Skyrim กับ tongfar - บทความพิเศษ

ลำดับตอนที่ #1 : ภาพรวม THE ELDER SCROLLS V : SKYRIM

 Review – THE ELDER SCROLLS V : SKYRIM   

  

หนึ่งเกมที่ออกมาช่วงท้ายปลายปีนี้ เป็นเกม action-rpg เกมหนึ่งซึ่งดำเนินมาถึงบทที่ 5 แล้ว สำหรับในภาคนี้เนื้อเรื่องจะเป็นอีก 200 ปีหลังจากจบวิกฤตในภาคก่อน ซึ่งภาคล่าสุดนี้ยังคงความขลังเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน หรือจะพูดให้ถูกก็คือแม้ผมจะหวังกับภาค 5 ไว้มาก(เนื่องจากภาค 4 ทำได้ดีเหลือเกิน) แต่ทางทีมงานผู้สร้างกลับสามารถทำให้เหนือความคาดหมายไปไม่น้อย สำหรับเรื่องกราฟฟิค นับว่าพัฒนาจากภาคก่อนอยู่มากโข แต่ก็ไม่หรูหราอลังการเหนือชั้นกว่าเกมอื่นในรุ่นใกล้กันหรืออาจจะต่ำกว่าบางเกมอยู่พอสมควร

-ต่อจากนี้มีสปอยล์นะครับ!-

สิ่งแรกที่ยังคงที่โดดเด่นสำหรับซีรีย์ elder scrolls ก็คือ...ยังคงทำให้โลกเป็นโลกได้เช่นเคย ดินแดนของ skyrim นั้นกว้างสุดลูกหูลูกตา (ขนาดวิ่งกันตาเหลือก) โดยแถมระบบ fast travel มาให้ตามปกติสำหรับที่ซึ่งเคยไปมาแล้ว รวมทั้งมีรถม้าให้เดินทางไปยังเมืองใหญ่ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ทว่าในดินแดนใหญ่ ๆ นี้กลับมีหลายสิ่งให้แสวงหา และยิ่งเดินทางไปเรื่อยก็ยิ่งพบเรื่องราวแปลกใหม่ได้เรื่อย ๆ หลายครั้งที่เดินตามถนนจะเจอตัวละครกองคาราวานที่เดินตามถนนไปด้วยกัน เจอนักล่าไล่จับโจรที่เพิ่งขโมยของตนไป เจอโจรดักปล้น เจอสัตว์ป่าบุกทำร้าย เจอผีไร้หัวไว่ไปตามทางโดยไม่รู้จุดหมาย หรือแม้กระทั่งเจอนักฆ่าดักอยู่ข้างทาง เพราะเราดันไปก่อเรื่องให้ npcบางตัวหมั่นไส้!

(ไอ่นักฆ่านี่คือกลุ่ม dark brotherhood ซึ่งเราก็สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้เช่นกัน...และปัญหานี้จะหมดไป ฮ่า ๆ)

 

 จดหมายเชิญเข้า dark brotherhood (หลังจากเราไปฆ่าคนตายตามเควสเริ่ม)

เนื้อเรื่องหลักของภาคนี้ หากจะพูดไปมันก็เป็นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะ “ทั่วไป” ไม่ได้โดดเด่น กล่าวก็คือเราเป็น dragonborn ผู้เกิดมาพร้อมเลือดมังกร สามารถดูดพลังของมังกรมาใช้ได้ (shouts) และมีคู่ปรับตัวฉกาจคือ Al-du-in มังกรทมิฬผู้ไล่ปลุกเหล่ามังกรในอดีตให้ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง) เรา...นักโทษที่กำลังจะโดนตัดหัวรอดหวุดหวิดเพราะไอ่เจ้า alduin จึงเกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และเมื่อรู้ถึงความสามารถของตนเองจึงต้องเดินทางเพื่อตามหาสิ่งที่ตนควรจะทำ ซึ่งชักพาให้พบกับกลุ่ม the blade นักล่ามังกร และ greybread กลุ่มนักบวชผู้ตัดทางโลก เป็นผู้ศึกษา the way of voice หรือก็คือ shouts นั่นเอง... โดยไม่ต้องเดาคิดว่าหลายคนคงรู้แล้วว่าหลัก ๆ คือเราจะต้องฆ่าเจ้า alduin ให้ได้

ถูกเผง เนื้อเรื่องหลักก็เท่านั้นเอง แต่ในการเดินทางนอกจากเนื้อเรื่องหลักเรายังมีทางเลือกอีกมากมาย จะรีบร้อนไล่ฆ่า alduin เลย หรือจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ทั้งการเข้า faction ต่าง ๆ ที่มีตั้งแต่นักเวท นักรบ โจร นักฆ่า หรือจะเป็นผู้สืบทอดของเหล่าปีศาจ (มี fac. ลับอีก 2 อย่างคือมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์)

การดำเนินตามเรื่องหลักเอง ถึงเห็นจะมีจุดมุ่งหมายเดียว แต่ในเกมนั้นเรากลับมีทางเลือกที่จำเป็นต้องตัดสินใจให้ชัดเพราะ... the blade ที่ว่าเป็นนักปราบมังกรนั้นมันปราบไม่เลือก และไม่เว้น paarthanax มังกรบนยอดเขาที่สูงที่สุดบนโลก บอสใหญ่ของพวกนักบวช greybread โดยที่หากเราไม่ฆ่าลูกพี่มังกรที่คอยสอนเราตัวนี้คุณ the blade ก็จะไม่ช่วย (คงพอเดาได้ว่าคนเขียนไม่ทำตามคำขอมัน และมันก็งอนนอนแช่แป้งอยู่ในวิหารลับของมันนั่นแหละ)

 

 Paarthanax บนยอดเขาที่เราต้องปีนขึ้นไปหาบ่อยครั้ง

 

 Sky Haven Temple รกรากใหม่ของ the blade เรามีทางเลือกคือจะปล่อยมันไว้งั้นแหละ หรือจะทำให้กลายเป็นวังกลุ่มฆ่ามังกร

นอกจากนั้นเควสย่อยบางเควสยังมีส่วนที่สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องหลักอีกไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น “civil war” ซึ่งดำเนินอยู่ใน skyrim มาเป็นเวลานาน หากเราไม่ทำให้สงครามจบลงก่อน... เควสหลักก็จำเป็นต้องจับตัวผู้นำของทั้งสองฝ่ายมาทำสนธิสัญญาสงบศึกเสียก่อน (เราเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยในฐานะ dragonborn ผู้ซึ่งพวกมันเชื่อว่าเราเป็นธรรม แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่...อันนี้ก็แล้วแต่เราจะเลือกตัดสิน)

พูดถึงสงครามกลางเมืองแต่ละฝ่ายก็มีภูมิหลังและประวัติที่น่าสนใจใช่ย่อย เริ่มจากฝ่าย imperial ซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจใหญ่ของ skyrim มีเมืองหลวงอยู่ที่ solitudeดินแดนแห่งศิลปะวัฒนธรรม(มีโรงเรียนดนตรี เราสามารถเข้าได้ และมีบ้านหลังใหญ่ ๆ ให้เราซื้อไว้พักพิงเก็บของ) ฝ่าย imperial นี่มีผู้นำเป็นผู้หญิง (high king โดนฝ่ายกบฏฆ่าตาย) และเพราะเหตุนั้นจึงทำให้มีการเมืองภายนอกเข้ามาแทรกแซงได้โดยง่าย (พวก tharmor – พวกเอลฟ์) พวกเอลฟ์นี่เองที่พยายามควบคุมประชาชนของ skyrimผ่านทางอำนาจของกษัตริย์ดุจดั่งเชิดหุ่น โดยพวก thalmor ต่อต้าน talos (เทพนักรบในอดีต)ใครนับถือจะต้องโดนจับฐานกบฏ...กรณีเล่นเป็นฝ่ายรัฐ เราจะยิ่งทำให้พวกthalmor มีอำนาจยิ่งขึ้น พวกนายพลเองก็ไม่ยอมพูดว่าตนทำตามคำสั่งของพวกthalmor แต่หากเล่นเข้าข้างฝ่ายกบฏ ในตอนท้ายสุดนายพลนั่นจะสารภาพมาเองว่าทำตามคำสั่ง thalmor เมื่อฝ่ายกบฏชนะอำนาจของพวกเอลฟ์ก็ถูกริดรอน โดยการนี้ทำให้ผู้นำของเมืองหลายเมืองโดนเขี่ยทิ้งกลายเป็นคนของฝ่ายกบฏแทน (หมายความว่าการกระทำของเราเปลี่ยนขั้วอำนาจของเกมจริง ไม่ใช่แค่ชนะแล้วชนะเลยจบเลย แต่มีการเปลี่ยนการบริหารจัดการใหม่ด้วยซะงั้น และตระกูลใหม่ที่ขึ้นแทนก็มีประวัติของตัวเอง ภายในเกมเราจะพบตระกูลเหล่านั้นมีความเห็นที่แตกต่างกับเหล่าผู้นำ Jarls ตั้งแต่แรกแล้ว...)

 

 Jarl Ulfric Stormclock ผู้นำฝ่ายกบฏ

สำหรับทั้งสองฝ่าย นอกจากความขัดแย้งกันเองลึก ๆ แต่ละฝ่ายก็ยังมีข้อแตกต่างกันทางความคิดฝังรากอยู่ไม่น้อยหากตามเก็บรายละเอียดจริง เช่นพวก Ulfric คือชนเผ่า nord ผู้เป็นผู้ครอง skyrim มาแต่อดีต จนกระทั่งถูกยึดครองอำนาจโดย imperialและ elf ดังนั้นฝ่าย Ulfric จึงตองการปลดปล่อย skyrim ให้เป็นเหมือนครั้งอดีต ซึ่งฝ่ายนี้จะมีความคิดต่อต้าน elf อย่างรุนแรง มีการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง คนในเมืองเองก็ได้รับอิทธิพล elf ในเมืองจึงถูกคุกคามอยู่บ่อยครั้ง (ถ้าเราเล่น elf ก็จะโดนด่าเหน็บเช่นกัน)

อย่างที่ว่า...เกมนี้มีหลายเผ่าให้เราเลือกเป็น และแต่ละเผ่าก็มีความแตกต่างด้านสีผิว ชนชาติ ถิ่นกำเนิดและศาสนา คำพูดของตัวละครในเมืองต่าง ๆ ก็จะสอดคล้องกับเผ่าพันธ์ของเราด้วย และนอกจากเผ่าพันธ์ข่าวคราวภายในเกมก็ยังแพร่ไปอย่างรวดเร็ว เช่นหากเราถือไอเท็มล้ำค่าอะไรสักอย่างเหล่ายามก็จะทักทายราวกับอยากรู้ว่าเราเอาสิ่งนั้นมาจากไหน หรือเราแต่งตัวซอมซ่อแต่จะเดินเข้าวังตัวละครบางตัวก็จะบอกว่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่ามั้ง หรือกระทั่งเราซื้อบ้าน...ทหารบางคนยังมาคุยเรื่องบ้านหลังนั้นกับเรา!

ซึ่งคำพูดของตัวละครที่เดินเราผ่านบ่อยครั้งจะมีข่าวสารให้เรา ไม่ว่าจะเป็นขุมสมบัติเรือล่ม สถานที่ซึ่งยังไม่มีใครค้นพบ และนอกจากคำพูดจากเหล่าผู้คนยังมี “หนังสือ” แน่นอนว่าหนังสือเกมนี้ไม่ใช่แค่ไว้เรียนเวทหรือเป็นเพียงขยะเหมือนเกมอื่น แต่มันคือแหล่งเรียนรู้ ทั้งประวัติศาสตร์ ทั้งสถานที่ลี้ลับ เควสลับ หรือเรียนสคิล

 

 หนังสือที่เปิดอ่านได้ทุกเล่ม

สำหรับคนเขียนแล้วบอกได้แค่ว่าทึ่ง ทั้งในฐานะของผู้เล่นและคนเขียนนิยาย...นี่เป็นรายละเอียดยิบย่อยที่ทาง Bethesda ทำได้ดีจริง ๆ เกมที่สมบูรณ์ทั้งเนื้อหาและเกมเพลย์หาไม่ได้ง่าย ๆ เกมนี้แม้จะไม่ใช่คำว่าสมบูรณ์แต่ก็ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์มากที่สุดในเกมทั้งหลายที่เคยเล่นมาทั้งหมด...เป็นเกมที่ทำให้ผู้เล่นหลงไหลในโลก หลงไหลในความลับที่ยังมีอีกมาก รวมกับ patch ที่น่าจะออกมาเติมเต็มเกมอีกเรื่อย ๆ ทำให้เป็นเกมปิดท้ายปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดเกมหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนตัวผมก็คงไม่อธิบายอะไรให้ยืดยาวมากกว่านี้อีกแล้ว มันควรจะให้คนเล่นตามค้นหากันเองมากกว่า

อนึ่งหากจะบอกว่าเกมนี้เป็นเหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง...มันก็คล้าย ๆ แต่ไม่ใช่เพราะมันเป็นเกม...เพราะนิยายคือเรื่องเล่าที่เล่าโดยผู้เขียน เนื้อหาเป็นเส้นตรงแน่ว ไม่มีทางแยกอะไรใหเลือกมากนัก แต่มันผิดกันเลยกับเกมนี้เพราะถ้าหากจะเปรียบเทียบกับนิยายแล้ว มันก็คงเป็นนิยายที่คนอ่านแต่ละคนสามารถเลือกเส้นทางตามทางแยกต่าง ๆ ได้นั่นเอง

http://www.gamefaqs.com/boards/615805-the-elder-scrolls-v-skyrim/61064526

ตัวอย่างเนื้อหาของเกมที่มีผู้คนจำนวนมากกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกปาก หรือถ้าหากอยากชมตัวอย่างเกม youtube ก็มีอีกมากมายให้เลือกดู (มีตั้งแต่เนื้อเรื่องใหญ่จนเรื่องยิบย่อยเช่น... ซื้อบ้านแล้วย่องเบาไปฉกเงินคืนจากคนขาย...ซะงั้น)

นี่เป็นอีกเกมหนึ่งที่ผมเล่นแล้วประทับใจมากจนต้องมานั่งเขียน review ซึ่งก็คงเห็นไม่บ่อยนัก และก็ไม่รู้ว่ามันคือการเขียน review หรือเขียนเชียร์กันแน่ ฮ่า ๆ

ป.ล. เกมนี้มีข้อให้ติเดิม ๆ เหมือนภาคเก่า ๆ ที่ผ่านมานั่นแหละ...ซึ่งก็คือ... “หน้าตาตัวละครทำไมมันต้องน่าเกลียดได้ใจขนาดนี้!” ทำให้คนจำนวนมากต้องหา “beauty patch” มาลงเสมอ (กดค้นหาลง google ก็เจอไม่ยาก) และข้อติอีกอย่างคือ “บัค” จำนวนมาก (เป็นบัคใหญ่ ๆ ตัวเดียวที่เหลือย่อย ๆ) ซึ่งบัคที่แย่ที่สุดคือเสียงของนาย esbern ของ the blade ไม่มีทำให้เกมชอบค้างตอนมันบ่นช่วงเปิดประตูห้องมันเองที่ล่ามโซ่ไว้หนาแน่นเกิน... ในปัจจุบันก็มี patch เสียงของมันแล้ว หาโหลดได้ไม่ยากเหมือนกัน หรือจะขี้เกียจหา patch ก็ใช้วิธีหา console ของเกมเพื่อแก้ปัญหาก็ได้ เช่นtcl-เดินทะลุกำแพง setstage [quest code] [ตัวเลข] ก็มีวิธีใช้ในบทสรุปของ wiki

ป.ล.สุดท้าย เควสสำหรับเกมนี้ไม่ได้มีเพื่อให้ทำให้สำเร็จทั้งหมด แต่ความไม่สำเร็จบางครั้งก็คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นะครับ!