คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : COURAGE : ตอนที่ 1 ไม่มีในแผนที่
คอราจ : ตอนที่ 1
ไม่มีในแผนที่
“มินนี่ ทำไมมินนี่ดูแปลกๆ ไม่เห็นจะร่าเริงเลย”
ลู่หานนั่งหัวเราะที่เพื่อนๆ น้องๆ ร้องเพลงดำน้ำกันไปหลายกิโลเมตรก่อนจะเงียบแล้วหันไปถามคนข้างๆ ที่ดูไม่สนุกสักเท่าไหร่
“สงสัยเราคงเพลียมากอ่ะ”
“งั้นกลับกันเลยไหมล่ะ นี่ก็สองทุ่มกว่าแล้ว”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวเราไปหามินยองแป๊บ ทิ้งตังค์ไว้ให้มันจ่ายก่อน”
“อืมๆ งั้นเราไปห้องน้ำแป๊บนะ”
“โอเค” ลู่หานปลีกตัวออกมาก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำหลังร้านระหว่างทางเขาก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง ลู่หานเงยหน้าเตรียมจะขอโทษแต่ก็ต้องรีบเปลี่ยนภาษาทันทีเพราะคนที่ชนเป็นชาวต่างชาติ
“ขอโทษครับ ผมเดินไม่ระวังเอง”
“ไม่เป็นไร...สำเนียงใช้ได้เลยนะเนี่ย เป็นลูกครึ่งหรอ?” ลู่หานยิ้มให้ก่อนจะตอบ ท่าทางดูเป็นคุณลุงใจดี
“แค่ลูกเสี้ยวน่ะครับ คุณพ่อสอนให้”
“อ้อ อืมๆ งั้นลุงไปก่อนนะ หวังว่าจะได้เจอกันใหม่”
“ครับ โชคดีครับ”
ลู่หานมองตามหลังไปก่อนจะเข้าห้องน้ำแล้วทำธุระของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้องน้ำนั้นมือถือของเขาก็มีสัญญาณเตือนดังขึ้นมา
“ข้อความจากมินนี่หรอ?” ลู่หานพูดออกมาอย่างสงสัย ก็อยู่ใกล้แค่นี้เองไม่เห็นต้องส่งข้อความมา ลู่หานเปิดอ่านก่อนจะเบิกตากว้างแล้วกดโทรเบอร์เพื่อนสนิทตัวเองทันที
‘เสี่ยวลู่!!! ช่วยด้วย!’
“บ้าเอ๊ย!” ลู่หานต่อสายถึงมินซอกก่อนจะกดวางสายทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติของเครือข่าย เขาพยายามตั้งสติก่อนจะรวบรวมสมาธิเพื่อเรียกพลังออกมา
“มินนี่นายอยู่ไหนๆๆๆๆ” พยายามค้นหาเพื่อนตัวเองก่อนจะพึมพำๆ ไปด้วยความเป็นห่วง ผ่านไปสักพักลู่หานก็จับสัญญาณของมินซอกได้ก่อนจะรีบลาคนอื่นๆ แล้วขี่รถจักรยานยนต์ไปยังที่ๆ มินซอกอยู่
ลู่หานขี่ตามสัญญาณมาเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดที่ท่าเรือร้างผู้คนท่าหนึ่ง เขาไม่รอช้า รีบวิ่งไปทั่วแล้วส่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนทันที
“หาคนนี้อยู่รึเปล่า?” สำเนียงภาษาอังกฤษที่คุ้นหูเขาดังขึ้น เขาหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นคุณลุงต่างชาติที่เขาเพิ่งเจอก่อนหน้านี้กำลังล็อกคอเพื่อนสนิทของเขาอยู่ มินซอกทำท่าหายใจลำบากก่อนจะบอกให้ลู่หานหนีไป
“ไม่ต้องห่วงฉันลู่หาน นายกลับบ้านไปเลย!”
“ไม่ได้! ฉันต้องช่วยนาย...ลุงจับเพื่อนผมมาทำไม?” ลู่หานบอกกับมินซอกก่อนจะบอกกับชายชาวต่างชาติด้วยแววตาดุดัน มินซอกมองด้วยความซาบซึ้งก่อนจะส่งเสียงดังอ่อกเมื่อคนข้างหลังเริ่มรัดคอแน่นขึ้น
“เห็นเอ๊าะๆ อยู่แบบนี้น่าจะขายได้ดี”
“ไม่ใช่แล้วมั้งลุง เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ ปล่อยพวกเราไปเถอะ ถ้าอยากได้ก็ไปหาคนที่เขาเต็มใจดีกว่า”
“คิดว่ามาขนาดนี้แล้วพวกแกจะรอดเหรอ? ยังไงไอ้หนุ่มนี่ก็ต้องไปกับฉัน ส่วนแก...ตาย!” ไวกว่าความคิด ชายต่างชาติควักปืนออกมาจากด้านหลังก่อนจะเหนี่ยวไกปืนตรงมาที่ลู่หาน ดีที่เขาสามารถครองสติได้ตลอดทำให้เรียกพลังออกมาใช้ได้ ลู่หานจ้องมองไปที่กระสุนลูกนั้น ก่อนจะทำให้มันเปลี่ยนทิศทางเบนไปทางซ้ายของตัวเอง
“เล่นผิดคนแล้วลุง”
“ไม่ผิดหรอก คนนี้แหละ”
“ห๊ะ?” ลู่หานร้องออกมาอย่างงงๆ เมื่อชายคนนั้นปล่อยเพื่อนเขาออกมาแต่โดยดี แล้วมินซอกเองก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือตกใจอะไรเหมือนเมื่อครู่ มินซอกเดินเข้ามาหาลู่หานใกล้ๆ ก่อนจะตบบ่าเพื่อนเบาๆ
“เวลาของนายมาถึงแล้ว นายอยากรู้มาตลอดว่านายมีพลังไว้ทำไม ต่อจากนี้นายจะได้รู้”
“อะไรของนาย...”
“สวัสดีอย่างเป็นทางการ ฉัน ‘เซนดริก โจนส์’ อาจารย์ของพ่อเธอแล้วก็กำลังจะเป็นอาจารย์ของเธอด้วย” ชายคนนั้นยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะยื่นมือมาทักทาย ลู่หานชั่งใจมองอย่างสงสัยแต่เขาเห็นว่าในแววตานั้นไม่มีความผิดปกติใดๆ จึงยื่นมือออกไปจับด้วย
“ผมลู่หานครับ คุณคงรู้จักผมอยู่ไม่น้อย”
“ก็นิดหนึ่ง ต้องทำความเข้าใจในตัวลูกศิษย์”
“แล้วเมื่อกี้เล่นอะไรกันครับ หัวใจจะวายอยู่แล้ว” ลู่หานบ่นไปทันที พลางมองค้อนทั้งว่าที่อาจารย์และเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่
“เป็นการทดสอบนายนิดหน่อยน่ะ โดยรวมแล้ว นายเป็นเด็กฉลาด อ่อนน้อม มารยาทดีแต่ก็แฝงไปด้วยความเฉียบคม กล้าตัดสินใจและที่สำคัญมีสติอยู่ตลอดเวลา นี่แหละคุณสมบัติที่สำคัญของชาวคอราจ”
“อะไรคือคอราจครับ?”
“ชื่อโรงเรียนน่ะ เธอต้องไปเรียนที่นั่น”
“แต่พ่อแม่ผม...”
“พวกเรารู้กันหมดแล้ว” มินซอกที่ฟังอยู่เงียบๆ พูดขึ้นมาเบาๆ อย่างเศร้าสร้อย และแล้วลู่หานก็ได้เข้าใจแล้วว่าอาการแปลกๆ ของทุกคนคืออะไร
“พอดีเป็นไฟลท์บังคับ พ่อของเธอน่ะรู้ดี”
“ผมต้องไปเลยหรอครับ?”
“อาฮะ...ขนาดฉันมารับแล้วนี่ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”
“ผมสามารถกลับมาหาพวกเขาได้ไหมครับ?”
“ได้แน่นอน แต่หลังจากภารกิจฝึกของเธอสำเร็จนะ ถ้าตั้งใจมันก็ไม่นานหรอก”
“...แล้วเราจะไปกันยังไงครับ” ลู่หานเงียบไปอึดใจก่อนจะถาม เขาข้องใจในเรื่องนี้มาก ไอ้โรงเรียนคอรงคอราจอะไรนั่นไม่เห็นจะรู้จักเลย แล้วนั่งเครื่องบินไปหรอ? เออก็ดีนะ ยังไม่เคยนั่งเลย
“เป็นอะไรที่สนุกกว่าเครื่องบินก็แล้วกัน”
“ยังไงครับ?”
เซนดริกหยิบของบางอย่างเป็นลักษณะกลมแบนขนาดเท่าฝ่ามือและมีหน้าปัดเหมือนนาฬิกาดิจิตอล เขาสั่งให้มินซอกออกไปห่างๆ ก่อนจะยกมันไปจ่อใกล้ๆ ปากแล้วพูดชื่อโรงเรียนนั่นออกมาก่อนจะจับมือเขาไว้ เจ้าสิ่งนั้นเรืองแสงออกมาเหมือนตอบรับ
“เรานั่งเครื่องบินไปไม่ได้หรอก...”
“ทำไมล่ะครับ?”
“เพราะมันไม่มีในแผนที่โลกไง”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ลู่หานรับรู้ได้ เขารู้สึกว่าอะไรๆ รอบตัวดูขาวโพลนไปหมด แต่นั่นเป็นความรู้สึกที่ไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ เขาก็มาโผล่ยังที่ๆ หนึ่งซึ่งเป็นเวลากลางวันมีแสงจ้า เขามองไปรอบๆ ตัวก่อนจะพึมพำออกมา
“ไหนครับโรงเรียน เห็นมีแต่ป่ากับทะเลสาบ”
“เราอยู่กับธรรมชาติน่ะ ตามมาทางนี้” เซนดริกไหวไหล่ก่อนจะเดินนำเขาไป ลู่หานสอดส่องสายตาไปเรื่อยๆ ก่อนจะเริ่มเห็นผู้คน ทุกคนที่เขาเดินผ่านหันมามองเขาทั้งนั้นแล้วหันไปซุบซิบกัน บ้างก็แซวเขาซึ่งๆ หน้าแต่เซนดริกก็จัดการให้ด้วยการโบกเข้าที่หน้า เซนดริกพาลู่หานมายืนยังกลางลานประชุมก่อนจะปรบมือเรียกให้พวกนักเรียนมารวมตัวกัน
“วันนี้ฉันพาสมาชิกใหม่มาให้รู้จัก เขาชื่อลู...ลูเธอร์ เป็นลูกชายของเวเกเนอร์ นั่นแหละๆ คนในตำนานที่พวกเธอได้ยินกันมา เขาเพิ่งมาใหม่ ยังไม่รู้อะไรมาก ฝากพวกเธอดูแลเขาด้วย...ที่นี่มีเด็กไม่มากหรอก มีแค่ประมาณห้าสิบคนได้ วันเดียวเธอก็รู้จักหมด” เซนดริกหันมาพูดกับลู่หานก่อนจะกวักมือเรียกใครบ้างคนออกมา ลู่หานไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดีที่จู่ๆ ชื่อของเขาดันถูกเปลี่ยน แต่เขาก็เข้าใจ ชื่อภาษาจีนมันอ่านยากและออกเสียงยาก ยอมชื่อลูเธอร์ไปก็ได้อย่างน้อยก็ออกเสียงลู่-ลู เหมือนกันล่ะนะ
ลู่หานมองตามไปก่อนจะพบว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เดินแหวกออกมา ลู่หานมองไล่สำรวจ เขามีผมสีน้ำตาลเข้มไถข้างเกรียนทั้งสองข้างส่วนผมที่ยาวข้างหน้าก็ถูกเซ็ตอย่างดี แววตาดูเบื่อหน่ายแต่มองแล้วก็มีเสน่ห์ จมูกที่โด่งมาก ถึงแม้มันจะไม่ได้โค้งสวยแต่มันก็รับกับใบหน้ารูปสามเหลี่ยมได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากสีสดที่ได้รูปสวยนั่นเม้มเป็นเส้นตรงก่อนจะปล่อยกลีบปากออกมา
ก็ยอมรับหรอกว่าหล่อเกินหน้าเกินตา...ถ้ามินซอกมาเห็นป่านนี้คงกรี๊ดลั่นป่าไปแล้ว (มินซอกคลั่งไคล้คนหน้าตาดี) แต่ลู่หานก็คิดแค่ว่าก็เป็นคนเหมือนกัน แต่เป็นมนุษย์จัดอยู่ในกลุ่มหน้าตาดี โถ...ผมก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ
“นี่มิสเตอร์โอ ชื่อที่ใช้เรียกในค่ายก็โรมิโอ ถ้าชื่อจริงๆ ก็โอเซฮุน เขาจะเป็นคู่หูเทรนเนอร์ของเธอในช่วงที่เธอทำภารกิจฝึก”
“หวัดดี”
“หวัดดี”
ทักทายได้เย็นชาไม่ต่างกัน บางทีเซนดริกอาจจะคิดผิดไป
“โรมิโอ ฝึกอยู่ที่นี่มาสามสี่ปีแล้วเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีอะไรก็ถามเขาได้”
“ครับ ฉันจะพยายามรบกวนนายให้น้อยที่สุดแล้วกัน” ลู่หานหันไปตอบรับเซนดริกก่อนจะหันมาพูดกับเซฮุน เซฮุนหัวเราะในลำคอเพราะความอวดดีของเพื่อนใหม่ ดูสิว่าจะไปได้สักกี่น้ำ
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“เฮ้ๆ เข้าใจคำว่าคู่หูกันบ้างสิ เอาล่ะทุกคน แยกย้ายไปเรียนได้” เซนดริกตบบ่าพวกเขาทั้งสองก่อนจะโบกมือให้พวกที่ล้อมอยู่แยกย้ายออกไปแต่บางส่วนก็ยังอยู่เพราะอยากทำความรู้จัก
“นายรู้รึเปล่าพ่อนายน่ะเจ๋งมากเลยนะ” ลู่หานหันไปมองคนหนึ่งที่ยกนิ้วให้ก่อนจะยิ้มแห้งๆ แล้วถามกลับ
“ฉันไม่รู้เลยว่าพ่อฉันทำอะไร แล้วทำไมฉันต้องมาที่นี่ ตอนนี้ฉันอยากรู้มากๆ เลย”
“จริง? บางทีพ่อนายคงไม่อยากให้นายตามรอยล่ะมั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมาอยู่ดี”
“นายชื่ออะไร?”
“ฉันชื่อปาร์คชานยอล มาจากเกาหลี”
“ฉันมาจากเกาหลีเหมือนกันแต่เป็นคนจีน” ลู่หานตอบก่อนจะสำรวจมองคู่สนทนา ผมสีแดงออกม่วงๆ แววตาซุกซน จมูกโด่งรับกับใบหน้า บางทีหน้าเขาก็ดูหวานเพราะตาของเขากลมโต อืม...ปาร์คชานยอลก็อยู่หมวดคนหน้าตาดีเหมือนกัน
“ลูเธอร์นี่ชื่อจริง?”
“เปล่า อาจารย์จำชื่อฉันไม่ได้ต่างหากล่ะ ฉันชื่อลู่หาน...ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ลู...ลู่...หัน” ชานยอลพยายามเรียกชื่อเขาจนลู่หานแอบขำ ในระหว่างที่หันหน้าก็เหลือบไปเห็นคู่หูตัวเองที่ยังยืนอยู่ นึกว่าไปนานแล้วนะเนี่ย เงียบซะ...
“ฉันนึกว่านายไปนานแล้วนะเนี่ย”
“ไปแล้วจะเห็นไหมล่ะ”
“รอจะพาฉันไปไหนหรอ?”
“ไปดูที่พักของนาย”
“อ้อ...ไปสิ” ลู่หานพยักหน้าเข้าใจก่อนจะให้เขานำไป ระหว่างทางเขาก็แอบคุยกับชานยอลอยู่ข้างหลังเบาๆ
“เซฮุนนี่มาจากไหนอ่ะ?”
“อังกฤษน่ะ”
“อ้อถึงว่าชื่อโรมิโอ แล้วนายล่ะมีชื่ออื่นไหม?”
“ไม่มีหรอก แต่อาจารย์จะเรียกมิสเตอร์ปาร์คเพื่อนส่วนมากก็จะเรียกชานเฉยๆ”
“อืม...ว่าแต่...แถวนี้มีจูเลียตไหม?”
“ฮ่าๆๆ ที่โรงเรียนนี้ไม่มีหรอกคนชื่อจูเลียตน่ะ แต่ถ้าจูเลียตของโรมิโอคนนี้ชื่อ ‘บยอนแบคฮยอน’ เป็นคนเกาหลีเหมือนกัน แต่เขามาจากอังกฤษพร้อมกับเซฮุน ตัวเล็กหน้าหวานๆ หน่อย เดี๋ยวนายก็เจอ สักพักหนึ่งคงมาหาเขาแหละ” ลู่หานพยักหน้าเข้าใจก่อนที่หน้าจะกระแทกหลังคนข้างหน้าที่หยุดโดยไม่บอกไม่กล่าว ลู่หานลูบจมูกพลางว่าเป็นภาษาจีน
“จะหยุดก็บอกสิ ไอ้บ้านี่”
“ถึงจะไม่รู้ว่าพูดอะไรก็เถอะ แต่คิดว่าด่าชัวร์ ถึงแล้ว...นี่ห้องนาย” เซฮุนหันมาทำหน้าตายใส่เขาก่อนจะชี้ส่งๆ แล้วปลีกตัวออกไป
เปลี่ยนคู่หูทันไหม...ปาร์คชานยอลยังโอเคกว่าเลย
ลู่หานมองสำรวจก่อนจะเดินเข้าไป ที่นี่จัดที่พักเป็นกระท่อมเล็กๆ ให้นักเรียนอยู่กันกระท่อมละคน ชานยอลบอกว่าห้องน้ำอยู่ข้างหลังกระท่อม ต้องตักน้ำจากทะเลสาบมาใส่เอง ก็โชคดีที่กระท่อมมันตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบเลยไม่ลำบากเท่าไหร่
ไม่ลำบาก…
ไม่ลำบากบ้าอะไรล่ะ เสื้อผ้า ของใช้ของเขาไม่มีเลย!
“ฉันไม่ได้เอาเสื้อผ้ากับของใช้ติดตัว...หื้ม?” ลู่หานพูดอย่างร้อนรนก่อนจะเหลือบไปเห็นเสื้อยืดที่คุ้นๆ ว่าเหมือนเป็นของเขาแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหลังเล็ก เขาเดินไปเปิดตู้ดูก่อนจะพบของใช้ของและของจำเป็นทุกอย่างอยู่ในนั้น
เตรียมมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะนี่...เขามันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
“ฉันคิดว่าเราโดนเหมือนกันนะ ตอนมาที่นี่ครั้งแรกฉันก็โดนเซอร์ไพร์สแบบนายนี่แหละ” ชานยอลนั่งลงบนเตียงก่อนจะพูดด้วยท่าทางสบายๆ ลู่หานเดินไปนั่งข้างๆ หนุ่มสูงโย่งก่อนจะถามเท้าความ
“นายมาอยู่ที่นี่นานรึยัง แล้วอาจารย์เซนดริกเป็นคนไปรับงั้นเหรอ?”
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้สองปีแล้ว อาจารย์เซนดริกไม่ได้ไปรับหรอก แม่ฉันพามา ข้าวของก็เตรียมไว้เรียบร้อยแบบนี้แหละ ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ”
“แล้วได้กลับไปบ้านบ้างรึเปล่า?”
“กลับสิ ข้อแลกเปลี่ยนของการกลับบ้านขึ้นอยู่กับภารกิจฝึกน่ะ ถ้าทำภารกิจที่กำหนดเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้หนึ่งวัน”
“แล้วภารกิจมันยากรึเปล่า? ฉันต้องทำอะไรบ้าง? ฉันไม่เข้าใจเลย”
“แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนน่ะ คนกำหนดภารกิจคือศาสตราจารย์ ‘อิลเลส เคธี’ เขาเป็นผู้อำนวยการนะ อย่างฉันสามารถเรียกไฟได้ ก็จะได้ภารกิจอะไรที่เกี่ยวกับไฟเทือกๆ นั้น”
“หวังว่าวันดีคืนดีนายคงไม่ลุกมาเผาฉันหรอกนะ”
“จะให้ฉันเผานายตอนนี้เลยไหม?”
“ฉันล้อเล่น”
“แล้วนายทำอะไรได้”
ลู่หานไม่ตอบคำถามแต่เปลี่ยนเป็นการใช้พลังควบคุมให้โคมไฟที่ตั้งอยู่หัวเตียงค่อยๆ ลอยมาอยู่ในมือเขา ชานยอลเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียง ‘ว้าว’ ออกมา
“เจ๋ง พลังควบคุม อ้อ...ถึงว่าทำไมได้คู่กับเซฮุน”
“มีพลังเหมือนกันหรอ?”
“เปล่า เซฮุนมีพลังทำลายล้างน่ะ”
“หา!!!”
“แต่ก็ไม่ได้ทำลายโอเวอร์อย่างที่นายจินตนาการหรอกน่า เขาถนัดเรียกลม ทุกวันนี้ต้นไม้ในป่าเหลือน้อยลงก็เพราะเขานั่นแหละ”
“อย่าบอกนะว่าให้ฉันไปควบคุมเขา ฉันว่าอย่างฉันคุมหมอนั่นไม่อยู่หรอก หน้าตารับแขกมากกก” ลู่หานประชดเซฮุนเข้าให้ ชานยอลหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของลู่หาน
“การควบคุมคนอาจจะเป็นสกิลขั้นสูงของนาย ฉันเคยอ่านเจอมา...นายยังไม่ได้ฝึกเร็วๆ นี้หรอก แต่เพราะนายเป็นลูกชายของเวเกเนอร์ มันก็ไม่แน่”
“จริงสิ ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พ่อของฉันเป็นตำนานของที่นี่ได้ยังไง อยู่บ้านพ่อฉันไม่เคยใช้พลังให้ฉันเห็นสักครั้งเลยนะ”
“พ่อของนายเป็นคนมีพรสวรรค์ เขาสามารถฝึกและรับรู้ได้เร็วมาก แต่สิ่งที่ทำให้พ่อนายเป็นตำนานก็คือตอนนั้นโรงเรียนของเราโดนทำลายกำแพงเวทมนตร์ที่ป้องกันไม่ให้คนนอกเข้า แล้วจู่ๆ ก็มียักษ์ไซคลอปส์โผล่เข้ามา การที่เขาใช้พลังควบคุมยักษ์ไซคลอปส์ให้ทะเลาะกันเองและออกไปจากพื้นที่โรงเรียนของเราได้น่ะ นั่นแหละ พ่อนายเลยกลายเป็นฮีโร่ไปเลย”
“ยักษ์ไซคลอปส์เนี่ยนะ มีจริงดิ?” ลู่หานถามขึ้นเสียงสูง อ่า...ออกจะแฟนตาซีไปหน่อยไหม?
“อยู่นี่ไปเรื่อยๆ แล้วจะได้เห็นอะไรที่คิดว่าไม่มีแน่นอน”
“แล้วเราต้องอยู่อย่างน้อยกี่ปี?”
“แล้วแต่คนนะ ก็อยู่ไปได้เรื่อยๆ นั่นแหละ...คิดถึงบ้านใช่ไหมล่ะ แต่เดี๋ยวก็หายคิดถึง รู้รึเปล่าที่นี่นะมีโทรศัพท์นะ แต่ไฮเทคกว่าที่โลกเยอะเลย” ชานยอลหยิบโทรศัพท์ที่เขาบอกออกมาจากกระเป๋าก่อนจะโบกไปโบกมาต่อหน้าลู่หาน ลู่หานขมวดคิ้วกับรูปทรงแปลกประหลาด มันเหมือนกับนาฬิกาอันกลมๆ แบนๆ นั่น...อันที่พาเขามาที่นี่นั่นแหละ
“มันพาไปที่โลกได้ใช่รึเปล่า?”
“ใช่ แต่ต้องไปขอรหัสการเดินทางที่อาจารย์เซนดริกน่ะ ก็อย่างที่บอกต้องทำภารกิจให้เสร็จก่อน อ้อ...นายคงมาด้วยไอ้นี่สินะ ถ้าได้มาใช้แล้วจะได้รู้อะไรอีกเยอะ” ชานยอลว่าก่อนจะเก็บมันลงไป
“รู้สึกเครียดชะมัด”
“ฮ่าๆๆ จะไปเครียดทำไม อยู่ที่นี่สนุกจะตาย”
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแล้วกันนะ”
ก๊อกๆ
ลู่หานและชานยอลมองไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ ยังไม่ทันที่เขาจะอนุญาตให้เข้า ลู่หานก็เห็นเซฮุนผลักมันเข้ามาในแทบจะทันที
“ทีหลังไม่ต้องเคาะก็ได้นะ”
ขอบคุณนะชานยอลที่ว่าแทน
“ดูสนิทกันไวนะ” เซฮุนปรายตามองทั้งสองที่นั่งอยู่บนเตียง
แหงล่ะ...ใครจะไปอยากสนิทกับคนถือตัวอย่างนายกันล่ะ หน้าก็นิ่ง อยากเข้าใกล้ตาย
“แล้วมีอะไร” ลู่หานถาม
“ผู้อำนวยการให้มาตามไปพบ เขาจะชี้แจงอะไรๆ ให้นายฟัง”
“อืม ขอบใจ”
ลู่หานตอบรับไปอย่างนั้นก่อนจะคิดในใจ เอ่อ...แล้วฉันต้องไปที่ไหนหรอ?
“เดี๋ยวฉันพาไปก็ได้ นายคงไม่รู้” ชานยอลอ่านสีหน้าของลู่หานออกก่อนจะอาสาตัวแล้วลุกขึ้น เซฮุนกดไหล่ให้ชานยอลนั่งลงเหมือนเดิมก่อนจะบอก
“ก็ฉันมาเรียกฉันก็ต้องเป็นคนพาไปสิ นายก็รีบลุกแล้วตามฉันมา” เซฮุนว่าเสียงเรียบก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“เหอะ...ว่าแต่นายพักอยู่หลังไหน? เผื่อฉันจะไปนั่งคุยด้วย” ลู่หานเค้นเสียงในลำคอตามหลังเซฮุนไปก่อนจะหันมาถามชานยอล
“หลังที่สิบสี่อ่ะ ฝั่งตรงข้ามนะ มาเมื่อไหร่ก็บอกล่วงหน้าแล้วกัน ห้องรกมาก ฮ่าๆ งั้นเดี๋ยวฉันออกไปด้วยเลย ไปหาอะไรกินดีกว่า”
ฉันอยากให้นายพาฉันทัวร์มากกว่าไอ้เซฮุนหน้านิ่งนี่
“เอาไว้เย็นๆ เดี๋ยวฉันมาหาอีกที เดี๋ยวพาไปกินข้าว”
“นายมีพลังอ่านใจคนด้วยรึเปล่า ทำไมรู้ว่าฉันคิดอะไร?”
“ก็นายแสดงมันออกทางสีหน้าทุกอย่างเลยน่ะสิ ฉันเป็นคนเดาคนออกด้วยล่ะมั้ง ก็เลยรู้ว่าใครคิดอะไร”
“บวกความสามารถพิเศษนี้ไปอีกหนึ่งนะ”
“ให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดีนะ ถึงนายจะเป็นวีไอพีก็เถอะ” เซฮุนที่รออยู่ข้างนอกโผล่เข้ามาบอกอีกครั้ง ก่อนที่ลู่หานจะพยักหน้ารับแล้วตามออกไปทันที
“เจอกันตอนเย็น”
“โอเค”
“สนิทกันไวดีนี่” เซฮุนพูดในขณะที่เดินนำเขาไป ลู่หานรู้สึกถึงกลิ่นไม่ดีในประโยค แต่เขาก็ทำเป็นพูดเล่นออกไป
“นายอิจฉาหรอ?” ลู่หานพยายามเร่งฝีเท้าให้เท่าเขาเพื่อให้ได้ยินเสียงชัดขึ้น ถึงจะพูดคล่อง แต่ถ้าไม่ได้ยินชัดๆ ก็แปลไม่ได้อยู่ดีนี่
“ใครจะไปอิจฉา คิดว่าเป็นลูกคุณเวเกเนอร์แล้วใครก็อยากจะเป็นเพื่อนงั้นหรอ?”
“บอกเลยว่าพ่อฉันไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลยสักครั้ง ไม่เคยแม้จะใช้พลังให้เห็น ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อฉันมีพลังจนถึงวันนี้นี่แหละ แล้วนายน่ะ...เป็นคู่หูของฉันก็ควรคุยกับฉันดีๆ สิ เราต้องทำภารกิจด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” เซฮุนหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าลู่หาน กลอกตาไปมาแล้วเดินต่อก่อนจะพูดขึ้น
“ก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้ นายรับฉันให้ได้ก็แล้วกัน”
“งั้นนายก็ต้องรับฉันให้ได้เหมือนกัน”
“นายชื่ออะไรนะ...”
“ลูเธอร์”
“ไม่...ชื่อจริงของนาย”
“ลู่หาน”
“ลู่...ฮาน” ลู่หานแก้ชื่อตัวเองทันทีที่เซฮุนพูดผิด “หาน...จะเรียกลูฮานก็ได้ ภาษาเกาหลี”
“แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ”
“ก็นายถามชื่อจริงนี่”
“นายไม่ได้กวนฉันใช่ไหม?”
“ถ้านายคิดว่าเป็นงั้นก็ขอโทษแล้วกัน ก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้”
ประโยคเมื่อกี้คุ้นๆ นะ...เซฮุนคิดในใจ
“โอเซน...” ยังไม่ทันที่เซฮุนจะสวนกลับ เสียงที่คุ้นเคยในโสตประสาทของเขาก็ดังขึ้น เขาหันไปตามเสียงก่อนจะพบว่าเป็นบยอนแบคฮยอน ‘แฟน’ ของเขานั่นเอง
หน้าหวานจริงๆ ด้วย แต่ไม่คิดมาก่อนว่าเป็นผู้ชาย!
ลู่หานคิดในใจก่อนจะลอบมองหนุ่มร่างบางตรงหน้า
ผมดำนี่ก็คงสีธรรมชาติสินะ ดวงตาเรียวเล็กที่หางตาตกหน่อยๆ เสริมให้ใบหน้านั่นดูน่ารักขึ้นไปอีก ปากนิดจมูกหน่อย ถึงแม้หน้าตาจะหาได้ทั่วไปในเกาหลี แต่ดูมีเสน่ห์และน่าค้นหาและอาจจะเป็นเพราะลู่หานมองแบคฮยอนนานเกินไป แบคฮยอนจึงหันมาสบตาก่อนจะฉีกยิ้มสวยๆ ให้
“นี่คงเป็นลูเธอร์ ลูกชายของเวเกเนอร์ที่เขาพูดถึงกันสินะ สวัสดีฉันแบคฮยอน บยอนแบคฮยอน ยินดีที่ได้รู้จัก”
“จะเรียกฉันว่าลูเธอร์ก็ได้ แต่ชื่อฉันคือลู่หานหรือลูฮาน แล้วแต่จะสะดวกเรียก ยินดีที่ได้รู้จัก” ลู่หานยื่นมือไปเชคแฮนด์ตอบ
“แล้วนี่จะไปไหนกันหรอ?” แบคฮยอนถามลู่หาน
“ผู้อำนวยการเรียกไปพบน่ะ”
“อ้อ...เย็นนี้ว่างไหม? พอดีได้ตั๋วกลับบ้าน ว่าจะพาไปหาอะไรอร่อยๆ กิน” แบคฮยอนหันไปพูดกับเซฮุนก่อนจะชูซองที่เด็กในคอราจรู้กันดีว่าเป็นตั๋วกลับไปที่บนแผนที่โลกได้
“ไม่รู้เหมือนกันนะ รอกลับจากห้องผู้อำนวยการก่อนแล้วจะไปหา”
“โอเค เจอกัน” แบคฮยอนเข้ามาจูบเบาๆ ที่ปากเซฮุน ก่อนจะหันมาลาลู่หานและเดินออกไป
ก็เข้าใจนะว่ามันเป็นธรรมเนียมฝรั่ง แต่ลู่ไม่ชินอ่ะ โอเคป่ะ!!!
“ฉันอยากได้ตั๋วกลับบ้านบ้างจัง”
“ฝันไปสักเดือนสองเดือนเถอะ กว่าฉันจะได้กลับก็อยู่ที่นี่ไปเดือนกว่าๆ แล้ว”
“ภารกิจมันยากขนาดนั้นเลยหรอ?”
“...ยิ่งนายมาช่วงนี้พอดีอ่ะนะ”
“-_-?”
“ไม่ต้องงงไป เดี๋ยวเจอผู้อำนวยการนายก็จะรู้เอง แต่ถ้าให้เดา ภารกิจที่นายได้ เป็นอันเดียวกับที่ฉันคิดแน่นอน”
ลู่หานก็ทำหน้าฉงนต่อไปพลางคิดในใจว่าเซฮุนจะแกล้งให้เขาอยากรู้ไปทำไมแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไป จำใจเดินตามเขาไปเรื่อยๆ พร้อมสำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวไปด้วย
หวังว่าภารกิจแรกคงไม่ยากเกินไปหรอกนะ...
Talk : บทความนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ณ วันที่นี้ เวลานั้น... (อัลไลของยู)
ความคิดเห็น