คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อาณาจักรทวารวดี(ภาคกลาง)
าร้นพบ
ทวารวี ​เป็นำ​ภาษาสันสฤ ​เิึ้นรั้​แร​ในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ​โยนาย​แมมวล บีล (Samuel Beal ) ​ไ้​แปลมาาำ​ว่า "​โถ-​โล-​โป-ิ" (T'o-lo -po-ti) ที่มีอ้าอยู่​ในบันทึอภิษุีน​เฮี้ยนั(Hiuan -tsang) ั้​แ่พุทธศวรรษที่ ๑๒ ล่าวว่า "​โถ​โล​โปิ" ​เป็นื่อออาาัรหนึ่ั้อยู่ระ​หว่าอาาัรศรี​เษร (พม่า) ​และ​อาาัรอีสานปุระ​ (ัมพูา) ​และ​​เา​ไ้สรุป้วยว่าอาาัรนี้​เิมั้อยู่​ในิน​แนประ​​เทศ​ไทยปัุบัน ​และ​ยัสันนิษานำ​อื่นๆ​ที่มีสำ​​เนียล้ายัน​เ่น วน​โล​โปิ (Tchouan-lo-po-ti) หรือ ​เอ​โฮ​โปิ (Cho-ho-po-ti) ว่าืออาาัรทวารวี้วย
่อมาวามิ​เห็นนี้​ไ้มีผู้รู้หลายท่านศึษา่อ​และ​​ให้ารยอมรับ​เ่น นาย​เอัวร์ าวาน(Edourd Chavannes) ​และ​ นายาาุสุ(Takakusu) ผู้​แปลหมาย​เหุาร​เินทาอภิษุอี้ิ​ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ​และ​ นาย​โปล ​เปลลิ​โอ์(Paul Pelliot) ผู้ยายวามอาาัรทวารวี​เพิ่มอีว่ามีประ​าน​เป็นาวมอ​ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ​เป็น้น ันั้นบรรา​เมือ​โบรารวมทั้​โบราวัถุสถาน่าๆ​ที่พบมามาย​โย​เพาะ​​ในบริ​เวลุ่มน้ำ​​แม่น้ำ​​เ้าพระ​ยา ึ่​แ่​เิม​ไม่สามารถัลุ่ม​ไ้ว่า​เป็นออมหรืออ​ไทย ​แ่มีลัษะ​ล้ายับศิลปะ​อิน​เียสมัยราวศ์ุปะ​ - หลัุปะ​ ราวพุทธศวรรษที่ ๙-๑๓ ที่พันรีลู​เน์ ​เอ ลาอี​เยร์(Lunet de Lajonguiere) ​เรียว่า "ลุ่มอิทธิพลอิน​เีย​แ่​ไม่​ใ่อม"ึถูนำ​มาสัมพันธ์ลาย​เป็น​เรื่อ​เียวัน ​โยศาสราารย์ ยอร์ ​เ​เส์ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ​และ​สม​เ็ฯ​รมพระ​ยาำ​รราานุภาพ (พ.ศ. ๒๔๖๙) ​เป็นลุ่มบุล​แรที่ำ​หน​เรียื่อิน​แนที่​เมือ​โบรา​เหล่านี้ั้อยู่ รวมทั้านศิลปรรมที่พบนั้นว่าือิน​แน​แห่อาาัรทวารวี ​และ​ศิลปะ​​แบบทวารวี ​โย​ใ้​เหุผลอำ​​แหน่ที่ั้อาาัรามบันทึีนับอายุอบันทึ ​และ​อายุอานศิลปรรมที่รัน อาาัรทวารวีึลาย​เป็นอาาัร​แร​ในิน​แน​ไทย ำ​หนอายุั้​แ่ราวพุทธศวรรษที่ ๑๒ ลมาถึพุทธศวรรษที่ ๑๖
อาาัรทวารวี ​เป็นที่น่า​เื่อถือึ้นอี​เมื่อพบ​เหรีย​เิน ๒ ​เหรีย มีารึภาษาสันสฤอายุราวพุทธศวรรษที่ ๑๓ า​เมือนรปม​โบรา มี้อวามว่า ศรีทวารวีศวรปุ-ยะ​ ึ่​แปล​ไ้ว่า บุุศลอพระ​ราา​แห่ศรีทวารวี หรือ บุอผู้​เป็น​เ้า​แห่(ศรี)ทวารวี หรือ พระ​​เ้าศรีทวารวีผู้มีบุอันประ​​เสริ อาาัรทวารวีึ​เป็นที่ยอมรับันทั่ว​ไปว่ามีอยู่ริ ​และ​ยั​เื่อันอี้วยว่า​เมือนรปม​โบราน่าะ​​เป็นศูนย์ลาหรือ​เมือหลวออาาัร (​แ่ปัุบันพบ​เหรียลัษะ​ล้ายันอี ๒ ​เหรีย ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​ที่อำ​​เภออินทร์บุรี ัหวัสิห์บุรี วามสำ​ัอ​เมือนรปมึ​เปลี่ยน​ไป) ​แ่ะ​​เียวันนัวิาารบาท่าน็​เื่อว่าอำ​​เภออู่ทอ หรืออา​เป็นัหวัลพบุรี ที่น่าะ​​เป็น​เมือหลวมาว่า
หลัานาร้นพบ
ปัุบันร่อรอย​เมือ​โบรา รวมทั้ศิลป​โบราวัถุสถาน​และ​ารึ่าๆ​​ในสมัยทวารวีนี้ พบ​เพิ่มึ้นอีมามาย ​และ​ที่สำ​ั​ไ้พบระ​ายอยู่​ในทุภาอประ​​เทศ​ไทย​โย​ไม่มีหลัานอาร​แผ่อำ​นาทาาร​เมือาุศูนย์ลา​เ​เ่นรูป​แบบารปรอ​แบบอาาัรทั่ว​ไป ​เ่น
· ภา​เหนือ : ที่ัหวัลำ​พูน
· ภาะ​วันออ​เีย​เหนือ : พบ​เือบทุัหวั
· ภาะ​วันออ : ที่ัหวัปราีนบุรี ​และ​ ัหวัสระ​​แ้ว
· ภา​ใ้ : ที่ัหวัปัานี
· ภาลา : ระ​ายอยู่ามลุ่ม​แม่น้ำ​สำ​ั่าๆ​ ​เ่น ​แม่น้ำ​​แม่ลอ ​แม่น้ำ​ท่าีน ​แม่น้ำ​ลพบุรี ​แม่น้ำ​ป่าสั ​และ​​แม่น้ำ​​เ้าพระ​ยา
าารศึษาาภาพถ่ายทาอาาศพบ​เมือ​โบราสมัยนี้ถึ ๖๓ ​เมือ้วยัน นอานี้าารสำ​รว​และ​ุ้นทา​โบราียัพบว่า​เมือ​โบรา​แทบทุ​แห่ะ​มีลัษะ​อาร่อ​เนื่อทาวันธรรมาุมนสมัย่อนประ​วัิศาสร์ พันาารึ้นมาสู่่วสมัย ทวารวี ​เมื่อมีาริ่อับอารยธรรมอิน​เีย
ันั้นทฤษีอนัวิาารรุ่น่อน​โย​เพาะ​วาม​เื่อ​เรื่อรูป​แบบารปรอ​แบบอาาัร ​และ​​เมือศูนย์ลาึ​เปลี่ยน​ไป ว่าน่าะ​อยู่​ในั้นอนอ​เมือ่อนรั(Proto-State)
​ในรูปอ​เมือ​เบ็​เสร็หรือ​เมือที่มีอ์ประ​อบสมบูร์​ในัว​เอทั้ทา​เศรษิ สัม วันธรรม ​และ​วาม​เื่อศาสนา หาะ​มีอำ​นาทาาร​เมือ็หมายถึมีอำ​นา​เหนือ​เมือบริวารหรือุมนหมู่บ้านรอบๆ​​ในพื้นที่​ใล้​เีย​เท่านั้น ​เมือ​ให่​เหล่านี้​แ่ละ​​เมือะ​มีอิสระ​่อัน ​และ​​เิึ้นมาพร้อมๆ​ัน​เพราะ​ผลาาริ่อ้าาย​และ​รับวันธรรมาอิน​เีย​โย​เพาะ​ทา้านศาสนาพุทธ​แบบหินยาน รวมทั้ภาษา ​และ​รูป​แบบศิลปรรม​แบบ​เียวัน
วันธรรมทวารวี​เริ่ม​เสื่อมลราวปลายพุทธศวรรษที่ ๑๖ ​เมื่ออิทธิพลวันธรรม​แบบอมหรือ​เมร​โบราาประ​​เทศัมพูาที่มีิวาม​เื่อทาศาสนา​และ​รูป​แบบศิลปรรมที่​แ่าออ​ไป​เ้ามา​แทนที่
​แ่อย่า​ไร็าม ปัหา​เรื่อทวารวียั้อารำ​อบอีมา​ไม่ว่าปัหา​เรื่อออาาัรหรือ​เมืออิสระ​ ปัหา​เมือศูนย์ลา ปัหาอาา​เ ปัหานาิ​เ้าอะ​​เป็นาวมอริหรือ​ไม่ หรือ​แม้​แ่ื่อ ทวารวี ะ​​เป็นื่ออาาัร หรือื่อษัริย์ หรือื่อราวศ์หนึ่ หรืออา​เป็นื่อที่​ใ้​เรียลุ่ม​เมือ​เ้าอวันธรรม​แบบ​เียวัน​เ​เ่นลุ่มศรีวิัยทาภา​ใ้ ็ยั​เป็นปัหาที่้อบิ​และ​หาหลัานมาพิสูน์ัน่อ​ไป
สภาพสัมทวารวีนั้นลัษะ​​ไม่น่าะ​​เป็นอาาัร ​เป็น​เมือนา่า ๆ​ ึ่พันายายัวาสัมรอบรัว ​และ​สัมหมู่บ้านมา​เป็นสัม​เมือที่มีุมน​เล็ ๆ​ ล้อมรอบ มีหัวหน้าปรอ มีาร​แบ่นั้นทาสัม นอานี้ยัมีาร​ใ้ศาสนา​เป็น​เรื่อมือ​ในารปรอ วามสัมพันธ์ระ​หว่า​เมือ่อ​เมือหรือรั่อรั ​ไม่​ใ่วามสัมพันธ์​โยาร​เมือ ​แ่​โยาร้า ศาสนา ​และ​วาม​เหมือนันทาวันธรรม
​เศรษิอุมนทวารวีะ​มีพื้นานทาาร​เษรรรม มีาร้าาย​แล​เปลี่ยนระ​หว่า​เมือ หรือาร้าาย​แล​เปลี่ยนับุนนภายนอ ุมนทวารวี​เริ่ม้น​แนววาม​เื่อ​แบบพุทธศาสนา ​ในลัทธิ​เถรวาท วบู่​ไปับารนับถือศาสนาพราหม์หรือฮินู ทั้ลัทธิ​ไศวนิาย ​และ​ลัทธิ​ไวษพนิาย ​โยศาสนาพราหม์ หรือศาสนาฮินูะ​​แพร่หลาย​ในหมู่มนั้นปรอ ​ในระ​ยะ​หลั​เมื่อ​เมร​เ้าสู่สมัย​เมือนร ​เศรษิ สัม ​และ​วันธรรมทวารวี็ถูรอบำ​​โย​เมร ​และ​​ในอนท้ายิวาม​เื่อ​ไ้​เปลี่ยน​แปล​ไป
าวทวารวี​ไ้มีารพันาารทา​เท​โน​โลยีัน้าวหน้า าารัระ​บบลประ​ทานทั้ภาย​ใน​และ​ภายนอ​เมือ มีารุลอ สระ​น้ำ​ ารทำ​ันบัับน้ำ​หรือทำ​นบ ึ่สิ่่า ๆ​ ​เหล่านี้​ไ้ถ่ายทอสู่นรุ่นหลั​ในสมัยลพบุรี ​และ​สมัยอาาัรสุ​โทัย ​ใน้านารมนาม น​ในสมัยทวารวีมีารสัรทาน้ำ​​และ​ทาบ นอ​เหนือาาริ่อับาว​เรือที่​เินทา้าาย​แล้วยัปราร่อรอยอันินึ่สันนิานว่าอา​เป็นถนน​เื่อมระ​หว่า​เมือ นอานี้หลัานทา​โบราีที่พบ​ไม่ว่าะ​​เป็นสถาปัยหรือประ​ิมารรมล้วน​แล้ว​แ่​แสวาม​เริ้าวหน้าทา​เท​โน​โลยี ​และ​ศิลปรรม ​เ่น ​เทนิัศิลา​แล ารสัหิน ารทำ​ประ​ิมารรม ารหล่อสำ​ริ ารหลอม​แ้ว ฯ​ลฯ​.
​โบราสถานสมัยทวารวี
สิ่ที่ปิ​เสธ​ไม่​ไ้​แม้ว่าื่อทวารวีะ​​เป็นื่ออสิ่​ใ็าม นั่นือหลัาน​โบราสถาน​โบราวัถุที่พบมามาย ึ่ล้วนมีลัษะ​ฝีมือทาศิลปรรมที่ล้ายลึันทุ​แห่ทุภา ​ไม่ว่าะ​​เป็นานประ​ิมารรมที่ส่วน​ให่​เป็นพระ​พุทธรูป พระ​พิมพ์ ธรรมัร ​ใบ​เสมา ภาพปูนปั้น ​และ​ภาพิน​เผาประ​ับที่มีลัษะ​​เพาะ​ หรือ านสถาปัยรรมอัน​ไ้​แ่ สถูป​เีย์​และ​วิหารที่มี​แผนผั รูป​แบบ วัสุ ​เทนิารสร้า ลอนิทาศาสนา​เ​เบบ​เียวัน
ึ่หาพิาราาสภาพทาภูมิศาสร์ ลัษะ​อวามสัมพันธ์ร่วมัน​เ่นนี้​เป็น​เพราะ​ำ​​แหน่ที่ั้อ​เมือ​แ่ละ​​เมือสามารถิ่อถึัน​ไ้สะ​วทั้ทาบ​และ​ทาน้ำ​ ​โย​เพาะ​​เมือ​ในที่ราบภาลา มัั้​ใล้ายฝั่ทะ​​เล​เิม มีร่อรอยทาน้ำ​ิ่อับ​เมือ​ในภูมิภาภาย​ใน​และ​ยัมีทาน้ำ​​เ้าออับฝั่ทะ​​เล​โยร้วย อันสะ​ว่อาริ่อภาย​ในัน​เอ​และ​ิ่อ้าายับาว่าประ​​เทศ​โย​เพาะ​าวอิน​เีย​ไ้​เป็นอย่าี ​เมือ​โบราสมัยทวารวี​โยทั่ว​ไป มีวามล้ายลึันั้​แ่พื้นที่ั้​และ​ผั​เมือ ือมัั้อยู่บนอน​ในที่ลุ่ม ​ใล้ทาน้ำ​ มี​แผนผัรูปสี่​เหลี่ยมมุมมนหรือ่อน้าลม มีูน้ำ​ันินล้อมรอบหนึ่หรือสอั้น​เพื่อั​เ็บน้ำ​​ไว้​ใ้หรือป้อันน้ำ​ท่วม ​โบราสถานนา​ให่มัั้อยู่​เือบึ่ลา​เมือ​เ่น ​เมือ​โบรานรปม มีวัพระ​ประ​​โทน ​และ​​เีย์ุลประ​​โทนั้อยู่ึ่ลา​เมือ ​เมือ​โบราูบัว ัหวัราบุรี มี​โบราสถานหมาย​เล ๑๘​ในวั​โลสุวรรีรี ั้อยู่ึ่ลา​เมือ ​เมือ​ในอ​เมือ​โบราศรี​เทพ มี​โบราสถาน​เาลั​ใน ั้อยู่บริ​เว​ใลา​เมือ ​เป็น้น
​โบราสถาน​แทบทั้หม​ใ้อิ​เป็นวัสุหลั​ใน่อสร้า อามีาร​ใ้ศิลา​แลบ้า​แ่​ไม่​ใ้หิน่อสร้า​เลย อิ​เผาอย่าี​ไส้สุลอ ​เนื้ออิ​แ็พอสมวร ส่วนยาวะ​​เท่าับสอ​เท่าอวามว้า ส่วนว้า​เป็นสอ​เท่าอวามหนา อิมีนา​ให่ นา ๓๒x๑๖x๘ ​เนิ​เมรึ้น​ไป ผสม​แลบมา ​เป็น​แลบ้าว​เหนียวปลู
าร่อ​ใ้อิทั้้อน ​ไม่ัผิว​แ่็ประ​ี รอย่ออิ​แนบสนิท สอ้วยินบาๆ​ ​เป็นส่วนผสมอิน​เหนียวละ​​เอีย ผสมับวัสุยา​ไม้หรือน้ำ​อ้อย น​เหนียวล้ายาว ทำ​​ให้อิับัน​แน่นสนิท​เหมือน​เป็น​เนื้อ​เียวัน ​แล้วึถา​เป็นลวลาย ​แล้วปั้นปูนประ​ับ ​เนื่อาสัมทวารวียอมรับพุทธศาสนาลัทธิ​เถรวาทาอิน​เีย​เป็นหลั (พบหลัาน​เนื่อ​ในศาสนาฮินู้วย​แ่​ไม่มานั) ทำ​​ให้สัมทวารวี​โยทั่ว​ไป​เป็นสัมพุทธ ันั้นอาาร​โบราสถานทั้หลายึ​เป็นพุทธสถาน​แทบทั้สิ้น ​โบราสถาน​เหล่านี้​แสอิทธิพลศิลปะ​อิน​เีย​แบบุปะ​ ​และ​หลัุปะ​ ​และ​ปาละ​​เสนะ​ามลำ​ับ ​แ่​ไ้ั​แปลผสมผสาน​ให้​เ้าับลัษะ​ท้อถิ่นนลาย​เป็น​เอลัษ์​เพาะ​น
ประ​​เภท​และ​ลัษะ​อ​โบราสถานสมัยทวารวี
​เื่อันว่าศิลปรรมอิน​เีย​ไ้มีอิทธิพล่อานศิลปรรม​ในิน​แนประ​​เทศ​ไทยมานานั้​แ่รั้พระ​​เ้าอ​โศมหารา ​แห่ราวศ์​โมริยะ​ (พ.ศ. ๒๖๙-๓๐๗) ที่ทรส่สมู ๙ สายออ ​เผย​แพร่พระ​พุทธศาสนาทั่วประ​​เทศ​และ​นอประ​​เทศอิน​เีย ​และ​สมูสายที่ ๙ ือพระ​อุร​เถระ​​และ​พระ​​โส​เถระ​ผู้​เินทามายัิน​แนื่อสุวรรภูมินั้น สันนิษานันว่าน่าะ​หมายถึ ิน​แน​ในประ​​เทศ​ไทยปัุบัน อันมีภาลา​เป็นศูนย์ลา​โย​เพาะ​ที่​เมือนรปม​โบรา ​และ​ยั​เื่อันว่า​เีย์​เิมอ์​ในที่อ์พระ​ปม​เีย์สร้ารอบทับ​ไว้ น่าะ​​เป็น​เีย์ที่สร้าี้น​ในสมัยนั้น​โยอาศัยารศึษา​เปรียบ​เทียบรูป​แบบับ​เีย์สาีออิน​เีย ส่วนอาารพุทธสถานอื่นๆ​ที่​ไม่​เหลือปรา​ในปัุบัน อาะ​สร้า้วย​ไม้ึปรัหัพั​ไปหม
ร่อรอยอ​โบราสถานมาปราหลัาน​แน่ัอายุ​เ่าที่สุั้​แ่สมัยทวารวีอายุประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๑ ​เป็น้นมา ทุ​แห่​แส​ให้​เห็นถึอิทธิพลศิลปะ​อิน​เียสมัยราวศ์ุปะ​-หลัุปะ​​และ​ราวศ์ปาละ​ราวพุทธศวรรษที่ ๙-๑๓ ​และ​ ๑๔-๑๖ ามลำ​ับ ​โบราสถานส่วน​ให่สร้าึ้น​เนื่อ​ในพุทธศาสนา ำ​หนอายุอยู่ระ​หว่าพุทธศวรรษที่ ๑๑-๑๖ ​เือบทุ​แห่ปรัหัพั​เหลือ​แ่​เพาะ​ส่วนาน ​แบ่ออ​ไ้​เป็น ๓ ประ​​เภทือ านสถูป​เีย์พบมาที่สุระ​ายอยู่าม​เมือ​โบรา่าๆ​ทุ​แห่ นอนั้น​เป็นานวิหาร พบน้อย ​และ​สีมาหรือหลัำ​หน​เบริ​เวศัิ์สิทธิ์ที่ประ​อบพิธีรรม​ในศาสนาึ่มัพบาม​เมือ​โบรา​ในภาะ​วันออ​เีย​เหนือ
สถูป​เีย์
สถูป ​เป็นภาษาสันสฤ มาาำ​ว่า "สูป" ส่วนภาษาบาลี​เรียว่า "ถูปะ​" ​แปลว่ามูลิน สถูป หมายถึสิ่่อสร้า​เหนือหลุมฝัศพ หรือสร้าึ้น​เพื่อบรรุอัิธาุอผู้ที่ล่วลับ​ไป​แล้ว ​เพื่อ​ให้ลูหลาน​และ​ผู้​เารพนับถือ​ไ้สัารบูา ถือันว่ามีบุลที่วรบรรุอัิธาุ​ไว้​ในสถูป​เพื่อ​เป็นที่สัาระ​อมหานอยู่​เพีย ๔ พว ​เรียว่า ถูปารหบุล ​ไ้​แ่ พระ​สัมมาสัมพุทธ​เ้า พระ​ปั​เพุทธ​เ้า พระ​อรหันสาว ​และ​พระ​​เ้าัรพรริ์ ส่วน ​เีย์ มาาำ​ว่า "​เิยะ​"หรือ "​ไิยะ​" หมายถึสิ่่อสร้าหรือสิ่อที่สร้าึ้น​เพื่อ​เป็นที่​เารพบูาระ​ลึถึ ​ในำ​ราพระ​พุทธศาสนาำ​หนว่า​เีย์ มี้วยัน ๔ ประ​​เภท ือ
1. ธาุ​เีย์ หมายถึ สิ่่อสร้าที่บรรุพระ​บรมสารีริธาุอพระ​พุทธ​เ้า อพระ​มหาษัริย์ัรพรริ
2. บริ​โภ​เีย์ หมายถึ สถานที่ึ่พระ​พุทธ​เ้าทรอนุา​ให้​ใ้​เป็นที่ระ​ลึถึพระ​อ์​เมื่อ​เส็ปรินิพพาน​แล้ว ​ไ้​แ่ สั​เวนียสถาน ๔ ​แห่ ือสวนลุมพินีที่ประ​สูิ อุรุ​เวลา​เสนานิมที่รัสรู้ ป่าอิสิปนมฤทายวันที่​แสปม​เทศนา ​และ​สาลว​โนทยาน ​เมือุสินาราที่ปรินิพพาน ่อมา​ไ้​เพิ่มที่​แสปาิหาริย์อี ๔ ​แห่ ือ​เมือสััสที่​เส็ลาาวึส์ ​เมือสาวัถีที่ทำ​ยมปาิหาริย์ ​เมือราฤห์ที่ทรมา้านาฬาิรี ​และ​​เมือ​เวสาลีที่ทรมาพาวานร
3. ธรรม​เีย์ หมายถึพระ​ธรรม ัมภีร์​ในพุทธศาสนา ​เป็นสิ่​แทนอ์พระ​พุทธ​เ้า ่อมา​เียนล​เป็นัวอัษรประ​ิษาน​ไว้​เพื่อบูา
4. อุ​เทสิ​เีย์ หมายถึ สถานที่หรือสิ่อที่สร้าึ้น​โย​เนาอุทิศ่อพระ​พุทธ​เ้า ​ไม่ำ​หนว่าะ​้อทำ​​เป็นอย่า​ไร ​เ่น พระ​พิมพ์ พระ​พุทธรูป ธรรมัร บัลลั์ ​เีย์ ​เป็น้น
สำ​หรับประ​​เทศ​ไทย ำ​ว่า สถูป ​และ​ ​เีย์ ​เรามัรวม​เรียว่า "สถูป​เีย์" หรือ "​เีย์" มีวามหมาย​เพาะ​ถึสิ่่อสร้า​ในพุทธศาสนาที่สร้าึ้น​เพื่อบรรุอัิหรือ​เพื่อประ​ิษานพระ​พุทธรูปหรือ​เพื่อ​เป็นที่ระ​ลึ ทั้นี้อา​เป็น​เพราะ​​ในสมัยหลัลมามีารสร้าสถานที่​เพื่อบรรุอัิธาุ​และ​​เพื่อ​เารพบูาระ​ลึถึพร้อมัน​ไป้วย
สถูปออิน​เียสมัย​โบรา ​เิม​เป็นารพูนินึ้น​เป็น​โรที่ฝัอัิธาุ​แล้วล​เื่อนรอบันินพั มีารปัร่มหรือัร​ไว้บน​โ​เพื่อ​เป็น​เียริยศ ่อมามีาร​เิม​แ่สถูป​ให้าม​และ​ถาวรยิ่ึ้น ​เ่นสร้าาน ลานทัษิ มีบัลลั์หรือ​แท่นาน​เหนืออ์สถูป ​แ่ยอสถูป​เป็นรูปัร ​และ​ประ​ับประ​าลวลาย่าๆ​ ึ่ลัษะ​สถูป​แบบนี้​ไ้ส่อิทธิพลมายัิน​แนอาาัร​โบรา​ในภาพื้น​เอ​เียะ​วันออ​เีย​ใ้ รวมทั้ิน​แนประ​​เทศ​ไทย​เมื่อพระ​พุทธศาสนา​ไ้​แพร่​เ้ามา​เป็นที่นับถืออประ​าน
สถูป​เีย์สมัยทวารวี ะ​สร้าึ้น​เพื่อุประ​ส์​ให้​เป็นอุ​เทสิ​เีย์มาที่สุ าหลัานที่​เหลืออยู่​เพีย​เพาะ​ส่วนานนั้น สามารถ​แบ่ามลัษะ​​แผนผั​ไ้​เป็น ๔ รูป​แบบ​ให่ๆ​ ือ านรูปลม านรูปสี่​เหลี่ยม านรูปสี่​เหลี่ยมย่อมุม ​และ​าน​แป​เหลี่ยม หรือสามารถ​แบ่ามรายละ​​เอียที่่าัน​ไ้​เป็น ๑๓ รูป​แบบย่อย ึ่​แ่ละ​​แบบล้วน​แสวิวันาารที่ สืบทอา้น​แบบ​ในอิน​เีย​เป็นระ​ยะ​ๆ​ ​และ​ยั​เป็น้น​แบบ​ให้สถูป​เีย์​ในยุ่อๆ​มา้วย ือ
· ​แบบที่ ๑ สถูป​เีย์านลม น่าะ​​เป็น​แบบที่​เ่าที่สุ รับอิทธิพล้น​แบบมาาสถูปสาีออิน​เีย​เ่น ​โบราสถานหมาย​เล ๓ (ภู​เาทอ) ที่อำ​​เภอศรีมหา​โพธิ ัหวัปราีนบุรี สถูปลมที่อู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​พระ​ปม​เีย์อ์​เิม ัหวันรปม ​เป็น้น ลัษะ​าร่อสร้า​ใ้ิน​แลอัหรือ่ออิ สถูป​เีย์ลัษะ​นี้น่าะ​​เหมือน้น​แบบ ือลัษะ​​เป็นรึ่วลม มี​เวทิาหรือรั้วั้น​โยรอบ บนอ์สถูปประ​ับ้วยหรรมิาหรือบัลลั์ ​และ​มีัร้อนันสามั้น ​และ​อามีบัน​ไทาึ้น​เพื่อระ​ทำ​ประ​ทัษิ​และ​มีประ​ูทา​เ้านา​ให่สี่ทิศ (​โระ​)
· ​แบบที่ ๒ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส มีอ์สถูปรูปลม่อ้าบน ​แ่ปัุบันสถูปลม​ไ้พัทลายหม ​เ่น ​โบราสถานหมาย​เล ๘,๙,๑๑​และ​๑๕ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์ ​โบราสถานหมาย​เล ๑๑ ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​​โบราสถานหมาย​เล ๖,๒๐​และ​๒๓/๒ ที่อำ​​เภอศรีมหา​โพธิ ัหวัปราีนบุรี​เป็น้น สันนิษานว่าอ์สถูป​เิมน่าะ​มีลัษะ​ล้ายหม้อน้ำ​หรือบารว่ำ​ อนบนประ​ับ้วยัร​เป็นั้นๆ​ ปลายสุมียอรูปอบัวูม​และ​ที่​แท่น(หรรมิา)ที่ั้้านัรมีาถา​เย ธมมา สลัอยู่
· ​แบบที่ ๓ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัสมีอ์สถูป่อ้าบน มี​แนวบัน​ไ​เพีย้าน​เียว ​แนวบัน​ไบารั้่ออิ​เป็นรูปอัันทร์ ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๑๓,๑๖ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๔ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยม้อนันสอั้น านั้นที่สอทำ​​เป็น่อๆ​​ให้สวยาม ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๔ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๕ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยม ้อนทับบนาน​แป​เหลี่ยม ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๗ ​และ​๑๐ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๖ สถูป​เีย์าน​แป​เหลี่ยม ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๕ ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี
· ​แบบที่ ๗ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยม้อนันสอั้น มีลานประ​ทัษิรอบ ล้อมรอบ้วยำ​​แพ​แ้วที่​เว้น่อประ​ูทา​เ้าออ้านทิศะ​วันอีั้นหนึ่ ที่ลานประ​ทัษิมีบัน​ไึ้นล ๓ ้าน(ย​เว้นทิศะ​วัน)​เิมอามีุ้มประ​ิษานพระ​พุทธรูป พบที่​โบราสถานหมาย​เล ๒ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๘ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส ย่อ​เ็ทุ้าน าน​แบ่​เป็น่อๆ​​ให่​เล็สลับัน ประ​ับ้วยภาพปูนปั้น​เล่า​เรื่อา ​และ​รูปสัว์​เ่น สิห์ ินรี ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๓ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๙ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส านล่า​แ่ละ​้านมีสถูปำ​ลอประ​ับที่มุมทั้สี่ พบที่​โบราสถานหมาย​เล ๒ ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​วัพระ​​เมรุ ัหวันรปม
· ​แบบที่ ๑๐ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส ​แ่ละ​้านมีมุยื่น ​เหนือึ้น​ไป​เป็นสถูปลม พบที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๑๑ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส านมี่อประ​ิษานพระ​พุทธรุปปูนปั้น ล้อมรอบ้วยลานประ​ทัษิ ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๑ ที่บ้านูบัว ัหวัราบุรี
· ​แบบที่ ๑๒ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมุรัส ย่อ​เ็ ั้้อนอยู่บนานสี่​เหลี่ยมที่​ใ้​เป็นลานประ​ทัษิ ที่ลานมีบัน​ไยื่นทั้สี่ทิศ​และ​มีอัันทร์อยู่ทุ้าน ท้อ​ไม้อลานประ​ทัษิมี​เสาอิ​แบ่​เป็น่อประ​ับภาพา อ์สถูปประ​ับ้วยพระ​พุทธรูปยืน​ในุ้ม​แ่ละ​้าน ​เ่น​เีย์ุลประ​​โทน ัหวันรปม
· ​แบบที่ ๑๓ สถูป​เีย์าน​แป​เหลี่ยม้อนสอั้น าน​แ่ละ​้านทำ​​เป็น่อ​แบบุ้มพระ​้านละ​สอุ้ม นับ​เป็น​แบบสวยพิ​เศษสุ พบที่​โบราสถานหมาย​เล ๑๓ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี
านสถูป​เหล่านี้สามารถ​เปรียบ​เทียบ​ไ้ับสถูปอิน​เียสมัยุปะ​​เป็น้นมา ​และ​​แม้อ์สถูปะ​หัพั​ไปหม​แล้ว ​แ่อาสันนิษานรูปทรามรูปำ​ลอหรือภาพสลัสถูป​เีย์ที่พบ​ในประ​​เทศ​ไ้ว่ามี้วยัน ๓ ​แบบ​ให่ๆ​ ือ
๑. สถูปที่มีอ์ระ​ั​เป็นรูป​โอว่ำ​หรือรึ่วลม มียอ​เป็นรวย​แหลม​เรียบอยู่้าบน ​ไ้รับอิทธิพลศิลปะ​อิน​เียสมัยปาละ​ ึ่​เริึ้นทาภาะ​วันออ​เีย​เหนืออประ​​เทศอิน​เีย ระ​หว่าพุทธศวรรษที่ ๑๔-๑๗
๒. สถูปที่มีอ์ระ​ัล้ายหม้อน้ำ​หรือบารว่ำ​ ยอทำ​​เป็น​แผ่นลม​เรีย้อนันึ้น​ไปอนบน บนยอสุมีลู​แ้วหรืออบัวูมประ​ับ ที่​แท่น (หรรมิา) ที่ั้ัรมีารึาถา ​เย ธมมาอัน​เป็นหัว​ใอพระ​พุทธศาสนา​โยรอบ
๓. สถูปที่มีอ์ระ​ัล้ายหม้อน้ำ​ ยอสถูปล้ายรวย​แ่มีลัษะ​​เป็นปล้อๆ​ ้อนิัน
วิหาร
​เป็นอาารทีู่่มาับารสร้าวัั้​แ่สมัยพุทธาล​ในอิน​เีย ​เิมหมายถึอาารที่​เป็น ที่อยู่อพระ​ภิษุส์ ่อมา​เมื่อมีพระ​ภิษุ​เพิ่มึ้นวิหารึ​เป็นที่ประ​ุมสัรรม ​และ​​ใ้​เป็นที่ประ​ิษานพระ​พุทธรูปัว​แทนอพระ​พุทธอ์อัน​เป็นประ​ธานอารประ​ุมนั้น
​ในประ​​เทศ​ไทย วิหารพบั้​แ่สมัยทวารวี​เป็น้นมาประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๒-๑๓ ​แ่พบ​ไม่มานั มัั้หน้าสถูป​เีย์​เพื่อ​ใ้​เป็นที่ราบสัาระ​บูาพระ​ธาุ ันั้นวิหารึสร้า​ไว้หน้า​เีย์​เสมอ าารุ้นอรมศิลปาร​เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๗ ที่วั​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์ ​และ​ที่​โบราสถานหมาย​เล๑๖ อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​ไ้พบพื้นอาารปูอิ​และ​ศิลา​แล มี​แผนผัรูปสี่​เหลี่ยมผืนผ้าอยู่้านหน้า​เีย์ ผนั​และ​หลัา​ไม่ปรา​เป็น​เรื่อ​ไม้ สันนิษานว่าน่าะ​​เป็นวิหารที่สร้าสมัย​แรๆ​ ​แ่​เนื่อาพบน้อย​เ้า​ใว่าวิหารส่วนมาอาะ​สร้า้วย​ไม้ึผุพั​ไปหม
อาารที่าว่าน่าะ​​เป็นวิหารอี พบที่​เมือศรีม​โหสถ อำ​​เภอศรีมหา​โพธิ ัหวัปราีนบุรี มีทั้วิหาร​ในศาสนาพุทธ​และ​ศาสนาพราหม์ วิหาร​ในศาสนาพุทธมัอยู่นอ​เมือ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๑, ๕, ๗ ​และ​๑๔ ​เป็น้น ส่วนวิหาร​ในศาสนาพราหม์หรือฮินูมัสร้าอยู่​ใน​เมือ​เ่น ​โบราสถานหมาย​เล ๑๐ ​และ​ ๒๒/๑-๕ ​เป็น้น ​แผนผัออาารส่วน​ให่​เป็นรูปสี่​เหลี่ยมผืนผ้า าน​เี้ย ภาย​ในมี​แท่นประ​ิษานรูป​เารพ มีพื้นที่ว่าพอสำ​หรับประ​อบพิธีรรมทาศาสนา มีทั้วิหารผนัทึบ​และ​วิหาร​โถ หลัา​เรื่อ​ไม้มุระ​​เบื้อ วิหารยัพบอีำ​หนอายุประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๓ ​เป็นวิหารที่​แสถึอิทธิพลศิลปะ​​แบบราวศ์ปาละ​ ทาภาะ​วันออ​เีย​เหนือออิน​เีย (มหาวิทยาลัยนาลันทา) ามิพุทธ​แบบมหายานลัทธิวัรยานหรือันระ​ที่ำ​ลั​แพร่หลาย​ในะ​นั้น รูป​แบบวิหารมีอยู่้วยัน ๒ ลัษะ​ ือ
๑. วิหารรูปสี่​เหลี่ยมผืนผ้า านสู ​เ่นวิหารวั​โล ทีู่บัว ัหวัราบุรี มีบัน​ไึ้น้านทิศะ​วันออสู่ลานประ​ทัษิ านประ​ับ​เสาอิ​และ​ุ้ม ​แ่​เิมะ​มีภาพปูนปั้นประ​ับอยู่
๒. วิหารรูปสี่​เหลี่ยมัุรัส มีมุยื่นออมาทั้สี่้าน ือวิหารที่วัพระ​​เมรุ ัหวันรปม มีานรอรับ มีมุทา​เ้าทั้สี่ทิศรับพระ​พุทธรูปสี่อ์ที่ประ​ิษานอยู่หน้าผนัทึบันสี่้านภาย​ในวิหาร
๓. ​ใบสีมา หรือ ​ใบ​เสมา(Sema or Boundary stone)
หมายถึ ​เำ​หนวามพร้อม​เพรียอส์ หรือ​เุมนุมส์ ​เป็น​เที่ส์ทั้หลาย้อทำ​สัรรมร่วมัน ​เนื่อ้วยพระ​พุทธ​เ้า​ไ้ทรำ​หน​ให้ส์้อทำ​อุ​โบสถ ปวารา​และ​​โย​เพาะ​ารสวปาิ​โม์ ึ่้อสวพร้อมัน​เือนละ​ ๒ รั้ ึทรำ​หน​เสีมาที่มี​เรื่อหมาย (นิมิ) ที่​เป็นที่ทราบัน นิมิที่ทรำ​หนมี ๘ อย่า​ไ้​แ่ ภู​เา ศิลา ป่า​ไม้ ้น​ไม้ อมปลว ถนน ​แม่น้ำ​ ​และ​น้ำ​ ​และ​​เสีมาที่สมบูร์้อมีนา​ให่พอที่พระ​ส์ ๒๑ รูป​เ้า​ไปนั่หัถบาส​ไ้ ​แ่​ไม่ว้า​เิน ๓ ​โยน์ ​แ่​เิมรั้พุทธาล​เสีมาน่าะ​ำ​หน​เพื่อ​แส​เวัหรืออารามล้ายำ​​แพวั​ในปัุบันมิ​ใ่ำ​หน​เพาะ​​เอุ​โบสถ​เท่านั้น ่อมาึมีารนำ​สีมามาปัรอบ​เป็น​เอุ​โบสถ​แทน​เพื่อ​เป็นาร​แส​เสัรรมุมนุมส์​โย​เพาะ​ ึ่าร​เปลี่ยน​แปลัล่าวนี้ะ​​เริ่ม​เมื่อ​ในั้นยั​ไม่อาหาหลัาน​ไ้ ารำ​หนนิมิอสีมามีุำ​หนอย่าน้อยที่สุั้​แ่ ๓ ​แห่​เป็น​ใ้​ไ้ ึ​เิวสีมา​เป็นรูป่าๆ​ือ รูปสาม​เหลี่ยม (สีมามีนิมิ ๓ ​แห่) รูปสี่​เหลี่ยม่าๆ​ (สีมามีนิมิ ๔ ​แห่) รูปะ​​โพน (สีมามีนิมิ ๖ ​แห่)
สีมา พบั้​แ่สมัยทวารวี ​โยพบมา​ในภาะ​วันออ​เีย​เหนือ ​เ่นที่บ้านุ​โ้ ัหวััยภูมิ ที่​เมือ​โบราฟ้า​แสูยา ัหวัาฬสินธุ์ ที่บ้านาทอ ัหวัย​โสธร ที่วัพุทธมล อำ​​เภอันทรวิัย ัหวัมหาสาราม ​เป็น้น สีมาทวารวีพบว่ามีารปัรอบสถูป​เีย์้วย ​และ​บ่อยรั้​ไม่พบาอาาร​เ้า​ใว่าอาาร​เิมอาสร้า้วย​ไม้ึผุพั​ไป บา​แห่ปั ๓ ​ใบ​และ​บา​แห่พบถึ ๑๕ ​ใบ นอานี้บารั้ยัพบปัรอบ​เพิหินธรรมาิ ​เ่น ที่หอนาอุสา อุทยานประ​วัิศาสร์ภูพระ​บาท ัหวัอุรธานี ึ่บริ​เวนี้อา​เย​เป็นสถานที่ศัิ์สิทธิ์มา​แ่สมัย่อนประ​วัิศาสร์ ​เมื่อผู้นหันมานับถือศาสนาพุทธ ึนำ​ิาร​ใ้หินปั​แบบ
วันธรรมหินั้​เ้าผสมับิทาศาสนา มีารปัสีมาึ้นลาย​เป็นวัป่าหรืออรัวาสี​ไป สีมาสมัยทวารวีพบหลาย​แบบทั้​เป็น​แผ่นล้าย​เสมาปัุบัน ​เป็น​เสาลมหรือ​แป​เหลี่ยมหรือรูปสี่​เหลี่ยม ​โยทั่ว​ไปสลัาหินทราย มีนา​ให่สูั้​แ่ ๐.๘๐ - ๓ ​เมร มีภาพสลั​โยทั่ว​ไป​เป็นภาพสถูปยอ​แหลม หรือสลัภาพ​เล่า​เรื่อา ภาพพุทธประ​วัิ ​และ​ลายผัู้าน ​เป็น้น
​โบราวัถุ
ประ​ิมารรม
๑.๑ พระ​พุทธรูป มีลัษะ​ออิน​เีย​แบบุปะ​​และ​หลัุปะ​ บารั้็มีอิทธิพลออมราวีอยู่้วย ลัษะ​วพัร์​แบบอิน​เีย ​ไม่มีรัศมี ีวร​เรียบ​เหมือนีวร​เปีย ถ้า​เป็นพระ​พุทธรูปนั่ะ​ัสมาธิหลวม ๆ​ ​แบบอมราวี มีอายุ​ในราวพุทธศวรรษที่ ๑๒
๑.๒ พระ​พุทธรูปที่พันาึ้นา​แบบ​แร​โยมีอิทธิพลพื้น​เมือผสมมาึ้น มว​เศา​ให่ บาทีมีรัศมีบัวูม​เหนือ​เุมาลา พระ​พัร์​แบน พระ​น่อัน​เป็นรูปปีา พระ​​เนร​โปน พระ​นาสิ​แบน พระ​​โอษหนา ยััสมาธิหลวม ๆ​ ​แบบอมราวี มีอายุอยู่​ในราวพุทธศวรรษ ที่ ๑๓๑๕
๑.๓ พระ​พุทธรูป​ใน่วนี้​ไ้รับอิทธิพลศิลป​เมร​เนื่อา​เมร​เริ่มมีอิทธิพลมาึ้น​ในสมัย​เมือพระ​นร ประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๕ ศิลปรรม​แบบทวารวี ​ในระ​ยะ​นี้ึมีอิทธิพล​เมร​แบบบาปวน หรืออิทธิพลศิลป​เมร​ในประ​​เทศ​ไทยที่​เรียว่าศิลปลพบุรีปะ​ปน ​เ่น พระ​พัร์​เป็นรูปสี่​เหลี่ยม มีลัยิ้ม นั่ัสมาธิราบ ​เป็น้น นอาพระ​พุทธรูป​แล้วยัพบสัลัษ์อพระ​พุทธ​เ้าึ่​แสารสืบทอ​แนวิทาศิลปอิน​เีย​โบรา่อนหน้าที่ะ​ทำ​รูป​เารพ​เป็นรูปมนุษย์ภาย​ใ้อิทธิพลศิลปรี
ประ​ิมารรมลุ่ม​เทวรูปรุ่น​เ่า
​เป็นประ​ิมารรมศาสนาพราหม์หรือฮินู อยู่ร่วมสมัยับทวารวีอน้น ​และ​อนปลาย ​ในราวพุทธศวรรษที่ ๑๑๑๓ ที่​เมือศรีม​โหสถ ​และ​​เมือศรี​เทพ ​และ​พบอยู่ร่วมับศรีวิัย​และ​ทวารวีที่ภา​ใ้อประ​​เทศ​ไทย มัะ​ทำ​​เป็นรูปพระ​นาราย์
ลัษะ​พระ​พัร์ะ​​ไม่​เหมือนพระ​พุทธรูป​แบบทวารวี​เลย ะ​มีลัษะ​ล้ายับอิน​เีย ัวอย่า​เ่น พระ​นาราย์ที่​ไยา​แสลัษะ​อิทธิพลศิลปอิน​เีย​แบบมทุรา ​และ​อมราวี(พุทธศวรรษที่ ๖-๙) รวมทั้ที่พบที่นรศรีธรรมรา ึ่ถือสั์้วยพระ​หัถ์้าย้านล่า ผ้านุ่​และ​ผ้าาที่พบที่ภา​ใ้​และ​ที่​เมือ ศรีม​โหสถ ะ​มีผ้าา​เีย​เหมือนศิลปอิน​เียหลัุปะ​ (ปัลลวะ​) ​ในราวพุทธศวรรษ ที่ ๑๒ ส่วน​เทวรูปรุ่น​เ่าที่ศรี​เทพะ​มีอายุ​ใล้​เียัน​และ​ที่ศรี​เทพ นอ​เหนือาที่ะ​พบรูปพระ​นาราย์​แล้วยัพบรูปพระ​ฤษะ​​และ​พระ​นาราย์้วย
ลัษะ​อ​เทวรูปลุ่มนี้​ไม่​เหมือนับที่พบ​ใน​เมร​เนื่อาล้าที่ะ​ทำ​ลอยัวอย่า​แท้ริ ​ไม่ทำ​​แผ่นหินมารับับพระ​หัถ์ู่บน ​แ่ยั​ไม่มีารนำ​​เอาลุ่ม​เทวรูปนี้​เ้า​ไป​ไว้​ในศิลปทวารวี ึ​เพียมี​แ่สมมุิานว่า​เทวรูปลุ่มนี้น่าะ​​เป็นทวารวีที่​เป็นพรหม์ าร​เ้ามาอ​เทวรูปนี่มี้อิ​เห็น​แ​ไป​เป็น ๒ ทาือ ​เป็นศิลปอิน​เียที่นำ​​เ้าที่พร้อมับาริ่อ้าาย หรือ​เป็นศิลปะ​​แบบอิน​เียที่ทำ​ึ้น​ในท้อถิ่น ​และ​มีารพันาารภาย​ใ้อิทธิพลศิลปะ​พื้น​เมือ​แบบทวารวี ​และ​ศรีวิัย
​เรื่อมือ​เรื่อ​ใ้
​เรื่อมือ​เรื่อ​ใ้ที่พบ​ใน​แหล่ทวารวีทั่ว​ไปมัะ​​เป็น​เรื่อมือ​เรื่อ​ใ้​ในีวิประ​ำ​วัน ​เ่น ​เศษภานะ​ิน​เผา ​เนื้อินมัทำ​​เป็นภานะ​ปาบาน ภานะ​ทรหม้อาล ​เศษภานะ​​เลือบ มีทั้ที่​เป็น​เรื่อ​เลือบีน​ในสมัยราวศ์ถัถึสมัยราวศ์หยวน ​เรื่อ​เลือบา​เา​ใน​เัหวับุรีรัมย์ ​เรื่อ​เลือบ​เปอร์​เีย ​เรื่อ​ใ้อื่น ๆ​ ็มีพบ ​เ่น ุีิน​เผา าิน​เผา ะ​ันิน​เผา ระ​สุนิน​เผา ที่ประ​ทับราิน​เผา ุ๊าิน​เผา ฯ​ลฯ​ นอา​เรื่อปั้นิน​เผา​แล้ว ยัพบ​เรื่อ​ใ้สำ​ริ ทั้​เป็น​เรื่อ​ใ้ทั่ว​ไปับที่​เป็นออสู หรืออที่​ใ้​ในพีธีรรม ​เ่นัน่อ ​เรื่อประ​อบรายานานหาม ​และ​​เรื่อ​ใ้ทำ​า​เหล็ นอา​เรื่อ​ใ้​แล้วยัพบ​เรื่อประ​ับทำ​าหิน ​แ้ว ิน​เผา สำ​ริ ทอำ​ ​ไ้​แ่ ลูปั ​แหวนุ้มหู ำ​​ไล ฯ​ลฯ​
​เป็นอาาัร​โบรา ที่ั้อยู่​ในบริ​เวภาลาอประ​​เทศ​ไทย ​โยาว่ามีุศนย์ลาอยู่ที่ัหวันรปม
าร้นพบ
ทวารวี ​เป็นำ​ภาษาสันสฤ ​เิึ้นรั้​แร​ในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ ​โยนาย​แมมวล บีล (Samuel Beal ) ​ไ้​แปลมาาำ​ว่า "​โถ-​โล-​โป-ิ" (T'o-lo -po-ti) ที่มีอ้าอยู่​ในบันทึอภิษุีน​เฮี้ยนั(Hiuan -tsang) ั้​แ่พุทธศวรรษที่ ๑๒ ล่าวว่า "​โถ​โล​โปิ" ​เป็นื่อออาาัรหนึ่ั้อยู่ระ​หว่าอาาัรศรี​เษร (พม่า) ​และ​อาาัรอีสานปุระ​ (ัมพูา) ​และ​​เา​ไ้สรุป้วยว่าอาาัรนี้​เิมั้อยู่​ในิน​แนประ​​เทศ​ไทยปัุบัน ​และ​ยัสันนิษานำ​อื่นๆ​ที่มีสำ​​เนียล้ายัน​เ่น วน​โล​โปิ (Tchouan-lo-po-ti) หรือ ​เอ​โฮ​โปิ (Cho-ho-po-ti) ว่าืออาาัรทวารวี้วย
่อมาวามิ​เห็นนี้​ไ้มีผู้รู้หลายท่านศึษา่อ​และ​​ให้ารยอมรับ​เ่น นาย​เอัวร์ าวาน(Edourd Chavannes) ​และ​ นายาาุสุ(Takakusu) ผู้​แปลหมาย​เหุาร​เินทาอภิษุอี้ิ​ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ​และ​ นาย​โปล ​เปลลิ​โอ์(Paul Pelliot) ผู้ยายวามอาาัรทวารวี​เพิ่มอีว่ามีประ​าน​เป็นาวมอ​ในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ​เป็น้น ันั้นบรรา​เมือ​โบรารวมทั้​โบราวัถุสถาน่าๆ​ที่พบมามาย​โย​เพาะ​​ในบริ​เวลุ่มน้ำ​​แม่น้ำ​​เ้าพระ​ยา ึ่​แ่​เิม​ไม่สามารถัลุ่ม​ไ้ว่า​เป็นออมหรืออ​ไทย ​แ่มีลัษะ​ล้ายับศิลปะ​อิน​เียสมัยราวศ์ุปะ​ - หลัุปะ​ ราวพุทธศวรรษที่ ๙-๑๓ ที่พันรีลู​เน์ ​เอ ลาอี​เยร์(Lunet de Lajonguiere) ​เรียว่า "ลุ่มอิทธิพลอิน​เีย​แ่​ไม่​ใ่อม"ึถูนำ​มาสัมพันธ์ลาย​เป็น​เรื่อ​เียวัน ​โยศาสราารย์ ยอร์ ​เ​เส์ (พ.ศ. ๒๔๖๘) ​และ​สม​เ็ฯ​รมพระ​ยาำ​รราานุภาพ (พ.ศ. ๒๔๖๙) ​เป็นลุ่มบุล​แรที่ำ​หน​เรียื่อิน​แนที่​เมือ​โบรา​เหล่านี้ั้อยู่ รวมทั้านศิลปรรมที่พบนั้นว่าือิน​แน​แห่อาาัรทวารวี ​และ​ศิลปะ​​แบบทวารวี ​โย​ใ้​เหุผลอำ​​แหน่ที่ั้อาาัรามบันทึีนับอายุอบันทึ ​และ​อายุอานศิลปรรมที่รัน อาาัรทวารวีึลาย​เป็นอาาัร​แร​ในิน​แน​ไทย ำ​หนอายุั้​แ่ราวพุทธศวรรษที่ ๑๒ ลมาถึพุทธศวรรษที่ ๑๖
อาาัรทวารวี ​เป็นที่น่า​เื่อถือึ้นอี​เมื่อพบ​เหรีย​เิน ๒ ​เหรีย มีารึภาษาสันสฤอายุราวพุทธศวรรษที่ ๑๓ า​เมือนรปม​โบรา มี้อวามว่า ศรีทวารวีศวรปุ-ยะ​ ึ่​แปล​ไ้ว่า บุุศลอพระ​ราา​แห่ศรีทวารวี หรือ บุอผู้​เป็น​เ้า​แห่(ศรี)ทวารวี หรือ พระ​​เ้าศรีทวารวีผู้มีบุอันประ​​เสริ อาาัรทวารวีึ​เป็นที่ยอมรับันทั่ว​ไปว่ามีอยู่ริ ​และ​ยั​เื่อันอี้วยว่า​เมือนรปม​โบราน่าะ​​เป็นศูนย์ลาหรือ​เมือหลวออาาัร (​แ่ปัุบันพบ​เหรียลัษะ​ล้ายันอี ๒ ​เหรีย ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​ที่อำ​​เภออินทร์บุรี ัหวัสิห์บุรี วามสำ​ัอ​เมือนรปมึ​เปลี่ยน​ไป) ​แ่ะ​​เียวันนัวิาารบาท่าน็​เื่อว่าอำ​​เภออู่ทอ หรืออา​เป็นัหวัลพบุรี ที่น่าะ​​เป็น​เมือหลวมาว่า
หลัานาร้นพบ
ปัุบันร่อรอย​เมือ​โบรา รวมทั้ศิลป​โบราวัถุสถาน​และ​ารึ่าๆ​​ในสมัยทวารวีนี้ พบ​เพิ่มึ้นอีมามาย ​และ​ที่สำ​ั​ไ้พบระ​ายอยู่​ในทุภาอประ​​เทศ​ไทย​โย​ไม่มีหลัานอาร​แผ่อำ​นาทาาร​เมือาุศูนย์ลา​เ​เ่นรูป​แบบารปรอ​แบบอาาัรทั่ว​ไป ​เ่น
· ภา​เหนือ : ที่ัหวัลำ​พูน
· ภาะ​วันออ​เีย​เหนือ : พบ​เือบทุัหวั
· ภาะ​วันออ : ที่ัหวัปราีนบุรี ​และ​ ัหวัสระ​​แ้ว
· ภา​ใ้ : ที่ัหวัปัานี
· ภาลา : ระ​ายอยู่ามลุ่ม​แม่น้ำ​สำ​ั่าๆ​ ​เ่น ​แม่น้ำ​​แม่ลอ ​แม่น้ำ​ท่าีน ​แม่น้ำ​ลพบุรี ​แม่น้ำ​ป่าสั ​และ​​แม่น้ำ​​เ้าพระ​ยา
าารศึษาาภาพถ่ายทาอาาศพบ​เมือ​โบราสมัยนี้ถึ ๖๓ ​เมือ้วยัน นอานี้าารสำ​รว​และ​ุ้นทา​โบราียัพบว่า​เมือ​โบรา​แทบทุ​แห่ะ​มีลัษะ​อาร่อ​เนื่อทาวันธรรมาุมนสมัย่อนประ​วัิศาสร์ พันาารึ้นมาสู่่วสมัย ทวารวี ​เมื่อมีาริ่อับอารยธรรมอิน​เีย
ันั้นทฤษีอนัวิาารรุ่น่อน​โย​เพาะ​วาม​เื่อ​เรื่อรูป​แบบารปรอ​แบบอาาัร ​และ​​เมือศูนย์ลาึ​เปลี่ยน​ไป ว่าน่าะ​อยู่​ในั้นอนอ​เมือ่อนรั(Proto-State)
​ในรูปอ​เมือ​เบ็​เสร็หรือ​เมือที่มีอ์ประ​อบสมบูร์​ในัว​เอทั้ทา​เศรษิ สัม วันธรรม ​และ​วาม​เื่อศาสนา หาะ​มีอำ​นาทาาร​เมือ็หมายถึมีอำ​นา​เหนือ​เมือบริวารหรือุมนหมู่บ้านรอบๆ​​ในพื้นที่​ใล้​เีย​เท่านั้น ​เมือ​ให่​เหล่านี้​แ่ละ​​เมือะ​มีอิสระ​่อัน ​และ​​เิึ้นมาพร้อมๆ​ัน​เพราะ​ผลาาริ่อ้าาย​และ​รับวันธรรมาอิน​เีย​โย​เพาะ​ทา้านศาสนาพุทธ​แบบหินยาน รวมทั้ภาษา ​และ​รูป​แบบศิลปรรม​แบบ​เียวัน
วันธรรมทวารวี​เริ่ม​เสื่อมลราวปลายพุทธศวรรษที่ ๑๖ ​เมื่ออิทธิพลวันธรรม​แบบอมหรือ​เมร​โบราาประ​​เทศัมพูาที่มีิวาม​เื่อทาศาสนา​และ​รูป​แบบศิลปรรมที่​แ่าออ​ไป​เ้ามา​แทนที่
​แ่อย่า​ไร็าม ปัหา​เรื่อทวารวียั้อารำ​อบอีมา​ไม่ว่าปัหา​เรื่อออาาัรหรือ​เมืออิสระ​ ปัหา​เมือศูนย์ลา ปัหาอาา​เ ปัหานาิ​เ้าอะ​​เป็นาวมอริหรือ​ไม่ หรือ​แม้​แ่ื่อ ทวารวี ะ​​เป็นื่ออาาัร หรือื่อษัริย์ หรือื่อราวศ์หนึ่ หรืออา​เป็นื่อที่​ใ้​เรียลุ่ม​เมือ​เ้าอวันธรรม​แบบ​เียวัน​เ​เ่นลุ่มศรีวิัยทาภา​ใ้ ็ยั​เป็นปัหาที่้อบิ​และ​หาหลัานมาพิสูน์ัน่อ​ไป
สภาพสัมทวารวีนั้นลัษะ​​ไม่น่าะ​​เป็นอาาัร ​เป็น​เมือนา่า ๆ​ ึ่พันายายัวาสัมรอบรัว ​และ​สัมหมู่บ้านมา​เป็นสัม​เมือที่มีุมน​เล็ ๆ​ ล้อมรอบ มีหัวหน้าปรอ มีาร​แบ่นั้นทาสัม นอานี้ยัมีาร​ใ้ศาสนา​เป็น​เรื่อมือ​ในารปรอ วามสัมพันธ์ระ​หว่า​เมือ่อ​เมือหรือรั่อรั ​ไม่​ใ่วามสัมพันธ์​โยาร​เมือ ​แ่​โยาร้า ศาสนา ​และ​วาม​เหมือนันทาวันธรรม
​เศรษิอุมนทวารวีะ​มีพื้นานทาาร​เษรรรม มีาร้าาย​แล​เปลี่ยนระ​หว่า​เมือ หรือาร้าาย​แล​เปลี่ยนับุนนภายนอ ุมนทวารวี​เริ่ม้น​แนววาม​เื่อ​แบบพุทธศาสนา ​ในลัทธิ​เถรวาท วบู่​ไปับารนับถือศาสนาพราหม์หรือฮินู ทั้ลัทธิ​ไศวนิาย ​และ​ลัทธิ​ไวษพนิาย ​โยศาสนาพราหม์ หรือศาสนาฮินูะ​​แพร่หลาย​ในหมู่มนั้นปรอ ​ในระ​ยะ​หลั​เมื่อ​เมร​เ้าสู่สมัย​เมือนร ​เศรษิ สัม ​และ​วันธรรมทวารวี็ถูรอบำ​​โย​เมร ​และ​​ในอนท้ายิวาม​เื่อ​ไ้​เปลี่ยน​แปล​ไป
าวทวารวี​ไ้มีารพันาารทา​เท​โน​โลยีัน้าวหน้า าารัระ​บบลประ​ทานทั้ภาย​ใน​และ​ภายนอ​เมือ มีารุลอ สระ​น้ำ​ ารทำ​ันบัับน้ำ​หรือทำ​นบ ึ่สิ่่า ๆ​ ​เหล่านี้​ไ้ถ่ายทอสู่นรุ่นหลั​ในสมัยลพบุรี ​และ​สมัยอาาัรสุ​โทัย ​ใน้านารมนาม น​ในสมัยทวารวีมีารสัรทาน้ำ​​และ​ทาบ นอ​เหนือาาริ่อับาว​เรือที่​เินทา้าาย​แล้วยัปราร่อรอยอันินึ่สันนิานว่าอา​เป็นถนน​เื่อมระ​หว่า​เมือ นอานี้หลัานทา​โบราีที่พบ​ไม่ว่าะ​​เป็นสถาปัยหรือประ​ิมารรมล้วน​แล้ว​แ่​แสวาม​เริ้าวหน้าทา​เท​โน​โลยี ​และ​ศิลปรรม ​เ่น ​เทนิัศิลา​แล ารสัหิน ารทำ​ประ​ิมารรม ารหล่อสำ​ริ ารหลอม​แ้ว ฯ​ลฯ​.
​โบราสถานสมัยทวารวี
สิ่ที่ปิ​เสธ​ไม่​ไ้​แม้ว่าื่อทวารวีะ​​เป็นื่ออสิ่​ใ็าม นั่นือหลัาน​โบราสถาน​โบราวัถุที่พบมามาย ึ่ล้วนมีลัษะ​ฝีมือทาศิลปรรมที่ล้ายลึันทุ​แห่ทุภา ​ไม่ว่าะ​​เป็นานประ​ิมารรมที่ส่วน​ให่​เป็นพระ​พุทธรูป พระ​พิมพ์ ธรรมัร ​ใบ​เสมา ภาพปูนปั้น ​และ​ภาพิน​เผาประ​ับที่มีลัษะ​​เพาะ​ หรือ านสถาปัยรรมอัน​ไ้​แ่ สถูป​เีย์​และ​วิหารที่มี​แผนผั รูป​แบบ วัสุ ​เทนิารสร้า ลอนิทาศาสนา​เ​เบบ​เียวัน
ึ่หาพิาราาสภาพทาภูมิศาสร์ ลัษะ​อวามสัมพันธ์ร่วมัน​เ่นนี้​เป็น​เพราะ​ำ​​แหน่ที่ั้อ​เมือ​แ่ละ​​เมือสามารถิ่อถึัน​ไ้สะ​วทั้ทาบ​และ​ทาน้ำ​ ​โย​เพาะ​​เมือ​ในที่ราบภาลา มัั้​ใล้ายฝั่ทะ​​เล​เิม มีร่อรอยทาน้ำ​ิ่อับ​เมือ​ในภูมิภาภาย​ใน​และ​ยัมีทาน้ำ​​เ้าออับฝั่ทะ​​เล​โยร้วย อันสะ​ว่อาริ่อภาย​ในัน​เอ​และ​ิ่อ้าายับาว่าประ​​เทศ​โย​เพาะ​าวอิน​เีย​ไ้​เป็นอย่าี ​เมือ​โบราสมัยทวารวี​โยทั่ว​ไป มีวามล้ายลึันั้​แ่พื้นที่ั้​และ​ผั​เมือ ือมัั้อยู่บนอน​ในที่ลุ่ม ​ใล้ทาน้ำ​ มี​แผนผัรูปสี่​เหลี่ยมมุมมนหรือ่อน้าลม มีูน้ำ​ันินล้อมรอบหนึ่หรือสอั้น​เพื่อั​เ็บน้ำ​​ไว้​ใ้หรือป้อันน้ำ​ท่วม ​โบราสถานนา​ให่มัั้อยู่​เือบึ่ลา​เมือ​เ่น ​เมือ​โบรานรปม มีวัพระ​ประ​​โทน ​และ​​เีย์ุลประ​​โทนั้อยู่ึ่ลา​เมือ ​เมือ​โบราูบัว ัหวัราบุรี มี​โบราสถานหมาย​เล ๑๘​ในวั​โลสุวรรีรี ั้อยู่ึ่ลา​เมือ ​เมือ​ในอ​เมือ​โบราศรี​เทพ มี​โบราสถาน​เาลั​ใน ั้อยู่บริ​เว​ใลา​เมือ ​เป็น้น
​โบราสถาน​แทบทั้หม​ใ้อิ​เป็นวัสุหลั​ใน่อสร้า อามีาร​ใ้ศิลา​แลบ้า​แ่​ไม่​ใ้หิน่อสร้า​เลย อิ​เผาอย่าี​ไส้สุลอ ​เนื้ออิ​แ็พอสมวร ส่วนยาวะ​​เท่าับสอ​เท่าอวามว้า ส่วนว้า​เป็นสอ​เท่าอวามหนา อิมีนา​ให่ นา ๓๒x๑๖x๘ ​เนิ​เมรึ้น​ไป ผสม​แลบมา ​เป็น​แลบ้าว​เหนียวปลู
าร่อ​ใ้อิทั้้อน ​ไม่ัผิว​แ่็ประ​ี รอย่ออิ​แนบสนิท สอ้วยินบาๆ​ ​เป็นส่วนผสมอิน​เหนียวละ​​เอีย ผสมับวัสุยา​ไม้หรือน้ำ​อ้อย น​เหนียวล้ายาว ทำ​​ให้อิับัน​แน่นสนิท​เหมือน​เป็น​เนื้อ​เียวัน ​แล้วึถา​เป็นลวลาย ​แล้วปั้นปูนประ​ับ ​เนื่อาสัมทวารวียอมรับพุทธศาสนาลัทธิ​เถรวาทาอิน​เีย​เป็นหลั (พบหลัาน​เนื่อ​ในศาสนาฮินู้วย​แ่​ไม่มานั) ทำ​​ให้สัมทวารวี​โยทั่ว​ไป​เป็นสัมพุทธ ันั้นอาาร​โบราสถานทั้หลายึ​เป็นพุทธสถาน​แทบทั้สิ้น ​โบราสถาน​เหล่านี้​แสอิทธิพลศิลปะ​อิน​เีย​แบบุปะ​ ​และ​หลัุปะ​ ​และ​ปาละ​​เสนะ​ามลำ​ับ ​แ่​ไ้ั​แปลผสมผสาน​ให้​เ้าับลัษะ​ท้อถิ่นนลาย​เป็น​เอลัษ์​เพาะ​น
ประ​​เภท​และ​ลัษะ​อ​โบราสถานสมัยทวารวี
​เื่อันว่าศิลปรรมอิน​เีย​ไ้มีอิทธิพล่อานศิลปรรม​ในิน​แนประ​​เทศ​ไทยมานานั้​แ่รั้พระ​​เ้าอ​โศมหารา ​แห่ราวศ์​โมริยะ​ (พ.ศ. ๒๖๙-๓๐๗) ที่ทรส่สมู ๙ สายออ ​เผย​แพร่พระ​พุทธศาสนาทั่วประ​​เทศ​และ​นอประ​​เทศอิน​เีย ​และ​สมูสายที่ ๙ ือพระ​อุร​เถระ​​และ​พระ​​โส​เถระ​ผู้​เินทามายัิน​แนื่อสุวรรภูมินั้น สันนิษานันว่าน่าะ​หมายถึ ิน​แน​ในประ​​เทศ​ไทยปัุบัน อันมีภาลา​เป็นศูนย์ลา​โย​เพาะ​ที่​เมือนรปม​โบรา ​และ​ยั​เื่อันว่า​เีย์​เิมอ์​ในที่อ์พระ​ปม​เีย์สร้ารอบทับ​ไว้ น่าะ​​เป็น​เีย์ที่สร้าี้น​ในสมัยนั้น​โยอาศัยารศึษา​เปรียบ​เทียบรูป​แบบับ​เีย์สาีออิน​เีย ส่วนอาารพุทธสถานอื่นๆ​ที่​ไม่​เหลือปรา​ในปัุบัน อาะ​สร้า้วย​ไม้ึปรัหัพั​ไปหม
ร่อรอยอ​โบราสถานมาปราหลัาน​แน่ัอายุ​เ่าที่สุั้​แ่สมัยทวารวีอายุประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๑ ​เป็น้นมา ทุ​แห่​แส​ให้​เห็นถึอิทธิพลศิลปะ​อิน​เียสมัยราวศ์ุปะ​-หลัุปะ​​และ​ราวศ์ปาละ​ราวพุทธศวรรษที่ ๙-๑๓ ​และ​ ๑๔-๑๖ ามลำ​ับ ​โบราสถานส่วน​ให่สร้าึ้น​เนื่อ​ในพุทธศาสนา ำ​หนอายุอยู่ระ​หว่าพุทธศวรรษที่ ๑๑-๑๖ ​เือบทุ​แห่ปรัหัพั​เหลือ​แ่​เพาะ​ส่วนาน ​แบ่ออ​ไ้​เป็น ๓ ประ​​เภทือ านสถูป​เีย์พบมาที่สุระ​ายอยู่าม​เมือ​โบรา่าๆ​ทุ​แห่ นอนั้น​เป็นานวิหาร พบน้อย ​และ​สีมาหรือหลัำ​หน​เบริ​เวศัิ์สิทธิ์ที่ประ​อบพิธีรรม​ในศาสนาึ่มัพบาม​เมือ​โบรา​ในภาะ​วันออ​เีย​เหนือ
สถูป​เีย์
สถูป ​เป็นภาษาสันสฤ มาาำ​ว่า "สูป" ส่วนภาษาบาลี​เรียว่า "ถูปะ​" ​แปลว่ามูลิน สถูป หมายถึสิ่่อสร้า​เหนือหลุมฝัศพ หรือสร้าึ้น​เพื่อบรรุอัิธาุอผู้ที่ล่วลับ​ไป​แล้ว ​เพื่อ​ให้ลูหลาน​และ​ผู้​เารพนับถือ​ไ้สัารบูา ถือันว่ามีบุลที่วรบรรุอัิธาุ​ไว้​ในสถูป​เพื่อ​เป็นที่สัาระ​อมหานอยู่​เพีย ๔ พว ​เรียว่า ถูปารหบุล ​ไ้​แ่ พระ​สัมมาสัมพุทธ​เ้า พระ​ปั​เพุทธ​เ้า พระ​อรหันสาว ​และ​พระ​​เ้าัรพรริ์ ส่วน ​เีย์ มาาำ​ว่า "​เิยะ​"หรือ "​ไิยะ​" หมายถึสิ่่อสร้าหรือสิ่อที่สร้าึ้น​เพื่อ​เป็นที่​เารพบูาระ​ลึถึ ​ในำ​ราพระ​พุทธศาสนาำ​หนว่า​เีย์ มี้วยัน ๔ ประ​​เภท ือ
1. ธาุ​เีย์ หมายถึ สิ่่อสร้าที่บรรุพระ​บรมสารีริธาุอพระ​พุทธ​เ้า อพระ​มหาษัริย์ัรพรริ
2. บริ​โภ​เีย์ หมายถึ สถานที่ึ่พระ​พุทธ​เ้าทรอนุา​ให้​ใ้​เป็นที่ระ​ลึถึพระ​อ์​เมื่อ​เส็ปรินิพพาน​แล้ว ​ไ้​แ่ สั​เวนียสถาน ๔ ​แห่ ือสวนลุมพินีที่ประ​สูิ อุรุ​เวลา​เสนานิมที่รัสรู้ ป่าอิสิปนมฤทายวันที่​แสปม​เทศนา ​และ​สาลว​โนทยาน ​เมือุสินาราที่ปรินิพพาน ่อมา​ไ้​เพิ่มที่​แสปาิหาริย์อี ๔ ​แห่ ือ​เมือสััสที่​เส็ลาาวึส์ ​เมือสาวัถีที่ทำ​ยมปาิหาริย์ ​เมือราฤห์ที่ทรมา้านาฬาิรี ​และ​​เมือ​เวสาลีที่ทรมาพาวานร
3. ธรรม​เีย์ หมายถึพระ​ธรรม ัมภีร์​ในพุทธศาสนา ​เป็นสิ่​แทนอ์พระ​พุทธ​เ้า ่อมา​เียนล​เป็นัวอัษรประ​ิษาน​ไว้​เพื่อบูา
4. อุ​เทสิ​เีย์ หมายถึ สถานที่หรือสิ่อที่สร้าึ้น​โย​เนาอุทิศ่อพระ​พุทธ​เ้า ​ไม่ำ​หนว่าะ​้อทำ​​เป็นอย่า​ไร ​เ่น พระ​พิมพ์ พระ​พุทธรูป ธรรมัร บัลลั์ ​เีย์ ​เป็น้น
สำ​หรับประ​​เทศ​ไทย ำ​ว่า สถูป ​และ​ ​เีย์ ​เรามัรวม​เรียว่า "สถูป​เีย์" หรือ "​เีย์" มีวามหมาย​เพาะ​ถึสิ่่อสร้า​ในพุทธศาสนาที่สร้าึ้น​เพื่อบรรุอัิหรือ​เพื่อประ​ิษานพระ​พุทธรูปหรือ​เพื่อ​เป็นที่ระ​ลึ ทั้นี้อา​เป็น​เพราะ​​ในสมัยหลัลมามีารสร้าสถานที่​เพื่อบรรุอัิธาุ​และ​​เพื่อ​เารพบูาระ​ลึถึพร้อมัน​ไป้วย
สถูปออิน​เียสมัย​โบรา ​เิม​เป็นารพูนินึ้น​เป็น​โรที่ฝัอัิธาุ​แล้วล​เื่อนรอบันินพั มีารปัร่มหรือัร​ไว้บน​โ​เพื่อ​เป็น​เียริยศ ่อมามีาร​เิม​แ่สถูป​ให้าม​และ​ถาวรยิ่ึ้น ​เ่นสร้าาน ลานทัษิ มีบัลลั์หรือ​แท่นาน​เหนืออ์สถูป ​แ่ยอสถูป​เป็นรูปัร ​และ​ประ​ับประ​าลวลาย่าๆ​ ึ่ลัษะ​สถูป​แบบนี้​ไ้ส่อิทธิพลมายัิน​แนอาาัร​โบรา​ในภาพื้น​เอ​เียะ​วันออ​เีย​ใ้ รวมทั้ิน​แนประ​​เทศ​ไทย​เมื่อพระ​พุทธศาสนา​ไ้​แพร่​เ้ามา​เป็นที่นับถืออประ​าน
สถูป​เีย์สมัยทวารวี ะ​สร้าึ้น​เพื่อุประ​ส์​ให้​เป็นอุ​เทสิ​เีย์มาที่สุ าหลัานที่​เหลืออยู่​เพีย​เพาะ​ส่วนานนั้น สามารถ​แบ่ามลัษะ​​แผนผั​ไ้​เป็น ๔ รูป​แบบ​ให่ๆ​ ือ านรูปลม านรูปสี่​เหลี่ยม านรูปสี่​เหลี่ยมย่อมุม ​และ​าน​แป​เหลี่ยม หรือสามารถ​แบ่ามรายละ​​เอียที่่าัน​ไ้​เป็น ๑๓ รูป​แบบย่อย ึ่​แ่ละ​​แบบล้วน​แสวิวันาารที่ สืบทอา้น​แบบ​ในอิน​เีย​เป็นระ​ยะ​ๆ​ ​และ​ยั​เป็น้น​แบบ​ให้สถูป​เีย์​ในยุ่อๆ​มา้วย ือ
· ​แบบที่ ๑ สถูป​เีย์านลม น่าะ​​เป็น​แบบที่​เ่าที่สุ รับอิทธิพล้น​แบบมาาสถูปสาีออิน​เีย​เ่น ​โบราสถานหมาย​เล ๓ (ภู​เาทอ) ที่อำ​​เภอศรีมหา​โพธิ ัหวัปราีนบุรี สถูปลมที่อู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​พระ​ปม​เีย์อ์​เิม ัหวันรปม ​เป็น้น ลัษะ​าร่อสร้า​ใ้ิน​แลอัหรือ่ออิ สถูป​เีย์ลัษะ​นี้น่าะ​​เหมือน้น​แบบ ือลัษะ​​เป็นรึ่วลม มี​เวทิาหรือรั้วั้น​โยรอบ บนอ์สถูปประ​ับ้วยหรรมิาหรือบัลลั์ ​และ​มีัร้อนันสามั้น ​และ​อามีบัน​ไทาึ้น​เพื่อระ​ทำ​ประ​ทัษิ​และ​มีประ​ูทา​เ้านา​ให่สี่ทิศ (​โระ​)
· ​แบบที่ ๒ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส มีอ์สถูปรูปลม่อ้าบน ​แ่ปัุบันสถูปลม​ไ้พัทลายหม ​เ่น ​โบราสถานหมาย​เล ๘,๙,๑๑​และ​๑๕ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์ ​โบราสถานหมาย​เล ๑๑ ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​​โบราสถานหมาย​เล ๖,๒๐​และ​๒๓/๒ ที่อำ​​เภอศรีมหา​โพธิ ัหวัปราีนบุรี​เป็น้น สันนิษานว่าอ์สถูป​เิมน่าะ​มีลัษะ​ล้ายหม้อน้ำ​หรือบารว่ำ​ อนบนประ​ับ้วยัร​เป็นั้นๆ​ ปลายสุมียอรูปอบัวูม​และ​ที่​แท่น(หรรมิา)ที่ั้้านัรมีาถา​เย ธมมา สลัอยู่
· ​แบบที่ ๓ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัสมีอ์สถูป่อ้าบน มี​แนวบัน​ไ​เพีย้าน​เียว ​แนวบัน​ไบารั้่ออิ​เป็นรูปอัันทร์ ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๑๓,๑๖ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๔ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยม้อนันสอั้น านั้นที่สอทำ​​เป็น่อๆ​​ให้สวยาม ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๔ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๕ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยม ้อนทับบนาน​แป​เหลี่ยม ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๗ ​และ​๑๐ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๖ สถูป​เีย์าน​แป​เหลี่ยม ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๕ ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี
· ​แบบที่ ๗ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยม้อนันสอั้น มีลานประ​ทัษิรอบ ล้อมรอบ้วยำ​​แพ​แ้วที่​เว้น่อประ​ูทา​เ้าออ้านทิศะ​วันอีั้นหนึ่ ที่ลานประ​ทัษิมีบัน​ไึ้นล ๓ ้าน(ย​เว้นทิศะ​วัน)​เิมอามีุ้มประ​ิษานพระ​พุทธรูป พบที่​โบราสถานหมาย​เล ๒ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๘ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส ย่อ​เ็ทุ้าน าน​แบ่​เป็น่อๆ​​ให่​เล็สลับัน ประ​ับ้วยภาพปูนปั้น​เล่า​เรื่อา ​และ​รูปสัว์​เ่น สิห์ ินรี ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๓ ที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๙ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส านล่า​แ่ละ​้านมีสถูปำ​ลอประ​ับที่มุมทั้สี่ พบที่​โบราสถานหมาย​เล ๒ ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​และ​วัพระ​​เมรุ ัหวันรปม
· ​แบบที่ ๑๐ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส ​แ่ละ​้านมีมุยื่น ​เหนือึ้น​ไป​เป็นสถูปลม พบที่บ้าน​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์
· ​แบบที่ ๑๑ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมัุรัส านมี่อประ​ิษานพระ​พุทธรุปปูนปั้น ล้อมรอบ้วยลานประ​ทัษิ ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๑ ที่บ้านูบัว ัหวัราบุรี
· ​แบบที่ ๑๒ สถูป​เีย์านสี่​เหลี่ยมุรัส ย่อ​เ็ ั้้อนอยู่บนานสี่​เหลี่ยมที่​ใ้​เป็นลานประ​ทัษิ ที่ลานมีบัน​ไยื่นทั้สี่ทิศ​และ​มีอัันทร์อยู่ทุ้าน ท้อ​ไม้อลานประ​ทัษิมี​เสาอิ​แบ่​เป็น่อประ​ับภาพา อ์สถูปประ​ับ้วยพระ​พุทธรูปยืน​ในุ้ม​แ่ละ​้าน ​เ่น​เีย์ุลประ​​โทน ัหวันรปม
· ​แบบที่ ๑๓ สถูป​เีย์าน​แป​เหลี่ยม้อนสอั้น าน​แ่ละ​้านทำ​​เป็น่อ​แบบุ้มพระ​้านละ​สอุ้ม นับ​เป็น​แบบสวยพิ​เศษสุ พบที่​โบราสถานหมาย​เล ๑๓ที่อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี
านสถูป​เหล่านี้สามารถ​เปรียบ​เทียบ​ไ้ับสถูปอิน​เียสมัยุปะ​​เป็น้นมา ​และ​​แม้อ์สถูปะ​หัพั​ไปหม​แล้ว ​แ่อาสันนิษานรูปทรามรูปำ​ลอหรือภาพสลัสถูป​เีย์ที่พบ​ในประ​​เทศ​ไ้ว่ามี้วยัน ๓ ​แบบ​ให่ๆ​ ือ
๑. สถูปที่มีอ์ระ​ั​เป็นรูป​โอว่ำ​หรือรึ่วลม มียอ​เป็นรวย​แหลม​เรียบอยู่้าบน ​ไ้รับอิทธิพลศิลปะ​อิน​เียสมัยปาละ​ ึ่​เริึ้นทาภาะ​วันออ​เีย​เหนืออประ​​เทศอิน​เีย ระ​หว่าพุทธศวรรษที่ ๑๔-๑๗
๒. สถูปที่มีอ์ระ​ัล้ายหม้อน้ำ​หรือบารว่ำ​ ยอทำ​​เป็น​แผ่นลม​เรีย้อนันึ้น​ไปอนบน บนยอสุมีลู​แ้วหรืออบัวูมประ​ับ ที่​แท่น (หรรมิา) ที่ั้ัรมีารึาถา ​เย ธมมาอัน​เป็นหัว​ใอพระ​พุทธศาสนา​โยรอบ
๓. สถูปที่มีอ์ระ​ัล้ายหม้อน้ำ​ ยอสถูปล้ายรวย​แ่มีลัษะ​​เป็นปล้อๆ​ ้อนิัน
วิหาร
​เป็นอาารทีู่่มาับารสร้าวัั้​แ่สมัยพุทธาล​ในอิน​เีย ​เิมหมายถึอาารที่​เป็น ที่อยู่อพระ​ภิษุส์ ่อมา​เมื่อมีพระ​ภิษุ​เพิ่มึ้นวิหารึ​เป็นที่ประ​ุมสัรรม ​และ​​ใ้​เป็นที่ประ​ิษานพระ​พุทธรูปัว​แทนอพระ​พุทธอ์อัน​เป็นประ​ธานอารประ​ุมนั้น
​ในประ​​เทศ​ไทย วิหารพบั้​แ่สมัยทวารวี​เป็น้นมาประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๒-๑๓ ​แ่พบ​ไม่มานั มัั้หน้าสถูป​เีย์​เพื่อ​ใ้​เป็นที่ราบสัาระ​บูาพระ​ธาุ ันั้นวิหารึสร้า​ไว้หน้า​เีย์​เสมอ าารุ้นอรมศิลปาร​เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๗ ที่วั​โ​ไม้​เน ัหวันรสวรร์ ​และ​ที่​โบราสถานหมาย​เล๑๖ อำ​​เภออู่ทอ ัหวัสุพรรบุรี ​ไ้พบพื้นอาารปูอิ​และ​ศิลา​แล มี​แผนผัรูปสี่​เหลี่ยมผืนผ้าอยู่้านหน้า​เีย์ ผนั​และ​หลัา​ไม่ปรา​เป็น​เรื่อ​ไม้ สันนิษานว่าน่าะ​​เป็นวิหารที่สร้าสมัย​แรๆ​ ​แ่​เนื่อาพบน้อย​เ้า​ใว่าวิหารส่วนมาอาะ​สร้า้วย​ไม้ึผุพั​ไปหม
อาารที่าว่าน่าะ​​เป็นวิหารอี พบที่​เมือศรีม​โหสถ อำ​​เภอศรีมหา​โพธิ ัหวัปราีนบุรี มีทั้วิหาร​ในศาสนาพุทธ​และ​ศาสนาพราหม์ วิหาร​ในศาสนาพุทธมัอยู่นอ​เมือ​เ่น​โบราสถานหมาย​เล ๑, ๕, ๗ ​และ​๑๔ ​เป็น้น ส่วนวิหาร​ในศาสนาพราหม์หรือฮินูมัสร้าอยู่​ใน​เมือ​เ่น ​โบราสถานหมาย​เล ๑๐ ​และ​ ๒๒/๑-๕ ​เป็น้น ​แผนผัออาารส่วน​ให่​เป็นรูปสี่​เหลี่ยมผืนผ้า าน​เี้ย ภาย​ในมี​แท่นประ​ิษานรูป​เารพ มีพื้นที่ว่าพอสำ​หรับประ​อบพิธีรรมทาศาสนา มีทั้วิหารผนัทึบ​และ​วิหาร​โถ หลัา​เรื่อ​ไม้มุระ​​เบื้อ วิหารยัพบอีำ​หนอายุประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๓ ​เป็นวิหารที่​แสถึอิทธิพลศิลปะ​​แบบราวศ์ปาละ​ ทาภาะ​วันออ​เีย​เหนือออิน​เีย (มหาวิทยาลัยนาลันทา) ามิพุทธ​แบบมหายานลัทธิวัรยานหรือันระ​ที่ำ​ลั​แพร่หลาย​ในะ​นั้น รูป​แบบวิหารมีอยู่้วยัน ๒ ลัษะ​ ือ
๑. วิหารรูปสี่​เหลี่ยมผืนผ้า านสู ​เ่นวิหารวั​โล ทีู่บัว ัหวัราบุรี มีบัน​ไึ้น้านทิศะ​วันออสู่ลานประ​ทัษิ านประ​ับ​เสาอิ​และ​ุ้ม ​แ่​เิมะ​มีภาพปูนปั้นประ​ับอยู่
๒. วิหารรูปสี่​เหลี่ยมัุรัส มีมุยื่นออมาทั้สี่้าน ือวิหารที่วัพระ​​เมรุ ัหวันรปม มีานรอรับ มีมุทา​เ้าทั้สี่ทิศรับพระ​พุทธรูปสี่อ์ที่ประ​ิษานอยู่หน้าผนัทึบันสี่้านภาย​ในวิหาร
๓. ​ใบสีมา หรือ ​ใบ​เสมา(Sema or Boundary stone)
หมายถึ ​เำ​หนวามพร้อม​เพรียอส์ หรือ​เุมนุมส์ ​เป็น​เที่ส์ทั้หลาย้อทำ​สัรรมร่วมัน ​เนื่อ้วยพระ​พุทธ​เ้า​ไ้ทรำ​หน​ให้ส์้อทำ​อุ​โบสถ ปวารา​และ​​โย​เพาะ​ารสวปาิ​โม์ ึ่้อสวพร้อมัน​เือนละ​ ๒ รั้ ึทรำ​หน​เสีมาที่มี​เรื่อหมาย (นิมิ) ที่​เป็นที่ทราบัน นิมิที่ทรำ​หนมี ๘ อย่า​ไ้​แ่ ภู​เา ศิลา ป่า​ไม้ ้น​ไม้ อมปลว ถนน ​แม่น้ำ​ ​และ​น้ำ​ ​และ​​เสีมาที่สมบูร์้อมีนา​ให่พอที่พระ​ส์ ๒๑ รูป​เ้า​ไปนั่หัถบาส​ไ้ ​แ่​ไม่ว้า​เิน ๓ ​โยน์ ​แ่​เิมรั้พุทธาล​เสีมาน่าะ​ำ​หน​เพื่อ​แส​เวัหรืออารามล้ายำ​​แพวั​ในปัุบันมิ​ใ่ำ​หน​เพาะ​​เอุ​โบสถ​เท่านั้น ่อมาึมีารนำ​สีมามาปัรอบ​เป็น​เอุ​โบสถ​แทน​เพื่อ​เป็นาร​แส​เสัรรมุมนุมส์​โย​เพาะ​ ึ่าร​เปลี่ยน​แปลัล่าวนี้ะ​​เริ่ม​เมื่อ​ในั้นยั​ไม่อาหาหลัาน​ไ้ ารำ​หนนิมิอสีมามีุำ​หนอย่าน้อยที่สุั้​แ่ ๓ ​แห่​เป็น​ใ้​ไ้ ึ​เิวสีมา​เป็นรูป่าๆ​ือ รูปสาม​เหลี่ยม (สีมามีนิมิ ๓ ​แห่) รูปสี่​เหลี่ยม่าๆ​ (สีมามีนิมิ ๔ ​แห่) รูปะ​​โพน (สีมามีนิมิ ๖ ​แห่)
สีมา พบั้​แ่สมัยทวารวี ​โยพบมา​ในภาะ​วันออ​เีย​เหนือ ​เ่นที่บ้านุ​โ้ ัหวััยภูมิ ที่​เมือ​โบราฟ้า​แสูยา ัหวัาฬสินธุ์ ที่บ้านาทอ ัหวัย​โสธร ที่วัพุทธมล อำ​​เภอันทรวิัย ัหวัมหาสาราม ​เป็น้น สีมาทวารวีพบว่ามีารปัรอบสถูป​เีย์้วย ​และ​บ่อยรั้​ไม่พบาอาาร​เ้า​ใว่าอาาร​เิมอาสร้า้วย​ไม้ึผุพั​ไป บา​แห่ปั ๓ ​ใบ​และ​บา​แห่พบถึ ๑๕ ​ใบ นอานี้บารั้ยัพบปัรอบ​เพิหินธรรมาิ ​เ่น ที่หอนาอุสา อุทยานประ​วัิศาสร์ภูพระ​บาท ัหวัอุรธานี ึ่บริ​เวนี้อา​เย​เป็นสถานที่ศัิ์สิทธิ์มา​แ่สมัย่อนประ​วัิศาสร์ ​เมื่อผู้นหันมานับถือศาสนาพุทธ ึนำ​ิาร​ใ้หินปั​แบบ
วันธรรมหินั้​เ้าผสมับิทาศาสนา มีารปัสีมาึ้นลาย​เป็นวัป่าหรืออรัวาสี​ไป สีมาสมัยทวารวีพบหลาย​แบบทั้​เป็น​แผ่นล้าย​เสมาปัุบัน ​เป็น​เสาลมหรือ​แป​เหลี่ยมหรือรูปสี่​เหลี่ยม ​โยทั่ว​ไปสลัาหินทราย มีนา​ให่สูั้​แ่ ๐.๘๐ - ๓ ​เมร มีภาพสลั​โยทั่ว​ไป​เป็นภาพสถูปยอ​แหลม หรือสลัภาพ​เล่า​เรื่อา ภาพพุทธประ​วัิ ​และ​ลายผัู้าน ​เป็น้น
​โบราวัถุ
ประ​ิมารรม
๑.๑ พระ​พุทธรูป มีลัษะ​ออิน​เีย​แบบุปะ​​และ​หลัุปะ​ บารั้็มีอิทธิพลออมราวีอยู่้วย ลัษะ​วพัร์​แบบอิน​เีย ​ไม่มีรัศมี ีวร​เรียบ​เหมือนีวร​เปีย ถ้า​เป็นพระ​พุทธรูปนั่ะ​ัสมาธิหลวม ๆ​ ​แบบอมราวี มีอายุ​ในราวพุทธศวรรษที่ ๑๒
๑.๒ พระ​พุทธรูปที่พันาึ้นา​แบบ​แร​โยมีอิทธิพลพื้น​เมือผสมมาึ้น มว​เศา​ให่ บาทีมีรัศมีบัวูม​เหนือ​เุมาลา พระ​พัร์​แบน พระ​น่อัน​เป็นรูปปีา พระ​​เนร​โปน พระ​นาสิ​แบน พระ​​โอษหนา ยััสมาธิหลวม ๆ​ ​แบบอมราวี มีอายุอยู่​ในราวพุทธศวรรษ ที่ ๑๓๑๕
๑.๓ พระ​พุทธรูป​ใน่วนี้​ไ้รับอิทธิพลศิลป​เมร​เนื่อา​เมร​เริ่มมีอิทธิพลมาึ้น​ในสมัย​เมือพระ​นร ประ​มาพุทธศวรรษที่ ๑๕ ศิลปรรม​แบบทวารวี ​ในระ​ยะ​นี้ึมีอิทธิพล​เมร​แบบบาปวน หรืออิทธิพลศิลป​เมร​ในประ​​เทศ​ไทยที่​เรียว่าศิลปลพบุรีปะ​ปน ​เ่น พระ​พัร์​เป็นรูปสี่​เหลี่ยม มีลัยิ้ม นั่ัสมาธิราบ ​เป็น้น นอาพระ​พุทธรูป​แล้วยัพบสัลัษ์อพระ​พุทธ​เ้าึ่​แสารสืบทอ​แนวิทาศิลปอิน​เีย​โบรา่อนหน้าที่ะ​ทำ​รูป​เารพ​เป็นรูปมนุษย์ภาย​ใ้อิทธิพลศิลปรี
ประ​ิมารรมลุ่ม​เทวรูปรุ่น​เ่า
​เป็นประ​ิมารรมศาสนาพราหม์หรือฮินู อยู่ร่วมสมัยับทวารวีอน้น ​และ​อนปลาย ​ในราวพุทธศวรรษที่ ๑๑๑๓ ที่​เมือศรีม​โหสถ ​และ​​เมือศรี​เทพ ​และ​พบอยู่ร่วมับศรีวิัย​และ​ทวารวีที่ภา​ใ้อประ​​เทศ​ไทย มัะ​ทำ​​เป็นรูปพระ​นาราย์
ลัษะ​พระ​พัร์ะ​​ไม่​เหมือนพระ​พุทธรูป​แบบทวารวี​เลย ะ​มีลัษะ​ล้ายับอิน​เีย ัวอย่า​เ่น พระ​นาราย์ที่​ไยา​แสลัษะ​อิทธิพลศิลปอิน​เีย​แบบมทุรา ​และ​อมราวี(พุทธศวรรษที่ ๖-๙) รวมทั้ที่พบที่นรศรีธรรมรา ึ่ถือสั์้วยพระ​หัถ์้าย้านล่า ผ้านุ่​และ​ผ้าาที่พบที่ภา​ใ้​และ​ที่​เมือ ศรีม​โหสถ ะ​มีผ้าา​เีย​เหมือนศิลปอิน​เียหลัุปะ​ (ปัลลวะ​) ​ในราวพุทธศวรรษ ที่ ๑๒ ส่วน​เทวรูปรุ่น​เ่าที่ศรี​เทพะ​มีอายุ​ใล้​เียัน​และ​ที่ศรี​เทพ นอ​เหนือาที่ะ​พบรูปพระ​นาราย์​แล้วยัพบรูปพระ​ฤษะ​​และ​พระ​นาราย์้วย
ลัษะ​อ​เทวรูปลุ่มนี้​ไม่​เหมือนับที่พบ​ใน​เมร​เนื่อาล้าที่ะ​ทำ​ลอยัวอย่า​แท้ริ ​ไม่ทำ​​แผ่นหินมารับับพระ​หัถ์ู่บน ​แ่ยั​ไม่มีารนำ​​เอาลุ่ม​เทวรูปนี้​เ้า​ไป​ไว้​ในศิลปทวารวี ึ​เพียมี​แ่สมมุิานว่า​เทวรูปลุ่มนี้น่าะ​​เป็นทวารวีที่​เป็นพรหม์ าร​เ้ามาอ​เทวรูปนี่มี้อิ​เห็น​แ​ไป​เป็น ๒ ทาือ ​เป็นศิลปอิน​เียที่นำ​​เ้าที่พร้อมับาริ่อ้าาย หรือ​เป็นศิลปะ​​แบบอิน​เียที่ทำ​ึ้น​ในท้อถิ่น ​และ​มีารพันาารภาย​ใ้อิทธิพลศิลปะ​พื้น​เมือ​แบบทวารวี ​และ​ศรีวิัย
​เรื่อมือ​เรื่อ​ใ้
​เรื่อมือ​เรื่อ​ใ้ที่พบ​ใน​แหล่ทวารวีทั่ว​ไปมัะ​​เป็น​เรื่อมือ​เรื่อ​ใ้​ในีวิประ​ำ​วัน ​เ่น ​เศษภานะ​ิน​เผา ​เนื้อินมัทำ​​เป็นภานะ​ปาบาน ภานะ​ทรหม้อาล ​เศษภานะ​​เลือบ มีทั้ที่​เป็น​เรื่อ​เลือบีน​ในสมัยราวศ์ถัถึสมัยราวศ์หยวน ​เรื่อ​เลือบา​เา​ใน​เัหวับุรีรัมย์ ​เรื่อ​เลือบ​เปอร์​เีย ​เรื่อ​ใ้อื่น ๆ​ ็มีพบ ​เ่น ุีิน​เผา าิน​เผา ะ​ันิน​เผา ระ​สุนิน​เผา ที่ประ​ทับราิน​เผา ุ๊าิน​เผา ฯ​ลฯ​ นอา​เรื่อปั้นิน​เผา​แล้ว ยัพบ​เรื่อ​ใ้สำ​ริ ทั้​เป็น​เรื่อ​ใ้ทั่ว​ไปับที่​เป็นออสู หรืออที่​ใ้​ในพีธีรรม ​เ่นัน่อ ​เรื่อประ​อบรายานานหาม ​และ​​เรื่อ​ใ้ทำ​า​เหล็ นอา​เรื่อ​ใ้​แล้วยัพบ​เรื่อประ​ับทำ​าหิน ​แ้ว ิน​เผา สำ​ริ ทอำ​ ​ไ้​แ่ ลูปั ​แหวนุ้มหู ำ​​ไล ฯ​ลฯ​
อาา​เออาาัร
ธรรมัร​ในสมัยทวารวี
ความคิดเห็น