ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนรออาฆาต

    ลำดับตอนที่ #2 : วันแตกแยก

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 55


     

    ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องที่พัทขอแต่งงานกับใครเพราะตอนนี้ทุกๆคนในบ้านกำลังอยู่ในอาการเคร่งเครียดยังไงไม่รู้ โดยเฉพาะแม่เพราะแม่ตั้งคำถามแปลกๆกับฉัน

    “ถ้าแม่กับพ่อเลิกกันลูกจะอยู่กับแม่ใช่ไหมลูกแต่พี่เก่งเค้าจะอยู่กับพ่อเพราะเค้ามีงานที่บริษัทที่ต้องรับผิดชอบ”

    “แม่คะ หนูไม่รู้นะคะว่าแม่กับพ่อทะเลาะอะไรแต่ว่าแม่ควรจะใช้เหตุผลให้มากๆเพราะมันจะมีผลกระทบระยะยาวนะคะแม่” แม่เงียบไม่พูดอะไรแต่น้ำตาแม่เริ่มคลอเบ้าทั้งที่ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าพ่อกับแม่ทะเลาะอะไรกัน

    “พี่เก่งพ่อแม่เราท่านเป็นอะไรไปเหรอช่วงนี้ท่านดูแปลกๆกัน” ฉันถามพี่ชายที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก

    “พี่ก็ไม่รู้หรอกเพราะช่วงนี้พี่งานยุ่งมากๆไหนจะงานที่บริษัท ไหนจะเรื่องเดียร์” เดียร์ที่ว่าคือแฟนของชายฉันเองซึ่งคบกันมาหลายปีแล้วซึ่งมีแผนจะแต่งงานกันในกลางปีนี้

    “ทำไมเหรอคะพี่เดียร์ทำไม” ฉันถามประสาคนที่สนิทกันเพราะฉันกับพี่เดียร์ก็สนิทกันมากเพราะเวลาที่พี่เดียร์มาที่บ้านก็จะมาคุยเล่นอยู่กับฉัน

    “ช่างเถอะ ว่าแต่วันนี้วันหยุดเราไม่ไปไหนเหรอ” พี่ชายฉันเปลี่ยนเรื่องทันที

    “นัดกับยัยออยไว้แล้วค่ะ เดี๋ยวยัยออยก็มาแล้ว” ฉันพูดยังไม่ทันขาดคำวินมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านพร้อมกับเสียงแป้นแล้นของยัยออยที่ดังเข้ามาในบ้าน

    “โย้ ยัยกานต์ว่าเพื่อนจะไปกันหรือยัง” ยัยออยตะโกนข้ามรั้วเข้ามาในบ้าน

    “เออ จะไปแล้วรออยู่ตรงนั้นนะยะเดี๋ยวฉันเอารถออกก่อน” ฉันตะโกนจากในบ้านไปบอกยัยออยที่ยืนชะโงกหน้าไปมาอยู่หน้าบ้าน แล้วก็เดินถือกุญแจรถออกไปเอารถออกทันที

    ระหว่างที่ฉันขับรถอยู่ยัยออยก็พูดขึ้น

    “นี่ ช่วงนี้ฉันฝันเห็นแกด้วยล่ะ”

    “หือ ฝันเห็นฉันยังไง”

    “ฉันฝันว่าเธออยู่ในชุดไทยโบราณประมาณนั้นแหละย่ะ เอ๊ะหรือว่าจะเป็นชุดแต่งงานเพราะในฝันมีคุณพัทด้วยนะ”

    “ฉันว่าแกเพ้อเจ้อไปเองแล้วล่ะ เพราะงานแต่งฉันต้องสไตล์โมเดิร์นเท่านั้นย่ะ”

    “เออนี่แกรู้เปล่าว่ายัยโคโยตี้ที่อยู่ข้างบ้านฉันตอนนี้มีเสี่ยมาติดได้เงินทีเป็นแสนเลยนะ” ยัยออยเปลี่ยนเรื่อง

    “แกนี่นะ เรื่องชาวบ้านรู้หมดจริงๆ”

    “จริงนะแก ฉันเห็นกับตาว่ามีรถBMWสีดำมารับยัยนั่นที่บ้านทุกวันเลย” BMW สีดำฉันกำลังคิดถึงรถของพ่อฉันก็เป็นBMWสีดำเหมือนกัน แต่ในประเทศไทยก็ไม่ได้มีรถพ่อฉันคันเดียวสักหน่อย

    “แกๆ คิดอะไรอยู่อ่ะแก เดี๋ยวสิบล้อก็คาบไปกินหรอกย่ะ ขับรถนั่งเหม่อ” ยัยออยเรียกฉันที่กำลังอยู่ห้วงความคิดให้ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง

    “เปล่าๆไม่มีอะไร” แล้วฉันก็ขับรถต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีกมีแต่ยัยออยที่นั่งพูดเรื่องนั้นเรื่องนู้นตลอดทางจนถึงห้างที่พวกเราจะมาช็อปลดราคากัน ถึงจะเป็นคุณหนูบ้านรวยแต่ฉันก็ชอบของลดราคานะ อิอิ

    “ว้าววววว แกดูชุดนี้สิ สวยมากแถม sale 50 เปอเซ็นต์ด้วยนะแก”ยัยออยลากฉันไปดูชุดที่เธอบอกว่าสวยจนฉันแถมหกล้มหน้าคว่ำ แล้วฉันก็ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยจนกระทั่งมาเจอชุดเดรสสีชมพูขาวชุดหนึ่งที่โดนใจฉันมาก

    ฉันมองป้ายราคาแล้วจัดการหยิบชุดๆนั้นให้พนักขายไปพร้อมกับบัตรเครดิตของฉันทันที ขณะที่ฉันกำลังยืนรอพนักงานขายเอาชุดกลับมาให้ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันเดินเข้ามา ที่ใกล้ๆฉันพร้อมกับถามพนักงานขายขึ้นว่า

    “น้องคะชุดเดรสที่อยู่ตรงนี้เมื่อกี้ไปไหนแล้วคะ”

    “อ๋อ เมื่อกี้คุณคนนี้เค้าซื้อเรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานขายพูดพร้อมชี้มาที่ฉัน

    “เอ๊ะ แต่เมื่อกี้ฉันบอกแล้วว่าฉันจองนี่นา” สงสัยจะมาซื้อชุดเดียวกับฉันแต่โทษทีฉันไวกว่าย่ะ ฮ่าฮ่า

    “เอ๊ะ ยังไงเมื่อกี้ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจองชุดนั้น” ยัยเปรี้ยว(ตั้งชื่อให้ชั่วคราว)เริ่มขึ้นเสียงกับพนักงาน

    “ชุดได้แล้วค่ะ” พนักงานขายอีกคนส่งถุงชุดมาให้ฉัน ฉันจึงรีบลี้ภัยให้พ้นจากยัยเปรี้ยวอย่างเร่งด่วน

    “นี่เธอ ชุดนั้นฉันจองแล้วนะยะ” ยัยเปรี้ยวเดินเข้ามาขวางหน้าฉันไว้ งานเข้าแล้วไงกิ่งกานต์

    “ขอโทษนะคะแต่ฉันซื้อแล้ว” ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกันเอาสิ

    “นี่เอาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” ยัยเปรี้ยวพูดพร้อมกับดึงถุงชุดของฉันแต่เรื่องอะไรใครจะยอมฉันจ่ายเงินแล้วก็ไม่ยอมให้หยุดมือไปหรอกฉันก็ดึงไว้สุดชีวิตเหมือนกัน แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “มีอะไรเหรอครับ หนูน้ำฝน” เป็นเสียงที่คุ้นหูฉันมาก

    “ป๋าขา ก็นังเด็กนี่สิคะมันแย่งชุดของฝนไปอ่ะค่ะ”ยัยฝนกรด(รู้ชื่อแล้ว)ทำเสียงออดอ้อนคนที่หล่อนเรียกว่าป๋าฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองป๋าของหล่อนซะหน่อยว่าใครแล้วฉันก็ตกใจแทบช็อก

    “คุณพ่อ” ฉันตะดกนออกมาอย่างตกใจว่าป๋าของยัยฝนกรดคือพ่อของฉันเอง

    “กานต์” คุณพ่อทำเสียงตกใจไม่แพ้กัน แล้วยัยออยก็เดินเข้ามายืนข้างๆฉัน

    “มีไรวะแก อ้าวคุณลุงสวัสดีค่ะ”ยัยออยหันไปสวัสดีคุณพ่อฉันแต่ฉันไม่ได้สนใจอะไรแล้ว

    “นี่มันอะไรกันคะคุณพ่อ คุณพ่อนอกใจคุณแม่มากับยัยผู้หญิงหน้าด้านคนนี้เหรอคะ” ฉันแผดเสียงถามคุณพ่ออย่างโมโหที่เจอคาหนังคาเขาว่าคุณพ่อติดผู้หญิง

    “นี่เธอว่าใครหน้าด้านยะหะ” ยัยฝนกรดหันมาถามฉัน

    “ก็เธอไง ยังไงรู้สถานะตัวเองหรือไงว่าเป็นเมียน้อยชาวบ้านเค้าหรือรู้แล้วยังทำหน้าด้านไร้ยางอายอีกเหรอ” ฉันพ่นคำหยาบคายใส่หน้ายัยฝนกรดอย่างโกรธแค้น

    “กานต์ฟังพ่อก่อนนะลูก” พ่อทำเสียงอ่อนพูดขึ้นแต่ฉันไม่ฟัง

    “ไม่ค่ะถ้าคุณพ่อไม่เลิกยุ่งกับยัยนี่หยูไม่ยอมจริงๆด้วย”แล้วฉันก็หันหลังเดินออกมาโดยที่มียัยออยเดินตามหลังฉันออกมา

    ฉันขับรถจนถึงบ้านแล้วแยกกับยัยออยแล้วก็เดินขึ้นบนห้องนอนอย่างอารมณ์เสีย ใช่คุณแม่ที่คุณแม่มีท่าทางแปลกๆเพราะคุณแม่ต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ ฉันร้องไห้จนเจ็บตาแล้วก็เผลอหลับไปดึกเท่าไหร่ไม่รู้ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโวยวายจากข้างล่าง

    “ฉันจะไม่ทนกับคุณอีกต่อไปแล้ว กับที่ผ่านมาฉันทนได้ทุกอย่างแต่คราวนี้คุณทำให้ลูกเสียใจฉันจะไม่ทนอีกแล้ว” เสียงคุณแม่นั่นเองกำลังทะเลาะกับคุณพ่องั้นเหรอฉันเปิดประตูห้องออกมาดู

    “ผมก็ทนคุณมามากแล้วเหมือนกัน แต่เพราะลูกหรอกนะผมถึงทนแต่ครั้งนี้มันสุดทนแล้วเหมือนกัน ผมทำงานแทบตายแต่ไม่ได้อะไรเลยเมียที่บ้านก็ยังหาเรื่องชวนทะเลาะอีก” พ่อพูดอย่างหัวเสีย

    “คุณอย่ามาพูดว่าฉันหาเรื่องทะเลาะเพราะถ้าคุณไม่ทำตัวนอกลู่นอกทางอย่างนี้ฉันก็ไม่อยากทะเลาะกับคนอย่างคุณหรอกนะ”

    “ทำไมคนอย่างผมมันทำไม” พ่อขึ้นเสียงดังขึ้นพร้อมบอกอารมณ์ที่โมโหอย่างถึงที่สุด

    “คุณก็น่าจะรู้ว่าถ้าพ่อไม่บังคับฉันฉันก็จะไม่มีวันแต่งงานกับคนสกปรกอย่างคุณ” แม่มองหน้าพ่ออย่างเอาจริง

    เพ๊ยะ!!! คุณพ่อฟาดฝ่ามือโดนใบหน้าคุณแม่อย่างจังใบหน้าแม่หันไปทางแรงตบ ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งจากบันไดชั้นสองมาจากประตูห้องลงมากอดคุณแม่ไว้

    “คุณพ่อคะคุณพ่อจะทำเกินไปแล้วนะคะ” ฉันพูดพร้อมกับกอดคุณแม่ที่มีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ปริ่มๆ

    “แม่ไม่เป็นอะไรหรอกลูก”คุณแม่หันมาบอกกับฉันแล้วหันไปทางพ่อแล้วพูดต่อว่า

    “ถ้าคุณทำกับฉันแบบนี้ ก็ได้งั้นเราแยกกันอยู่ดีกว่า” ว่าแล้วคุณแม่ก็เดินขึ้นไปบนห้องโดยที่ฉันวิ่งตามหลังไป แม่เข้ามาในห้องนอนแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อน

    “คุณแม่คะ คุณแม่จะไปไหนคะ” ฉันถามในขณะที่แม่กำลังเก็บเสื้อผ้า

    “ไปให้พ้นจากที่นี่” คุณแม่ตอบโดยที่ยัดผ้าลงกระเป๋ารูดซิบโดยไม่หันมามองฉันเลย และแล้วคุณพ่อก็เปิดประตูห้องเข้ามากับใบหน้าที่ดูอ่อนลง

    “กานต์ พ่อขอคุยกับแม่แปบนึงนะลูก” พ่อหันมาบอกฉันเสียงเรียบๆ ฉันรู้หน้าที่ทันทีจึงเดินออกมาจากห้อง

    “คุณผมขอโทษนะที่ทำไม่ดีกับคุณเมื่อกี้” คุณพ่อพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นานโดยไม่รู้ว่าฉันแอบแง้มประตูห้องฟังอยู่

    “คุณทำไปแล้วนี่ จะพูดยังไงให้คุณดูดีขึ้นก็พูดได้นี่คะ” แม่ประชดเสียงแข็ง

    “ผมขอโทษจริงๆ ถ้าเกิดว่าคุณอยากให้ผมทำอะไรให้เป็นการไถ่โทษผมยอมทำให้คุณหมดทุกอย่างเลยคุณต้องการอะไรคุณบอกผมสิ”

    “งั้นฉันขออยู่แยกกับคุณสักพักเผื่อมันจะทำให้ทั้งฉันและคุณคิดอะไรๆขึ้นมาได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะเอายังไงฉันกับคุณค่อยมาคุยกันอีกทีดีไหมคะ”

    “ไม่ครับผมไม่ต้องการอยู่ห่างคุณถ้าเราจะคุยกันก็คุยกันเดี๋ยวนี้เลย”

    “คุณคิดว่าตอนนี้มันจะมีอะไรดีขึ้นเหรอคะ เราสองคนยังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าเราต้องการอะไร ถ้าเราได้อยู่กับตัวเองได้ทบทวนอะไรหลายๆอย่างกับตัวเองมันจะทำให้เราค้นพบความต้องการจริงๆของเราถึงวันนั้นคุณค่อยมาบอกแล้วฉันจะมาบอกคุณอีกทีแล้วกันนะคะว่าเรายังต้องการกันและกันอยู่หรือเปล่า ปล่อยฉันไปเถอะค่ะหากคุณยังต้องการฉันจริงๆ”  คุณแม่อธิบายยาวเหยียดเพื่อโน้มน้าวใจคุณพ่อ

    “ก็ได้ แต่ว่าผมต้องการขออะไรคุณสักอย่างได้ไหม”

    “อะไรล่ะค่ะ ถ้ามันไม่มากเกินไปที่ผู้หญิงอย่างฉันจะให้คุณได้ฉันก็จะทำให้ค่ะ”

    “คุณพายัยกานต์ไปด้วยได้ไหม” ห๊า ว่าไงนะคุณพ่อจะให้ฉันไปกับคุณแม่ด้วยหรือว่าคุณพ่อคิดจะจัดการฉันให้พ้นทางเพราะยังไงคุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ฉันเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

    “คุณพ่อ คิดจะกำจัดหนูไปอีกคนใช่ไหมคะถึงจะให้หนูไปอยู่กับคุณแม่” ฉันโวยวายขึ้นทำให้ทั้งสองท่านหันมามองที่ฉันอย่างตกใจ แต่ขณะนี้ฉันโกรธจนลืมเรื่องที่แอบฟังเมื่อกี้ไปแล้ว

    “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะลูกฟังพ่อก่อน พ่อต้องการให้แม่มีคนดูแลและคนคนนั้นก็คือลูก อีกอย่างพ่อขอสัญญากับภรรยาและลูกสาวของพ่อเลยนะว่าพ่อจะปรับตัวให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นพ่ออยากให้ลูกไว้ใจพ่อแล้วทำหน้าที่ที่พ่อมอบให้ลูกทำในฐานะพ่อจะได้ไหมลูก”

    “ค่ะ” เมื่อได้ฟังคำพูดของคุณพ่อทำให้ฉันอ่อนลงและตกลงที่จะไปกับคุณแม่ด้วย

    หลังจากที่ฉันเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นแล้วก็เดินมาที่รถพร้อมกับคุณแม่และคุณพ่อที่เดินมาส่งส่วนพี่เก่งไปทำงานที่ต่างจังหวัดจะกลับมาวันมะรืนนี้

    “โชคดีนะคุณ กานต์พ่อฝากดูแลแม่ด้วยนะ”

    “ค่ะคุณพ่อ ไม่ต้องห่วงนะคะหนูจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุดค่ะ” ฉันรับปากคุณพ่ออย่างหนักแน่นแล้วเปิดประตูรถข้างคนขับขึ้นไปนั่งข้างๆคุณแม่ที่นั่งที่คนขับรออยู่แล้ว รถเคลื่อนออกจากบ้านหลังนี้ที่ฉันอยู่มายี่สิบสี่ปี โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางนั้นอยู่ที่ไหน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×