ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนาน Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่12 เทพอื่นๆ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 49


    บทที่ 12 เทพอื่นๆ
    บทนี้ผมอยากจะเก็บเทพเล็กเทพน้อยที่มีความหมายกับชาวเหนือ แต่ไม่ได้มีบทบาทอะไรในสรวงสวรรค์มากนักและโดยมากก็เป็นเทพแห่งธรรมชาติไม่ได้ประจำอยู่บนสรวงสวรรค์แอสการ์ดเพียงแห่งเดียว เอามารวบรวมกันไว้เสียหน่อยครับ เดี๋ยวบังเอิญท่านผู้อ่านไปพบที่ไหนแล้วไม่รู้จักจะว่าผมชุ่ยทำตกๆ หล่นๆ
    เริ่มที่อูลเลอร์ครับ

    อูลเลอร์-Uller เทพแห่งฤดูหนาว
    อูลเลอร์คนนี้เป็นโอรสของซิฟกับยักษ์ไร้นาม ซึ่งสำหรับชาวเหนือแล้วนะครับยังเป็นเทพแห่งการล่าและอาวุธด้วย
    ความที่ฤดูหนาวกินเวลานานนับเดือนในภูมิภาคนั้น พาเอาความตายมาสู่ชาวเหนือ อูลเลอร์ก็เลยรั้งตำแหน่งเทพแห่งความตาย (อันนี้เป็นความตายชนิดตายซากครับ คือหนาวจนเแข็งตายไปเอง ไม่เหมือนลูกน้องของเทพีเฮล)
    อูลเลอร์มีเลือดครึ่งหนึ่งเป็นยักษ์น้ำแข็ง ฤดูหนาวที่ปกคลุมแผ่นดินชั่วนาตาปีสำหรับเขาเป็นเวลาสบายๆ เป็นเวลาที่เขามีพลังแข็งแกร่ง ชนิดที่เชื่อกันว่าในเวลานี้อูลเลอร์สามารถแย่งอำนาจควบคุมแอสการ์ดมาจากโอดินได้ด้วยซ้ำ โอดินจะกลับมีพลังอีกครั้งก็เมื่อแสงแรงแห่งดวงอาทิตย์ส่องพื้นโลกให้อบอุ่น
    ด้วยเหตุนี้อูลเลอร์จึงได้รับการนับถือจากคนเหนือด้วยตำแหน่งสำคัญรองมาจากโอดิน ต่างกันแต่ไม่มีใครรักเขาเหมือนโอดินเท่านั้นละครับ ก็เทพเล่นสนใจแต่น้ำแข็งและความเย็น ซึ่งเป็นความทุกข์สาหัสของชาวโลกนี่นา

    นจอร์ด-Njord เทพแห่งฤดูร้อนและสายลม กับ สการ์ดิ-Skadi
    หลังสงครามระหว่างอีเซอร์และวาเนอร์ ก็นจอร์ดคนนี้แหละครับที่ต้องแลกตัวมาอยู่แอสการ์ดกับลูกชายลูกสาว เขาเป็นเทพวงศ์วาเนอร์แห่งฤดูร้อน กล่าวกันว่าเขาเป็นเทพรูปงามมักสวมเสื้อทูนิคยาวสีเขียวอันเป็นตัวแทนของความเจริญงอกงามในหน้าร้อน มีหงส์เป็นตัวแทนอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพ เพราะมันมักปรากฏตัวในช่วงต้นของหน้าร้อน แมวน้ำขี้เล่นที่อาศัยอยู่ริมฝั่งก็เชื่อว่าเป็นสัตว์โปรดของเขาเช่นเดียวกัน
    นจอร์ดแต่งงานครั้งแรกกับเนอร์ธัสน้องสาวของเขาเองมีลูกชายและลูกสาวคือเฟรย์และเฟรยา เมื่อนจอร์ดถูกแลกให้มาอยู่แอสการ์ด มันเป็นเวลาที่การแต่งงานระหว่างพี่น้องด้วยกันกลายเป็นที่รังเกียจไปเสียแล้ว ภรรยาของนจอร์ดก็เลยไม่มาด้วยคงปล่อยให้สามีกับลูกมาแทน
    เมื่อมาถึงแอสการ์ด นจอร์ดมีวังโนอาตัน-Noatun อยู่ที่ริมทะเลซึ่งก็อยู่ในสายตาของเทพอีเซอร์ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีเอี่ยวกับเรื่องราวของโลกิ แต่สกาดินางยักษ์คู่ชีวิตคนที่สองของเขานี่ซิครับ หาเรื่องเข้าไปยุ่งจนได้ ตำนานว่านจอร์ดจะได้เมียคนนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน
    ก็สกาดิคนนี้ละครับที่เป็นลูกสาวของยักษ์ธิอัลซิ-Thialzi ซึ่งโดนเทพฆ่าเพราะดันไปลักพาเทพีแอปเปิ้ลศักดิ์สิทธิ์เข้า เมื่อ ปล่อยให้นางต้องหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียวก็เลยเดินทางมาเรียกร้อง (แต่คงไม่ถึงขั้นก่อม็อบครับ ก็มาคนเดียวนี่) เทพแอสการ์ดก็อยากจะไถ่โทษ ยอมจะเอาทองคำจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ที่นางต้องการมาให้ สกาดิไม่สนครับ เธอว่าเมื่อคนของเธอตาย เทพก็ต้องใช้คืนด้วยคน เว้าซื่อๆ ขอสามีก็แล้วกัน คำขอของยักษ์เนี่ยเล่นเอาเทพหัวเราะกันครืน
    สกาดิได้รับความอับอายไปชั้นหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเดินมาถึงเส้นที่ถอยไม่ได้เธอก็เดินหน้าต่อไป อันที่จริงตอนนั้นเธออยากได้บาลเดอร์เป็นสามีเนื่องจากเขารูปงามที่สุด แต่ไอ้จะบอกตรงๆ เดี๋ยวก็โดนโห่หาว่าใฝ่สูง นางยักษ์เลยเสนอว่าเธอจะเลือกใครก็ได้ที่มีเท้าเข้ารูปสวยที่สุด โอดินสั่งให้บรรดาเทพทั้งหลายเข้าไปอยู่หลังม่าน เรียงแถวกันตามใจชอบแล้วยกเชิงม่านขึ้นให้สกาดิเลือก นางมองไปมองมาแล้วเลือกได้เทพองค์หนึ่งซึ่งเท้าสวยมาก นางหวังใจเต็มเปี่ยมว่าเท้าคู่นี้ต้องเป็นของบาลเดอร์ คิดว่าเมื่อเป็นเทพที่หล่อเหลาที่สุด ร่างกายก็น่าจะสวยสมบูรณ์ตามไปด้วย โอดินสั่งให้ยกม่านขึ้นเท่านั้นละครับนางยักษ์ลมแทบใส่
    ปรากฏว่า เท้าคู่ที่นางเลือกกลับเป็นของนจอร์ดเทพแห่งฤดูร้อนและสายลมอ่อน บรรดาเทพต่างหัวเราะกันถ้วนหน้าเพราะรู้ทันว่านางต้องการอะไร แต่การล้อเลียนนางยักษ์ในเรื่องการเลือกคู่นี้ไม่มีใครทำน่าเกลียดเท่ากับโลกิ เขาถลกกางเกงเต้นกระหย่องกระแหย่งไปมาแอ่นน่าแอ่นหลังยั่วยวนสกาดิจนเจ้าหล่อนหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ไม่มีใครคิดว่าเลยว่าสกาดิจะผูกใจเจ็บเสียจนเมื่อถึงเวลาที่โลกิถูกพันธนาการ ก็สกาดิคนนี้ละครับที่เป็นคนหางูพิษเอามาตรึงไว้เหนือหัวโลกิเป็นการแก้แค้น
    เรียกว่าการเลือกคู่ของสกาดิครั้งนี้กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง นางยักษ์ไม่ได้บาลเดอร์อย่างที่หวังแต่ได้เทพแห่งธรรมชาติที่แทบไม่มีความสำคัญ ทำให้การแต่งงานง่อนแง่นตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น นางยักษ์พานจอร์ดไปอยู่ที่ดินแดนน้ำแข็งของนาง 9 คืนนจอร์ดก็ทนความหนาวเย็นไม่ไหว ขอให้สกาดิมาอยู่กับเขาที่ชายทะเล ปรากฏว่านางยักษ์ก็อยู่ได้ 9 คืน ชักทนเสียงรบกวนของนกทะเลและเสียงอึกทึกของอู่ต่อเรือแถววังโนอาตันไม่ไหว สองคนก็เลยแยกกันอยู่ สกาดิกลับไปออกล่าสัตว์ในดินแดนน้ำแข็งที่แห้งแล้งของหล่อน ส่วนนจอร์ดกลับไปอยู่ในภูมิอากาศที่สบายริมทะเลตามเดิม
    พฤติกรรมของทั้งนจอร์ดและสกาดิให้ข้อคิดอย่างหนึ่งแก่ผู้แต่งงานครับผู้อ่าน คืออย่าพยายามเปลี่ยนคนที่จะมาอยู่กับเราให้เหมือนเราเลยครับ รังแต่จะพบความขมขื่น แรกๆ เขาอาจยอมเพราะความรัก แต่นานวันเข้าความเกรงใจค่อยๆ น้อยลงนิสัยจริงปรากฏ ไอ้ตอนนี้แหละจะอยู่กันไม่ยืด ดังเช่นคู่เทพและยักษ์คู่นี้

    วิดาร์-Vidar เทพสันโดษ
    เป็นลูกของโอดินกับนางยักษ์กริด วิดาร์รับความแข็งแกร่งมาจากโอดินเต็มเปี่ยม หากแต่บุคลิกที่ไม่เหมือนใครของวิดาร์คือเขาเป็นเทพที่พูดน้อยมากจนถึงไม่พูดเลย อันนี้ไม่เกี่ยวกับการเป็นใบ้แต่ประการใดนะครับ แต่เพราะเขาคือตัวแทนของพลังเงียบ พลังที่ยิ่งใหญ่ในธรรมชาติ และเขาก็ยังเป็นเทพที่รอดจากมหาสงครามแร็กนาร็อค มีความสำคัญในการสร้างจักรวาลที่สอง
    ภาพของวิดาร์คือชายร่างสูงหล่อเหลา แต่งกายด้วยเกราะถือดาบคมกริบ ใส่รองเท้าที่ทำจากหนังหรือเหล็กซึ่งในเวลาต่อมาได้ป้องกันเท้าของเขาจากคมเขี้ยวของเฟนริส หมาที่เขาต้องตามล่าแก้แค้นที่มันฆ่าโอดิน

    อีเจอร์-Aegir เทพแห่งท้องทะเล และรัน-Ran
    เป็นเจ้าแห่งมหาสมุทร เป็นเทพที่ไม่ได้สังกัดอยู่ทั้งในวงศ์อีเซอร์และวาเนอร์ เพราะว่าเกิดก่อนชาวบ้านนานมาก จะเรียกว่าเกิดก่อนเผาพันธุ์ไหนในโลกและอยู่ยั้งยืนยงขณะที่เทพอื่นตายกันหมด อีเจอร์เป็นสวามีของรัน (คนนี้เป็นทั้งเมียและน้องสาวด้วย) เป็นพ่อของลูก 9 คน (ตำรานี้ไม่บอกว่าหญิงหรือชาย แต่ผมเดาว่าเป็นนางยักษ์แห่งคลื่น 9 ตนที่โอดินพบตั้งแต่สร้างโลกเสร็จใหม่ ซึ่งก็หมายความว่าอีเจอร์เป็นพ่อตาของโอดิน เป็นตาของไฮล์มดาลเทพอารักษ์แห่งแอสการ์ดครับ)
    อีเจอร์มักปรากฏร่างเป็นชายชรารูปร่างผอม ทั้งหนวดเครา และผมยาวขาวโพลน แต่มือเป็นกรงเล็บ อีเจอร์ไม่ใช่เทพใจดี ตรงกันข้ามกลับเป็นเทพที่อารมณ์ผันผวน (ก็เหมือนท้องทะเลละครับ) เมื่อใดทีเขาปรากฏตัวเหนือผิวน้ำ นั่นก็หมายความว่าเขามีจุดประสงค์ประการเดียวคือล่มเรือและสังหารลูกเรือ เลยเป็นประเพณีของคนเหนือให้ต้องมีการบูชายัญแก่อีเจอร์เสียก่อนเดินทาง
    ข้างรันเมียของเขาซึ่งก็คือวิญญาณแห่งพายุท้องทะเลนั่นก็ไม่เบาเหมือนกันครับ เจ้าหล่อนเป็นตัวแทนของอารมณ์อันปรวนแปร เธอมีแหวิเศษที่คอยลากวิญญาณลูกเรือเอาไปรวมกันไว้ในถ้ำปะการังซึ่งเต็มไปด้วยทองคำเรืองรอง รันชอบทองถึงขนาดเรียกมันว่าไฟแห่งท้องทะเล ความชอบของรันทำให้ลูกเรือชาวเหนือมักเอาทองคำก้อนเล็กๆ ติดไว้ในกระเป๋าเพื่อให้รันชอบ จะได้ไม่ต้องมาเอาชีวิต
    อันที่จริงอีเจอร์ไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวกับวงศ์เทวัญของชาวแอสการ์ด จนกระทั่งธอร์สั่งให้เทพแห่งทะเลทำหน้าที่ต้มเหล้าให้ชาวแอสการ์ด ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับพวกเทพเลือดใหม่ เขาแก้ตัวว่าไม่มีหม้อใหญ่-Cauldron ขนาดใหญ่พอสำหรับจะต้มให้ ธอร์จึงไปยึดหม้อใหญ่ของยักษ์ไฮเมียร์มาให้ คราวนี้อีเจอร์ปฏิเสธไม่ได้ครับ ต้องทำหน้าที่ต้มเหล้าให้เทพไปจนวันสิ้นโลก

    ฟอร์เซ็ตติ-Forsetti เทพแห่งกฎหมายและความยุติธรรม
    เป็นลูกของบาลเดอร์กับนันนา เทพีแห่งการเพาะปลูก ความที่เขาเป็นลูกของเทพผู้ทรงเกียรติทั้งคู่ ฟอร์เซ็ตติจึงได้ที่นั่งในแกลดสไฮล์มโดยอัตโนมัติ ครั้นโตเป็นผู้ใหญ่ฟอร์เซ็ตติก็รั้งตำแหน่งเทพแห่งการตัดสิน เขาอยู่ในวังกลิตเนียร์-Glitnir เป็นวังที่คล้ายเบรดาบลิคของบาลเดอร์ ต่างกันแต่ว่าหลังคากลิดเนียร์ดาดด้วยเงิน ส่วนเสาค้ำเป็นทองทั้งสิ้น
    หน้าที่ของฟอร์เซ็ตติ คือนั่งบัลลังก์ภายในวังกลิตเนียร์ตัดสินคดีความหากเทพเกิดทะเลาะกัน ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยตัดสิน สติปัญญาของเทพหนุ่มองค์นี้ว่ากันว่ามีไหวพริบดีจนคู่กรณีรายไหนรายนั้นกลับออกไปแล้วเลิกทะเลาะกัน หันมาให้ความเคารพกันด้วยซ้ำ
    เหตุนี้ละครับฟอร์เซ็ตติจึงได้รับการสวดอ้อนวอนก่อนจะมีการตัดสินคดีความในแผ่นดินมนุษย์ด้วยเหตุที่เขาเป็นเทพที่ยุติธรรมที่สุด

    วาลี-Vali ผู้แก้แค้น
    โอรสของโอดินกับรินด้า เขาไม่ได้เกิดมาเป็นผู้แก้แค้นให้แก่บาลเดอร์อย่างเดียว แต่เป็นคนที่ปรากฏตัวคู่กันกับวิดาร์เสมอ ถ้าวิดาร์เป็นตัวแทนพลับเงียบของธรรมชาติ วาลิก็เป็นตัวแทนของวิญญาณที่ไม่ตาย-แสงแห่งชีวิตที่ไม่มีวันดับ ซึ่งจะสร้างความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติหลังความแห้งแล้งเสมอ วาลีมักคือคันธนู อันเป็นตัวแทนของพลังความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง

    เฮอร์มอด-Hermod ภูตนิมฟ์ผู้สื่อสาร
    ลูกของโอดินกับฟริกก้า เฮอร์มอดนับเป็นทูตสื่อสารที่ซื่อสัตย์ของพ่อ ความเร็วและความว่องไวของเขาไม่มีใครทาบ มีอยู่หลายครั้งเหมือนกันครับที่เวลาโอดินยุ่งมากๆ โอดินก็จะใช้เฮอร์มอดให้เอาหอกกุงเนอร์ ไป ณ จุดที่สงครามกำลังก่อตัว แล้วเอาหอกศักดิ์สิทธิ์นั่นโบกเหนือทุ่งสงคราม พลังของมันทำให้ความกระหายเลือดในอกของนักรบแต่ละฝ่ายปะทุถึงขั้นสุดตามมาด้วยการเข่นฆ่ากันอย่างเมามัน
    เมื่อเฮอร์มอดได้เป็นผู้ช่วยให้เกิดสงครามภายใต้คำสั่งของโอดินอยู่บ่อย ๆ เขาจึงกลายเป็นหัวหน้าพวกเอนเฮเรียร์ไปโดยปริยายครับ

    นอร์น-The Norns เหล่าเทพีแห่งโชคชะตา
    นอร์นที่ว่านี้ก็คือเทพีสามพี่น้อง (คล้ายๆ เทพีแห่งชะตากรรมของกรีกเลยนะครับนี่) ผู้ชี้ความเป็นไปของบรรดาเทพและมนุษย์
    นอร์นพี่ใหญ่มีชื่อว่า เอิร์ด-Urd ผู้รู้เรื่องอดีต ภาพของนางเป็นหญิงชราที่เหลียวหลังมองอดีต
    คนกลางชื่อเวอร์ดานดี-Verdandi ผู้รู้เรื่องปัจจุบัน ภาพของนางเป็นหญิงสาวผู้มองไปข้างหน้า เผชิญกับปัจจุบันอย่างไม่กลัวเกรง ทั้งเอิร์ดและเวอร์ดานดี นับเป็นนอร์นที่ช่วยเหลือมนุษย์มากที่สุด
    ผิดกับสกัลด์-Skuld ผู้รู้เรื่องอนาคต น้องเล็กคนสุดท้ายซึ่งมีท่าทีตรงกันข้ามกับพี่ๆ ทั้งสอง เพราะว่าเธอคือตัวแทนของพลังที่ทำนายไม่ได้ ไม่มีความรักต่อทั้งมนุษย์และเทพ ยิ่งกว่านั้นสกัลด์ยังเป็นพวกอารมณ์ไม่แน่นอนมีฤทธิ์สามารถลบคำทำนายของเอิร์ดและเวอร์ดานดีได้ เนื่องจากเธอเท่านั้นที่กุมความลับของอนาคต ภาพของสกัลด์เป็นหญิงสวมผ้าคลุมหน้าตลอดเวลา ในมือมีหนังสือหรือม้วนกระดาษที่ไม่เปิดเผย สายตาของสกัลด์จ้องไปในทางตรงกันข้ามกับพี่น้องเสมอ
    เทพีนอร์นทั้งสามมีหน้าที่ทอเส้นใยแห่งชะตากรรมทุกวัน ตกเย็นสกัลด์จะเป็นผู้ถอดปมบางปมที่เอิร์ดและเวอร์ดานดีทอไว้ ทำให้อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นชัด นอกจากนี้นอร์นทั้งสามยังมีหน้าที่ดูแลรักษาต้นอิกดราซิล เก็บกิ่งหักและดูแลราก ความที่นอร์นกุมชะตากรรมนี่ละครับ พวกเธอจึงกลายเป็นที่ปรึกษาของเทพโดยปริยาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×