ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Forbidden library

    ลำดับตอนที่ #5 : The forbidden book No.5 l Chise Himeka

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 61


    T
    B


    [THE FORBIDDEN BOOK No.5]

    หนังสือต้องห้ามหมายเลขห้า

    บรรจุเรื่องราวของเด็กสาวสู้ชีวิตกับโชคชะตาที่เล่นตลกจนไร้ทางเลือก

    พรสวรรค์เก่งกล้าที่ใครต่างชื่นชมกลับเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยนึกชอบ

    หากแต่สิ่งนี้เป็นอย่างเดียวที่ทำให้เธอยังคงมีชีวิตอยู่

    แต่เหมือนว่าโชคชะตาจะยังเล่นตลกไม่สุด เมื่อฟ้าส่ง เขามาเจอเธอ

    เมื่อ ของหวานอันโอชาจานโปรดของเขาไม่อาจหาได้จากผู้ใดอื่น

    เธอจะทำอย่างไรต่อไปนะ...

     

    [THE GENIUS PATISSERIE WHO ACTUALLY DISLIKES SWEETS]

     


    #Can't GIVE UP as this life goes on

    #Be STRONG 'til the end

    #PREY

    [Chise Himeka]

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    #Your BLOOD was handmade for somebody like me

    #I'm in love with the TASTE of you

    #PREDATOR

    [Sakamaki Kanato]

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -




    APPLICATION





    "...ตกลงฉันฟังผิดหรือว่าสตินายเพี้ยน?"

    (#ไว้อาลัยแด่คานาโตะห้าวิ)

    “วกไปวนมาแบบนี้เสียเวลาชะมัด ฉันให้เวลาแค่สิบวิ ตอบมา ตกลงเธอมีอะไรจะพูดกับฉัน”

     

    คู่ : ซาคามากิ คานาโตะ

    นามสกุล - ชื่อ : Chise Himeka [จิเสะ ฮิเมกะ]

    [千星 姫香] [ちせ ひめか]

    จิเสะ – พันดวงดารา

    ฮิเมกะ – เจ้าหญิงผู้มีกลิ่นหอม

    ชื่อเล่น : Hime (ฮิเมะ) (แต่ไม่ค่อยชอบให้คนเรียกเท่าไหร่เพราะมันฟังดูผู้หญิ๊งผู้หญิง ฟังแล้วขนลุกเบาๆ ก็แหงล่ะ ก็ชื่อเล่นเธอแปลว่า “เจ้าหญิง” นี่นา แต่เนื่องจากแม่ตั้งชื่อให้มางี้ก็เข้าใจว่าชื่อเล่นก็ต้องออกมาแนวนี้แหละเลยปล่อยเลยตามเลย)

    อายุ : 18

    สัญชาติ : ญี่ปุ่น

    อาชีพ : นักเรียนมัธยมปลายปีที่ 2 (ม.ห้า)

    ลักษณะรูปร่างหน้าตา : เด็กสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมแต่ก็ยังคงความสดใสสมวัยสมเป็นเด็กมัธยมปลาย รูปร่างของเธอผอมเพรียวดูแล้วคล้ายกับนางแบบ ดูดีจนเป็นที่อิจฉาของเหล่าเด็กสาวในวัยเดียวกันได้ไม่ยากเย็นนัก ตัวก็สูงด้วยความสูง 169 เซนติเมตร และน้ำหนักเพียง 53 กิโลกรัม แขนขาก็เรียวยาวดีเหลือเกิน ผิวขาวเนียนเหมือนสีไอศกรีมวนิลาชั้นเลิศ แต่หากสังเกตจะดีจะเห็นรอยเล็กๆ ตามแขนจากการเข้าครัวมา ซึ่งเจ้าตัวไม่ใส่ใจที่จะปกปิดมันแม้แต่น้อยเพียงแต่ทายาให้หายตามยถากรรมเท่านั้น อกเอวสะโพกได้รูปหมด ซึ่งเจ้าตัวแอบรำคาญที่ตัวเองอกใหญ่เสียจนบางทีนึกอยากจะตัดทิ้งไปเสียดื้อๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจช่างมันไปตามเรื่องตามราว เรือนผมสีชมพูคอตต้อนแคนดี้...ที่เจ้าตัวเกลียดมากเพราะเธอไม่ชอบสีชมพู แต่ทำไมผมเธอต้องสีนี้ ถึงอย่างนั้นมันก็นุ่มสลวยดีและยาวไปจนกลางหลัง สวมที่คาดผมพอเป็นพิธี เพราะแม่อยากให้ไว้ผมยาวเลยตามใจแม่ไม่งั้นอาจจะไปไถสกินเฮดไปแล้วก็เป็นได้(?) แต่หากเข้าครัวก็จะรวบไว้ไม่ให้ผมตกลงไป ดวงหน้าที่ถูกล้อมไปด้วยผมสีสันสดใสนั้นมีดวงตาสีเขียวหยกคู่คมสวยงามเป็นประกาย มีคิ้วเรียวและแพขนตาหนาล้อมไว้อย่างเหมาะเจาะ จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากเรียวบางสีเชอร์รี่ รวมออกมาแล้วเป็นใบหน้าที่สวยชวนมองเอาเรื่องเลย...ก็...นี่ก็แค่ภายนอกละนะ...ฮะๆ  

     

    นิสัย :

    10 Things to know about ‘Chise Himeka’

     

    #1 Lionhearted lady

     

    “เด็กสาวหัวใจสิงห์” คำนี้คงเป็นนิยามที่เหมาะกับฮิเมกะที่สุดคำหนึ่ง ด้วยความที่ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ เรียบร้อยมารอให้พระเอกปกป้องประหนึ่งนางเอกในโชโจวมังงะบางเรื่องแต่อย่างใด เธอเป็นเด็กหญิงที่เป็นตัวแทนของหญิงยุคใหม่ที่สตรองและพึ่งพาตนเองได้ ด้วยความที่ว่าดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็กด้วยทำใจเธอมีความคิดที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน ตัดสินใจอะไรได้เฉียบขาดมากกว่าหากมีเป้าหมายแน่วแน่ก็จะพยายามทำให้เต็มที่และอดทนเพื่อให้สำเร็จ ไม่มีการลังเลใจใดๆ คิดเร็วทำเร็วจนดูเหมือนไม่ได้คิดทั้งที่ความจริงไม่ใช่ ใจกล้าพอที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเผชิญกับอุปสรรคหรือเรื่องราวต่างๆมากกว่าจะอยู่เฉยๆ ชีวิตเธอต่อสู้มามาก และคงจะได้ผ่านอะไรอีกมากมายในอนาคต แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเธอไม่ยอมแพ้หรอกนะ

     

    #2 Not girlish, but also not a tomboy

     

    หากถามถึงความเป็นกุลสตรี...ไม่สิ ถามความเป็นผู้หญิงในตัวฮิเมกะเปอร์เซนต์คงเฉียดใกล้เลขศูนย์เต็มทน หากไม่นับว่าการบ้านการเรือนเก่งกาจล่ะก็นะ มารยาท...ก็มีแบบทื่อๆ มารยงมารยาอะไรนั่นไม่มีเลยสักนิด คือเธอเป็นคนไม่ชอบพูดอะไรอ้อมค้อมเสียเวลา เพราะเวลามีค่าเป็นเงินเป็นทองสำหรับตัวเองน่ะ สำหรับบางคนก็เลยเป็นพวกโผงผางไปโดยปริยาย แต่จริงๆพูดกับผู้ใหญ่ก็พอจะมีหางเสียงแถมให้นะ ไม่ใช่พวกคิดเล็กคิดน้อย แล้วกิริยาก็ดูไม่สมเป็นเลดี้เท่าไหร่ คือ...ถึกทนน่ะไม่มีใครว่า แต่เป็นคนที่ไม่แคร์ภาพพจน์ตัวเองเลย ทำอะไรจะทำเต็มที่ไม่มีกั๊ก เล่นคือเล่นแบบไม่กลัวโดนหาว่าบ้าอะไรเงี้ย ไม่สนสายตาคนอื่นตราบเท่าที่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเองทำนั้นถูกแล้ว ใครจะเอาไปหนักกบาลมันก็เรื่องของเขาสิ อีกประเด็นที่สำคัญคือหัวข้อรสนิยมของเธอมันเข้ากับพวกผู้ชายได้มากกว่าน่ะสิ ของหวาน ของกระจุกกระจิก ส่องรุ่นพี่รุ่นน้องหล่อๆห่านเหวอะไรนั่นเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ฮิเมกะจะมีเพื่อนผู้ชายมากกว่าผู้หญิงด้วยนิสัยแบบนี้แหละ

     

    แต่ถึงจะทำตัวมาดแมนขนาดไหนฮิเมกะก็ไม่ใช่ทอมนะจะบอกให้ เธอก็ยังชอบผู้ชายอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะไปสนเพราะมีเรื่องเรียน กิจกรรม งานพิเศษสุมกบาลไหนจะเรื่องที่บ้านอีก แถมพวกเพื่อนๆและรุ่นน้องชายทั้งหลายเธอก็สนิทแบบเพื่อนมากกว่า กล่าวได้ว่าเรื่องหาคนรักนั้นแทบจะหายไปจากสารบบสมองเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไม๊ทำไมคนถึงได้เข้าใจผิดคิดว่าเธอชอบผู้หญิงก็ไม่รู้ นี่ก็มีรุ่นน้องหญิงมาสารภาพรักเธออยู่นะ บอกแล้วไงว่าชอบผู้ชายว้อย! แล้วพวกเพื่อนชายตัวดีของเธอก็เอาแต่ขำไม่ก็วิ๊ดวิ๊วแซว ไม่คิดจะช่วยเล้ยยยยย ขอให้โสดค่ะเพื่อน!

     

    ฮิเมกะเป็นพวกมีเรดาห์จับผู้หญิงว่าคนไหนแอบมองตัวเองอยู่ แต่เนื่องจากรอบตัวมีผู้ชายเยอะและไม่ค่อยมีผู้ชายมาสารภาพรักเนื่องจากแมนกว่าผู้ชายหลายคนอีก ทำให้เรดาห์เรื่องนี้สำหรับผู้ชายเป็นศูนย์...ซื่อบื้อมากไอ้เรื่องผู้ชายจะมาจีบตัวเองเนี่ย เขาเทอ้อยมาหมดไร่แล้วยังไม่รู้เล้ยยยยย จนเพื่อนกุมขมับเป็นแทบ แถมเผลอๆถ้าโดนรุกหนักมากเข้าเจอถอยห่างอีก คือไม่ชิน! ไม่ก็ถ้าเขินหนักอาจจะเจอซึนเดเระไทป์กระแทกกลับไปก็เป็นได้ ก็ไม่ชินอ่ะ ไม่รู้ด้วยแล้ว! ฮือ แต่เป็นคนที่ยอมรับความรู้สึกตัวเองได้เร็วพอควร ถ้ารู้ว่าชอบ...ไว้เขามาอีกรอบเมื่อไหร่จะบอกแล้วกัน...

     

    (#ไว้อาลัยให้คานาโตะอีกรอบ ณ จุดนี้)

     

    #3 Art in Heart, Fun in soul

     

    ฮิเมกะเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะสูงคนหนึ่ง ก็...การทำอาหารกับขนมเนี่ยถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งนี่นะ แม้จะบอกว่าไม่ชอบขนมก็เถอะ แต่ไม่ใช่แค่ด้านนี้เท่านั้น อะไรก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปะเธอทำได้ดีหมดนั่นแหละ เป็นคนที่ค่อนข้างมีศิลป์ในหัวใจเลยล่ะและถ่ายทอดมันออกมาทางการวาดภาพไม่ก็ขนมที่ทำเสมอ ศิลปะของเธอไม่ใช้การเพ้อเจ้อมโนแต่เป็นการเอาภาพในหัวมาสร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้ ยิ่งเมื่อประกอบกับที่เจ้าตัวเป็นคนที่มีความสดใสสนุกสนาน กระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ตัวเองสนใจ ทำอะไรเต็มที่เสมอแล้วก็ทำให้ผลงานของเธอแสดงตัวตนของเธอออกมาได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว ยิ่งเป็นพวกประเภทมีความคิดสร้างสรรค์แปลกๆในทางดี คิดอะไรมุมต่างไปจากสิ่งที่คนอื่นคิดด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้งานเธอมีเอกลักษณ์เข้าไปใหญ่เลย

     

    #4 Friendly, sincere, also free and easy mindset

     

    ฮิเมกะเป็นคนที่ทำตัวค่อนข้างสบายๆ ง่ายๆ เป็นมิตรกับทุกคนรอบตัว คุยกับคนค่อนข้างง่ายไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเช่นเรื่องครอบครัวหรือปากท้อง ไม่ใช่คนเรื่องมากในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่นกับคำถามโลกแตกของบางคนมื้อนี้กินอะไรก็ผ่านมันไปได้ง่ายๆ เพราะถ้าใครบอกเอาอะไรก็ได้อยู่นั่นเดี๋ยวเธอเลือกให้เอง จบปิ๊ง เป็นพวกประเภทที่ว่าไปไหนไปกันกับคนที่สนิทด้วย แม้จะเป็นคนที่อยู่คนเดียวก็ได้ไม่เดือดร้อนเพราะไม่ได้ขี้เหงาเบอร์นั้น แต่อยู่กับคนอื่นมันสนุกกว่านี่นา เป็นคนรักเพื่อนแต่ไม่ได้ติดเพื่อน แค่เลือกจะทำอะไรที่ตัวเองสบายใจซึ่งส่วนใหญ่คือการใช้เวลาไปกับเพื่อนๆเท่านั้นเอง

     

    ฮิเมกะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมกับเขาเท่าไหร่นัก แต่จะว่าโดนหลอกง่ายไหมก็ไม่ขนาดนั้น มีมุมซื่อบื้อที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงซ่อนอยู่เยอะ มักแสดงความรู้สึกออกไปตรงๆ ตอนนี้รู้สึกเป็นไงหน้าและน้ำเสียงมักจะบอกหมด เป็นคนที่เพื่อนๆผู้ชายลงความเห็นว่าแกล้งเล่นๆ มันส์มากเนื่องจากรีแอคชั่นแรงดีและตลก ลงท้ายด้วยการแกล้งฮึดฮัดงอนมันตามประสาเพื่อนให้มันเอาน้ำเอาขนมมาง้อเล่นเป็นบางที แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่คิดมากอะไร (แต่พอตัวเองจะแกล้งใครกลับไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่) คือด้วยความที่เป็นคนตรงๆ จริงใจค่อนไปทางเปิดเผย ทำให้เป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีความลับกับชาวบ้านเขาเท่าไหร่ ต่อให้พยายามจะมีสุดท้ายเรื่องก็จะรั่วเป็นพลุแตกอยู่ดี ยังดีที่เธอรู้จักการแถแบบเนียนๆมาบ้างไม่งั้นคาดว่าชีวิตนี้คงไม่มีคำว่าเรื่องส่วนตัวเป็นแน่แท้ ถ้าจนมุมจริงๆสุดท้ายก็ยอมรับแหละ...แต่ถ้าสังเกตดีๆคือจะไม่สบตาตอนพูดเลยหากแถแล้วไม่รอดอ่ะนะ ไม่ใช่อะไร...อายฉิบเป๋ง... แต่เคราะห์ดีที่ฮิเมกะเป็นคนที่มีเพื่อนดี (เพราะถ้ามันเลวหรืออะไรเธอไม่นับเพื่อนค่ะ ว่ากันแมนๆเนอะ) นอกจากชวนโดดเรียน โดดเวร โดดชมรมแล้วมันมาขอลอกการบ้านแล้ว(?) ก็ไม่ค่อยพาไปทำอะไรนอกลู่นอกทางร้ายแรงเท่าไหร่ และถึงจะชวนส่วนมากฮิเมกะก็ไม่ไปด้วยอยู่ดี เดี๋ยวเรื่องถึงหูแม่แล้วแม่เสียใจ ยกเว้นจะเกิดอารมณ์เบื่อๆติสต์ๆ นานๆก็จะโดดทีน่ะนะ...

     

    #5 Serious attitude with Important matter

     

    แต่ถึงจะบอกว่าฮิเมกะเป็นคนสบายๆ แต่พอเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจะกลายเป็นคนซีเรียสทันที ซึ่งเรื่องที่เข้าข่ายคอขาดบาดตายมีจริงๆแค่สองประเด็นคือเรื่องครอบครัว และ เรื่องปากท้องหรือเรื่องเงิน เป็นสองเรื่องที่จะไม่ยอมเสียผลประโยชน์เด็ดขาดแม้ว่าจะต้องไฟ้ว์แค่ไหนก็เถอะพอมาเรื่องนี้จะกลายเป้นคนหัวแข็งทันทีทั้งที่ปกติจะดูแอบหัวอ่อน โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว..หรือคุณแม่ที่ต่อให้เธอต้องเสียสละเท่าไหร่ เพื่อคุณแม่ที่ทำให้เธอมากมายแล้ว ฮิเมกะจะยอมทำแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบก็เถอะ รักคุณแม่มากที่สุดในโลกและเป็นคนสำคัญมากที่สุดเช่นกัน ส่วนเรื่องเงิน...ก็อย่างที่คิด...เธองกค่ะ งกแบบไม่ประกาศตัวว่างกโต้งๆ แม้ว่าจะเห็นทำตัวเหมือนสบายๆ แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าที่ๆทำอยู่น่ะแทบจะไม่ต้องควักเงินจ่ายเลย ข้าวกับน้ำก็เอามาจากบ้าน ของอะไรยืมเพื่อนได้ก็ยืม (ปากกายืมแล้วคืนทีสิ้นเทอมไรงี้ #ผิด) ยืมไม่ได้ค่อยซื้อ อะไรประมาณนี้ เป็นคนที่มีวินัยทางการเงินค่อนข้างสูงเพราะเธอไม่ได้รวยขนาดกินใช้ไปวันๆได้เหมือนคนอื่นเขานี่นา

     

    #6 An Average Student, but a Prodigy Patisserie 

     

    ฮิเมกะไม่ใช่คนฉลาดเลิศเลอ แต่เป็นคนที่เข้าใจชีวิตและเข้าใจโลก แต่ด้วยความที่ยังเป็นนักเรียนความเข้าใจในส่วนนี้จึงไม่ได้แสดงออกมาชัดเท่าไหร่นัก เธอเป็นนักเรียนธรรมดาๆที่มีผลการเรียนปานกลางเกาะค่าเฉลี่ย จะเด่นหน่อยคงเป็นกีฬากับคหกรรมนี่แหละ โดยเฉพาะคหกรรมที่ฮิเมกะคว้าตำแหน่งท็อปชั้นปีมาตลอด ไม่เคยมีใครล้มบัลลังก์เธอได้และไม่มีใครคิดจะทำด้วย ของคาวว่าเลิศแล้ว แต่ที่ดีงามที่สุดคงเป็นของหวานที่คาบคหกรรมเพื่อนแทบจะมาต่อคิวรอเอาขนมที่เธอทำเสร็จเนื่องจากรู้ว่าเธอไม่กิน ถึงกับเป็นสงครามหลังคาบคหกรรมเลยทีเดียว แถมเวลาทำทีชอบแอบดัดแปลงสูตรเองแล้วดันอร่อยกว่าสูตรที่อาจารย์ให้ทำจนอาจารย์ต้องขอสูตรกลับไปทำตามอีก ทุกคนล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ซึ่งก็ตลกดีตรงที่เธอไม่ชอบขนมแต่ดันทำเก่งนี่แหละ เป็นพวกไม่ได้ฉลาดแต่เรียนรู้ได้ดีผ่านการฝึกฝน ครูพักลักจำดี ช่างสังเกตในประเด็นดีๆ (แต่ที่มองข้ามไปก็มีเยอะอยู่) เรียกได้ว่าเป็นนักเรียนที่มาสายปฏิบัติมากกว่าทฤษฎีก็ไม่ผิด เพราะลองไปมองเธอคาบประวัติศาสตร์หรืออะไรวิชาการจ๋าสิ...หัวแทบจะแนบโต๊ะแล้วจ้า...

     

    #7 Have her own Working Zone

     

    ฮิเมกะเป็นคนที่ถ้าทำงานเมื่อไหร่จะหลุดไปอยู่อีกโลกทันที เป็นคนที่ทำอะไรแล้วสมาธิจะถูกทุ่มไปอยู่ที่จุดเดียว รอบข้างเป็นไงไม่รับรู้จนกว่างานจะเสร็จและหลุดออกจากโซนของตัวเองนั่นแหละ แม้จะบอกว่าไม่ได้เป็นคนจุกจิกก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้วก็จะมีมาตรฐานเป็นของตัวเองอยู่ ถ้าไม่ได้คือไม่ได้ ไม่มีการมาช่างมงช่างมัน งานคืองาน เพราะงี้แหละเค้กของเธอถึงได้อร่อยนัก เพราะปากบอกไม่ชอบก็จริง แต่พอลงมือทำจริงจังแล้วก็จะดุมันทุกอย่างตั้งแต่วัตถุดิบ ดีไซน์ การจัดวาง บลาๆ ให้ผลงานออกมาดีที่สุด คือเธอคิดว่าอุตส่าห์เสียเวลาทำแล้วก็อยากทำให้มันออกมาดีไปเลยน่ะ ต่อให้เธอไม่ชอบกินของหวาน แต่ก็รู้ว่ามีคนอีกมากที่ชอบกินและรอกินของอร่อยๆอยู่ และที่สำคัญเหนืออื่นใดเธอไม่อยากทำให้โอนเนอร์ (เจ้าของร้าน) และแม่ผิดหวังด้วย...เห็นแบบนี้ก็แคร์ความรู้สึกคนอื่นนะ ถึงจะทำแบบทื่อๆแมนๆไปหน่อยก็เถอะ

     

    #8 Heart of gold, but…

     

    แม้จะดูเป็นเด็กสาวห้าวๆแบบนี้ แต่เนื้อแท้ของฮิเมกะแล้วก็เป็นเด็กดีคนหนึ่งที่พยายามจะช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน และเป็นลูกจ้างที่ดีของร้าน ถึงจะเป็นพวกชิวสายลุยบ้างแต่เวลาที่ทำงานก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาจนโดนหมายหัวแต่อย่างใด รับผิดชอบโอเคดี งานออกมาดี แต่...เจ้าตัวเป็นคนที่ไม่สามารถสร้างภาพเป็นคนดีได้เลย ทุกอย่างเลยดู...อืม ก็ไม่มีอะไรแปลกนี่ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา กลายเป็นว่าความห้าวหรือกิริยาแมนๆ หน้าดูดุหรือขรึมแบบไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงทักษะทำขนมดันเด่นกว่าความพยายามที่จะเป็นคนดีในตัวเธอซะงั้น ไอ้เธอก็ไม่รู้ว่าจะพรีเซ้นต์ความดีตัวเองยังไงแล้วก็ไม่รู้จะทำไปทำไมด้วยก็เลยปล่อยเลยตามเลย คือเป็นคนดีที่ทำดีไม่ค่อยขึ้นน่ะ ทีเรื่องที่ไม่ได้อยากให้คนอื่นมารับรู้คนอื่นก็ดันรู้แล้วเล่นเป็นประเด็นซะงั้น โธ่...แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังทำต่อไปนะ ก็...จริงๆก็แอบน้อยใจหน่อยๆ แต่แค่แม่เธอไม่ว่าอะไรก็โอเคแล้วล่ะ

     

    #9 The Scariest one if she’s…ANGRY

     

    ปกติแล้วฮิเมกะไม่ใช่คนที่โกรธอะไรใครง่ายๆ ด้วยอุปนิสัยสบายๆ อะไรช่างมันได้ก็ปล่อยมันไป แต่พอเป็นเรื่องใหญ่เมื่อไหร่...แล้วโกรธขึ้นมาจะเป็นคนที่น่ากลัวมากๆ เพราะไม่ใช่สายโกรธอาละวาด แต่เป็นสายยิ่งโกรธยิ่งเย็น ถ้าเห็นยังพูดยังจาอยู่แสดงว่ายังไม่โกรธมาก แต่ถ้าเริ่มเงียบเมื่อไหร่น่ะใช่เลย เป็นพวกใช้ความเงียบมากดดันเวลาโกรธน่ะ แถมโกรธแล้วไม่ง้อใครค่ะ ถ้าอีกฝ่ายไม่ง้อก็ไม่ต้องมาคุยกัน ตรงส่วนนี้ค่อนข้างเป็นเด็กพอควรเลย มีแค่คุณแม่เท่านั้นแหละมั้งที่เธฮเคยโกรธแล้วกลับไปง้อเองก่อน ทุกอย่างมันก็มีข้อยกเว้นทั้งนั้นแหละ ส่วนโกรธใครจะแสดงท่าทางยังไงน่ะเหรอ...เมินมันยิ่งกว่าอากาศอีกค่ะ ประมาณว่าไม่รับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เธอโกรธอยู่บนโลกใบนี้กับเธอด้วย และอย่างที่บอกไปแล้วคือหายยากจนกว่าอีกคนจะมาทำความเข้าใจกันนั่นแหละ พอมาแบบนี้จะเป็นพวกมีศักดิ์ศรีอะไรก็ไม่รู้ค้ำคอไม่ยอมพูดขอโทษหรือไม่ยอมไปคุยกับเขาก่อนอยู่เรื่อย...แต่มีข้อดีคือถ้าคืนดีได้แล้วจะจบเรื่องเลย ไม่มีการขุดประเด็น จบแล้วคือจบจริง ไม่แค้น ไม่ขุดค่ะ

     

    #10 Strong outside, Fragile inside

     

    แม้ภายนอกฮิเมกะจะดูเป็นเด็กสาวที่เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออะไรง่ายๆก็จริง แต่ความจริงแล้วมันเหนื่อยนะ...สำหรับเด็กวัยแค่นี้ที่ต้องมาเผชิญกับอะไรแบบนี้ เธอเหนื่อย เธอล้า...แต่เธอล้มไม่ได้ บางทีเธอก็อิจฉาเพื่อนๆที่ได้ใช้ชีวิตที่สมเป็นวัยรุ่นได้เต็มที่ กังวลอยากมากก็เรื่องเรียนและอื่นๆตามประสาเด็ก ไม่เหมือนเธอที่มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะแยะ...เธอก็มีบางเวลาที่นึกน้อยใจขึ้นมาเสียดื้อๆเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องมาทำอะไรแบบนี้นะ แต่ก็แปปเดียวเท่านั้นแหละเพราะนึกถึงแม่น่ะ...เธอเสียใจน้อยใจอะไรนานไม่ได้หรอก และต่อให้ต้องเสียใจหรือมีน้ำตา เธอก็จะอดทนกลืนมันไปแล้วยิ้มกลบเกลื่อน แม้ว่าตัวจริงของเธอกำลังจะแตกสลายประดุจแก้วร้าวที่กำลังโดนบีบก็ตาม บอกทุกคนว่าไม่เป็นไร ทั้งที่ความจริงในใจตะโกนร้องให้ใครสักคนมาช่วย...อยากน้อยก็ช่วยอยู่ข้างๆเธอก็พอ ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องเข้าใจอะไรก็ได้...แค่อย่าไปไหนตอนนี้ ตอนที่เธอกำลังเศร้าก็พอ...

     

     

    ประวัติ :

     

                บ้านจิเสะเป็นครอบครัวธรรมดาๆ แต่เริ่มไม่ธรรมดาเท่าไหร่ตรงที่บ้านนี้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรหรอก...พ่อเธอไปกระโดดให้รถไฟชนตายเนื่องจากความเครียดในที่ทำงานช่วงที่ฮิเมกะอายุได้สองสามขวบเท่านั้นเอง ดูเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่นใช่ไหมล่ะ?

                แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างเถอะ คนตายไปแล้ว...ไม่ได้เกี่ยวกับคนที่มีชีวิตอยู่สักเท่าไหร่...

                จริงเหรอ?

                ก็ไม่เสียทีเดียว เงินชดเชยที่ได้จากการเสียชีวิตของพ่อช่วยให้สถานะการเงินของบ้านจิเสะคล่องตัวมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าใช้จ่ายอะไรสุรุ่ยสุร่ายนัก

                ต้องขอบคุณคุณแม่ของฮิเมกะ จิเสะ ฮานาโยะ ที่ไม่ว่าจะเผชิญความลำบากยากเย็นหรือเสียงซุบซิบนินทาของคนรอบข้างเท่าไหร่ก็ยังทำเฉยและอดทนเลี้ยงฮิเมกะจนโตมาได้ เธอมีอาชีพเป็นปาติซิแยร์ในโรงแรมแห่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นทุกวันหลังเลิกงาน...แม่ก็มักจะเอาขนมที่เหลือกลับมาฝากเธอเสมอ...

                ขนมจากโรงแรมชื่อหรูดูดี รสชาติแน่นอนว่าต้องอร่อย แต่...เมื่อต้องกินเข้าไปทุกวันๆ จากที่ชอบมันก็เลยกลายเป็นไม่ชอบแทน เนื่องจากเหตุผลง่ายๆ...มันเอียน...ต่อให้อร่อยแค่ไหนกินซ้ำนี่ก็ไม่ไหวนะ จากส่วนนี้ทำให้ฮิเมกะเป็นคนที่ไม่ชอบทานขนมหวานไปโดยปริยาย

                ตั้งแต่เล็ก...ฮิเมกะโดนสอนให้ทำอะไรเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือนทำอาหารและอื่นๆ แรกๆเธอก็ไม่เข้าใจหรอก ก็เด็กล่ะนะ...แต่เมื่อตัวเองแอบตามไปเห็นแม่ทำงานหนัก และได้ยินเพื่อนบ้านคนรอบตัวที่ซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องแม่แล้วก็ทำให้เธอตัดสินใจได้...

                เธอจะทำทุกอย่างเพื่อแม่...เหมือนที่แม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอได้...

                ฮิเมกะพยายามทำตัวเข้มแข็ง ในเมื่อพวกเธออยู่กันแค่สองคนแม่ลูกก็ต้องดูแลกันเอง เธอคิดแบบนั้น แล้วก็ด้วยความที่คิดแบบนั้นและโตมาโดยไม่ได้มีชีวิตสะดวกสบายเนี่ยแหละทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่ที่ชวนคิดคือทั้งที่ควรจะมีความเป็นกุลสตรีที่ดีแท้ๆ แต่เหมือนมันจะปลิวไปตอนไหนก็ยังไม่รู้ ทั้งความอ่อนหวานอ่อนโยนที่พึงมีกลับไม่เหลืออย่างน่าฉงนใจที่สุด รู้ตัวอีกทีตอนประถมปลายฮิเมกะก็แทบจะเป็นเด็กหญิงแสนแมนผู้ไม่เข้าใจโลกของผู้หญิงและอะไรฟรุ้งฟริ้งไปเสียแล้ว สมองของเธอมีแค่เรียนให้เต็มที่ กิจกรรมก็ได้บ้าง ที่จริงก็อยากจะช่วยแม่ แต่แม่เนี่ยแหละบอกเธอว่าให้ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เธอเลยทำตามที่แม่ขอ แม้ว่าจะตั้งปณิธานในใจแล้วว่าขึ้นมัธยมเมื่อไหร่จะเริ่มไปหางานพิเศษทำก็ตามทีเถอะ

    ด้วยนิสัยเช่นนี้ของฮิเมกะ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีเพื่อนเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากชอบที่พวกเขาพูดอะไรตรงๆ แล้วค่อยไม่แคร์อะไรยิบย่อย ไม่เหมือนผู้หญิงที่มามัวอ้อมพิรี้พิไรอะไรก็ไม่รู้ อีกอย่างคือหัวข้อที่พวกผู้ชายคุยกันเป็นอะไรที่เธอเข้าใจได้ กีฬา เกม อะไรแบบนี้ แต่ผู้หญิงเป็นพวกของกระจุกกระจิกหวานแหวว คาเฟ่ของหวาน ไม่ก็นิยายซึ่งเธอได้แต่กลอกตามองฟ้าเมื่อฟัง ไม่ใช่ไม่เคยลองนะ แต่ลองแล้วเข้าไม่ถึงจริงๆ ฮิเมกะเลยกลายเป็นสาวน้อยหนึ่งเดียวในกลุ่มเด็กชายฉกรรจ์ไปอย่างเนียนๆ แน่นอนว่าการทำตัวแบบนี้ย่อมตกเป็นเป้าการซุบซิบนินทาอยู่แล้ว แต่ถามว่าเธอแคร์มั้ย? ก็ไม่...พวกนั้นไม่ได้ช่วยเธอออกตังค่ากินค่าใช้สักหน่อย แคร์ทำไม เสียงนกเสียงกาทั้งนั้น ขืนใส่ใจเสียงพวกนี้แม่เธอที่อดทนมาหนักกว่าเพื่อเธอคงเสียใจแย่ ลูกแม่ทั้งทีต้องสตรองสิคะ...แถมเพื่อนผู้ชายมันก็ช่วยโพรเท็คเธอดีด้วยการด่าผู้หญิงที่นินทาเธอจนหน้าหงายเงิบหมด เออ...นี่สิเพื่อนของจริง...

      เมื่อขึ้นชั้นมัธยมมาฮิเมกะก็เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเริ่มรับจ๊อบพิเศษตอนปิดเทอมโดยที่แม่หาให้...แต่แม่นะแม่...รู้ทั้งรู้ว่าลูกสาวคนนี้ไม่ชอบขนม แต่ไหงแม่จับส่งมาทำงานพิเศษร้านเบเกอรี่ล่ะแม่! ก็เหมือนที่ดีที่เจ้าของร้านเข้าใจ ให้เธอทำแต่พวกขนมปังคาวไปในช่วงแรกๆ แต่แล้ว...

    “หา? วันนี้ทาเนมุระป่วยเหรอ? แล้วใครจะทำส่วนเค้กวันนี้ล่ะ?”

    เจ้าของร้านร้องเสียงหลง มือนวดขมับอย่างว้าวุ่น จังหวะเดียวกับที่ฮิเมกะเดินเข้าร้านพอดี

    “สวัสดีค่า~

    “ดีจ้าฮิเมะจัง...” เจ้าของร้านมองหน้าฮิมเกะก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ “เธอทำของหวานเป็นมั้ย?”

    “...เอ่อ...ก็ถ้ามีสูตรให้น่าจะไหวนะคะ ทำไมเหรอโอนเนอร์”

    “พอดีเลย! งั้นวันนี้เธอช่วยทำขนมแทนละกัน พอดีคนที่ทำเค้กประจำแกป่วยน่ะ ช่วยหน่อยนะ ไม่ยากหรอก แล้วเดี๋ยวฉันเพิ่มค่าจ้างให้พิเศษเลย!

    ฮิเมกะกระพริบตาปริบๆ ที่จริงถามว่าอยากมั้ยก็ไม่...แต่เล่นมาบอกว่าได้เงินเพิ่มแบบนี้...

    “จัดไปค่ะ!

    ...แล้วเธอก็เพิ่งมาสำนึกทีหลังว่าไม่น่าเห็นแก่เงินเล้ยยยยยยยยยย...

    คิดว่าเธอทำพลาดเหรอ? เปล่าเลย...ตรงกันข้ามต่างหาก...

    ลูกค้าที่ซื้อเค้กที่ฮิเมกะทำไปในวันนั้นกลับมาถามเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า...

    ลูกค้าคนแรก -  “เค้กวันก่อนอร่อยมากเลย! ปรับสูตรใหม่เหรอ?”

    โอนเนอร์ - “...เอ้อ...ครับ?” เปล่าหรอก แค่เปลี่ยนคนทำ...แน่นอนว่าส่วนนี้เขาไม่ได้พูด

    ลูกค้าคนที่สอง -  “เอาเค้กแบบวันก่อนได้มั้ย รู้สึกมันอร่อยกว่าทุกทีเลย”

    โอนเนอร์ - “....เอ่อ...” (จะพูดยังไงดีหว่าเรา...)

    และอื่นๆ สารพัดแต่ใจความเดียวกันคือ...เค้กที่ฮิเมกะทำอร่อยกว่าเค้กที่ทำตามปกติ...

    และมันก็นำมาสู่การขอร้องที่ชวนลำบากใจเล็กน้อย...

    “ฮิเมะจัง...เธอย้ายไปทำของหวานถาวรเลยได้มั้ย? ลูกค้าชอบขนมฝีมือเธอมากเลย”

    “หา? ฉันก็ทำตามสูตรเหมือนที่ทาเนมุระทำนี่คะ?”

    “ฉันก็งงเนี่ย วันนี้มีลูกค้าเป็นสิบแล้วนะที่มาถามหาเค้กที่เธอทำน่ะ...เธอน่าจะมีพรสวรรค์ด้านนี้นะฉันว่า”

    ...อืม เป็นพรสวรรค์ที่ส่งมาได้ผิดคนมาก...

    พระเจ้าคงเกลียดเราจริง ส่งความสามารถในการทำขนมให้คนที่เอียนขนม...

    แต่...อาจจะเป็นเพราะว่าเราลูกแม่ก็ได้นี่เนอะ แม่ก็ทำขนมเก่งนี่นา

    ...เอาก็เอา...แค่ไม่ต้องชิมเยอะก็พอไม่งั้นคงอ้วกแตกตายคาครัวสักวันแน่

    “ถ้าทำงั้นฉันขอค่าจ้างเพิ่มนะคะโอนเนอร์”

    “ฮิเมะจัง...ถ้าเค้กที่เธอทำมันทำให้ร้านฉันคนแน่นขนาดนี้ ฉันก็ต้องเพิ่มเงินให้เธออยู่แล้วสิแม่เด็กจอมงก”

    ก็เป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ ช่วยที่เปิดเทอมก็จะมาช่วยแค่เสาร์อาทิตย์เนื่องจากมัธยมต้นเธอเข้าชมรม...แต่แล้วเมื่อเธอเข้าม.ปลาย สิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดก็ดันเกิดขึ้นจนได้...

    วันนั้นฮิเมกะกลับบ้านแล้วเห็นแม่นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขกทำเอาเธอแปลกใจ เนื่องจากปกติเวลานี้แม่ควรจะยังทำงานอยู่ แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือข้อมือขวาของแม่มีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันเอาไว้แน่น

    “ทำไมวันนี้แม่กลับเร็วจัง”

    “ฮิเมะ...แม่...แม่ขอโทษนะลูก”

    “มีอะไรเหรอแม่?”

    “คือว่า...”

    ฮานาโยะทำท่าลำบากใจก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ลูกสาวฟังด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ...

    “หา...เอ็นอักเสบเพราะทำงานมากไป? หมอบอกให้พักการใช้มือขวาปีนึงเต็มๆงั้นเหรอ!?”

    ในการทำขนมนั้นมือทั้งสองจำเป็นขนาดไหน คนที่คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้อย่างสองแม่ลูกจิเสะรู้ดีที่สุด การที่ใช้มือข้างที่ถนัดไม่ได้แบบนี้ สำหรับปาติซิแยร์หรือเหล่าคนทำอาหารแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าให้ตายทางอ้อมเลย...

    “แล้วทางโรงแรมว่าไง...”

    “ลาไปปีนึงไม่ไหวหรอก...เขาจะ...”

    “อย่าบอกนะว่าเขาจะให้แม่ออก?”

    “...แม่ก็ไม่ได้มีทางเลือกขนาดนั้นนี่นา...แต่ถ้าไม่ทำ...”

    นั่นสิ...ออกจากงานไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือถ้าไม่มีงานจะเอาเงินมาจากไหน?

    ถึงฮิเมกะจะทำงานพิเศษ แต่ค่าใช้จ่ายส่วนมากในบ้านแม่ก็ยังเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี เจอแบบนี้เข้าไปมันก็...

    “งั้นเดี๋ยวหนูทำเอง”

    “เอ๊ะ? แต่ลูกต้องเรียน...”

    “เรียนช้าไปไปนึงไม่ได้ทำให้เราอดตายนะแม่ แต่ถ้าไม่ทำอะไรปีนี้เราอดตายแหง...”

    ฮานาโยะคว้าตัวลูกสาวมากอด ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “ขอโทษนะที่ทำให้ลูกลำบาก...ฮิเมะ...แม่ขอโทษ...”

    “แม่ทำเพื่อหนูมาเยอะแล้วน่า” ฮิเมกะกอดกลับ ลูบหลังแม่เบาๆ “ปีเดียวเอง ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่ได้ไปเรียนแล้วสักหน่อย ดูแลตัวเองดีๆจะได้หายไวๆนะแม่”

    เรื่องก็เลยกลายเป็นว่าฮิเมกะไปเป็นปาติซิเย่ฟูลไทม์ที่ร้านที่เธอทำงานพิเศษปีนึงเต็มๆ เธอตั้งใจทำงานและคิดสูตรขนมใหม่ๆ เพื่อให้ร้านมีรายได้ดีขึ้นจนได้เงินเดือนดีพอกับค่าใช้จ่ายในบ้านแล้วมีเหลือเก็บบ้าง มีเพื่อนๆที่อยู่โรงเรียนแวะมาช่วยซื้อและให้กำลังใจกันอยู่ และเมื่อครบหนึ่งปี แม่ก็สมัครไปเป็นปาติซิแยร์ที่โรงแรมแห่งใหม่ ส่วนเธอก็เข้าเรียนตามเดิม...เพิ่มเติมคือ...

    “...แบบนี้ก็จบไม่พร้อมกันซิวะ ไม่น่าเลยแก...”

    “ปากท้องบ้านฉันสำคัญกว่านี่หว่า ช่วยไม่ได้”

    เธอต้องมาเรียนรวมกับรุ่นน้อง ส่วนเพื่อนก็กลายเป็นรุ่นพี่ไปเสียอย่างนั้น แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่เธอซี้กับรุ่นน้องพอควร (แน่นอนว่าผู้ชายแทบทั้งนั้น ผู้หญิงมีแค่คนสองคนก็บุญแหล่ว) เลยไม่มีปัญหากับการเรียนและอยู่ร่วมกันสักเท่าไหร่ เผลอๆเพื่อนตัวดีที่เป็นรุ่นพี่ก็แท็คทีมลงมาหาด้วย ครื้นเครงจะตายไป...

    ก็ดูไม่มีอะไรนั่นแหละ ส่วนงานพิเศษก็เหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนจนกระทั่ง...

    “ผมขอชิมเธอหน่อยได้มั้ย?”

    ลูกค้าประหลาดที่มาพร้อมกับคำขอที่ประหลาดกว่าจนทำเอาฮิเมกะอยากไปแคะขี้หูว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า แต่ด้วยมารยาทอันดีกับลูกค้าแล้วก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆแล้วพูดว่า

    “ห๊ะ?”

    นี่ตกลงเราหูเพี้ยนหรือสติอิเด็กนี่มันเพี้ยนกันแน่เนี่ย!

     

    ลักษณะการพูด : ฮิเมกะเป็นคนที่มีน้ำเสียงโทนติดไปทางใสๆ ฟังสบายรื่นหู ไม่ได้ติดคีย์สูงแสบแก้วหูเหมือนเด็กผู้หญิงบางคน แต่เนื่องจากด้วยวิถีชีวิตเธออยู่กับผู้ชายเยอะและต้องการให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยนิดนึง เลยชอบกดเสียงตัวเองให้ต่ำลงหนึ่งระดับเพื่อไม่ให้ฟังดูเป็นเด็กน้อย

    ฮิมเกะเป็นคนที่มักจะพูดอะไรตรงตามที่ตัวเองคิด ไม่อ้อมค้อมเท่าไหร่ แสดงความรู้สึกออกทางน้ำเสียงและคำพูดค่อนข้างชัดอยู่ บางทีอาจจะปากไวไปหน่อยจนทำคนอื่นใจเสีย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ถ้าเจอด่ามาก็ด่ากลับไม่โกงเหมือนกัน ถ้ายิ่งสนิทจะยิ่งพูดจาเป็นกันเอง บางทีมีคำหยาบหรือภาษาพ่อขุมรามหลุดมาบ้างเป็นบางโอกาส แต่นิดเดียวจริงๆนะ

    ฮิเมกะจะแทนตัวเองว่า “ฉัน” แทนคนอื่นด้วย “นาย / เธอ” สำหรับคนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือเด็กกว่าไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ก็เถอะ ถ้าสนิทก็จะเรียกชื่อไม่ก็ชื่อเล่น ส่วนถ้าเป็นผู้ใหญ่จะเรียกว่า “คุณ” เป็นหลัก จะเรียกนามสกุลเฉพาะบางคน...

    ไม่ใช่อะไรหรอก...ชื่อคนน่ะจำได้ หน้าคนก็จำได้ แต่ไม่สามารถจับคู่ชื่อกับหน้าได้ ประมาณว่าจำชื่อ A กับ B ได้ แต่เวลาเจอ A ดันนึกถึงชื่อ B เวลาเจอ B ดันคิดชื่อเป็นของ A ซะงั้น เลยตัดปัญหา เรียกคุณมันให้หมด ต้องอยู่กันสักพักถึงจะจำได้ เปล่าหยิ่งแต่อย่างใด...ตูโง่เอง

    คำลงท้ายสงวนไว้ใช้กับผู้ใหญ่ที่จำเป็นเท่านั้น ต่อให้แก่กว่าถ้าเป็นพวกรุ่นพี่ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ยินคะขาจากเธอเลยยยยยยยยย

     

    “หา? ชื่อฉันน่ะเหรอ...จิเสะ ฮิเมกะ ว่าแต่อยากรู้ไปทำไมล่ะ?”

    (เวลามีใครไปถามชื่อ)

     

    “คงเพราะแม่ทำขนมเก่งล่ะมั้ง...อีกอย่าง ไม่ชอบกินก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ซะหน่อย มันคนละเรื่องกันนะ แยกแยะให้ออกสิ”

    (เวลามีคนมาถามว่าทำไมไม่ชอบขนมแต่ทำขนมเก่ง)

     

    “อืม ถ้าตรงนี้เพิ่มรสเปรี้ยวของเบอรืรี่อีกหน่อยก็จะตัดเลี่ยนได้...เอาอันไหนดี...ราสเบอร์รี่น่าจะเหมาะนะ สีสวยดีด้วย เอาแบบนี้แหละ”

    (ตอนสเก็ตช์ภาพขนมด้วยดินสอแล้วระบายสีไม้ลงไปเพื่อออกแบบขนมที่จะทดลองทำใหม่ตามหน้าเทศกาลที่เจ้าของร้านขอมา ไม่ใช่อะไร...ได้ตังค์เพิ่ม...)

     

    “นี่พวกแกแกล้งฉันอีกแล้วเหรอออออ! เดี๋ยวปั๊ดดีดเหม่งเรียงตัวเลยนี่!

    (ตอนโดนเพื่อนแกล้ง)

     

    “ไปทะเลเหรอ ไปๆว่าแต่พักที่ไหนยังไงเหรอ?”

    (เนียนถามว่าตูต้องจ่ายค่าที่พักค่าอาหารเท่าไหร่ จะได้ไปบริหารเงินถูก)

     

    “ตกลงมีเรื่องจะพูดเท่านี้ใช่มั้ย? ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็เก็บปากไว้ไปกินข้าวเถอะ”

    (เริ่มโกรธแล้ว)

     

    “...อ้อเหรอ”

    (โกรธจริงๆแล้ว)

     

    ชอบ :

    - การได้เที่ยวเล่นหรือทำอะไรให้สมกับเป็นนักเรียนม.ปลาย (คือยังไงเธอก็เป็นนักเรียนอยู่นะ เกิดมาไม่ได้อยู่ม.ปลายตลอดไปนะ ต้องเอนจอยมันสิ มันทำให้เธอสดชื่นและรู้สึกว่าเออเราก็ยังวัยรุ่นนะ)

    - การที่แม่สบายดี (เพราะเธอรักแม่ หากแม่มีปัญหาอะไรเธอคงกลุ้มใจมาก)

    - กาแฟไม่ก็ชาขมๆ (เพราะมันถูกลิ้นเธอน่ะสิ เพียวๆไม่ใส่น้ำตาลด้วยนะเจ๋งเลย)

    - การสเก็ตช์รูป (คือถึงจะไม่ชอบขนมหวาน แต่นี่ชอบวาดดีไซน์ขนมมากเลยนะ สวยๆทั้งนั้น แต่ถามว่าเจ้าตัวชอบวาดอะไรมากที่สุดน่าจะเป็นพวกวิว...คนน่ะวาดยาก แต่นานๆก็มีนึกครึ้มวาดเหมือนกัน)

    - การที่ไม่ต้องทำอะไร อยู่ว่างๆ นั่งนอนโง่ๆ(?) (เพราะปกติยุ่ง เลยชอบเวลาว่าง)

    - เพลงป๊อบ (ฟังแล้วมันสนุกดี)

    ไม่ชอบ : 

    - คนขี้ตื้อ (เพราะไม่ชอบให้ใครมาตามตอแย มันน่ารำคาญญญญญ)

    - คนขี้นินทา (เพราะเป็นพวกพูดตรง เลยไม่ถูกกับพวกที่ไม่กล้าพูดตรงแต่เอาไปว่าลับหลัง)

    - สีชมพู แน่นอนว่ารวมถึงสีผมตัวเองด้วย รวมไปถึงระบายชายลูกไม้หวานแหววนั่นด้วย (เพราะมันดูหวานแหววจนขนลุก เหมือนมองแล้วจะเป็นเบาหวานได้เลย ไม่เข้าใจว่าพวกผู้หญิงชอบไปได้ไง)

    - ขนมหวาน (ไม่เชิงไม่ชอบนะ...คือไม่ชอบกินเพราะตอนเด็กกินบ่อยแล้วจนเอียนน่ะ...)

    - คนที่ทำอะไรชักช้าไม่ทันใจ (คืองานเธอก็มีเยอะแยะ อย่าทำอะไรให้คนอื่นเขาต้องมารอได้มั้ยยยยย ประณีตกับช้ามันต่างกันนะเฮ้ย)

    - เวลาหัวตัน คิดอะไรไม่ออก / เวลาโดนบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่ชอบ (มันหงุดหงิดอ่ะ ฮึ่ยยยยยย)

    กลัว : 

    - คุณแม่ป่วยไปอีกรอบ (เพราะถ้าแม่เป็นอะไรอีกเรื่องยุ่งแน่นอน)

    - ...บุ้ง (คือมันจะไม่อะไรถ้าตอนเด็กมันไม่ตกใส่หลังเธอมารวดเดียวตั้งสามสี่ตัวจนคันไปหมด หลังจากนั้นก็กลัวเลยจ้า...เจอทีโกยสถานเดียว)

    ความสามารถพิเศษ :

    - มีหัวศิลป์และความคิดสร้างสรรค์ที่ดีเยี่ยม

    - มีประสาทรับรสที่ยอดเยี่ยม และพรสวรรค์ในการทำขนมระดับเทพ(ที่น่าจะสืบทอดจากแม่)

    - งกเงียบๆแบบไม่มีใครรู้

    - ฝ่ามือฝ่าเท้าอรหันต์ ใครเจอเข้าไปจุกทุกราย (เห็นงี้แรงเยอะนะ แต่คุมน้ำหนักมือเป็นไง)

    - เนียนหลับในอย่างเทพในวิชาที่น่าเบื่อ ไม่เคยโดนจับได้ และตื่นตอนออดดังเป๊ะทุกครั้ง

    - มีเรดาห์รู้ว่าผู้หญิงคนไหนแอบชอบตัวเองอยู่ แต่พอมาเป็นผู้ชายเรดาห์พังสนิท

    งานอดิเรก : นั่งนอนเฉยๆ / ฟังเพลง / สเก็ตช์รูป / ไปเที่ยวกับเพื่อน(แบบประหยัด)

    เพิ่มเติม :

    - ฮิเมกะเกิดวันที่ 1 เดือน 10 เป็นชาวราศีตุลย์ เลือดกรุ๊ป O

    - ฮิเมกะถนัดทั้งสองมือ แต่ปกติจะชอบใช้มือขวา

    - ฮิเมกะไม่ชอบสีผมตัวเอง...ก็เคยคิดอยู่นะว่าสีผมบนโลกมีตั้งเยอะทำไมต้องเป็นสีชมพูด้วย คือก็เคยไปย้อมแล้วนะแต่พอเปิดเรียนอาจารย์มาเจอดันจำได้เพราะสีผมเดิมของเธอมันเด่นมาก (ย้อมน้ำตาลเข้มมา) ทำโรงเรียนต้องมีนั่งประชุมกันยกใหญ่เพราะกฎไม่ให้ย้อมผม แต่เคสนี้ดันย้อมสีถูกระเบียบมา สุดท้ายเพื่อความเสมอภาคของกฎ เลยโดนไล่กลับไปทำสีเดิมมาจนทุกวันนี้...(//เวงกรรม)

    - แม้ฮิเมกะจะเฟรนลี่ แต่ปกติแล้วเป็นคนหน้านิ่งๆไม่ก็ดูดุแบบไม่ได้ตั้งใจเพราะกำลังใช้ความคิด บางคนที่ไม่รู้เรื่องเลยกลัวซะงั้น...

    - ฮิเมกะไม่กลัวผีเลย เวลาไปทดสอบความกล้าทีเพื่อนผู้ชายมันจะให้เธอเดินนำ ส่วนตัวเองเกาะหลัง จำเริญเถอะ! แมนมากเลยเพื่อนฉัน!

    - ศิลปะที่ถนัดที่สุดคือการวาดภาพด้วยดินสอทั้งสีและขาวดำ ส่วนอย่างอื่นก็ทำบ้างถ้ามีโอกาส

    - บางทีก็หูไม่ค่อยดี ชอบฟังอะไรมาเพี้ยนๆจากที่เขาพูดมาจริง

    - แม่เคยจะส่งฮิเมกะไปแข่งทำขนม แต่เจ้าตัวไม่ยอมไปซะงั้น แต่เคยไปแข่งทำอาหารอยู่เหมือนกัน ได้รางวัลชมเชยด้วย

    - ขนมที่ฮิเมกะชำนาญมากที่สุดคือตระกูลพายและทาร์ตทั้งหลาย ที่เหลือสกิลพอกันหมด

    - ถ้าถามถึงสเป็กผู้ชายของฮิเมกะ เธอจะบอกว่า “ผู้ชายที่ดูพึ่งพาได้” (คานาโตะเอ้ยยยยยยยยยยย)

     

     

    Chise Hanayo [จิเสะ ฮานาโยะ] (46)

    Himeka’s mother

    Status: Alive

    คุณแม่ผู้แข็งแกร่งของฮิเมกะ ปัจจุบันเป็นปาติซิแยร์ในโรงแรมดังแห่งหนึ่ง

    เป็นคนที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอดทนเอามากๆ รักลูกเหนือสิ่งอื่นใด

    ทุกอย่างที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้...เพื่อฮิเมกะลูกสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น

     

     

    Kino Hajime [คิโนะ ฮาจิเมะ] (44)

    Owner of the bakery shop

    Status:  Alive

    ปาติซิเย่ร์เจ้าของร้านที่ฮิเมกะทำงานพิเศษอยู่ เป็นรุ่นน้องของฮานาโยะ

    ฝีมือการทำขนมดีเลิศทุกชนิด แม้จะเป็นเจ้าของร้านเล็กแต่ก็มีชื่อเสียงพอตัว

    ยิ่งมีฮิเมกะเข้ามาทำขนมแล้วยิ่งดังเข้าไปใหญ่ เอ็นดูฮิเมกะเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ

    เพราะตัวเองโสดสนิทจนฮานาโยะยังส่ายหน้า ก็บ้าขนมแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนเล่า

    แอบสอนเคล็ดลับให้ฮิเมกะประจำเพราะอยากให้มีทายาทอสูรสืบทอดวิชา 5555

     

     

     with character

     

    - สวัสดีค่า ชื่ออะไรกันบ้างคะ?

    - “ฉันน่ะเหรอ?” นิ้วเรียวชี้เข้าหาตนเอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเลยตอบกลับไปง่ายๆว่า

    “ฉันชื่อ จิเสะ ฮิเมกะ ว่าแต่ถามทำไมเหรอ?”

    - เชื่อในแวมไพร์หรือเปล่าเอ่ย?

    - “ไม่มีทาง” ฮิเมกะขมวดคิ้ว ตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด มองเธอราวกับว่านี่ถามจริงดิ “เรื่องแบบนั้นมันก็มีอยู่ในแค่หนังกับนิยายแฟนตาซีไม่ใช่รึไง”

    - ถ้าเกิดว่าต้องรักกับแวมไพร์ รู้ใช่มั้ยคะว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคหลายอย่างเลย

    - “...หนักกว่าเมื่อกี้อีก” ฮิเมกะกลอกตา พูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ “ให้มีจริงภ่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน  บอกไว้ก่อนนะว่าต่อให้เป็นแวมไพร์ฉันก็พิจารณาแค่ผู้ชายนะ ถ้าผู้หญิงมาขอบายสถานเดียว”

    - ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ ไว้เจอกันค่า

    - “อืม เจอกัน” ฮิเมกะลุกแล้วเดินออกไป ตกลงคนถามต้องการอะไรจากเธอกันแน่ แต่ช่างเหอะ

     

     

    with mommy/daddy

     

    - สวัสดีค่ะ คุณผปค.ชื่ออะไรหรือคะ?

    - ยูกินะคนเดิมเองค่า 5555

    - คิดว่าลูกสาวเรามีดีตรงไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ?

    - ความแมนที่ผู้ชายยังอายค่ะ 555555

    - ริคัดไม่โหดจริงๆค่ะ แต่ถ้าไม่ติดจะรับกลับมั้ยเอ่ย

    - รับกลับจ้า

    - ขอบคุณสำหรับลูกสาวนะคะ รอประกาศผลน้า

    - ฝากพิจารณาทั้งฮิเมกะและมิจิกะด้วยนะคะ // โค้ง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×