ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนรออาฆาต

    ลำดับตอนที่ #1 : ฝันร้ายที่ใกล้เข้ามา

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 55


    พรึ่บ!! ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความเหงื่อเสียงหอบแหบแห้งในลำคอ และเหงื่อที่เปียกชุ่มไปทั้งตัวฉันเอามือปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่หน้าผากที่กำลังจะหยดลงมาเข้าตาฉันอย่างลวกๆ ใช่ ฉันสะดุ้งตื่นมาจากความฝันที่น่ากลัว ความฝันที่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ฉันจะฝันแบบนี้บ่อยแต่ยังไงฉันก็ไม่เคยชินกับความฝันแบบนี้สักที

                    เสียงประตูเปิดขึ้นทำให้สติที่กระจัดกระจายของฉันกลับมาอีกครั้ง

                    “กานต์ ฝันร้ายอีกแล้วเหรอลูก” แม่ที่เปิดประตูเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

                    “ค่ะ แม่” ฉันตอบแม่อย่างที่รู้กันว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อย

                    “เมื่อไหร่อาการนี้มันจะหายซะทีนะ ลูกชอบฝันว่าเจอผีผู้หญิงตัวเดิมๆตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” แม่ปรารภขึ้นอย่างเหนื่อยใจ ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันแบบนี้ตอนประมาณสามขวบตอนนั้นพ่อและแม่ตกใจมากแต่ก็บอกว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย แต่ต่อมาฉันก็ฝันแบบเดิมอีกจนทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรผีตนนั้นเป็นใครต้องการอะไรจากฉันกันแน่รู้แค่ว่า ฉันคงทำให้เธอโกรธมากสินะ

                    “แม่ว่าลุกขึ้นเตรียมตัวตักบาตรเถอะลูกเดี๋ยวพระก็จะมาแล้ว” ใช่แล้วสิ่งที่ฉันทำได้คือตักบาตรให้เจ้ากรรมนายเวรซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว

     

                    หลังจากตักบาตรเสร็จฉันก็เข้าบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วมานั่งดูทีวีตามประสาคนว่างงานเพราะถึงจะเรียนจบแล้วแต่ งานที่บริษัทของพ่อก็มั่นคงพอที่จะเลี้ยงฉันได้รวมทั้งพี่ชายที่ช่วยงานคุณพ่อที่บริษัท ฉันกับแม่เลยอยู่บ้านทำงานบ้านตามประสาคนหัวโบราณที่ให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าส่วนผู้หญิงอย่างเราก็อยู่บ้านเป็นแม่บ้านแม่เรือนกันต่อไป

    กริ๊งงงงงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นโชว์เบอร์เพื่อนสนิทของฉันอันที่จริงก็เราคบกันเป็นแฟนแต่ว่าเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินเลยคิดซะว่าเป็นเพื่อนแล้วกัน ฉันกดรับสายทันที

                    “ฮัลโหล ว่าไงคะพัท”

                    (คุณอยู่บ้านใช่ไหม)

                    “ค่ะ ทำไมคะ”

                    (ผมจะชวนคุณไปทำบุญหน่อย พอดีช่วงนี้ฝันไม่ค่อยดี)

                    “ค่ะได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวคุณมารับฉันแล้วกันนะ ฉันจะรอ”

                    (ครับ เดี๋ยวผมจะไปรับคุณ)

    ไม่นานรถของพัทก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฉัน ฉันไม่รอช้ารีบเดินไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ เมื่อฉันขึ้นไปนั่งรถก็ค่อยๆออกตัว ฉันเปิดการสนทนาบนรถขึ้น

    “ที่ว่าฝันร้ายฝันว่าอะไรหรอคะ” ฉันหันไปถามพัทที่กำลังขับรถอยู่

    “อ๋อ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแค่ฝันเห็นอะไรน่ากลัวๆน่ะก็เลยไปทำบุญเพื่อความสบายใจซะหน่อย” เมื่อพัทพูดอย่างนั้น ฉันก็เลยไม่ถามต่อเพราะฉันก็ไม่ชอบเรื่องอะไรน่ากลัวๆอยู่เหมือนกัน

    ไม่นานรถของพัทก็เข้ามาจอดที่วัดที่ครอบครัวของเขาศรัทธามาก ซึ่งฉันก็เคยมาที่นี่ไม่กี่ครั้ง เมื่อทำบุญรับศีลรับพรเรียบร้อย พัทกับหลวงตาก็นั่งคุยกันตามประสาคนคุ้นเคยกัน

    “หลวงตาเป็นอย่างไรบ้างครับ”

    “ก็ตามประสาคนชราแหละโยม” ระหว่างที่พูดหลวงตาก็หันมามองฉันแล้วพูดว่า

    “สีกาน่ะ เจ้ากรรมนายเวรเขาตามเอาคืนอยู่คงจะโดนไม่น้อย” ฉันสงสัยกับคำพูดของหลวงตาจึงถามขึ้น

    “อะไรหรอคะ แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับหนูคะ”

    “ยังไงก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรมากๆนะอาตมาก็พูดอะไรมากไม่ได้มันอยู่ที่กรรมของแต่ล่ะคน”

     

    หลังจากกราบลาหลวงตาเรียบร้อยแล้วฉันกับพัทก็ไปหาข้าวกินกันในห้างแห่งหนึ่ง และที่นี่ฉันก็ได้พบกับออยเพื่อนสนิทของฉันที่มาเดินห้างช็อปเสื้อผ้าอย่างเมามันส์ดูจากถุงหิ้วในมือของหล่อนที่เต็มมือเต็มไม้ไปหมด

    “อ้าวกานต์มาเดทกันเหรอจ๊ะ” ยัยออยทำเสียงระริกระรี้มาแต่ไกล

    “ป่าวหรอก เพิ่งไปธุระกันมาเลยมาแวะกินมื้อเที่ยงกันที่นี่” ฉันอธิบาย

    “แหมๆสวีทกันจริงคู่นี้ฉันล่ะอิจฉาจริงๆเลย”

    “ย่ะ เธอก็หาให้มันได้เร็วๆสิยะ เดี๋ยวก็ขึ้นไปอยู่บนคานฉันไม่รู้ด้วยนะยะ”

    “ว๊าย แรงอ่ะเธอเนี่ยนะเดี๋ยวฉันจะหาให้หล่อให้เริ่ดกว่าคุณพัทอีกคอยดู”

    “จ้า ฉันจะคอยดู”

    หลังจากแยกกับยัยออยแล้วฉันกับพัทก็มานั่งกินข้าวกันในร้านอาหาร แล้วพัทก็เปิดประเด็นสนทนาขึ้น

    “กานต์ครับเราคบกันมากี่ปีแล้วครับ” พัทเปิดประเด็นขึ้นมา

    “ก็ปีนี้ด้วยก็สี่ปีแล้วค่ะ” ฉันตอบ

    “สี่ปีมันจะน้อยไปมั้ยถ้าเกิดว่า” เสียงของพัทขาดหายไปทั้งที่ฉันรอฟังอยู่

    “ว่าอะไรคะ”

    “ถ้าเกิดว่า ผมจะขอคุณแต่งงาน” ฉันตกใจกับคำถามของพัท

    “พัทค่ะฉันคิดว่าตอนนี้หลายๆอย่างมันยังไม่พร้อมรวมทั้งคุณและฉันเองก็ยังไม่พร้อมเพราะงั้นฉันคิดว่าเราควรจะพร้อมกันให้มากกว่านี้ ไม่งั้นแต่งกันไปก็จะไปด้วยกันไม่ได้เปล่าๆ” ฉันอธิบายเพราะว่าฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวตอนนี้ แล้วเด็กเสิร์ฟก็ยกอาหารมาเสิร์ฟหลังจากนั้นก็ไม่มีหัวข้อสนทนาจากเราสองคนอีกเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×