ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Wing of Release

    ลำดับตอนที่ #11 : Release 09 [เบิกทางสู่โลกใหม่]

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 51




    เอาล่ะ!

    ครบ 100% มีเซพ 60% นะ

    ไม่รู้ว่ารีไรท์ไปมากๆ สำนวนเดิม กับนิสัยเดิมๆของเจ้าดรีมจะกลับมาให้ยลโฉมหรือไม่... ก็ลองดูเอาเองละกัน

    ผมชักงงๆเล็กน้อย (40% ท้ายนี่รู้สึกมันนิสัยเสียขึ้นตะหงิดๆ) =  ="


        
    Release 09


         ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของฝูงออร์ค ไม่แน่ใจว่ามันโห่แสดงความสะใจ หรือโห่ไล่... หรือบางทีอาจจะทั้งสองอย่าง ใจกลางของวงล้อมในโคโลเซี่ยมขนาดยักษ์นั้น กลับยืนอึ้งค้างเติ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ชายผมน้ำตาลยาวจะขยับมือขึ้นเกาหัวฟูๆ

         "แปลกใจอะไร นี่แหละเหตุผลที่พวกฉันต้องอยู่ในเมืองออร์คจนวันนี้"

         สถานการณ์อย่างนี้ยังพูดเรื่อยเปื่อยสีหน้าไม่เปลี่ยน ว่าแต่กระโดดลงมาจากที่สูงขนาดนั้นไม่เป็นอะไรเลย ยังจะนับว่าเป็นคนได้อยู่อีกเหรอ!

         ชานอนเหล่ไปยังขาซ้ายซึ่งสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบา แต่คนกวนประสาทก็รู้ทันยกข้อเท้าบิดไปมา แล้วยิ้มบางยั่วโทโส มิหนำซ้ำยังหันไปมองรอบด้านเหมือนกับจะเมินคู่ต่อสู้ผู้ถือดาบไซส์เล็กกว่าตัวนิดหน่อย อันที่จริงแล้วอาวุธของออร์คมันแทบไม่มีขนาดเล็กกว่านี้ให้เลือกดูแล้วต่างหากนี่สิ

        
    เคร้ง!

         ดาบใหญ่ซึ่งประคองไว้นานทิ่มลงพื้น มือซ้ายขยับปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจเสียงค่อย เรียกสายตาดรีมให้มองย้อนกลับมาอย่างประหลาดใจ

         "เฮ่ เฮ่ เป็นอะไรไป"

         ดรีมถามแต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า

         "ก็แบบนี้คลายเครียดลงเยอะเลย ดีกว่าสู้กับพวกยักษ์ปักหลั่นซะอีก!"

         "นายคิดว่าจะชนะฉันง่ายกว่าไอ้พวกนั้น?"

         สิ้นคำพูดนั้นเด็กหนุ่มผมดำพยักหน้าหงึกๆ กระตุกต่อมฉุนให้แก่ท่านปีศาจเล็กน้อย แต่ให้ลองคิดดูแล้ว... มันก็ไม่แปลกอะไร สองสามวันมานี้ถ้าจะถามว่าหมอนี่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างก็ต้องตอบว่า "ไม่มี" หากจะรู้ก็แค่ฝีมือในการต้มออร์ค ซึ่งคนใกล้ตัวที่สุดเอาไปแฉโพนทะนาซะเรียบ... เพราะฉะนั้นในสายตาของหมอนี่ เขาเองก็คงเป็นแค่ปีศาจสิบแปดมงกุฎเท่านั้น...

         "เอาเถอะ เลิกจ้องได้แล้วลุยเข้ามาเลยดีกว่า" ดรีมกวักมือเข้าหาตัวเองด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน ผิดกับอีกฝ่ายซึ่งกำลังทำหน้าเหรอหรานึกอยู่จะจับดาบดีหรือไม่ แต่ดรีมกลับทำลายความลังเลนั้นในพริบตาด้วยการ กระโดดเข้าจับมือขวาซึ่งกำดาบเอาไว้แล้วถีบชาน่อนเซออกจากจุดยืนจนเกือบล้ม และพริบตาเดียวกันนั้นเองเขาแอบกระซิบข้างหูว่า "เห็นมือเปล่าแต่ระวังไว้บ้าง อย่างน้อยฉันก็เป็นปีศาจมากกว่ามนุษย์..."


         แม้คำพูดนั้นจะทำให้ชาน่อนขนลุกชัน ตัวสั่นหงึกๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะลุยเข้าใส่แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังดูเกร็งที่จะต้องยกดาบฟาดฟันเข้าใส่เสียอีก ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงเพราะมันทำให้คุณปีศาจดรีมโกรธขึ้นมาจนได้ เรียกสายลมกระแทกเข้าใส่จนเด็กร่างเล็กกระเด็นกลิ้งไปตามแรง เรียกเสียงฮือฮาจากกองเชียร์ได้เป็นอย่างดี


         ฝ่ายชาน่อนเองเมื่อลุกขึ้นมาก็พยายามสำรวจตัวเอง เพียงการจู่โจมเมื่อครู่ตัวเขาก็เปิงไปหมดแล้ว เลือดไหลซิบจนขากางเกงชุ่มชื้นขึ้น และส่วนแขนเสื้อเองก็เริ่มมีสีแดงฉานเคล้า แววตาฉายความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เพราะสิ่งซึ่งได้สัมผัสเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ของที่เคยพบเจอจากโลกเดิมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

         "มายากลเหรอไงเนี่ย..." เขาพึมพำกับตัวเองแต่คนผมน้ำตาลกลับไม่ฟัง เดินเข้าหาอย่างเชื่องช้าด้วยแรงกดดันนั้นชาน่อนเข้าใจทันทีว่า 'ไม่ได้ล้อเล่น หมอนั่นเอาจริง สายตานั้นฆ่าเขาได้จริง!'

         ช่วงจังหวะที่ชาน่อนกลืนน้ำลายนั้นดรีมไม่รอช้า พุ่งเข้าใส่อย่างฉับไวไม่ให้ตั้งตัว ดาบเล่มโตเองก็หนักใช่ย่อยจะยกขึ้นฟันจึงถีบยันเอาไว้ก่อน แต่อีกฝ่ายกลับว่องไวเกินคาดตะแคงข้างหลบ เตะเกี่ยวเท้าข้างสุดท้ายซึ่งค้ำจุนไว้กับพื้น พริบตาเดียวกลับขยับประชิดได้อีกครึ่งก้าวกระแทกศอกซ้ายเข้าลิ้นปี่อย่างแรงจนตัวลอย และมือขวาของดรีมเองก็คว้าดาบยักษ์มาไว้ในมือด้วยความไวเหลือเชื่อ


         พริบตาที่แทบทั้งสนามไปไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม้แต่ฝูงออร์คยังเงียบกริบ ชาน่อนหัวหมุนไปหมดรู้สึกเหมือนร่างกายบางส่วนแตกร้าว อาหารซึ่งกินไปเมื่อเช้าแทบจะมากระจุกรวมกันที่คอ ถึงกระนั้นแววตาสีดำกลับกร้าวขึ้น จ้องสู้กับดรีมโดยไม่คิดจะถอยแม้แต่นิดเดียว จังหวะนั้นเองดรีมแสยะยิ้มน่าหวั่นขึ้นแล้วเหวี่ยงดาบปักข้างศีรษะของชาน่อนห่างเพียงไม่ถึงห้าเซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นการระเบิดเสียงเฮของพลพรรคออร์คขึ้นมาอีกครั้ง


         "คู่ครองของเจ้านี่น่าทึ่งจริงๆ"

         "คะ?"

         ออร์คร่างบางจับคางแล้วพูดขึ้น สาวสวยในอาภรณ์สีอ่อนด้านข้างขานรับด้วยความแปลกใจ

         จากเครื่องประดับบนบ่าซึ่งเป็นสีทอง หมวกสีเงินฝังอัญมณีงามไว้มากมาย และทุกครั้งที่ออร์คผู้นี้แสดงอากัปกิริยาใดออกมา รอบด้านต้องมีการตอบสนองอยู่เสมอ บ่งบอกได้ชัดเจนถึงฐานะอันสูงส่งเกินใคร

         "ตัวข้าชมการประลองนี้มาตั้งแต่เล็ก แต่ข้าไม่เคยพบใครทำให้สนามประลองเงียบกริบได้เลยสักคน การเคลื่อนไหวเรียบง่ายแต่คมกริบนั่นดึงดูดจนลืมหายใจทีเดียว" เขาพูดจบก็พยักหน้าสนับสนุนความคิดตน ลีนยิ้มรับแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความกังวล

         "ว่าแต่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมพวกเจ้าต้องฝากเด็กมนุษย์นั่นเข้าประลอง มิหนำซ้ำจัดให้เจอกับดรีมตั้งแต่รอบแรกเสียอีก"

         คราวนี้ลีนส่ายหน้าเลี่ยงไม่ตอบคำถาม เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน...
    จะว่าดรีมเข้าไปช่วยก็ไม่ใช่ หรือเข้าไปเหยียบย่ำซ้ำเติมก็พอมีทาง

         แต่อย่างน้อยที่สุดหมอนั่นคงไม่ฆ่า... แค่นั้นก็ดีแล้ว

         "ฝีมือที่บุดันบังว่าเป็นเลิศข้าขอชมให้ชัดหน่อยเถอะ งานนี้ข้าส่งมือระดับสูงลงไปถึงหกคนทีเดียว"

         "เอ๋ ว่ายังไงนะคะ!"

         ลีนอุทานอย่างแปลกใจ เรียกเสียงหัวเราะร่าจากองค์ชายใหญ่ได้เป็นอย่างดี พูดร่ำไปว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขาสั่งให้พวกนั้นดูเชิงก่อนไม่หนักมือมาก.... แต่อันที่จริงแล้วลีนกลับเกรงตรงกันข้าม มันจะเป็นอะไรมากไหมถ้ายอดฝีมือทั้งหมดนั่นโดนปราบเดี้ยงหมด

         อย่างดรีมให้ออมมือยอมแพ้ดูท่าจะยาก เพราะแค่เด็กตัวเล็กพี่แกยังซัดไม่เลี้ยงเลย นับประสาอะไรกับยักษ์?

         งานนี้ดูท่าจะมีออร์คช็อค


         การต่อสู้ดำเนินต่อเนื่องอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่ชาน่อนเกิดฮึดขึ้นมา เมื่อดรีมเดินเข้าหาแม้จะช้าเพียงใดแต่ดาบใหญ่ก็ตวัดฉวัดเฉวียนเข้าใส่ ใบหน้าสีขาวซีดเผือดเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น บัดนี้เขาใจคอไม่มีดีเลยศัตรู... ใช่ควรจะเรียกศัตรูได้แล้ว ปีศาจข้างหน้าของเขานี่ยากจะหยั่งถึงจริงๆ เพียงแค่เผชิญหน้าหากอยู่เฉยคงต้องเป็นบ้าแน่ เขารู้สึกเหมือนคลื่นยักษ์สีดำทมิฬกำลังถาโถมเข้าใส่และ ตัวเขาเองก็มีเพียงไม้จิ้มฟันเป็นอาวุธเท่านั้น!

         "งี่เง่าน่าสติแตกแบบนี้จะชนะได้ไง"

         ระหว่างหลบคมดาบราวกับพายุชายข้างหน้าเขากลับมีหน้ามายิ้มยิ้มเย้ยให้ แต่ตัวเขาตอนนี้ไม่อาจรับรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ร่างกายแทบจะถึงขีดจำกัดดาบในมือเบาได้จนถึงเมื่อครู่เนื่องจากสารอดรีนาลีน แต่บัดนี้มันกลับหนักอึ้งจนประคองแทงไม่ไหว ถึงขนาดนั้นแล้วชายข้างหน้ายังไม่มีรอยแผลแม้เพียงยุงกัด

         ดรีมยิ้มบางอย่างเย็นยะเยือกก่อนจะเตะเข้าที่ข้อมือจนดาบนั้นหลุดมือไป และต่อยท้องของชาน่อนอย่างแรง ร่างเล็กงอเป็นกุ้งเท่านั้นไม่พอยังต่อยเสยจนเด็กผมดำกลิ้งลงไปนอนกองอีกครั้ง

         ในตอนนี้ทั้งประสาทรับรู้ต่างก็พากันประท้วงจะไม่ทำงาน ในหัวของเขามีแต่เสียงวี้ๆ มองไปทางไหนโลกก็หมุนวนจนไม่สามารถจับทิศ ร่างกายแทบไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปนอกเสียจากกลอกตาไปมา ขาตะเกียกตะกายหนี มือพยายามไขว่คว้าอะไรบางอย่างซึ่งสามารถยึดเหนี่ยวได้

         "ถามจริงเถอะนี่คิดยังไงถึงลงแข่ง แค่นี้ก็หมดสภาพแล้วทุเรศสิ้นดี"

         แต่ไม่รู้ทำไมเสียงกวนประสาทนั่นดันดังอยู่ในสมองได้ สายตามัวของเขามองไม่ชัดนักแต่หมอนั่นยืนกอดอกอยู่ด้านข้าง ในช่วงเวลาซึ่งแทบไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป เป้าหมายแรกก็ผลักดันให้เขาต้องขยับตัว มือคว้าแว่นมาสวมอีกครั้งแล้วลุกขึ้นจ้องตอบด้วยแววตาสีดำวาวโรจน์

         เขาจำได้แล้วว่าลงแข่งครั้งนี้ก็เพื่ออยากจะเอาชนะหมอนี่เท่านั้น จะไม่ยอมให้ตนต้องโดนปีศาจบ้านี่ดูถูกกระทืบติดดิน


         มันก็เท่านั้น!


         แต่มันก็ได้แค่คิดเมื่ออยู่ดีๆ โลกทั้งโลกก็มืดบอดแล้วไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนกระทั่งเขาโดนไดโนเสาร์ตาคล้ายปีศาจแถวนี้ไล่งับสุดท้ายก็โดนมันเหยียบแบนแต๋


         "ว้าก!!!!"

         ดวงตาเบิกโพลงร่างซึ่งนอนอยู่ลุกพรวดพร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อครู่เขาฝันไปทำไมถึงฝันน่ากลัวอย่างนี้นะ! ชาน่อนถามตัวเองได้ชั่ววูบหนึ่งแล้วก็ต้องตกใจกับสภาพความเป็นอยู่ของตน ซึ่งขณะนี้มาอยู่ในเขตที่นั่งวีไอพีของพวกออร์ค และเสียงของเขาเมื่อครู่ก็ทำให้พวกหน้าเขียวแต่งชุดสวยหันมามองกันเป็นแถบ และเมื่อมองกลับไปข้างหลัง สาวผมน้ำตาลยาวก็ยิ้มหวานให้

         อาการบาดเจ็บทั้งหมดหายไปราวกับเขาฝันไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดหัวกลับรู้สึกปลอดโปร่งสบาย... ถ้าตื่นจากเตียงนุ่มๆเขาคงไม่แปลกใจ แต่กับเก้าอี้หิวนี่... หรือว่าเขาจะนอนหนุนตักสาวสวยคนนี้มาตลอด

         "เป็นอะไรไปจ๊ะ สงสัยจะโดนเข้าไปหนักมากนะเนี่ยถึงกับฝันร้ายเลย"

         เธอว่าแล้วหัวเราะคิกคัก แต่เด็กหนุ่มต้องถอยกรูดพลางขยับแว่นหันมองไปรายรอบทันที

         ถึงมันจะน่าดีใจแค่ไหนก็เถอะ แต่การทำอย่างนั้นมันเหมือนจะเป็นการลดอายุของตนชนิดไม่ได้รับทอนชัดๆ!!

         ในไม่ช้าสายตาสีดำสนิทก็พบผู้ซึ่งตนตามหา ชายผมน้ำตาลยาวจ้องเขม็งขึ้นมาจากกลางสนามแข่ง ด้วยแววเล็งเข่นฆ่าน่าขนลุกยิ่งกว่าเมื่อตอนเขาเผชิญหน้าอยู่เสียอีก ติดก็แค่... หมอนั่นกล้าเมินคู่ต่อสู้ซึ่งถือหอกยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังนั่น!

         ออร์คโย่งร่างผอมสูงประมาณเกือบสองเมตรไม่คิดจะรอช้า ง้างคันศรซึ่งสร้างจากเพลิงเล็งแล้วยิงเข้าใส่ มันเป็นชั่วพริบตาที่ไม่มีใครมองทัน ดรีมเบนตัวเล็กน้อยแล้วหลบได้อย่างง่ายดาย ศรลูกต่อไปพุ่งตัดอากาศเร็วยิ่งกว่าเดิมทว่าเขาก็เพียงแค่เบี่ยงตัวแล้วใช้ดาบสีดำบนบ่าสะกิดจนวิถีหักลงสู่พื้นอย่างแม่นยำ แบบนี้ไม่ต้องเป็นคู่ต่อสู้ก็เหงื่อตก ผู้ชมทั้งหลายรวมทั้งกลุ่มวีไอพีก็ไม่แพ้กัน ยกเว้นแต่สาวในชุดอ่อนซึ่งนั่งข้างเขานี้ ซึ่งดูไปยิ้มไปราวกับว่าเรื่องแค่นั้นมันธรรมดาเอามากๆ


         เมื่อผู้อยู่กลางสนามชูมือขึ้นกลุ่มยักษ์ซึ่งตะโกนลั่นว่าอาจารย์ ก็โยนอาวุธตั้งแต่ดาบขวานทวนลงไปให้ และออร์คผู้นั้นก็เดินไปเลือกดาบโค้งขนาดใหญ่มาไว้ในกำมือ พร้อมตั้งท่าเตรียมต่อสู้ชี้ดาบตรงไปยังปีศาจหนุ่มซึ่งยืนยิ้มอยู่ไม่ห่างนัก
    เมื่อดูจากระยะอาวุธดรีมนึกว่าอีกฝ่ายจะมุ่งจู่โจมจากระยะกลาง แต่มันกลับผิดถนัดเมื่อออร์คโย่งเล่นยิงเวทเพลิงจากระยะไกลกระจัดกระจายมั่วซั่ว ฝุ่นดินฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณก่อนที่เขาจะตามเข้าไปจู่โจม ทันใดนั้นเกิดลมพายุขึ้นชั่วอึดใจพร้อมเสียงวูบวาบ ในไม่ช้าฝุ่นทั้งหมดก็ออกจากทัศนวิสัย สิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาผู้ชมทั้งหลายคือ ชายผมน้ำตาลในชุดเสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำตาลสางดาบพาดอยู่บนบ่าเหมือนเดิม ทว่าอีกฝ่ายกลับเริ่มหายใจหอบปลายดาบนั้นชี้ตกลงสู่ดิน แววตาจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้


         ชายร่างสูงดึงพลังอีกเฮือกสุดท้ายวาดดาบเป็นวงกลมงดงามหมายตัดศีรษะเล็กๆ ดรีมเหมือนรอท่าอยู่แล้วใช้ไหล่เยี่ยงคานงัดดาบสีดำเบี่ยงวิถีดาบโค้งขนาดใหญ่นั้น แล้วขยับเข้าประชิดไม่ว่าใครก็คิดว่างานนี้คงจบแค่นั้น แต่เจ้าตัวดีกลับใช้มือซ้ายผลักคู่ต่อสู้เซไปข้างหลังราวกับให้แก้ตัวใหม่ ออร์คผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีโกรธจัดเปลี่ยนเป็นพุ่งเข้าแทงอย่างบ้าเลือด ดรีมแสยะยิ้มพร้อมพุ่งเข้าปะทะด้วยความเร็วอันเหนือกว่าพริบตาเดียวทั้งหลบคมดาบ ทั้งแทงเข้าที่กั่นดาบจนแตกกระจาย ตัวดาบใหญ่กระเด็นหลุดจากด้ามให้ทุกสายตาต้องตะลึงงัน ก่อนที่เขาจะพลิกตัวอ้อมไปด้านหลังแล้วต่อยเข้าที่ชายโครงเปรี้ยงเดียว ยักษ์ตัวสูงถึงกับกระอักเป็นเลือดลอยละลิ่วไปเกือบถึงกำแพงที่ห่างกว่าห้าสิบเมตร ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของกองเชียร์นับหมื่น


         "หมดกันอาจารย์สอนศาสตราวุธข้า" องค์ชายแห่งออร์คเอ่ยพร้อมกุมขมับ แม้จะฟังไม่ออกแต่ชาน่อนเข้าใจดีถึงความรู้สึกนั้น รวมทั้งความเก่งกาจของผู้ลงไปนอนกองนั้นด้วย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหมอนั่น... ดรีม...

         ฝีมือขนาดนั้นยังไม่อาจเอื้อม แล้วเขาจะไปชนะมันได้ยังไงกัน...

         "ลีนเจ้าคิดอย่างไร? ดูเหมือนเจ้าจะไม่แปลกใจอะไรเลยนี่"

         ลีนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจว่าองค์ชายอูรุกันถามตน เนื่องจากเสียงเชียร์มันกลบไปเสียสิ้น

         "อ๊ะ... คือฉัน..." เธออ้ำอึ้งเหมือนเกรงใจไม่กล้าตอบอะไรมากนัก จนอูรุกันต้องเปิดไฟเขียวโดยบอกให้พูดตามสบายอย่าเกรงใจ ซึ่งคำตอบหลังจากนั้นทำให้ผู้คนแถวนั้นต้องอ้าปากเหวอ

         "จากสายตาฉันออร์คคนเมื่อครู่ก็เก่งดีนะคะ แต่เขาไม่รู้จักตัวเองดีพอ การใช้เวทก้ำกึ่งไม่มีทางทำอะไรดรีมได้แน่ ขนาดเวทของฉันยังยากเลย เท่าที่ดูแล้วเขาควบคุมจังหวะและระยะตัวเองไม่ดีพอ ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าผลัดใช้อาวุธไปเรื่อยจึงไม่ถนัดอะไรสักอย่าง กว่าจะจับจังหวะได้ก็ต้องกินเวลานานโข รัศมีการจู่โจมก็กว้างไปอ่านง่าย แม้จะแรงขนาดเกิดลมพายุก็ใช่ว่าจะชนะถ้ามันโดนแต่ลม ส่วนระยะที่เขาถนัดที่สุดน่าจะเป็นทวนค่ะ ดรีมเองก็รู้ดีเลยผลักออกไปให้อยู่ในระยะทวนนั่นไง... นั่นเป็นวิธีการบอกใบ้ตามสไตล์หมอนั่นล่ะ"

         "ฮะ ฮะ ฮะ..." องค์ชายแห่งออร์คหัวเราะฝืดๆ กลบความประหลาดใจไว้ไม่มิดส่วนลีนเองก็เพิ่งตระหนักว่า พูดมากเกินไป จึงรีบเอามือปิดปากแล้วหัวเราะแหะๆแก้เขินเล็กน้อย ชาน่อนเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เขาเองเข้าใจสองคนนี้ผิดมาตลอด ตอนแรกเขานึกว่าเป็นแค่พวกนักต้มเท่านั้น แต่แบบนี้ท่าทางกองทัพออร์คบางทีจะเอาไม่อยู่เสียด้วยซ้ำ เขาเพิ่งจะรู้จักคำว่าเวทมนตร์อย่างแท้จริงก็ไม่นานมานี้ และตอนนี้ก็ได้รับรู้ถึงบางอย่างเพิ่มขึ้น

         นั่นคือผู้ซึ่งสามารถใช้มันได้...

         หลังจากนั้นดรีมขึ้นมาคุยกับองค์ชายถึงเคล็ดลับต่างๆเสียเพลิน ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าหมอนั่นเองก็ทำหน้าสนุกเป็นกับเขาได้เหมือนกัน แต่แล้วชาน่อนก็ต้องหน้าเหี่ยวลงเมื่อลีนแอบกระซิบข้างหูว่า "อย่าไปเชื่อมันหมอนั่นเล่นละครเก่งจะตายดาราอย่างเธอยังอาย แถมมีเทคนิคการหลอกตัวเองอีก ส่วนเคล็ดต่างๆอย่าไปจำเพราะมันมีทั้งจริงทั้งเท็จมั่วซั่วไปหมด"


         เขาเข้าใจบัดเดี๋ยวนั้นเองว่า พวกออร์คนี่น่าสงสารเป็นบ้าที่ต้องเจอคนแบบนั้น และตอนนี้เขาเองอยู่ในมือฝ่ายอธรรมเต็มตัวแล้วแหง


         หลังจากนั้นการประลองก็จบลงโดยดรีมโดนเตะไปครั้ง โดนต่อยอีกหนึ่ง เวทระเบิดอีกสอง ที่รอบชิงแต่พี่แกไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรเอาเสียเลย ชาน่อนเองชักสงสัยว่าหมอนั่นยอมเพื่อไม่ให้งานกร่อยหรือไม่ เพราะอย่างน้อยก็ยังอยู่ในเมืองออร์ค

         แต่ให้ว่าโดยสรุปแล้วงานนี้คุณปีศาจชนะได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเอาเสียเลย โดยมีสาวชาวไครม์คอยอธิบายการต่อสู้ไปจนจบ สำหรับรางวัลชนะเลิศองค์ชายอูรุกันได้ให้ตราออร์ค ซึ่งโฆษณาไว้ว่า 'หากโชว์ป้ายนี้ที่ใดออร์คทุกตนจะให้ความช่วยเหลือทันที' นับว่าตอนนี้ทั้งดรีมกับลีนกลายเป็นจ่าฝูงออร์คไปโดยปริยาย

         แล้วเขาล่ะ?

         ใช่... สัญญาระหว่างเขาก็จบลง เขาไม่ชนะถึงจะเพราะคู่กรณีขี้โกงตั้งโจทย์ที่ทำไม่ได้มาให้ก็ตามที แต่นั่นหมายความว่าหมอนั่นไม่ต้องการให้เขาร่วมทางไปด้วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะตามไปก็ไร้ประโยชน์... ซึ่งมันก็แปลกดีหลังจากแข่งแล้วเขากลับรู้สึกว่าเรื่องนั้นมันไม่สำคัญอีกต่อไป


         "แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะจ้ะ"


         เสียงหวานเรียกให้คนซึ่งกำลังจมกับความคิดให้หันมอง นัยน์ตาสีน้ำตาลงามนั้นเหมือนมองทะลุไปถึงเบื้องลึกของจิตใจ ว่าแล้วเธอก็ยิ้มให้เขาใบหน้านวลนั้นเขาว่านางฟ้ายังอาย การสบตาอยู่กับใบหน้านั้นหากเขาจะไม่ประหม่าพูดจาละล่ำละลักก็แปลกแล้ว เพราะงั้นเจ้าตัวจึงตัดสินใจเงียบไว้เป็นดีที่สุด

         ในขณะเดียวกันดรีมซึ่งเจรจากับออร์คท่าทางหงอยจบก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

         "เอาล่ะจากนี้ไปเตรียมใจเอาไว้ด้วย" เขาว่า

         "เอ๋?" ชาน่อนทำหน้างงอย่างเหลือประมาณ แต่คนเปิดประเด็นกลับทำเมิน ปล่อยให้หญิงสาวผู้กำลังหัวเราะคิกคักเป็นผู้อธิบายต่อ

         "ผ่านจ้ะ พวกเรายอมรับเธอแล้วล่ะ!" เธอพูดอย่างเริงร่า ยิงเวทแสงเป็นพลุเล็กๆแสดงความยินดีให้อีกต่างหาก พวกเวทมนตร์นี่เอาไปใช้แสดงมายากลที่โลกท่าจะรวยแฮะ

         "แต่ผมแพ้นี่นา ทำไม..." ชาน่อนพูดเสียงอ่อยแต่ก็โดนปีศาจเจ้ากรรมแย้งขึ้นทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบประโยคว่า

         "ตอนนั้นสัญญากันไว้ว่าชนะ แต่ไม่ได้ตกลงไว้สักหน่อยว่าชนะอะไร ไอ้ฉันก็แค่อยากดูเท่านั้นแหละว่านายจะมีความมุ่งมั่นแค่ไหน แล้วไอ้ที่ลุกขึ้นมาจ้องทั้งเลือดโทรมแค่นั้นมันก็พอแล้ว ถ้าให้ตอบว่าชนะอะไร..."

         ดรีมชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ยต่อไปว่า

         "นายก็ชนะตัวเองได้มันก็แค่นั้น"

         เสียงอันเคยเรียบเฉยเวลานี้มันกลับตะกุกตะกักเล็กน้อย แววตาขุ่นซึ่งเคยเผชิญหน้าด้วยบัดนี้มันกลับดูอบอุ่นกว่ามากนัก แววอาฆาตต่างๆก็สลายไปเสียสิ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ชาน่อนรู้สึกว่าชายข้างหน้าเป็นคนดี... ล่ะมั้ง

         "ยิ้มบ้าอะไร อย่างที่ว่าไว้จากนี้ไปเตรียมใจให้ดี!"

         "เอ๋?"

         เตรียมใจหมายความว่ายังไงล่ะเนี่ย... คุณจะฆ่าผมเรอะ!!

         เด็กหนุ่มผมดำลอบถามในใจ แต่ด้วยดวงตาส่อแววฉงนนั้น ใครก็เดาได้ว่าเขากำลังงง

         "ถึงจะยอมรับแต่ไม่ได้หมายความว่าช่วย พวกฉันจะจับนายฝึกให้รากเลือดเลย"
    ดรีมพูดจบก็หันหลังให้แล้วล่ำลาพวกออร์คซึ่งออกันอยู่ด้านหน้าประตูเมืองขนาดใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินกันไปตามสะพานข้ามคูเมือง ออกสู่ถนนดินแดงด้านขวามือเป็นป่าโปร่งดูแล้วคิดถึงป่าบนโลกตะหงิดๆ ส่วนทางซ้ายเป็นทางแยกเข้าหุบเขา ซึ่งพวกเขาก็เลือกที่จะไปทางนั้น

         "แล้วนี่จะไปไหนกันครับ"

         ดูเหมือนนักเดินทางทั้งสองจะยังไม่ได้คิดอะไรเอาเสียเลย คนนึงเอานิ้วจิ้มคางและอีกคนก็หยิบแผนที่ออกมากาง เขาชักจะสงสัยเสียแล้วสิว่าเชื่อใจถูกคนหรือไม่...

         "เอลฟ์เป็นไง ไปปีศาจหรือไครม์เห็นทีพวกเราคงโดนไล่ฆ่าแหง"

         เด็กหนุ่มเลิกคิ้วฉับพลัน

         ก็พวกคุณเป็นทั้งปีศาจทั้งไครม์ แล้วไหงเข้าพวกเดียวกันถึงจะโดนไล่ล่าเล่า!!

         "ก็ดีนะ รู้สึกเอลฟ์จะเจริญที่สุดด้วยสิ" ลีนเออออแล้วเสริมต่อไปว่า "ถึงพวกกลุ่มชุดดำนั่นจะมาจากเอลฟ์ก็เถอะ ฉันว่างานที่คุณเซรอสให้มาคงไม่พ้นเอลฟ์แน่"

         งาน... งานอะไรครับแล้วไอ้เซรอสที่ว่ามันเป็นใครกันหนอ อยากจะขอร้องจริงๆว่า พูดกันภาษาที่พอจะให้ผมเข้าใจได้หน่อยเถอะ!

         "เฮอะงานนั่นน่ะเหรอ ช่างหัวมันเถอะ แต่เอาเป็นว่าเอลฟ์นะถ้าอย่างนั้นก็..."


         ดรีมพูดจบก็ทรุดลงไปนั่งยองๆแล้วเอามือซ้ายกุมขมับ เมื่อผมถามว่าเป็นอะไรเขาก็ชี้ไปยังแผนที่ ผมเข้าใจชัดแล้วว่าทำไม ก็ไอ้แผนที่บ้านั่นสุดยอดเลย! ไม่น่าเชื่อว่าออร์คจะดูกันรู้เรื่อง เส้นมีเพียงนิดเดียวมีบอกเป็นลักษณะภูเขาเช่น เขากะโหลก เขาจิ้งจก เขาบลาๆ ป่าทึบ ลำน้ำแคบ แต่เรื่องทิศดันไม่มีบอก และแผนที่นอกเหนือจากเขตออร์คก็มีเพียงปีศาจเท่านั้นซึ่งมีเมืองให้หนึ่งเมือง ส่วนอื่นของแผนที่จั่วว่า "ดินแดนสายหมอก"


         ใครมันช่างเขียนนะ น่าจับฆ่าหมกป่าจริงๆ แล้วนี่พวกเขาจะมีปัญญาไปถึงจุดหมายไหมเนี่ย!!


    60%


         หากทางเดินมีเพียงหนึ่ง เขามักจะแหวกไปทางอื่นแทนด้วยกำลังของตน แต่กับโลกใหม่ซึ่งไม่ธรรมดานี้เขาคงจำเป็นต้องไปตามนั้น ก็ในเมื่อทางเดินเส้นนั้นมันไม่ไกลนักเดินสักสองสามวันคงถึง แผนที่ของเมืองออร์คมันไร้ประโยชน์เกินไปถ้าอย่างนั้น ไปฉกแผนที่ของเหล่าปีศาจดูก็คงจะดีใช่น้อย คิดได้เช่นนั้นกลุ่มคนหลุดมิติก็เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ทันที

         สองขาก้าวเรื่อยเอื่อยไปตามทางลูกรังทอดยาว ลัดเลาะหุบเขาสีน้ำตาลแดงสลับซับซ้อน ในตอนแรกชาน่อนนึกว่าการฝึกก็แค่การข่มขู่รับน้องธรรมดา แต่เดินไปเดินมาขาชักลากและเริ่มเข้าใจว่า ความจริงแล้วทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้น ทิวทัศน์สวยงามน่าตื่นตารอบด้านไม่เข้าหัวเลยสักนิด ในขณะที่คู่ไครม์ปีศาจยังเดินกันด้วยหน้าระรื่น ฝ่ายสาวเจ้าก็ชี้ไปนู่นทีนี่ที ส่วนชายหน้าดุพอเห็นหินสวยราวอัญมณีซึ่งประดับอยู่ตามช่องเขา หัวก็พาลคิดแต่จะขุดไปทำเงิน แต่สำหรับเขา... ตอนนี้สรรพเสียงก็อื้ออึงรวมกันดัง วี้ๆแล้ว!

         "นี่... พักกันหน่อยไม่ได้เหรอครับ ผมจะเดินไม่ไหวแล้วนะ"

         สองหน่อที่เดินนำเหลียวมองกลับมาทางเขา ทำเหมือนจะหยุดพักตามคำขอ แต่ที่ไหนได้ดรีมหันกลับไปทางเดิมแล้วเดินหน้าต่อทันที ส่วนลีนก็เปลี่ยนมาเป็นเดินถอยหลังไปเรื่อยแทน สรุปจะหยุดกันไม่เป็นใช่ไหมเนี่ย!

         "อะไรกันแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว? งั้นก็กลับไปซะเกะกะ"

         ท่านผู้ชมที่เคารพ ไอ้โหดมันจะขับผมออกจากสำนักแล้วครับ ยังไม่ถึงวันเลย!

         "แต่นี่เราก็เดินกันช้าแล้วนะ เพิ่งจะมาได้แค่สิบกิโลฯเองมั้ง"

         คราวนี้เป็นทีหญิงเหล็กพูดบ้าง ให้ร่างบางสวยน่ารักออกปานนั้น มาตั้งสิบกิโลฯเหงื่อไม่เล็ดสักหยด...

         "พวกคุณไม่รู้จักเหนื่อยกันเหรอไงเนี่ย แล้วการฝึกผมก็นึกว่าจะมีอะไรน่าสนใจสักหน่อย!!"

         เขาเผลอแผดเสียงบ่นออกไปเรียกให้เจ้าของนัยน์ตาคมกริบหันมามอง


         "น่า-รำ-คาญ"


         ดรีมพูดเน้นทีละคำ ตามด้วยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินจากไป ซึ่งดูเหมือนมันจะเพิ่มแรงฮึดให้กับชาน่อนขึ้นมานิดหน่อย เขาจึงรีบเดินไล่จี้ติดทันที หญิงสาวผมน้ำตาลเห็นภาพอย่างนั้นแล้วก็ต้องยิ้มกริ่ม เธอชี้นิ้วลงไปที่เท้าของอาจารย์ปีศาจแล้วบอกให้เขาดูให้ดี ตอนแรกชาน่อนปฏิเสธจะดู แต่เมื่อเห็นชัดแล้วเขาก็ชะงักไปเถียงอะไรไม่ออกสักนิด หมอนั่นเดินเท้าไม่ติดพื้น และสาวสวยด้านข้างเองก็เช่นกัน!

         "ดูจากท่าทางแล้วคงไม่รู้ล่ะสิ หมอนั่นเดินไปใช้วิชาเวทแรงดึงดูดไปเรื่อยตลอดทาง ส่วนฉันใช้เวทลมล่ะพยายามทำให้เหมือนเดินอยู่บนพื้นที่สุด มันเปลืองพลังสมาธิน่าดูเลยนะ ถ้าถามว่าเหนื่อยไหมก็คงต้องตอบว่าเหนื่อยแหละ"

         "แล้วเมื่อไหร่จะสอนเวทมนตร์ให้ผมบ้างล่ะครับ?"

         คำถามใหม่ทำให้ลีนลังเลนิดหน่อยที่จะตอบ จึงหันไปถามความเห็นกับดรีมเล็กน้อย ท่าทางแบบนี้จะตีความว่าไม่คิดสอนผมได้หรือเปล่านี่? แต่คิดได้แค่นั้นคำตอบเย็นยะเยือกก็ลอยกระทบหู ทะลุเข้าสมองจนเขาสะดุ้งว่า "สอนอยู่แต่เป็นทางอ้อม"

         "ความจริงมันก็ไม่อ้อมหรอกมั้งดรีม แค่มันไม่ใช่ทางลัดเท่านั้นเอง!" ลีนรีบแย้งทันควัน

         "อ้าวมีทางลัดแต่ไม่ใช้ แล้วเมื่อไหร่ผมจะใช้เป็นสักทีล่ะ!"

         ลีนทำท่าครุ่นคิดอะไรอีกนิดหน่อย เหมือนกับไม่อยากจะพูด แต่ก็ไม่อยากทำลายน้ำใจใคร ผิดกับเจ้าคุณปีศาจที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นกลางปล้องแบบเชือดเฉือนกันเต็มๆว่า "ทางอ้อมไม่แน่ว่าจนตายก็อาจใช้ไม่ได้ ส่วนทางลัดอาจจะตายมันตรงนี้เลยมันก็แค่นั้น"

         คำตอบนั้นทำให้มนุษย์เพียงหนึ่งเดียวสะดุ้งเฮือก ตาเบิกโตขึ้นฉับพลัน ปากเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่เสียงกลับออกมาแค่ อะ อะ อะ

         เมื่อหันไปทางคนที่น่าไว้ใจได้ เธอเองก็พยักหน้ายืนยันสีหน้าซีดลงถนัดตา เขาชักสงสัยเสียแล้วว่าทางลัดนั่นมันคืออะไร แล้วคนพวกนี้เคยเจออะไรมาบ้าง... ความจริงเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก แต่ว่าความรู้สึกพิลึกพิลั่นมันเร่งให้เขาต้องก้าวเดินต่อไปอย่างรวดเร็วที่สุด

         บางทีอาจเป็นเพราะหญิงสาวในฝันคนนั้น มันอาจเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแต่เขารู้สึกว่าเธอกำลัง... ต้องการใครสักคน และเธออยู่บนโลกใหม่นี้ด้วยเช่นกัน!
    แต่ จะให้เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงมันก็...

         "แล้วทางลัดที่พวกคุณเจอมา... มัน..." ชาน่อนพูดได้แค่นั้นก็ต้องชะงักไป เมื่อทั้งสองถึงกับหยุดเท้าลงทันที

         "เวทมนตร์น่ะมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจในสรรพสิ่งรายรอบ ไม่ใช่การท่องจำคาถาอะไรหรอกนะ ทางลัดก็คือการให้ร่างกายจำมันได้ ตอนฉันนี่โดนอาจารย์แชลยิงเวทใส่ วิ่งหนียังไงก็ไม่รอด เกือบจะตายไปให้ได้เชียวล่ะ"

         เด็กหนุ่มตัวตั้งคำถามถึงกับสะอึก คนธรรมดาเจอเวทมนตร์ไล่ซัดไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแหง ยิ่งคิดไปว่าชายหน้าโหดข้างหน้านี้จะระดมเวทใส่ก็แย่แล้ว ขนาดออร์คแข็งแรงกว่าเขาเยอะยังโดนทีเดียวจอดเรียบเลยนี่หว่า

         "ส่วนของฉันนี่ฟาร์ให้คำใบ้งี่เง่ามา แล้วส่งเข้าสนามรบไปชนกับปีศาจโดยตรงเลย เกือบไปเหมือนกันถ้าใช้ไม่ได้ก็คงไม่เหลือ... แล้วนายคิดว่าไง? ยังอยากไปทางลัดอีกไหม?"

         คำอธิบายทั้งสองให้เปรียบแล้ว เหมือนกับทั้งคู่คุยกันเองมากกว่า แต่มันก็พอจะให้คนนอกเข้าใจง่ายดายยิ่ง เพียงตัดชื่อคนที่เขาไม่รู้จักก็พอแล้ว และนั่นทำให้เขารับรู้ถึงอันตรายขึ้นมาจริงๆ รีบสะบัดหน้าอย่างแรงจนหัวเกือบหลุดเป็นการตอบกลับ

         แต่ว่า...

         จะยังไงก็...

         "แล้วไม่คิดจะพักจริงเหรอครับ?" เด็กหัวดื้อยังคงย้ำคำเดิม

         "นั่นสิดรีมค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะ นี่ก็แค่วันแรกเอง"

         ลีนเอ่ยเสียงอ่อย แต่มันกลับทำให้ดรีมหน้าบึ้งขึ้นถนัดตา สองขาจ้ำก้าวเดินต่อเหมือนจะไม่คิดอะไร แต่ในใจไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง

        
    ไม่รู้ทำไมแต่ฉุนตะหงิดๆ

         ทำไมฉันเป็นแบบนี้วะ ไอ้เด็กนี่มันก็แค่พวกงี่เง่าธรรมดา ทำไมต้องไปเอาใจมันขนาดนี้

         ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด!


         "เหอะ วันแรกอย่างนั้นเหรอ ตอนนั้นฉันฟาดกับกิ้งก่าแถมยังขี่จักรยานแบกเธอข้ามภูเขาด้วยซ้ำ!"

         ดรีมเผลอตวาดกลับไปอย่างลืมตัว ก่อนจะต้องนึกเสียใจเมื่อสาวผมน้ำตาลจ้องตาเขาด้วยใบหน้าเศร้า คิ้วตกลงเล็กน้อย ยังดีไม่ร้องไห้ออกมาไม่อย่างนั้นเขาคงต้องรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นแน่

         "เธอเห็นฉันเป็นตัวถ่วงอย่างนั้นเหรอ?"

         ซวยล่ะ... ตัวถ่วงอะไรกันตอนนั้นถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงไม่ฮึดได้ขนาดนั้นหรอกมั้ง...

         "ทั้งที่วันนั้นเป็นวันที่มีค่าสำหรับฉันแท้ๆ"

         เสียงสายลมพัดหวีดหวิวผ่านร่องเขาดูอ้างว้างและเงียบงัน ดวงแดดบนฟ้าขยับเปลี่ยนทิศให้เงาสาดส่องมายังพวกเขา คู่ปีศาจไครม์จ้องหน้ากันอยู่ได้ครู่หนึ่งก่อนที่ฝ่ายปีศาจจะหลบสายตาไป ขณะนั้นเองมนุษย์คนหนึ่งก็ต้องยืนตัวแข็ง เกร็งตั้งแต่นิ้วแม่โป้งเท้ายันในหน้า เหงื่อซึ่งสะสมมานานแตกพลั่ก... นึกไม่ถึงว่าแค่คำพูดของเขาจะทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ขึ้นได้ รู้แบบนี้สู้เงียบไว้คงจะดีกว่า


         "ขอโทษ"


         ในที่สุดปากหนักก็เอ่ยขึ้น แต่สายตานั้นเบือนลงสู่พื้นดินแข็ง ไม่กล้าจะสบตา แต่จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะคิกคักอันแสนคุ้นเคย ไม่ใช่ใครอื่นลีนนั่นเองเธอชักจะกลั้นหัวเราะไม่ไหวจึงเผลอตัวไปหน่อย โดยมีเจ้าแหวนน้อยในมือร่วมด้วย ชายผมยาวทำหน้าเหรอหรารีบหันขวับกลับไปทันใด

         =ไม่อยากเชื่อสิบแปดมงกุฎก็โดนต้มได้ ผมยกนิ้วให้เลยครับคุณลีน!

         "วะ ว่าไงนะ!!"

         "วันนั้นมีค่ากับฉันก็จริง แต่มันก็ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง ถึงได้พยายามเลือดตาแทบกระเด็นจนมีวันนี้ ก็มีเคืองนิดหน่อยแต่มันเป็นความจริง แล้วจะไปโกรธอะไรได้ล่ะคะ? หือ....?"

         เจ้าดาบจี้ห้อยคอพูดเสียงใสแล้วร่วมหัวเราะเยาะด้วย ตามมาด้วยคำพูดด้วยกึ่งประชดประชันของลีน ทำให้ปีศาจหน้าซีดเริ่มจะมีสีขึ้นหน้า ไม่รู้ว่าเพราะความอายหรือเจ็บใจ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ส่วนมนุษย์ผู้เป็นต้นเรื่องชักเริ่มเข้าใจ บทจะหัวเราะบ้างก็ทำได้แค่สะอึกเมื่อสายตาสีน้ำตาลคมจ้องใส่อย่างอาฆาต หมายว่าเผลอเมื่อไหร่แกสิ้นชีพแน่อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันทำให้เรื่องขำๆกลายเป็นความเป็นความตายในพริบตา ชาน่อนหน้าซีดลงทันใด

         "ชิ! พักก็ได้ไปนั่งพักใต้ร่มไม้นั่นก็ท่าจะดีเหมือนกัน!!"

         เด็กหนุ่มผมดำเฮลั่น ตาเป็นประกายระยิบระยับก่อนจะกลายเป็นดาวกระจาย ความเริงร่าถูกสูบทิ้งภายในพริบตาเมื่อสายตาพาไปพบต้นไม้ต้นนั้น... มันอยู่บนยอดผาสูงลิบลิ่ว มีทางเดินเล็กให้เดินวนอ้อมขึ้นไปได้ แต่... พี่คร้าบ!! ผมตายก่อนจะไปถึงแน่เลยอ่ะ!!

         แต่...

         "เฮ้ย!"

         คิดยังไม่ทันจบคนไม่ใช่คนทั้งสองก็เดินเถียงกันไปไหนต่อไหน ทางแสนแคบไม่มีปัญหาอะไรกับทั้งคู่เลยสักนิด ไม่นานนักทั้งคู่ก็โบกมือให้แถมตะโกนลงมาว่า "ตามมาสักที" "วิวสวยดีนะ" "ลมเย็นสบายดีด้วย!" จากนั้นคุณเธอก็ชี้ไปยังทิศหนึ่งซึ่งเขาไม่เห็นอะไรเลยเพราะหุบเขามันบังไว้ทั้งหมด ในขณะที่เขาหันรีหันขวางนั้นอีกสองก็ปีนป่ายกันอย่างสนุกสนาน การจะรออยู่แบบนี้เห็นทีจะไม่ได้เรื่อง... ท่าทางเขาจะคิดผิดที่ฝากชีวิตไว้กับพวกนี้ แต่ว่า... เขาเองก็ควรจะตายไปตั้งแต่คลื่นยักษ์กลืนร่างเขาไปนั่น

         เป็นไงเป็นกัน!!

         "รอด้วยครับ!! ใจเย็น!!"

         เสียงสั่นปนหอบตะโกนไล่หลังสองหน่อซึ่งนำมาก็ไกลโข เรียกรอยแสยะยิ้มขึ้นบนใบหน้าของท่านปีศาจดูแล้วน่าขนลุก ผิดกับลีนที่ท้าวเอวทำหน้ามุ่ย ชำเลืองมองค้อนคนขี้แกล้งด้วยหางตา

         "คน-ขี้-หึง" เธอว่า

         "ใครกันห๊ะ!!" เขาเถียงกลับแล้วทำเป็นรีบเดินนำ

         "เชอะ ก็เธอจะไปแกล้งอะไรเด็กนั่นนักล่ะ ทั้งที่เจ้าตัวก็บอกว่าไม่เอาทางลัดแท้ๆ" ลีนเดินตามช้าๆ พลางบ่นไปเรื่อย แต่นั่นกลับทำให้คุณปีศาจชำเลืองมองกลับมานิดหนึ่ง แล้วตอบว่า...

         "ฉันไม่ได้ยิน"

         คำตอบนั้นทำลีนถึงกับต้องถลึงตามองในฉับพลัน

         "ตาบ้า! ชาน่อนส่ายหน้าตอบแล้วจะไปได้ยินได้ไงยะ!!"

         จริงของเธอ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าหมอนี่จงใจแกล้งชัดๆ เจ้าตัวดีหัวเราะร่าขึ้นมาแล้วเดินต่อไป คราวนี้ทั้งแหวนทั้งดาบกลับร่วมประสานเสียงด้วย เนื่องจากกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เจ้าปีศาจตนนี้แก้เผ็ดได้ทันใจมาก แถมกวนประสาทถึงขั้นเทพแล้วแน่!

         "นี่ลีนว่าแต่... ถามจริงเถอะไม่รู้เหรอว่าถ้าอยู่ข้างล่างนั่นต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น"

         สาวเจ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มันก็จริงอยู่หรอกที่ข้างล่างนั่นเป็นรังของพวกสัตว์ แถมท่าทางจะร้ายไม่ใช่เล่นเพราะจิตสังหารมันแรงเหลือเกิน และมันเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้เหมือนกับได้เวลาอันสมควรจะออกจากรัง หากไม่ปีนขึ้นมาข้างบนเสียก่อนคงต้องเผชิญหน้ากันอย่างแน่นอน ซึ่งกับพวกเธอน่ะไม่เป็นอะไรหรอก แต่เด็กนั่นสิปัญหา...

         "วางใจเถอะน่า อย่างน้อยนี่ก็เรียกทางลัดไม่ได้หรอก ได้ก็แค่ทางไม่อ้อมเท่านั้นเอง อย่างที่เธอว่าเวทมนตร์คือความเข้าใจ... การให้ร่างได้สัมผัสกับสรรพสิ่งตอนเหนื่อยมันก็ไม่เลวหรอก... มั้ง"

         มันก็ฟังดูดีนะ แต่ทำไมต้องมี "มั้ง"

         "นี่เดี๋ยวสิ! เธอแน่ใจเหรอดรีม? ฉันไม่เคยได้ยินทฤษฎีอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะ"

         ลีนว่าพลางรีบตรงรี่เข้าขวางทาง แต่เมื่อพบกับใบหน้าจริงจังของอีกฝ่ายแล้วก็เถียงไม่ออก

         "ทางขึ้นนี่ไม่ใช่แคบนะไม่ร่วงไปง่ายๆหรอก เมื่อครู่เธอยังวิ่งมาเบียดฉันได้เลยเห็นเปล่า?"

         จะตอบว่า "ไม่" ได้ไงถ้าในเมื่อคำว่า "เมื่อครู่" มันคืออดีต จะแย้งประโยคนี้คงต้องรอให้มีพลังพอจะแก้อดีตก่อนล่ะ... แต่ไอ้พลังพรรณนั้นมันมีที่ไหนกันล่ะ

         "เชื่อสิ!" ดรีมย้ำแล้วยิ้มบางให้ ซึ่งนับเป็นการผ่อนคลายให้ลีนได้เป็นอย่างดี เธอถอนให้ใจอีกรอบแล้วยิ้มให้บ้าง เหมือนกับบอกว่าเชื่อก็เชื่อ ทั้งที่ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อยก็ตามที...


         เชื่อสิ...


         เชื่อความรู้สึกแรกของเธอนั่นแหละถูกแล้ว

         ฉันแกล้งหมอนั่นจริงนั่นแหละ ส่วนเหตุผลอ้างอิงทั้งหมดเพิ่งจะโผล่พรวดมาเมื่อตะกี้นี้เอง!

         คิดได้แค่นั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ให้เป็นที่สงสัยแก่สาวสวยผมน้ำตาลยิ่งนัก


    ================================


    เนื้อเรื่องดูเรื่อยเปื่อยยังไงก็ไม่รู้แฮะ แต่เอาเถอะ จบ 100% แบบไม่มีทิ้งระเบิดก็ดีล่ะ

    ไปรีไรท์ต่อล่ะครับ! รีใกล้จบแล้ว!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×