ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ดาบราตรีเยือกแข็ง(100%)
วันนี้วิชาภาคบ่ายของป้อมอัศวินปีสามจริงๆแล้วต้องเป็นวิชาเวทย์มนต์แต่อาจารย์แม่มดวิงกี้ต้องไปทำธุระให้กับมหาปราชญ์เลโมธีเหล่าทโมนจึงต้องมาเรียนวิชาดาบกับลอร์ดลาเวน ชมัคเกอร์ เดอะ เกรท วอริเออร์ ออฟบารามอส อาจารย์สอนฟันดาบคนเดิมกับเมื่อชั้นปีหนึ่งและปีที่ผ่านมา แต่ที่ดูจะพิเศษกว่านั้นก็คือต้องมาเรียนกับรุ่นพี่ร่วมหอพักปี 7
“สวัสดี! นักเรียนทุกคน วันนี้พวกเธอทั้งสองชั้นปีต้องเรียนร่วมกัน ครูเลยจะให้พวกเธอลองประลองฝีมือกันระหว่างชั้นปีถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะมีหมากกระดานเกียรติยศ เดี๋ยวครูเรียกชื่อใครก็ออกมา แค่ประลองฝีมือนะ อย่าให้ถึงตาย!” เสียงฮือฮาดังขึ้นจากนักเรียนทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะหัวขโมยตัวดีที่ดูจะตกใจมากที่สุด
“เฮ้ย! คิลถ้าฉันปวดท้องตอนนี้จะทันมั้ยว่ะ” คิลมองหน้าหัวขโมยที่ตอนนี้พยายามปั้นสีหน้าให้ดูปวดท้องมากที่สุดอย่างขำๆ
“ก็ลองดูสิ แต่ฉันว่านายไม่รอดแน่เฟริน เพราะนายกลายเป็นที่สนใจของพี่ลูคัสไปแล้ว ไม่เชื่อนายก็หันไปมองทางด้านปี 7 สิ” เจ้าตัวดีหันไปมองตามคำพูดก็ต้องเจอสายตาของซาตานที่มองมาอย่างระริกเหมือนกับจะได้ของเล่นชิ้นใหม่
“โซมาเนีย มิสทรัล กับ ครี้ด ธันเดอร์” ชื่อที่ถูกขานออกมาทำให้ทุกคนฮือฮามายิ่งขึ้น
“ทำไมผมต้องสู้กับผู้หญิง?” เสียงเรียกร้องของครี้ด ที่เรียกสายตาเย็นๆของผู้คุ้มกฎสาวพร้อมคำพูดท้าทาย
“หรือว่าเธอกลัวฉันครี้ด ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงก็ไม่อ่อนแอขนาดที่เธอต้องออมมือให้หรอกนะ” ผู้คุมกฎสาวส่งสายตาท้าทายมายังครี้ดที่โดนตีแสกหน้าหาว่ากลัวผู้หญิง
“ในเมื่อพี่โซมาเนียพูดถึงขนาดนี้ ผมก็ไม่เกรงใจ” ครี้ดรับคำท้าพร้อมสายตาดุดันเอาจริง นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างท้าทาย
“เริ่ม!!!”
“กรุณาชี้แนะด้วย” สิ้นประโยคร่างของครี้ดกระโจนเข้าหาผู้คุมกฎสาวด้วยความรวดเร็ว
เสียงโลหะกระทบดังลั่น ราวสัญญาณประกาศว่า การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
ครี้ดเป็นฝ่ายไล่ต้อนบุกเข้าหาโซมาเนียที่เอาแต่ตั้งรับและหลบหลีกครี้ดหารู้ไม่ว่าเธอกำลังอ่านวิถีดาบของเค้าอยู่ การกวัดแกว่งดาบด้วยความแรงและรวดเร็วติดต่อกันป็นเวลานานบวกกับที่ต้องรุกอยู่ฝ่ายเดียวทำให้นักสู้ตาเดียวเริ่มเกิดอาการเหนื่อยหอบและความเร็วก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นโอกาสให้ผู้คุมกฎสาวโต้กลับ  โซมาเนียตวัดดาบด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ครี้ดจะลงดาบมายังกลางลำตัว
“เคร้ง!!!”
ทันใดนั้นเองที่ดาบสองดาบปะทะกันก่อนที่ดาบของครี้ดจะลอยหลุดมือออกไป แล้วปลายดาบของโซมาเนียจะจ่ออยู่ที่คอของนักสู้ตาเดียวแทน
“ฝีมือดีนะครี้ด แต่ต้องใจเย็นกว่านี้อีกหน่อย” โซมาเนียลดดาบลงพร้อมสายตาท้าทายที่หายไปเหลือไว้เพียงความเอ็นดูในรุ่นน้องของเธอ
“ขอบคุณครับที่ชี้แนะ” ครี้ดลุกขึ้นพร้อมกับโค้งให้เป็นการเคารพและขอบคุณ
“พี่โซมาเนียเก่งจริงสมกับฉายาร้อยจันทร์เสี้ยวเร็วจนมองไม่เห็นดาบ” หัวขโมยที่ตอนนี้ตื่นตาตื่นใจกับการต่อสู้ที่เพิ่งจบลงไป โดยลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องแกล้งปวดท้องเพื่อหลบจากการประมือกับพวกรุ่นพี่
“ทั้งสองคนดีมาก งั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาคู่ต่อไปเลยล่ะกัน เอาใครดี...ดาเรีย เดอร์ลาวินนี่ / คาโล วาเนบบลี”
เจ้าหัวขโมยตัวแสบหันมาสบตาสีฟ้าคู่สวย ศิษย์เจอกับอาจารย์ แล้วไอ้คาโลมันจะสู้ได้มั้ยเนี้ย?
“ทำไม! เฟรินนายคิดว่าฉันจะสู้ไม่ได้หรือไง” คำถามจากเจ้าชายน้ำแข็งเหมือนกับอ่านความคิดของหัวขโมยได้
“ป่าว” แล้วก็เลิกสบตาสีฟ้าคู่สวย “ก็แค่คิดว่าเจ้าชายคนเก่งคงจะชนะอดีตอาจารย์ของตัวเองได้สบายๆอยู่แล้ว ถ้านายเก่งจริงนะ” คำพูดเหน็บแนมของคนตรงหน้าที่เรียกสายตาเย็นชาพร้อมกับอารมณ์ที่ไม่ได้เย็นตามของเจ้าชายน้ำแข็ง เสร็จจากงานนี้เมื่อไรเราได้เห็นดีกันแน่เฟริน เสียงกระซิบข้างหูจากเจ้าชายที่ทำเอาเฟรินถึงกับน้ำลายหนืดคอขึ้นมาทันที
“สวัสดี! คาโล เราไม่ได้ประลองฝีมือกันมานานแค่ไหนแล้วนะ”
ธิดาคนสวยถามยิ้มๆ แต่ดวงตาสีฟ้าคู่สวยกลับเย็นชาใส่ก่อนจะตอบคำถาม
“ก็ตั้งแต่ท่านพี่มาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้” น้ำเสียงตอบคำถามเย็นยะเยือกพร้อมถ้าเตรียมดาบพร้อมบ่งบอกถึงความเอาจริงของเจ้าชาย
“งั้นเราก็มาดูกันว่าลูกศิษย์ฉันพัฒนาฝีมือไปมากแค่ไหน ราตรีเยือกแข็ง”
ดาบเรียวยาวเพียวลมกว่าครึ่งเมตรปรากฏบนมือเรียวสวยของธิดาป้อม ตัวดาบสีดำใสราวกับผลึกส่องประกายระยิบระยับล้อแสงอาทิตย์ ด้ามจับทำด้วยทองคำทำให้ดาบดูมีประกายมากยิ่งขึ้น ล้อตาล้อใจหัวขโมยอย่างเฟรินเป็นอย่างมาก
“เริ่มได้!!”
สิ้นเสียงคำกล่าวทั้งสองก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ไม่มีการออมมือ”
ดาเรียกางขาออกเล็กน้อยเตรียมรับการบุกจากเจ้าชายผู้เป็นลูกศิษย์ของเธอ นัยน์ตาทั้งคู่สบกันชั่ววูบก่อนที่สองร่างจะหายไปในทันที
ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างแทบไม่กระพริบตา จับจ้องสองร่างตรงหน้า
\"เคร้ง!!\"
คาโลรับดาบแรกจากดาเรียที่ทั้งแรงและหนัก แรงจากการฟาดดาบลงมาทำเอาคาโลถึงกับทรุดลงไป ไม่น่าเชื่อว่าสตรีเบื้องหน้าเค้าจะมีแรงมากมายขนาดนี้ถึงจะเคยประมือกันมาบ้างในฐานะศิษย์และอาจารย์
“หึ! เป็นอะไรไปคาโล วาเนบบลี ฉันจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เธออ่อนแอขนาดที่รับดาบของฉันไม่ไหวนะ” เสียงเย้ยหยันของผู้มีสักเป็นอดีตอาจารย์ทำให้ลูกศิษย์หน้าร้อนผ่าวเพราะถูกดูหมิ่น
คาโลดันดาบออกไปแล้วโถมเข้าใส่ดาเรียอย่างรวดเร็วแทงดาบเข้าใส่จนดาเรียกระโดดหลบแทบไม่ทันสายตาอึ้งไปกับความเร็วดาบของลูกศิษย์ที่ดูจะพัฒนาขึ้น ต่อด้วยคมดาบที่วาดเป็นวงกว้างเข้าที่กลางลำตัว ร่างบางพยายามหลบแต่ความคมจากปลายดาบของลูกศิษย์ก็เฉือนเอาเสื้อเธอขาดเป็นเส้นเผยให้เห็นเลือดที่ไหลออกมา
“เก่งขึ้น! สามารถโจมตีใส่ฉันได้ทั้งที่ไม่เคยทำได้มาตลอด14ปี” คำชมพร้อมรอยยิ้มของอดีตอาจารย์ที่ชื่นชมในฝีมือของลูกศิษย์
“คนเราคงไม่ย้ำอยู่ที่เดิมตลอดไป ท่านอดีตอาจารย์!” สายตาดุดันเอาจริงของลูกศิษย์เรียกรอยยิ้มของผู้เป็นอดีตอาจารย์
“ฉันคงต้องเอาจริงสักที เดี๋ยวจะเป็นการดูถูกเจ้าชายเมืองนักรบแห่งคาโนวาล” สายตาเปลี่ยนไปจากที่ดูสนุกสนานกลับเย็นชาจนหน้ากลัวพร้อมกับบรรยากาศรอบๆตัวธิดาป้อมคนงามชวนให้รู้สึกอึดอัด
ทั้งคู่หยุดนิ่งอยู่ในท่าเตรียมบุก รอจังหวะที่อีกฝ่ายจะขยับตัว...
“...ทำไมถึงเค้าถึงไม่ขยับกัน?” หัวขโมยกระซิบถามขึ้น โรจึงตอบให้ตามหน้าที่
“เพราะถ้าใครขยับคนหนึ่งก็จะรู้ว่าคนคนนั้นจะทำอะไร....ดังนั้นจึงไม่ขยับ” คนรู้มากอธิบายอย่างคล่องแคล่ว
ความเงียบเข้าคืบคลานบริเวณลานฝึก เงียบจนได้ยินแม้กระทั้งเสียงลมหายใจ
“ถ้าท่านพี่ไม่บุกเข้ามาเห็นทีผมจะต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าไปหาเอง” สิ้นเสียงร่างของเจ้าชายกระโจนเข้าใส่ร่างบางด้วยความรวดเร็วก่อนที่ดาบในมือจะตวัดฉับ ดาเรียขยับหลบวูบอย่างว่องไว แต่ดาบของคาโลที่ตวัดกลับมาหมายจะฟันให้โดนเป้าหมายยังตามติดพัวพันไม่เลิก ความเร็วนั้นทำให้การรับมือค่อนข้างลำบาก ร่างบางจึงใช้ความแกร่งของอาวุธตนปัดออกด้านข้าง แล้วจู่โจมกลับทีเดียว
แรงกดจากดาบเรียวยาวนั้นทำให้ร่างของเจ้าชายต้องดาบขึ้นกันไว้เหนือศีรษะเป็นจังหวะให้ดาเรียเตะเต็มแรงเข้ากลางลำตัวของคาโล ดาบเรียวฟันสวนขึ้นใส่ใบดาบคมเต็มแรงกระเด็นหลุดออกจากมือคาโลแล้วดาบราตรีเยือกแข็งก็จ่ออยู่ที่ลำคอของคาโล
“ฝีมือดีขึ้นมาก ท่านลุงบาโรคงสอนเจ้ามาดี” คำชมจากอดีตอาจารย์ที่ไม่ได้ทำให้อดีตลูกศิษย์ยิ้มรับเลยแม้แต่น้อย
“พอได้ทั้งคู่” ลอร์ดลาเวน ชมัคเกอร์เอ่ยขึ้นทำให้คนทั้งสองเริ่มผ่อนคลาย ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่อย่างง่ายดายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นยังไงบ้างดาเรียเจ็บแผลหรือเปล่า” โซมาเนียถามด้วยพร้อมสีหน้าที่ห่วงจัด ริมฝีปากขยับเตรียมจะร่ายเวทย์รักษา
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกโซมี่ แผลแค่นี้เด็กๆฉันรักษาเองตั้งแต่อยู่ในสนามแล้ว ไม่เชื่อก็ดูแผลได้นะว่าปิดสนิทแล้ว” คนเจ็บยิ้มร่าโชว์แผลที่ตอนนี้ปากแผลปิดสนิทจริงๆอย่างที่เจ้าตัวว่า
คาโลเมื่อกลับมาถึงที่นั่งก็หอบราวกับผ่านการวิ่งมาเป็นร้อยๆรอบพร้อมเหงื่อที่ชุ่มเต็มหลัง
“คาโลนายไหวรึเปล่า?” เฟรินถามด้วยความเป็นห่วงเพราะว่าตอนนี้เจ้าชายน้ำแข็งเริ่มหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“ไม่เป็นไรฉันยังไหวแค่นั่งพักนิดหน่อยก็หาย”
“เพราะว่าใช้แรงและความเร็วเกินกำลังบวกกับบรรยากาศกดดันที่พี่ดาเรียสร้างขึ้นมาเลยทำให้เป็นแบบนี้” โร ขอทานผู้รอบรู้บรรยายสาเหตุของอาจารย์ได้เหมือนกับแพทย์สนามมาเองก็ไม่ปาน
“คู่ต่อไป....ลูคัส  ซาโดเรีย / เฟริน เดอเบอโรว์”
“หา”
เสียงขานชื่อที่เฟรินกลืนน้ำลายไม่ลง เพราะคนที่จะประลองด้วยคือคนที่หมายปองเค้ามาตั้งแต่ปี 1
ลูคัส  ซาโดเรีย ซาตานผู้น่ากลัวแห่งป้อมอัศวิน!!
#######################################
ดาเรีย : นิ!กล้าดียังไงทำให้ฉันมีแผลได้ฮ่ะ ยัยคนเขียน!!
Tonix : อ้าว! ถ้าไม่ได้แผลเจ๊จะสู้เต็มที่เหรอ แถมถ้าไม่ได้แผลคนเค้าจะว่าเอาได้ว่าเจ๊เก่งเกินไป
ดาเรีย : ก็คนมันเก่งมาแต่กำเนิดจะให้ทำไงได้
Tonix : จ๋าๆเจ๊เก่งที่สุด (เวรกรรม! ดันแต่งตัวละครให้หลงตัวเองซะได้ ดีนะที่ไชน์ไม่เป็นไปด้วยคน)
ดาเรีย : นินทาอะไรอีก “ราตรีเยือกแข็ง”
Tonix : ไม่ได้นินทาจ้ะคนสวย เดี๋ยวไปปั่นฟิคตอนต่อไปก่อนนะ(รีบชิ่งก่อนที่จะกลายเป็นเป้าลองดาบ)
ปล.ชอบไม่ชอบยังไงก้ออย่าลืมโพสเข้ามากันเยอะนะค่ะ
ปล2.ขอบคุณ!คุณappleนะค่ะที่โพสเข้ามาเป็นกำลังใจให้เสมอๆ แนะนำเข้ามาได้ตลอดนะค่ะ
“สวัสดี! นักเรียนทุกคน วันนี้พวกเธอทั้งสองชั้นปีต้องเรียนร่วมกัน ครูเลยจะให้พวกเธอลองประลองฝีมือกันระหว่างชั้นปีถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่จะมีหมากกระดานเกียรติยศ เดี๋ยวครูเรียกชื่อใครก็ออกมา แค่ประลองฝีมือนะ อย่าให้ถึงตาย!” เสียงฮือฮาดังขึ้นจากนักเรียนทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะหัวขโมยตัวดีที่ดูจะตกใจมากที่สุด
“เฮ้ย! คิลถ้าฉันปวดท้องตอนนี้จะทันมั้ยว่ะ” คิลมองหน้าหัวขโมยที่ตอนนี้พยายามปั้นสีหน้าให้ดูปวดท้องมากที่สุดอย่างขำๆ
“ก็ลองดูสิ แต่ฉันว่านายไม่รอดแน่เฟริน เพราะนายกลายเป็นที่สนใจของพี่ลูคัสไปแล้ว ไม่เชื่อนายก็หันไปมองทางด้านปี 7 สิ” เจ้าตัวดีหันไปมองตามคำพูดก็ต้องเจอสายตาของซาตานที่มองมาอย่างระริกเหมือนกับจะได้ของเล่นชิ้นใหม่
“โซมาเนีย มิสทรัล กับ ครี้ด ธันเดอร์” ชื่อที่ถูกขานออกมาทำให้ทุกคนฮือฮามายิ่งขึ้น
“ทำไมผมต้องสู้กับผู้หญิง?” เสียงเรียกร้องของครี้ด ที่เรียกสายตาเย็นๆของผู้คุ้มกฎสาวพร้อมคำพูดท้าทาย
“หรือว่าเธอกลัวฉันครี้ด ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงก็ไม่อ่อนแอขนาดที่เธอต้องออมมือให้หรอกนะ” ผู้คุมกฎสาวส่งสายตาท้าทายมายังครี้ดที่โดนตีแสกหน้าหาว่ากลัวผู้หญิง
“ในเมื่อพี่โซมาเนียพูดถึงขนาดนี้ ผมก็ไม่เกรงใจ” ครี้ดรับคำท้าพร้อมสายตาดุดันเอาจริง นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างท้าทาย
“เริ่ม!!!”
“กรุณาชี้แนะด้วย” สิ้นประโยคร่างของครี้ดกระโจนเข้าหาผู้คุมกฎสาวด้วยความรวดเร็ว
เสียงโลหะกระทบดังลั่น ราวสัญญาณประกาศว่า การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
ครี้ดเป็นฝ่ายไล่ต้อนบุกเข้าหาโซมาเนียที่เอาแต่ตั้งรับและหลบหลีกครี้ดหารู้ไม่ว่าเธอกำลังอ่านวิถีดาบของเค้าอยู่ การกวัดแกว่งดาบด้วยความแรงและรวดเร็วติดต่อกันป็นเวลานานบวกกับที่ต้องรุกอยู่ฝ่ายเดียวทำให้นักสู้ตาเดียวเริ่มเกิดอาการเหนื่อยหอบและความเร็วก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นโอกาสให้ผู้คุมกฎสาวโต้กลับ  โซมาเนียตวัดดาบด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ครี้ดจะลงดาบมายังกลางลำตัว
“เคร้ง!!!”
ทันใดนั้นเองที่ดาบสองดาบปะทะกันก่อนที่ดาบของครี้ดจะลอยหลุดมือออกไป แล้วปลายดาบของโซมาเนียจะจ่ออยู่ที่คอของนักสู้ตาเดียวแทน
“ฝีมือดีนะครี้ด แต่ต้องใจเย็นกว่านี้อีกหน่อย” โซมาเนียลดดาบลงพร้อมสายตาท้าทายที่หายไปเหลือไว้เพียงความเอ็นดูในรุ่นน้องของเธอ
“ขอบคุณครับที่ชี้แนะ” ครี้ดลุกขึ้นพร้อมกับโค้งให้เป็นการเคารพและขอบคุณ
“พี่โซมาเนียเก่งจริงสมกับฉายาร้อยจันทร์เสี้ยวเร็วจนมองไม่เห็นดาบ” หัวขโมยที่ตอนนี้ตื่นตาตื่นใจกับการต่อสู้ที่เพิ่งจบลงไป โดยลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องแกล้งปวดท้องเพื่อหลบจากการประมือกับพวกรุ่นพี่
“ทั้งสองคนดีมาก งั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาคู่ต่อไปเลยล่ะกัน เอาใครดี...ดาเรีย เดอร์ลาวินนี่ / คาโล วาเนบบลี”
เจ้าหัวขโมยตัวแสบหันมาสบตาสีฟ้าคู่สวย ศิษย์เจอกับอาจารย์ แล้วไอ้คาโลมันจะสู้ได้มั้ยเนี้ย?
“ทำไม! เฟรินนายคิดว่าฉันจะสู้ไม่ได้หรือไง” คำถามจากเจ้าชายน้ำแข็งเหมือนกับอ่านความคิดของหัวขโมยได้
“ป่าว” แล้วก็เลิกสบตาสีฟ้าคู่สวย “ก็แค่คิดว่าเจ้าชายคนเก่งคงจะชนะอดีตอาจารย์ของตัวเองได้สบายๆอยู่แล้ว ถ้านายเก่งจริงนะ” คำพูดเหน็บแนมของคนตรงหน้าที่เรียกสายตาเย็นชาพร้อมกับอารมณ์ที่ไม่ได้เย็นตามของเจ้าชายน้ำแข็ง เสร็จจากงานนี้เมื่อไรเราได้เห็นดีกันแน่เฟริน เสียงกระซิบข้างหูจากเจ้าชายที่ทำเอาเฟรินถึงกับน้ำลายหนืดคอขึ้นมาทันที
“สวัสดี! คาโล เราไม่ได้ประลองฝีมือกันมานานแค่ไหนแล้วนะ”
ธิดาคนสวยถามยิ้มๆ แต่ดวงตาสีฟ้าคู่สวยกลับเย็นชาใส่ก่อนจะตอบคำถาม
“ก็ตั้งแต่ท่านพี่มาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้” น้ำเสียงตอบคำถามเย็นยะเยือกพร้อมถ้าเตรียมดาบพร้อมบ่งบอกถึงความเอาจริงของเจ้าชาย
“งั้นเราก็มาดูกันว่าลูกศิษย์ฉันพัฒนาฝีมือไปมากแค่ไหน ราตรีเยือกแข็ง”
ดาบเรียวยาวเพียวลมกว่าครึ่งเมตรปรากฏบนมือเรียวสวยของธิดาป้อม ตัวดาบสีดำใสราวกับผลึกส่องประกายระยิบระยับล้อแสงอาทิตย์ ด้ามจับทำด้วยทองคำทำให้ดาบดูมีประกายมากยิ่งขึ้น ล้อตาล้อใจหัวขโมยอย่างเฟรินเป็นอย่างมาก
“เริ่มได้!!”
สิ้นเสียงคำกล่าวทั้งสองก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ไม่มีการออมมือ”
ดาเรียกางขาออกเล็กน้อยเตรียมรับการบุกจากเจ้าชายผู้เป็นลูกศิษย์ของเธอ นัยน์ตาทั้งคู่สบกันชั่ววูบก่อนที่สองร่างจะหายไปในทันที
ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างแทบไม่กระพริบตา จับจ้องสองร่างตรงหน้า
\"เคร้ง!!\"
คาโลรับดาบแรกจากดาเรียที่ทั้งแรงและหนัก แรงจากการฟาดดาบลงมาทำเอาคาโลถึงกับทรุดลงไป ไม่น่าเชื่อว่าสตรีเบื้องหน้าเค้าจะมีแรงมากมายขนาดนี้ถึงจะเคยประมือกันมาบ้างในฐานะศิษย์และอาจารย์
“หึ! เป็นอะไรไปคาโล วาเนบบลี ฉันจำได้ว่าไม่เคยสอนให้เธออ่อนแอขนาดที่รับดาบของฉันไม่ไหวนะ” เสียงเย้ยหยันของผู้มีสักเป็นอดีตอาจารย์ทำให้ลูกศิษย์หน้าร้อนผ่าวเพราะถูกดูหมิ่น
คาโลดันดาบออกไปแล้วโถมเข้าใส่ดาเรียอย่างรวดเร็วแทงดาบเข้าใส่จนดาเรียกระโดดหลบแทบไม่ทันสายตาอึ้งไปกับความเร็วดาบของลูกศิษย์ที่ดูจะพัฒนาขึ้น ต่อด้วยคมดาบที่วาดเป็นวงกว้างเข้าที่กลางลำตัว ร่างบางพยายามหลบแต่ความคมจากปลายดาบของลูกศิษย์ก็เฉือนเอาเสื้อเธอขาดเป็นเส้นเผยให้เห็นเลือดที่ไหลออกมา
“เก่งขึ้น! สามารถโจมตีใส่ฉันได้ทั้งที่ไม่เคยทำได้มาตลอด14ปี” คำชมพร้อมรอยยิ้มของอดีตอาจารย์ที่ชื่นชมในฝีมือของลูกศิษย์
“คนเราคงไม่ย้ำอยู่ที่เดิมตลอดไป ท่านอดีตอาจารย์!” สายตาดุดันเอาจริงของลูกศิษย์เรียกรอยยิ้มของผู้เป็นอดีตอาจารย์
“ฉันคงต้องเอาจริงสักที เดี๋ยวจะเป็นการดูถูกเจ้าชายเมืองนักรบแห่งคาโนวาล” สายตาเปลี่ยนไปจากที่ดูสนุกสนานกลับเย็นชาจนหน้ากลัวพร้อมกับบรรยากาศรอบๆตัวธิดาป้อมคนงามชวนให้รู้สึกอึดอัด
ทั้งคู่หยุดนิ่งอยู่ในท่าเตรียมบุก รอจังหวะที่อีกฝ่ายจะขยับตัว...
“...ทำไมถึงเค้าถึงไม่ขยับกัน?” หัวขโมยกระซิบถามขึ้น โรจึงตอบให้ตามหน้าที่
“เพราะถ้าใครขยับคนหนึ่งก็จะรู้ว่าคนคนนั้นจะทำอะไร....ดังนั้นจึงไม่ขยับ” คนรู้มากอธิบายอย่างคล่องแคล่ว
ความเงียบเข้าคืบคลานบริเวณลานฝึก เงียบจนได้ยินแม้กระทั้งเสียงลมหายใจ
“ถ้าท่านพี่ไม่บุกเข้ามาเห็นทีผมจะต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าไปหาเอง” สิ้นเสียงร่างของเจ้าชายกระโจนเข้าใส่ร่างบางด้วยความรวดเร็วก่อนที่ดาบในมือจะตวัดฉับ ดาเรียขยับหลบวูบอย่างว่องไว แต่ดาบของคาโลที่ตวัดกลับมาหมายจะฟันให้โดนเป้าหมายยังตามติดพัวพันไม่เลิก ความเร็วนั้นทำให้การรับมือค่อนข้างลำบาก ร่างบางจึงใช้ความแกร่งของอาวุธตนปัดออกด้านข้าง แล้วจู่โจมกลับทีเดียว
แรงกดจากดาบเรียวยาวนั้นทำให้ร่างของเจ้าชายต้องดาบขึ้นกันไว้เหนือศีรษะเป็นจังหวะให้ดาเรียเตะเต็มแรงเข้ากลางลำตัวของคาโล ดาบเรียวฟันสวนขึ้นใส่ใบดาบคมเต็มแรงกระเด็นหลุดออกจากมือคาโลแล้วดาบราตรีเยือกแข็งก็จ่ออยู่ที่ลำคอของคาโล
“ฝีมือดีขึ้นมาก ท่านลุงบาโรคงสอนเจ้ามาดี” คำชมจากอดีตอาจารย์ที่ไม่ได้ทำให้อดีตลูกศิษย์ยิ้มรับเลยแม้แต่น้อย
“พอได้ทั้งคู่” ลอร์ดลาเวน ชมัคเกอร์เอ่ยขึ้นทำให้คนทั้งสองเริ่มผ่อนคลาย ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่อย่างง่ายดายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นยังไงบ้างดาเรียเจ็บแผลหรือเปล่า” โซมาเนียถามด้วยพร้อมสีหน้าที่ห่วงจัด ริมฝีปากขยับเตรียมจะร่ายเวทย์รักษา
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกโซมี่ แผลแค่นี้เด็กๆฉันรักษาเองตั้งแต่อยู่ในสนามแล้ว ไม่เชื่อก็ดูแผลได้นะว่าปิดสนิทแล้ว” คนเจ็บยิ้มร่าโชว์แผลที่ตอนนี้ปากแผลปิดสนิทจริงๆอย่างที่เจ้าตัวว่า
คาโลเมื่อกลับมาถึงที่นั่งก็หอบราวกับผ่านการวิ่งมาเป็นร้อยๆรอบพร้อมเหงื่อที่ชุ่มเต็มหลัง
“คาโลนายไหวรึเปล่า?” เฟรินถามด้วยความเป็นห่วงเพราะว่าตอนนี้เจ้าชายน้ำแข็งเริ่มหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“ไม่เป็นไรฉันยังไหวแค่นั่งพักนิดหน่อยก็หาย”
“เพราะว่าใช้แรงและความเร็วเกินกำลังบวกกับบรรยากาศกดดันที่พี่ดาเรียสร้างขึ้นมาเลยทำให้เป็นแบบนี้” โร ขอทานผู้รอบรู้บรรยายสาเหตุของอาจารย์ได้เหมือนกับแพทย์สนามมาเองก็ไม่ปาน
“คู่ต่อไป....ลูคัส  ซาโดเรีย / เฟริน เดอเบอโรว์”
“หา”
เสียงขานชื่อที่เฟรินกลืนน้ำลายไม่ลง เพราะคนที่จะประลองด้วยคือคนที่หมายปองเค้ามาตั้งแต่ปี 1
ลูคัส  ซาโดเรีย ซาตานผู้น่ากลัวแห่งป้อมอัศวิน!!
#######################################
ดาเรีย : นิ!กล้าดียังไงทำให้ฉันมีแผลได้ฮ่ะ ยัยคนเขียน!!
Tonix : อ้าว! ถ้าไม่ได้แผลเจ๊จะสู้เต็มที่เหรอ แถมถ้าไม่ได้แผลคนเค้าจะว่าเอาได้ว่าเจ๊เก่งเกินไป
ดาเรีย : ก็คนมันเก่งมาแต่กำเนิดจะให้ทำไงได้
Tonix : จ๋าๆเจ๊เก่งที่สุด (เวรกรรม! ดันแต่งตัวละครให้หลงตัวเองซะได้ ดีนะที่ไชน์ไม่เป็นไปด้วยคน)
ดาเรีย : นินทาอะไรอีก “ราตรีเยือกแข็ง”
Tonix : ไม่ได้นินทาจ้ะคนสวย เดี๋ยวไปปั่นฟิคตอนต่อไปก่อนนะ(รีบชิ่งก่อนที่จะกลายเป็นเป้าลองดาบ)
ปล.ชอบไม่ชอบยังไงก้ออย่าลืมโพสเข้ามากันเยอะนะค่ะ
ปล2.ขอบคุณ!คุณappleนะค่ะที่โพสเข้ามาเป็นกำลังใจให้เสมอๆ แนะนำเข้ามาได้ตลอดนะค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น