ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กำเนิดตำนานอาณาจักรไร้ขอบเขต ครอนิเคิล 1

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 : พยากรณ์แห่งสงคราม - เอริคา 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 50


     

    ทะเลสาบอินนาดริลนั้นเป็นตัวกั้นเขตแดนระหว่างกีรันและอินนาดริล  ที่ดินรกร้างกว้างใหญ่ทอดตัวไปทางเหนือจรดทางมรณะ  ธารแห่งน้ำตาไหลลงใต้สู่ทะเลสาบอินนาดริล  บนเนินเขาเหนือชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือนั้น ปราสาทตั้งตระหง่านอยู่โดยสามารถมองเห็นทะเลสาบได้ในทุกทิศทาง 

     

                มันเป็นวันหนึ่งในฤดูร้อนอันอบอ้าว เมื่อดวงตะวันแผดเผาเสียดผิวราวลูกศร  คูน้ำรอบปราสาทสะท้อนแดดเป็นประกาย ทว่ากลุ่มเมฆดำจากภูเขาทางเหนือก็บอกถึงฝนที่กำลังจะตกในไม่ช้า  ฝูงกาส่งเสียงร้องอยู่ไม่ไกล และกองทัพทั้งสองฝ่ายต่างเตรียมพร้อมเต็มที่ รอคอยเวลาบุกที่แน่นอนของการสัประยุทธ์

     

                เกรแฮมเป็นเพียงชายชราที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงคนหนึ่ง  ผู้ให้ภาพพจน์ของเจ้าผู้ครองปราสาทราวกับพ่อค้าที่แวะผ่านมา  เมื่อมาถึงกระโจม เซอร์เกรแฮมจัดเสื้อคลุมของเขาพลางพร่ำบ่นถึงลมตะวันตกที่รุนแรง

     

                ในทางกลับกัน เอริคา เคน เวเบอร์ รวบผมของเธอเพื่อให้คล่องตัว  ความวิตกกังวลก่อนสงครามของเธอยิ่งทวีขึ้นอีกด้วยเสียงบ่นพึมพำของเซอร์เกรแฮม  ทิวธงที่รายรอบบริเวณที่ตั้งค่ายโบกสะบัดราวเปลวเพลิงในสายลม  ทางด้านข้าง เหล่าทหารช่วยกันลำเลียงลังสรรพาวุธที่เต็มไปด้วยลูกธนู  

     

                "ต้องขอบคุณในความเอื้อเฟื้อและเงินทุนที่เหลือเฟือจากท่านลอร์ด  เราจะไม่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนยุทธปัจจัย ถ้าเพียงแต่พวกทหารรับจ้างหรือนักรบชั้นรองพวกนั้นจะใช้มันอย่างเหมาะสม"

     

                เกรแฮมพ่นลมออกจากจมูก กวาดสายตาไม่พึงใจนักไปทั่วบริเวณที่ตั้งค่าย อีกพวกหนึ่งที่สัญญาจะเข้าร่วมในการล้อมโจม***ี้ได้เตรียมการทำศึกอย่างเงียบๆ  กลุ่มดาร์คเอลฟ์สามสิบคนพร้อมดาบใบเรียวเป็นเงาและชุดเกราะมิธริลจัดขบวนอยู่ภายใต้ธงสีดำตราสุนัขป่าสีแดง  ที่เบื้องหน้าสุด หญิงดาร์คเอลฟ์ผมเงินผู้หนึ่งยืนบัญชาการอยู่

     

                "ท่านไม่ต้องวิตก พวกเขาคือพี่น้องแห่งกองทหารรับจ้างสุนัขป่าแดง  ว่ากันว่า ไม่นานมานี้พวกเขาได้พิชิตกลุ่มอัศวินกริฟฟอนที่จัดว่าอยู่ระดับบนๆ ในสงครามแคลน"

     

                "โอ้...นั่นช่างน่าทึ่ง"  เกรแฮมตอบด้วยสายตาที่ดูไม่ค่อยดีนัก

     

                "ยังว่ากันว่า พวกเขาไม่มีทั้งความลำพองหรือความเห็นใจ  มีแต่ชื่อเสียงเลวร้ายว่ามักขุ่นเคืองและละทิ้งผู้ว่าจ้าง  ไม่นานมานี้ ใครบางคนจากสมาคมการค้าพยายามจะว่าจ้างพวกเขา แต่กลับถูกตัดลิ้น เขาคงจะไปพูดอะไรไม่ดีเข้าเป็นแน่" 

     

                หญิงดาร์คเอลฟ์มองมายังเอริคาเหมือนว่าสังเกตเห็นว่าเธอกำลังมองอยู่  เอริคาวางมือขวาเหนืออกซ้าย ค้อมกายรับอย่างระมัดระวัง  เซอร์เกรแฮมหันศีรษะไปอย่างรวดเร็ว

     

    "พอแล้วสำหรับการตรวจพล  เราควรกลับไปหาเซอร์ซีกฮาร์ท"

     

    "หากเป็นความปรารถนาของท่าน นายของข้า"

     

                ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ  เธอก็เห็นเพียงหลังของเกรแฮมที่รีบเร่งเดินไปยังค่ายของหัวหน้าทหารรับจ้าง เอริคาเหยียดยิ้ม

     

                ในบรรดาสมาคมต่างๆ ของดวอร์ฟ  สมาคมเหล็กสีดำนั้นเลื่องชื่อในด้านคิดค้นพลิกแพลงประกอบอุปกรณ์จักรกลต่างๆ   ลือกันว่าสมาคมเหล็กสีดำได้มีส่วนในโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในอาณาเขตดิออน เมื่อคอร์แห่งหอคอยครูมาได้คืนชีพขึ้น

     

    "เอาเถอะ ตามแต่ท่านจะต้องการแล้วกัน  ข้าก็ไม่มีอะไรอื่นจะพูดอยู่ดี" 

     

                ซีกฮาร์ทยกมือทั้งสองขึ้น และดวอร์ฟทั้งสามในที่นั้นก็ยกฝ่ามือของตนขึ้นเช่นกัน  บนหลังมือของพวกเขามีรอยสักสีดำเป็นรูปทั่งเหล็กอยู่  พวกเขาขยับขาสั้นๆ ของตนไปมาขณะที่พูด  และซีกฮาร์ทก็สั่นศีรษะเป็นบางครั้งในระหว่างที่พวกดวอร์ฟอธิบายอะไรบางอย่าง  ในที่สุด หัวหน้ากลุ่มดวอร์ฟก็จับมือกับซีกฮาร์ท และดวอร์ฟทั้งสามก็จากไปอย่างเอะอะอึกทึก  เอริคากระแอมและกล่าวอย่างระมัดระวังด้วยเสียงค่อนข้างดัง

     

    "เรามาก่อนกำหนดการ  แต่เซอร์เกรแฮมรู้สึกว่าการตรวจพลเสร็จสิ้นแล้วเจ้าค่ะท่าน" 

     

    ซีกฮาร์ทดูประหลาดใจ แต่เกรแฮมก็ผงกศีรษะเป็นการยืนยัน 

     

               "ข้าได้เห็นภาพของกองทหารอันทรงเกียรติแห่งเซอร์ซีกฮาร์ทมามากพอแล้วล่ะ  ข้ารอคอยอยู่แค่ผลการรบ  แต่ว่า ..."

     

    เกรแฮมหยุดและมองมายังเอริคา  เอริคาผงกศีรษะอย่างนุ่มนวล "ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่" 

     

    "ไม่ต้อง" ซีกฮาร์ทห้าม "ไม่เป็นไรหรอก เธอเป็นคนที่ไว้ใจได้" 

     

    "ถ้าอย่างนั้น..." เกรแฮมขยับปากจะพูด แต่ก็ลังเลอีกครั้ง "แล้วท่านเชื่อใจพวกดวอร์ฟได้อย่างไร" 

     

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซีกฮาร์ทช้าๆ

     

                "ข้าก็ไม่เคยเชื่อถือพวกดวอร์ฟอย่างนี้มาก่อน  แต่มันก็อาจทำให้ผิดใจกันได้ถ้าไม่ยอมรับพวกเขา  เมื่อดูจากความจริงใจที่พวกเขาแสดงให้เห็นเสมอมา"

     

    ด้วยท่าทีพอใจ เกรแฮมจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอี ก  เหลือเพียงซีกฮาร์ทและเอริคาอยู่กันตามลำพัง 

     

    "ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรที่ต้องออกไปรอข้างนอกหรอกนะเจ้าคะ  แต่ก็ขอบพระคุณที่ท่านพูดว่าข้าเป็นคนที่ไว้ใจได้" 

     

                 "เรายังจะต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ทั้งหมดตลอดการสู้รบ แต่มันก็ยิ่งวุ่นวายกว่าที่จะต้องอธิบายทั้งหมดซ้ำอีกครั้งในภายหลัง" จากนั้นซีกฮาร์ทก็เสริมขึ้นเหมือนว่าเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ "สิ่งต่างๆ กำลังไปได้ดีเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ข้าคิดว่าเจ้าคงทำงานเสร็จอย่างถี่ถ้วน ลงบัญชีไว้แม้แต่มันฝรั่งหัวสุดท้ายในคลังเสบียงสินะ"

     

    เอริคาแตะเรือนผมเบาๆ ด้วยท่าทีถ่อมตน

     

                 เธออยากจะถามถึงพวกดวอร์ฟ แต่ก็ตัดสินไม่ถาม ด้วยซีกฮาร์ทคงจะบอกเธอเองในไม่ช้า  เขามักจะวางแผนการรบตามลำพังและจะบอกต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเฉพาะสิ่งที่ต้องทำเท่านั้น  เธอเองเคยประหลาดใจมาหลายครั้งก่อนหน้านี้  แต่ในระยะหลังก็เริ่มคุ้นเคยกับคำสั่งที่ไม่คาดฝันของเขา

     

                 สตรีดาร์คเอลฟ์ผู้นำกองทหารสุนัขป่าแดงกำลังรอคอยทั้งสองอยู่เมื่อพวกเขาออกมาจากกระโจม  เธอเดินเข้ามาหาซีกฮาร์ทและยื่นมือออก  หลังจากจรดริมฝีปากแผ่วเบาบนมือที่สวมถุงมือหนังเซคามันของเธอ ซีกฮาร์ทก็กล่าวคำทักทายเล็กน้อยในภาษาดาร์คเอลฟ์ซึ่งเอริคาไม่คุ้นเคย  สตรีผู้นั้นยิ้มอย่างเสแสร้งหากก็มิได้พูดอะไร  และกลับไปยังที่ตั้งค่ายซึ่งเผ่าพันธุ์ต่างๆ ได้มารวมตัวกัน  เธอดูจะพอใจซีกฮาร์ทอยู่

     

                 กองทหารรับจ้างฝ่ายตั้งรับยืนเรียงรายอยู่บนกำแพงปราสาท  ในขณะที่ยกมือป้องตาเพื่อกันแสงแดด เอริคาสำรวจพวกเขาอย่างระมัดระวัง  เธอได้เห็นบรรดาเอลฟ์ผู้มีร่างเพรียวบางและผิวสีมุก ซึ่งสตรีชาวรูห์นอิจฉานัก  นักเวทจำนวนหนึ่งในชุดคลุมสีขาวสะอาดยืนอยู่ไม่ห่างนัก ต่างถือไม้เท้าอยู่ในมือ

     

                 "มีมือแม่นธนูจำนวนยี่สิบหรือกว่านั้นอยู่เหนือเรา  เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเสียหายจำนวนมากเมื่อเราเข้าโจมตีประตูปราสาท"

     

                 "ไม่ต้องกังวลไป เอริคา"  เกรแฮมกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ  "นั่นเป็นขีดจำกัดของกองกำลังฝ่ายนั้นแล้ว  เจ้าแน่ใจได้เลยว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยจับอะไรมากไปกว่าเครื่องมือทำนาสักเท่าไร  ธนูพวกนั้นไม่สามารถปิดบังจุดอ่อนในด้านจำนวนได้หรอก"

     

                 โดยปราศจากคำพูดใด ซีกฮาร์ทกวาดตามองกองกำลังที่เรียงรายอยู่บนกำแพงปราสาท แล้วรอยยิ้มก็พาดผ่านใบหน้าของเขา

     

    "ลีออนนา... นางก็ไม่เลวนักหรอก"

     

                  เอริคาเคยได้ยินนามนั้นเพียงเมื่อไม่นานมานี้  เมื่อเธอได้ยินว่าเจ้าผู้ครองปราสาทกีรันได้มอบหมายความรับผิดชอบในการป้องกันเขตแดนให้กับเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบดี เธอก็หัวเราะอย่างไม่เชื่อถือแม้แต่น้อย

     

                  ถึงแม้ว่าลีออนนา แบล็คเบิร์ด จะได้เคยบัญชาการกองทัพจนได้รับชัยชนะอย่างงดงามในการปะทะอื่นๆ มาหลายครา ซีกฮาร์ทและเอริคาก็ได้พิชิตศัตรูที่น่าเกรงขามกว่านั้นมานักต่อนัก  แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังกังวลด้วยข่าวลือที่ว่าลีออนนาได้รับการคุ้มครองอันศักดิ์สิทธิ์จากมังกรไฟวาลาคาส

     

                   เอริคาสลัดข่าวลือพวกนั้นออกจากใจ บางทีเธออาจรู้เรื่องดีเกินไป  โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก หัวหน้าของเธอผู้ซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเธอนี้สามารถปลิดชีวิตศัตรูได้ทั้งที่ยังหัวเราะอยู่  เธอไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร รู้แต่เพียงว่าเขาจะชนะ  เธอจะวางภารกิจในการสู้รบไว้กับเขา และตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายมา

     

                  ทันใดนั้น  เหล่าทหารที่กระสับกระส่ายก็พากันตื่นตกใจ  หลายคนชี้ไปยังกำแพงปราสาทด้วยท่าทีไม่อยากเชื่อ ด้วยเสียงแหลมแสบหู กำแพงปราสาทก็เปิดออก และเอลฟ์ผู้หนึ่งก็ปรากฏกายออกมา เขาสวมเกราะห่วงโซ่ของเอลฟ์เหนือผิวงดงามราวกระเบื้องเคลือบ ใส่รองเท้าทองคำขาวและคาดดาบไว้ที่เอว  เขายกมือขวาว่างเปล่าขึ้นแสดงท่าทีว่ามาด้วยสันติ.

     

    "อย่างกับว่าเขาเดินออกมาสู่วงล้อมอย่างนั้นล่ะ"

     

                  เอลฟ์ผู้นั้นเดินข้ามสะพานที่ทอดเหนือคูรอบปราสาทและตรงมายังที่ซึ่งซีกฮาร์ทและเอริคายืนอยู่  เดินเข้ามาอย่างระมัดระวังด้วยฝีเท้าปราดเปรียว  เขาค้อมกายอย่างสุภาพต่อซีกฮาร์ท ผู้เป็นผู้นำของฝ่ายโจมตี  ซีกฮาร์ทผงกศีรษะ เอลฟ์นั้นยืดกายตรงและกล่าวด้วยเสียงอันอันไพเราะชวนฟัง

     

    "นี่คือสาส์นจากลีออนนา แบล็คเบิร์ด ผู้แทนแห่งเจ้าผู้ครองปราสาทในการป้องกันปราสาทกีรัน"

     

    เอลฟ์ดึงม้วนสาส์นออกจากเอวและคลี่ออกด้วยสองมือ

     

                 "ท่านผู้บัญชาการและเหล่าทหารผู้กล้า  ข้าปรารถนาจะสรรเสริญในความมีวินัยและเกียรติของท่านจากใจ  ในฐานะผู้ป้องกันปราสาทกีรัน ข้าขอวิงวอนท่าน โปรดวางอาวุธของท่านและกลับไปสู่ที่ที่ท่านจากมา  ผู้ครองปราสาทแห่งนี้ได้ถูกเลือกมานานแล้ว และไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง  ไม่ว่าท่านจะต้องการอะไรก็ตาม ท่านจักไม่ได้มันจากการช่วงชิงด้วยกำลังทหาร  คำประกาศนี้คือการเตือน หากท่านยืนกรานจะเข้าโจมตีอย่างบุ่มบ่าม ท่านจักต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้าย  ในนามแห่งลีออนนา แบล็คเบิร์ด  ผู้บัญชาการในการป้องกันปราสาทกีรัน  จบสาส์น!"

     

    ใบหน้าของเกรแฮมบูดเบี้ยวตัดกับรอยยิ้มรื่นรมย์บนใบหน้าของซีกฮาร์ท

     

                 เอลฟ์ผู้ซึ่งอ่านสาส์นจบลงไม่แสดงความรู้สึกใด  เช่นเดียวกับเผ่าพันธุ์แห่งป่าอื่นๆ ที่เอริคารู้จัก  เอลฟ์ผู้นี้มีสีหน้าที่ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ความคิดในใจของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ราวกับกำลังรอคำตอบจากซีกฮาร์ท เขาเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่แม้แต่กะพริบตา  ซีกฮาร์ทเตรียมเสียงของตนแล้วตะโกนด้วยเสียงอันดัง

     

                 "กลับไปบอกแม่สาวน้อยผู้นำของเจ้าเถิด ว่าข้าจะสร้างความยุ่งยากให้เล็กน้อยเท่านั้นหากนางจะกรุณามอบปราสาทมาโดยดี! คำตอบของข้ามีเท่านี้!"

     

    เสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณค่ายของฝ่ายโจมตีกับเสียงประกาศราวฟ้าคำรามของซีกฮาร์ท

     

    อย่างไรก็ตาม เอลฟ์ผู้นั้นก็ตอบโดยปราศจากอาการลังเลหรือเผยท่าทีกระวนกระวายใจแม้แต่น้อย

     

    "ข้าจะนำสาส์นกลับไปว่าท่านปฏิเสธคำขอร้องของเลดี้ลีออนนา  ข้าขอตัว" 

     

    เอลฟ์เดินกลับไปยังประตูปราสาทอย่างรวดเร็ว  เผยให้เห็นด้านหลังซึ่งปราศจากการคุ้มกัน 

     

    เอริคาเดินเข้ามายังข้างกายของซีกฮาร์ท

     

    "หากท่านพยายามจะทำให้พวกเขาโกรธ  มันจะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะถ้าจะตัดคอเขาก่อนที่จะส่งกลับไป"

     

    "โกรธอะไรรึ? ทั้งหมดนี่เป็นแค่ธรรมเนียมของการรบเท่านั้นล่ะ" 

     

    "เพียงแค่นั้น?  มีหลักการที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามแม้แต่กับแม่หนูลีออนนาคนนี้ด้วยหรือเจ้าคะ?"

     

    ซีกฮาร์ทผงกศีรษะ

     

                  "มันเป็นกฎ  ทุกสิ่งจะต้องอยู่ในตำแหน่งแห่งที่ตามความปรารถนาของทางปราสาท  พวกเขาจะป้องกันปราสาท เราจะบุกโจมตี  เราแสดงเจตจำนงและตัดสินวันเวลาที่จะบุก ผู้ที่ฝืนกฎจะไม่มีวันได้รับการยอมรับให้ครองปราสาท"

     

    "แต่นั่นจะไม่ทำให้ฝ่ายป้องกันได้เปรียบยิ่งขึ้นหรือเจ้าคะ?"

     

                  เอริคาลังเล  แต่ซีกฮาร์ทหัวเราะอย่างรู้ทัน  ไม่ว่าเธอจะมองความเป็นไปได้ของผลแห่งสงครามในวันนี้เช่นไร  เธอก็ไม่สามารถมองเห็นเหตุผลใดที่ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้  เอริคาถอนใจและเหยียดไหล่ตรง

     

    ทันใดนั้น ลมเย็นชื้นก็พัดมาจากเทือกเขาทางเหนือ ...

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×