ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic.The Thief of Baramos]จอมเวทย์แห่งแดนสโนว์แลนด์

    ลำดับตอนที่ #7 : ว่าที่ราชินีองค์ใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 48


    “ไชน์ ข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะ”



    “ได้ขอรับนายท่าน ข้าจะดูแลท่านหญิงน้อยให้ดีที่สุดตราบเท่าที่ชีวิตจะหาไม่”



    “ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ ข้ามิอาจละทิ้งหน้าที่ของข้าไปได้คงต้องพึ่งเจ้าดูแลนาง”



    “ท่านอีวานอย่าได้เป็นกังวล ข้าน้อยให้สัญญาว่าท่านหญิงน้อยจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในความดูแลของข้า”



    “ข้าเชื่อใจเจ้าไชน์ เพราะเจ้าเป็นมังกรที่ข้าเลี้ยงดูเหมือนลูกแท้ๆและให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด” เสียงพูดอ่อนโยนพร้อมมือใหญ่ที่ลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดูมังกรในร่างหนุ่มน้อยตรงหน้า



    “ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” มังกรในร่างหนุ่มน้อยให้คำมั่นสัญญาที่คนฟังรู้ว่าเค้าสามารถไว้วางใจได้



    “แอ๊ด!!!”



    เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นทำไมให้เจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงถึงกับสะดุ้งตื่นอย่างคนที่มีสัมผัสเร็วและตื่นง่าย



    “ไชน์! ฉันกลับมาแล้ว อ้าว...หลับอยู่เหรอ ขอโทษที่ปลุกเธอให้ตื่นนะ”



    นี้เราฝันถึงนายท่านงั้นเหรอ ไม่ได้เจอนายท่านเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว ที่ฝันถึงจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า



    “เป็นอะไรไปไชน์นั่งทำหน้าเครียดเชียว มีไข้เหรอ?” สาวน้อยถามขึ้นพร้อมเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากของหนุ่มน้อยเพื่อวัดดูว่ามีไข้หรือเปล่า



    “เปล่า! ข้าไม่ได้เป็นอะไร แค่เผลอหลับไปเท่านั้น” คนพูดหน้าขึ้นสีเล็กน้อยจากการกระทำของสาวน้อยตรงหน้า



    “ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องนั่งรอฉันจนดึกทุกวันหรอกนะ เด็กดีไม่ควรเข้านอนดึกรู้มั้ย!” ดาเรียบอกด้วยความเป็นห่วงพร้อมแต่ก็อดแหย่คนมาดมากตรงหน้าไม่ได้



    “ไม่ได้ข้าเป็นห่วงเจ้าและที่สำคัญข้าก็ไม่ใช่เด็ก ข้าอายุ1300ปีแล้วเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้าเยอะ” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของไชน์ที่ถูกล้อว่าเป็นเด็กเรียกรอยยิ้มมุมปากสาวน้อยช่างแกล้งได้เป็นอย่างดี



    “แล้วที่ฉันเห็นอยู่นี้หล่ะผู้ใหญ่ที่ไหนกัน เห็นแต่เด็กอายุ 6 ขวบ” ดาเรียยังคงแหย่ไม่เลิก



    “.....” ไชน์หมดความอดทนที่จะต่อปากต่อคำกลับคนตรงหน้าก็ในเมื่อเค้าเองก็ไม่เคยชนะหล่อนได้แม้แต่ครั้งเดียว



    ดาเรียยิ้มอย่างอารมณ์ดี เพราะรู้อยู่แล้วว่าไชน์ไม่เคยต่อปากต่อคำชนะเธอได้ ต้องยอมแพ้เธอมาตลอดตั้งแต่เธอพูดได้



    “ทำไมวันนี้ถึงกลับดึกนัก?” น้ำเสียงเป็นห่วงถามเหมือนพ่อถามลูกสาว



    “มีประชุมนิดหน่อย” คำตอบที่ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจมากนักจากสาวน้อย



    “งั้นเหรอ”  



    “เมื่อไรไชน์จะยอมออกไปเรียนไปพบเจอคนอื่นพร้อมฉันละ อยู่แต่ในห้องไม่เบื่อหรือไง?”



    “ไม่เบื่ออยู่ในห้องดีกว่าที่จะออกไปเจอหน้าผู้คนน่าเบื่อยุ่งยาก” และที่สำคัญอยู่ในเขตแดนของมหาปราชน์ชื่อดังบวกกับฝีมือของดาเรียเองเค้าก็วางใจได้ว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายท่านหญิงน้อยของเค้าได้แน่แม้เค้าจะไม่ได้อยู่ข้างกาย



    “ฉันรู้ว่าไชน์ไม่ชอบพบปะผู้คน แต่ฉันอยากให้ไชน์อยู่ข้างๆฉันตลอดนิ ไม่มีไชน์อยู่ข้างๆแล้วเหมือนขาดอะไรบางอย่าง” สาวน้อยเริ่มทำท่าอ้อนให้คนตรงหน้าที่แม้มาดมากแต่ภายในเริ่มใจอ่อนกับลูกอ้อนที่ต้องยอมเสมอมา



    “แต่....ข้าเป็นแค่เด็ก 6 ขวบจะไปเรียนร่วมกับเจ้าได้อย่างไร” ไชน์พยายามหาข้อแก้ตัว



    “ไม่เห็นเป็นไรเลยเดี๋ยวฉันขอท่านมหาปราชญ์เลโมธีให้ไชน์มานั่งเรียนร่วมกับฉันได้เป็นกรณีพิเศษเพราะว่าติดพี่สาว”



    “ข้าเป็นเด็กติดพี่สาวไปตั้งแต่เมื่อไหร่มิทราบ” ไชน์ว่าด้วยน้ำเสียงมะนาวไม่มีน้ำพร้อมใบหน้าที่ตึงขึ้นเล็กน้อย อากัปที่ดาเรียเห็นเป็นอดขำมิได้แต่ก็ต้องง้อ



    “นานะแค่ช่วงนี้เท่านั้นเอง ไชน์! ทำเพื่อฉันไม่ได้เหรอ” เจ้าของนัยน์ตาสีเทาเงินแสนสวยพยายามอ้อนเต็มที่เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าแพ้ลูกอ้อนและสายตาเว้าวอนของเธอ



    “กะ....ก็ได้แค่หนนี้เท่านั้นนะ” สาวน้อยถึงกับกระโดดดีใจไม่สมกุลสตรี ทำเอาไชน์ได้แต่ส่ายหน้ากับความใจอ่อนและกิริยาของสาวน้อยตรงหน้า จะมีวันไหนมั้ยที่เค้าจะขัดใจท่านหญิงน้อยของเค้าได้



    “ดาเรียมีจดหมายส่งมาถึงเจ้าจากสโนว์แลนด์”



    “จากสโนว์แลนด์ ใครส่งมา?” เกิดความงุนงงกับตัวเอง เพราะเพิ่งจะกลับมาจากสโนว์แลนด์แท้ๆมีเรื่องอะไรกันถึงต้องส่งจดหมายมา



    “ท่านนาเนีย”



    “ท่านแม่ส่งมา! ต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ๆเลย ฉันว่าฉันคุยกับท่านแม่รู้เรื่องแล้วนะ” ว่าจบก็หยิบจดหมายแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ



    “ไม่อ่านสักหน่อยเหรอ งั้นข้าอ่านให้เองก็ได้” มังกรในร่างหนุ่มน้อยว่าพลางหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน





    ดาเรียลูกรัก!



        แม่หวังว่าลูกสบายดี แม่เองก็เจ็บออดๆแอดๆอยู่ทุกวัน แม่คิดว่าแม่คงอยู่ได้อีกไม่นานเพราฉะนั้นแม่อยากให้ลูกกลับมาสโนว์แลนด์อีกครั้ง เพื่อดูใจแม่ที่แก่ชราผู้นี้ด้วย



    ป.ล. แม่เตรียมจัดงานแข่งขันคัดเลือกว่าที่ราชินีองค์ใหม่รอเจ้าอยู่นะ ลูกรัก!



                                                                                                           จาก...(แค่กๆ)...แม่ผู้แก่ชรา..

                                                                                                                 ราชินีนาเนียสุดสวย







    “หึ...เจ็บหนัก” สาวน้อยทำหน้าเบ้ใส่



    “จะไม่กลับไปดูใจท่านนาเนียเสียหน่อยเหรอ ท่าทางท่านจะเจ็บหนักจริงๆ” ไชน์พูดแกมหัวเราะน้อยๆในลำคอ



    “เจ็บหนักที่ไหนกัน ราชินีสองพันปีที่ไม่ยอมให้ตัวเองแก่เลยอย่างท่านแม่นะเหรอ! เจ้าจำคราวก่อนโน้นไม่ได้รึไงที่พวกเราโดนท่านแม่หลอกให้กลับไปดูใจท่านที่ได้รับบาดแผลฉกรรจ์จากการรบ แล้วผลเป็นไงล่ะโดนแค่มีดบาดนิ้วมือจากการหัดปอกผลไม้ให้ท่านพ่อทาน หึ...คราวนี้จะมามุขเจ็บปางตายจ้างให้ฉันก็ไม่กลับ” ดาเรียทำท่าฟึดฟัดไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด  



    “แต่มีการคัดเลือกว่าที่ราชินีองค์ใหม่ของสโนว์แลนด์ด้วยนะ เจ้าจะไม่กลับไปหน่อยเหรอ?” ไชน์ทำหน้าใสซื่อถามดาเรียทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าไม่มีวันที่สาวน้อยของเค้าจะกลับไปแน่นอน



    “ไม่กลับ! แล้วไอ้ตำแหน่งว่าที่ราชินีอะไรนั้นฉันก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว มีพี่นาล่าอยู่ทั้งคนทำไมยังต้องจัดงานคัดเลือกบ้าบอนั้นขึ้นมาอีก ไม่เข้าใจท่านแม่เลยจริงๆ”



    “แต่เจ้าก็น่าจะเขียนจดหมายกลับไปบอกท่านนาเนียนะว่าเจ้าจะไม่กลับไป พร้อมเหตุผลที่ไม่เข้าร่วมการคัดเลือก” มังกรในร่างหนุ่มน้อยอดอมยิ้มกลับกิริยาท่าทางงอนอย่างกับเด็กๆของสาวน้อยตรงหน้า



    “ก็ได้! ฉันจะเขียนไปบอกท่านแม่แล้วก็หวังว่าท่านจะไม่ตื้อให้ฉันกลับไปเข้าร่วมการคัดเลือกบ้าบออะไรนั้นอีก” ดาเรียเรียกปากกาขนนกจากอากาศที่ว่างเปล่าขึ้นมาพร้อมลงมือเขียนจดหมายตามคำแนะนำของไชน์







    สวัสดีเพค่ะ!ท่านแม่

        

                 ลูกหวังว่าท่านแม่คงจะไม่เป็นอะไรมากนะเพค่ะ ลูกต้องทูลท่านแม่ตามตรงว่าลูกจะไม่กลับไปสโนว์แลนด์เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกบ้าบออะไรนั้น ถ้าท่านแม่อยากได้ราชินีองค์ใหม่ทำไมไม่เลือกพี่นาล่าไปล่ะเพค่ะ ท่านพี่นาล่าเพียบพร้อมทุกอย่างท่านแม่ก็ทราบข้อนี้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือเพค่ะ ที่สำคัญลูกอยากเรียนหนังสือให้จบอยากใช้ชีวิตเยี่ยงสามันชนคนธรรมดายศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆลูกไม่ต้องการเพค่ะ ท่านแม่อย่าได้เสียใจอย่าได้ต้องกังวลไปลูกเชื่อว่าพี่นาล่าเหมาะสมกับตำแหน่งราชินีแห่งสโนว์แลนด์ที่สุดแล้วเพค่ะ ถ้าท่านแม่เลือกลูกสิโสว์แลนด์ถึงคราววิบัติแน่นอน

        อย่าได้บังคับลูกอีกเลยนะเพค่ะ ขอให้ลูกได้ใช้ชีวิตในแบบที่ลูกอยากจะเป็น  ลูกต้องขออภัยหากลูกทำตามใจตัวเองมากเกินไป            

        รักท่านแม่และท่านพ่อมากที่สุด ฝากความคิดถึงถึงพี่นาล่าด้วยนะเพค่ะ



    ป.ล.ท่านแม่หายป่วย(การเมืองไวๆนะเพค่ะ)

                                                                                                                      รักและเคารพ  

                                                                                                      ดาเรีย....ลูกสาวที่น่ารักของท่านเสมอ







    ดาเรียตวัดปลายปากกาขนนกลงชื่อ ก่อนจะพับกระดาษจดหมายที่เขียนจบไปเมื่อครู่เป็นชิ้นเล็ก ท่องเวทย์อะไรออกมาสองสามคำแล้วโยนกระดาษชิ้นนั้นขึ้นไปในอากาศ และมันก็อัตรธานหายวับไปเพียงพริบตา



    สาวน้อย‘เก็บปากกา’หรือที่จริงคือรวบปากกาทั้งด้ามม้วนหายเข้าไปในกำมือเหมือนเล่นกลด้วยท่าทางใจลอยนิดๆ เธอเอนตัวพิงเก้าอี้เพื่อใช้ความคิดและทอดอารมณ์ไปเลย แล้วก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างขึ้นมาทันทีทันใด



    “ไชน์! เราออกไปนั่งดูดาวที่ดาดฟ้ากันมั้ย?” ดาเรียหันมาชวนไชน์พร้อมโปรยรอยยิ้มเพื่อหวังไม่ให้คนตรงหน้าปฏิเสธ



    ไชน์พยักหน้าเป็นคำตอบ เพราะเค้ารู้ดีว่าเวลาสาวน้อยของเค้าเวลากลุ้มใจเป็นต้องชวนเค้าออกไปนั่งดูดาวเสมอ



    “วันนี้ท้องฟ้าโปร่ง เห็นดวงดาวต่างๆเต็มท้องฟ้าเลยเนอะไชน์” ดาเรียถามพลางชี้ไปที่ดาวพร้อมรอยยิ้มละไมบนใบหน้า



    “กลุ้มใจมากบอกข้ามาได้นะ ข้ายินดีรับฟัง” หนุ่มน้อยยังคงนั่งหน้านิ่งเหมือนก๊อปพฤติกรรมมาจากเจ้าชายน้ำแข็งประจำป้อม



    “ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกไชน์ แค่เห็นว่าวันนี้ดาวสวยดีเลยชวนออกมาดูดาว” ดาเรียยังคงยิ้มตอบ แต่ในความเงียบที่มีแต่เสียงสายลมยามราตรีพัดผ่านกลับรู้สึกได้ถึงบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญ



    “นั้นใคร! ออกมาซะดีๆหรือว่าต้องให้ข้าไปลากออกมา” ไชน์ส่งคำขู่แต่ตัวยังคงนิ่งไม่ขยับไปไหน ดาเรียเองก็ไม่สนใจกับบุคคลที่มาใหม่นัก เพราะก่อนถึงมือหล่อนคงโดนไชน์จัดการไปก่อนเป็นแน่ถ้าคนผู้นั้นคิดเข้ามาปองร้ายจริงๆ



    “แหม! ความรู้สึกไวจังนะไชนี่” ร่างมาใหม่ที่มาพร้อมกับการเรียกชื่อเฉพาะตัวเป็นของใครไปมิได้นอกจาก ลูคัส ซาโดเรีย ซาตานผู้คุมกฎแห่งป้อมอัศวิน



    “ดึกดื่นป่านนี้มานั่งตากน้ำค้างเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะทั้งสองคน” รอยยิ้มที่ไม่เคยหายจากใบหน้าของซาตานที่ทำเอาดาเรียอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเวลาหลับหน้าตอนหลับของซาตานยังคงยิ้มอยู่อย่างนี้หรือเปล่า



    “แล้วนายล่ะมาทำอะไรบนนี้” คำย้อนที่เรียกรอยยิ้มขากซาตานได้มากขึ้น



    “ก็แค่เห็นเด็กซนๆสองคนที่ออกมานอกห้องยามวิการณ์ ผู้คุมกฎอย่างฉันเลยต้องตามมาดูว่าเด็กๆจะไปเล่นซนกันที่ไหนก็เท่านั้น”



    “ฉันก็ไม่เห็นเด็กซนๆที่ว่าผ่านมาทางนี้นะ สงสัยนายจะตามมาผิดทางแล้วมั้ง” ดาเรียยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างล่วงรู้ความนัยของซาตานหนุ่มที่เอ่ยอ้าง



    “นั้นสินะ!” นัยน์ตาสีนิลจดจ้องใบหน้าหวานสวยของธิดาป้อมอย่างลืมตัว แสงสว่างยามเช้าทำให้หน้าหวานแลดูสวยแต่แสงจันทร์ยามราตรียิ่งทำให้ใบหน้าสวยยิ่งสวยจับใจ



    “อะฮึม...”



    เสียงกระแอมของมังกรน้อยดังขึ้นหมายจะเรียกสติของซาตานให้กลับคืนมา ใบหน้าซาตานขึ้นสีก่ำสุกแต่โชคดีที่เป็นยามราตรีจึงทำให้มองเห็นสีหน้าไม่ถนัดนัก นี้ฉันเป็นอะไรไปทำไมถึงได้ไปจ้องหน้าเธอแบบนั้น



    “แล้วลอเรนซ์ไปไหนล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกันกับนาย ปกติเห็นตัวติดกันเป็นตังเม” ดาเรียว่าพลางลูบแขนตนเองไปพลางเพราะความหนาว



    “ลอรี่ เดินไปตรวจทางด้านทิศใต้ของป้อม แต่อีกประเดี๋ยวคงจะตามมาสบทบกันกับฉันที่หน้าหอนอน”



    “ไชน์ ฉันหนาวแล้ว ขอผ้าคลุมให้ฉันด้วย” ยังไม่ทันที่ไชน์จะได้ขยับตัว ซาตานหนุ่มก็ยื่นไมตรีด้วยการส่งผ้าคลุมของตนให้หญิงสาว



    “รับนี้ไว้สิ...ฉันไม่ค่อยหนาว ใช้ของฉันได้นะ รึว่าเธอรังเกียจ” ใบหน้าชายหนุ่มร้อนผ่าว หากนี่ไม่ใช่ยามรัตติกาล หญิงสาวคงนึกว่าซาตานหนุ่มต้องไข้ขึ้นสูงเป็นแน่



    “ขอบใจมากนะ ลูคัส ฉันไม่เห็นว่านายจะเหมือนซาตานตรงไหนเลย นายใจดีออก” หญิงสาวรับผ้าคลุมมาโดยดีพร้อมคำชมที่ชายหนุ่มไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน เหตุการณ์ในวัยเยาว์หวนกลับมาอีกครั้ง หลังจากวันที่โดนชาวบ้านขับไล่ เพราะกลัวว่าซาตานจะกำเนิดมาพร้อมกับตน เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยื่นลูกกวาดสีสวยมาให้ถึงแม้เด็กน้อยจะมีท่าทีหวาดกลัว แต่ก็ยังใจกล้าหยิบยื่นขนมให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นซาตาน



    “ลูคัส...ลูคัส” เสียงใสของดาเรียปลุกซาตานจากภวังค์



    “นายเป็นอะไรไปนะ ฉันเรียกตั้งหลายครั้ง”



    \"ฉัน..\" ก่อนที่ซาตานหนุ่มจะได้แก้ตัว พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นแสงสะท้อนจากปลายอาวุธชนิดหนึ่งเล็งมาที่หญิงสาว



    \"ระวัง\" ลูคัส คว้าตัวจอมเวทย์สาวให้พอหลบจากวิถีธนู ...ฉึก... ลูกธนูปักลงพลาดเป้า..สองหนุ่มสาวล้มลงเนื่องจากเสียการทรงตัว พลันไชน์ก็สร้างม่านพลังป้องกันทั้งสามชีวิตในทันที เมื่อลุกขึ้นยื่นได้ บรรยากาศรอบตัวของซาตานหนุ่มที่บัดนี้ ดูเหมือนจะเสียการควบคุมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เป็นบรรยากาศที่อึมครึม น่ากลัว เสียงนกเยี่ยวดังใกล้เข้ามาพร้อมกันกับเสียงสิ่ง ๆ หนึ่งกำลังเคลื่อนที่ตรงมายังซาตาน



    \"แก....\" เสียงที่ลอดออกมาจากไรฟัน บ่งบอกให้รู้ถึงความโกรธที่พุ่งขึ้นของซาตานหนุ่ม แต่ก่อนที่ซาตานจะลืมตัวพลั่งมือใช้พลังทั้งหมดที่มี หญิงสาวก็รีบคว้ามือชายหนุ่มปลุกให้ตื่นจากอารมณ์โกรธเพื่อเตือนสติ



    \"ลูคัส อย่าเพิ่ง...มันหนีไปแล้ว ไชน์เวทย์รวมร่าง\" หญิงสาวว่าพลางร่ายเวทย์มังกร พลันร่างของหญิงสาวกลับกลายเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีเพลิง ผมดำรัตติกาล ...เวทย์กลืนพลังถูกนำมาใช้เพื่อหยุดความบ้าคลังของซาตานหนุ่มที่บัดนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นตัวของตัวเอง



    \"โอ๊ย....เธอทำอะไรนะ ดารี่\" ซาตานในตอนนี้กลับกลายมาเป็นลูคัส ซาโดเรีย ตามเดิม ในขณะที่หญิงสาวก็แยกร่างจากไชน์เป็นที่เรียบร้อย



    \"นายกลับเป็นแบบเดิมก็ดีแล้ว ว่าแต่ไม่บาดเจ็บอะไรใช่ไหม\" ดาเรียถามด้วยน้ำเสียงอันเหนื่อยหอบจากการใช้พลังมากเกินไป



    \"ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แล้วเมื่อกี๊ มันกะจะเล่นงานเธอไม่ใช่เหรอ เธอไปสร้างศัตรูไว้ที่ไหนรึเปล่า\" ลูคัสว่าพลางมองไปรอบๆ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าคนร้ายไม่อยู่บริเวณนี้อีกแล้ว



    \"ไม่นะ ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยบาดหมางกับใคร\"



    \"เอาเถอะ เธอรีบไปเข้านอนได้แล้ว ทางนี้เดียวฉันขอออกตรวจดูอีกครั้งให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้อีก\" ลูคัสเอ่ย



    “อืม...นั่นสิ ไชน์เราไปกันเถอะ งั้นฉันไปก่อนนะลูคัส นายเองก็ระวังตัวด้วยนะ และที่สำคัญอย่าลืมว่าพลังของนายนะ อันตราย...ราตรีสวัสดิ์” จอมเวทย์สาวกล่าวลา พร้อมกับจูงมือน้องชายตัวน้อยเดินจากไป



    #######################################



    Tonix    : หวัดดีเจ้าค่ะ! วันนี้ฤกษ์งามยามดีเข้ามาโพสตอนที่ 7 + กับแก้ไขเนื้อหาบางตอน ในตอนที่ 7 ผู้อ่านคงสงสัยว่าเวทย์กลืนพลังที่ดาเรียใช้กับลูคัสนั้นเป็นอย่างไร วันนี้จึงให้ไชน์มาอธิบายรายละเอียดทั้งหมดให้ฟังนะเจ้าค่ะ



    ไชน์    :  สวัสดีครับ เข้าเรื่องเลยนะครับ เวทย์กลืนพลัง เป็นเวทย์ที่ทรงพลังติดหนึ่งในห้าอันดับเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ใช้มังกรศักดิ์สิทธิ์สามารถนำมาใช้ได้ โดยผู้ใช้ต้องทำการรวมร่างกับมังกรศักดิ์สิทธิ์และจากนั้นทำการยืมพลังของมังกรศักดิ์สิทธิ์ในการดูดกลืนพลังของฝ่ายตรงข้าม นับว่าเป็นเวทย์ที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียพลังมากเวทย์หนึ่ง

    เกร็ดความรู้ พลังมังกรจะมากน้อยแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ โดยปกติมังกรศักดิ์สิทธิ์จะมีด้วยกัน 4+1 สายพันธุ์

    1. มังกรปฐพี มังกรแห่งดิน เป็นมังกรที่มีความสามารถในการหยั่งรู้ มีพละกำลังมหาศาล สามารถแยกพื้นดินใช้เวทย์สูบธรณีได้

    2. มังกรวารี มังกรแห่งน้ำ เป็นมังกรจอมซน มีความสามารถในการทำน้ำให้บริสุทธิ์ เวทย์ที่ถนัดคือเวทย์พิทักษ์วารีมีพลังในการรักษาสูง

    3. มังกรวายุ มังกรแห่งลม เป็นมังกรที่มีนิสัยชอบแกล้งบางครั้งชอบทำให้คนหกล้ม บางครั้งก็ช่วยเหลือ เวทย์ที่ถนัดคือเวทย์เคลื่อนย้ายและเวทย์วายุพินาศ

    4. มังกรอัคคี มังกรแห่งไฟ เป็นมังกรที่มีความจำสั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจดจำเส้นทาง แต่หากเป็นเจ้านายแล้วจะจงรักษ์ภักดีตลอดไป

    และมังกรรัตติกาล เป็นมังกรสายพันธุ์พิเศษที่หาได้ยากยิ่ง เนื่องจากเป็นมังกรที่รักสันโดษ จึงไม่ค่อยยอมมาเป็นข้ารับใช้ให้ใคร ความสามารถพิเศษโดยทั่วไปสามารถเปลี่ยนความกดอากาศและดูดกลืนพลังต่าง ๆ ให้เข้าไปอยู่ในเขตม่านพลัง ทำให้บริเวณโดยรอบของผู้ใช้เกิดปรากฏการณ์หลุมดำที่ปราศจากอากาศใด ๆ ขึ้น เวทย์ที่ถนัด อันนี้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้เนื่องจากเป็นสายพันธ์พิเศษที่สามารถใช้เวทย์ของมังกรสายพันธุ์อื่น ๆ ได้ทั้งหมด ทั้งยังมีพลังพิเศษของตนเองอีก ยิ่งผู้ใช้เป็นผู้มีความสามารถในการใช้เวทย์มากเท่าไหร่ พลังที่ได้รับจากมังกรรัตติกาลจะมากขึ้นเท่านั้น



    ดาเรีย    : ไชน์ อยู่ไหนนะ



    ไชน์    : ...เออ...ผมไปละนะครับ ดูเหมือนจะพูดมากเกินไปแล้ว และท่านหญิงน้อยก็เรียกหาผมอยู่ ไปช้าเดี๋ยวอดข้าวเย็นครับ ลาก่อนนะครับ อย่าลืมติดตามอ่านเรื่องของผมต่อไปด้วยนะครับ



    Tonix      : คงไม่ต้องบอกนะเจ้าค่ะว่าพ่อหนุ่มน้อยของเราเป็นพันธุ์อะไร....ฮิฮิ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×