ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Wing of Release

    ลำดับตอนที่ #3 : Release 01 [ทัวร์สุดซึ้ง(by ชอง & เซรอส)]

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 51




    เห็นมีคนขอมามากและไอ้บทนำก็ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ด้วยสิ...

    เอาเป็นว่าแง้มเนื้อเรื่องให้ก่อนสักนิดก็แล้วกัน

    (มีจุดเซพ 50% และ... อัพพิเศษ 110%!!)


    (ช่วงนี้ผมลุย Melodies อยู่นะ)


         Release 01 



         ในรั้วมหาวิทยาลัยประจำใหญ่ประจำเมืองเซนเรน แน่นอนว่าหนึ่งในห้าอำนาจเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเช่นเคย... ท่าน ผ.อ. ถ้ามองกันให้ดีๆแล้วเมืองนี้มีตา ผ.อ. โรงเรียนเก่าของ 'เขา' เป็นเจ้าของกระจายไปทั่ว สมเป็นตระกูลอภิมหันตเศรษฐีจริงๆ

         ชายผมน้ำตาลแซมม่วงจางยาวถึงหลัง นั่งเหล่ทิศทัศน์อันคุ้นตา สระน้ำใหญ่มีปลาว่ายเวียนวนอยู่ในร่มไม้ ของไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่ว ดูแล้วมันก็น่าชื่นชมอยู่ใช่น้อย ม้าหินที่ท้าวคางอยู่ก็ทำจากหินอ่อนอย่างประณีต

         รู้สึก... ที่ไหนที่ตา ผ.อ. มีส่วนร่วมมันจะเจริญกว่าที่อื่นอยู่ร่ำไป มิน่าคุณปีศาจบราชองถึงได้นับถือ

         แต่... ให้นั่งคอยนานๆมันก็เบื่อเหมือนกันนา...


         เสียงรอบข้างจากเงียบงันค่อยๆจอแจขึ้นเรื่อยๆ สักครู่ใหญ่รอบข้างก็เปลี่ยนเป็นโวยวายกรี๊ดกร๊าดกันในหัวข้อ 'การสอบวันนี้' และแล้วในที่สุดเสียงที่รอคอยก็มาเยือนขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบนั้นจะปิดสนิทลงไป ซึ่งคงจะตามมาด้วยเสียงกรน...

         มือเรียวเนียนของหญิงสาวตีบ่าของเขาสองสามทีตามมาด้วยเสียงใสๆว่า "กลับบ้านกัน แล้วนี่มารอนานแล้วเหรอ?"

         เมื่อหันกลับไปด้วยสายตาหรี่เล็กก็เจอหญิงสาวผมน้ำตาลอ่อนยาวเลยบ่าไปเล็กน้อย ยืนยิ้มร่าเอียงคอให้นิดหน่อย

        
    ไม่อยากจะบอกว่าข้อสอบกิ๊กก๊อกนั่นเสร็จแต่สิบนาทีแรก ส่วนเธอก็คงออกคนสุดท้ายของห้องล่ะสิท่า

         เขาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วยิ้มตอบ

        
    "กลับก็กลับ"

         ว่าแล้วมือสีซีดของเขาก็คว้าข้อมือของสาวเจ้าแล้วออกเดินไปด้วยกัน เป็นที่อิจฉาตาร้อนเป็นเพลิงของหนุ่มๆรายรอบยิ่งนัก


         "ลีนฉันสงสัยอะไรนิดหน่อย"

         เท้าก็ก้าวไปเรื่อย ปากก็ขยับตามเรื่อยไป

         ลีนหันมามองหน้าเล็กน้อย สายตาของทั้งคู่สบประสานกัน ดูให้ดีแล้วเหมือนปีศาจจ้องหน้าหาเรื่องเทพไม่มีผิด (ความจริงแล้วผิดไปนิด ปีศาจกับไครม์ต่างหาก...)

         "มหาลัยนี้มีกฎว่าผู้หญิงจะเข้าสอบต้องทาลิปสติกเหรอไง?"

         "โห นี่เธอคอยฉันไปเหล่สาวไปเหรอยะ แบบนี้ฉันน้อยใจนะ" คุณเธอทำแก้มป่องคิ้วขมวดลงเล็กน้อย เป็นทีว่ากำลังงอนแต่ชายผมยาวก็แค่หัวเราะเบาๆ ราวกับพอใจ

         เธอเม้มปากนิดหน่อยพริบตาเดียวสีสดๆที่ริมฝีปากก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อ

         "ความจริงแบบนี้น่ารักกว่าเยอะเลย ไม่น่าเลยจริงๆ" ดรีมว่าแซวแล้วทำยักไหล่ หันไปทางอื่นทำไม่รู้ไม่ชี้

         "ฉันก็แค่ลงมายาไว้ไม่ให้แปลกแยกกับคนอื่นจนเป็นเป้าสายตาเท่านั้นแหละ"

         ไม่ต้องทำอะไรนั่งเฉยๆก็เป็นเป้าอยู่แล้วมั้งแม่คุณ...

         ดรีมเถียงกลับในใจ ใช้มายากางคลุมเอาไว้ทั้งคู่ เมื่อมองดีแล้วว่าไม่มีคนก่อนจะลากสาวผมน้ำตาลขึ้นฟ้าไปด้วยกัน

         "แหม... อยากรีบไปเที่ยวขนาดต้องบินเลยเหรอคะ"

         สาวผมน้ำตาลแซวเสียงหวานแต่คนรีบร้อนแค่ทำหน้ามุ่ยแล้วตอบกลับ

         "ขี้เกียจเถียงกับตาบราชองต่างหาก รีบไปเถอะ..."

         "จ้า จ้า อยากเห็นโลกปีศาจก็บอกเถอะนะคุณปีศาจขา"

        
    "นี่เธอ!"

         อยากจะโวยจริงๆที่ร่างฉันเป็นปีศาจน่ะเพราะใคร

         แต่ยังไงซะ ปากที่เอ่ยฟาดฟันคนอื่นได้ไม่หยุดไหงมันพูดไม่ออกกันล่ะเนี่ย!!


         "ปิดเทอมฤดูร้อนไปเยี่ยมไอ้เซรอสกัน" มันเป็นคำเสนอของคุณปีศาจผมสีชาบราชอง ท่านนี้เป็นผู้ใฝ่รู้เหลือประมาณ ได้งานให้มาจัดการอะไรนิดหน่อยกลายเป็นศึกษาวัฒนธรรมและสังคมของโลกซะเรียบ มิหนำซ้ำไม่พอใจยกทัพมาป่วนซะอีก แต่... ไปๆมาๆกลับติดใจโลกนี้ ไม่สิติดใจสาวของที่นี่และประกาศอย่างชัดแจ้งว่า "ไม่กลับจนกว่าจะได้เจ้าสาว" เหมือนพูดเล่นแต่ทำจริง เชื่อมันเลย...

         ส่วนเหตุผลที่เสนอให้ไปยังโลกปีศาจวาเรลันนั้นฟังดูก็เข้าท่าดี ถึง... คนชวนมันท่าจะมีอะไรแอบแฝงก็เถอะ แต่การได้ความรู้ทั้งเทคโนโลยีและเวทมนตร์ใหม่จากแหล่ง กับที่ฝึกพร้อมทั้งที่เที่ยวซึ่งคาดว่าคงไม่เคยเห็นที่ใดในโลก มันก็ยั่วยวนต่อมอยากรู้อยากเห็นได้ดีจริงๆ ซึ่งกำหนดการก็คือวันสอบวันสุดท้าย

         ทั้งสองร่อนลงที่บ้านไม้สองชั้นหลังเล็ก เมื่อเปิดประตูเข้าไป ดูเหมือนพวกเขาก็มาช้าอยู่ดีสังเกต จากใบหน้าของชายผมสีชาที่ดูบูดบึ้ง ในขณะที่ว่าที่เจ้าสาวผู้จะร่วมเดินทางไปด้วยอีกคนดูระรื่นยิ้มแย้มแจ่มใสเอาการ ไม่ทราบว่าควรจะทำหน้าอารมณ์ไหนให้สองคนนี้ดี...

        
    "มาช้าจริง"

         ไม่บอกเห็นแค่หน้าก็เดาออกแล้วแก บราชอง...

         เอ่อ...ไม่รู้ว่าเรียกไปเรื่อยๆชื่อพี่แกจะเพี้ยนเป็น บราเซีย หรือเปล่าเหมือนกันนะ

         "จะรีบอะไรนักหนา" ดรีมทำหน้าเนือยแล้วมองไปรอบๆ บ้านหลังเล็กนี้มันยิ่งดูแคบขึ้นทุกวัน เมื่อวันนี้รวมญาติฝ่ายลีนมากระจุกกันอยู่ด้วย ว่าแต่ทำไมไม่ไปรวมกันที่บ้านโตๆหลังนู้นแทนเล่า?

         คิดบ่นออดแอดได้แว่บหนึ่งเก้าอี้ไม้ ก็ไหลตามพื้นมาต้อนรับดรีม เจ้าตัวก้มลงมองแล้วก็เงยหน้าขึ้นหันไปรอบๆ ทำไมเหมือนเขาดูเด่นๆชอบกล

         "นั่งซะ แล้วอยู่นิ่งๆ"

         โครม!!
         พูดไม่ทันขาดคำแรงดึงมหาศาลก็ลากก้นเขากระแทกลงเก้าอี้อย่างแรง เวทขนาดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้

         "ทำอะไรวะไอ้คุณชอง!!" ดรีมโวยก่อนที่แม่ของตน เฟส แม่ของลีนจะเดิมมาขยุ้มหัวพร้อมหวีที่ช่วยกันสางผมยุ่งๆนั้นไม่ทันให้ตั้งตัว ไม่ทันไรเปียอันโตก็ห้อยต่องแต่งอยู่ข้างหลังของเขา ทำไมต้องเป็นเปียแล้วที่สำคัญ...


        
    "ทำอะไรกันครับเนี่ย!!"

         ดรีมโวยแต่ชองกลับไม่ใส่ใจเผยมือให้ผู้ที่ติดตามชมแล้วเอ่ยว่า "หน้าตาเจ้าภาพที่จะเลี้ยงรับรองเป็นแบบนี้แหละครับทุกท่าน"

         ปีศาจอีกหนึ่งพยักหน้าหงึกๆเป็นทีว่าเห็นด้วย เส้นผมสีขาวกระดิกไปมา

         "เฟเชียออสไม่ไปด้วยจริงอ่ะ?" ท่านจ้าวปีศาจถาม

         "ไม่ล่ะท่านชอง ข้าว่าที่นี่ก็สนุกดีแต่จะกลับไปอาณาจักรตัวเองถาวรเมื่อไหร่อย่าลืมเรียกข้านา"

         "ไปดีนะจ๊ะลูกดรีม" ท่านแม่เอเรียกล่าวอวยพร แต่แม่ครับมันฟังทะแม่งๆคล้ายคำแช่งยังไงไม่รู้สิ... ไม่แปลกเลยที่ประโยคนั้นจะเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนทั้งบ้าน ก่อนคนที่จะไปเข้าค่ายเก็บตัวภาคฤดูร้อนทั้งสี่จะหายวับไปราวกับควัน ทิ้งบ้านหลังเล็กซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนให้เงียบงันลงถนัดตา

         ก็พวกมนุษย์ที่ไม่ใช่มนุษย์ทั้งหลายไปกันหมดแล้วนี่นะ... ไม่สิเหลือปีศาจผมขาวนั่งหน้าระรื่นอยู่อีกหนึ่งตน...


         'ช่องว่างมิติ' เป็นคำเรียกติดปากของการสร้างห้วงมิติหนึ่งที่เป็นเอกภาพขึ้นมาใช้งานตามแต่ใจต้องการ ซึ่งขนาดจะเล็กใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับผู้สร้าง จะดีแค่ไหนตกแต่งอะไรก็ขึ้นกับผู้สร้างเช่นกัน ที่สำคัญส่วนใหญ่แล้วมันจะถูกล็อคเอาไว้ ไม่เปิดเผย ไม่ให้ใครได้ย่างกรายเข้าไปใช้ช่องว่างที่ตนสร้างเอาไว้ง่ายๆ แต่มันก็มีข้อยกเว้น สำหรับบางที่ก็ถูกสร้างไว้ให้ใครก็ตามได้ใช้งานได้ ขอเพียงแค่รู้วิธีเข้าเฉกเช่นที่ท่านเทพปีศาจชองพาเข้ามาทัศนา


         ส่วนสถานที่นี้ดูแล้วค่อนข้างสับสนวุ่นวายอยู่มากบรรยากาศคล้ายอยู่ในแสงออโรรา มีทางเดินที่เหมือนจะทำจากไม้กับหินสลับซับซ้อนอันเป็นทางเชื่อมกับ ประตูไม้เรือนงามที่ตั้งตระหง่านมากมายนับไม่ถ้วน และพวกเขาเองเมื่อครู่ก็ออกมาจากประตูบานหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่ามันคือประตูไหนเพราะคุณพี่ชองเล่นพาบินร่อนไปเรื่อย ทำให้สาวผมน้ำตาลแดงที่บินไม่ได้อยู่คนเดียวต้องหน้าบึ้ง


         รู้สึกเธอจะโดนแกล้งให้กอด มันน่าไหมเล่า!!


         "ชองบ้า พาฉันลงไปที่ทางเดินเดี๋ยวนี้นะ!!" เฟสเริ่มออกอาการโวยแต่จะทำอะไรได้ถ้าปล่อยมือนี่ร่วงไป มองไม่เห็นก้นบึ้งเลยนี่สิ...

         "สวีทกันจังนะคะ" หญิงสาวอีกคนยิ้มหน้าบานเอ่ยแซวเสียงใส ปีศาจหน้าด้านตอบกลับซึ่งๆหน้าว่า "แน่นอน"

         ดูมัน... กวนกันจังนะ! มิน่าบอกให้ตาบ้านี่สอนเวทสายลมทีไรมันทำเมินทุกที ที่แท้ก็วางแผนไว้นี่เอง!

        
    บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า !!!!


         ชายผมน้ำตาลมัดเปียหันมองไปรอบๆ แล้วหันย้อนกลับไปยังพวกกลุ่มคนที่โวยวาย... ความจริงไอ้จะแซวมันก็อยากอยู่หรอกนะ แต่ที่นี่มันดูแปลกๆชอบกลดูท่าไม่สู้ดีนัก ขนาดคนหลงทางไม่เป็นอย่างเขายังสับสนทั้งที่เข้ามาได้ครู่เดียวเลย

         "ชองนี่มันที่ไหนกันแน่?" ดรีมถามเสียงขุ่นดูท่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ซึ่งคนถูกถามกลับตรงกันข้ามใบหน้าแจ่มใส มีสีเลือดแดงซ่าน... ไอ้ตัวฉวยโอกาสเอ๊ย!!

         "มันคือ... ห้วงมิติที่มหาเทพองค์หนึ่งสร้างไว้น่ะ แถมยังใจดีเปิดให้สาธารณะชนได้ใช้ทั่วกัน ซ้ำยังสร้างประตูเพิ่มเองได้ อย่างประตูที่เปิดไปยังโลกน่ะฉันสร้างไว้เอง"

         คำอธิบายนั้นฟังดูแล้วก็งงนิดหน่อย แต่ให้สรุปความว่ามันคือมิติพิเศษที่ขอแค่หาประตูของสถานที่ที่จะไปให้เจอก็พอสินะ...

         "แล้ว ประตูมันเยอะขนาดนี้จะไปจำยังไงไหวคะ?" ลีนเปิดปากถามบ้างซึ่งปีศาจมาดมากพยักหน้าหงึกๆแล้วตอบว่า

         "ส่วนใหญ่ที่ดังๆจะมีป้ายบอกไว้อ่ะนะ แต่ไม่รู้ไอ้บ้าที่ไหนมันเอาป้านวาเรรันไปทิ้งซะนี่"


         อ้าวเวรกรรมสรุปนี่หลงทางอยู่ในนี้ใช่ไหม!


         "อืม..." ลีนบ่นเสียงเอื่อยผิดคาดก่อนจะลอยดุ่ยๆขึ้นไปแล้วเลี้ยวไปมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง นิ้วเรียวบางชี้ไปทางประตูหนึ่ง "แล้ว เวียราเซรัน นี่ล่ะคะ?"

         ชองที่เห็นการเดาสุ่มของลีนก็ทำหน้างงเล็กน้อย

         "นั่นอาณาจักรข้างเคียงวาเรรันน่ะ... บ้านของเจ้าพวกฟิราเรซ วาซมัน"

         ดรีมกับเฟสทำหน้าไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่มันเป็นไปแล้ว จากประตูที่นับไม่ถ้วนลีนกลับเลือกประตูซึ่งจะพาไปหา คนกลุ่มนั้นได้อย่างถูกต้อง ก็รู้อยู่หรอกว่าลีนฝึกเรื่องความรู้สึกมาตลอดแต่ไม่คิดว่ามันจะแม่นขนาดนี้


         "ถ้าอย่างนั้นวาเรรันก็ด้านตรงข้ามนี่สินะ" ชองชี้ไปยังประตูอีกบานที่อยู่ใกล้กัน

         "รู้ก็ดีฉันเกาะจนเมื่อยแล้วนะ" สาวหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นสบกับคนที่เธอกอดเอาไว้ แล้วเอื้อมแขนชี้ไปยังประตูบานเป้าหมาย ชองเองก็ดูเหมือนชักจะอาการเขินกำเริบ เริ่มละล่ำละลักกับเขาบ้างจึงลอยตัวลงสู่พื้นทางเดินซึ่งทำจากหินสีเทา ทั้งที่ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวแต่มันกลับไม่ร่วงหล่น จะกฎแรงดึงดูดหรืออะไรก็คงใช้ไม่ได้กับมิติซึ่งจอมเวททั้งหลายใช้กันสินะ

         ดรีมเอามือแตะไหล่ลีนแล้วเบิกยิ้มชนิดนานทีปีหนจะโผล่มาให้เห็นสักที คนอื่นไม่แปลกใจให้มันรู้ไปขนาดคุณพี่ปีศาจผมชายังหน้าชาตามสีผมไปด้วยเลย! และก็เป็นเรื่องปกติที่รอยยิ้มนั้นจะหุบลงฉับพลันเมื่อเห็นรีแอคชั่นของ ผู้ชมจอมกวนทั้งหลาย

         "ไปเถอะลีน ขอแค่เปิดเจ้ามิตินี่เป็นกับเขาบ้างเราจะไปเยี่ยมพวกนั้นเมื่อไหร่ก็ได้"

         รอยยิ้มงามตอบรับจากสาวผมน้ำตาลอ่อนนั้นทำให้ดรีมหน้าแดงขึ้นอีกระลอก ก่อนที่คุณเธอจะลากเขาไปยังประตูไม้

         "เปิดพร้อมกันนะ"

         สิ้นเสียงหวานนั้นมือของทั้งคู่ก็จับที่ห่วงคล้องบานประตู แล้วดึงมันพร้อมๆกันตามที่ตกลงกันไว้


         ในใจกำลังเต้นระรัวกับสิ่งที่อยู่อีกฝั่งนั้น โลกที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน... จะเป็นอย่างไรกันนะ
    'วาเรรัน'


    50%


         กึง!!
         เสียงทั้งคู่ดึงห่วงเหล็กสีดำสุดแรง แต่มันไม่ขยับ... ใบหน้าขยับเลื่อนมองกันเล็กน้อย ก่อนจะเล็งไปทางประตูบานโต และออกแรงดึงอีกรอบจนหน้าหงาย ปล่อยมือออกเซร่วงทางเดินไป มันเหมือนโดนไฟช็อต!!

         ชองเซอาหัวเราะร่าอย่างพึงพอใจ เห็นเข้าเขตตัวเองแล้วเอาใหญ่เชียวนะ ประตูบ้านี่ลงกับดักอะไรบางอย่างไว้ก็ไม่บอก ปล่อยให้ลองอยู่ได้ตั้งสองครั้งสองครา!

         "ประตูนี้เซรอสมันสร้างไว้น่ะลงอาคมไว้นิดหน่อย"

         "หนวกขูโว้ยอยากจะแกล้งแต่แรกก็บอกไอ้ชอง!!" ดรีมโวยวายเสียงดังแล้ว ลอยดุ่ยๆกันขึ้นมากับลีนด้วยใบหน้ามุ่ยทั้งคู่

         "โทษฐานมาสวีทเกินหน้าเกินตา สมหน้า"

         โอโหคุณเทพปีศาจ เหตุผลกวนบาทาจริงๆ ขอเอารองเท้าฟาดหน้าสักทีได้ไหมวะ!!


         "บานประตูทำจากโมโนซากา แต่ที่ปลุกเสกน่ะมีแค่สองแห่ง ซึ่งจะทำหน้าที่ดูดเวทมนตร์ทำให้กลไกทำงาน รหัสผ่านคือ แสงสว่างและความมืด" พูดจบชายผมสีชาก็จับห่วงทั้งสองข้างไว้พร้อมกัน มือหนึ่งดูเหมือนจะมีความมืดกระจายออกมา และอีกฝั่งกลับเป็นแสงสว่าง ซึ่งพลังทั้งสองสายก็ค่อยๆซึมเข้าไปอย่างเชื่องช้า พร้อมประตูที่เลื่อนเปิดออกทีละนิดทีละหน่อย จนกว้างพอจะลอดผ่านไปได้เบื้องหลังนั้นมีละอองสีชมพู ปนฟ้าและไล่โทนไปน้ำเงิน หมุนวนราวกับกำลังดึงดูดทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง...


         เมื่อเห็นดรีมกับลีนยังทำท่าลังเลอยู่ใช่น้อย มีแววว่าเกรงตาปีศาจจะแกล้งอีก เฟสจึงเดินนำเข้าไปคนแรกโดยที่ชองไม่ได้ทักท้วงอะไร แค่นั้นมันก็พอยืนยันได้แล้วมั้งว่าปลอดภัย คนลังเลทั้งสองจึงกล้าจะตามเข้าไปอย่างสบายใจ ส่วนชองที่ยืนรั้งท้ายถอนหายใจเบาๆ พูดกับตัวเองเสียงค่อย

         "ว่าแต่ประตูนี้... มันไปโผล่ส่วนไหนของวาเรรันวะ ประตูเพี้ยนของไอ้บ้าเซรอสเนี่ย..."

         ถอนหายใจหนึ่งเฮือก แต่ว่ามันจำเป็นนี่หว่าจำทางปกติไม่ได้...

         เขาแก้ตัว สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองสร้างเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่และโดดตามเข้าไปทันที


         ณ ยอดไม้ใหญ่สูงลิบลิ่วแตกกิ่งก้านสาขามากมาย ใบไม้ใบเล็กแต่ดูประณีตมีห้าแฉกสวย สาวผมน้ำตาลแดงคนแรกโผล่มาถึงก็ร่วงลงไปแทบจะทันที ยังดีที่คว้ากิ่งหนึ่งเอาไว้ทันก่อนที่จะร่วงลงไปกว่าร้อยเมตร ซึ่งหากจับไม่ทัน... ผลที่ตามมาเธอไม่อยากจะคิดเท่าไหร่นัก ที่แน่ๆไอ้ตัวดีที่ขอเธอแต่งงานบอกว่ารักนักรักหนา มันส่งมาที่แบบนี้น่ะเหรอกะฆาตรกรรมกันชัดๆ!!

         นั่นสิคะคุณเฟส! แบบนี้ต้องเอาเรื่องกันหน่อยแล้ว!!

         ภูตสาวที่สิงสถิตอยู่ในร่างโวยวายออกมาบ้าง นานแล้วเหมือนกันที่ภูตตนนี้อยู่ในร่างเธอ นานชนิดแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกันจนแยกจากกันไม่ออกแล้วก็ว่าได้ ความรำคาญที่เคยมีมลายสิ้นไปหมดตั้งแต่เมื่อใดแม้แต่เธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน...

         เธอเบิกรอยยิ้มบางขึ้นเงยหน้ามองไปไกลสุดขอบห้าก็ต้องพบว่า ไม้ต้นนี้สูงที่สุดในอาณาเขต ผืนหญ้าข้างล่างพลิ้วไหวส่งสีเขียวเหลืองอบอุ่น และทอดยาวไปยังภูเขาที่ยอดมีสีขาวของหิมะ ลำธารเล็กไหลมาจากน้ำตกขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ละอองน้ำกลับแผ่กระจายมาถึงนี่ กลิ่นของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเธอโดยไม่รู้ตัว


         อยู่บนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ

         คุณเฟสนี่ล่ะก็ใจอ่อนประจำเลยนะ ทิเรแกล้งบ่นต่อยอดในใจ ทั้งที่ตนก็ชอบสภาพที่ห้อยต่องแต่งไหวไปมาตามแรงลมนี้ใช่น้อย ความจริงแค่จะลงไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้วล่ะ!


         วูบ...

         "เฮ้ย!!" "ว้าย!!" เสียงแหกปากดังขึ้นจากด้านบน ชักสังหรณ์ไม่ดี... เหล่มองขึ้นไปได้แวบเดียวเงาอะไรบางอย่างก็บดบังแสงสว่างเอาไว้ ผู้มาใหม่สองคนหล่นใส่อย่างจัง มือที่เกาะอยู่เผลอปล่อยด้วยความตกใจ

         "อ๋า.... กรี๊ด!!!" ถึงทีผู้มาชมวิวก่อนจะกรีดร้องประสานเสียงกับภูตในร่างของตนบ้าง แต่ไม่ทันไรร่างอันคุ้นเคยก็ไหววูบจากเบื้องบน และโอบร่างเธอไว้อย่างรวดเร็ว แล้วพาลอยเข้าไปยังกิ่งไม้ใหญ่เพื่อนั่งพักแล้วปาดเหงื่อที่ไม่รู้ผุดจากไหน ส่วนดรีมกับลีนที่ประสบการร่วงครั้งแล้วครั้งเล่าจนชิน ก็ลอยตามขึ้นมาบ้าง

         "เฮ้อ..." ชองเหล่มองเฟสแล้วทำหน้าสลด "ขอโทษไม่นึกว่าเจ้าเซรอสจะมาสร้างประตูไว้ในที่สูงขนาดนี้"

         "ไม่ยกโทษให้ได้ไหมยะ เกือบตายเชียวนะตาบ้า!!" เฟสทำหน้างอ หัวใจยังเต้นไม่เป็นระส่ำ ไม่สิเรียกว่าเต้นจังหวะวงดนตรีร็อคก็ว่าได้ หัวใจจะวายเอาง่ายๆ

         "จริงๆแล้วตายที่นี่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะเขตปกครองวิญญาณไม่สามารถก้าวก่ายยกให้เป็นแหล่งพิเศษ ผีเดินกันเต็มเมืองอยู่แล้ว"

         นี่คำปลอบใจเหรอ งั้นขอเอาลูกธนูปักกบาลให้แยกสักดอกคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะคุณพี่ขา!!!


         สาวผมน้ำตาลอ่อนกระเถิบไปนั่งข้างชายผมเปีย เปิดประเด็นนินทาระยะประชิดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดูท่าแล้วการที่อีกคู่หนึ่งที่โวยวายทะเลาะกันเสียงดังนั้น จะเป็นการแสดงความรักในแบบฉบับของพวกเขา เพราะเห็นมีเรื่องกันทีไรก็จบลงด้วยบทหวานอยู่ร่ำไป

         และการเดาก็ไม่ผิดนักเมื่อสาวมือหนักง้างหมัดต่อยปีศาจกวนประสาทเต็มแรงเข้าเบ้าตา ไม่ต้องสงสัยว่ามันจะช้ำเป็นหมีแพนด้า เมื่อสาวเจ้าทำท่าจะรักษาให้กลับได้คำตอบว่า "ไม่เป็นไร อยากเก็บรอยนี้ไว้เพื่อระลึกถึงเธอตลอดไป..."

         ถ้ามันตอบอย่างนี้ตลอดสักวันแผลมันจะเต็มตัว เพราะดูๆแล้วแผลลูกดอกที่ต้นแขนขวาหมอนั่นก็ไม่ยอมรักษาจริงๆ บัดนี้มันกลายเป็นแผลเป็นไปเรียบร้อยแล้ว...

         ชองสอดส่องสายตาแพนด้าไปทั่ว แล้วยิ้มกริ่ม กระโดดขึ้นไปบนยอดเด็ดผลไม้สีเหลืองสดปนส้มแสด


         "สมเป็นเจ้าเซรอสจริงๆเล่นเปิดประตูมาที่สวนแอมเมไลท์แบบนี้นี่!"

         "หา แต่ใบที่ฉันเคยเห็นมันไม่ใช่ห้าแฉกแบบนี้นะ" ดรีมสะดุดกึกทันทีกับคำว่าแอมเมไลท์

         ทีกับเรื่องของกินล่ะหูผึ่ง...

         แต่ครานี้เฟสเองก็เข้าใจ แม้แต่เธอเองก็อยากกินเจ้าลูกแอมเมไลท์นั่นอีกทีเลย!!

         "ถ้าหมายถึงใบปฐมพยาบาลนั่นหายากหน่อย มันจะติดก็เฉพาะส่วนก้านของผล แถมไม่ค่อยจะมีด้วยสิ" ชองว่าแล้วหย่อนเจ้าลูกที่เพิ่งเด็ดนั้นลงมาให้เฟสด้วยเวทมนตร์ ก่อนจะโดดแผล็วไปอีกต้นแล้วเก็บมาให้ลีนได้ลองชิมด้วย แต่พอดรีมขอบ้างคุณพี่ท่านบอกให้ไปเก็บเอาเอง

         ชิ มันลำเอียงเห็นๆ แต่อยากกินนี่หว่าเก็บเองก็ได้! ว่าแล้วคนตะกละก็กระโดดตัวลอยออกไปตามหาอาหารชั้นเลิศบ้าง โดยมีเสียงไล่หลังมาว่า "ระวังฝูงผึ้งนะ เฮ่ย"

         "ผึ้ง?" ดรีมหันกลับด้วยความแปลกใจ

         "เออผึ้งแบบที่เห็นลิบๆนู่นแหละ" ชองชี้นิ้วให้ สิ่งที่เห็นคล้ายจุดเล็กๆบินอยู่กลางอากาศ ดูน่าหัวร่อแบบนี้ใช้บาเรียสายลมก็พอ แน่นอน... ความตะกละมันครอบงำสมองไปเรียบร้อยจึงบินหาไปทั่ว แต่... เมื่อมองชัดๆ

         จุดนั่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำมันยังแยกเขี้ยวใส่อีก เหล็กในก็ยังกับเม่น เหงื่อเม็ดเป้งไหลลงจากขอบผม ปากเบิกรอยยิ้มแหยๆ มือโบกให้แล้วเอ่ยสวัสดี

         ผึ้งมันทักตอบว่า "แฮ่"

        
    ผึ้งหรือผีกันวะ!!


         "เฮ่ หนีเหอะมันไม่ได้ไล่ต่อยแบบผึ้งของโลกหรอกนะ" ชองตะโกนเรียกโดยมีสาวเฟสจับมือห้อยอยู่กลางอากาศ โบกมืออีกข้างให้ ส่วนลีนเองก็กวักมือเรียกด้วยหน้าตื่นๆชอบกล

         หันกลับไปเหล่ฝูงผึ้งเล็กน้อยเขาว่าเขาเห็นมันแสยะยิ้มได้ คำเตือนยังไม่ขาดดีเจ้าผึ้งบ้าก็เริ่มออกฤทธิ์ เหล็กในคมกริบพุ่งใส่หน้าอย่างเร็วยังดีที่เอียงหัวหลบทันมิเช่นนั้นหัวคงจะเป็นรู เมื่อดูจากสถานการณ์และรอยยิ้มแยกเขี้ยวของมันก็ต้องเข้าใจว่า... มันทักทาย...

         ลองนึกสภาพที่มันเอาจริงพ่นเข็มออกมีละเป็นสิบพร้อมๆกันกว่าร้อยตัวดูสิ มิหนำซ้ำเข็มพวกนั้นก็คงมีพิษด้วย... ท่าจะรอดยาก แล้วจะอยู่ให้ไม่รอดทำไมมิทราบ! ดรีมรีบบินหนีตามหลังคณะเดินทางไปอย่างฉับไว แต่ผึ้งจอมตื้อกลับไม่ยอมเลิกราง่ายๆปล่อยเข็มตามมาเป็นแถบ กว่าจะหนีพ้นก็ออกเขตป่าพอดี ไม่สิท่าจะเรียกให้ถูก ท่าทางพวกมันคงถูกฝึกให้เฝ้าป่าแหงๆ เพิ่งจะเคยเห็นเนี่ยแหละเลี้ยงผึ้งไว้เป็นยาม!


         พวกเขาร่อนลงตรงถนนคันดินสีเหลืองปนน้ำตาลอ่อน รอบด้านเป็นหญ้าสูงสีเหลืองเขียวเฉกเช่นที่เห็นในป่า สูงกว่าสองเมตรบิดพลิ้วไปมาตามแรงลมอ่อนๆ แม้จะเห็นเพียงแค่ต้นหญ้าข้างหน้าเป็นเนินสูง วนขึ้นเขาดูคล้ายตัดกับขอบฟ้า ด้านหลังก็เป็นทางลงเลี้ยวคดไปมาจนถึงแล้วป่า ส่วนด้านขวามือมีลำธารน้ำใสแจ๋วลากผ่าน ทุกการเคลื่อนไหวอากัปกิริยาของธรรมชาติดูผสมกลมกลืนกันเป็นอย่างดี

         "สวยจัง..." ลีนอุทานขึ้นอย่างแทบไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เฟสเองก็รู้สึกคล้ายกันแต่ไม่เอ่ยออกมา ทิเรในร่างเธอกำลังระริกระรี้ ดีใจสุดขีดที่ได้มาที่นี่


         ฉันโชคดีจังที่ได้มาเยือนที่นี่
         ภูตสาวพูดกับเฟสในใจ และเธอก็ยิ้มตอบอย่างเบิกบาน ทิเรเองตอนแรกก็เป็นแก่นของธรรมชาติอยู่แล้ว มีรึที่จะไม่ชอบความงามงดนี้ พวกมนุษย์และกึ่งมนุษย์ชักเริ่มเข้าใจนิดๆแล้วว่าทำไมตาชองถึงไม่พอใจในโลกใบนู้น...

         "แถวนี้จะเรียกว่าสวนหลังบ้านของพวกตระกูล ซ. ก็ได้มั้ง"

         ชองมองไปรอบๆแล้วพยักหน้าเรียกสายตาทุกคนเข้าหา แต่แล้วพี่แกก็กลับทำไม่สนใจแล้วเดินขึ้นเนินต่อ ณ จุดยอดนั้นเองที่ได้เห็นเมืองใหญ่อยู่เบื้องล่าง ดรีมชะงักไปครู่หนึ่งไม่เคยคิดเลยว่าทั้งที่เมืองใกล้แค่นี้แต่ทั้งป่า และทุกอย่างยังดูสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการถูกทำลายสักนิด

         การปกครองที่นี่คงไม่ใช่เล่นๆเป็นแน่

         แต่ที่สำคัญ... โลกปีศาจนี่ผิดจากที่คิดชนิดไม่เหลือเค้าที่เคยเดาแม้แต่น้อย

        
    มันเหมือนสวรรค์มากกว่า...


         ชองอุ้มเฟสกระโดดแผล็วลงไปตามหน้าผาราวกับว่ามันเป็นทางลัด โดยมีลีนตามลงไปอีกคนหนึ่ง แต่ดรีมกลับยืนนิ่งเหม่อมองเมืองใหญ่ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา มีแนวหินล้อมรอบไว้ทุกทางราวกับเป็นแอ่งอะไรสักอย่างกลางหุบเขา ยกเว้นก็เพียงด้านหนึ่งซึ่งเป็นจุดรวมของคลองเล็กๆที่ไหลไปรวมกันจนดูเหมือนเป็นน้ำตกอีกชั้นหนึ่ง เขานึกเดาไปว่านั่นคือการระบายน้ำยามฝนตก... และถึงฝนไม่ตกน้ำที่ไหลไปมานั้นก็คงไม่ขาดสายอยู่ดีด้วยลำธารที่เห็นมาแต่ไกลนั้น เป็นน้ำตกชั้นบนไหลรินลงข้างปราสาทสีดำสนิท... จะแปลกหน่อยก็คงเพราะสวนด้านหนึ่งเป็นทุ่งดอกไม้ อีกด้านหนึ่งดันเสริมสภาพให้ปราสาทราวกับบ้านผีสิง

         คนสวนมันทำงานยังไงกันนะ...


         ยืนดูอยู่ได้ไม่นานเสียงเรียกก็ดังแว่วมา เขาจึงค่อยๆลอยตัวลงไปบ้าง พร้อมสังเกตตัวเมืองให้ชัด ซึ่งก็ต้องพบว่าที่บ้านแต่ละหลังสูงลดหลั่นกันไปก็เพราะพื้น ส่วนใหญ่แล้วบ้านทั้งหมดจะทำจากหินและมีชั้นเดียว ปลูกบนพื้นดินโดยที่ไม่ค่อยจะมีรั้วกันสักหลัง ถนนเองก็ทำจากหินแกร่งสีเทาหม่น มีทางแยกเล็กๆแตกแขนงจากเส้นใหญ่ไปมากมาย ระหว่างทางนั้นมักจะมีเก้าอี้หินบิดๆเบี้ยวๆไว้ให้นั่งพักได้เสมอ บันไดซึ่งใช้ขึ้นที่ต่างระดับจะใช้หินสีขาวเห็นได้เด่นชัด มีชาวเมืองเดินกันขวักไขว่ แต่ที่สำคัญ...

         "ไม่มีพาหนะเลยเหรอเมืองใหญ่ขนาดนี้" ดรีมถามทั้งที่เท้ายังลงไม่ติดพื้น

         "ถามงี่เง่าน่า ที่นี่โลกปีศาจนะ เวทมนตร์น่ะเรื่องเล็ก ส่วนบ้านใหญ่บ้างเล็กบ้างที่เห็นน่ะพื้นที่มากกว่าที่แกคิด มีช่องว่างมิติที่สร้างเองกับชั้นใต้ดินกันทั้งนั้น"

         คำตอบจากชองยิ่งทำให้แต่ละคนทึ่งเข้าไปกันใหญ่ การจัดระบบต่างๆแทบไม่มีวิทยาศาสตร์มาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แต่มันกลับดูเจริญยิ่งกว่าเมืองแห่งวิทยาศาสตร์ล้ำยุคอย่างเทียบกันไม่ได้

         ถ้านี่คือการปกครองของพวกตระกูล ซ. แล้วมันยิ่งทำให้พวกเขาอยากรู้จักชายที่ชื่อเซรอสมากยิ่งขึ้น...

         พี่ของเซซิสจะเป็นอย่างไรกัน แต่รับรองได้เลยว่าต้องเป็นผู้มีทัศนะกว้างไกล เป็นนักปกครองชั้นสุดยอดแน่ๆ

         ดรีมแอบเดาในใจ


         "นี่เหม่ออะไรอยู่คะ เกิดรักโลกปีศาจขึ้นมาแล้วเหรอไง" ลีนเดินเข้าชิดข้างแล้วคล้องแขน ดึงคนที่กำลังทำหน้าเหรอหราตามสองคนที่เดินชมของตามแผงต่างๆไปอย่างรวดเร็ว

         ดรีมที่รู้สึกถึงไออุ่นของบรรยากาศรอบข้าง และอุ่นไอจากร่างของหญิงสาวที่เดินเกาะตนแล้วก็ต้องเผลอยิ้มออกมา

         "ถ้าบอกว่าชอบขึ้นมาจริงๆจะทำไงดีล่ะ" เขาตอบกลับด้วยปากที่ขยับยิ้มบางๆ เหล่มองร้านค้าข้างทางไปเรื่อย ซึ่งมันมีตั้งแต่ผลไม้ยันอาวุธชุดเกราะทีเดียว คือ... มันดูแปลกๆอยู่นา...


         แต่จะว่าไปแล้วที่แปลกคือพวกเขาต่างหาก ดรีมกับลีนเองมาทั้งชุดนักศึกษาหลังจากสอบเสร็จเลยนี่หว่า ผิดกับเฟสที่ไม่รู้ชองหาชุดมาจากไหน เจ้าเสื้อสีม่วงอ่อนแขนสามส่วน เผยผิวขาวเนียนที่ต้นแขน ด้วยรอยตัดสามเหลี่ยมไล่ลงมาสามรอย พร้อมทั้งกระโปรงสองชั้นตัวข้างในสีขาวยาวเกือบถึงเข่า และอีกชั้นสีเทาคลุมถึงน่องปลิวไสวตามแรงลม แต่หยุดแค่เอวทั้งสองข้างเปิดด้านหน้าไว้เพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก

         ใกล้เป็นเจ้าสาวคุณปีศาจเต็มทนแล้วพี่สาวเขา

         ดูเหมือนชองเองก็รำคาญที่ศิษย์รักทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาจึงพาเข้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ก่อนเข้าพบท่านชายปีศาจเซรอส


         เด็กหนุ่มผมน้ำตาลมัดเปียที่แกว่งไกว สาวเท้าตามผู้นำทางอย่างเชื่องช้าเพราะยังไม่ค่อยคุ้นกับชุดใหม่ ยกแขนขึ้นดูเสื้อคลุมสีน้ำตาลลายที่ยาวถึงข้อมือ แล้วขยับจับเสื้อในคอสูงสีดำเบาๆ เนื้อผ้ามันก็นุ่มสวยดีอยู่หรอกแต่มันรำคาญตรงช่วงคอตะหงิดๆ ถึงมันจะคลุมขึ้นมาแค่ครึ่งคอก็เถอะ ส่วนกางเกงขายาวสีน้ำตาลนับว่าโอเคแล้ว ถึงจะไม่กระชับแต่ก็ไม่รำคาญ เคลื่อนไหวสะดวกน่าดู

         ส่วนสาวเจ้าที่เดินด้านข้างดูท่าจะกำลังถูกใจผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อน เสื้อแขนกุดสีขาววาดลวดลายด้วยหมึกมนตรา กางเกงขาสั้นพร้อมผ้าคลุมผืนบางสีทอง ที่คลุมจากเอวเกือบถึงข้อเท้า ลวดลายเข้ากันทั้งชุด

         แฟชั่นของที่นี่ก็ไม่เบา มิหนำซ้ำยังเป็นแฮนเมดทั้งหมด มีลงอาคมบางๆเอาไว้เสมอ


         เดินชมเมืองลัดเลาะไปตามทางขึ้นลงบันได ข้ามสะพานกันไปเรื่อยครู่หนึ่งก็พบทางเดินกว้าง ปูพื้นด้วยหินสีแดง แต่ท่าทางดูจะไม่สงบสักเท่าไหร่นัก เมื่อด้านหน้าประตูทางเข้าปราสาทหลังที่ดรีมเห็นบนยอดผามีพวกปีศาจและไครม์มายืนออกันเต็มไปหมด ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่หยุด

         หรือว่านี่คือม็อบประท้วงผู้นำ?


         "อีกแล้วเหรอวะ" ชองบ่นอย่างรำคาญส่ายหน้าไปมา

         "เฮ่ๆ อย่าบอกนะว่าเป็นอย่างนี้ประจำ" ดรีมชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยเดามันจะถูกแน่หรือเปล่าเสียแล้ว

         "ก็เพิ่งจะพักหลังนี่แหละ ไอ้เซรอสมันพวกหมกงาน" ชองยักไหล่ตอบ

         เอ่อคือ... คำว่านักปกครองขั้นสุดยอดในหัวแตกสลายไปภายในพริบตา


         เมื่อมองลอดรั้วไปก็เห็นถนนยาวตรงดิ่งสู่ปราสาทที่อยู่ลิบๆ และสวนอันน่าอภิรมย์กับสวนน่าสยองก็ถูกแบ่งเขตด้วยถนนที่ว่านั่นเอง แต่ที่แปลกก็คือ... คนสวนหน้าดุมีหนวดเคราหรอมแหรมใส่หมวกฟาง ที่จ้องอย่างเอาเรื่องมาที่ประตูนั่นอยู่ในเขตของด้านขวัญผวา

         มันจงใจแน่ๆ แต่ทำไมคนสวนมันดูโหดอะไรขนาดนั้นวะ!

         ดรีมนินทาในใจ

         "จะลองทดสอบฝีมือไหม? เห็นเสาสีดำนั่นเปล่า" ชองชี้ตรงไปยังเสาสีเหลี่ยมสูงกว่าสองเมตร และกว้างด้านละประมาณหนึ่งไม้บรรทัด ดรีมพยักหน้า ก็แหงล่ะตาไม่บอด

         "ที่พวกม็อบเข้าไม่ได้ก็เพราะระบบทดสอบคนนั่นแหละ ซัดให้เต็มแรงถ้าผ่านก็มีสภาพคล้ายกริ่งที่โลก"

        
    โอโห โอ้แม่เจ้า มันทำอะไรให้ยุ่งยากวะ! แต่ก็น่าลองไม่เบา...

         "เต็มแรงนะเฮ้ย เสานั่นทำจากโมโนซากาไม่ต้องกลัวมันหักหรอ" ชองว่าแล้วแอบหันไปหัวเราะ หึหึ ข้างหลังไม่ให้ใครเห็นในขณะที่สองสาวหน้าระรื่นยืนเชียร์


         ดรีมเองก็ลืมสังเกตหน้าของชองที่กำลังยิ้มแฉ่งไปเสียสนิทมิเช่นนั้นคงรู้ว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ แต่มันสายไปแล้ว เขากำหมัดแน่นเสียงหวีดหวิวของจิตดังขึ้น เรียกสายตาของม็อบทั้งหลายมาทั้งหมดก่อนที่พวกนั้นจะเขยิบถอยราวกับกลัวอะไรสักอย่าง หมัดลุ่นนั้นมีกลุ่มพลังเบียดเสียดกันจนมือสั่นหุ้มมือนั้นไว้ทั้งหมด และหมัดนั้นเองที่ถูกประเคนเข้าใส่เสาอย่างจังเกิดเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงดัง

        
    "ตื้ด"

         ทันใดนั้นเองดวงแสงจำนวนมากก็ผุดออกจากเสา และพุ่งลิ่วเข้าโจมตีดรีมทันที ไม่ตกใจให้รู้ไปแต่ก็ยังดีที่เขากระโดดหลบทัน แสงบางดวงกระแทกลงพื้นเกิดระเบิดเป็นเสาแสงพุ่งขึ้นฟ้าแล้วดับไป


         "เฮ้ยไอ้บ้าชองนี่อะไรวะ!!" ดรีมโวยวาย

         แต่ชองกลับหัวเราะลั่นอย่างสะใจ "กับดัก ใครแรงไม่พอก็จะโดนจู่โจมกลับ ด้วยพลังที่ยังขาดอยู่"

         สรุปคือยิ่งไม่เจียมตัวก็ยิ่งโดนหนัก มิน่าไม่มีใครกล้าแหยม...

        
    "แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า!!!"

         "น่าจะรู้อยู่ก็แกล้งแกอ่ะดิดรีมจ๋า" ชองทำเสียงยั่วยวนกระตุกต่อมฉุนให้ดรีมเล็กน้อย ส่วนลีนกลับเฟสแทนที่จะช่วยกลับยืนหัวเราะเยาะ โธ่!!


         ดรีมกลิ้งตัวหลบลำแสงที่ไล่ติดตามไม่หยุดนั้นกระแทกลงพื้นอีกสามสายพร้อมกัน พลังรุนแรงขนาดพื้นสะเทือน เหลืออีกเพียงหก แต่เขาขี้เกียจหลบอีกต่อไปแล้ว คิ้วขมวดลงพร้อมสายตาที่เรียวคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มือขวาสัมผัสจี้ห้อยคอรูปดาบโลหะสีดำเอาไว้ สายสร้อยเหมือนหลุดจากพันธนาการที่คอ ความมืดขยุกขยุยอยู่ในมือของเขาและกลายเป็นดาบกาตานะสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดปลาย และเป็นเพียงชั่วพริบตาที่ดาบนั้นฟาดฟันลำแสงทั้งหมดสลายไปในชั่วพริบตา

         มือสีซีดปาดเหงื่ออย่างเชื่องช้า แล้วก็ต้องฉุนกึกกับเจ้าดาบที่หัวเราะเยาะจนตัวสั่น

         แสดงว่ามันรู้อยู่แล้วแต่ไม่เตือนเขา... ไอ้ดาบบ้ามันจะฆาตรกรรมคนใช้อยู่เรื่อยเล้ย!!

         "ไม่ได้เรื่องเลยแกนี่" ชองออกเสียงยั่วยวนอีกครั้ง

         "พูดมากพลังฉันไม่ได้มากมายอย่างแกนี่หว่า!" ดรีมแย้ง แต่คนฟังแค่ยักไหล่ราวกับว่าเขาเป็นไอ้งี่เง่า

         "แกใช้จิตไม่เป็นเอง จะใช้พลังเท่ากับแกให้ดูแต่ผ่านชัวร์" ท่านบราชองเอ่ยเยาะเย้ย ชูมือขวาออกไปข้างหน้าทันใดนั้นเอง กลุ่มดวงแสงก็มากระจุกอยู่ที่มือแบบเดียวกับดรีมเมื่อครู่

         "แบบนี้มันทำให้หมัดโตขึ้นก็จริงอยู่แต่พลังเรียกว่าห่วยแตก"


         ทันทีที่พูดจบดวงแสงนั้นก็ไหวไปมาและหมุนวนเบียดเสียดกันจนเล็กลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็เป็นเสมือนหมัดธรรมดา ชองไม่รอให้ได้เห็นชัดๆ ซัดหมัดเข้าใส่เสาอย่างแรงแต่ผลที่ได้รับคือเสียง "กิ๊งก่อง" ลูกแก้วสีอำพันลอยขึ้นที่หัวเสาอย่างช้าๆ ภายในนั้นมีใบหน้าทะเล้นของชายคนหนึ่งที่หลับตาอยู่ตลอดเวลา

         เจ้าลูกแก้วเลื่อนลงมาอยู่ข้างหน้าดรีม ส่วนเจ้าตัวในลูกแก้วนั้นเหงื่อแตกพลั่กแล้วตะโกนลั่น

        
    "เตี่ยๆ ลูกแก้วเสียแล้วแถมมีผมที่ลืมตาแสยะยิ้มอยู่ด้วย ว้ากกกกก!!!"

         แต่อยู่ดีๆก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นพร้อมช่องสัญญาณที่ซ่าไปครู่หนึ่ง กลับมาอีกทีพี่แกก็เอามือกุมหัวแน่น บ่นไม่หยุดว่าหัวโน หัวโนแน่แล้ว

        
    อย่าบอกนะว่านี่คือผู้ปกครองวาเรรันในปัจจุบัน...

         "เฮ้ยไอ้เซรอสเลิกเล่นสักที เปิดประตูหน่อยพวกนี้แหละศิษย์ของพวกฟิราเรซ วาซ"

         ลูกแก้วนั่นขยับหยอยๆเข้าหาชองบ้าง "อ้าวไอ้เกลอมาเที่ยวเหรอ งั้นเข้ามาเลยกำลังว่าง!"


         พวกม็อบประท้วงที่ยืนหน้าสลอนนิ่งอึ้งกันเป็นแถบๆ ไอ้หมอนี่ยังมีหน้าบอกว่าว่างอีกรึ มันจะมากไปหน่อยแล้ว!! ไม่ทันไรประตูก็เปิดออกให้พวกดรีมเข้าไป พร้อมเสียงโห่ขับไล่ไสส่งของผู้ประท้วงที่ดังขึ้นอีกครั้ง

         ระหว่างที่เดินไปตามถนนนั้นคนสวนมองไม่ละสายตา ชองผงกหัวทักอย่างสุภาพ ส่วนเฟสกับลีนก็ทำตามผิดกับดรีมที่แปลกใจว่าทำไมต้องทำความเคารพคนสวน ท่าทางซ่อมซ่อนี่ก่อนจะโดนชองจับกดหัวแล้วยิ้มแหยๆให้ หันไปกระซิบกับดรีมว่า "นี่คนเก่าแก่นะเฟ้ย"

         สงสัยว่าจะไม่ใช่คนสวนธรรมดาเสียแล้วสิ...


         ในไม่ช้าพวกเขาก็เดินเข้าไปยังตัวปราสาทที่ดูทึมๆเหมือนภายนอก แต่มีพรมสีแดงปูตามทางเดิน เส้นทางภายในซับซ้อนจนเป็นทางวงกตย่อมๆ ในที่สุดลูกแก้วนำทางก็พาไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่งมีประตูไม้เรือนงามขวางกั้น และเจ้าลูกแก้วก็สลายหายไปเป็นสัญญาณว่าตัวจริงอยู่ข้างในนี้

         "ประตูไม่ได้ล็อค" เสียงใสของชายขี้เล่นดังลอดออกมาจากข้างใน แต่ครานี้ดรีมเหล่ไปที่ชองประมาณว่า อย่ามาเล่นตลกอะไรอีก จะทำอะไรก็ลงมือเอง ซึ่งชองเองก็ทำตามโดยดี

         ผิดก็แต่แทนที่จะลงมือกลับกลายเป็นลงเท้ายันโครมเข้าให้ที่ประตูก่อนที่มันจะเปิดออกแบบเอื่อยๆ นี่มันกลไกอะไรของมันวะ...


         สิ่งที่ประจักษ์ชัดต่อหน้าก็คือห้องขนาดกลางที่มีชั้นหนังสือเต็มไปหมด ส่วนโต๊ะทำงานล้นไปด้วยกองเอกสารจนต้องยกมาตั้งข้างล่าง และถ้าสังเกตให้ดี... หนังสือในชั้นนั่นเป็นการ์ตูนกับนิยายแทบจะทั้งนั้น ส่วนครึ่งหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะมันก็ไอ้ประเภทเดียวกัน

         แต่สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดทำให้ลีนกับเฟสทำตาโตก็คือ ใบหน้าของทั้งสองที่ดูคล้ายกันมากถึงมากที่สุด ติดก็แค่สีผมและดวงตาของเซรอสที่ไม่ยอมลืมเพื่อจะมองโลกภายนอก

         "เตี่ย... ไปมีลูกลับจากที่ไหนเปล่าวะ..." ชายผมม่วงพูดเสียงค่อยก่อนจะนึกได้ รีบหุบปากสนิท หันมองไปทั่วทั้งที่ตาปิด แล้วมันจะเห็นอะไรไหมนี่

         "ตกใจขนาดนั้นเชียว?" ชองทำท่าพอใจยิ้มแก้มแทบปริ

         "เหมือนกระจกที่สะท้อนเงาตัวเองเลยล่ะ โดยเฉพาะดวงตา..." เซรอสเอามือคลึงตาตัวเองเบาๆ วางหนังสือปกแข็งลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยตอบ

         "แล้ว... นั่นใครบ้างล่ะ?" เขาถามเสียงใส ซึ่งชองก็แนะนำตัวทีละคน เริ่มจากศิษย์รักปานจะฆ่ากันตายดรีม ศิษย์แสนน่ารักลีน และคนรักเฟส คำแนะนำปัญญาอ่อนทำให้คนถูกแนะนำหันไปเขม่นทันที

         เซรอสเลิกคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจลุกขึ้นจากจากเก้าอี้ มองสำรวจเฟสเป็นการใหญ่


         "ไม่น่าเชื่อ! ฉันนึกว่านายเป็นพวกหัวใจไม่มีน้ำ รักใครไม่เป็นซะอีก"

         "เฮ้ยๆ ให้มันน้อยๆหน่อย"

         ชายเปียม่วงชูนิ้วโป้งให้เฟส "ชนะใจไอ้ตัวจริงจังอย่างชองได้นี่ฉันนับถือเลย!" ไม่ทันไรพี่แกก็คว้ามือของสาวเจ้าที่กำลังหน้าแดงขึ้นจูบโดยไม่ให้ทันตั้งตัว ชักมือออกไม่ทัน

         "เฮ้ย!! แกทำอะไรวะ!!!" คนขี้หึงตวาดลั่นแล้วดึงเฟสออกนอกห้องไปอย่างรวดเร็ว สงสัยเห็นทีคงต้องเกริ่นนำนิสัยของไอ้บ้านี่ให้ฟังสักนิด ทิ้งดรีมกับลีนที่ยืนเงียบเชียบไว้ในห้องตามลำพัง...

         แล้ว... จะให้ทำอะไรดีล่ะเนี่ยรู้จักก็ไม่รู้จักแค่หน้าคล้ายเองนะเฟ้ย!


         "เอ่อ..." ดรีมกับลีนพูดพร้อมกันก่อนจะชะงักไปแล้วหันมองหน้าอีกฝ่าย

         เซรอสเบิกยิ้มหน้าบานออกมา และคงไม่มีใครเชื่อแน่ว่าหมอนี่เป็นปีศาจ ต่อให้ไปประกาศปาวๆกลางถนนใหญ่ก็เถอะ!

         เขาเอามือมาแตะคางเม้มปากนิดหน่อยเอ่ยเสียงค่อย

         "อืม... ดาบโรยินเซราวอส กับโมโนซากาปลุกเสกสร้างเอง... ลูกศิษย์ของฟาร์กับชาร็อตสินะ"

         ดรีมกับลีนไม่นึกว่าทั้งที่เปลี่ยนรูปทรงให้ไทม์ กับลงมายาแหวนทั้งห้าของลีนแล้วหมอนี่จะยังรู้อีก แสนรู้จริงๆ

         "พวกนายมาที่นี่เห็นว่าจะขอใช้ห้องฝึกใช่ไหม?" อยู่ดีๆเซรอสก็ตัดฉับบทสนทนาเข้าสู่เรื่องธุระทันที ดรีมกับลีนพยักหน้าตอบกลับ

         ชายชุดเทายิ้มให้บางๆ "นั่นมันห้องฝึกของเทพนา อย่างพวกนายท่าจะไม่ไหวหรอก"


         เมื่อดูก็แล้ว เช็คพลังก็แล้วเห็นว่าทั้งสองพลังไม่ถึงขั้น แผนการพิลึกมันก็กระจายออกมาเต็มหัว จนอดยิ้มไม่ได้ เมื่อครู่ที่แกล้งจุมพิตมือของเฟสก็เพราะรู้ว่าเจ้าชองผู้คร่ำเคร่ง จะต้องพาเธอออกไปคุยอะไรกันนิดหน่อย และนั่นแหละโอกาส...


         ดรีมที่โดนสบประมาททำท่าไม่พอใจ "ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง" เขาเถียง

         "ไม่ได้จะขู่หรอกนะแต่ไอ้ถ้ำนั่น ขนาดเทพระดับสูงแล้วยังตายกันเป็นว่าเล่นเลย" 
     
         ข่มเข้าไปไม่ต้องขู่ก็ได้ฟระ โอกาสที่พวกระดับฝีมือสูงก้ำกึ่งแบบนี้จะมาให้ใช้งานถึงที่แล้วใครจะปล่อยไปง่ายๆ


         ดรีมชะงักไปนิดหนึ่งเขาจำได้ว่าไอ้ชองมันบอก ที่สำหรับฝึกเพื่อได้พลังขั้นเทพนี่หว่า แต่เจ้าสถานที่กลับบอกอีกอย่าง แล้วใครโกหกกัน? แน่นอนว่าเขาเดาว่าชองเพราะโดนมากับตัวหลายรอบแล้ว มีหรือจะเชื่อเด็กเลี้ยงแกะ โดยหารู้ไม่ว่าปัญหาจริงจะเกิดก็เมื่อเชื่อเจ้าตัวที่อยู่ข้างหน้านี่...

         "ได้ข่าวว่าจะมาเที่ยวกันด้วยนี่ งั้นเอาแบบนี้ฉันมีวิธีทูอินวัน" ปีศาจหน้าระรื่นยื่นข้อเสนอพลางโยนอัญมณีสีเขียวขุ่นให้ทั้งคู่

         "ดะ เดี๋ยวนี่มันอะไร" ดรีมที่รับไว้มองหน้าเซรอสสลับกับของในมือตน

         "เก็บไว้ให้ดีนะเครื่องราง สำหรับทัวร์สวีทสองต่อสองไม่จำกัดเวลา"

         "อะไรนะคะ?" ลีนเปิดปากพูดออกมาครั้งแรกในห้องนั้น แต่มันก็ช้าไปเสียแล้วที่จะถามอะไรเพิ่มเติม อัญมณีนั้นซึมเข้าไปในมืออย่างรวดเร็วจนทั้งคู่ตกใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ปีศาจข้างหน้าโบกมือบ๊ายบายให้ด้วยใบหน้าระรื่น


         และแล้วคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็หายไปจากห้องนั้นภายในพริบตา


         ขอดูหน่อยเถอะว่า ลูกศิษย์ของเจ้าหมอนั่นจะทำยังไงกับปัญหาที่ดาวดวงนั้น... และที่สำคัญงานบ้านั่นใช้งานพวกเทพก็ไม่ได้เสียด้วยสิ บทจะส่งพวกหน่วยพิเศษไปก็ไม่ได้เรื่องแหงกลุ้มอยู่ตั้งนานว่าจะเอาไงดี

         น่าสนุกดีจริง ยิงทีเดียวได้นกเป็นพรวนเลยวุ้ย!!

         เซรอสหัวเราะอยู่คนเดียวได้พักหนึ่งเฟสกับชองก็เข้ามาอีกครั้ง แต่ทว่าก็ต้องพบกับความเงียบงัน...

         "สองคนนั่นไปไหนแล้วล่ะ?" ชองถาม

         "เด็กดีจริงๆ เห็นว่าอยากให้พวกนายได้เที่ยวกันสองต่อสองน่ะ ขอลองไปเช็คห้องฝึกดูแล้ว เดี๋ยวฉันขอตามไปดูหน่อยนะ" พูดเพียงแค่นั้นเขาก็หายตัวไปทิ้งแขกสองคนยืนมองหน้ากันเองอยู่ในห้องตามลำพัง...


         อีกด้านหนึ่งคู่หนุ่มสาวที่โดนส่งมาในสภาพหน้าตาตื่น ล้มกลิ้งไม่รู้อีท่าไหนมีชายผมเปียรองอยู่ข้างล่าง สาวผมน้ำตาลอ่อนทั่งตักอยู่เคียงข้าง มือข้างหนึ่งยันพื้นอีกข้างหนึ่งเกาะเอวของเจ้าหล่อนไว้ และมือทั้งสองข้างของเธอก็โอบคอเขาไว้ ใบหน้าแทบจะชิดติดกัน

         "อะ" ทั้งคู่ส่งเสียงไม่เป็นภาษาออกมาพร้อมกันแล้วรีบแยกทันที ใบหน้าขึ้นสีเลือดทั้งคู่ก่อนจะเหม่อมองไปรอบๆ แถวนี้เป็นที่นา ข้าวขึ้นรวงสีทองไหวไปมา ถนนคันดินสีน้ำตาลนี้ก็มีต้นหญ้าขึ้นประปราย บรรยากาศคล้ายวาเรรันแต่ไม่ใช่

         "ที่นี่มัน..." เสียงหวานๆของหญิงสาวว่าออกมา

         "ที่ไหนวะเนี่ย..." และเสียงกร้าวของอีกคนก็ว่าต่อ


         "ไม่ต้องแปลกใจไป ถ้าพวกนายกำลังคิดว่าที่นั่นไม่ใช่วาเรรันล่ะก็คิดผิด มันคือดาวดวงหนึ่งในอาณาจักรนี้" เสียงยั่วยวนกวนโทโสดังจากฟ้า เมื่อมองขึ้นไปก็ไม่เจออะไร

         ไม่ใช่! มันดังอยู่ในหัวต่างหาก!!

         "อัญมณีที่ให้ไปเมื่อครู่คือตัวส่งสัญญาณติดต่อน่ะ จะได้ติดต่อกันง่ายหน่อยถ้าฉันอยากนะ"

         สรุปคือ... พวกฉันติดต่อกลับไปไม่ได้?

         "ที่ดาวนั่นมีปัญหาสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ใจจริงก็อยากจัดการเองหรอกนะแต่ทำไมได้"

        
    คงจะเชื่อหรอกนะ ดูจากห้องเมื่อครู่กับม็อบก็รู้แล้วโว้ยว่าแกขี้เกียจแค่ไหน!!

         "เคยได้ยินสินะซ้อมไปก็เท่านั้น ลงมือทำจริงเลยดีกว่า"

         สุภาศิตโลกไหนวะ อย่ามามั่วนิ่ม!!

         "เอาล่ะสุดท้ายนี้โชคดี ฉันจะไปเป็นไกด์นำเที่ยวก่อนล่ะ"


         "เฮ้ย!!" ดรีมตะโกนตอบเสียงดัง แต่อีกฝ่ายเงียบกริบไปแล้ว... ยอด... ยอดมาก...

         "มันจะให้ทำอะไรก็ไม่บอกด้วยนี่นะ ไอ้บ้าที่ไหนมันจะไปรู้วะ!!!" ดรีมตะโกนด่าอีกครั้ง แต่ก็รู้สึกตัวจากแรงสะกิดจากข้างหลัง เมื่อหันไปหาลีนกำลังทำหน้าเบื่อโลกยิ้มแหยๆให้ นิ้วชี้ตรงไปทางถนนที่คดเคี้ยว และที่นั่นเอง พวกกลุ่มคน... ไม่สิ พวกนั้นตัวเขียวรูปร่างใหญ่โตกล้ามเป็นมัดๆหน้าตาคล้ายยักษ์ ใส่เสื้อผ้าทำจากหนังสัตว์สีน้ำตาล บ้างก็มีเกราะเหล็กประดับอยู่บ้างตามส่วนต่างๆเช่นไหล่ อก หรือแขน ขา

         พวกนั้นมัน...

         "ดรีมพวกนั้นคือพวกที่ในหนังสือนิยายเรียกว่าออร์คใช่ไหม" คำถามนั้นไม่ค่อยต้องการคำตอบเท่าไหร่ เหงื่อเริ่มผุดที่ขอบผมแบบเดียวกับที่พวกมันผุดออกจากป่ามาเรื่อยๆนี่แหละ

         "ออร์คก็ออร์ค แต่ดูพวกมันแยกเขี้ยวสิ ท่าทางไม่เป็นมิตรเลย..." ดรีมตอบกลับ

         ได้รับภารกิจมาหนึ่งอย่าง ในโลกใบหนึ่งที่กว้างใหญ่ แต่กลับไม่รู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร มิหนำซ้ำยังเจอปัญหาใหญ่กับกองทัพออร์คที่ล้อมพวกเขาอยู่ตอนนี้


         อ่อ ลืมไป... งานด่วนที่สุดก่อนหน้าอะไรทั้งมวลคือ... ทำลายความคิดที่เคยว่าหมอนั่นเป็นสุดยอดนักปกครองไปเดี๋ยวนี้เลย จะทำยังไงก็ได้อย่าให้เหลือแม้ซาก!!




    ===============================

    เป็นไงบ้างครับซึ้งสมชื่อตอนไหม? เอิ้กๆ



    ว่าจะทิ้งไว้ให้สักตอนก่อนไปจบเมโลดี้น่ะนะ เลยยาวหน่อย ^^

    (แบบนั้นเรียกทิ้งระเบิดเปล่าหว่า)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×