ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {EXO x YOU} + ASYLUM +

    ลำดับตอนที่ #5 : + ASYLUM + III

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 58


    + Chapter III +






     
         'เธอฆ่าฉันเนียร์' ปอพูดก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน ที่ฉันบอกว่าปอน่ารัก...ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว 


     

     
      



     
         "ฮะ...? ฉันจะไปฆ่าเธอได้ยังไงปอ! ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ " ฉันตกใจกับคำพูดของปอ อะไรกัน ฉันจะไปฆ่าปอได้ยังไง วันนั้นหลังจากที่มินเอายามาให้ฉัน ฉันก็หลับไปเลยพอตื่นมาก็ไม่เจอปอแล้ว จงอินก็เลยบอกฉันว่าปอตายแล้ว 
     
         'เธอฆ่าฉันด้วยคำพูดโง่ๆ ของเธอไง! ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปบอกอะไรใคร และฉันก็ไม่รู้ว่าใครลงมือฆ่าฉัน แต่เธอก็มีส่วนเกี่ยวในการตายของฉัน! ฉันไม่น่าเอาเรื่องความลับไปเล่าให้คนโง่อย่างเธอฟังเลยเนียร์!'  
     
         "เธอหมายความว่ายังไง? ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ" ฉันไม่เข้าใจที่ปอพูดจริงๆนะ ฉันไม่ได้ฆ่าปอซักหน่อย คำพูดโง่ๆงั้นเหรอ? ฉันโง่งั้นเหรอ? เธอพูดอะไรของเธอปอ... "อธิบายมาสิปอ ฉันไปพูดอะไรตอนไหน? ฉันไม่เข้าใจจริงๆนะ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยู่ๆพอเจอกันเธอก็พูดแบบนี้ ฉันก็เลยไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไร"
     
         'ไม่จำเป็น! ถึงฉันพูดไป ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าจะโดนเพื่อนที่รักที่สุดของฉันฆ่าเนี่ย! พอแล้ว ฉันจะไม่มาหาเธออีกแล้วเนียร์ เธอไม่ต้องพยายามเรียกหาฉัน ฉันเกลียดเธอ! กรี๊ดดดดดดดดดด' 
     
     
    ปอพูดก่อนจะกรี๊ดเสียงดัง ฉันยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหูไว้ แล้วจู่ๆเสียงกรี๊ดของปอก็เงียบไป ฉันจึงเอามือลงก่อนจะหันมองซ้ายมองขวา ฉันไม่เห็นปอแล้ว... ฉันนั่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อของเซฮุนที่พับอยู่บนตู้ขนาดกลางข้างๆหัวเตียงมาถือไว้ แล้วเดินออกจากห้องก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องทำงานของบุรุษพยาบาลเพื่อที่จะเอาเสื้อไปคืนเซฮุน ระหว่างที่กำลังเดินไปห้องทำงานของบุรุษพยาบาลฉันก็มองรอบๆไปด้วย พึ่งจะสังเกตุแฮะ ว่าที่นี่น่ากลัวมากขนาดนี้ ตามทางเดินมีหลอดไฟติดอยู่เพียงไม่กี่ดวง ถ้าเป็นตอนกลางคืนคงจะมืดมากๆเลย ปอเคยถามฉันนะว่าทำไมฉันถึงเข้ามาอยู่ในที่บ้าๆแบบนี้ได้ ฉันก็จำได้ลางๆว่าอี้ฟานเป็นคนพา.. ไม่สิ...เรียกว่าบังคับเลยก็ได้มั้ง เขาบังคับให้ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ได้บอกฉันว่าเพราะอะไรแต่เขาบอกแค่ว่า'ไม่ว่าฉันจะพยายามหนีออกจากที่นี่ซักกี่ครั้งก็ไม่มีทางที่ฉันจะได้ออกจากที่นี่หรอก' 
     
     
         "นี่เธอจะไปไหนน่ะ?" แล้วอยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้น ฉันหันไปมองหาว่าใครเป้นคนพูดประโยคนั้นและก็พบกับผู้ชายใส่ชุดกาวน์กำลังเดินตรงมาที่ฉัน "ใครอนุญาตให้เธอออกจากห้อง" 
     
         "อี้ฟาน..." 
     
         "อ้อ...จะว่าไปฉันยังไม่ได้คืนตุ๊กตาบ้านั่นให้เธอเลยนี่ ตามฉันมาฉันจะเอาตุ๊กตากระต่ายคืนให้เธอ" ตุ๊กตากระต่ายเหรอ...แรมมี่! แรมมี่อยู่กับเขางั้นเหรอ ฉันคิดแล้วไม่รอช้ารีบเดินตามเขาไปทันที ฉันเดินตามเขามาถึงหน้าห้องทำงานของเขา เขาผลักประตูห้องเข้าไป ฉันจึงเดินตามเขาเข้าไป จะว่าไป...ฉันเคยมาที่ห้องทำงานของเขาเมื่อก่อนหน้านี้อยู่ครั้งนึง ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เข้ามาเหยียบที่นี่ ฉันจำได้ว่า ฉันนั่งฟังเขาเล่าเรื่องครอบครัวของฉัน แต่ฉันจำไม่ได้แล้วล่ะว่าเขาเล่าว่าอะไรบ้าง "นั่งสิ" เขาพูดสั้นๆ ฉันจึงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้สีดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา 
     
     
         "ไหนล่ะตุ๊กตา" ฉันถามเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตาก็ยังมองกวาดไปทั่วห้องเพื่อหาแรมมี่
     
     
         "ตอบคำถามฉันมาก่อนสิ" เขาไม่ได้เอาแรมมี่มาให้ฉัน แต่กลับพูดขึ้น ฉันจึงจิ๊ปากอย่าหงุดหงิดที่ไม่ได้แรมมี่คืนซะที "เสื้อที่เธอถืออยู่น่ะ เสื้อใคร?"
     
     
         "นี่! ฉันไม่มีเวลามาตอบคำถามบ้าบอของนายหรอกนะ รีบๆเอาแรมมี่มาให้ฉันได้แล้ว!" ฉันลุกขึ้น ตะหวาดเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย 
     
     
         "ถ้าเธอไม่รีบตอบคำถามของฉันแล้วเธอจะได้แรมมี่คืนมั้ยล่ะ?" อี้ฟานพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "วันนี้บุรุษพยาบาลที่เป็นเวรคือลู่หานกับแบคนะ ไม่กลัวโดนด่าที่ออกมาจากห้องทั้งๆที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไง?" พอเขาพูดแบบนั้นฉันจึงจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดอีกครั้งแล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอารมณ์เสีย 
     
     
         "เสื้อของเซฮุน จบนะ! เอาแรมมี่มา!" 
     
     
         "ไม่ ฉันยังถามคำถามไม่หมด แล้วทำไมเสื้อของมันถึงมาอยู่กับเธอ" 
     
     
         "ก็วันนั้นอ่ะ! เซฮุนเขา...." 
     
     
         "อะไร? มันทำอะไรเธอ?" เขาถามย้ำอีกรอบ ฉันนั่งเงียบ เพราะไม่รู้จะตอบเขาว่าอะไร "ถ้าเธอไม่ตอบฉันจะไปถามมันเองนะ" เขาพูดขึ้นอีกรอบ ฉันก็ยังคงนั่งเงียบ ก็มันน่าอายนี่...ฉันไม่กล้าพูดหรอกแล้วจู่ๆเขาก็โยนแรมมี่ให้ฉัน ก่อนจะลากฉันเดินออกมาจากห้อง แล้วเดินตรงไปที่ห้องทำงานของบุรุษพยาบาลทันที 


     
     
    เขากับฉันใช้เวลาไม่นานในการเดินมาที่ห้องทำงานของบุรุษพยาบาล เพราะอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานของอี้ฟาน พอเดินมาถึงที่หน้าห้องทำงานของบุรุษพยาบาล อี้ฟานผลักประตูห้องเข้าไป ก่อนจะลากฉันเข้ามาในห้อง สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือ บุรุษพยาบาลอยู่ครบทั้งเจ็ดคน เขาปล่อยมือฉัน ก่อนจะเดินตรงไปหาเซฮุน แล้วดึงคอเสื้อเซฮุนขึ้นมา 
     
     
         "มึงทำอะไรเนียร์"
     
     
         "ไม่เกี่ยวกับมึง" เซฮุนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพราะคนอย่างเซฮุนมันไม่กลัวใครอยู่แล้ว
     
     
         "มึงตอบให้ตรงคำถามดิวะ! กูถามว่ามึงทำอะไรเนียร์!" อี้ฟานตะหวาดเสียงดัง ฉันที่ไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่ยืนนิ่งๆ 
     
     
         "กูบอกว่าไม่เกี่ยวกับมึงไง" เซฮุนยังคงตอบเหมือนเดิม และคำตอบของเขาดูจะยั่วโมโหอี้ฟานซะด้วยสิ
     
     
         "ไอ้เชี่ยฮุน...ไม่ว่ามึงจะทำอะไรกับเนียร์ตามเถอะ แต่กูจำได้ว่ากูเคยบอกมึงแล้วนะว่าห้ามทำอะไรเนียร์" 
     
     
         "แล้วไงวะ เนียร์เป็นของมึงหรือไง!" 
     
     
         "เออ! เนียร์เป็นของกู!" พออี้ฟานพูดจบ ฉันก็ตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นล่ะ ฉันที่ทนดูอยู่เฉยๆไม่ได้แล้วจึงเดินเข้าไปหาทั้งสองคน 
     
     
         "นี่พอได้แล้ว เซฮุนเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน นายน่ะเลิกหาเรื่องเซฮุนได้แล้ว อี้ฟาน" พอฉันพูดจบ เซฮุนจึงหันไปจ้องหน้าอี้ฟานก่อนจะยักคิ้วแล้วยิ้มที่มุมปากเพื่อเยาะเย้ย 
     
     
         "แบคฮยอนกับลู่หาน พวกมึงพาเนียร์กลับห้องซิ ส่วนพวกมึงที่นั่งว่างๆอยู่ก็เชิญกลับบ้านไปได้แล้ว กูว่ากูมีเรื่องต้องคุยกับไอ้ฮุนยาวเลยว่ะ" 



     
    -30%-


     
     
       พออี้ฟานพูดจบคนที่ไม่ได้มีเวรวันนี้จึงทำตามที่อี้หานสั่งอย่างว่าง่าย พวกเขาเก็บของก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยไม่มีใครพูดอะไรซักคำ แล้วลู่หานกับแบคฮยอนก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะพูดว่า...

     
         "ไปได้แล้วเนียร์ เธอควรจะกลับห้องของเธอได้แล้ว" ลู่หานพูด ฉันจึงหันไปมองหน้าเขาก่อนจะพูดว่า 
     

         "แต่ฉันยังไม่ได้คืนเสื้อให้เซฮุนเลย" ฉันพูดพร้อมกับชูเสื้อของเซฮุนที่ฉันถืออยู่ให้พวกเขาดู
     
     
         "เอามานี่มา ฉันจะเอาให้มันเอง" แบคฮยอนเอื้อมมือมาแย่งเสื้อของเซฮุนที่ฉันกำลังถืออยู่ไป แล้วโยนเสื้อให้เซฮุน โดยไม่สนใจว่าเซฮุนจะรับเสื้อของเขาได้หรือไม่ "ที่นี้จะกลับห้องได้หรือยัง?" แบคหันมาถาม ฉันจึงกอดแรมมี่ที่อุ้มอยู่แน่นกว่าเดิม แล้วพยักหน้าเบาๆ 
     
     
    ตลอดทางที่เดินกลับห้อง ฉันได้แต่เงียบไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรซักคำ แบคฮยอนจึงพยายามยกเรื่องนู้นเรื่องนี้ขึ้นมาพูดตลอดเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป ลู่หานก็พูดเสริมขึ้นมาบ้าง แต่ดูเหมือนเขาจะรำคาญแบคฮยอนนิดหน่อย ส่วนฉันก็เอาแต่พยักหน้าหรือตอบ อืมๆ เออๆ เป็นบางครั้ง พอเดินถึงห้อง ลู่หานก็ผลักประตูเข้าไป โดยเขาผลักประตูให้ฉันเข้าไปด้วย แต่กลับปิดใส่หน้าแบคฮยอน แบคเลยหันมาว่าลู่หาน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่อะไร พอเดินเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่ฉันทำคือขึ้นไปนั่งบนเตียง ก่อนจะก้มลงมองแรมมี่แล้วยิ้มให้มันบางๆ 
     
     
         "แค่ฉันได้กอดแกฉันก็มีความสุขแล้ว" ฉันพูดพึมพัมเบาๆกับตัวเอง แบคฮยอนที่เห็นแบบนั้นเลยลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงฉัน ลู่หานเลยเดินไปจัดการเตรียมยาเพื่อให้ฉันทานก่อนนอน
     
     
         "วันนี้ฉันจะนอนเฝ้าเธอนะเนียร์" แบคพูดขึ้น ฉันหันไปมองหน้าเขาก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงว่าไม่ต้องการ "ทำไมล่ะ?" 
     
     
         "ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้อยากให้ใครมานอนเฝ้าซักหน่อย" ฉันแอบขำตัวเองเบาๆนะ พูดเหมือนผู้ใหญ่เลย ทั้งๆที่จริงๆแล้วฉันน่ะกลัวการนอนคนเดียวมากเลยล่ะ
     
     
         "ถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่ยังไงพวกเราก็ต้องนอนเฝ้าเธออยู่ดีแหละน่า" ลู่หานพูดก่อนจะ วางแก้วใส่ยาที่ในแก้วมียาสองเม็ดกับแก้วน้ำที่ใส่น้ำเปล่าเกือบเต็มแก้วไว้บนตู้ข้างๆหัวเตียง "ทานยาซะ แล้วนอนได้แล้ว เธอควรจะนอนตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนะ" เขาพูดพร้อมกับก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือของตน 
     
     
         "ทำไมฉันต้องกินเล่า ยานี่ขมจะตาย" ฉันพูดก่อนจะวางหันไปจัดหมอนให้เข้าที่เข้าทางแล้วล้มตัวลงนอนทันที แต่หัวยังไม่ทันได้ถึงหมอน แบคก็ดึงแขนฉันขึ้นมาซะก่อน "ฉันจะนอนแล้ว เลิกกวนซะทีได้มั้ย"
     
     
         "กินยาก่อนสิ" แบคฮยอนพูดพร้อมกับทำหน้าดุ ฉันไม่ได้ตอบแค่มองหน้าเขานิ่งๆ แล้วเม้มปาก 
     
     
         "เนียร์! กินยาเดี๋ยวนี้" ลู่หานตะหวาดเสียงดัง ฉันจึงทำเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด แล้วเอามือปิดปาก ทำท่าหาว "จะกินไม่กิน?!" ลู่หานตะหวาดใส่ฉันอีกครั้ง ฉันจึงทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะกินยาให้หมด แล้วล้มตัวลงนอน ลู่หานจึงเดินปิดไฟก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ฉันจึงแกล้งทำเป็นหลับตาลง แล้วลองใช้สมาธิกับการฟัง เผื่อว่าพวกเขาจะแอบคุยอะไรกัน แต่ทั้งสองคนกลับเงียบกริบ ได้ยินแค่เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ ว่าแล้วเชียว..ว่าพวกเขาคงไม่โง่จนขนาดที่ว่าจะคุยอะไรกันให้ฉันได้ยินหรอก ฉันหรี่ตามองพวกเขาทั้งสองคน ปราฏว่าพวกเขานั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน และเหมือนกับว่าพวกเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งหรอก... นอนดีกว่า
     
     




     
       ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพรมสีแดง พรมนี้เป็นพรมที่มีขนาดยาวมาก มองด้วยสายตาฉันไม่รู้เลยว่าพรมนี้ไปยาวไปถึงตรงไหน แต่จะว่าไป...ทางเดินที่มีพรมสีแดงปูอยู่แบบนี้ มันเป็นทางเดินของหอพักที่ฉันอาศัยอยู่นี่นา...แต่ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ ฉันต้องอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรอ... บุรุษพยาบาลพวกนั้นไม่น่าจะปล่อยให้ฉันออกมาง่ายๆนี่นา แต่ก็ช่างเถอะ 




     
    ฉันได้ออกมาจากโรงพยาบาลบ้านั่น ก็ดีแค่ไหนแล้ว 



     
     
    ฉันค่อยๆลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปมองรอบๆ มีห้องหลายห้องเลยแฮะ...ใช่แน่ๆ นี่แหละ หอพักที่ฉันเคยอยู่ ตอนนี้ฉันยืนอยู่ที่หน้าห้อง 3010 แสดงว่าตอนนี้ฉันอยู่ชั้นสามสินะ...งั้นก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกเพราะ ห้องที่ฉันเคยอยู่ถ้าฉันจำไม่ผิดคือห้อง4013 อยู่ชั้นสี่ ห้องที่สิบสาม ฉันไม่รอช้าค่อยๆเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหาบันได แต่แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกด้ว่ามีคนสะกิดไหล่ข้างซ้ายเบาๆ ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ แล้วหันไปมองด้านหลัง ก็พบกับจุนมยอน ...ทำไมเขามาอยู่ที่นี่?
     
     
         "จะไปไหนหรอ" จุนมยอนถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แล้วค่อยๆถอยออกห่างจากเขา เพราะกลัวว่าเขาจะบังคับให้ฉันกลับไปที่โรงบาล "ตอบ" เขาพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา ดูไร้อารมณ์ 
     
     
         "...ฉันจะไปที่ห้อง" พอฉันพูดจบ จุนมยอนก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วมองฉันด้วยหางตา ฉันจึงก้มหน้าลง เพื่อหลบสายตาที่น่ากลัวคู่นั้น
     
     
         "เป็นอะไรของเธอ" เสียงของจุนมยอนเปลี่ยนไป ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที แต่ปรากฏว่าจุนมยอนหายไปแล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันคือคยองซู 
     
     


     
    ...แล้วจุนมยอนหายไปไหน?


     
      
         "ทำไมนายมาอยู่นี่?" ฉันพยายามรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป
      
         "ฉันต่างหากที่ควรจะถามเธอ เธอควรจะกลับไปที่โรงพยาบาลได้แล้ว" คยองซูพูดแล้วยื่นมือมาเหมือนจะจับแขนฉัน แต่ฉันก็วิ่งหนีเขามาซะก่อน พอหันหลังไปมองอีกที คยองซูก็หายไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย...  ฉันคิดก่อนจะค่อยๆเดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆก็มีเสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้น
     
     
         "เนียร์!" พอหันไปมองหาเจ้าของเสียงก็พบกับลู่หาน ที่วิ่งตรงมาที่ฉัน สีหน้าของเขาดูโมโห เขาคงจะบังคับให้ฉันกลับไปที่โรงพยาบาลแน่ๆ "เธอกลับโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" พอเขาตะหวาดเสียงดัง ฉันก็รีบวิ่งหนีเขาทันที แต่วิ่งยังไม่ถึงไหน ฉันก็ล้มลง เพราะรู้สึกเจ็บข้อเท้า ให้ตายเถอะ! ข้อเท้าพลิกหรอเนี่ย 
     
     
         "ข้อเท้าพลิกสินะ" เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆหู ฉันหันไปมองด้วยความตกใจ ก็พบกับอี้ฟานที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน ด้วยความตกใจฉันจึงไม่ได้พูดอะไร แล้วอยู่ๆเขาก็ช้อนตัวฉันขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง แล้วเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร เหมือนเดินเล่นไปเรื่อยๆ
     
     
         "นายจะพาฉันไปไหน?" ฉันถามด้วยความสงสัย 
      
         "ไม่รู้สิ" เขาตอบสั้นๆ ฉันเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาอุ้มฉันแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่ได้บ่นว่าหนักหรือเหนื่อยเลยซักคำ แล้วอยู่ๆสายตาของฉันก็ไปสะดุดเข้ากับเซฮุนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างๆผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นกำลังก้มหน้าหัวเราะอยู่ 
     
     
       "เธอแพ้นะปอ เธอต้องบอกรักฉัน" เซฮุนพูดกับผู้หญิงคนนั้นอย่างเป็นกันเอง เหมือนพูดกับเพื่อนสนิท แถมเขายังเรียกเธอว่าปออีกต่างหาก เอ๊ะ...แต่นั่นมันปอนี่นา...ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? 
     
     
       "โอเคๆ ฉันรักนาย พอใจยัง?" ปอตอบ ด้วยสีหน้าและนำเสียงที่ดูมีความสุข พวกเขาทั้งสองคนเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว พวกเขาไม่ได้สนใจฉันกับอี้ฟานที่เดินผ่านเลยแม้แต่นิดเดียว  แต่ก็นะ...ขนาดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทของปอ ฉันก็ยังไม่เคยเห็นปอยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย เซฮุนกับปอรักกันหรือเปล่านะ? ฉันควรจะถามอี้ฟานดีมั้ย? 
     
     
         "นี่..." ฉันพูดเบาๆ แต่ฉันแน่ใจว่าอี้ฟานได้ยิน แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับมา แถมไม่มองหน้าฉันด้วย เขาก็แค่อุ้มฉันแล้วเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ เอาเถอะ...ถ้าไม่อยากคุยกับฉัน ฉันไม่ถามก็ได้ 
     
     
         "นายชอบน้องสาวของอี้ฟานหรอแบคฮยอน?" อยู่ๆเสียงหวานๆของผู้หญิงคนนึงก็ดังขึ้น ฉันหันไปมองหาเจ้าของเสียงทันที ก็เห็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึงกำลังยืนคุยกับแบคฮยอนอยู่ ผู้หญิงคนนี้มีผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลัง เธอสวมเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงขายาวสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีดำ ฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลย...เพื่อนแบคฮยอนหรอ? 
     
     
         "ปล่าวนะ เค้ารักนาบีคนเดียว จริงๆนะ" แบคฮยอนพูด ก่อนจะเอามือของผู้หญิงที่น่าจะชื่อนาบีมากุมไว้ แบคฮยอนเหมือนจะร้องไห้เลย คนอย่างเขาร้องไห้เป็นด้วยหรอเนี่ย...แต่จะว่าไปใครคือน้องสาวของอี้ฟานหรอ? อี้ฟานมีน้องสาวด้วยเหรอเนี่ย ไม่เคยมีใครเล่าให้ฉันฟังเลย
     
     
         "เหรอ...ฉันเชื่อใจนายได้เหรอ?" ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงของเธอก็ดูเย็นชา แบคฮยอนจึงร้องไห้ออกมา ก่อนจะดึงร่างของผู้หญิงตรงหน้าเข้าไปกอด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้กอดเขากลับเลย
     
     
         "ได้สิ เชื่อใจเค้าได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เค้าจะไม่ทำให้บีเสียใจ บีห้ามทิ้งเค้านะ ขอร้อง..." ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยิน เพราะฉันกับอี้ฟานเราเดินผ่านพวกเขาทั้งสองคนมาไกลมากแล้ว เลยไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนนั้นคุยอะไรกันอีก ตอนนี้ฉันทั้งสงสัย ทั้งไม่เข้าใจกับเหตุการ์ณที่เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อกี้ ไม่ได้ล่ะ...ฉันควรจะถามอี้ฟานให้รู้เรื่อง
     
     
        "อี้ฟะ...อ้าว" ฉันที่กำลังจะเรียกชื่ออี้ฟานก็ต้องชงักไป เพราะพอเงยหน้ามองดีๆคนที่กำลังอุ้มฉันอยู่ตอนนี้คือชานยอล บ้าน่า?! คนที่เป็นคนช้อนตัวฉันขึ้นอุ้มคืออี้ฟานจริงๆนะ ฉันไม่ได้คิดไปเอง
     
     
         "อี้ฟานอะไรของเธอ เรียกหามันทำไม" ชานยอลพูด ทั้งๆที่สายตาของเขาก็ไม่ได้ก้มลงมามองหน้าฉันเลยแม้แต่น้อย "ฉันจะวางเธอลงตรงนี้แล้วเธอจะทำอะไร ก็เรื่องของเธอ" เขาพูด แล้ววางฉันลงบนพรมสีแดงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางที่เราเดินมา
     
     
         "เดี๋ยวสิ! ฉันมีอะไรที่อยากจะถามอยู่นะ!" ฉันตะโกนไล่หลังชานยอลที่กำลังเดินกลับไป แต่เขาไม่ได้หยุดเดินหรือหันกลับมามองฉัน เขาก็แค่ตอบกลับมาว่า
     
     
         "เธอควรจะหาคำตอบเองนะ" นั่นคือประโยคสุดท้าย แล้วจากนั้นฉันก็มองไม่เห็นเขาแล้ว ให้ตายเถอะ...จริงๆฉันก็อยากจะวิ่งตามเขาไปอยู่หรอก แต่ฉันรู้สึกว่าลึกๆของใจมันบอกว่สอย่าตามเขาไปเลยดีกว่า 




     
    ....แต่อยู่ตรงนี้คนเดียวก็ไม่ดีหรอกนะ




     
     
         'คิกคิกคิก'
     
     
         "เสียงใครน่ะ..?" ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใครนี่นา...มันเป้นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวมากเลยนะ ไม่เหมือนเสียงเด็ก ไม่เหมือนเสียงผู้ใหญ่ แต่เหมือนเสียงของสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่ก็นะ...ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้ "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"



     
     



    ฉันกรี๊ดเสียงดัง เพราะตกใจที่จู่ๆแรมมี่ก็ลอยออกมาจากผนัง แล้วมาตกลงตรงหน้าฉันพอดี ฉันรีบถอยออกมาจากตุ๊กตาบ้านี่ทันที นี่มันตุ๊กตาผีสิงชัดๆ 
     
     
         'ลองกดลงตรงกลางท้องแรมมี่สิเนียร์' เสียงนี้มันดังเข้ามาในหู เสียงปอนี่นา...แล้วปออยู่ไหนล่ะ 
     
     
         "เธออยู่ไหน?" ฉันถามออกไป พร้อมกับใช้ตาข้างซ้ายมองไปรอบๆ แต่เนื่องจากว่าฉันสามารถใช้ตาได้แค่ข้างเดียว ก็เลยมองไม่ค่อยถนัด ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย ฉันน่าจะตายแล้วเกิดใหม่ มันอาจจะดีกว่าตอนนี้ก็ได้
     
     
         'ถ้าเธอกดลงไปตรงกลางท้องแรมมี่ เธอจะได้เจอฉัน' พอได้ยินแบบนั้น ฉันไม่รอช้า รีบเอื้อมไปหยิบแรมมี่ที่ตกอยู่บนพื้นมา เพื่อที่จะกดลงไปตกกลางท้องของตุ๊กตา แต่ยังไม่ทันได้ออกแรงกด ก็มีอีกเสียงห้ามไว้ซะก่อน
     
     
         'อย่ากดนะ!' ฉันหยุดชงักทันที เสียงนี้ไม่ใช่เสียงปอนะ แต่ใช้เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน...ให้ฉันเดานะ ผู้หญิงคนที่คุยกับแบคฮยอนเมื่อก่อนหน้านี้ไง แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ฉันแค่เดา
     
     
         'ห้ามมันทำไมเนี่ย!' ปอขึ้นเสียงใส่ผู้หญิงอีกคนนึง ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าตอนนี้พวกเธอทั้งสองคนอยู่ที่ไหน
     
     
         'ถ้าฉันไม่ห้าม ยัยเนียร์ก็ตายน่ะสิ!' ฉันจะตายเหรอ? หมายความว่ายังไง? ...ฉันไม่เข้าใจ
     
     
         'ก็ปล่อยมันตายไปสิ!' 
     
     
         'แต่ยัยนี่มันเป็นเพื่อนเธอนะ!' 
     
     
         "เอ่อ...." ฉันได้แต่นั่งเงียบ ถือแรมมี่ไว้ในมือ ฉันไม่กล้าพูดหรือทำอะไรทั้งนั้น แม้แต่น้ำลายก็ไม่กล้ากลืน เสียงของทั้งสองคนน่ากลัวมาก ถ้าตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ต่อหน้าฉัน พวกเธอคงตบตีกันไปแล้วแน่ๆ 
     
     
         'ช่างมันสิ! ฉันตาย มันก็ต้องตาย เธอกดลงไปตรงกลางท้องตุ๊กตาเดี๋ยวนี้เนียร์!' 
     
     
         "อ อื้อ..." ฉันตอบเบาๆพร้อมกับพยักหน้ารัวๆ แต่พอกำลังจะกดลงไปตรงกลางท้องของแรมมี่ แต่ก็ต้องชงักเพราะผู้หญิงอีกคนพูดขึ้นมาว่า
     
     
         'ถ้าเธอกด เธอตายนะ เลือกเอา' ผู้หญิงอีกคนเปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นน้ำเสียงเย็นชาต่างจากเหมือนตอนแรกที่ตะหวาดใส่ปอ นี่แหละ...เสียงนี้แหละ เสียงของผู้หญิง คนที่คุยกับแบคฮยอน
     
     
         'กดเดี๋ยวนี้เนียร์!' เสียงปอตะหวาดใส่ฉัน เอาไงดี....กดดีมั้ย? แต่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าถ้าฉันกด ฉันจะตายนี่นา...ฉันอยากตายนะ ฉันไม่ชอบตัวเองที่เกิดมาแล้วไม่มีอะไรดีในชีวิตเลย ...แต่ฉันกลัว
     
     
         'ชีวิตเธอ เธอต้องเลือกเอา' 
     
     
         "....." ฉันเงียบไป อีกทั้งสองคนก็เงียบ ทุกอย่างเงียบ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ตอนนี้ฉันทั้งหงุดหงิดทั้งกลัว ในหัวของฉันมันสับสนไปหมด เหตุการ์ณต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ ฉันยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร ตอนแรกฉันคิดว่าฉันรู้เกือบทุกอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ล่ะ...มีหลายอย่างที่ฉันยังไม่รู้ นาบีคือใคร น้องสาวอี้ฟานคือใคร ใครฆ่าปอ และที่สำคัญมากๆคือฉันยังไม่รู้เลยว่าความลับของโรงพยาบาลคืออะไร ถ้าฉันไม่รู้คำตอบของคำถามพวกนี้ ฉันก็คงตายไม่ได้หรอก.... ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีโยนแรมมี่ให้ไปไกลๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วมองไปรอบๆ  จากนั้นก็เดินกลับไปทางเดิมที่ฉันเดินมา
     
     
     
     
     
    05:20 A.M.
     
     
       ฉันค่อยๆลืมตา ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ แล้วหันไปมองรอบๆ ตอนนี้แบคฮยอนกับลู่หานกำลังยืนอยู่ข้างๆเตียง ข้างซ้ายลู่หาน ข้างขวาแบคฮยอน สีหน้าของพวกเขาทั้งสองดูเป็นห่วงเป็นใยฉันไม่มากก็น้อยล่ะนะ แต่จะว่าไป...เมื่อกี้มันฝันเหรอ?
     
     
         “ตื่นซักที” แบคฮยอนพูดก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาคงโล่งอกล่ะมั้ง 
     
     
         “เธอฝันร้ายเหรอ?” ลู่หานถาม แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่พยักหน้าเบาๆ ฝันร้ายเหรอ...คงใช่มั้ง 
     
     
         “เธอนอนกอดตุ๊กตาจนเหงื่อออกเลยนะ” แบคฮยอนว่าก่อนจะเอานิ้วของเขามาปาดเหงื่อบนใบหน้าฉันออกอย่างอ่อนโยน รู้สึกดีจังแฮะ ที่มันเป็นแค่ฝัน... อ้อ! ถามแบคฮยอนเลยดีกว่า...
     
     
         “นี่แบค นาบีคือใครหรอ?” พอฉันถามคำถามนี้ออกมา แบคฮยอนกับลู่หานตกใจนิดหน่อย แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้เลี่ยงที่จะตอบคำถาม
     
     
         “เพื่อนเก่าน่ะ ...เพื่อนรัก” ไม่น่าจะใช่มั้ง...ในฝัน กอดกันขนาดนั้น แต่ก็ช่างเถอะ ก็คิดอยู่แล้วแหละว่าแบคฮยอนคงไม่บอกมาตรงๆหรอก
     
     
         “อ่อ....”
     
     
         “เธอฝันถึงยัยนาบีเหรอ?” ลู่หานถามอย่างสงสัย ฉันจึงพยักหน้า แล้วเขาจึงถามต่อทันทีว่า “ฝันว่าอะไรล่ะ?”
     
     
         “ฝันว่านาบีบอกรักแบคฮยอนน่ะ เธอดูมีความสุขมากเลยนะ” ฉันโกหก ถ้าฉันเล่าให้พวกเขาฟัง มันก็ไม่สนุกน่ะสิ 
     
     
         “อ่อ...เหรอ” แบคฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าไม่ได้เป็นแค่เพื่อนจริงๆด้วยสินะ
     
     
         “นอนเถอะเนียร์ พึ่งจะห้าโมงเช้าเอง เดี๋ยวพวกฉันจะต้องออกไปตรวจห้องอื่น ประมาณเจ็ดโมงจะมาปลุก” ลู่หานพูด ก่อนจะดึงผ้าห่มที่ฉันถีบออกไปเมื่อตอนฉันนอนขึ้นมาห่มให้ฉัน เอาจริงๆฉันก็ไม่ง่วงหรอก ฉันนอนจนอิ่มแล้ว เอ๊ะ..เมื่อกี้ลู่หานบอกว่าพวกเขาต้องไปตรวจห้องอื่นนี่นา...แต่วันนี้จะเป็นเด็กดีซักวัน ฉันนอนก็ได้ ฉันจะไม่ลุกไปไหนเลย...
     
     

     
    ....ซะที่ไหนล่ะ!  


     
    -100%-

    _______________________________________________________________________________________

    กลับมาแล้วจ้า คือจำรหัสไม่ได้ แล้วคือกำลังแต่งฟิคของอีกวงอยู่ด้วยแหละ 
    เปลี่ยนทวิตแล้วน้า ตอนนี้เล่นทวิตนี้อยู่>> @_minimild
    ว่าแต่ว่านะคิดถึงเค้ากันมั้ย 5555 ก็อยากรู้ว่ายังมีคนติดตามอยู่ไหมอ่าค่ะ เม้นบอกเราหน่อยน้า >< 
    chapter นี้สับสนมาก อะไรเป็นอะไรไม่รู้ เนียร์ก็อยากรู้นู่นอยากรู้นี่เหลือเกิน เดี๋ยวเรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกันน้า :)
    #ฟิคลบรส
     


     
     
     
     
    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×