่วร่างกาย เสียเฮ้ดังมาจากข้างล่างเมื่อเห็นว่าดีโอเริ่มได้เปรียบ เขารอให้ลู่หานลุกขึ้นก่อนจะนวดไหล่เบาๆ คลายความเจ็บ ดีโอพุ่งเข้ามาแล้วปล่อยหมัดไม่ยั้ง โดนบ้างไม่โดนบ้างเพราะลู่หานเอี้ยวตัวหลบได้ทัน แต่ถึงกระนั้นลู่หานก็เลือกที่จะหนีไปอยู่ที่มุมแล้วจ้องหน้าดีโอนิ่งพลางใช้สมองประมวลอย่างรวดเร็ว
โดนน่วมมาทั้งตัวแล้วจะออกหมัดแบบเขามันก็ไม่ใช่แนวเรา
ก่อนอื่นต้องหลอกล่อให้เขาเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้จังหวะเผลอวาดขาใส่ที่ข้อพับขาเพื่อให้ล้มลง แล้วจบด้วยการฟาดสันมือที่หลังคอเพื่อให้คู่ต่อสู้สลบ...แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง
ลู่หานค่อยๆ สาวเท้าเข้าไป เห็นดังนั้นดีโอก็คิดว่าลู่หานพร้อมสู้เต็มรูปแบบก่อนจะขยับเข้าไปประชิดตัว ลู่หานโยกไปมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ดีโอปล่อยหมัดพลาดแล้วใช้จังหวะที่ดีโอยื่นขาออกมาข้างหน้าเตะเข้าไปที่ข้อพับขาของดีโอ ดีโอเข่าอ่อนทรุดขาลงไปข้างหนึ่งและลู่หานก็ใช้จังหวะนั้นฟาดเข้าที่หลังคอของดีโอตรงจุดมีผลแค่สลบ
เสียงเชียร์เงียบกริบเมื่อเห็นว่าดีโอหมดสติทิ้งตัวลงกับพื้น อาจารย์รูปหล่อโคลงศีรษะก่อนจะยิ้มพอใจเมื่อศิษย์คนใหม่มีดีกว่าที่คิด เขาเดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะปรบมือให้ลู่หาน
“เยี่ยมมาก ถือว่าใช้สมองได้ดี แต่นายทำเพื่อนสลบก็พาเพื่อนไปห้องพยาบาลด้วยแล้วกัน เอ้า...ทุกคน ปรบมือให้กำลังใจเขาหน่อยสิ” อาจารย์รูปหล่อปรบมือเป็นแกนนำก่อนที่กองเชียร์จะปรบมือแบบไม่เต็มใจนัก จะมีก็แต่ชานยอลนี่แหละที่ปรบมือให้ลู่หานเสียงดังและรัวอยู่คนเดียว ลู่หานหันไปยิ้มให้ชานยอลและเลิกคิ้วสูงใส่เซฮุนที่ยืนอยู่ข้างกัน ก่อนจะค่อยๆ พยุงดีโอลงจากเวที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวลงก็มีหนุ่มหน้ามนผิวสีแทนปราดเข้ามารวบตัวดีโอไปอุ้มก่อนจะแนะนำตัวอย่างรวดเร็วแล้วพาดีโอออกไปด้วยความเร่งรีบ
“หวัดดีลูเธอร์ฉันชื่อไคเป็นคู่หูของดีโอฝากตัวด้วย” พูดติดกันโดยไม่วรรคสักคำแต่ลู่หานก็พอจับใจความได้ว่าคนที่พูดนั่นชื่ออะไร
“เจ๋ง ล้มดีโอได้นี่ถือว่าสุดยอดแล้ว หมอนั่นหมัดหนักอย่างกับอะไร” ลู่หานลงมายืนข้างชานยอลที่ยืนยกนิ้วโป้งรอไว้ทั้งสองข้าง
“ก็คงจริง ฉันน่วมไปหมดแล้วเนี่ย บ้าเอ๊ย! หน้าฉันช้ำแล้วแน่ๆ” ลู่หานยกนิ้วขึ้นแตะบริเวณที่รู้สึกปวดหนึบๆ ก่อนจะซี้ดปากออกมาเมื่อโดนความเจ็บเข้าเล่นงาน
“เดี๋ยวฉันไปเอายาทามาให้นายดีกว่า เซฮุนฝากดูด้วย” ชานยอลมองสำรวจหน้าเพื่อนตัวเองก่อนจะเบ้หน้าเมื่อคิดว่าลู่หานต้องเจ็บมากแน่ๆ
“เออ...คู่หูฉัน ฉันก็ต้องดูอยู่แล้ว ไปเอายามาไป”
“ครับๆ” แกล้งทำเป็นสุภาพแล้วโค้งหัวประชดก่อนจะเดินออกไป
“ก็เก่งดีนี่ ถึงจะออกหมัดไม่เก่งก็เถอะ แต่ฝึกอีกหน่อยเดี๋ยวก็สู้คนเป็น” ลู่หานที่ยืนเอานิ้วสำรวจบาดแผลที่หน้าตัวเองหันมามองเซฮุนอย่างงุนงงเมื่อเซฮุนพูดออกมาเหมือนจะชมเขาหน่อยๆ
“นายชมฉันเป็นด้วยหรอ?”
“ก็พูดไปตามที่เห็น”
“ลู่หานไปพักก่อน ให้เวลาหายาทาสิบนาทีแล้วกลับมาเรียนนะ” อาจารย์อี้ฟานบอกลู่หานแล้วเรียกรวมนักเรียน เซฮุนหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะผละตัวออกไป
ร่างบางนั่งลงใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากลานประลองเพื่อรอยาจากชานยอล สักพักร่างโปร่งก็วิ่งกลับมาพร้อมกับตลับยาในมือ เขายื่นมันให้ลู่หานก่อนจะกำชับให้ร่างบางทาเช้าเย็นเพื่อให้รอยแผลจาง เมื่อเห็นลู่หานพยักหน้ารับชานยอลก็รีบวิ่งกลับไปรวมกับเพื่อนๆ
ลู่หานเปิดฝาก่อนจะพบว่าเนื้อยาเป็นเนื้อเจลสีใส นิ้วเรียวแต้มยาขึ้นมาก่อนจะแตะลงบนผิวหน้าเบาๆ ผ่านไปสักสองสามวิความเจ็บก็ค่อยๆ ทุเลาลง
“โอ๊ะ ยาดีแฮะ” ลู่หานพูดกับตัวเอง ก่อนจะแต้มยาให้ครบทุกจุดแล้วเก็บตลับใส่กระเป๋าก่อนจะเดินไปหาอาจารย์อี้ฟานที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
ในทีแรกลู่หานก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์คนนี้ไม่ไปสอนนักเรียนมานั่งอ่านหนังสือสบายใจซะงั้น แต่พอหันไปมองทางเพื่อนๆ ที่กำลังฝึกอยู่ บางคนก็มีอุปกรณ์ บางคนก็จับคู่ฝึกกันเองอยู่บนเบาะ ลู่หานก็เลยนึกขึ้นได้ว่าคนพวกนั้นอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วคงไม่มีอะไรให้สอนอีกก็เลยให้ฝึกตามสบายสินะ
รู้สึกเป็นภาระเบาๆ
“อาจารย์ฮะ...” ลู่หานเรียกออกไปเสียงเบาเพราะเกรงใจร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ อาจารย์อี้ฟานเงยหน้าขึ้นก่อนจะถอดแว่นออกแล้วอธิบายให้ลู่หานฟัง
“หายเจ็บแล้วสินะ...ก็อย่างที่นายเห็น พวกนั้นฝึกกันมานานจนรู้แล้วว่าต้องทำยังไง นายตามฉันมาแล้วกัน เดี๋ยวเราต้องไปเอาอุปกรณ์ก่อน”
“ครับ”
ลู่หานตอบรับก่อนจะเดินตามอาจารย์ตัวสูงที่เดินเข้าไปในกระท่อมขนาดเล็กซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องเก็บของ ลู่หานเบิกตากว้างเมื่อเข้ามาข้างในแล้วเจออุปกรณ์การฝึกมากมายที่เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ มีทั้งนวมฝึก กระสอบทราย เป้าล่อต่างๆ ที่ยังคงสภาพดีมากราวกับของใหม่ อาจารย์ตัวสูงโยนเป้าล่อให้ลู่หานก่อนจะหยิบไว้กับตัวหนึ่งอัน
“วันนี้ฝึกเตะต่อยกันไปก่อน” อาจารย์อี้ฟานว่าก่อนจะเดินนำออกไปแล้วก็หยิบเป้าล่อที่โยนมาเมื่อครู่ไปถือเอง ลู่หานขมวดคิ้วไม่เข้าใจการกระทำของอาจารย์ ได้แต่เดินตามออกไปเงียบๆ
หลังจากที่วอร์มร่างกายกันเสร็จแล้วอาจารย์อี้ฟานสอนให้ลู่หานปล่อยหมัดสลับซ้ายขวาแล้วให้ขยับเท้าเพื่อช่วยให้เข้าจังหวะมากขึ้นก่อนจะบอกให้ลู่หานเพิ่มความเร็วเรื่อยๆ ลู่หานยกมือขอเวลานอกก่อนจะนวดไหล่เบาๆ ด้วยความเมื่อย นี่เห็นเขาชนะคนอึดอย่างดีโอเข้าหน่อยกะจะเล่นบทโหดเลยรึไงกัน
อี้ฟานเห็นนักเรียนหอบถี่ เหงื่อซึมไปทั่วร่างกายแล้วก็ยิ้มขำ เด็กคนนี้มีความตั้งใจและความพยายามดีเขาก็เลยมีแรงสอนขึ้นมาหน่อยหลังจากที่ไม่ได้สอนใครตั้งแต่เริ่มมาประมาณครึ่งปีได้ อาจารย์ตัวสูงเห็นว่านักเรียนพอจะหายเหนื่อยแล้วเลยเปลี่ยนการสอนเป็นการใช้ขาแทน ลู่หานฝึกเตะ ฝึกใช้เข่าอยู่แบบนั้นจนอี้ฟานพอใจแล้วให้ไปพักได้
ร่างบางเดินหอบมายังตู้กดน้ำแล้วกระดกน้ำรัวๆ เข้าไปสามสี่แก้ว ชานยอลที่พักฝึกเหมือนกันก็เดินยิ้มล้อเลียนเข้ามาหาลู่หาน
“ไฟแรงนะเนี่ย”
“ไฟแรงบ้าอะไรล่ะ อาจารย์อี้ฟานสั่งให้ต่อยเอาเตะเอาอยู่นั่นแหละ จะหมดแรงตาย ฮู้ว!” ลู่หานพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แถวๆ นั้น ชานยอลกดน้ำมาดื่มก่อนจะนั่งลงข้างๆ ลู่หาน
“คิดว่าที่นี่เป็นไงบ้าง?”
“ก็ดี...ทุกคนดูสนิทกันดีนะ” ลู่หานเลื่อนสายตาไปยังลานประลอง เห็นบางคู่ก็ฝึกกันอย่างจริงจังแต่ก็มีหลุดแกล้งกันบ้าง บางคนก็เข้าไปแหย่คู่อื่นแล้วพากันวิ่งไล่เตะ พอมาถึงตรงนี้แล้วลู่หานก็อดคิดถึงมินซอกกับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ได้ เขากำลังจะจบชั้นมอปลายและคิดจะเรียนมหาลัยต่อ แต่พอมาถึงที่นี่ความคิดเขาก็เปลี่ยนไป เขาคิดว่าอยู่ที่นี่ก็โอเคดีอาจจะเพราะทุกคนที่นี่เป็นเหมือนเขา มีพลังวิเศษเหมือนกัน
ที่นี่ก็มีการเรียนการสอนเหมือนกัน แต่สอนให้นักเรียนที่อายุเจ็ดปีถึงสิบห้าปี พอให้มีความรู้ติดตัว ส่วนใครที่ฝึกจนสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิม (ได้อย่างปลอดภัย) ได้แล้ว โรงเรียนนี้ก็จะมีวุฒิให้เพื่อเอาไปสมัครเรียนในระดับที่ตัวเองต้องการ
แต่เด็กส่วนมากที่จบไปอยากจะกลับมาอยู่ที่โรงเรียนนี้อีกครั้ง...อันนี้ชานยอลเล่าให้ฟังนะ
“เดี๋ยวนายก็เข้ากับพวกเราได้ ดูสิตอนนี้นายก็เข้ากับฉันแล้วก็เซฮุนได้แล้ว”
“กับนายก็ชัวร์นะ แต่คนหลังนี่ฉันไม่แน่ใจ”
“ฮ่าๆๆๆ มันก็วางท่าไปอย่างนั้นแหละน่า ตอนฉันมาแรกๆ ก็เจอแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็เข้าใจตัวมันเอง เป็นคู่หูกันก็ต้องสนิทกันไวสิ”
“เออ...แล้วคู่หูนายไม่มีหรอ?”
“ไม่หรอก มีแค่ปีแรกเท่านั้นแหละ อดีตพาร์ทเนอร์ฉันก็หวงจื่อเทาคนนั้นไง คนที่ตัวดำแต่เสือกทำผมบลอนด์แล้วก็ใต้ตาคล้ำๆ เหมือนคนอดหลับอดนอนที่กำลังวาดลีลาใส่เป้าล่อแบบตั้งอยู่นั่นน่ะ”
“จริงด้วย” ลู่หานหันไปมองตามชานยอลก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นอย่างที่ชานยอลพูดจริงๆ คนนั้นดูจากท่าทางแล้วจะเก่งพวกศิลปะป้องกันตัวไม่เบา ไม่แน่เขาอาจจะเก่งทุกแขนงเลยก็ว่าได้
“ฉันกลับไปฝึกต่อล่ะ เห็นมันรัวหมัดใส่เป้าคนเดียวแรงขนาดนั้นแล้วกลัวมันจะเป็นบ้า”
“อืม เดี๋ยวฉันก็กลับไปหาอาจารย์อี้ฟานเหมือนกัน” ลู่หานตอบก่อนที่ชานยอลจะเดินออกไป เขายกน้ำที่ยังเหลืออยู่กระดกรวดเดียวแล้วเดินกลับไปหาอาจารย์อี้ฟาน
“อาจารย์ครับ ฝึกต่อก็ได้ครับ”
“เอาไปฝึกกับเซฮุนเลย นายรู้ท่าหมดแล้ว วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าลืมจังหวะนะ”
“ครับ...” ลู่หานไม่อยากจะตอบรับคำสั่งนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องจำใจหยิบเป้าล่อขึ้นมาแล้วเดินไปหาเซฮุน
ก็ได้...กระชับมิตรก็กระชับมิตร แม้อีกคนจะไม่ให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่ก็เถอะ
“เซฮุน อาจารย์อี้ฟานให้นายช่วยฝึกให้ฉัน” ลู่หานเดินไปหาเซฮุนที่กำลังนั่งพักอยู่กับแบคฮยอน แบคฮยอนส่งยิ้มให้แต่อีกคนนี่สิตวัดสายตามามองร่างบางอย่างรำคาญ
เออ...ไม่ฝึกก็ไม่ฝึกฟ่ะ
ลู่หานแอบเบ้ปากใส่เซฮุนก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงคว้าเป้าล่อในมือก่อนจะเดินนำไป ลู่หานกรอกสายตาอย่างเบื่อหน่ายกับท่าทางของเซฮุน
“จะทำอะไรก่อน”
“ต่อย”
เซฮุนยกเป้าล่อมาชิดกัน ลู่หานหันหน้าเบ้ปากไปทางอื่นก่อนจะปล่อยหมัดที่ทำเอาคนถือเป้าอยู่ผงะไปได้ ไม่ต้องไปคิดอะไรมากแค่คิดว่าเป้าล่อนั่นเป็นหน้าของโอเซฮุนก็เรียกความหมั่นไส้ออกมาได้ ลู่หานกระหน่ำต่อยจนเซฮุนเซถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วตะโกนแข่งกับเสียงเนื้อกระทบนวม
“ไปโกรธใครมาเนี่ยหา!”
“...” ร่างเล็กไม่ตอบ ตั้งใจปล่อยหมัดต่อไป
ไอ้คนที่ฉันโกรธก็คือนายนั่นแหละ ทำเป็นเก๊ก เดิ่ววว
“นี่!” เป็นลู่หานที่ต้องตะโกนเองเมื่อเซฮุนดันเป้าล่อมาเกือบจะโดนหน้าเขา เซฮุนลดแขนลงก่อนจะทำสีหน้าจริงจังถาม
“ไปเอาแรงมาจากไหนหนักหนาเนี่ย”
“เห็นหน้านายฉันก็มีแรงแล้ว”
“จะคิดไปในทางที่ดีแล้วกัน…ลองเตะบ้างสิ” เซฮุนยกเป้าล่อไว้ที่ระดับอก ลู่หานเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรงแต่ก็ทำตามที่เขาบอก โดยไม่รู้เลยว่ากำลังโดนอีกคนแกล้งคืนอยู่
เซฮุนรอให้ลู่หานยกขาเป็นจังหวะรัวก่อนจะก้าวเข้าไปหาลู่หาน ทำให้ลู่หานที่กำลังยกขาเตะอยู่ใช้ขาอีกข้างกระโดดถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังเตะอยู่อย่างนั้นเพราะเอาลงไม่ได้ เซฮุนยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นคนตัวเล็กโวยวาย
“เฮ้ย! ทำอะไรของนายเนี่ย หยุดเดินนะ”
“นายก็หยุดเตะดิ”
“ฉันหยุดไม่ได้อ่ะ ก็อีกข้างมันขยับอยู่แบบนี้”
“ก็สนุกดี ฝึกแบบใหม่ไง”
“นี่นายแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย?”
“แกล้งที่ไหน นี่เล่นกันแบบเพื่อนแล้วนะเนี่ย” ลู่หานหัวเสียกับเซฮุน ขาเขาก็โดนตั้งโปรแกรมให้เอาลงไม่ได้ไปซะแล้ว ได้แต่เขย่งๆ ถอยหลังอยู่แบบนี้จนกระทั่งเท้าที่เขย่งตกขอบเบาะส่งผลให้ข้อเท้าพลิก คนตัวเล็กเกือบจะหงายหลังไป เซฮุนก็ตกใจเหมือนกันเลยใช้มือจับเข้าที่ข้อเท้าข้างที่ลอยอยู่แล้วดึงร่างลู่หานกลับมา
จมูกลู่หานกระทบเข้ากับอกเซฮุนอย่างจังลู่หานย่นจมูกเตรียมโวยวายเต็มที่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องชะงักเพราะปลายจมูกเขาอยู่ห่างกับริมฝีปากบางของเซฮุนแค่ลมหายใจคั่น ลู่หานกวาดสายตาขึ้นไปสบตากับตาคมนั่นที่มองอยู่ก่อน ก่อนจะกลิ้งลูกตาไปมาแล้วดันตัวออกอย่างแรง
“เล่นบ้าอะไรของนาย ดีนะข้อเท้าฉันไม่พลิก”
“อยากทำตัวน่าหมั่นไส้เอง”
“บอกตัวเองหรอ?”
“ปากอย่างนี้น่าจะปล่อยให้หงายหลังไปซะ”
“ปากอย่างนี้น่าจะต่อยอัดหน้าซะ”
แบคฮยอนที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลคิดในใจว่า ชาตินี้จะญาติดีกันได้ไหม?
วิชาแรกก็กินเวลาไปสามชั่วโมง ทุกคนต่างแยกย้ายไปทานอาหารมื้อเที่ยงแน่นอนอยู่แล้วว่าลู่หานก็ต้องไปกับชานยอลนั่นแหละ จะให้เซฮุนชวนหรือชวนเซฮุนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน หลังจากที่พักผ่อนร่างกายกันไปราวๆ ร่วมชั่วโมงแล้ว ภาคบ่ายก็เป็นการเรียนยิงธนูที่ลู่หานออกจะถนัดนิดหน่อย ตอนกีฬาสีนั่นเพราะมันคับขันหรอกถึงเอาพลังออกมาใช้ให้มันชัวร์ ปกติก็เป็นคนยิงธนูดีอยู่แล้ว
“เอาล่ะเด็กๆ ไปหยิบธนูมาได้เลย โอ๊ะ คนนี้ไม่คุ้นหน้าเลยเพิ่งมาใหม่หรอ? ไอ้หยา...ฉันต้องแนะนำตัวไหม?” อาจารย์ตัวบางผู้มีลักยิ้มเป็นเอกลักษณ์หันมาเจอบุคคลแปลกหน้าก็ขมวดคิ้วแล้วพูดรัวๆ คล้ายจะพูดกับตัวเอง
“เอ่อ...ผมลู่หานครับ อาจารย์คนจีนใช่ไหมครับ?” ลู่หานถามออกไปเพราะเขาได้ยินคำอุทานที่เป็นภาษาจีนออกมาจากอาจารย์ผู้กระตือรือร้นและมีวิธีการพูดแปลกๆ
“ใช่แล้ว...โอ้ววว...ดีใจจังที่เจอคนประเทศเดียวกัน”
“ผมเป็นคนจีนครับแต่โตที่เกาหลี แล้วอาจารย์ชื่ออะไรครับ? ผมจะได้เรียกถูก”
“อ้อๆ ลืมไป ฉันชื่อจางอี้ชิง แต่ที่นี่จะเรียกว่าเลย์ ฉันก็เพิ่งมาสอนได้ไม่นาน ไปธุระเพิ่งกลับมาวันนี้เอง...ว่าแต่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ?”
“ผมมาได้สองสามวันแล้วครับ”
“เอ๊ะเดี๋ยว...แล้วนายพลังอะไร?”
“เห็นเขาว่าพลังควบคุมครับ”
เขาที่ว่าก็คือผอ. นั่นแหละ
“โอ้มายก็อด...คนนี้นี่เอง ก็พอได้ยินมาบ้าง แล้วยิงธนูเป็นหรือเปล่าเคยจับมาบ้างไหม?” อี้ชิงถามพลางเดินไปหยิบธนูคู่กายที่แขวนอยู่ด้านหลังก่อนหยิบธนูฝึกมาอีกคันยื่นให้ลู่หาน
“เคยครับ ผมพอยิงเป็น”
“งั้นฉันขอทดสอบก่อนแล้วกัน เลือกเป้าเอาเลยว่าระยะไหน” อี้ชิงยิ้มแก้มบุ๋มก่อนจะผายมือให้ลู่หานหันไปมองเป้าล่อที่ตั้งอยู่ระยะต่างกัน เพื่อนๆ ในคลาสก็ถอยออกอย่างรู้งานเพราะเวลามีเด็กใหม่เข้ามาก็ต้องทดสอบฝีมือเพื่อหาแนวทางการสอนให้เหมาะสม
ลู่หานเดินเลือกไปจนเป้าสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจกลับมายืนตรงเป้าที่มีระยะห้าสิบเมตรโดยประมาณ อาจารย์อี้ชิงพยักหน้าอย่างพอใจ เขามีความรู้สึกบางอย่างว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาและยังมีอีกหลายอย่างในตัวเด็กคนนี้ที่น่าค้นหาหรืออีกไม่นานเจ้าตัวก็ปลดปล่อยออกมา
“เริ่มได้ ห้ามใช้พลังช่วยนะ” ถึงจะเตือนออกไปอี้ชิงก็ไม่มั่นใจว่าจะมองออกไหมหากอีกฝ่ายใช้พลัง เพราะพลังควบคุมเป็นอะไรที่ดูยาก ก็ได้แต่หวังว่าเด็กคนนี้จะไม่ทุจริต
ลู่หานทำสมาธิก่อนจะยกคันธนูตั้งฉากกับพื้นเพื่อคำนวณแรงที่ต้องใช้และดูทิศทางของลม เมื่อรวบรวมทุกอย่างและมีสมาธิตั้งมั่นแล้ว ลู่หานก็น้าวสายก่อนจะปล่อยให้ลูกธนูพุ่งออกไป เขาค้างท่านั้นก่อนจะเห็นว่าลูกธนูปักลงบนเป้าจึงจุดยิ้มที่มุมปาก
“เก้าแต้ม ทำได้ดี” อี้ชิงลอบสังเกตตั้งแต่ท่าการยืน การจับและการยิง ก็พอจะมองออกว่าเด็กคนนี้อาจจะมีประสบการณ์ในการแข่งขันไม่ก็สนใจเป็นพิเศษ อี้ชิงปรบมือให้สองสามทีเมื่อเห็นว่าผลลัพธ์ที่ออกมาดีเกินคาด
“ลองยิงอีกสองลูกสิ” ลู่หานพยักหน้ารับก่อนจะตั้งท่าแบบเดิมอีกรอบ คราวนี้มีสมาธิและความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ลู่หานส่งลูกศรปักลงที่จุดศูนย์กลางสองลูกติด
“นายอาจจะเป็นศิษย์รักของฉันในอนาคต ฮ่าๆๆ” อี้ชิงอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ลู่หานนั้นถือว่าสมาธิดีและมีแววมาก อาจารย์อี้ชิงคนนี้จะฝึกลู่หานให้เป็นมือโปรด้านนี้เลยคอยดู
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ฝากตัวด้วยแล้วกันนะครับอาจารย์” ลู่หานตอบรับมุกของอาจารย์ก่อนจะหันไปยิ้มให้ชานยอลที่ยืนยกนิ้วโป้งให้อยู่
ถัดมาก็เป็นเซฮุนที่ยืนทำหน้านิ่งแบบที่ลู่หานไม่เคยเดาออกว่าเขาคิดอะไร แต่คิดในแง่ของลู่หานเองเขาก็คงอยากบอกประมาณว่า ‘อย่าได้ใจไป’ ล่ะมั้ง เฮอะ...โอเซฮุนคิดจะเป็นเพื่อนกับเขาบ้างรึเปล่าเนี่ย
“ไอ้พวกเด็กเก่าแยกย้ายไปซ้อมที่สนามรบจำลองไป”
“โห...อาจารย์ อาทิตย์ที่แล้วยังไม่หายเมื่อยเลย จะให้ไปล้มลุกคลุกคลานอีกแล้วหรอ?” ปาร์คชานยอลบ่นออกมาอย่างท้าทายอำนาจมืด อาจารย์อี้ชิงยิ้มหวานแต่ทว่าวาจาที่ลอดออกมานั้นทำให้ชานยอลเสียวสันหลัง
“คุณปาร์คออกมานี่สิ”
“อาจารย์ผมผิดไปแล้ว” ชานยอลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ส่งให้ผู้เป็นอาจารย์แต่อาจารย์อี้ชิงก็มิได้มีความเห็นใจใดๆ ส่งไปให้ มีเพียงสายตากดดันที่ส่งไปทำให้เขาต้องก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไปยืนที่ระยะยี่สิบเมตร เอานี่ไปด้วย” อี้ชิงออกคำสั่งก่อนจะโยนฟางก้อนเล็กก้อนหนึ่งที่พกติดตัวไว้ เอาไว้แก้เผ็ดไอ้พวกเด็กที่มันชอบขัดใจเขา ชานยอลรับมาอย่างรู้ชะตากรรมก่อนจะร้องขอออกไป
“อาจารย์อย่าแกล้งผมอย่างงี้ดิ...ครั้งที่แล้วผมยังเสียวหูไม่หายเลยนะ” ชานยอลเคยมีประสบการณ์ยืนเป็นเป้าล่อให้อี้ชิงมาแล้วเนื่องจากไปกวนประสาทคนเป็นอาจารย์เข้า ไอ้ฟางก้อนเล็กนี่ก็ถูกวางไว้บนหัวส่วนอาจารย์มือแม่นธนูก็แกล้งยิงพลาด เฉี่ยวไหล่บ้างหูบ้างจนชานยอลเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ช่วยไม่ได้ นายไม่รู้จักจำเอง”
ตายเพราะปากเลยนะชานยอล
ถึงลู่หานจะยังไม่รู้ว่าชานยอลจะถูกจัดการยังไงแต่ก็ส่ายหน้าเบาๆ อย่างเอือมระอากับการพูดไม่คิดของชานยอลที่พลอยแต่จะหาเรื่องใส่ตัว
“ลู่หาน...”
“ครับ?”
“ฝากด้วยนะ” อาจารย์อี้ชิงตบบ่าลู่หานสองสามที ลู่หานหันไปขมวดคิ้วให้ ทำให้อี้ชิงตระหนักได้ว่าลู่หานคงตามที่เขาบอกไม่ทัน
“นายช่วงยิงธนูสั่งสอนปาร์คชานยอลแทนฉันที จะยิงแกล้งเขาก่อนก็ได้...เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้านายยิงให้ก้อนฟางที่อยู่บนหัวของชานยอลร่วงได้โดยที่ไม่ใช่พลังและชานยอลไม่บาดเจ็บ ฉันจะเอาตั๋วมาให้พวกนายสองคน”
อาจารย์อี้ชิงที่กำลังอธิบาย อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนใจหยิบยื่นข้อเสนอที่เด็กสองคนนี้ไม่มีทางปฏิเสธ หากความจริงอี้ชิงแค่อยากจะรู้ว่าลู่หานมีความมั่นใจขนาดไหนเมื่อต้องยิงธนูใส่เพื่อน แน่ละ...ถึงจะยิงแม่นแค่ไหนแต่ความผิดพลาดมักจะแฝงอยู่เสมอ ไอ้พลาดนี่แหละที่อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
เมื่อได้ยินดังนั้นลู่หานกับชานยอลก็นึกดีใจขึ้นมาที่มีโอกาสได้กลับบ้าน แต่ว่าเขาก็ลังเลที่จะทำเพราะเขาไม่เคยลองทำอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าพลาดนี้ก็ชีวิตคนเลยนะ...
“เอ่อ...อาจารย์ครับ ขอเสนอมันน่าสนใจก็จริง ถึงผมจะยิงได้ดีแต่ก็ใช่ว่าผมจะทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์...นั่นคนจริงๆ นะครับไม่ใช่หุ่นแล้วเขาก็เป็นเพื่อนของผมด้วย เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดไปจนตาย ผมทำไม่ได้หรอก”
ชานยอลรู้สึกซาบซึ้งที่ลู่หานบอกแบบนั้น...หันไปมองหน้าอาจารย์อี้ชิงแล้วอยากจะด่าว่า ‘อาจารย์ไม่มีหัวใจ’จริงๆ
“ชานยอลไม่ตายหรอก ฉันรักษาได้...ฉันแค่อยากให้นายลองดู ไม่เคยลองก็ลองซะ ฉันสัญญาว่าตราบใดที่ฉันยังอยู่ชานยอลจะไม่เป็นอะไร” อาจารย์ผู้มีพลังรักษาและฟื้นฟูสรรพสิ่งออกปากบอก ชานยอลรู้สึกใจชื้นขึ้นมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า...
นี่กะจะให้ยิงให้ได้เลยใช่ไหมครับ...
“เอาจริงหรอครับอาจารย์?”
“คนอย่างจางอี้ชิงไม่มีคำว่าล้อเล่นหรอกนะ”
“ชานยอล...ถ้าฉันยิงพลาด นายจะโกรธฉันไหม?” ลู่หานหันไปถามชานยอลเสียงเบา ขนาดยังไม่ได้ยิงยังรู้สึกผิดขนาดนี้ ชานยอลที่เห็นแววตาวูบไหวของเพื่อนตัวเล็กครั้งแรกก็ตบบ่าเพื่อนก่อนจะบอกแล้วหมุนตัวเดินออกไป
“ฉันไม่โกรธนายหรอก ฉันเชื่อใจนาย” ...แต่ฉันจะโกรธอาจารย์อี้ชิงแทนนาย
ใบหน้าหวานฉายความกังวลเมื่อมองแผ่นหลังเพื่อนคนแรกในโรงเรียนเดินออกไปยังจุดที่กำหนด ถึงระยะยี่สิบเมตรจะดูไม่ไกลมากในความเป็นจริงแต่ในความรู้สึกของลู่หานอย่างกับชานยอลอยู่ไกลออกไปสักร้อยเมตร ยิงไปไม่มีทางโดนฟางแน่ๆ เพราะความรู้สึกกับสมาธิกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว
“เร็วๆ สิ ฉันร้อนนะเฮ้ย” ชานยอลพยายามยิ้มเพื่อช่วยให้ลู่หานรู้สึกผ่อนคลาย เขารู้ดีว่าลู่หานไม่มีทางยอมให้เขาหรือใครเป็นอะไรแน่ๆ ต่อให้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เขาลู่หานก็ทำหน้าแบบนี้อยู่ดี และอีกข้อที่สำคัญ...ลู่หานจะใช้พลังแน่ๆ ถ้าลูกธนูจะไปโดนจุดอื่นบนตัวเขา
ถึงจะรู้จักกันได้ไม่กี่วันแต่เขาก็เชื่อใจลู่หานยิ่งกว่าเชื่อใจตัวเอง
“อย่าเร่งสิ ฉันต้องใช้สมาธินะ” ลู่หานเอ็ดคนที่อยู่ไกลออกไป ก่อนจะปล่อยลมร้อนออกทางปากฟู่ใหญ่แล้วเรียกสติของตัวเองกลับมา ลู่หานตั้งท่าก่อนจะใช้สายตาวัดจุดตกและน้าวสายในแรงที่พอเหมาะก่อนจะปล่อยลูกธนูออกไป
ฉึก!
ความเร็วแข่งกับลมของลูกธนูนั้นทำเอาทุกคนที่ยืนลุ้นอยู่แทบใจหาย แต่ก็ร้องเฮ้ลั่นเมื่อเสียงนั้นเป็นเสียงที่ลูกธนูปักกับก้อนฟางก่อนที่ก้อนฟางจะออกไปตามแรงที่เหลืออยู่ของลูก แต่คนที่ยืนเป็นเป้าอยู่รู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็กลับมายืนหน้าถอดสีข้างๆ ลู่หาน
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลู่หานใช้พลังช่วย ในตอนแรกที่ลูกธนูถูกปล่อยออกมามันเบนลงต่ำอยู่ที่ระดับคอของเขาแต่ลู่หานก็เบี่ยงให้มันขึ้นมาปักกับก้อนฟางนั่นได้ทัน
“ผมขอโทษครับอาจารย์ ผมใช้มัน” ลู่หานก้มหน้าสำนึกผิด อาจารย์อี้ชิงแอบยิ้มที่มุมปากไม่ให้ทั้งคู่เห็น อี้ชิงพอจะรู้แล้วว่าลู่หานเป็นคนแบบไหน หากลู่หานต้องมาต่อสู้หรือทำร้ายคนที่รู้จักจะทำให้สมาธิเขาหายไปแต่ลู่หานก็สามารถดึงพลังออกมาได้ทันไม่ยอมให้เพื่อนของตัวเองเกิดอุบัติเหตุ
เป็นแบบนี้ก็คงต้องแกล้งสักหน่อยแล้ว...
“โอเค...ฉันเข้าใจ นายไม่มีความมั่นใจและสติพอ หากนายไม่มีพลังแล้วถ้าเกิดมีคนสูงกว่าชานยอลล็อกตัวเขาไว้ล่ะ นายเลือกจะทำแบบไหน การยิงธนูต้องทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง...ฉันว่านายก็ฝึกมามากพอตัว เอาล่ะๆ ฉันจะไม่ว่าอะไรนายมากเพราะว่านายเป็นเด็กใหม่ ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ฉันคงลืมบอกบทลงโทษไป...” อาจารย์อี้ชิงเว้นวรรคก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“หา...” นักเรียนทั้งสองเงยหน้าครางเสียงแผ่ว จ้องมองรอยยิ้มนั่นแล้วขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง
“หลังเลิกคลาสแล้วไปเก็บลูกธนูให้หมด...นี่คือบทลงโทษของปาร์คชานยอลที่กล้ากวนฉันกับลู่หานที่ใช้พลังในคาบเรียน...จะทำตามไหม?”
“ครับ/ครับ” ตอบรับไปอย่างรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา
อยากจะร้องไห้เป็นภาษาบาลี
อาจารย์อี้ชิงไล่ให้ลู่หานกับชานยอลไปทานอาหารเย็น ดูท่ายังไงวันนี้ก็คงเก็บไม่หมดเดี๋ยวจะอดข้าวตายซะก่อนลู่หานที่กะจะใช้พลังช่วยในการเก็บก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากอาจารย์อี้ชิงยืนมองอยู่ตลอดเวลา ก็เลยต้องใช้มือและเท้าเดินเก็บลูกธนูจำนวนมากที่เพื่อนๆ ในคลาสใช้ฝึกกัน...และลูกธนูดูเหมือนจะมากเกินไปด้วยซ้ำ มีโอกาสให้แกล้งก็เลยแกล้งกันสินะ
“นายไปเอาวาร์ปโฟนมารึยัง?” ชานยอลถามขึ้นในขณะที่กำลังทานอาหาร วันนี้ผู้ชายที่โดนลู่หานน็อคหรือดีโอนั่งลงข้างลู่หานก่อนจะยิ้มทักทาย ลู่หานขอโทษขอโพยดีโอ ดีโอนั้นไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว ดีซะอีกที่มีคนสามารถน็อคเขาได้เห็นทีโรงเรียนนี้คงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นแน่นอน
“อ๊า! ยังเลย” ลู่หานร้องออกมาเสียงดังเนื่องจากลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“ให้เราพาไปไหม?” ดีโอที่นั่งอยู่ข้างกันเสนอขึ้นมา ลู่หานยิ้มรับก่อนจะปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร ฉันนัดกับเซฮุนไว้น่ะ ถ้าผิดนัดเดี๋ยวหมอนั่นกัดเอา” ลู่หานบอกทำให้ทั้งหมดพยักหน้ารับ ลู่หานเบนสายตาไปมองเซฮุนที่อยู่ห่างออกไปอีกสองโต๊ะแวบหนึ่ง แค่เห็นข้างหลังก็หมั่นไส้ขึ้นมาเสียง่ายๆ
“จริงๆ เซฮุนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ แรกๆ หมอนั่นก็หยิ่งกับฉันเหมือนกันแต่พอนานๆ ไปเราก็คุยกันมากขึ้นแล้วก็สนิทกันระดับหนึ่ง เชื่อสิเดี๋ยวเซฮุนเขาก็สนิทกับนาย ยิ่งมาเป็นพาร์ทเนอร์กันแล้วเดี๋ยวก็สนิทกันไว”
ที่ดีโอพูดมานี่เชื่อดีไหมนะ?
“อืม...อารมณ์นายตอนนี้คงเหมือนฉันตอนเจอมันแรกๆ อ่ะ ฉันนี่โคตรหมั่นไส้มัน แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรมาก หมั่นไส้ที่มันขาวกว่าอย่างเดียว” หนุ่มผิวแทนนามว่า ‘ไค’ ช่วยเสริมแล้วตักข้าวใส่ปากอย่างมีน้ำโหนิดหน่อยกับเรื่องที่บอกไป ไคนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามข้างชานยอล ดีโอเล่าให้ลู่หานฟังว่าตอนแรกเขากับไคก็ไม่ชอบหน้ากันแต่ดีโอที่อยู่มาก่อนต้องมาเป็นพาร์ทเนอร์ให้ไคพอนานๆ ไปพวกเขาสองคนก็สนิทกันไปโดยปริยาย ดีโอมาอยู่ที่นี่ได้ห้าปีแล้ว ส่วนไคเพิ่งมาอยู่ได้แปดเดือนตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังเป็นคู่หูกันอยู่และพลังของไคก็ยังไม่คงที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวไม่มาเพราะเจ้าตัวนั้นไฮเปอร์เกินกว่าจะควบคุมจิตใจให้ปกติได้
ส่วนพลังนั้น...ดีโอมีพลังพละกำลังและสามารถควบคุมดินได้ส่วนไคมีพลังเทเลพอร์ตสามารถหายตัวไปไหนก็ได้ แต่สถิติล่าสุดเพิ่งหายตัวได้แค่สามร้อยเมตร
“ก็เขาเกิดที่อังกฤษนี่ นายดันไปเกิดแถวแดดแรงๆ ทำไม” ดีโอหันไปว่าไคโดยจี้จุดของคนผิวแทนเข้าให้
“แล้วไคกับดีโอมาจากประเทศไหนกันล่ะ?”
“ฉันมาจากญี่ปุ่นส่วนไคมาจากอียิปต์”
ลู่หานพยักหน้ารับ...ก็ไม่แปลกหรอกที่จะผิวสีแทนดูแดดที่นั่นซะก่อนสิ แต่ความจริงแล้วไคก็ไม่ได้ดำมากเท่าไหร่อาจจะเพราะพันธุกรรมที่เป็นชาวเกาหลีช่วยไว้ระดับหนึ่งก็ได้
จากที่ลู่หานสังเกตที่นี่ก็มีคนจีนและเกาหลีเยอะอยู่เหมือนกันเพียงแต่ว่าโตที่ประเทศอื่น โรงเรียนนี้เลยเหมือนการแข่งกีฬาโอลิมปิก นักเรียนแต่ละคนมาจากประเทศที่แทบจะไม่ซ้ำกันเลย
“ที่โรงเรียนเราก็มีคนเกาหลีเยอะนะ แต่เกาหลีแท้ๆ มีไม่กี่คน” ชานยอลพูดขึ้นหลังจากที่เงียบฟังมานาน
“ก็นายไง เกาหลีแท้ๆ เลย”
“แล้วก็มีผู้หญิงอีกคนนึงด้วยชื่อซนนาอึน เอาไว้เจอแล้วจะทักให้” ชานยอลนึกถึงเพื่อนที่มาจากเกาหลีใต้อีกคนหนึ่ง นาอึนนั้นดูบอบบางแต่ทว่าเป็นคนเด็ดเดี่ยวและกล้าตัดสินใจทำให้เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนแล้วนาอึนก็เป็นรุ่นพี่ของชานยอลด้วยเพราะเธออยู่ที่นี่มาเกือบห้าปีแล้ว
แกร๊งๆ!
เสียงเหล็กกระทบกันทำให้เด็กๆ เงียบเสียงแล้วหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าสุดของโรงอาหารเป็นตาเดียว อาจารย์เซนดริกใช้วิธีนี้จนเด็กๆ คุ้นเคย อาจารย์ผู้เป็นที่รักวางช้อนกับแก้วโลหะลงก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด
“พรุ่งนี้แล้วนะที่โรงเรียนเซอร์เพนไทน์จะมาเยี่ยมโรงเรียนเรา ขอให้ทุกคนระวังตัวให้มากเพราะเราจำเป็นต้องปลดกำแพงเวทมนตร์ออกเนื่องจากมีคนนอกเข้ามา เราไม่รู้ว่าพวกเขาดีหรือร้าย ทางที่ดีพวกเธอควรไปไหนมาไหนเป็นกลุ่ม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้แจ้งอาจารย์คนไหนก็ได้ไม่ต้องไปกลัวคำขู่ ส่วนใครที่ยังไม่มีวาร์ปโฟนหรือทำหายให้ไปรับจากฉันที่ห้อง ขอให้โชคดีเด็กๆ ทานข้าวต่อได้” อาจารย์เซนดริกหันมาส่งสายตาตำหนิให้ลู่หานในช่วงที่พูดถึงวาร์ปโฟน ลู่หานยิ้มแหยๆ ส่งไปให้ก่อนจะหลบสายตา
“ฉันอิ่มแล้ว ฉันต้องไปเอาวาร์ปโฟนก่อน...ฉันกลับกระท่อมเลยนะชานยอล” ลู่หานรวบช้อนไว้ในจานก่อนจะลุกขึ้นเตรียมจะเอาจานกับแก้วไปไว้ในจุดเก็บบอกลาเพื่อนๆ แล้วเดินออกไป
ลู่หานลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรชวนเซฮุนไปด้วยไหม? แต่ดูเหมือนที่เขาชวนเมื่อวานเซฮุนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรลู่หานก็เลยเดินเข้าไปหาเซฮุนที่นั่งอยู่กับแบคฮยอนและเพื่อนร่วมโต๊ะอีกสี่คน
“หวัดดีทุกคน...หวัดดีแบคฮยอน” ลู่หานทักทายคนในโต๊ะก่อนจะทักทายแบคฮยอนอย่างสนิทสนมเพราะทั้งโต๊ะรู้จักกันอยู่สองคน
“มาทำไม” โอเซฮุนถามเสียงเรียบ ลู่หานยู่หน้าก่อนจะบอกออกไป
“เมื่อวานก็บอกแล้วว่าให้พาไปเอาวาร์ปโฟนที่อาจารย์เซนดริกไง ฉันไปไม่ถูก”
“อ้อ...ฉันอิ่มพอดี ไปก่อนนะแบคฮยอนแล้วเจอกันที่กระท่อม” เซฮุนครางรับลู่หานก่อนจะหันไปบอกแบคฮยอนที่พยักหน้ารับอย่างยิ้มๆ
“ไปก่อนนะแบคฮยอน” ลู่หานลาแบคฮยอนก่อนจะโบกมือสองสามที
เซฮุนเดินนำลู่หานไปอย่างเงียบๆ บรรยากาศตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีครึ้มและทางเดินก็เงียบเชียบเนื่องจากทุกคนในโรงเรียนไปรวมกันอยู่ที่โรงอาหาร ลู่หานรีบสาวเท้าเข้าไปหาเซฮุนทั้งๆ ที่ใจหวั่นๆ แต่ก็ตีหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไร เซฮุนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าสาวเท้าเข้ามาเดินอยู่ข้างๆ เขาก่อนจะเดินลอยหน้าลอยตามองซ้ายทีขวาที เซฮุนยกยิ้มเมื่อรับรู้ถึงสาเหตุก่อนจะแกล้งก้าวขายาวๆ ทำเอาลู่หานเผลอวิ่งตามแล้วโวยวายออกมา
“เฮ้ย! อย่าหนีฉันสิ”
“ทำไม นายกลัวอะไรรึไง?” เซฮุนหยุดเดินก่อนจะหันมาหยอกล้อคู่หูตัวเอง
ลู่หานอ้าปากพะงาบๆ อย่างหาคำตอบไม่ได้ รู้สึกพลาดที่แสดงอาการกลัวขึ้นสมองขนาดนี้
“ฉันเปล่า แค่ทางเดินมันเงียบ ฉันไม่ชอบ” ตั้งสติอยู่สักพักก็หาคำตอบที่เหมาะได้...เขาไม่ยอมให้เซฮุนจับได้แน่ๆ ว่าเขากลัวอะไร
“หรอ ก็แล้วไป...นึกว่ากลัว...อุ๊บ!” ยังไม่ทันที่เซฮุนจะพูดออกมาลู่หานก็ยื่นมือไปปิดปากเซฮุนไว้แน่น ลู่หานยกนิวชี้ขึ้นจ่อปากก่อนจะบอกเสียงเครียด
“อย่าพูดสิ ขึ้นชื่อว่าโรงเรียนไม่ว่าที่ไหนก็มีนะ” เซฮุนยกยิ้มที่มุมปากอยู่ภายใต้มือเรียวที่ปิดไว้อยู่ก่อนจะปรายตามองมือเล็กสลับกับเจ้าของเป็นเชิงบอก
“ขอโทษที...เออๆ ยอมรับก็ได้ว่ากลัว” ลู่หานชักมือกลับก่อนจะบอกออกไป ยังไงก็แสดงออกไปขนาดนั้นแล้วฝ่ายนั้นก็คงรู้ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นไม่ยิ้มมุมปากล้อเลียนเขาแบบนี้แน่ๆ
“เห็นว่ากลัวนะเนี่ย ยอมให้เดินข้างๆ ก็ได้” พูดจบก็หมุนตัวเดินต่อเหมือนเดิม ลู่หานรีบสาวเท้าไปเดินข้างๆ เซฮุนแล้วจับชายเสื้อเซฮุนไว้เมื่ออีกคนเริ่มเดินเร็วแกล้งเขาอีกแล้ว
“นายนี่มัน...” ลู่หานเค้นคำด่าไม่ออก ได้แต่วิ่งตามแล้วจับชายเสื้อคนขี้แกล้งหน้านิ่งไว้แน่นจนมาถึงที่พักของอาจารย์เซนดริก
ลู่หานมองสำรวจก่อนจะเดินไปเคาะประตูไม้ บ้านของอาจารย์เซนดริกเป็นบ้านไม้หลังกะทัดรัดน่าอยู่และกลมกลืนกับธรรมชาติ ซึ่งต่างกับผอ. ลิบลับรายนั้นคงจะมีศิลปะในหัวใจสูงเกินไป
ไม่นานร่างสูงของอาจารย์เซนดริกก็เดินออกมาตอนรับก่อนจะเชิญให้นักเรียนทั้งสองเข้าไปข้างใน ลู่หานเข้ามาแล้วก็แปลกใจไม่น้อยที่เจอเศษเหล็ก ซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งประดิษฐ์มากมาย ต่างจากเซฮุนที่เข้าออกห้องนี้มาหลายครั้งแล้วเลยชินกับสภาพห้องที่ดูไม่ต่างจากห้องเก็บของ
“อันนี้ฉันเพิ่งทำใหม่หมาดๆ รักษาให้ดีนะ เรียกได้ว่าสำคัญเท่าชีวิต” อาจารย์เซนดริกเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานก่อนจะหยิบวาร์ปโฟนที่เพิ่งทำเสร็จไม่นานยื่นให้กับลู่หาน ลู่หานรับมาก่อนจะพลิกดูเมื่อเห็นว่ามันไม่เรื่องแสงหรือปรากฏข้อความอะไร
“ปลุกมันสิ มันหลับอยู่” อาจารย์เซนดริกบอกยิ้มๆ ก่อนจะนั่งลงเริ่มทำสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองต่อ ลู่หานหยิบวาร์ปโฟนมาจ่อที่ปากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงเรียกไป
“Wake up” หลังจากเปล่งเสียงออกไปไม่เกินสามวินาที หน้าจอก็สว่างวาบขึ้นมาก่อนจะขึ้นเลขบอกเวลาแบบนาฬิกาดิจิตอล
“วาร์ปโฟนจะไม่สามารถใช้แทนกันได้เพราะมันจะจำเสียงที่ปลุกมันในตอนแรก ระยะทางการติดต่อของเครื่องนี้มีเครือข่ายอยู่แค่ในเกาะนี้เท่านั้น ออกนอกเกาะไม่ได้จะออกก็ต่อเมื่อมีตั๋วเที่ยวนั่นแหละ ที่นี่พอจะเข้าใจวิธีใช้ขึ้นมาบ้างรึยัง”
“แล้วถ้าผมจะคุยกับเซฮุนล่ะครับ ผมต้องทำยังไง?”
“นายอยากติดต่อกับใครก็แค่พูดชื่อคนนั้นลงไป เดี๋ยวมันจะติดต่อให้เอง ส่วนเรื่องการหายตัวให้พูดว่าคอราจแล้วก็กำหนดสถานที่ไม่ก็ชื่ออาจารย์ที่อยากไปหา แต่อย่าใช้พร่ำเพรื่อ หายตัวนี่เอาไว้ใช้ตอนจำเป็นจริงๆ” ลู่หานพยักหน้ารับก่อนจะยกเจ้าวาร์ปโฟนขึ้นมาดูอีกรอบ นี่มันจะไฮเทคเกินไปรึเปล่า อีกหน่อยไม่กลายเป็นเล่นเกมได้แบบสมาร์ทโฟนเลยหรือ
“งั้นผมขอตัวเลยนะครับ”
“อืมๆ ราตรีสวัสดิ์เด็กๆ” อาจารย์เซนดริกผู้ใจดีบอกลาเด็กทั้งสองก่อนที่ทั้งสองจะตอบกลับเหมือนกันแล้วพากันเดินออกไป
“เซฮุน...”
“จะโทรมาทำไม” เซฮุนหยิบเจ้าวาร์ปโฟนออกมาเมื่อรับรู้ได้ถึงการสั่น คู่หูของเขาประเดิมโทรหาเขาเป็นคนแรก ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ
“ก็ลองดู เฮ้ย วิดีโอคอลด้วยหรอ? อย่างเจ๋ง” ลู่หานเงยหน้าตอบก่อนจะก้มมองแล้วร้องออกมาอย่างเหลือเชื่อเมื่อที่หน้าจอปรากฏเป็นรูปหน้าเซฮุนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตอนนี้ ว่าแต่กล้องมันอยู่ตรงไหนล่ะ ไม่เห็นมีเลย
“กล้องมันซ่อนอยู่หลังหน้าจอนั่นแหละ อย่าไปเผลอแงะเล่นแล้วกัน” เซฮุนบอกเมื่อเห็นว่าลู่หานพลิกวาร์ปโฟนไปมาพลางทำหน้าฉงน เขากดวางสายก่อนจะเก็บวาร์ปโฟนใส่กระเป๋า
“พรุ่งนี้นายก็ระวังตัวให้ดีแล้วกัน ตอนเช้าฉันกับนายเรียนคนละคลาส”
“นายเรียนอะไรหรอ?”
“ฉันต้องไปฝึกป้องกันตัวกับธนูต่อ วิชาเวทตอนนี้ไม่ค่อยสำคัญกับฉันเท่าไหร่แล้ว ถ้าฉันยังควบคุมทิศทางลมไม่ได้ก็ไม่มีทางเลื่อนขั้นสกิล”
“เอ้า แล้วทำไมนายไม่ไปฝึกควบคุมลมล่ะ?”
“ฉันต้องฝึกในฝัน ถ้าฝึกในความเป็นจริงแล้วโรงเรียนคงไม่เหลือ”
“หา...ฝึกในฝันเนี่ยนะ แล้วมันจะใช้กับความเป็นจริงได้หรอ?”
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่นายไม่รู้ อยู่ๆ ไปแล้วนายก็จะรู้เองนั่นแหละ” เซฮุนถอนหายใจ เบื่อที่จะตอบคำถามมากมายเพราะอีกไม่นานลู่หานก็จะได้เจอกับตัวเอง ร่างสูงก้าวออกมาในทันทีทิ้งให้ร่างเล็กเคี้ยวฟันด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อบรรยากาศมันเงียบแปลกๆ และดวงตะวันได้ลับขอบฟ้าไปแล้วลู่หานขนลุกเกรียวอย่างไม่มีเหตุผลก่อนจะวิ่งตามเซฮุนไป
ฝากไว้ก่อนเถอะโอเซฮุน...อย่าให้ฉันรู้จุดอ่อนของนายเชียว
Talk : Last edit 71214
อยากตอบเม้นท์ สนุกดี อิอิ (ไรท์อาจจะตอบกวนตีนไปบ้างนะ ไม่ได้เพิ่งเกิดมันเป็นโดยสันดาน หยาบก็กราบขอท่ด)
-
เรื่องนี้ชักจะสนุกเเล้วสิ อิอิ ไรท์สู้ๆๆเรื่องใหม่น้จจะติตามน้าา^^ /// ขอบคุณค่ะ สู้ๆ เต็มที่ กำลังใจล้มหลาม
///เนอะ พระเอกอะไรขี้เก๊กจริงๆ แล้วพี่เซจะรักพี่ลู่ตอนไหนวะเนี่ย (เอ้านี่เขียนเองนะ 555)