ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Wing of Release

    ลำดับตอนที่ #5 : Release 03 [ออร์คดันเจี้ยน... ของแท้]

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 51





    และแล้วก็ครบ 100 พอเริ่มเขียนมันก็ติดลม
    จะปล่อยให้ค้างๆคาๆก็ใช่ที่ หุหุ

    (แล้วสอบตูล่ะ) =  ="

    มีเซพ 50% นะครับท่าน (80 ไม่มี)

    ป.ล. เนื่องจากนานไปหน่อยผมทำจุดเซพ 30% ไว้ด้วยก็แล้วกัน


         Release 03



         ใบไม้พราวพร่างพร้อย

         อากาศเย็นชื่นฉ่ำ

         ดอกไม้น้อยใหญ่แง้มบานต้อนรับฤดูอันงดงาม...


         บรรยากาศในหมู่บ้านออร์คดำเนินไปอย่างเนิบๆ เอื่อยๆ คล้ายแทบไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ผู้ออร์คดูเหมือนจะไม่เร่งรีบอะไร มีงานก็ทำ ไม่มีก็นั่งหาว เด็กตัวดูจะเล็กวิ่งร่าเล่นไล่จับ กระโดดถีบกันเล่นอยู่ร่ำไป... การละเล่นที่นี่ดูจะรุนแรงใช้ได้ทีเดียว ดรีมเองก็เคยอ่อนใจคำชวน (เพราะลีน) ตีหน้าบึ้งเออออตาม กลายเป็นว่าความประหลาดทำให้เขาเป็นเป้าหมายจู่โจม วิ่งหนีกันให้วุ่น

         หมู่บ้านนี้ไม่มีชื่อ แต่ถูกเรียกว่า "บุดันบัง" ตามชื่อของผู้คุมค่าย หรือก็คือคุณออร์คเพรียวหนึ่งเดียวที่นี่นั่นเอง ดรีมกับลีนอยู่ที่นี่มาก็ร่วมห้าวันได้แล้ว ความจริงแค่การอ่านบันทึกต่างๆของที่นี่ทั้งหมด แค่สองวันก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งทั้งคู่พยายามจะแกล้งยืดเยื้อ หาเรื่องยั่วประสาทผู้ที่ส่งพวกเขามา แต่ผิดคาดเมื่อคุณพี่เซรอสแกไม่คิดจะติดต่ออะไรมาสักนิด จะทักท้วงอะไรก็ไม่มี

         รู้สึกว่าอย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่คิดจะแทรกแซงชีวิตพวกเขาน่ะนะ...

         "เฮ่บาบูน! ช่วยมาดูอะไรนี่หน่อยสิ!!"

         ไม่ต้องสงสัยไป ชื่อใครแปลกจัง

         เขาหันกลับไปมองสาวน้อยผมน้ำตาลที่แอบเอามือปิดปากแล้วหัวเราะเยาะ ไม่รู้นึกสนุกอะไรตอนโดนถามชื่อตั้งให้เขาเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ว่า "บาบูน"

         นี่มันลิงชัดๆ!!

         ชายผมน้ำตาลแซมสีม่วงคิ้วย่นลงเล็กน้อย ปรายตาลงจากฟากฟ้าไปทางเสียงเรียกนั้น...

         ออร์คที่จะเรียกเขามีเพียงหนึ่งเดียว

         "ท่านบุดันบัง คราวนี้มีอะไรหรือ?" ดรีมเอ่ยตอบพลางกระโดดออกจากระเบียงไม้ ของหอสมุดที่ปัจจุบันจะเรียกว่าบ้านตากอากาศของพวกเขาก็คงไม่ผิด

         "เพราะข้าไม่รู้เลยต้องเรียกเจ้านี่ไง!" เสียงตะโกนลั่นโหวกเหวกกลับ ดรีมหันไปหาลีนก่อนจะโบกมือหยอยๆ ประมาณบอกว่า เดี๋ยวมา

         "ดรีมช่วงนี้เธอเปลี่ยนไปนะ ทำดีกับเขาก็เป็นด้วย"

         "นี่เธอ!" คนที่ได้รับคำลาพิลึกหันมาค้อน และถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก

         แต่จะว่าไปมันก็จริง... ตอนนี้เขากำลังพยายามทำให้ได้รับความไว้วางใจก่อนที่จะดำเนินแผนขั้นถัดไป...

         หึ หึ

         สาวเจ้าที่เห็นรอยแสยะยิ้มบางๆ รีบส่ายหน้าเปลี่ยนความคิดทันที

        
    ดูท่าให้เปลี่ยนชื่อยังไง... หมอนั่นก็ยังเป็นดรีมจอมเจ้าเล่ห์วันยังค่ำ!


         หนึ่งปีศาจหนึ่งออร์คพากันเดินตามไปเรื่อยตามทางที่คุ้นเคย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับที่โลกที่นี่คงคล้ายหมู่บ้านแถบชนบทดีๆนี่เอง หากเพียงแค่บ้านแต่ละหลังจะใหญ่โตผิดปกติ แล้วก็... สัตว์เลี้ยงต่างๆ จำพวกตัวที่คล้ายควาย ไก่ เป็ด ห่าน เดินกันว่อนดูเป็นอิสระเหลือหลาย

         สักครู่หนึ่งพวกเขาก็ไปหยุดอยู่หน้าประตูเมือง พูดจาอะไรกันนิดหน่อยกับยามเฝ้าประตู ส่วนใหญ่ท่านหัวหน้าออร์คจะไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบอย่างร่าเริง เรียกได้ว่ามีความเป็นหัวหน้าเต็มที่จริงๆ

         ดรีมชักจะประหลาดใจที่คราวนี้ "บุดัน" พาออกนอกค่ายเป็นครั้งแรกจากห้าวัน แล้วเดินนำลัดเลาะไปตามป่าอย่างชำนาญทาง ใช้มีดดาบเล่มเล็กถางทางไปเรื่อย จนกระทั่งถึงลำธารเล็กใสแจ๋ว เห็นถึงพื้นหินขัดเงาที่รองกันเป็นพื้นชัดเจน ชายเขียวนั่งลงที่หินก้อนโต หยิบผ้าใบผืนเล็กๆที่เก็บไว้ในช่องสัมภาระที่คาดเอวออกมาดู แล้วหันมองไปรอบๆ ซึ่งมันเป็นการเรียกให้ดรีมหันมองตาม แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ

         "ไม่น่าจะผิดทางนะ แต่ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจแผนที่ที่พวกนั้นมันเขียนเสียด้วยสิ"

         ออร์คหนุ่มทำหน้าเมื่อยแล้วยื่นให้ดรีมดูบ้าง... ใช่แล้วมันคือแผนที่ แต่ว่า...

         ใครเขียนวะเนี่ย! แล้วเขียนด้วยอะไรกันสภาพมันอย่างกับน้ำแกงหกใส่เป็นรูปเป็นร่างมากกว่า เอ่อ... ที่สำคัญมีเส้นหมี่ตกมาเส้นหนึ่งด้วยมั้ง ก่อนจะหยิบออก อย่าบอกนะว่านั่นคือลำธารนี้? แล้วตรงไปเรื่อยๆตามลำธารก็เจอก้อนอะไรบางอย่าง ราวกับลูกชิ้นตกลงบนผ้าผืนนั้น สุดท้ายค่อยเหมือนการเขี่ยหน่อย เป็นเส้นๆหยักๆ อยู่ล้อมรอบลูกชิ้น...

         "บอกตามตรงคือผมก็ไม่รู้แล้วแบบนี้ มีแต่เดินตามลำน้ำไปเรื่อยๆ..."

         ดรีมผงกหน้าขึ้นจ้องคู่สนทนาบ้าง

         "แล้วที่นั่นมีอะไรเหรอครับ?" ดรีมถามด้วยท่าทีฉงนเหลือประมาณ

         บุดัน เหล่มองด้วยสายตาประหลาดๆนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยไปว่า

         "เพราะข้าเชื่อเจ้าถึงพามานี่แหละ... หลายวันก่อนทางเมืองหลวงส่งกองกำลังมาตรวจสอบถ้ำแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าในกลุ่มนั้นมีพวกที่คล้ายข้าอยู่ถึงสองสามคน แต่ทั้งหมดหายไปอย่างไร้วี่แวว..."

         อ้าวบรรลัยล่ะ แล้วจะลากตูมาซวยด้วยงั้นเหรอ...


         "เจ้าคงไม่คิดถอนตัวตอนนี้นะ"


       
      เวรแล้วอย่ามองด้วยสายตาคาดคั้นอย่างนี้ดิ! ถ้าตอบว่าคิดจะโดนเขม่นแค่ไหนกันวะ!!

         "จากที่ฟังถ้ำนี้น่าจะถูกพบมาไม่นานสินะ แต่แล้วทำไมคุณบุดันต้องมาสำรวจด้วยตัวเองล่ะ?"

         ลองถามแหย่ไปนิดหนึ่ง อีกฝ่ายทำหน้าบึ้งถมึงทึงจ้องใส่ไม่ลดละจนดรีมแก้ตัวแทบไม่ทัน

         ชายร่างเขียวถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน

         "ความจริงข้าเองก็ไม่อยากไปยุ่งด้วยหรอก ถ้ำนั่นเพิ่งถูกพบมาเดือนกว่าๆนี้เอง มันถูกลงลักษณ์ผนึกเวทเอาไว้จำนวนมาก ตอนแรกที่แถบนั้นเป็นเพียงแค่บ่อน้ำจนกระทั่งวันหนึ่งมีคนไปพบเข้า... จากนั้นหมอนั่นก็หายตัวไปเป็นรายแรก เจ้านั่นคือองค์ชายอันดับที่ 17 เพื่อนสนิทของข้าเอง..."


         ดูจากรูปการ ผู้ที่ซ่อนถ้ำขนาดยักษ์ไว้ได้ตั้งนาน... น่าจะซ่อนอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องการให้ใครมาจับต้อง และจากที่มีผู้หายตัวไปจำนวนมากหมายความว่าอย่างน้อยมันต้องมีอุปสรรค อย่างมากก็คือกับดักชนิดโหดนรก

         แล้วถ้าคิดถึงช่วงระยะเวลา กับสถานที่...

         เป็นไปได้สูงมากที่จะเกี่ยวกับงานที่ไอ้เซรอสว่า!

         ความคิดที่ไม่อยากให้เป็นจริงอื้ออึงอยู่เต็มสมอง เหงื่อแตกพลั่ก แต่เมื่อลองจับต้นชนปลายดีๆแล้ว มันลงล็อคทีเดียว... ปีศาจอย่างเซรอสน่ะเหรอจะยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ โดยไม่กระตุ้น ไม่ทำอะไรสักอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมองไม่ออกว่าพวกเขากำลังคิดถ่วงเวลา

         รู้สึกลางๆเลยว่าหมอนั่นกำลังจ้องมองอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วก็กำลังหัวเราะ... ด้วยความมั่นใจ...

         "บาบูนเป็นอะไรไป? เกิดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ?" เขาเผลอสะอึกแล้วหันมองซ้ายขวาไปทั่ว และก็ต้องพบมนุษย์ร่างสีเขียวกำลังเขย่าตัวของเขาอยู่

         เมื่อครู่เผลอปันสมาธิคิดแล้วตกอยู่ในภวังค์อยู่เรื่อย... ยังไม่ชินกับร่างปีศาจสักเท่าไหร่สินะ

         "เปล่าไม่เป็นอะไร ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อย ไปไหนไปกัน!" ดรีมผุดลุกขึ้นอย่างฉับไว แล้วกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ตามมา ออร์คหนุ่มยิ้มร่าราวกับพอใจในท่าทีกระตือรือร้นนั้น รีบกระโดดลุกขึ้นแล้วเข้าเดินขนาบ กอดคอไปด้วยกันทันที ในขณะที่ดรีมรู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิด

         ร่างออกจะเพรียวแต่ไหงแรงรัดมันหนักอย่างนี้วะ!!

         เขาบ่นอุบในใจก่อนที่อีกเสียงจะพูดสอดเข้ามาในหัวเขาบ้าง ไม่ใช่ใครอื่นไทม์นั่นเอง


         ระวังให้ดีนะครับ ถ้าเกี่ยวกับงานที่เซรอสให้มาจริงๆลำบากแน่ บอกตามตรงฟาร์เองยังเคยตกอับกับงานพรรณนั้นเลย... ผมว่าเข้าห้องฝึกของพวกเทพยังจะสบายกว่าเสียอีก...

         ดูมัน... รู้ว่าเขาเครียดแต่ก็ยังแกล้งขู่เพิ่มซะได้

         ถ้าฟังไม่ผิดเขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอุบหัวเราะ ไม่รู้ว่ามันหลอก หรือว่า มันกำลังสมน้ำหน้าเขากันแน่


    30%


         ตามแผนที่ของพวกออร์คดูเหมือนจะเข้าใจได้ง่ายๆ เพียงแค่เดินเลาะตามลำธารเล็กๆนี้ไปก็ควรจะถึงที่หมาย แต่ทว่า... สิ่งที่ทำให้ทั้งสองต้องอึ้งคือ ลำธารบ้านั่นมันดันแตกแขนงได้! จากข้อสันนิษฐานของดรีมเดาไปว่า
         "มันคงจะเป็นไอ้สายที่ใหญ่ที่สุดนั่นแหละ"

         บุดันบังพยายามก้มหน้าก้มตาพิจารณาไอ้คุณแผนที่อีกครั้ง ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าทำให้เส้นเลือดฝอยที่ตาเดือดพล่าน ดรีมหัวเราะแหะๆ แอบหวังว่าคงไม่เห็นทางแยกสีแดงขึ้นมาจริงๆหรอกนะ แบบนั้นจะยิ่งหลงเข้าไปกันใหญ่

         สุดท้ายคนดวงซวยผู้ติดร่างแหก็ออกความเห็นว่า
         "หากจุดหมายคือบ่อน้ำใหญ่ เป็นไปได้สูงมากที่มันจะเป็นต้นน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าเดินตามทางน้ำไหลก็น่าจะไปถึงได้" และท่านออร์คก็ซื่อสุดฤทธิ์แหย่เท้าลงลำธารแล้วเดินสวนกระแสมันไปทั้งอย่างนั้น มันดูทั้งน่าขันและน่าขมขื่นที่ต้องมาร่วมคณะเดินทางแบบนี้ โชคยังดีที่เขาอุบอาการเอาไว้ได้ไม่แสดงออกไปจนเกิดเรื่อง

         ทั้งสองเดินทางแหวกต้นหญ้าข้างธาร กับเถาวัลย์ที่ระโยงรยางค์ห้อยขวางเกะกะ ไปได้สักพักลำธารก็ชักจะกว้างแล้วก็ลึกขึ้นจนเกือบถึงเข่าของท่านออร์ค แน่นอนว่าคุณท่านชักจะเมื่อยจึงโดนดรีมกล่อมให้ขึ้นมาเดินด้วยกันข้างบนจนสำเร็จ แต่ทว่าดรีมกลับไม่รู้จะอยู่ในอารมณ์ไหนดี... หากสายธารขยายขึ้นแสดงว่าพวกเขาใกล้ถึงจุดหมายเต็มทน ความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปสักเท่าไหร่นักหรอก ไอ้สถานที่อาถรรพ์สูบคนเนี่ย!!


         "ในนั้นจะมีอะไรน้า...." ดรีมเผลอโพล่งออกมาจากการที่คุยกับไทม์ซะเพลิน เรียกให้บุดันหันเข้าหา

         "ถ้าข้ารู้คงไม่ต้องดั้นด้นมานี่หรอก" คนเขียวตอบกลับเสียงดังก่อนจะยกเถาวัลย์ด้านหน้าให้พ้นหัว มือข้างเดิมชี้ไปยังบ่อน้ำขนาดใหญ่ ณ ใจกลางนั้นเองมีภูเขาตั้งตระหง่าน และมีถ้ำเล็กๆมืดสนิท ทำท่าเหมือนจะท้าให้พวกเขาเข้าไป... อย่างน้อยคนที่คิดอย่างนั้นก็คงไม่พ้นท่านบุดันที่ทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง ราวกับดีใจเหลือประมาณ

         สิ่งแรกที่ดรีมสัมผัสได้ที่นั่นคือ

         "ยังมีสัมผัสของสิ่งมีชีวิตที่นี่"

         "หา? เจ้าพูดอะไรน่ะบาบูน"

         คำถามที่จั่วชื่อเล่นเอาซะดรีมหัวแทบทิ่ม มันคงถึงเวลาบอกชื่อจริงกันแล้วกระมัง!

         "ที่นี่เป็นป่านะจะมีสัตว์น้อยใหญ่ก็ไม่แปลก" บุดันแย้ง แต่ดรีมกลับส่ายหน้าจนผมสีน้ำตาลยาวไหวไปมา

         "ไม่ใช่หรอก ในถ้ำนั่นเป็นโลกอีกมิติที่แยกออกต่างหาก และจากตรงนั้นผมว่าได้วี่แววของจิตนะ"

         "แล้วสรุปว่าไง?"


         ชายผมน้ำตาลแซมม่วงชะงักไปชั่วครู่
    สรุป? นี่ยังไม่ชัดอีกเหรอ?


         "ก็หมายความว่านอกจากพวกเราแล้ว มีผู้อื่นอยู่ในถ้ำนั้นด้วย... ซึ่งผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกเดียวกันเปล่า"

         ออร์คร่างเพรียวผงกหัวช้าๆ เป็นทีว่าเข้าใจ แล้วหยิบดาบคู่ของตนขึ้นทันใด

         เอ่อ... คือคิดจะลุยเลยงั้นสินะ
         ปีศาจหัวน้ำตาลแซมม่วงแอบหันไปยิ้มทางอื่นไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น แต่ดูจากถ้ำนั่นแล้วไม่รู้ว่าพวกข้างในจะยังเหลือชีวิตหรือไม่ และถ้ายังเหลืออยู่แล้วเป็นศัตรูจะยิ่งน่าหนักใจกว่าเป็นเท่าตัว เพราะพวกนั้นคงฝีมือใช่ย่อย


        
    "ดะ เดี๋ยว! คุณบุดัน!!"


         ว่าเข้านั่นหันไปทางอื่นแปบเดียว คุณคู่หูก็วิ่งบนน้ำกระโดดเข้าถ้ำไปทันที นี่พวกออร์คจะต้องบ้าบิ่นกันแบบนี้ทุกตัวใช่ไหมวะ!!


         ตูม!!!


         นินทาไม่ทันไรแสงสว่างเจิดจ้าก็ระเบิดออกจากปากถ้ำและมีคนหน้าคุ้นกระเด็นลอยออกมา กระแทกจนน้ำกระจายพวยพุ่งขึ้นฟ้า ดรีมสังเกตดูหยาดน้ำที่ค่อยๆร่วงหล่นลงสู่บ่อแล้วถอนหายใจเบาๆ ฟองอากาศยังมี อย่างน้อย... คนที่มาด้วยก็ถึกใช่เล่นแฮะ...

         "แบ่งกลุ่มออกไปจัดการไอ้ข้างนอกที พวกออร์คมันรู้ตัวแล้ว!!"

         เสียงหนึ่งตะแบงสั่ง และการเคลื่อนไหวของกลุ่มก็ฉับไวนัก ไม่ถึงสามวินาทีกลุ่มห้าถึงหกคนชุดดำก็มายืนเผชิญหน้ากับดรีมที่ยิ้มให้บางๆ แล้วเกาหน้าอย่างเซ็งๆ

         ถ้าฟังไม่ผิดคนหนึ่งโพล่งออกมาอย่างประหลาดใจว่า "หมอนั่นปีศาจนี่"

         "ช่างมันฆ่ามันทิ้งซะ จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่ามีสถานที่นี้ และรู้ว่ามีพวกเรามาที่นี่!!"

         ไอ้พวกนี้มันพวกไหนวะ... ป่าเถื่อนชะมัด
         ดรีมแอบนินทาในใจ แล้วหัวเราะออกมากับไทม์ กระตุกต่อมฉุนอีกฝ่ายจนเลือดขึ้นหน้า บังเอิญว่าคุณออร์คดวงซวยโผล่หัวขึ้นจากน้ำพอดี ตาสีฟ้าที่พ้นออกมาจากผ้าคลุมจ้องเขม็งแล้วกระโดดง้างดาบเล่มเรียวเข้าใส่ทันที


         ปีศาจดรีมเผยรอยยิ้มบางออกมาอีกครั้งแล้วกระโดดเข้าขวางอย่างรวดเร็ว ดาบแรกตวัดใส่ลำคอชนิดหมายชีวิตในพริบตาแต่เขากลับหลบได้อย่างง่ายดาย หมุนตัวเข้าบิดข้อมือจนดาบเล่มคมหลุดมือหล่นลงไปในบ่อน้ำใหญ่ พริบตาเดียวกันนั้นก็กระทุ้งศอกเข้าเต็มอกจนชายชุดดำเผลอคลายเวท ค่อยๆจมลงไปในน้ำกว่าครึ่งตัว และก่อนจะจมลงไปทั้งหมด ดรีมกลับง้างขา หวดเท้าเข้าเต็มคาง ผู้หมายชีวิตลอยตัวออกจากบ่อน้ำ ชนเข้ากับภูเขาด้านหลังอย่างจังท่ามกลางความตะลึงของทั้งพวกนั้น และบุดันบังที่ยังคงลอยทำหน้าเหรอหราอยู่ไม่จาง


         "ขึ้นมาเร็วๆสิคุณบุดัน งวดหน้าพวกมันคงไม่ประมาท"

         เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่บุดันบังยังต้องอึ้ง และเป็นครั้งแรกที่ชายคนข้างหน้าเอ่ยสั่งเขา เท่านั้นยังไม่พอชายคนนั้นกลับดูพึ่งพาได้ขึ้นมาทันควัน มือใหญ่ๆเขาถูกมือเล็กๆนั้นฉุดให้ขึ้นมายืนบนผิวน้ำด้วยกันอีกครั้ง... ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก อีกฝ่ายเองก็หยิบอาวุธกันออกมาพร้อมมือ อีกทั้งมีกลิ่นอายเวทรุนแรงจนน่าหวาดหวั่น

         แต่ถึงกระนั้นชายผมน้ำตาลผู้ทำหน้าเมื่อยมาตลอดกลับดูนิ่งสงบ ราวกับไม่ยี่หระอะไรเลยสักนิด

        
    คุณดรีมใจคอจะสู้มือเปล่าเลยหรือครับ มั่นใจไปหรือเปล่า?

         ลองดูก่อนไม่เสียหาย อาจจะยังไม่ต้องพึ่งนายไทม์... งานให้นายทำมีอีกเยอะในถ้ำบ้านั่น!


         คู่หูดาบปีศาจเถียงกันเล่นในใจ ก่อนที่หางตาสีน้ำตาลจะชำเลืองมองศัตรูที่เกาะกลุ่มกันอย่างยั่วโทสะ ไม่แปลกเลยที่ทั้งห้าจะฉุนขาดพุ่งเข้าใส่พร้อมๆกันทั้งที่อาวุธครบมือ สามัคคีกันตะโกนลั่นชัดถ้อยชัดคำว่า "แก-ตาย-แน่!!"


    50%


         "ข้าเป็นคนพาเจ้ามาข้าสามเจ้าสอง!" บุดันตวาดเสียงดัง แต่ดรีมกลับผลักเจ้าตัวซะไถลไปตามน้ำแล้วกระโดดหลบออกไปบ้าง

         "คุณหนึ่ง ผมสี่ ห้ามต่อรอง!"

         "เฮ้ย!!" ชายเขียวอุทาน แล้วสบถเบาๆ ในท่าทีของเด็กหนุ่มผู้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ที่จะพุ่งเข้าสวนทั้งห้าที่รุมล้อมเข้าใส่ ชายคนหนึ่งถลำเข้ามาก่อนชูดาบขึ้นเหนือศีรษะ สายฟ้าสว่างวาบซัดเข้ากลางดาบนั้นเล่นเอาดรีมสะดุดไปแวบหนึ่ง แล้วย่อตัวเอามือประคบที่ผิวน้ำ

         ผืนน้ำสั่นไหวเป็นวงกระจายออกทั่วทิศ จังหวะเดียวกับที่ดาบสายฟ้าฟาดเข้าใส่กลางหัวสีน้ำตาล ดาบเล่มที่เคยจมอยู่ใต้น้ำก็พุ่งขึ้นมาพร้อมสายน้ำที่กระจายสาดกระเซ็นดูสวยงาม

        
    เคร้ง!!
         เสียงเหล็กกระทบเหล็กทำให้จังหวะการจู่โจมของชายชุดดำหยุดลงฉับพลัน ละอองฝอยของสายน้ำโดนความร้อนที่ดรีมสร้างขึ้นจนกลายเป็นหมอก แล้วฉวยโอกาสตอนที่กำลังวุ่นวายอ้อมไปอยู่ข้างหลังชายผู้ถลำมาแต่เพียงผู้เดียว ปากสีสดขยับไหวเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า

         "โชคดีไป แกเป็นหนึ่งเดียวที่จะได้ซัดกับคุณบุดัน"

         ปั้ก!!
         บาทายันเข้าให้ที่กลางหลัง สิ้นเสียงนั้นเจ้าตัวหน้าทิ่มหน้าตำ ไปทรุดกองอยู่ตรงหน้าออร์คร่างเพรียวผู้ยืนงงยังไม่หาย ลมหอบใหญ่พัดขึ้นเปลวหมอกที่บังจนมิดกระจายออกไปทั่วและจางลงอย่างช้าๆ สิ่งที่ปรากฏขึ้นที่นั้นไม่มีใครอยากจะเชื่อสายตา ตัวกวนประสาทคนเดิมยืนสะบัดแข้งสะบัดขา สายตาเหล่เข้าใส่คนชุดดำทั้งสี่ ส่วนอีกคู่หนึ่งถูกจัดให้เผชิญหน้ากันเรียบร้อย

         ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดให้เป็นไปตามนั้น... ตามคนคนเดียวที่ดูผ่านๆแล้วไม่ควรจะมีพิษสงอะไรสักนิด

         "เป็นอะไรไปล่ะ? ไม่ลุยต่อแล้วเหรอ... อ่อจริงสิขอเตือนเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน พวกแกคงไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าที่นี่มีพวกแกสินะ เพราะงั้นจะใช้เวทเลิศหรูอะไรก็ระวังบ้าง" คำพูดด้วยเสียงเย็นเยียบพร้อมสายตาที่ดุดัน ส่งผลให้คนทั้งสี่เบื้องหน้าต้องเผลอสะอึกไปตามๆกัน

         "ใครก็ได้ไปตามพวกข้างในมาให้หมด" คนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มออกคำสั่ง แต่เสียงตอบรับกลับเงียบเชียบ

         "เฮ่ บาบูนอย่าให้มันตามออกมาได้นะ!!"

         มีคำท้วงมาจากข้างหลัง พร้อมด้วยเสียงของโลหะกระทบกันระรัว เป็นสัญญาณว่าอีกคู่หนึ่งเริ่มลงมือกันแล้ว แต่คนกวนประสาทกลับไม่ใส่ใจ

         "ไม่ดีเหรอครับจะได้เป็นหนึ่งต่อสาม ก่อนที่พวกในนั้นจะออกมาก็แค่กวาดพวกนี้ให้หมดก่อนก็สิ้นเรื่อง"

         "แกไอ้ปีศาจโอหัง ทำได้ก็ลองดู!!"


         ชายผู้ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าผลักลูกน้องคนหนึ่งให้หลบจากวิถี แล้วสั่งให้รีบเข้าไปในถ้ำทันที ส่วนตนโบกไม้โบกมือให้ที่เหลือทั้งสามล้อมดรีมเอาไว้ การจู่โจมอันดุเดือดเกิดขึ้นฉับพลัน สัมผัสทุกห้วงสร้างวงสั่นสะเทือนบนผิวน้ำอย่างแผ่วเบา แสดงให้เห็นถึงการควบคุมเวทอันสมบูรณ์แบบ ตัวดาบกวัดแกว่งถาโถมเข้าใส่ผู้ที่อยู่ตรงกลาง เดินพลิ้วไปมาใช้เพียงมือสัมผัสที่ด้านข้างดาบเพื่อเปลี่ยนวิถี

         เมื่อเห็นว่าเพียงแค่กระบวนท่าทำอะไรไม่ได้แน่ ชายชุดดำคนหนึ่งกระโดดถอยหลังไปแล้วย่อตัวลงสัมผัสผืนน้ำ ลูกบอลสีฟ้าใสค่อยๆลอยขึ้นมา อีกสองที่มะรุมมะตุ้มกระโดดถอยหนี


         "อะไรเนี่ย!!"  ดรีมอุทานสุดเสียงเมื่อข้อเท้าของเขาเหมือนถูกล็อคไว้ด้วยน้ำ และมันก็ค่อยๆแผ่ขึ้นมาตามขา

         "พันธนาการสายน้ำน่ะสิ แกจบแค่นี้แหละ!!"

         เมื่อหันมองไปรายรอบเขาก็ต้องตระหนักว่าอีกสองที่เหลือก็ไม่ได้ถอยไปเปล่าๆ คนหนึ่งเหมือนมีสายฟ้ารายรอบลำตัวและมันก็ค่อยๆขยับรวมกันอยู่ที่แขน ส่วนท่านหัวหน้าใช้ดาบทั้งสามเป็นสื่อรวมเวทแห่งแสง สร้างสามง่ามสีเหลืองสว่างสั่นระริกเล็งตรงมาทางเขา


         ที่นี่ระดับสูงมาก... สูงกว่าที่คิดเยอะเลยนี่หว่า!


         แล้วผมออกโรงได้ยัง?


         "หึหึ" เสียงหัวเราะของดรีมเหมือนจะประชดอะไรสักอย่าง หลับตาลงเบาๆ

        
    อย่าเพิ่งยุ่ง ดูวิชาออริจินอลฉันหน่อยเป็นไง

         "เงาแห่งสายลม"
         ปากอันแสนกวนขยับเอ่ยเสียงค่อย พร้อมกับดวงตาที่เรียวเล็กลงกว่าที่เคย

         น้ำที่พันแข้งพันขาระเบิดกระจายออก แต่ลูกบอลหลายสิบลูกก็พุ่งเข้ามาพร้อมๆกัน ราวกับจะบอกว่า "ยังมีอีกเยอะ" คมทวนตรงรี่เข้าใส่ที่กลางหลัง ส่วนสายฟ้าคงจะคอยจังหวะที่เขาโดนสายน้ำก่อนสินะ...

         ถ้าอย่างนั้นเสียใจ...

         "เจ้าโง่ บอลน้ำพวกนี้ไม่ห่วยแบบพันธนาการเมื่อครู่นี้หรอก!!" ศัตรูผู้แสนจะใจดี๊ดี ตะโกนเตือนด้วยเสียงสุดสะใจ


         ตูม!!!
         เสียงระเบิดดังสนั่นจนน้ำสะเทือนสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหวย่อมๆ มนุษย์สายฟ้ารอสัญญาณจากพวกของตน พร้อมจะซัดใส่สื่อพันธนาการได้ทุกเมื่อ แต่ทว่าอยู่ดีๆลมหมุนหอบใหญ่ก็พุ่งทะลุออกมาจากกลุ่มลูกบอลน้ำ ตรงเข้ากระแทกเขาอย่างจังจนตัวลอย มิหนำซ้ำลมพวกนั้นกลับพัดพาน้ำจำนวนมากตามขึ้นไปด้วย... น้ำแห่งสื่อที่ว่า...

         "อะ! เฮ้ยไม่นะ!!!"

        
    "อ้ากกกกก!!!"

         จะมีอะไรน่าอับอายไปยิ่งกว่าโดนเวทของตัวเองเล่นงาน สายฟ้าที่รวบรวมมาช็อตใส่ร่างที่สั่นระริก และชักกระตุกอยู่พักหนึ่ง ลมพายุเมื่อครู่อ่อนแรงลงหลังจากจบภารกิจของตน ชายชุดดำร่วงหล่นลงจากฟ้าสู่ผืนน้ำ... ซึ่งตอนนี้ก็คงจะเกรียมไปแล้วไม่เหลือสติให้ขายขี้หน้าแล้วกระมัง...

         ผู้ใช้สายน้ำมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ปากมือสั่นหงึกๆ แต่ก็ยังข่มใจบินขึ้นไปหยุดบนฟ้าเพื่อดูลาดเลาทันที ส่วนการต่อสู้ของบุดันบังเหมือนจะเงียบสนิทไปตั้งแต่เมื่อครู่ที่เอาแต่ลุ้น...

         ฟองอากาศผุดปุดๆขึ้นกลางลำน้ำ และเพียงครู่หนึ่งก็ค่อยๆเห็นเงาของคนผู้หนึ่งในนั้น ชายผมน้ำตาลแซมม่วงโผล่หน้าขึ้นเหนือน้ำ พ่นน้ำที่เผลอกลืนเข้าไปออกมาแล้วสะบัดหัวก่อนจะค่อยๆปีนขึ้นมา

         บรรยากาศเหมือนถูกชะงักไปชั่วอึดใจ น้ำที่กระเพื่อมกระทบกันไปมาในบ่อแสดงความสั่นไหว และสับสนในจิตใจของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี และจังหวะที่หยุดนิ่งกันอยู่นั้นก็เปิดโอกาสให้กลุ่มชายชุดดำกลืนน้ำลายกันเล่น สายตาลอกแล่กไปมา... มันน่าแปลกคนที่ไปตามพวกทำไมมันช้าจริง!

         แล้วไอ้เวทสามง่ามแสงขนาดยักษ์นี่จะปล่อยเอาไว้อย่างนี้น่ะหรือ?

        
    ไม่มีทาง...


         เวทสุดท้ายที่บรรจงสร้างถูกส่งพุ่งฉิวตรงเข้าใส่ชายท่าทางปอนๆ สลัดผมที่เปียกโชกไปมา และคนคนนั้นก็เพียงแค่ยกมือขวาขึ้นขวางวิถีเอาไว้เท่านั้น พริบตาก่อนที่มันจะถึงมือเล็กๆ หอกแห่งแสงนั้นกลับอ่อนยวบบิดเบี้ยวผิดรูป ไว้เว้นแม้แต่ดาบที่เป็นสื่อทั้งสามซึ่งซ่อนอยู่ภายใน และแตกสลายไปจนหมดสิ้น


         ดรีมสะบัดข้อมือช้าๆ สิ่งที่แต่ละคนเห็นก็คือ บรรยากาศที่กรีดร้องโหยหวนและบิดเบี้ยว

         "แก... ที่มือข้างนั้นมัน อะไรกัน..."

         "อ้าวถามศัตรูแบบนี้แล้วหน้าไหนมันจะบอก?"

         ท่านหัวหน้าตัวสั่นระริก ชี้นิ้วสั่งผู้ที่ประจันหน้ากับบุดันบังให้รีบเข้าไปตามกำลังเสริม และหมอนั่นก็รีบทำตามโดยไม่คิดจะรีรออะไรทั้งสิ้น บัดนี้พวกเขาคงรู้สึกเหมือนได้พบกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งทีเดียว

         ทำเป็นเก๊ก วิชาเมื่อครู่กินทั้งพลังจิตและพลังเวทในระดับสูงน่าดู ไม่รีบจัดการจะแย่เอานาคุณดรีม

         ดรีมถอนหายใจกับคำเตือนของดาบเจ้ากรรมแล้วตอบกลับในใจ

        
    ไม่ต้องห่วงวิชานั่นคงไม่ต้องใช้แล้วล่ะ นายก็รู้ถ้ำบ้านั่นมันสูบคน


         "เหวออออ นี่มันอะไรเนี่ย!!!"
         เสียงตะโกนลั่นออกมาจากภายในถ้ำที่ดำสนิทเรียกสายตาของทุกผู้เข้าไปข้างในแต่ก็ไม่เห็นอะไร สรรพเสียงเงียบไปไร้เพียงเสียงแว่วร้อง สายลมที่พัดมาตีผิวน้ำดังหวีด ซัดใส่พฤกษารายรอบดังแซ่กๆ เสริมความวังเวงให้ ทั้งที่ ณ ที่นั้นมีผู้คนอยู่ถึงสี่ รวมทั้งสิ้นสามเผ่าพันธุ์

         "อ้ากกกกกกก!!!!" เสียงร้องโหยหวนจากผู้ที่เข้าไปเรียกพรรคเพื่อนปิดฉากความสงบนั้น สองผู้มาเยือนถึงถิ่นออร์คสบตากันเล็กน้อย แล้วจากไปไม่ทิ้งแม้คำล่ำลา

         ฝ่ายดรีมกับบุดันบังก็หันมาจ้องหน้ากันเล็กน้อยแล้วหัวเราะแหะๆออกมาทั้งคู่ เดินดุ่ยๆไปนั่งพักที่ริมฝั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายออร์คจะเป็นฝ่ายเปิดประโยคสนทนา

         "บาบูน เจ้านี่เก่งจริงๆ"

         ดรีมส่ายหน้าไม่ตอบรับคำชม เมื่อครู่เขาเองก็เกือบเสียท่าไปเหมือนกัน เวทน้ำของหมอนั่นร้ายกาจกว่าที่คิด เขาเองยังโดนัดซะจมลงไปเสียลึก... และที่สำคัญ

         "ผมชื่อเล่นว่าดรีมนะครับ คุณบุดัน ถ้าเรียกชื่อนี้ก็คงจะดีกว่า"

         บุดันบังพยักหน้าตอบรับ แต่ก็ยังหายใจหอบไม่หยุด ท่าทางเมื่อครู่จะเป็นงานที่หนักน่าดูสำหรับเขา

         "ข้าว่าเจ้าคงเป็นระดับแนวหน้าของพวกปีศาจแน่ๆ พวกปีศาจนี่โง่ชะมัดที่ขับไล่เจ้าออกมา"

         "ถ้าอย่างนั้นไครม์เองก็คงงี่เง่าไม่แพ้กัน ยัยลีนเองก็พอๆกับผมนี่แหละ... ไม่สิถ้านับแค่วิชายัยนั่นน่าจะโหดกว่าด้วยซ้ำ" ไหนๆก็ไหนๆ เจ้าตัวจอมเจ้าเล่ห์ก็ผสมโรงปั้นเรื่องด่าไครม์ไปในตัว แล้วก็ร่วมกันหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า ท่าทางคำพูดเมื่อครู่จะถูกใจคุณออร์คน่าดู


         ดรีมเหล่มองเข้าไปในถ้ำที่ฉายความมืดออกมาข้างนอกนั้น... ความมืดที่ควรจะอยู่แต่ข้างในบัดนี้มันกลับกลืนแสงภายนอกไปด้วย ดูแล้วน่าขนลุก...


         "คุณบุดัน ถ้ำบ้านั่นอันตรายกว่าที่คิดจะเอาไงดี"

         ความจริงตัวเขาเองก็อยากจะถอยมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ หรืออย่างน้อยก็อยากให้มีผู้ช่วยอีกสักคน... ผู้ช่วยที่ฝีมือพอๆกับเขานั่น แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันก็มี ไม่จำเป็นต้องเข้าไปลึก เพียงแค่เข้าไปสังเกตการณ์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...

         "ข้ายังอยากจะเข้าไปอยู่นะ เพื่อนข้าคงอยู่ในนั้น... ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม"

         บุดันบังพูดเสียงอ่อย จากเหตุการณ์เมื่อครู่มันก็ฉายให้เห็นถึงความสิ้นหวังเกินพรรณนาแล้ว... พวกคนร้ายที่บุกเข้ามาไม่น่าจะมีเพียงแค่นั้นแต่กลับโดนถ้ำนั่นกินเข้าไปหมด และเสียงสยองปิดท้ายก็ช่วยเสริมให้รับรู้ถึงข้อมูลใหม่ว่า ในนั้นจะต้องมีอะไรสักอย่างอันตรายเป็นบ้า

         องค์ชายแห่งออร์ค หรือก็คือเพื่อนของเขาคงไม่มีชีวิตอยู่แล้วเป็นแน่

         ดรีมพยักหน้ารับ สำหรับคราวนี้เขาพอจะเดาใจเพื่อนต่างเผ่าของตนออก งานนี้ไม่ได้ต้องการสิ่งที่อยู่เบื้องลึก แต่มีเป้าหมายอยู่เพียงแค่ต้นถ้ำ ถ้าอย่างนั้น...


         "คุณนี่ใช้งานกันหนักเป็นบ้าเลยนะ แต่ไปก็ไป!"


         คำยืนยันนั้นทำให้ชายร่างเขียวหน้าบาน ลูกขึ้นยืดเส้นยืดสายหายใจฮึดฮัดประมาณว่า "ตูพร้อมแล้วไปได้ทุกเมื่อ!"

         ดรีมขยับลุกขึ้นบ้างก่อนจะกระโดดไปยืนเหนือปากถ้ำเล็กน้อยเป็นการเตรียมใจขั้นสุดท้าย


         คุณดรีมแน่ใจแล้วหรือ? นรกอาจคอยคุณอยู่นะ


         เขาหัวเราะหึหึ ในใจ เจ้าดาบนี่คิดว่าเขาไปอยู่ที่ไหนมาถึงสามปีกัน? นรกก็บ้านพักตากอากาศของเขาล่ะวะ!!


         ปากถ้ำดูมืดและสร้างด้วยเวทที่มีกลิ่นอายแปลกๆ น่าสะอิดสะเอียนทำให้คนที่ผ่านเข้าไปต้องขนลุกชันทั่วเรือนร่าง มันเสมือนเป็นประตูเข้าไปในช่องว่างมิติสักแห่ง แต่ไม่ได้ทำไว้ดีแบบที่ชองเซอาพาเขาไปยังวาเรรัน... เพื่อพบไอ้คุณเซรอส...

         หลังจากผ่านไปสองสามช่วงตัวแสงสว่างก็กลับคืนสู่สายตาอีกครั้ง ณ ที่นั้นถูกสร้างเสียสภาพเหมือนอยู่ในถ้ำใหญ่ ทั้งหินใหญ่ที่โอบกอดอยู่รายรอบ และหินงอกหินย้อยบนเพดาน หากไม่ใช่ผู้ที่รู้จักช่องว่างมิติ คงคิดว่าในภูเขานั้นมีถ้ำอันวิจิตรเช่นนี้ซ่อนอยู่เป็นแน่

         ดรีมพยายามสอดส่ายสายตาไปทั่วเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน จากเสียงร้องก่อนหน้านี้แสดงว่ามันไม่ใช่เพียงสถานที่โล่งๆธรรมดาแหงๆ


        
    กึก


         "เสียงอะไรน่ะ?" บุดันหันขวับไปข้างหลังของตน หินก้อนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านกีดขวางทัศนะวิสัยนั้น แต่ดรีมกลับยืนหลับตาสนิท แผ่แขนทั้งสองไปข้างลำตัวพยายามสัมผัสให้ได้ถึงสิ่งนั้น

         "ลมตีกลับ แย่แฮะ..."

         "เจ้าว่าไงนะ?"

         ดรีมรำพึงกับตัวเอง ส่วนบุดันที่ยืนอยู่ข้างๆก็โพล่งถามขึ้น แล้วกระชับดาบคู่ของตนไว้ให้พร้อมทุกเมื่อ

         "หมายความว่าบรรยากาศที่นี่กดดันไม่ใช่ธรรมดาเลยน่ะสิ รับรองได้ไอ้ตัวที่อยู่ในนี้ร้ายไม่ใช่เล่น"

         "ตัวที่อยู่ในนี้?"

         ดรีมชูมือซ้ายขึ้นแล้วชี้ไปทางผนังหินแกร่ง สูงเลยขึ้นไปจากระดับสายตาร่วมสิบเมตร แล้วเอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า "มันนั่นแหละ" บุดันบังมองตามขึ้นไปก็พบกับตัวประหลาดจริงดังว่า มันแยกเขี้ยวใส่จนเขาถึงกับสะดุ้ง


         ดรีมเกาหัวยุ่งๆของตนอย่างเอือมระอา

        
    "ถ้ามันยังอยู่ที่นี่ได้ แสดงว่าทุกคนที่เคยเข้ามาโดนมันเก็บไปทั้งหมด"

         เสียงเย็นเยียบทำลายโสตประสาทแม้แต่พวกของตนดังกังวาน ในถ้ำอันกว้างใหญ่มีจุดอับเยอะแยะ เป็นสมรภูมิที่เหมาะกับผู้เฝ้าที่หน้าตาคล้ายกับหินรายรอบ ดูจากท่าทีของมันมือกับเท้าคงจะเหนียวน่าดูถึงเกาะห้อยตัวลงมาได้จากจุดนั้น หัวเป็นรูปไข่กร้าว ลิ้นสีแดงแลบออกลอดฟันที่แหลมคม สภาพร่างกายดูค่อนไปทางมนุษย์ที่กระดูกสันหลังอ่อนยวบ..

         "กี๊ซซซซ" เมื่อถูกผู้บุกรุกมาพบเข้ามันก็แผดเสียงร้องราวกับดีใจ มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่แปลกไปสักหน่อย... แต่จากใบหน้าและน้ำเสียงมันชวนให้คิดแบบนั้นจริงๆ อย่างน้อยออร์คข้างเขาก็คงเห็นเหมือนกัน!

         และตัวถ้ำดูจะตอบสนองกับเสียงนั้น ประตูทางเข้าถูกปิดเสียสนิทด้วย "หิน"

         ดูท่าจะแย่... วิชาสายลมที่ถนัดดูจะไม่ถูกโรคกับสายหินแกร่งที่สุดแล้ว...

         "ดูท่าเจ้าจะไม่ชอบใช้อาวุธ แต่คราวนี้เจ้าคงต้องใช้แล้วกระมัง" ท่านออร์คยื่นดาบเล่มหนึ่งให้เขา แต่เขากลับไม่รับไว้ แล้วยิ้มเย็นๆ

         มือขวาเลื่อนมาสัมผัสจี้ห้อยคอรูปดาบสีดำสนิท ความมืดฉายออกมาวูบหนึ่งและตัวดาบเครื่องประดับก็ขยายออก อยู่ในมือของชายปีศาจที่ผมสยายออกเพราะแรงกดดันแห่งจิต สายตาสีน้ำตาเรียวคมจ้องจรดที่กลางตัวดาบ มือซ้ายลูบจากโคนดาบจนถึงปลายแล้วหยุดอยู่ท่านั้น ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยคำทักทายของเจ้าดาบตัวกวน

         =อะไรกันครับคุณดรีม แค่นี้ก็ต้องเรียกผม

        
    "มะ... ไม่จริงน่า! ดาบพูดได้!!"

         ดรีมกับไทม์หันไปทางผู้ที่ตะโกนลั่นพร้อมๆกัน

         =ก็พูดได้สิผมมีชีวิตนี่ ถึงไม่มีปากก็ใช้จิตพูดเอาเสียงก็แปร่งๆ อย่างนี้แหละครับ

         "อะ อะ อะ อะ" คุณออร์คท่าจะไม่เคยจะอะไรแบบนี้ติดอ่างจนพูดอะไรไม่ออก

         =อะไรกันคุยกับดาบแล้วเอ๋อรับประทานซะงั้น


         ดูมัน... พูดได้ไม่กี่ประโยคก็งับหัวคนอื่นเข้าซะแล้ว ดรีมเอามือซ้ายตบหน้าผากตัวเองเบาๆ แล้วพยามทำเป็นปลงๆ ไปเสีย รู้สึกนับวันมันยิ่งพูดเก่ง และกวนขึ้นเรื่อยๆซะด้วยสิ!


         "คุณบุดันช่างหัวดาบมันเหอะ แต่ทางที่ดีคุณหลบไปก่อนก็แล้วกัน เพราะมัน..."

         พูดไม่ทันจบดาบกาตานะสีดำสนิทก็ถูกวาดกลับไปข้างหลัง รับการโจมตีของเข้าตัวประหลาดที่ฟาดแขนเข้าใส่ทื่อๆ ความแรงของการปะทะทำให้พื้นหินที่เท้าทั้งสองข้างของดรีมถึงกับร้าว มือข้างขวาข้างเดียวไม่อาจทานแรงได้จนเขาต้องยกแขนซ้ายขึ้นดันที่ส่วนปลายดาบเพื่อกระแทกมันออกไป


         "กี๊ซซซซซซซ!!!!"
         แทนที่มันจะเกรง มันกลับดูตื่นเต้นเสียได้ กระโดดเต้นลิงโลดกระทืบพื้นดังตึงๆ

         เหงื่อเม็ดเป้งผุดออกมาจากไรผมสีน้ำตาล ย้อยลงสู่คางแล้วหยดลงสู่พื้น ดวงตาคู่คมไร้ซึ่งแววล้อเล่นอีกต่อไป สิ่งที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาดหินธรรมดา เมื่อครู่มันก็แค่หยอก บทซัดกันจริงๆหินรายรอบอาจจะเป็นศัตรูกับเขาทั้งหมด แรงจริงของมันก็ไม่ใช่แค่เมื่อกี้ ความเร็วที่โดดลงมาจากข้างบนในชั่วพริบตาก็ไม่ใช่ขีดสุด และที่สำคัญไม่แน่ใจว่ามันใช้เวทอะไรได้บ้าง ก็เมื่อครู่นี้... มัน...


         คุณดรีม ผมเตือนแล้วนะถ้าเป็นงานที่คุณเซรอสหามาให้น่ะไม่ธรรมดาแน่


         ว่าแล้วคุณดาบก็หัวเราะเยาะในใจ สรุปไอ้ดาบบ้านี่มันพวกไหนกันแน่วะ!


         แต่ซึ่งสิ่งที่ไทม์บอกมานั่น ดรีมเองก็ตระหนักดีตั้งแต่เมื่อครู่ เขาใช้เวทแรงดึงดูดซับความแรง แต่มัน... กลับลบเวทของเขาในพริบตาที่เข้าปะทะกันเสียเรียบ!


        
    อ่อจากการปะทะกันเมื่อครู่มันทำให้ผมรู้ว่า... ตัวมันคือหินศักดิ์สิทธิ์ "เบรัน"ปลุกเสกโดยพลังแห่งเทพ มีอำนาจในการลบล้างพลังเวท มันเชื่อมกับหินรายรอบไม่ได้ก็จริง แต่ความแข็งมันก็ไม่ใช่เล่นนาครับ


         คำอธิบายบรรลัยน่าใจหายดังก้องในห้วงลึกของสมองของเขา ความนิ่งเงียบมาเยือนโดยไม่รู้ตัวพร้อมขนแขนที่ดูจะพร้อมเพรียงกันยืนตรงดี สายตาเหล่กลับไปยังชายหน้าเขียวผู้ทำท่าจะสนับสนุนอยู่ข้างหลังฮึดฮัดเต็มที่ และหันกลับไปข้างหน้ายังลิงนรกที่เต้นแร้งเต้นกา กระโดดตบฟิตซ้อมก่อนออกกำลังกายขนานใหญ่...


         แล้ว... จะให้ทำยังไงดีเล่า? มันเหมือนโดนจำกัดวิชาไปกว่าครึ่งเชียวนะนั่น!!




    ======================



    เคลียร์ไอ้ที่เผาๆทั้งตัวเองและตัวละครทิ้งล่ะ

    ใครอยากอ่านก็อ่านตัวจริง + ในเรื่องเอาเองก็แล้วกัน แหะๆ


    ช่วงนี้ผมสอบอยู่ ก็คงจะอัพช้าหน่อย... (เดือนนี่หน่อยของแก?)

    ครบ 100% ล่ะ!


    ไม่ได้แต่งนาน ฝืดก็บอกนาครับ
    สอบเสร็จจะมาตามแก้เอาอีกทีก็ได้





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×