ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic.The Thief of Baramos]จอมเวทย์แห่งแดนสโนว์แลนด์

    ลำดับตอนที่ #6 : การประลองXการประชุม

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 48


    สายลมเย็นๆยามบ่ายพัดพาเข้ามายังห้องพยาบาลที่ถูกประดับประดาด้วยผ้าม่านสีขาวสะอาดตา เตียงนอนปูด้วยผ้าสีขาวเช่นเดียวกัน ที่นี้เป็นห้องที่เรียกได้ว่าสงบเงียบที่สุดจนกระทั่ง…



    “โอ๊ยยยยย!!!เบาๆมือหน่อยไม่ได้หรือไงคาโล”



    “ถ้านายจะอยู่นิ่งๆให้ฉันทำแผลโดยดี ฉันจะรับไว้พิจารณา”



    “เฟรินนายก็ใช่ได้นี้หว่า กล้าบุกเข้าไปหาพี่ลูคัสก่อน” คิลพูดแซวเพื่อนหัวขโมยที่ตอนนี้มีแผลจากการประลองเกือบทั่วตัว (ส่วนใหญ่ซุ่มซ่ามหกล้มเองซะเยอะ)



    ณ ลานฝึกดาบเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว



    “ดีใจจัง ได้คู่กับเฟรี่ด้วย” เสียงยินดีของซาตานแห่งป้อมอัศวินที่เหมือนกับจะได้เล่นของเล่นชิ้นนี้เสียที ทำเอาเฟรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก



    “ไม่ต้องเอาจริงเอาจังมากก็ได้นะครับ พี่ลูคัส!”



    “ฉันต่างหากที่ต้องพูดแบบนั้น เพราะฉันหน่ะไม่ถนัดการใช้ดาบ” คำพูดที่บอกว่าไม่ถนัดดาบของซาตานทำให้เฟรินใจชื้นขึ้นมาได้มาก อย่างนี้ต้องรีบๆเผด็จศึกจะได้จบๆเร็ว ความคิดของหัวขโมยแล่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก



    “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะออมมือให้เธอหรอกนะ เฟรี่!” ดาบพร้อมมืออยู่ในท่าเตรียมรอยยิ้มละไมที่ดูยังไงๆก็น่ากลัวมากในเวลานี้สำหรับเฟริน



    ดาบผ่าปฏพีถูกเรียกออกมาถือไว้ให้ถนัดมือมากที่สุด เพราะตอนนี้เหงื่อเริ่มชุ่มมือไปหมดแล้ว

    บรรยากาศตึงเครียดสำหรับเฟริน แต่สนุกสุดขีดสำหรับลูคัสที่รอวันได้ปะฝีมือกับหัวขโมยสาวที่ตอนนี้มีสักเป็นถึงเจ้าหญิงสองดินแดน



    “เริ่ม!”



    ทันทีที่สิ้นเสียงเฟรินก็บุกเข้ามาฟาดดาบในมืออย่างรวดเร็ว ลูคัสต้องถอยตามแรงที่โถมมาก่อนจะดันออกไปแล้วกลายเป็นฝ่ายรุกบ้าง



    ดาบสองเล่มปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันรุกและรับอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนมองแทบลืมหายใจ หลายคราที่บางคนถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นบางฝ่ายเกิดพลาดขึ้น แม้กระนั้นยังสามารถต่อสู้กันได้เหมือนเดิม.



    \"เอาจริงได้แล้ว เฟรี่ ไม่เช่นนั้น จะเป็นฝ่ายหมดแรงเสียก่อนนะ\" น้ำเสียงกึ่งท้าทาย นัยน์ตาสีดำสนิทพราวระยับ บ่งบอกถึงความสนุกสนาน



    เฟรินหอบเล็กน้อย ก่อนกระชักดาบในมือแน่นขึ้น ก่อนจะรุกไปยังคนตรงหน้าเต็มแรง ถึงแม้การต่อสู้จะดุเดือดเพียงใด รอยยิ้มก็ไม่เคยจางจากใบหน้าของ ลูคัส ซาโดเรีย บุรุษที่ยิ้มง่ายเสมอ



    “เคร้ง!!”



    เสียงดาบกระทบกันของทั้งสองฝ่ายก่อนที่ลูคัสจะตวัดดาบใส่ที่กลางลำตัวแล้วเตะเข้าที่สีข้าง โชคดีที่เฟรินไหวตัวยกดาบและแขนขึ้นการ์ดทัน และเป็นฝ่ายถอยไปตั้งหลักดูสถานการณ์ก่อน



    “อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิเฟรี่ เดี๋ยวหมดสวยกันพอดีไม่ใช่สิตอนนี้ต้องบอกว่าหมดหล่อ ฮิฮิ” สีหน้าของซาคานยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม เค้ากำลังสนุกมากที่ได้ประลองฝีมือกับคนมีฝีมืออย่างเฟริน



    เฟรินโถมเข้าใส่ลูคัสครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วแทงดาบเข้าใส่เป้าหมายที่กระโจนหลบแทบไม่ทัน ต่อด้วยคมดาบที่วาดใส่เป็นวงกว้างเข้าที่ลำคอ แต่ก็ยังไม่เร็วพอเพราะซาตานหลบได้อย่างสวยงาม ผลจากการฝึกเป็นเป้าบินมาตลอดเกือบ 7 ปี พอได้จังหวะลูคัสก็ฟันดาบลงไปเต็มแรง



    พึ่บ…



    เสียงกระโดดหลบลงดังขึ้นหลังจากหลบเหตุการณ์ชั่วครู่ ก่อนที่จะหอบขึ้นมาเต็มแรง



    เฟรินเอามือไล้แผลใต้ตาซ้ายอย่างใช้ความคิดพยายามควบคุมสติ



    ทำยังไงถึงชนะซาตานให้ได้เร็วที่สุด วิธีไหน........



    แต่ยังไม่ได้คิดอะไรมากลูคัสก็โถมมาอีกครั้ง



    “เคร้ง!”



    พลาดไปนิดเดียว คนที่ส่งเสียงเชียร์อยู่เงียบกริบ เมื่อเห็นเจ้าหัวขโมยมีแผลยาวทางแก้ม เลือดค่อยๆซึมออกมา



    “อย่าใจลอยสิเฟรี่” ว่าแล้วก็หัวเราะอย่างน่ากลัว ลูคัสไม่ยอมให้เกิดช่องว่างทันทีที่เสียงหัวเราะหยุดร่างของซาตานก็ไปโผล่อยู่ด้านหน้าจังๆของหัวขโมยพร้อมกับตวัดดาบเป็นวงเข้าใส่ลำตัว หัวขโมยที่ไม่ทันตั้งตัวกระโจนหนีวิถีดาบแต่ก็ไม่พ้นโดนดาบของซาตานเฉือนเข้าไปเรียกเลือดสดๆจากท้องของหัวขโมยถึงกับทรุดลงไปเพราะบาดแผลที่ท้อง



    เฟรินกลั้นใจลุกขึ้นยืนแต่กว่าจะลุกได้ก็เรียกเหงื่อได้มากโขเพราะแผลที่ได้ลึกไม่ใช่น้อยความเจ็บปวดจึงมีมากตามไปด้วย  คนๆนี้เก่งต้องมีทางไหนสักทางที่จะเอาชนะได้ เฟรินพยายามใช้ความคิดเต็มที่



    คงต้องลุยเข้าไปตรงๆตัดสินกันในดาบเดียว



    สิ้นความคิดหัวขโมยก็ตัดสินใจกระโจนเข้าหาซาตานหมายจะตัดสินกันไปเลยในการตวัดดาบครั้งนี้ แต่ก่อนที่ดาบจะถึงตัวซาตาน



    “ฉันยอมแพ้\"



    พรืดดดดดด!!  



    เฟรินสะดุดหกล้มหน้าคะมำลงไปจูบกับแม่พระธรณี(หมดสวยหมดหล่อก็คราวนี้แหละ) รุ่นน้องทั้งสนามทำตาโตเท่าไข่ห่าน(สำหรับพวกรุ่นพี่ชินกับการกระทำของซาตานแล้วเลยไม่มีปฏิกิริยาเท่าไหร่) บ้างก็แคะหูเผื่อว่าจะมีอะไรติดอยู่เพื่อเช็คว่าตัวเองหูไม่ฝาดไป



    “พะ...พี่ว่าอะไรนะ” เฟรินทำสีหน้างงกับการกระทำของคนตรงหน้า



    “ฉันบอกว่ายอมแพ้ไง เฟรี่” ซาตานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยหายไปเลยบนใบหน้า



    “ทำไมอ่ะ?” เฟรินงงสุดขีดจนหน้าจะเป็นเครื่องหมายคำถามได้อยู่แล้ว



    “สนุกพอแล้วก็เลิก” สิ้นเสียงร่างของซาตานก็เดินออกไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมชั้นปี



    “แค่เนี้ยย!!!” เฟรินทำหน้าเหวอจนคิลต้องมาลากหัวขโมยออกไปนอกสนาม



    “พาไปห้องพยาบาลนะครับอาจารย์” ว่าจบก็ลากหัวขโมยที่ตอนนี้ยังทำหน้าเหวอไม่เลิกออกไปพร้อมกับคนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...เจ้าชายคาโล วาเนบลีพระเอกของเรานั้นเอง



    “นายลองมาสู้เองมั้ยล่ะจะได้รู่ว่ากดดันแค่ไหน” หัวขโมยหันถามนักฆ่า



    “ม่ายยยยเอาด้วยหรอก ฉันเคยบอกนายแล้วถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากสู้กับคนๆนั้น สู้แล้วเปลืองแรง”



    “แล้วทำอย่างกับว่าฉันเลือกได้นิ” หัวขโมยเบ้ปากทำหน้างอก่อนที่จะถามต่อ



    “แล้วทำไมพี่เค้าถึงยอมแพ้ง่ายอย่างนั้นว่ะ ทั้งที่พี่แกจะชนะอยู่แล้ว”



    “อ้าว! พี่เค้าก็บอกแล้วว่าสนุกพอแล้วก็เลิก ไงจำไม่ได้เหรอ” คิลตอบ



    “อันนั้นฉันรู้อยู่แล้วโว้ย แต่มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”



    “ไม่รู้” คำตอบของคิลทำเอาเฟรินถึงกับอย่างจะเอาพระบาทาของเจ้าหญิงสองดินแดนไปฝากไว้บนหน้า



    ก่อนที่จะมีการวางมวยเกิดขึ้นในห้องพยาบาลเพราะเห็นว่าแม่สาวในร่างหนุ่มกำลังจะกระโจนไปหาไอ้เพื่อนนักฆ่าปัญญาอ่อน เสียงเรียบของเจ้าชายมาดน้ำแข็งก็เอ่ยขึ้น



    “อาจจะเป็นเพราะว่าความเป็นนายและทาส”



    หัวขโมยและนักฆ่าทำสีหน้าบ่งบอกว่าไม่เข้าใจที่เจ้าชายพูด มันสองคนโง่บริสุทธิ์จริงๆ เจ้าชายนึกขึ้นพร้อมส่ายหน้าอย่างปลงสังเวช



    “เฟรินนายมีสายเลือดของเจ้าเอวิเดสผู้เป็นปิศาจ ส่วนพี่ลูคัสมีสายเลือดของทริสทอร์...” ยังไม่ทันที่คาโลจะพูดจบเสียงของแม่หัวขโมยสาวก็แทรกเข้ามา



    “อ๋ออออ! ฉันเข้าใจแล้ว ฉันมีเลือดปิศาจที่เป็นนายอยู่ ส่วนพี่ลูคัสมีเลือดทริสทอร์ผู้เป็นทาสเหมือนโร แล้วไงอ่ะ” เฟรินหันมาทำหน้างงใส่คาโล



    พรืดดดดด!!!!!



    ทั้งคาโลและคิดพร้อมใจกันตกเก้าอี้เมื่อได้ยินคำถามของเฟรินมันโง่ของแท้ความคิดที่ตรงกันโดยมิได้นัดหมายของเจ้าชายและคิลที่คิดว่าบารามอสและเดมอสจะล่มสลายก็คราวนี้แหละ



    “ก็พี่ลูคัสเค้าเป็นทาส แล้วทาสที่ไหนจะทำร้ายนายตัวเองได้” คิลตอบอย่างเหลืออดกับความซื่อบื่อ (โง่) บริสุทธิ์ของแม่เจ้าหญิงสองดินแดน



    “อ๋อเหรอ!! แฮะๆ” เฟรินได้แต่เกาหัวแกรกๆและยิ้มแห้งๆ



    \"ปัง!!\"



    “คุณคาโลครับ!พี่โรเวนบอกว่าหลังทานอาหารเย็นให้ไปประชุมด้วยครับ” เสียงสุภาพที่เอ่ยขึ้นมาพร้อมร่างที่ก้าวเข้ามายังห้องพยาบาลเป็นของใครไปมิได้นอกจากซีบิล สเวน นักบวชแห่งซาเรส



    “ขอบใจมากซีบิล!”



    “คุณเฟรินและคุณคิลด้วยนะครับ” ว่าจบหนุ่มแสนสุภาพก็เดินจากไป



    “ทำไมพวกเราต้องไปประชุมด้วย” เจ้าหญิงหัวขโมยที่ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นเจ้าหนูจังไมเหลียวมามองหน้านักฆ่าเพื่อขอคำตอบ



    “ฉันไม่ใช่ไอ้โรนะที่จะได้ตรัสรู้ไปซะทุกเรื่อง ก็ในเมื่อฉันอยู่กับนายตลอด” คิลตอบคำถามเจ้าหนูจังไม



    เฟรินทำหน้าเบ้พร้อมแจกค้อนอันใหญ่ให้คิล\"ถ้านายแค่ส่ายหน้าเฉยๆก็ไม่มีใครว่าหรอกนะคิล!\"



    เย็นวันนั้นในห้องประชุมที่คับคั่งไปด้วยเหล่าผู้มีอำนาจแห่งป้อมอัศวินแม้กระทั่งหัวหน้าประจำชั้นปีต่างๆ



    “ที่เรียกมาประชุมกันในวันนี้ก็เพราะเรื่องการประกวดคัดสรรธิดาประจำป้อมเพื่อไปประกวดธิดาแห่งเอดินเบิร์ก” เจ้าชายโรเวนเอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการเปิดประเด็นการประชุม



    “เราจะมาฟังรายละเอียดทั้งหมดจากท่านหัวหน้าป้อม” ว่าเสร็จก็หันไปพยักหน้ากับคาโลที่พยักหน้าตอบรับ



    “จากที่ได้ไปประชุมหารือร่วมกันระหว่างหัวหน้าป้อมต่างๆ ปีนี้ทางมหาปราชน์เลโมธีต้องการจะให้ธิดาไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับเดมอส ทางอาจารย์เห็นว่าการเดินทางไปยังเดมอสนั้นอันตรายพอดู จึงอยากได้ธิดาที่มีความเก่งและแกร่ง การประกวดในปีนี้จึงมีการเปลี่ยนกฎและวิธีการประกวด จากปกติสามารถสมัครกันได้ทุกระดับชั้นปี เปลี่ยนเป็นอนุญาตให้เฉพาะนักเรียนตั้งแต่ชั้นปี 3 ขึ้นไปเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าประกวดและจากการคัดสรรจากความงามและความสามารถทั่วๆไป เปลี่ยนเป็นการผจญภัยตามด่านต่างๆที่ทางกรรมการเตรียมเอาไว้เพื่อจะได้โชว์ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การใช้เวทมนต์ การใช้ดาบเพื่อป้องกันตัวและสู้ได้เมื่อจำเป็น ใครที่ผ่านด่านมาได้เป็น 3 คนแรกก็จะตัดสินกันที่ความสวยงามและความฉลาดในการตอบคำถามของกรรมการ ปีนี้จะไม่มีการประกวดกันเองภายในป้อม ดังนั้นทางป้อมต่างๆจึงต้องคัดเลือกตัวแทนผู้เข้าร่วมประกวดให้ได้อย่างน้อยป้อมละ 5 คน การประกวดจะมีขึ้นหลังจากจบการแข่งกระดานหมากเกียรติยศและที่สำคัญปีนี้จะมีงบประมาณให้แก่ป้อมที่ชนะการประกวดเป็นจำนวนเงินห้าหมื่นคราวน์”



    จำนวนเงินที่ไม่น้อยเรียกเสียงฮือฮาเซ็งแซ่จากทุกคนทั้งห้อง เว้นเสียแต่เจ้าชายโรเวนที่ตอนนี้นั่งยิ้มน้อยๆอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะลุกขึ้นพูดต่อจากเจ้าชายหัวหน้าป้อม



    “ดังนั้นจึงอยากจะให้ทุกคนช่วยแสดงความคิดเห็นว่าเราจะคัดเลือกธิดาอย่างไรดี” เสียงพูดคุยระเบิดขึ้นทั่วห้องประชุมทันที่เพื่อปรึกษาหารือกัน



    “ฉันขอเสนอให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นปี 3 ขึ้นไปคัดเลือกตัวแทนกันเอง โดยในแต่ละชั้นสามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมคัดสรรได้ชั้นละ 1 คน” ผู้คุมกฎหน้าบูดประจำป้อมเสนอขึ้น



    “เป็นความคิดที่ดีลอเรนซ์ ไม่ยุ่งยากมากงั้นเอาเป็นว่าให้หัวหน้าป้อมแต่ละชั้นปีรับผิดชอบหาตัวแทนกันเอง ส่งรายชื่อภายใน 3 วัน มีใครจะเสนออะไรอีกมั้ย?”  ความเงียบเข้าครอบงำเป็นคำตอบ



    “เลิกประชุม”



    เสียงบอกเลิกประชุมเป็นสัญญาณปลุกหัวขโมยและนักฆ่าที่ทำหน้าที่ในการประชุมได้เป็นอย่างดี คือหลับตั้งแต่ยังไม่เริ่มประชุมเพราะถึงจะไม่ฟังว่าเค้าประชุมอะไรกัน เดี๋ยวเจ้าชายหัวหน้าป้อมก็คงทำหน้าที่ของมันในการประกาศเรื่องการประชุมให้เหล่าลิงทโมนฟังอีกครั้งรวมทั้งพวกเค้าทั้งสองคนด้วย



    #######################################



    Tonix    : มาอัพน้อย+ช้าไปหน่อยอย่าว่ากันนะเจ้าค่ะ ช่วงนี้มีงานเข้ามาเยอะมากๆไหนจะมีสอบเก็บคะแนนอีกต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ เอาเป็นว่าขอแก้ตัวครั้งหน้านะเจ้าค่ะ



    ดาเรีย    : ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย คนเขียนเริ่มตันมุขสิไม่ว่าถึงได้อัพน้อยขนาดนี้ (ยิ้มเย้ยหยันอย่างสะใจ)



    Tonix    : (ฉึก! โดนของมีคมแทงใจดำ) ไม่ใช่นะแค่ไม่อยากให้คนอ่านรอนานอ่ะ แต่ถ้าน้อยไปจริงๆก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย แบบว่าผิดไปแล้วให้อภัยกันนะเจ้าค่ะ (บทหน้าแก้ตัวจริงๆ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×