เอเวอร์ริส ดอกไมสีเลือด
เอเวอร์ริสดอกไม้สีเลือด มันมีความลับซ่อนอยู่ภายในนั้น ไม่มีใครสามารถไขปริศนานี้ได้ และสาวน้อยเอริส เธอจะสามารถหาคำตอบได้หรือไม่ และบทสรุปจะเป็นเช่นไร
ผู้เข้าชมรวม
44
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นานมาแล้วเคยมีตำนานเรื่องหนึ่งมันอาจเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อแต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง สถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกกล่าวขานถึงความน่ากลัว ความลึกลับ ความสยดสยองที่ซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังนั้น ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเดินผ่าน ถ้าเผลอเดินผ่านสถานที่แห่งนั้นก็จะพบกับชายคนหนึ่งอายุประมาณ 70 กว่าๆยืนอยู่บริเวณบ้านหลังนั้น และเมื่อได้สบตากับเขา คนๆนั้นก็จะรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในความมืด และไม่อาจจะกลับมาได้ เหมือนพวกเขาเหล่านั้นถูกจองจำไว้ ในโลกอันมืดมน รอการถูกปลดปล่อย
ตำนานเรื่องนี้ยังไม่จบแค่นั้น เพราะสิ่งที่สำคัญที่เป็นเหตุให้สถานที่แห่งนี้ยังไม่ถูกทำลาย เอเวอร์ริส ดอกไม้สีเลือด มันเกิดอยู่บริเวณนั้น และทุกคนเชื่อกันว่า เอเวอร์ริส เป็นดอกไม้อาถรรพ์ และมันยังเป็นดอกไม้ที่มีอายุมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่นๆและเหมือนว่ามันจะไม่ยอมตายเพราะรอเจ้าของจะกลับไปหามัน
บ้านเอเวอร์ริสมีอายุกว่า 100 ปีมาแล้วเรื่องมันเกิดจาก มีสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง พวกเขาเป็นชาวอังกฤษ พวกเขาเดินทางมาที่ประเทศไทย มาสร้างบ้านหลังหนึ่ง เนื่องจากภรรยาของเขาชอบดอกเอเวอร์ริสมาก เขาจึงนำดอกเอเวอร์ริสมาปลูกรอบๆบ้านจนพื้นที่ว่างนั้นเต็มไปด้วยดอกเอเวอร์ริส พวกเขาเลยตั้งชื่อบ้านหลังนั้นว่า บ้านเอเวอร์ริส หลังจากนั้นไม่นานภรรยาของเขาก็ตั้งท้อง พวกเขารอวันที่เจ้าตัวน้อยจะออกมาลืมตาดูโลก เวลาผ่านไปวันที่พวกเขารอคอยก็มาถึง ภรรยาของเขาก็คลอดจ้าตัวน้อย ลูกขอพวกเขาเป็นผู้หญิงซะด้วยน่าตาน่ารักน่าชัง พวกเขาเขาจึงตั้งชื่อให้เธอว่า เอเวอร์ริส มันเป็นชื่อที่ภรรยาของเขาชอบมาก พวกเขาดูมีความสุขมากเมื่มีเจ้าตัวน้อย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกลางดึกคืนหนึ่งเอเวอร์ริสก็ถูกลักพาตัวไปโดยที่พวกเขาไม่อาจจะช่วยลูกเขาได้เลย พวกเขาพยายามตามหาเอเวอร์ริสอยู่นานหลายปีแต่ก็ไม่พบ จนในที่สุดภรรยาของเขาก็ตรอมใจเสียชีวิตในที่สุด แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายตามภรรยาของเขาไป
บ้านเอเวอร์ริสเลยถูกปล่อยร้างไม่มีใครกล้าย่างกรายข้าไปใกล้ แต่เพราะอะไรบ้านหลังนั้นยังไม่ถูกทำลายลงนั้นก็ยังไม่มีใครทราบ และนี่ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่น่ากลัวที่สุดที่เคยเกิดขึ้น
“นี่ยัยต้าแกไปเอาเรื่องไร้สาระนี้มาจากไหน ตั้งแต่ฉันฟังแกเล่ามามันก็ไม่มีส่วนไหนที่สามารถนาทำเป็นรายงานส่งอาจารย์เขาได้เลย นี่มันไร้สาระ งมงายที่สุด”
“แต่ฉันว่านะที่ยัยต้าเล่ามามันก็น่าสนใจนะ เพราะถ้าเราทำรายงานเรื่องนี้เราอาจจะรู้ก็ได้ว่าใครเป็นคนลักพาตัวเอเวอร์ริสไปและชายคนนั้นเขาเป็นใคร แล้วเราอาจจะรู้อีกว่าเอเวอร์ริสเขามีน่าตาเป็นยังไง”
“แกจะรู้ได้ไงฟ้าก็ในเมื่อยัยต้ามันบอกว่าเอเวอร์ริสถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเด็ก รูปถ่ายสักใบแกจะมีปัญญาได้ดูไหม”
“โถ่!!เอมแกก็หัดมองโลกในแง่ดีหน่อยดิขนาดเอริสมันยังไม่พูดอะไรเลย จริงไหม” “นี่อย่ามาโยนขี้ให้ฉันนะเพราะยังไงฉันก็ไม่รับ แต่อันที่จริงฉันว่าที่ยัยต้าพูดมาก็น่าสนใจนะ เรื่องเร้นลับเขียนเป็นรายงานอาจจะมีใครสนใจก็ได้ เพราะสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจคิดว่าเป็นเรื่องงมงาย ฉันว่าเราลองทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มันก็ไม่เสียหายนะ”
“เห็นไหมเอมขนาดเอริสยังเห็นด้วยเลย”
“แล้วใครจะเป็นคนไปบ้านหลังนั้นล่ะ ถ้าไม่มีใครไปฉันจะทำเรื่องอื่น”
“ก็พวกเราทั้งหมดนี่ไงล่ะ ไปด้วยกันหลายๆคนอุ่นใจดีเนอะ”
ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเอเวอร์ริสหายไปไหนและใครเป็นคนลักพาตัวเธอไป และทำไมดอกเอเวอร์ริสถึงกลายเป็นดอกไม้อาถรรพ์และชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าฉันจะรู้จักธอเอเวอร์ริส
“งั้นเอาเป็นว่าฉันกลับบ้านก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”
มีความคิดมากมายที่จะคิดแต่ฉันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะความคิดของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยเอเวอร์ริส มีแต่เธอเท่านั้นที่เข้ามาครอบงำความคิดของฉัน เธอเป็นใครกันแน่ถึงมีอิทธิพลต่อฉันนัก ฉันเป็นแบบนี้เพราะอะไร ฉันต้องการคำตอบ เมื่อไรฉันจะเข้าใจและเมื่อไรฉันถึงจะได้รู้ อีกนานแค่ไหน
00.00น
“มาแล้วเหรอเอเวอร์ริส กลับบ้านสักที หนูทำให้ฉันป็นห่วงมากเลยรู้ไหม”
“ที่นี่คือที่ไหนกัน แล้วคุณเป็นใคร”
“โถ่!เอเวอร์ริส มันคงผ่านไปนานมากเลยสินะหนูเลยจำอะไรไม่ได้ ฉันขอโทษนะที่ทิ้งหนูแต่ต่อจากนี้ฉันจะไม่ทิ้งหนูอีแล้ว หนูจะไม่เหงาอีกแล้วนะ เอเวอร์ริสมาสิเข้ามาใกล้ๆนี่บ้านของหนูไง”
“ไม่หนูไม่ใช่เอเวอร์ริส หนูไม่ใช่เอเวอร์ริส”
“ถึงจะปฏิเสธยังไง หนูก็ไม่อาจจะหนีความจริงพ้นหรอกเอเวอร์ริส นี่ไม่ใช่หรอสิ่งที่หนูรอคอย บ้านของหนู ดอกไม้ที่หนูชอบ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นของหนูหมดเลยนะ ฉันเฝ้าดูแลมันอย่างดีเพื่อวันนี้ เพื่อหนูเอเวอร์ริส”
“ไม่!!!!!”
“นี่ฉันฝันไปเองหรอเนี่ย”
“เหมือนมากมันเหมือนความจริงมาก ฉันเป็นเอเวอร์ริส มันเป็นไปไม่ได้ฉันไม่รู้จักเธอฉันจะเป็นเธอไปได้ยังไง และผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใครทำไมถึงเรียกฉันว่าเอเวอร์ริส บ้าน ดอกไม้ นั่นหรือคือสิ่งที่เขาดูแลเพื่อรอเอเวอร์ริส ฉันไม่อาจจะข่มตาให้หลับลงได้ เนื่องจากภาพของดอกเอเวอร์ริสคอยหลอกหลอนฉันตลอด ฉันอยากไปบ้านหลังนั้นจัง ฉันอยากรู้ว่ามันเหมือนกับที่อยู่ในความฝันฉันหรือเปล่า หรือแค่ฉันฝันไปเองมันไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าอย่างไรฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าฉันเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านหลังนั้น
“อ้าว เอริสมาแต่เช้าเชียวนะ แล้วไปทำอะไรมาถึงได้หน้าซีดขนาดนั้น”
“ไม่มีอะไรหรอกต้า ฉันก็แค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
“คงจะตื่นเต้นล่ะสิ”
“ก็คงงั้นมั้งเพราะฉันก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากเหมือนมันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ”
“แกพูดได้ขนรุกมากเลย อย่าบอกนะว่าแกเจออะไรมา”
“เปล่า ฉันก็แค่ฝัน”
“ฝัน! ฝันอะไรของแกถึงได้ดูลึกลับขนาดนั้น”
“เอเวอร์ริส ฉันฝันเห็นเธอ ชายคนหนึ่งและที่สำคัญฉันฝันเห็นตัวเอง”
“เอริสแกบ้าไปแล้วหรอแกฝันเห็นตัวเองเนี่ยนะ”
“ไม่! ฉันไม่ได้บ้า ชายแกคนนั้นเรียกฉันว่าเอเวอร์ริส เขาบอกว่าเขารอคอยฉันมานานแสนนานถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับไปหาเขา บ้านและดอกไม้เป็นสิ่งที่เขาดูแลเพื่อฉัน”
“นี่ฉันว่าแกคงไม่ค่อยสบาย แกกลับไปพักก็ได้นะฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
“ไม่! ฉันจะต้องรู้ความจริงให้ได้ แกต้องช่วยฉันนะต้า แกต้องช่วย”
“ได้ๆฉันจะช่วยแก”
“เฮ้ย! ต้า เอริส พวกแกเป็นไรป่ะเนี่ย ทำหน้าเครียดเชียว”
“มาครบแล้วงั้นพวกเราไปกันเถอะ”
“นี่ไม่มีใครคิดจะตอบอะไรฉันเลยหรอ นี่รอด้วยดิจะรีบไปไหนเนี่ย บ้านเอเวอร์ริสมันไม่เดินหนีไปไหนหรอก”
“นี่ไงบ้านเอเวอร์ริส แกอยากเห็นไม่ใช่หรอ”
“ขอบคุณนะต้าที่มาส่งฉันจนถึงบ้าน”
“นี่เอริส! นี่แกเป็นอะไรนี่ไม่ใช่บ้านแกสักหน่อย เรามาที่นี่เพื่อมาหาข้อมูลทำรายงานนะ”
“มาแล้วเหรอเอเวอร์ริส”
“เออ…สวัสดีค่ะ หนูไม่ทราบว่ามีคนอยู่ด้วยขอโทษนะค่ะที่มารบกวน”
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะที่พาคุณหนูเอเวอร์ริสมาส่ง เข้ามาดื่มน้ำกันก่อนสิ”
จริงอย่างที่ฉันฝันจริงๆด้วยชายคนนี้จริงๆด้วย เขาเป็นใครกันแน่แล้วสักครู่ฉันเป็นอะไรถึงได้พูดออกมาแบบนั้น เอเวอร์ริสเธอกับฉันเกี่ยวข้องกันยังไง
“เชิญดื่มน้ำเย็นๆกันก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอาขนมมาให้”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าผ่านไปกว่า 100 ปีแล้ว บ้านและสวนดอกไม้จะยังคงสวยงามอย่างนี้”
“นั่นสิถ้าฉันไม่เห็นกับตาคงไม่เชื่อหรอกนะว่าบ้านหลังนี้จะมีอายุมากขนาดนั้น”
“ก็เพราะมันรอเจ้าของมันกลับมาน่ะสิ รอมานานแสนนานเหลือเกิน ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดเมื่อหนูกลับมาเอเวอร์ริส”
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากรอยยิ้มที่มอบให้แก่ชายคนนั้น
“ว่าแต่คุณลุงเป็นใครหรอค่ะทำไมถึงได้มาอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว”
“เอมเสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรหรอกหนู ฉันชื่อเอฟ เป็นผู้ดูแลบ้านหลังนี้ ดูแลทุกอย่างในบ้านแห่งนี้”
เขาจิองตาฉันน่าแปลกที่สายตาของเขาช่างดูลึกลับน่าค้นหานัก ฉันเห็นเพียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นกับเด็กผู้หญิง เอ๊ะ! แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นมันฉันไม่ใช่หรอ แล้วฉันรู้จักกับเด็กคนนั้นด้วยหรอ แต่อยู่ๆน้ำตาของฉันก็ไหลออกมาโดยไม่มีสาเหตุอะไร
“เอริสแกร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรแก”
“เปล่าหรอกเอมสงสัยฝุ่นจะเข้าตาน่ะ”
“อีกเรื่องหนึ่งที่ฟ้าสงสัย ทำไมคุณเอฟถึงเรียกเอริสว่าเอเวอร์ริสล่ะค่ะ”
“อ่อ ใช่ๆแถมตอนอยู่หน้าบ้านเอริสก็พูดจาแปลกๆด้วย”
“พวกหนูไม่คิดหน่อยหรอว่าเอริสกับเอเวร์ริสจะเป็นคนๆเดียวกัน แต่ก่อนที่พวกหนูจะตัดสินใจ ฉันอยากให้ดูรูปนี้ก่อน”
รูปงั้นหรอ ชายคนนี้เขาคิดจะทำอะไรของเขากันแน่ ฉันกับเอเวอร์ริสเนี่ยนะจะเป็นคนๆเดียวกัน หึ ไม่มีทาง!
“เฮ้ย! นี่มันแกนิเอริส”
“ใช่จริงๆด้วยแกจริงๆด้วย”
“นั่นมันเอเวอร์ริสต่างหาก นั่นมันไม่ใช่รูปฉัน”
“แต่…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ฉันบอกว่ามันไม่ใช่รูปฉันไง! ไม่เข้าใจรึไง”
“เอเวอริสหนูใจเย็นๆก่อนะ หนูจำฉันไม่ได้แล้วหรอ ตอนเด็กๆหนูยังเคยเล่นกับออกัสลูกชายของฉันไง หนูจำออกัสไม่ได้แล้วหรอ ออกัสเขายังเคยเก็บดอกเอเวอร์ริสให้หนู เขาคอยดูแลหนูตอนที่ไม่สบาย เขาทำทุกอย่างให้หนูมีความสุข แม้กระทั้งชีวิตเขาก็ให้หนูได้ หนูลืมเขาแล้วหรอ”
ออกัสงั้นหรอ เขาเป็นใครทำไมฉันจะต้องรู้จักเขาด้วย เขาเป็นเพื่อนกับเอเวอร์ริสไม่ใช่ฉัน
“เอเวอร์ริสหนูตั้งสติให้ดีๆนะ แล้วฟังฉันอธิบาย หนูไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมหนูกับเอเวอร์ริสเป็นคนๆเดียวกัน หนูไม่อยากรู้อดีตที่หายไปของหนูเลยเหรอ เอริส”
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อฉัน ตอนนี้ฉันพูดอะไรไม่ออกฉันรู้สึกสับสนไปหมด เอเวอร์ริส ออกัส พวกเขาเคยเกี่ยวข้องกันยังไง แล้วอดีตที่หายไปของฉันมันคืออะไรกันแน่
ฉันเดินออกจากบ้านเอเวอร์ริสอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ฉันไม่พูดอะไร ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะเดินไปทางไหน สิ่งเดียวที่ฉันรู้ตอนนี้คือฉันอย่างไปให้ไกลจากบ้านหลังนี้ ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่ไป
“เอริส เธอต้องช่วยฉันนะ”
“เสียงใคร!”
“เอริสเธอต้องช่วยฉัน เธอจะต้องช่วยฉัน ฉันไม่เหลือใครแล้วเธอเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้ เธอคนเดียวเอริส”
“ไม่! ฉันไม่สามารถจะช่วยใครได้ ขนาดตัวฉันเองยังจะเอาไม่รอดเลย ฉันไม่ช่วยใครทั้งนั้น”
น้ำตาของฉันค่อยๆไหลออกมา ไม่รู้เหตุใดน้ำตาฉันจึงไหลออกมา ฉันรู้สึกอึดอัดเหลือเกินใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คนเดียว ฉันทรมานเหลือเกิน
ฉันเดินกลับบ้านพร้อมกับร่าที่ไร้วิญญาณขิงตัวเอง ฉันล้มตัวนอนบนเตียงปล่อยสมองให้โล่งค่อยๆหลับตาลง บางทีฉันก็ไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้สิ่งที่ทำให้ตัวเองทรมานแบบนี้ แต่มันก็ทำไม่ได้
ในเมื่อโชคชะตากำหนดมาแบบนี้ เราก็จำเป็นต้องรับโชคชะตานั้นไป ไม่มีใครหลุดพ้นจากชะตากรรมของตัวเองได้ แม้กระทั้งคนที่ตายไปแล้วยังต้องรับกรรมของตัวเองอย่างทุกข์ทรมาน แล้วคนที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะจะไม่ทรมานมากกว่าเหรอ
เอเวอร์ริส
สถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยความมืดมิด มีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้ เธอไม่ยอมพูดกับใครเธอพยายามขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาพบเจอโลกภายนอก เธอถูกเลี้ยงมาแบบสังคมมืด ถูกบังคับให้ทำสิ่งต่างๆโดยคำสั่งของชายคนหนึ่ง เธอไม่มีแม้กระทั้งเพื่อน ชีวิตของเธอเหมือนตายทั้งเป็น เธอพยายามจะหนีหลายครั้งแต่เธอก็ทำไม่สำเร็จ เธอคิดถึงบ้านแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเลยว่าบ้าน พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเป็นใคร เธอทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะได้รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอเป็นใครแต่แค่เด็กคนเดียวไม่สามารถที่จะรู้ได้ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้เจอกับเด็กคนหนึ่งเขาเป็นเด็กผู้ชายตัวสูง ผิวขาว หน้าตาดีเลยทีเดียว เด็กคนนั้นมาหาเธอบ่อยขึ้นจึงทำให้เธอและเขาสนิทกัน จนในที่สุดเธอและเขาก็เป็นเพื่อนกัน หลังจากเด็กคนนั้นกลับไปเธอก็กลับมาที่ห้อง หยิบไดอารี่เล็มโปรดขึ้นมาเขียน…
ไดอารี่
09/05/24XX
สวัสดีจ๊ะไดอารี่เพื่อนรัก ไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงฉันรึเปล่า ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้หยิบเธอขึ้นมาเขียนซะนาน แต่วันนี้ฉันมีข่าวดีมาเล่าให้ฟัง ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะมีเพื่อนเล่นแล้วนะ ถึงฉันจะมีเพื่อนแค่คนเดียวแต่เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยนะ เขาเป็นเด็กผู้ชาย ตัวสูง แถมผิวขาวอีกต่างหาก วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันได้เจอกับเขา จากที่ฉันทำหน้าบูด เขาก็สามารถทำให้ฉันยิ้มได้ เขาคอยซื้อนั่นนี่มาให้ฉันมากมายเลยล่ะอย่างเช่น เจ้าหมีน้อยที่อยู่ข้างฉัน เขาก็เป็นคนซื้อให้ฉัน แต่เธอไม่ต้องกลัวว่าฉันจะลืมเธอนะไดอารี่ เธอสำคัญที่สุดในชีวิตฉันเพราะนอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันจะเจ็บ จะเศร้า จะทรมานขนาดไหน แต่ถ้าฉันจะมีเพื่อนอีกสักคนเธอคงไม่โกรธกันนะ ฉันลืมบอกเธอไปเลยว่าเขาน่ะ เป็นลูกชายอีกคนของพ่อ แต่พ่อก็ไม่เคยบอกฉันเลยว่าพ่อมีลูกชาย แต่บางครั้งฉันก็สับสนนะว่าฉันสมควรเป็นเพื่อนกับเขาหือเปล่า แต่ยังไงซะฉันจะคอยดูพฤติกรรมของเธอนะ ออกัส เพราะสิ่งที่เธอทำในตอนนี้มันดีมากเลยล่ะ แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าเธอจะดีได้ถึงไหน ฉันก็ได้แต่ภาวนาขอให้เธอดีกับฉันแบบนี้ตลอดไป…
เธอปิดไดอารี่ลงพร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า จากใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นาเหลือเกินที่รอยยิ้มของเธอหายไป แต่วันนี้มันก็กลับมาและหวังว่ามันจะอยู่กับเธอตลอปไป เอเวอร์ริส วันแล้ววันเล่าออกัสก็มาเล่นกับเธอด้วยความสนุกสนาน แต่ด้วยความเป็นเด็กพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตว่ามีชายคนหนึ่งยืนมองพวกเขาเล่นอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มบางๆเผยออกมาเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เธอได้ทำลงไปตลอดระยะหลายปีที่เขาอยู่กับเธอ เขาโกหกเธอทุกอย่าง พยายามไม่ให้เธอพูดคุยกับใคร แต่สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นมันเป็นสิ่งที่ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัย แต่วันนี้เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ควรทำจริงๆมันคืออะไร และเขาจะทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
เอเวอร์ริสและออกัสเดินเขาไปในบ้าน แต่เธอต้องเท้าลงเมื่อเสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“เอเวอร์ริส”
“ค่ะพ่อ พ่อเรียกหนูทำไมหรอค่ะ หรือหนูทำอะไรผิดหนูขอโทษนะค่ะต่อไปหนูจะไม่ขัดคำสั่งของพ่ออีกแล้ว พ่ออย่าตีหนูนะค่ะ หนูกลัวแล้ว”
เธอพูดอย่างไม่ติดขัดจนทำให้ชายที่อยู่ต่อหน้าหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู เขาคิดไม่ผิดจริงๆที่เลี้ยงเด็กคนนี้มา พอคิดเขาก็รู้สึกใจหาย เมื่อนึกถึงคำทำนายของใครบางคน
“จ้ารู้อยู่แกใจ ว่าสิ่งที่เจ้าทำมันถูกหรือผิด แต่เจ้าควรจะทำในสิ่งที่มันถูกใจนะ เข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม”
“ข้ารู้แต่…”
“เจ้ายังคงดื้อรั้นเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าจะต้องทำ ถ้าเจ้าไม่ทำ สิ่งที่เจ้ารักที่สุดเจ้าจะต้องศูนย์เสียมันไปในที่สุด”
“เหลือเวลาอีกเท่าไร”
“ก็แล้วแต่เด็กคนนั้น เวลาทั้งหมดอยู่ที่เด็กคนนั้น เจ้าจะต้องทำให้เด็กคนนั้นมีความสุขและได้รู้ถึงความจริง แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถทำได้ เจ้านั่นแหละที่จะเป็นคนที่เสียใจที่สุด”
“ข้าขอสาบานว่า ถ้าหากข้าทำสิ่งนั้นไม่สำเร็จ แม้ตายข้าก็จะไม่ยอมไปไหน”
“หึ เจ้าเป็นพูดเองนะ แล้วข้าจะคอยดูขอให้เจ้าโชคดี”
เหลือเวลาอีกเท่าไรกันเอเวอร์ริส เธอต้องการเวลาท่าไรทำไมเธอไม่บอกให้ฉันรู้
“เจ้าไม่ทำอะไรผิดหรอกเอเวอร์ริส ข้าเพียงอยากจะให้เจ้ารู้ว่าข้าจะให้ออกัสย้ายมาอยู่กับเจ้าที่นี่เพื่อที่เจ้าจะได้มีเพื่อนเล่น เจ้าตกลงไหม?”
“ตกลงค่ะ ขอบคุณพ่อมากนะค่ะหนูดีใจที่สุดเลย”
เธอหันไปยิ้มให้ออกัส ซึ้งออกัสก็ยิ้มตอบเธอเหมือนกัน
ดูเหมือนพวกเขาจะดีใจซะเหลือเกิน แต่การที่พวกเขาจะต้องมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เมื่ออีกฝ่ายกำลังตกหลุมรักเธออยู่ ไม่แน่ว่าจากความเป็นเพื่อนอาจจะกลายเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากกว่านี้
ไดอารี่
10/05/24XX
เจอกันอีกแล้วนะไดอารี่เพื่อนรัก วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันมีความสุข เธอรู้รึเปล่าว่าวันนี้พ่อมาแปลกนะ พ่อไม่ด่าไม่ตีฉันเลยนะ แถมพ่อยังพูดดีกับฉันอีกต่างหาก ฉันเพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าพ่อก็พูดดีๆเป็นกับเขาด้วย แต่ฉันก็สงสัยเหมือนเดิมว่าทำไมพ่อถึงไม่ยอมบอกชื่อของพ่อให้ฉันรู้แถมยังไม่บอกฉันอีกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันเป็นใคร แต่ช่างเถอะเพราะวันนี้ฉันดีใจนะเนี่ยถึงยกให้วันหนึ่ง วันนี้ข่าวดีที่ฉันจะบอกเธอคือ พ่อจะให้ออกัสย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับฉันเพราะพ่ออยากให้ฉันมีเพื่อน พ่อให้ฉันคุยกับคนอื่นได้ตามสบาย พ่อไม่ห้ามฉันอีกแล้ว ต่อจากนี้ฉันคงมีเพื่อนเต็มบ้านเลยล่ะ ฉันจะออกไปเล่นกับเพื่อนๆที่สนามเด็กเล่น ไปหน้าหมู่บ้านไปสวนสาธารณะไปในที่ที่ฉันอยากไป ไปในที่ที่มีดอกเอเวอร์ริส พูดแล้วฉันก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลย วันนี้ฉันรักพ่อที่สุดในโลกเลย ต่อไปนี้ฉันจะมีแต่รอยยิ้ม ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ฉันอยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆจัง ฉันจะได้ล่นกับเธออีกออกัส ฉันอยากเจอเธอเร็วๆจัง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะออกัส…
คืนนี้อากาศเย็นสบาย ดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด ดวงจันทร์วันนี้ดูแจ่มใสเป็นพิเศษดูเหมือนดวงจันทร์จะดีใจไปด้วยที่ได้เห็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขของเอเวอร์ริส เธอนั่งมองดวงจันทร์เงียบๆเพียงคนเดียว แต่อยู่ๆจากดวงจันทร์กลับกลายเป็นหน้าของออกัส ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ จากตอนแรกที่เธอไม่เชื่อใจของหนุ่มน้อยคนนี้ แต่บัดนี้เธอกลับรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ๆเขา เธอเริ่มสงสัยตัวเองว่าจากความรู้สึกที่มีให้เขาในตอนนั้นกับความรู้สึกในตอนนี้มันแตกต่างกันเช่นไร แต่ดูเหมือนความรู้สึกในตอนนี้จะดีกว่าตอนนั้นเสียอีก
“เอริสตื่นได้แล้ว”
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย นี่ฉันฝันไปหรอเนี่ย! ไม่น่าเชื่อมันเหมือนจริงเอามากๆ เอเวอร์ริส ออกัส และใครอีกคนหนึ่ง น่าแปลกทำไมฉันถึงไม่เห็นน่าเขาคนนั้น ทั้งที่ฉันเห็นหน้าเอเวอร์ริส และออกัสได้อย่างฉันเจน เขาเป็นใครแล้วเกี่ยวข้องยังไงกับเอเวอร์ริส
“เอริส”
“เสียงใคร!”
“ฉันไง เอเวอร์ริส”
“เอเวอร์ริส! ไม่จริง เธอตายไปแล้วไม่ใช่หรอ แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“ถึงฉันจะไม่มีตัวตนที่สามารถจับต้องได้ แต่ฉันก็ยังเหลือจิตวิญญาณของฉันที่ไม่สามารถจะไปไหนได้”
ผลงานอื่นๆ ของ Averrit ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Averrit
ความคิดเห็น