คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : The forbidden book No.4 l Kotohira Yukana
[THE FORBIDDEN BOOK No.4]
หนังสือต้องห้ามหมายเลขสี่
บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวผู้โชคชะตาพลิกพัน
ทั้งที่ปรารถนาเป็นแค่เงาอยู่ข้างกายพี่สาว
กลับกลายต้องเป็นแสงเจิดจ้ายืนเบื้องหน้าคนทั้งปวง
เจ้าของตำแหน่งผู้สืบทอดที่ใครต่างล้วนปรารถนา
แต่หาใช่เธอผู้นี่ไม่
แม้ต้องการส่งคืนสู่เจ้าของเดิม
แต่อุปสรรคกลับทำให้มิอาจทำเช่นนั้นได้
ทางออกสุดท้ายมีเพียงอัญมณีที่ร่ำลือกันเท่านั้นที่เป็นหนทางเพียงหนึ่งเดียว
แม้จะต้องทำผิดเพียงไร สุดท้ายแล้วเพื่อพี่สาวที่รักดั่งดวงใจเธอจะไม่ถอย
ไม่ว่าอะไรก็มิอาจหยุดเธอได้...แม้ว่าผู้ครอบครองมันจะถูกเรียกขานว่าราชาก็ตาม
สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร...คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ล่วงรู้...
[THE LOYAL
GIRL WHO DOES EVERYTHING FOR HER SISTER’S SAKE]
Even though you were hurt,
you held back your tears and endured it
(แม้ว่าเธอจะเจ็บปวด...แต่เธอก็กลั้นน้ำตาและอดทนกับมัน)
Since I came to see you clearly
(ตั้งแต่ที่ฉันได้มาเห็นเธออย่างชัดเจน)
You don't have to tell me anything
(เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแล้วล่ะ...)
I already know that you always try hard
(ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอน่ะพยายามอยู่เสมอ...)
[เนื้อเพลงบางส่วนจากเพลง For you –Naruto Shippuden
ED]
Application
“ฉันขอสัญญาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี...ว่าฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่กลับคืนสู่ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลโคโตฮิระอีกครั้ง
ไม่ว่ามันจะลำบากยากเย็นแค่ไหนก็ตาม”
..............................................................................
“ไม่มีใครต่อต้านคำสั่งของผมได้หรอกนะ เพราะว่าผมเป็นราชายังไงล่ะ”
“แต่คุณไม่ใช่
‘ราชา’ ของฉันค่ะ รุ่นพี่อาคาชิ”
เพราะ ‘ราชา’ ของเธอ...มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น...
และไม่มีวันเป็นใครอื่นได้นอกจากเธอคนนั้น...พี่สาวฝาแฝดเพียงคนเดียวของเธอ...
(แต่ให้ตายเถอะ คนอะไรขนาดแค่สายตายังดูมีอำนาจเลย...)
..............................................................................
ชื่อ: Kotohira Yukana [โคโตฮิระ ยูคานะ] (เรื่องสกุล-ชื่อแบบญี่ปุ่น)
[琴平 優奏] [ことひら ゆかな]
ชื่อเล่น : Yuka [ยูกะ] [อนุญาตให้แค่พี่สาวเรียกคนเดียวเท่านั้น]
ความหมาย:
โคโตฮิระ – โคโตะแห่งความสงบ
ยูคานะ – การเล่นเครื่องดนตรีอย่างอ่อนโยนและยอดเยี่ยมเหนือชั้น
รวมกันจะเป็น
“การเล่นโคโตะแห่งความสงบอย่างอ่อนโยนและยอดเยี่ยมเหนือชั้น”
คนที่ท่านจะไปขโมยอัญมณีคือ: อาคาชิ เซย์จูโร่
พลังพิเศษ: Absolute zero [ศูนย์สัมบูรณ์] ผลของพลังนี้คือการยกเลิกพลังพิเศษทุกอย่างที่ส่งผลกับตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือร้ายอย่างไรก็ตาม
นั่นหมายความว่าต่อให้เป็นพลังพิเศษที่ส่งผลดีต่อเจ้าของก็ไม่อาจจะแสดงผลกระทบใดๆต่อเธอได้เนื่องจากผลของศูนย์สัมบูรณ์
ไม่สามารถทำนายอนาคตหรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับเธอด้วย
แน่นอนว่าแม้แต่เหล่าอัญมณีแสนมีค่านั่นก็เป็นเสมือนก้อนหินธรรมดาที่ไม่อาจแสดงพลังอำนาจใดใดได้เมื่ออยู่ในมือผู้ครอบครองพลังนี้
(แต่หากเป็นพวกอัญมณีหรือวัตถุ หากไปอยู่ในมือคนอื่นต่อก็ยังทำงานได้ตามปกติ
คือว่าง่ายๆตราบเท่าที่ไม่โดนตัวคนที่มีพลังนี้ ทุกอย่างก็ส่งผลเหมือนเดิม
แต่โดนเมื่อไหร่ก็โดนยกเลิกผลทิ้งหมด)
เรียกได้ว่าเป็นพลังที่ใช้ปิดผนึกพลังพิเศษอย่างแท้จริง
แต่พลังนี้ไม่สามารถควบคุมได้ แค่มันมาส่งผลกับเจ้าของก็จะทำงานอัตโนมัติทันทีโดยไม่มีการเลือก ไม่สามารถขยายขอบเขตได้ มันเป็นเหมือนเกราะรอบตัวเจ้าของเท่านั้น
ถ้าจะยกเลิกพลังที่ไม่ส่งผลกระทบกับตัวต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเจ้าของไปแตะพลังที่ต้องการยกเลิกเท่านั้น
ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ใช้ เพียงแต่เวลาพลังนี้ทำงานก็แอบกินพลังไปพอสมควร
แต่นับเป็นโชคที่เจ้าของพลังอย่างยูคานะนั้นมีความอดทน (Stamina) ที่สูงพอควร จึงทนต่อการใช้พลังนี้นานๆได้
สถิติสูงสุดที่ใช้ได้โดยไม่หมดสติก่อนคือรวมกันทั้งวันราวๆ 5 ชั่วโมง (ซี่งปกติรวมกันชั่วโมงนึงยังไม่เคยถึง)
ที่สำคัญพลังนี้จะไม่ทำงานหากผู้ใช้หมดสติ
(คือถ้ามีใครใช้พลังใส่ช่วงเธอหลับก็ได้ผลนะ
แต่พอเธอตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ผลก็โดนยกเลิก อะไรประมาณนี้
เพราะฉะนั้นพลังจากทับทิมแห่งราชันของอาคาชิไร้ค่ามากต่อหน้าเธอคนนี้
เพราะสั่งคนหลับไม่ได้ (สั่งแล้วจะทำอะไรได้?)
และต่อให้สั่งได้ตื่นมาผลก็โดนยกเลิกทิ้งอยู่ดี) กับถ้าผู้ใช้เสียศูนย์ขึ้นมา
พลังนี้จะไม่ทำงาน ถ้าสติความคิดกลับมาเมื่อไหร่พลังก็จะกลับมาเอง
อายุ : 19
เพศ: หญิง
ลักษณะภายนอก: เด็กสาวผู้มีรูปโฉมงดงามล้ำเลิศประหนึ่งหลุดออกมาจากภาพวาด
ร่างโปร่งระหงสง่างามนั้นแทบจะหาข้อตำหนิใดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ผิวขาวนวลมีสีเลือดฝาดระเรื่อจางๆ
ดูมีสุขภาพดีและบ่งบอกว่าได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี
รูปร่างอรชรมีสัดส่วนโค้งเว้าพอเหมาะพอควร อกเอวสะโพกสร้างเป็นโค้งรูปนาฬิกาอันงดงามจนเป็นรูปร่างในฝันของสตรีทุกคน
แขนขาเรียวขาพอเหมาะกับขนาดตัว ไร้ไขมันส่วนเกินมาเกะกะให้รำคาญใจ
แต่ที่ดึงดูดใจมากที่สุดคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นดวงหน้าหวานพิสุทธิ์ที่ไม่ว่าใครต่างมองแล้วล้วนกล่าวว่างาม
อาจไม่ได้งามที่สุดถึงขั้นล่มฟ้าล่มแผ่นดิน แต่เป็นความงามที่ดูแล้วมีเสน่ห์ชวนค้นหายิ่งนัก
ดวงตาคู่งามสีเขียวสดดั่งยอดใบอ่อนแรกผลิใบยามฤดูใบไม้ผลิเป็นประกายที่งามยิ่งกว่าอัญมณีใด
ยิ่งเมื่อล้อมกรอบด้วยแพขนตาหนายาวและคิ้วเรียวยาวแล้วไม่อาจค้านได้เลยว่าเป็นดวงตาที่ดูแล้วดึงดูดมากคู่หนึ่ง
จมูกทรงหยดน้ำโด่งรั้นพอเหมาะ ริมฝีปากบางสีสดดั่งกลีบดอกบ๊วยแดงแรกแย้มที่เชิญชวนเหล่าผู้มองให้มาสัมผัสมานักต่อนัก
แก้มใสมีสีเลือดฝาดเบาบาง รวมแล้วเป็นใบหน้าที่ยากจะละสายตาโดยแท้
เรือนผมสีน้ำเงินดุจทะเลลึกนุ่มละมุนดั่งไหมชั้นเลิศที่ล้อมกรอบหน้าที่ยิ่ขับดวงหน้าให้เด่นชัด
โดยปกติแล้วยูคานะมักรวบมันเป็นทวินเทลต่ำเพื่อไม่ให้ปลิวเข้าตา
แต่บางทีนึกอยากปล่อยก็จะปล่อยมันยาวสลวยจรดเอวตามความยาวของมันตามธรรมชาติ
ไว้หน้าม้าก็เพื่อปิดแผลเป็นเล็กๆที่เคยได้รับมาสมัยเด็กตอนเล่นซนเท่านั้น
แต่กลับทำให้เธอดูน่ารักอละอ่อนเยาว์ขึ้นจนไม่น่าเชื่อว่าเธอกำลังจะกลายเป็นหญิงสาวในอีกปีเดียวแล้ว
สูง 165 เซนติเมตร หนัก 49 กิโลกรัม
ตามปกติแล้ว...ยูคานะมักอยู่ในชุดยูกาตะหรือกิโมโนเนื่องจากธรรมเนียมของบ้าน
หรือออกนอกบ้านมาก็โดนสั่งให้ใส่กระโปรงอยู่ดี ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าตัวชอบเสื้อผ้าที่ใส่สบายและเคลื่อนไหวคล่องตัวมากกว่า
แต่ที่จริงจะอะไรเธอก็แต่งได้ทั้งนั้นแหละ แค่ชอบมากชอบน้อยเท่านั้นเอง
นิสัย:
หากมีใครสักคนเห็น
‘โคโตฮิระ ยูคานะ’ ผู้สืบทอดของตระกูลโคโตฮิระคนปัจจุบัน สิ่งที่ใครคนนั้นจะเห็นเป็นอย่างแรกคือเด็กสาวผู้งดงามเปี่ยมด้วยท่าทีสง่าสมเป็นตระกูลเก่าแก่
ดูมั่นใจแต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป กิริยามารยาทล้วนแล้วแต่ลื่นไหล...หารู้ไม่...มันก็แค่เปลือกนอก!
ด้วยความที่เป็นผู้สืบทอด
ยูคานะจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะแสดงตัวออกไปอย่างนั้น ตัวจริงแล้วเป็นคนไม่ชอบอะไรที่เป็นกรอบหรือกฎเกณฑ์เท่าไหร่
แต่ก็ไม่ใช่พวกที่มีสโลแกนกฎเอาไว้แหกเหมือนกัน
คือเธอจะทำอะไรที่เธอพอใจจะทำก็เท่านั้นแหละ จะบอกว่าเอาแต่ใจก็ได้
แต่ถ้าการเอาแต่ของเธอมันไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอไง
เห็นแบบนี้ไม่ใช่พวกชอบหาเหาใส่หัวนะจะบอกให้ อีกอย่าง...ปากบอกว่าทำอะไรตามใจ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพูดว่ายังไงก็ได้มากกว่าในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าเอาแต่ใจ เรียกว่าเป็นคนสบายๆนี่จะตรงกว่า
เรื่องจริงที่ฟังดูประหลาดสำหรับยูคานะคือ
แม้จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลดัง แต่กลับไม่ชอบเป็นจุดเด่นหรือจุดสนใจเท่าไหร่
ออกจะชอบอยู่แบบคนธรรมดาๆ คนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ แต่พอมีนามสกุลดัง
แม้ไม่ได้ตั้งใจเด่นแค่ไหนก็มีคนมอง ยิ่งเธอพยายามทำตัวธรรมดา
คนอื่นกลับว่าเธอพยายามทำตัวลึกลับไปเสียนี่
และนั่นก็ยิ่งดึงดูดให้คนอยากรู้เกี่ยวกับเธอมากขึ้นไปอีก
จนเป็นปัญหากวนใจไม่ใช่น้อย แต่เธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะมีคติประจำใจว่าทุกปัญหามีทางออก เพียงแต่ว่าจะออกมาแบบไหนก็เท่านั้น
เพราะฉะนั้นเวลาเกิดปัญหา...ยูคานะก็จะ...พุ่งชนมันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย! เป็นพวกไม่หนีปัญหา เพราะเคยหนีมาก่อนแล้วรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไร
ก็สู้ชนมันไปตรงๆเลยจะดีกว่า เห็นแบบนี้เป็นคนที่ไหวพริบดีและแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีมาก
แน่นอนว่าเธอไม่ชอบทำอะไรให้มันโฉ่งฉ่างโจ่งแจ้ง
เพราะงั้นเธอจะเน้นแก้ปัญหาเบื้องหลังอย่างเงียบๆ
ประหนึ่งว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งๆที่เบื้องหลังเธอคุมทุกอย่าง
ต่อหน้าทำตัวเหมือนตัวประกอบแต่ความจริงแล้วเป็นลาสบอสก็คนนี้แหละ เงียบ
เฉียบและเร็วคือหลักในการทำงานของเธอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม และน่าแปลกใจคือเป็นคนที่ชอบทำให้คนอื่นประหลาดใจอยู่เสมอ
เหมือนหลุดออกจากการคาดการณ์ใดๆ เรียกว่าทำอะไรทีต้องมีคนเซอร์ไพร์ซบ้างแหละน่า
และก็เพราะไม่ชอบเด่นนี่แหละ
ยูคานะถึงได้ไม่ชอบแสดงความสามารถออกมาให้เห็นตรงๆเท่าไหร่นัก
ซึ่งโชคดีที่พลังพิเศษของเธอไม่ใช่อะไรที่เตะตาชาวบ้านเท่าไหร่ตราบเท่าที่ไม่เอาออกมาใช้ต่อหน้าประชาชาชีหมู่มาก
ที่จริงแล้วเธอจัดว่าเป็นคนเก่งรอบด้านคนหนึ่ง แต่เก่งแบบไม่ได้โดดเด่นนัก
ฉลาดเฉลียวพอควร เรียนก็เรียกว่าดี ติดอันดับท็อป 50
ของชั้นปีตลอด
(เพราะขืนต่ำกว่านี้อาจจะโดนท่านปู่ท่านย่าเขม่นเอาได้)
ทั้งแต่ความจริงแล้วหากบอกให้ทุ่มเทจริงจังอาจจะได้ระดับท็อป 10 เลยก็ไหว แต่เนื่องจากภาระหน้าที่อื่นๆมันเยอะทั้งเรื่องตระกูลและพี่สาว
บวกกับขี้เกียจด้วยส่วนหนึ่งก็เลยอ่านแค่ให้เกรดและคะแนนออกมาดูไม่อุบาทว์ลูกตาเกินไปก็เป็นอันใช้ได้
ส่วนกีฬา...เนื่องจากฝึกไอคิโด้มาตั้งแต่เล็ก สมดุลร่างกายเธอเลยค่อนข้างดี
มีความคล่องตัวสูง (เจ้าตัวเคยปีนท่อน้ำข้างอาคารจากชั้นหนึ่งไปยังดาดฟ้าตอนที่ยังไม่ได้เป็นผู้สืบทอดด้วย)
เหนื่อยและหมดแรงยากกว่าหญิงสาวทั่วไปในวัยเดียวกันพอควร
แต่เป็นคนไม่ได้แรงเยอะเลย มากกว่ามาตรฐานทั่วไปไม่มาก
แต่พอเอาเข้าจริงพอเข้าชั้นเรียนกลับจงใจทำคะแนนให้เรี่ยๆคนในชั้น อาจจะดีกว่านิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเด่นไปซะอย่างนั้น
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเธอเรียนไอคิโด้ไง! ส่วนดนตรี...ด้วยความที่ผู้หญิงตระกูลเธอจะต้องเล่นโคโตะเป็น
ดังนั้นเธอจึงไม่อาจปิดความสามารถนี้ไว้ได้เหมือนอย่างอื่น
แต่สำหรับดนตรีคลาสสิกแล้วก็สามารถเนียนไปตามเรื่องตามราวได้
การบ้านการเรือนก็เป็นอีกอย่างที่เธอหลบไม่ได้เพราะถือเป็นหน้าเป็นตาของตระกูล
อาหาร เย็บปักถักร้อย
ทำงานบ้านอะไรออกมาดีเยี่ยมหมดทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ชอบเลยสักนิด
แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะว่าเวลาไปไหนก็ทำกินเองได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นอาหารฝีมือคนอื่น
ดังนั้นที่เกรดในสมุดพกดูดีมีระดับบอกเลยว่ามาจากการงานอาชีพและดนตรี...ที่เหลือจัดว่าดีทั่วๆไปเท่านั้นเอง...เป็นคนไม่ธรรมดาที่พยายามจะทำตัวเป็นคนธรรมดา
ซึ่งที่ผ่านมามันก็ได้ผลอยู่นะ...แต่ต่อหน้าคนนั้นแล้ว...ไม่รู้เหมือนกันว่าความจะแตกหรือเปล่า
ยูคานะเป็นคนตระกูลสูงที่แทบไม่มีความไว้ตัวเลย
เพราะไม่รู้จะไว้ไปทำไมและทำไปเพื่ออะไรก็เลยไม่ทำ เป็นคนสบายๆ
แต่ไม่ได้เข้าหาง่ายอย่างที่เห็น
เพราะเป็นคนที่มีลางสังหรณ์และสัญชาตญาณค่อนข้างดี
เลยทำให้เลือกคนคบถูกเลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องพวกนี้
ปกติแล้วหากเจอคนน่าสนใจก็จะเข้าหาเอง แต่พอมาเป็นผู้สืบทอดแล้วดันโดนบอกมาว่าให้วางตัวดีๆ
ก็เลยมักต้องรออีกฝ่ายเข้ามาหามากกว่า แต่ถ้าสนใจจริงๆ...ก็หาข้ออ้าง เอ้ย! เหตุผลในการเข้าใกล้ซะก็สิ้นเรื่อง
เป้นคนที่เข้ากับคนง่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะสนใจใครง่ายๆ
แล้วพอมาเรื่องนี้ก็จะใช้ความถูกชะตาเอาเป็นหลัก เหตุผงเหตุผลอะไรไม่มีทั้งนั้นแหละ
เรื่องแบบนี้เขาต้องใช้หัวใจไม่ใช่สมองนะจะบอกให้
อีกอย่างที่ต้องบอกคือต่อให้ทำตัวเป้นมิตรกับทุกคน
แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่เลือกที่รักมักที่ชังค่อนข้างแรงเงียบๆในใจ
แน่นอนว่าตัวตัดสินก็มาจากความถูกชะตาเหมือนเดิมซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ
หากใครสังเกตดีๆ
จะพบว่าการปฏิบัติตัวของเธอระหว่างที่รักกับที่ชังของเธอจะแตกต่างกันไม่น้อยเลยล่ะ
แต่โชคดีที่เธอทำเนียน เลยไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นความจริงในข้อนี้สักเท่าไหร่
แม้จะบอกว่าเจ้าตัวแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเก่งและช่างสรรหาข้ออ้างให้เหมาะตามแต่เรื่องราว
เป็นคนที่โกหกแล้วจะไม่ค่อยมีใครจับได้เนื่องจากเธอผสมความจริงลงไปในคำโกหก...แต่ความจริงแล้วยูคานะเป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่ชอบการแถแหลหรือโกหกพกลมเท่าไหร่
แต่มันมักจะมีเหตุให้ต้องแถแหลอยู่เรื่อย
เวลาจะใช้ทีก็ต้องงัดเอามารยาหญิงที่ขึ้นสนิมเขรอะมาขัดใหม่และทักษะการแสดงระดับเด็กประถมออกมาใช้ร่วม
ไม่อยากทำเลยจริงๆ คือทำไปก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายว่าทำไปได้ยังไง
แต่เพื่อการเอาตัวรอดแล้ว...เออ...ก็...เอาก็เอา!
แต่ถึงจะตรงไปตรงมาแต่ไม่ใช่คนเปิดเผย ดังนั้นเรื่องที่เธอพูดมักจะเข้าข่าย
‘รู้ไปก็ไม่เป็นไร’
ในขณะที่เรื่องที่ต้องเหยียบให้มิดนี่ให้ตายก็ไม่พูดหรอก
เห็นเหมือนพูดไปเรื่อยนี่ก็มีคิดก่อนพูดนะ ไม่ใช่อะไร...พอดีเธอเป็นผู้สืบทอด
ถ้าพูดอะไรออกไปไม่คิดล่ะก็...ซวยกันหมดแน่นอน ทั้งที่ปกติเป็นคนปากร้านระดับหนึ่ง
แต่พอเจอแบบนี้ก็เลยต้องอัพเกรดความปากร้ายจากแบบตรงๆ เป็นแบบผู้ดีซึ่งเธอไม่ชอบเอาเสียเลยเพราะต้องมาคิดประดิษฐ์ประดอยคำด่าให้เจ็บแต่ฟังดูแล้วไม่ระคายหู
หลังๆมานี่เลยเริ่มอัพเกรดการกวนประสาทขึ้นมาแทน
เพราะทำคนอื่นหัวร้อนและเข้ามาหาเรื่องได้ง่ายดี เข้าทางเธอ...
และความตรงไปตรงมาของยูคานะมันก็มีลิมิตของมันเหมือนกัน
เธอชอบที่จะแสดงอารมณ์อย่างตรงไปตรงมา
แต่เมื่อเธอได้เป็นผู้สืบทอด...คำว่าความเหมาะสมมันก็ครอบเธอไว้ให้ไม่สามารถมีอิสระในเรื่องนี้ได้เหมือนเคย
ดังนั้นเธอจึงเป็นพวกเก็บอารมณ์...ก็แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้นแหละ
เก็บหมดเธอคงอกแตกตายแน่ เพียงแต่แสดงอารมณ์ออกมาน้อยลง
และลดความรุนแรงของอารมณ์ที่แสดงออกเท่านั้น
หากโกรธหรือเสียใจมากๆก็จะมองแรงด้วยสายตาที่คนโดนมองทีสะดุ้งมาก
พร้อมกับวาจาทำลายล้างอานุภาพสูง 1 ea แล้วสะบัดผมเดินจากไปสวยๆ
ทั้งที่ความจริงอยากจะจับทุ่มให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย บางทีถ้าอาการหนักมากๆ
ก็แกล้งยั่วให้อีกฝ่ายเข้ามาบุกก่อนแล้วใช้ข้ออ้างป้องกันตัวทุ่มแม่มเลยก็มีเหมือนกัน
และก็เอาส่วนที่ไม่สามารถระบายออกได้ไปทุ่มคนตอนฝึกไอคิโด้เอา
ไอ้ที่เห็นๆว่าพลังงานล้นเหลือนั่นน่ะไม่ใช่อะไร...เก็บกดมาจ้า...
ยูคานะเป็นคนที่แยกแยะเป็นว่าอะไรสำคัญกับตัวเองมากน้อยแค่ไหนยังไง
และถ้าเป็นสิ่งที่สำคัญหรือคนสำคัญก็จะทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อรักษามันให้ได้
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุด...หรือต้องเรียกว่าคนสำคัญที่สุดของเธอคือพี่สาวฝาแฝดของเธอเอง
เพื่อพี่แล้ว...เธอสามารถอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างของเธอให้ได้ ราวกับข้ารับใช้ผู้ภักดีที่อุทิศทุกสิ่งให้กับราชาของตนก็ไม่ปาน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำ...ไม่ว่าใครจะมองอย่างไรเธอไม่สน
เพราะเธอทำเพื่อพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น
สิ่งนี้เป็นเหมือนความหมายเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของยูคานะ
เธอเชื่อว่าเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้...เพื่อคอยเดินเคียงข้างและดูแลพี่
ดังนั้นใครที่ริมาเป็นศัตรูของพี่จะเจอเธอเล่นงานอย่างแน่นอน และหากพี่เป็นอะไรไปคาดว่าหัวใจเธอคงแหลกสลายเป็นแน่แท้...ราวกับว่าโลกนี้ถึงกาลดับสูญก็ไม่ปานทีเดียวเชียวล่ะ
และจะแสดงมุมอ่อนแอคือการขังตัวเองเอาไว้ในห้องเงียบๆคนเดียว
ไม่ให้ใครมารบกวนเพื่อร้องไห้เงียบๆ
ร้องไปเรื่อยตจนกว่าจะไม่มีน้ำตาให้ร้องนั่นแหละ
เห็นแบบนี้พอน้ำตาไหลทีจะหยุดยากมากเลยนะ เป็นยัยขี้แยน้อยๆเลยล่ะ
ที่จริงมีส่วนที่เป็นคนขี้น้อยใจซ่อนไว้ด้วย
แต่ว่าตอนนี้มันก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ...ก็ตอนนี้ไม่มีใครเอาเธอไปเปรียบเทียบกับใครแล้วนี่นา
อีกอย่างคือเป็นคนที่เกลียดการเปรียบเทียบมากๆ
เพราะโดนฟังเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยเป็นแผลใจ
ใครมาพูดเรื่องแบบนี้กับเธอบ่อยๆอาจวูบได้โดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ (ไม่ใช่อะไร
โดนทุ่มสลบ)
ส่วนเรื่องความรักกับคนอื่นนั้น
สำหรับเพื่อนๆแล้วยูคานะจะเป็นคนที่จริงใจกับเพื่อนพอควร มีความเป็นกันเองด้วย
คือเป็นพวกประเภทเหมือนเพื่อนที่คุยได้ดูเหมือนเยอะ แต่ที่สนิทใจจริงๆมีน้อย
และพวกที่สนิทจะถูกจัดไปอยู่ในแผนกคนสำคัญไปโดยปริยาย ในเมื่อพวกเขากล้าทุ่มให้เธอ
เธอก็ทุ่มให้กลับได้ ไม่ได้คบหรือแบ่งแยกใครตามชาติตระกูลฐานะหน้าตาหรืออะไรใดๆทั้งสิ้น
เพื่อนก็คือเพื่อนนั่นแหละ จะสนใจไปทำไม
ถึงหลังๆมาจะบอกให้เลือกคบคนหน่อย...ก็นี่ไงเลือกแล้ว
พวกคุณหนูอะไรนั่นวันๆเอาแต่ซุบซิบนินทา
ฟังแล้วระคายหูจะไป...เป็นคนธรรมดาแต่โอเคก็ดีแล้วนี่นา
แล้วถ้าถามถึงในแง่ชายหญิง บอกเลยว่ายูคานะเกือบจะลืมไปจากสารบบความคิดแล้ว
ด้วยความที่ว่าหลังๆมายุ่งอยู่กับเรื่องของตระกูลและพี่สาวจนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องราวเหล่านี้เลย
แถมพอได้รับผู้สืบทอดแล้วยังต้องแต่งงานกับคนที่พวกผู้ใหญ่เลือกอีกก็เลยยิ่งไม่คิดอะไรเข้าไปใหญ่
(ต่อให้จะคืนตำแหน่งให้พี่ก็เถอะ เชื่อว่าคงแต่งยากเพราะจะเอาเวลามาดูแลพี่หมด) ไม่ได้ใสซื่อเรื่องความรักอะไรขนาดนั้น
เพียงแต่สำหรับเธอมันเป็นเรื่องไกลตัวที่เธอไม่คิดจะใส่ใจเท่าไหร่
ก็ในเมื่อเธอมีพี่ที่ต้องดูแลปกป้องอยู่ทั้งคน
คนรักอะไรนั่น...เธอไม่สนใจหรอก...แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น
ตอนมีคนมาสารภาพรักหรือบอกชอบจะออกอาการเขินค่อนข้างชัด
แม้จะลงเอยด้วยการโดนปฏิเสธเกลี้ยงก็เถอะ ก็คนมันไม่ชินนี่นาให้ทำยังไงได้
และต่อให้มีคนที่ชอบจริงก็จะกลายร่างเป็นพวกซึนเดเระทันทีเมื่อโดนคาดคั้นเรื่องความรู้สึกรักๆใคร่ๆ
คาดว่าถ้ามีคนรักก็น่าจะรักเดียวใจเดียวและซื่อสัตย์ต่อคนรกเอามากๆ เหมือนกับที่เธอรักและภักดีต่อพี่สาวเพียงคนเดียวมาเกินครึ่งชีวิตของเธอไม่เปลี่ยนแปลง...
ยูคานะมักบอกคนอื่นเสมอว่าตัวเองไม่ใช่คนอ่อนโยน
แต่ถ้าใครรู้จักตัวจริงจะรู้ว่าเนื้อในของเธอน่ะอ่อนโยนกว่าที่แสดงออกเยอะ
เข้าใจถึงความอ่อนแอดีเพราะตัวเองก็เคยเป็น ดังนั้นเธอจึงไม่ไช่พวกที่ดุถูกข่มเหงใคร
แต่ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายปล่อยให้ใครมาข่มเหงเช่นกัน ดีมาดีกลับ
ร้ายมาแรงกลับก็อย่าว่ากันนะ
และก็เพราะผ่านอะไรมาเยอะทำให้ยูคานะเป็นคนที่รู้จักไหลตัวตามสถานการณ์
น้ำเชี่ยวอย่าไปขวางเรือ...ใช่ แต่ถ้าสถานการณ์ที่ต้องไหลไม่ใช่เรื่องดี
เชื่อเถอะว่าเธอหาทางออกได้ เรียกได้ว่าเป็นคนที่อยู่เป็นสุดๆ
รักความสงบ...แต่บางทีเวลาเบื่อดันมีนิสัยขี้แกล้งเล็กๆน้อยๆเพื่อความบันเทิงส่วนตัวไปซะอย่างนั้น
แตบอกแล้วไงว่าแยกแยะเป็น
ดังนั้นเรื่องที่เอามาเล่นมักไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก...สบายใจได้เลย
จริงๆแล้วยูคานะ...เป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อน
แต่เป็นใจร้อนแบบที่ค่อนไปทางดีคือเป็นคนที่ไม่นิ่งดูดาย
กระตือรือร้นและไวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเอามากๆ
ด้วยความที่เป็นคนที่ช่างสังเกตและสัญชาตญาณดี
ทำให้เธอรับรู้และตัดสินใจได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป เธอไม่ใช่สายที่จะทำใจเย็นอยู่นิ่งได้หากเรื่องที่เกิดเป็นเรื่องที่ตัวเองหรือคนสำคัญมีส่วนด้วย
และพอตัดสินใจแล้วจะเป็นพวกลงมือทำทันทีไม่มามัวพิรี้พิไรรออะไรก็ไม่รู้
มีความใจกล้าแกมบ้าบิ่นอยู่ในตัว สู้คนและไม่ใช่พวกยอมใครง่ายๆหากเป็นเรื่องสำคัญ
เสี่ยงเป็นเสี่ยงขอแค่มีโอกาสที่จะสำเร็จก็จะทำ
แน่นอนว่าต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เธอก็จะดำเนินการทันที
ยอมรับว่าเธอใจร้อน...แต่หากเป้าหมายของเธอสำคัญมากพอและเป็นเรื่องใหญ่ต้องใช้เวลา...เธอก็สามารถอดทนรอได้เช่นกันหากมันจะทำให้เป้าหมายเธอสำเร็จได้
เรียกได้ว่าทุ่มสุดตัวและมีปณิธานสูงมาก ตั้งเป้าหมายอะไรไว้จะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
ไม่มีวันยกเลิกไปกลางทางแน่นอน
และจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงยังเป้าหมายให้จงได้แม้ว่าความเป็นไปได้จะมีต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหนก็เถอะ
เธอเป็นคนมุ่งมั่น จิตใจแข็งแกร่งแน่วแน่...แต่ไม่ใช่คนดี...เพราะงั้นไม่ได้ด้วยเล่ห์มันก็ต้องเอาด้วยกล
ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยคาถาก็ได้ สำเร็จเป็นพอ
เรื่องต่อไปจะเป็นยังไงไว้ทำได้แล้วค่อยคิดละกัน(อ้าว?)
เห็นเหมือนสายลุยลับๆแบบนี้
ความจริงแล้วยูคานะก็ซ่อมมุมนักวางแผนไว้เงียบๆ แบบเงียบจริงๆ
เพราะแทบไม่เอาออกมาใช้เลยนอกจากตอนเล่นโชงิและวางแผนการใหญ่โตจริงๆเท่านั้น
และแผนใหญ่ๆนั่นสุดท้ายก็มักจะมีเหตุให้ต้องใช้แผนสำรองหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาทุกทีน่ะสิ
เป็นคนที่คิดซับซ้อนได้แต่ไม่ชอบ เพราะมันทำเธอปวดหัว
ชอบอะไรที่ดูเรียบง่ายแต่ได้ผลมากกว่าจะมานั่งใส่ใจเรื่องรอบด้านที่ดูเหมือนจะคุมยากไปหมดแบบนี้
เล่นโชงินี่บอกเลยว่าเล่นประชดพี่ตอนสมัยเด็กล้วนๆ
โตมาก็เอาไว้ถอนหงอกพวกผู้อาวุโสในตระกูลบางคนเล่น (คือคนที่น่าเคารพเธอก็เคารพนะ
ไม่ใช่เพราะอายุแต่เป็นเพราะนิสัย กรวางตัว ความสามารถ วุฒิภาวะอะไรแบบนี้
แต่บางคนที่แก่เพราะกินข้าวก็ทำเหมือนจะเคารพ แต่ลับหลังเบะปากแทบไม่ทัน)
จริงๆก็มีฝีมือด้านนี้พอตัว แต่ถ้าถามว่าให้ไปเล่นกับอาคาชิจะไหวมั้ย...บอกเลยว่าแพ้ราบจ้า...
หากพยายามแล้วโอกาสมีน้อยแต่ก็ไม่มีวันเท่ากับศูนย์
แต่ถ้าไม่ลองเลยน่ะโอกาสเป็นศูนย์แน่นอน
และถ้าพยายามแล้วไม่ได้ก็ยังเสียใจน้อยกว่ายังไม่ได้ลองพยายามเลยด้วย ก็เพราะยูคานะคิดแบบนั้นแหละถึงได้มายืนตรงจุดนี้...ตรงที่กล้ามาขโมยอัญมณีจากคนที่ทุกคนกล่าวขานกันว่าเป็นราชาน่ะ
บางทีก็คิดนะว่าตัวเองใจกล้าหรือบ้าบิ่นกันแน่ที่ทำแบบนี้...แต่ที่แน่ๆ
เธอไม่หันหลังกลับ แล้วก็ไม่เสียใจที่ตัดสินแบบนี้ด้วย...ก็แค่นั้นเอง...
ประวัติ:
‘โคโตฮิระ ยูคานะ’
ถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลโคโตฮิระอันโด่งดังและเก่าแก่เทียบเคียงได้กับตระกูลอาคาชิ
เพียงแต่ตระกูลนี้จะไม่ร่ำรวยเท่าและค่อนข้างเก็บตัวเงียบเป็นธรรมเนียม
เพราะต้นตระกูลนี้อยู่ที่เกียวโต สิ่งที่เป็นสิ่งสืบทอดต่อมาประจำตระกูลคือศิลปะญี่ปุ่นโบราณหลากหลายแขนง
แน่นอนว่าเธอซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทโคโตฮิระก็ได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องเหล่านั้นมาตั้งแต่จำความได้
เนื่องจากเป็นหญิง สิ่งที่ยูคานะได้เรียนรู้คือการชงชา จัดดอกไม้ เล่นโคโตะ การร่ายรำต่างๆ
รวมไปถึงงานบ้านงานเรือนทุกแขนง ไม่ต่างไปจากพี่สาวฝาแฝดของเธอ ‘โคโตฮิระ ยูคาริ’
เพียงแต่ว่าไม่ว่าจะทำสิ่งใด ยูคาริที่เป็นพี่สาวฝาแฝดล้วนทำมันได้งดงามยอดเยี่ยม
ในขณะที่เธอแม้จะทำได้ดีแต่ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าพี่สาวทำให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างช่วยไม่ได้
ไม่อาจปฏิเสธว่ายูคานะในยามเด็กนั้นทั้งชื่นชมและอิจฉาพี่สาวฝาแฝดยิ่งนักด้วยเรื่องนี้
จนนำมาสู่การกบฏแบบเด็กๆยามเมื่อเธออายุได้เก้าปี
“ยูคานะ...ทำไมลูกถึงไม่ยอมมาเรียนโคโตะล่ะ?”
ผู้เป็นมารดาถามเมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กกลับบ้านมืดค่ำ
ทั้งที่วันนี้มีเรียนโคโตะตามตารางแท้ๆ “หืม...ว่าไงล่ะจ๊ะ?”
เด็กหญิงก้มหน้างุด พูดเสียงแผ่วๆ
“เรียนไป...ยังไงหนูก็สู้พี่ไม่ได้อยู่ดี”
ถ้าจะเรียนแล้วโดนเอาไปเปรียบเทียบแบบนั้น...สู้ไม่เรียนยังจะดีซะกว่า...
ยังไงอาจารย์ก็สนใจพี่มากกว่าเธออยู่แล้ว...ดีเสียอีกเธอจะได้ไม่ไปเกะกะใคร...
“ยูคานะก็เก่งเหมือนกันนี่จ๊ะ” แม่พยายามปลอบ “อย่าไปสนคำพูดพวกนั้นเลยนะ”
แต่เด็กหญิงกลับเดินงุดเข้าห้องของตัวเองไป
โดยไม่ฟังเสียงที่มารดาร้องเรียกอีกเลย
ไม่สนใจ...พูดน่ะมันง่าย...
ไม่เจอเอง...ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหนที่เป็นรองตลอดเวลาเพื่อให้อีกคนโดดเด่นขึ้น
หากพี่เป็นแสงสว่าง เธอก็คงเป็นเพียงเงาที่ทำให้แสงนั้นยิ่งเด่นชัดเท่านั้น
ยูคานะคิดอย่างน้อยใจ และเริ่มขาดเรียนขาดซ้อมทุกอย่าง
ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังหันไปเรียนศิลปะป้องกันป้องกันตัวอย่างไอคิโด้ และเล่นโชงิที่เป็นธรรมเนียมการเรียนของผู้ชายสายตระกูลนี้เสียอีก
ราวกับจะประชดว่าตัวเองนั้นไม่มีวันเป็นกุลสตรีที่ดีเทียบเท่าพี่สาวของเธอได้
สร้างความหนักอกหนักใจให้กับมารดายิ่ง แต่เนื่องจากทางท่านปู่และท่านย่าของเธอที่เป็นหัวหน้าตระกูลทราบแล้วก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
จึงไม่มีใครห้ามได้และปล่อยเลยตามเลยไป
แต่มันก็กลายเป็นเรื่องซุบซิบในหมู่สายตระกูลนี้อย่างสนุกสนานเอาเรื่อง
ตั้งแต่ที่เริ่มขาดเรียนขาดซ้อมศิลปะโบราณเหล่านั้น ความสัมพันธ์ของยูคานะและพี่สาวฝาแฝดอย่างยูคาริก็เหินห่างไปเรื่อยๆ
พูดให้ถูกคือเธอเป็นคนที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่พบปะพูดคุยกับพี่สาวเองต่างหาก
แต่ยูคาริเองก็ช่างตื้อไม่แพ้กัน สุดท้ายแล้วสองแฝดก็ได้มาจับเข่าคุยกันจริงๆจังๆอีกครั้งหลังจากที่ยูคานะเพียรพยายามหลบหน้าอีกฝ่ายมาตลอดครึ่งปี
“ทำไมถึงต้องหลบหน้าพี่ด้วย ยูกะ”
“เปล่านี่...” ยูคานะโกหก แต่สายตาหลุบต่ำ
ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “...พี่เป็นไงบ้าง?”
“...ไม่ดีเลย”
ยูคานะกระพริบตา เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่สาวฝาแฝดอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
และยิ่งไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นดวงหน้าที่เป็นราวภาพสะท้อนของเธอกำลังหลั่งน้ำตา
แต่ยังไม่ทันที่ยูคานะจะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“พี่ไม่ชอบเลยที่ยูกะทำแบบนี้ มีอะไรก็พูดกันมาตรงๆเลยสิ!” เสียงของยูคาริเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาที่เอ่อล้นรอบดวงตาเริ่มไหลอาบแก้มเป็นสาย
“จะเกลียดพี่หรืออะไรก็บอกมา! แต่อย่าเงียบใส่พี่แบบนี้! พี่ขอร้อง!”
“...ฉันไม่ได้เกลียดพี่หรอก...”
เกลียดเหรอ...จะเกลียดลงได้ยังไง...
แสงสว่างที่งดงามเจิดจ้าแบบนั้น...
พี่สาวฝาแฝดผู้อ่อนหวานงดงามสมบูรณ์แบบของเธอคนนั้น...
ต่อให้รู้สึกอิจฉาหรือน้อยใจแค่ไหน...เธอก็ทำใจเกลียดไม่ลง...
เด็กหญิงหลับตาลง ถ้าเกลียดจริง
เธอคงไม่ไปแอบมองพี่ซ้อมอยู่เรื่อยๆ โดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ คอยดีใจเงียบๆแทนเมื่อพี่ได้รับคำชม
และหน้าเบ้แทนเมื่อพี่โดนตำหนิหรอก
บางครั้งที่เธอแอบไปเล่นโคโตะเงียบๆ
แม้ว่าต่อหน้าจะทำเหมือนทิ้งมันไปแล้ว ก็เพราะ...อยากเป็นให้ได้เหมือนพี่
แค่เสี้ยวหนึ่งก็ยังดี...
แบบนี้...จะเกลียดลงได้ยังไง...
“...ก็แค่ไม่อยากเป็นตัวเปรียบเทียบของใครก็เท่านั้นแหละ”
ยูคานะรู้...ตัวเองกำลังงี่เง่า งี่เง่ามากๆด้วย บนโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่ถูกเปรียบเทียบกัน
แต่การต้องทนฟังมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานานๆ สำหรับเธอแล้ว...ไม่สิ
สำหรับเด็กทุกคนแล้วคงไม่ต่างจากเอามีดกรีดหัวใจลงไปบนแผลเดิมซ้ำๆหรอก...
คนที่เป็นที่หนึ่งตลอดมา...ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้หรอก...
ยูคานะคิดแล้วก็ยิ้มเศร้า
พูดออกมาเสียงแผ่วเบาราวกับจะพูดตอกย้ำตัวเองมากกว่าจะให้อีกฝ่ายฟัง
“...ก็พี่น่ะ...ทำทุกอย่างได้ดีกว่าฉันหมดเลยนี่นา น่าอิจฉาจะตาย...”
เด็กหญิงลืมตามองอีกฝ่ายที่ยังคงมีคราบน้ำตาไหลอาบแก้ม
แต่ดวงตาที่มองมายังเธอนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยประกายโกรธเกรี้ยวเหมือนไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
กลับดูสั่นระริกและปวดร้าวราวกับว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ริมฝีปากขยับเป็นเสียงพึมพำแผ่วเบาราวกับไม่ต้องการให้เธอได้ยินว่า
“คนที่น่าอิจฉาน่ะ...ยูกะต่างหาก...”
ยูคานะทำได้เพียงแค่กระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะสวมกอดเธอแน่นๆ
น้ำตาที่ไหลออกมาค่อยๆหยดลงบนไหล่เธอเงียบๆ
“ไม่ได้เกลียดพี่จริงๆใช่ไหม?”
ยูคานะกอดกลับ สั่นหน้าเบาๆ “...ไม่มีทาง”
“ดีแล้วล่ะ...ดีแล้ว...” อีกฝ่ายกระซิบเสียงสั่นพร่า
“มีอะไรก็บอกพี่ตรงๆนะรู้มั้ย อย่าหายไป พี่ไม่ชอบเลย...”
“อือ...”
“จำไว้นะยูกะ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...หรือไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ตาม
พี่รักยูกะเสมอ” ยูคาริกระชับอ้อมกอดแน่นๆ ทีหนึ่งก่อนจะผละออกมา
ดวงหน้างดงามคลี่ยิ้มที่มองแล้วทั้งสวยงามและสะเทือนใจเป็นที่สุด
“อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ...พี่เชื่อว่ายูกะทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ก็น้องพี่นี่นา”
“พี่...”
“แย่จัง...ทำยูกะร้องไห้ด้วยซะแล้ว”
พี่สาวยิ้มพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาซับน้ำตาให้ ก่อนวางมันไว้บนตักของเธอ
แล้วลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้อง
“พี่ดีใจที่ได้คุยกับยูกะนะ...หลังจากนี้พี่คงจะยุ่งๆ
ยูกะเองก็ด้วย...แต่ไว้หาเวลามาคุยกันใหม่นะ ส่วนผ้าเช็ดหน้าอันนั้นพี่ยกให้”
แล้วยูคาริก็ออกจากห้องไป เหลือเพียงเธอที่อยู่ในห้องตามลำพัง
เมื่อคลี่ผ้าเช็ดหน้าแล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อผ้าเช็ดหน้าผืนที่ว่าเป็นลายซากุระหิมะสีขาวสวยงาม...ที่เธอกับพี่ต่างเคยอยากได้ทั้งคู่
แต่สุดท้ายมันก็ตกเป็นของยูคาริ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร...ในเมื่อคนที่ให้คือท่านย่าที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าตระกูล...และยูคาริไม่ว่าจะมองทางไหนก็สมเป็นหลานสาวแห่งตระกูลโคโตฮิระมากกว่าเธอ
ดังนั้นท่านย่าจะเอ็นดูโปรดปรานพี่มากกว่าเธอน่ะมันของตายอยู่แล้ว...
แต่ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้...เธอแทบไม่เคยเห็นพี่เอาออกมาใช้
เท่าที่เห็นคือใช้เพียงไม่กี่ครั้งในงานสำคัญๆเท่านั้น
ท่าทีที่ใช้ก็ดูถนอมมาก...เห็นได้ชัดว่าเป็นของรักของหวง...แต่ทำไมล่ะ...
ของรักขนาดนั้น...ทำไมถึงได้ยกให้เธอ...
ยูคานะนอนคิดเรื่องนี้ไปหลายคืน
จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะคืนมันให้พี่...แม้ใจลึกๆจะเสียดาย
แต่ของนี้ไม่ใช่ของเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว...เธอเข้าใจในน้ำใจของพี่...แค่นั้นก็คงพอ
แต่ถึงจะตัดสินใจว่าจะคืน
พอเอาเข้าจริงตารางเวลาของทั้งสองคนกลับยุ่งเอามากๆ
แถมเวลาว่างยังไม่ตรงกันจนแทบจะไม่เดินสวนกันเสียด้วยซ้ำ แม้จะนัดคุยทางเมล์หรือแชทก็ต้องเจอเหตุให้ต้องไปไม่ได้ตามนัดทุกที
แถมยังเรียนคนละโรงเรียนอีกต่างหาก ของยูคาริเป็นโรงเรียนสตรีล้วนชื่อดังระดับประเทศ
ในขณะที่ยูคานะเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังระดับประเทศที่เป็นสหศึกษา
คาดว่าทางตระกูลคงเห็นอะไรบางอย่างจึงได้ตัดสินใจแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มเข้าชั้นประถมตั้งแต่ก่อนที่เธอจะกบฏมาเรียนไอคิโด้และโชงิด้วยซ้ำ
ซึ่งเธออยากขอบคุณคนที่เป็นต้นคิดเรื่องนี้จริงๆที่ทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเธอไม่ลำบากเพราะการเปรียบเทียบกับพี่อีก
จริงๆมันก็มีแหละ แต่ไม่ได้ถึงขั้นที่สร้างความลำบากใจให้เธอก็เท่านั้นเอง
สรุปสุดท้ายก็คือผ่านไปเป็นเดือนแล้วก็ยังหาโอกาสเอาผ้าเช็ดหน้าไปคืนพี่ไม่ได้เสียที
แล้วพอจะนัดวันเวลาคุยกันได้ก็ดันเกิดเรื่องขึ้นก่อน...
ยูคานะยังจำวันนั้นได้ดีนัก...
เสียงริงโทนมือถือดังของยูคานะดังขึ้นในบ่ายวันหนึ่งหลังเลิกเรียน
ยูคานะหยิบขึ้นมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนที่โทรมาเป็นเบอร์คนสนิทของมารดา
แต่ยังไงเธอก็รับอย่างเสียมิได้ แล้วกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล...”
“ท่านยูคานะ กรุณารีบกลับบ้านด่วนที่สุดเลยค่ะ
ดิฉันส่งรถไปรับแล้ว” น้ำเสียงของอีกฝ่ายร้อนรนอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
ในความทรงจำของเธอ
คนสนิทข้างกายแม่คนนี้เป็นผู้หญิงที่เยือกเย็นที่สุดเท่าที่เธอเคยรู้จักคนหนึ่ง
น้ำเสียงร้อนรนแบบนี้ทำเธอสังหรณ์ใจไม่ดี ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“เข้าใจแล้ว...ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นเหรอคะยานางิซัง?”
“ทะ....ท่านชิซึกะ....ท่าน...”
อีกฝ่ายพูดออกมาแทบจะจับใจความไม่ได้ นั่นทำให้เธอยิ่งใจเสีย
แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็พูดออกมาประโยคหนึ่งที่จับใจความได้ว่า
“...ท่านยูคานะ...มาเห็นเอง...เถอะค่ะ...”
“ตกลงท่านแม่เป็นอะไรกันแน่?”
“ขะ...ขออภัยค่ะ...ดิฉัน...ดิฉันไม่...” อีกฝ่ายพูดได้แค่นั้นก่อนจะสะอื้น
ยูคานะจึงตัดสินใจไม่คาดคั้นอีก และรีบวิ่งไปขึ้นรถเพื่อตรงกลับบ้านทันที
เมื่อมาถึงบ้าน
คนสนิทของมารดาคนนั้นก็รีบพาเธอเข้าไปในห้องทันที
สภาพของมารดาในยามนี้ทำเอายูคานะปวดใจจนน้ำตาไหล...
ท่านแม่ของเธอ ‘โคโตฮิระ ชิซึกะ’ ป่วยมาหลายปีแล้ว...แม้จะทำเป็นเหมือนแข็งแรงดี และดูแลรักษาตัวเองดีเท่าไหร่
แต่โรคกลับไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย มันเปลี่ยนจากมารดาผู้อ่อนหวานงดงามประดุจภาพวาดให้เป็นผู้หญิงผ่ายผอมจนหนังแทบหุ้มกระดูกที่นอนอยู่ตรงหน้า
ผมที่เคยยาวดำสลวยบัดนี้ไม่เหลือแม้สักเส้นจากผลข้างเคียงของการรักษา
มีเพียงแววตาที่เปล่งประกายแสดงให้เห็นว่ายังมีสติชัดแจ้งเท่านั้นที่ยังบอกว่าร่างนี้ยังคงมีลมหายใจ
เมื่อเห็นยูคานะเข้ามาแววตานั้นก็เป็นประกายอ่อนโยนขึ้นทันตา
มือผอมยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะเรียกให้เข้าไปหา เด็กหญิงเข้าไปนั่งข้างฟูกนอน
มือเอื้อมไปกุมมือผอมแห้งของอีกฝ่ายไว้
“ท่านแม่...”
“...ยูคานะ...” เสียงของมารดานั้นเบายิ่ง
“...แม่คง...ไม่...”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะท่านแม่...” ยูคานะเอ่ยเสียงสั่น
แม้ในใจจะรู้ดีว่าแม่กำลังจะจากเธอไปแล้ว แต่มันก็ยาก...ยากเหลือเกินที่จะยอมรับความจริงในข้อนี้
“ยังมีเรื่องที่หนูต้องให้ท่านแม่สอนอยู่อีกตั้งเยอะ...ท่านแม่...อย่าเพิ่งไปเลยนะคะ...”
“...ขอโทษนะ...แม่ขอโทษ...”
เด็กหญิงสั่นหน้า น้ำตาเริ่มไหลออกมาช้าๆ
เธอไม่ได้ต้องการคำขอโทษ...เธอแค่ต้องการให้แม่อยู่กับเธอต่อก็แค่นั้น
แต่ทำไม...ทำไม...ต้องเป็นท่านแม่...ทำไมต้องเป็นตอนนี้...
“ยูคานะ...” ชิซึกะเอ่ยเสียงเบา “แม่เชื่อว่าลูกทำได้...”
“หนูไม่...เก่งเท่าพี่หรอก...”
“น้อยใจสินะ...” แม่พูดต่อ หลับตาลง
“...อือ...แม่เข้าใจ...”
“แม่รู้เหรอคะ?”
“...เพราะแม่ก็มีพี่ที่เก่งกว่าแม่ไปซะทุกเรื่องเหมือนกันนี่นา...ลูกน่ะเหมือนแม่มากเลยรู้มั้ย”
“ต้องทำยังไง...หนูต้องทำยังไงคะ...ถึงจะเลิกรู้สึกแบบนี้สักที...”
เธอรู้ว่ามันดี เธอรู้ว่ามันแย่...
แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันฝังรากลึกลงไปในใจเสียแล้ว...
“...ตอนแรก...แม่ก็อิจฉาพี่...” ชิซึกะพึมพำ
ดวงตาที่ลืมขึ้นมองเพดานล่องลอย ราวกับกำลังมองเห็นตัวเองในเมื่อวันวาน
“...แต่พอโตมาถึงได้รู้...ว่าตัวเองยังมีสิ่งที่มีแต่แม่เท่านั้นที่ทำได้อยู่...”
ดวงตาค่อยๆ เบือนกลับมองยูคานะ
มือที่กุมมือลูกสาวบีบแน่นราวกับจะให้กำลังใจ
“หาตัวเองให้เจอ...ก็พอ...แค่ตัวเองมีความสุขก็พอ...คนที่เก่งไปหมดทุกเรื่อง...ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสุขเสมอไปหรอกนะ...”
“...ท่านแม่...”
“ลูกยังเด็กนัก...ยูคานะ...โลกนี้กว้างใหญ่กว่าตระกูลเรามากมาย
จะต้องมีสิ่งที่ลูกทำได้แน่...” ชิซึกะพูดพลางไอหนักๆ
“สัญญากับแม่ได้มั้ย...ว่าจะเข้มแข็ง และหาตัวเองให้เจอ...”
“...แต่หนู...”
“แม่เข้าใจ...ยังไม่ต้องรับปากตอนนี้หรอก...” เสียงพูดของอีกฝ่ายเบาลงทุกที
“แต่ถ้าหาเจอเมื่อไหร่...อย่าลืมบอกแม่ด้วยนะ...แม่จะ...คอยเฝ้ามองลูกตลอดไปนะ...”
คำพูดนั้นทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกกลางคอเด็กหญิง
ยิ่งน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่แผ่วลงเรื่อยๆ นั้นก็ยิ่งชวนให้ปวดใจ
ยูคานะรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าท่านแม่กำลังจะจากเธอไปแล้ว
ในหัวมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอ่ยออกมาเป็นร้อยพัน
แต่กลับพูดออกไปไม่ได้แม้เพียงสักพยางค์ สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าทั้งน้ำตา
และบีบมือมารดาตอบกลับเท่านั้น
“...ฝากยูคาริด้วยนะ...พี่ของลูกน่ะ...ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่ลูกเห็นหรอกนะ...”
“เอ๊ะ?”
“จำไว้ว่าแม่รักลูกเสมอนะจ๊ะ...ยูคานะของแม่”
ดวงตางดงามของร่างตรงหน้าหลับลงหลังจบประโยค
พร้อมกับที่มือที่กุมกันไว้นั้นสูญสิ้นเรี่ยวแรง
ความอบอุ่นที่ฝ่ามือค่อยๆเลือนหายแทนที่ด้วยความเย็นตั้งแต่ปลายนิ้วช้าๆ
“ท่านแม่คะ...ท่านแม่!!!”
ยูคานะร้องเรียกอย่างปวดร้าว
ซบหน้าลงบนอกของท่านแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
จำไม่ได้แล้วว่าเธอร้องอยู่นานแค่ไหน จำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไหร่กว่าเธอจะสงบ
จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองทำอะไรไปบ้างในวันนั้น
กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ตัวเองยืนมองร่างของท่านแม่ที่ถูกฝังลงไปในผืนดิน
ตอกย้ำความจริงที่ว่าท่านได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับแล้ว
“ยูกะ...ไหวมั้ย?”
ยูคาริเดินมาถามไถ่ทั้งที่สภาพตัวเองก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่
ดวงตาแดงช้ำบ่งบอกว่าร้องไห้มาอย่างหนัก เสียงสั่นติดสะอื้น
แต่ถึงอย่างนั้น...พี่ก็ยังห่วงเธอ
“อืม...”
“ท่านแม่พูดอะไรกับยูกะบ้าง?”
“ก็...” ยูคานะนิ่งไป ในใจนึกถึงประโยคที่ฝากฝังพี่
แต่สุดท้ายกลับไม่ได้พูดออกไป “...ท่านแม่บอกว่าต้องเข้มแข็ง
แล้วก็จะคอยมองดูพวกเราตลอดไป”
“อืม...”
“...แล้วท่านแม่คุยอะไรกับพี่บ้างล่ะ?”
สีหน้าของยูคาริหม่นลงเล็กน้อย ก่อนจะสั่นหน้า
“พี่...กลับมาไม่ทัน...”
“ยานางิซังไม่ได้โทรหาพี่หรอกเหรอ?”
“...โทรสิ แต่ตอนขากลับระหว่างทางมีอุบัติเหตุ
รถติดมาก...พี่ก็เลย...” ยูคาริพูดได้แค่นั้นก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้าซับที่ดวงตา
“ดีแล้วล่ะที่ยูกะมาทัน...”
สองพี่น้องพูดอะไรสัพเพเหระกันเล็กน้อย
ก่อนที่ยูคานะจะนึกขึ้นได้ว่าจะคืนผ้าเช็ดหน้า
“จริงสิ...ผ้าเช็ดหน้าที่พี่ให้มา”
“ทำไมเหรอยูกะ?”
“ฉันจะ...”
“ยูคาริ ยูคานะ” เสียงเรียกทรงอำนาจขัดประโยคที่ยูคานะจะพูดต่อไป
เมื่อหันไปทั้งสองก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อคนที่ส่งเสียงคือหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบัน...ท่านปู่และท่านย่าของพวกเธอ...ยูคานะค้อมหัวทำความเคารพ
ในขณะที่ยูคาริยืนนิ่งๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ท่านปู่ ท่านย่า”
“ยูคานะ” ท่านย่ามองมาทางเธอ ผ่อนลมหายใจ
“เห็นว่ามีรายละเอียดเกี่ยวกับของที่ชิซึกะทิ้งไว้ หลานช่วยไปดูให้หน่อยได้มั้ย
ปู่กับย่าแก่แล้วสายตาไม่ค่อยดีน่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
ประโยคแบบนี้คือการบอกไล่ทางอ้อม
ดูท่าว่าทั้งสองคงจะมีเรื่องคุยกับพี่ตามลำพัง
คิดได้ดังนั้นก็หลบออกไปอย่างเงียบเชียบเพื่อไปจัดการอะไรๆให้เรียบร้อย
“เอ่อ...คือว่า...เอกสารนี้จำเป็นต้องมีตราประทับของท่านชิซึกะด้วย...”
ทนายพูดอย่างลำบากใจ
ส่วนยานางิที่เป็นคนสนิทก็ได้แต่ก้มหน้าจนใจ
เอกสารที่ว่าเป็นเอกสารเรื่องแบ่งมรดก...ที่แบ่งให้เธอและพี่เท่าๆกัน
เพียงแต่ตราประทับที่ควรจะมีกลับไม่มีเสียอย่างนั้นทำให้พินัยกรรมไม่สมบูรณ์
“งั้นฉันจะไปปรึกษาท่านปู่กับท่านย่าให้
แล้วจะให้คำตอบวันหลังนะคะ”
สีหน้าของทนายดีขึ้นทันตาเห็น
เขาค้อมคำนับเธอด้วยท่าทีซาบซึ้งใจเป็นที่สุด
“ขอบพระคุณมากครับ คุณหนูยูคานะ”
“อะ...เอ่อ...ฉันไม่ได้ทำอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
เงยหน้าขึ้นเถอะค่ะ”
ยูคานะเอ่ยอย่างลำบากใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสักที
แต่เธอก็เข้าใจล่ะนะ ท่านปู่กับท่านย่าน่ะมีอิทธิพลมาก ขนาดเธอที่เป็นหลานแท้ๆ
ยังไม่ค่อยอยากจะเข้าไปยุ่งด้วยเลย เพราะแค่ถูกจ้องยังรู้สึกดดัน
ให้พูดคุยกันนานๆอาจจะทำให้เป็นบ้าก็ได้ ทนายคนนี้เป็นทนายประจำตระกูลตั้งแต่ก่อนคุณพ่อของเธอจะเสียไปตอนเธอยังเล็กมากแล้ว
แน่นอนว่ารู้เรื่องภายในบ้านของเธอดี
และยิ่งมีคนเสียชีวิตแบบนี้งานเขาล้นมือจนแทบจะจมกองเอกสารตายด้วยซ้ำ
ดังนั้นถ้าพอจะช่วยอะไรได้ เธอก็จะทำ
“ขออภัยจริงๆที่ต้องรบกวนคุณหนูนะครับ”
“มันเป็นเรื่องที่ฉันพอจะทำได้ก็เท่านั้นแหละค่ะ...” ยูคานะลุกขึ้น
หยิบซองเอกสารเจ้าปัญหามาถือไว้ในมือแล้วเดินไปที่ประตู “ยังไงก็ขอตัวก่อนนะคะ”
หลังจากปลีกตัวออกมา เธอก็ตั้งใจว่าจะไปเอาผ้าเช็ดหน้าไปคืนพร้อมกับคุยเรื่องเอกสารเหล่านี้ไปทีเดียวเลย
แต่พอเดินผ่านห้องรับรองแล้ว เสียงที่เธอได้ยินก็ทำเอาฝีเท้าของยูคานะหยุดชะงัก
“แม่ของเธอไม่อยู่แล้ว...แล้วเธอจะทำยังไงล่ะยูคาริ?”
“...ทางสายตระกูลรองทุกสายเองก็วางตัวว่าที่ผู้สืบทอดเอาไว้แล้ว
ถ้าไม่มีตัวแทนของสายตระกูลหลัก ผู้สืบทอดคงต้องเอาจากตระกูลรองแล้วนะ
รู้ใช่มั้ยว่ามีแต่สายของผู้สืบทอดเท่านั้นที่ยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้น่ะ”
สองเสียงที่เป็นของปู่และย่ามีแววกดดันอย่างเห็นได้ชัด
และหากไม่สืบทอดก็จะโดนไล่ออกไปจากบ้านใหญ่หลังนี้
เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าพี่จะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่เพียงชั่วอึดใจ
เสียงใสที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“...หนูจะทำเองค่ะ”
“ไม่คุยกับยูคานะก่อนเหรอ? ย่าไม่อยากให้มีปัญหาทีหลังนะ”
“อีกอย่าง
รู้ใช่มั้ยว่าการเป็นผู้สืบทอด...ยิ่งเป็นผู้สืบทอดหญิงด้วยแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ยูคาริ”
“ทราบดีค่ะ” คำตอบของพี่เรียบง่าย แต่ทำเอายูคานะตัวเกร็ง
รู้สึกเย็นวาบไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ราวกับว่าเลือดทุกหยดในตัวกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อได้ยินคำพูดถัดมา
“หนู...จะขอรับทุกอย่างทั้งหมดเอาไว้เองค่ะ...กฎทุกอย่างหนูจะทำมันเอง
ขอแค่อย่างเดียว...อย่าไปบังคับอะไรยูคานะ ให้น้องเป็นอิสระ...ก็พอแล้วค่ะ...”
พี่...คิดจะ...
กฎการเป็นผู้สืบทอดของตระกูลนั้นมีมากมาย แม้จะมีอำนาจ
แต่ก็จะถูกริดรอนสิทธิไปหลายอย่าง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องทำตามแบบแผนของตระกูล
ตั้งแต่การเรียน การทำงาน
แม้กระทั่งแต่งงานก็ยังต้องแต่งให้กับคนที่ตระกูลเลือกให้...เรียกได้เลยว่าการรับตำแหน่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการอยู่ในกรงทองที่เรียกว่ากฎของตระกูลดีๆนี่เอง
พี่สาวของเธอคิดจะทิ้งทุกอย่าง ทั้งอิสรภาพ และความรัก...ทิ้งทั้งชีวิต...เพื่อเธองั้นเหรอ?
ยูคานะเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น
น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะมีให้ไหลอีกแล้วกลับไหลออกมาอย่างไม่อาจห้าม
ก่อนจะพยายามพยุงตัวเองเดินไปยังห้อง ทิ้งตัวลงบนฟูกนอนอย่างหมดแรง
ไม่เข้าใจ...ทำไมพี่ถึงได้ตัดสินใจทำอย่างนั้น และไม่เข้าใจตัวเอง
ทั้งๆที่ตอนนั้นเธอควรจะเข้าไปห้าม
แต่น้ำเสียงของพี่ในยามนั้นที่บ่งบอกว่าเตรียมใจมาแล้วมันทำให้เธอก้าวขาไม่ออก
ขี้ขลาด...เธอมันขี้ขลาดเหลือเกิน...
เธอรำพึงเช่นนั้นกับตัวเองซ้ำๆจนกระทั่งหลับไป...
ไม่กี่วันถัดมา มีการประชุมใหญ่ของตระกูลเกิดขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องที่ยูคาริจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลสายหลักก็ต้องถูกยกขึ้นมาในที่ประชุมอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าจะมีหลายคนเหมือนไม่ชอบใจ แต่ด้วยความสามารถอันโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ของยูคาริแล้วก็ไม่มีใครอ้าปากจะเอ่ยคัดค้าน
แต่เมื่อเธอลอบสังเกตสีหน้าของผู้มีสิทธิเป็นผู้สืบทอดแล้วก็ต้องขนลุก
ทุกคนล้วนแล้วแต่มองพี่สาวของเธอด้วยสายตาอาฆาตมาดร้ายทั้งสิ้น...
ยูคานะเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ที่ยังประดับยิ้มอ่อนโยน
ราวกับไม่รู้สึกรู้สาต่อสายตาทิ่มแทงของคนเหล่านั้น
อยากรู้เหลือเกินว่าพี่ทำได้อย่างไรนะ อยากรู้เหลือเกินว่าพี่ทนไปได้ยังไง...
หลังจากการประชุมจบลง เธอก็ขอตัวออกมาพัก
แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่ห้องประชุมใหญ่จึงย้อนกลับไปเอา
แต่เมื่อจะเปิดประตูห้อง เสียงของตกแตกในนั้นก็ทำเอาเธอชะงัก
“บ้าจริง! เอาผู้หญิงเป็นผู้สืบทอดแบบนั้นคิดว่าจะไปรอดรึไง!”
“แล้วทำไมไม่ค้านล่ะหา?”
“แกก็เห็นอยู่ว่าตาแก่นั่นถือหางข้างนังเด็กนั่นจะตาย! ขืนค้านไปก็จบเห่น่ะสิ
สู้หาทางทำลายแล้วรอจังหวะเหมาะๆเสียบตำแหน่งดีกว่า”
...ทำลาย...พี่?
เธอเผลอก้าวถอยหลัง รู้ตัวอีกทีก็สับเท้าเดินไปตามระเบียงแล้ว
อะไร...ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด...
เธอรู้ว่าตำแหน่งผู้สืบทอดมีอำนาจมากมาย
แต่มันจำเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
เสียงสะอื้นเบาๆ ทำเอาเธอชะงักฝีเท้า
แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อที่มาของเสียง
ห้องของพี่...
เธอแอบแง้มประตูดู เห็นใบหน้าของพี่ฝังลงไปในหมอน
มีคราบน้ำตาเปียกเลอะเทอะ แผ่นหลังสั่นน้อยๆ
ดูท่าทางทรมานผิดกับท่าทีสบายๆเมื่อครู่ลิบลับ
“ขอโทษ....”
เสียงสั่นๆ ของพี่พึมพำอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา วินาทีนั้นคำสั่งเสียของมารดาดังก้องขึ้นมาในหัว
‘ฝากยูคาริด้วยนะ พี่สาวของลูกน่ะไม่ได้เข้มแข็งเหมือนอย่างที่ลูกเห็นหรอกนะ...’
อย่างนี้นี่เอง...
พี่อดทน...อดทนมาตลอดสินะ...
ยูคานะหลับตา ก่อนจะค่อยๆเดินกลับไปยังห้องของตน
เธอตัดสินใจแล้ว...
ในเมื่อพี่ทำทุกสิ่งเพื่อให้เธอเป็นอิสระ...สิ่งเดียวที่เธอจะทำให้พี่ในฐานะน้องสาวได้คือยืนเคียงข้าง
คอยสนับสนุนในทางที่พี่เลือกเดินอย่างสุดกำลัง และจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขวางทั้งนั้น
นี่แหละคือสิ่งที่เธอทำได้...
แม่คะ...หนูหาเจอแล้วนะ...สิ่งที่หนูทำได้
ช่วยคอยดูหนูและพี่อยู่บนฟ้าด้วยนะคะ...
นับตั้งแต่ตัดสินใจได้ในวันนั้น
ยูคานะก็ทุ่มเทเรียนทุกอย่างที่เลือกอย่างสุดกำลังความสามารถ
รวมถึงกลับมาเรียนโคโตะและจัดดอกไม้ (อิเคบานะ)ด้วย
ที่เลือกกลับมาเรียนก็เพื่อที่ว่าตัวเธอจะได้ไม่เป็นจุดอ่อนให้พี่สาวของเธอโดนติติง
แต่เรื่องชงชา ร่ายรำนี่เธอขอลาขาดเนื่องจากเอาเวลาไปเรียนไอคิโด้กับโชงิแทน
แต่ถึงจะกลับมาเรียนแล้ว เธอก็ไม่ชอบแสดงความสามารถของเธอให้คนอื่นรู้อยู่ดี
ยูคานะทำตัวเสมือนเงาที่ถ่ายทอดความโดดเด่นเปล่งประกายทั้งหมดให้กับพี่สาวของเธอจนหมดสิ้น
เบื้องหลังที่พี่สาวไม่อาจมีเวลาหรือไม่รู้เรื่อง เธอก็เป็นคนไปดำเนินการแทน
ทุกอย่างเพียงเพื่อให้พี่สาวเหมาะสมกับตำแหน่งผู้สืบทอดอย่างสมภาคภูมิที่สุด
แม้จะมีญาติหลายคนพยายามขัดขวาง
แต่ทุกครั้งเธอก็หาทางแก้เกมได้เสมอ จนบางทีเธอกลายเป็นเป้าเพ่งเล็งไปแทน
แต่เธอรู้...เธอจะไม่เป็นไร...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้คิดแบบนั้น
แต่มันก็ไม่เคยเป็นอะไรจริงๆ
เมื่ออายุสิบสี่...ยูคานะเพิ่งรู้ว่าพี่สาวเธอมีพลังพิเศษ
‘Clear’ ที่สามารถที่ทำให้วัตถุหรือคนที่สัมผัส
รวมไปถึงตนเองล่องหนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ถามว่าทำไมถึงรู้น่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าเธอเห็นร่างของพี่สาวโผล่แวบมาตรงหน้าประตูบ้านตอนที่เธออยู่ตรงสวนข้างบ้านน่ะสิ
เมื่อลองถามดูยูคาริก็ทำท่าตกใจเล็กน้อยก่อนจะยอมรับแต่โดยดี
“พี่ไม่อยากบอกเพราะกลัวยูกะจะน้อยใจพี่อีกน่ะสิ...”
“พี่ควรจะกลัวฉันช็อกตายก่อนมากกว่า
รู้มั้ยว่าฉันตกใจแค่ไหนตอนเห็นพี่แวบมาโผล่หน้าบ้านน่ะหา...”
“น่าน่า...พี่ขอโทษ...” ยูคาริเอ่ยยิ้มๆ
“เก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ พี่ไม่...”
“ถึงไม่บอกฉันก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ” ยูคานะพูด
“พวกสายรองยิ่งจ้องเล่นงานพี่อยู่ มีพลังแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ดูแลตัวเองได้”
“...บางทีพี่ก็ชักจะสงสัยแล้วนะว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่...จู้จี้มากขึ้นนะเรา”
“นั่นสิ แม่จำพวกเราสลับคนตอนเกิดรึเปล่านะ”
พูดจบสองพี่น้องก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่แสนจะสุขใจ
แค่พี่เธอยังยิ้มได้ต่อไปแบบนี้...แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว...
เธอหวังแค่นั้นจริงๆ...แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะจงเกลียดจงชังเธอเหลือเกิน...
“หา? พี่ต้องไปดูตัวงั้นเหรอ?”
ยูคานะร้องเสียงหลง
หลังจากพี่สาวเรียกเธอมาปรึกษาด้วยสีหน้าเหมือนโลกจะแตก
ซึ่งเธอยอมรับว่า...ไม่แปลก เพราะตลอดชีวิตพี่เรียนอยู่หญิงล้วน
พูดกับผู้ชายวัยเดียวกันนี่นับคนได้
แถมเวลาออกไปไหนมาไหนหากไม่ใช่วันธรรมดาที่ต้องไปกลับโรงเรียนมักจะมีเธออยู่รับหน้าให้แทนอีก
กลายเป็นว่าแม้จะเก่งกาจเรื่องอื่นมากมาย
แต่เรื่องผู้ชาย...ทักษะดันเป็นศูนย์ชวนให้กังวลใจเป็นที่สุด
แถมพวกเธอตอนนี้ก็เพิ่งจะอายุสิบหก...โอย จะบ้าตาย! ก็รู้แหละว่าพี่สาวต้องแต่งกับคนที่ทางตระกูลเลือกให้
แต่นี่ยังไม่จบม.ปลายก็จะจับไปดูตัวมันเกินไปหน่อยมั้ย...
คนอย่างพี่น่ะถ้าเอาจริงไม่มีวันขึ้นคานหรอก!
“แล้วอีกฝ่ายเป็นใคร?”
ยูคาริกัดริมฝีปากเล็กน้อย เอ่ยออกมาเสียงเบา...
“ทายาทของตระกูลอาคาชิ”
ยูคานะเลิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“...อย่าบอกนะว่าเป็น...อาคาชิ เซย์จูโร่คนนั้น?”
พี่สาวของเธอพยักหน้าเงียบๆ แต่ทำเอาเธอปวดหัวหนึบ
ท่านปู่ท่านย่าคิดอะไรอยู่เนี่ย
ถึงได้ส่งหลานสาวที่ไม่ประสีประสาเรื่องผู้ชายอย่างพี่ไปเจอกับยอดมนุษย์ที่ไม่น่าจะเป็นมนุษย์แล้วอย่างเขา...
อย่าถามว่าทำไมเธอรู้เยอะนัก...เพราะอาคาชิเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกับเธอ
และตู้เก็บถ้วยรางวัลของโรงเรียนก็มีชื่อของเขาล่อไปเกินครึ่งตู้
อาจารย์ทุกคนไม่มีใครไม่พูดถึงเขา
เป็นนักเรียนในตำนานที่ทุกคนเคารพบูชาจนแทบจะเป็นชื่อศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนไปแล้ว
“ก็มีแต่ต้องสู้ล่ะนะ...” ยูคานะถอนหายใจ
คำสั่งของผู้นำตระกูล พวกเธอมีสิทธิขัดที่ไหนกัน
“แต่พี่กลัวจัง...ถ้าออกมาไม่ดี...งานนี้...”
ยูคานะเข้าใจดี การดูตัวของสองตระกูลใหญ่
หากสำเร็จก็จะได้ผลประโยชน์มหาศาล ตำแหน่งของพี่จะไม่มีวันสั่นคลอน
แต่ถ้าหากล้มเหลว...รับรองพวกตระกูลรองเอาเรื่องนี้มาเล่นงานพี่ไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ
“พี่ทำได้อยู่แล้ว พี่ซะอย่าง”
“ฮื่อ...ยูกะคิดว่าพี่ทำได้จริงๆใช่มั้ย?”
“แน่นอน” ยูคานะส่งยิ้มมั่นใจ
“ธรรมเนียมมารยาทอะไรนั่นเดี๋ยวท่านปู่ท่านย่าก็คงบอกพี่เอง
ส่วนเรื่องอื่นที่พี่ควรรู้ ฉันจะสอนให้เอง”
ขอบคุณสวรรค์ที่เธออยู่โรงเรียนสห. เรื่องผู้ชายน่ะ
เธอมั่นใจว่ารู้ดีว่าพี่แน่นอน
ยูคาริโผเข้ากอดเธอทันที
“ดีจัง...ดีจังที่พี่มียูกะอยู่ด้วย”
“นี่...เอาน่าๆ อย่าไปหลุดแบบนี้ต่อหน้าใครเชียวนะ
เสียฟอร์มหมด”
“ค่า...ค่า...ว่ามาเลยค่ะอาจารย์...”
เวลาผ่านไปไวดั่งโกหก เพียงพริบตาก็ถึงวันดูตัวเสียแล้ว
กลับกลายเป็นว่ายูคานะเป็นคนที่ตื่นเต้นกังวลยิ่งกว่าพี่ที่ต้องเป็นคนไปดูตัวเสียอีก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่ความรู้สึกมวนๆในท้องนี่มันเธอใจไม่ดีเอาเสียเลย...เหมือนว่า...
ไม่ๆ ไม่คิด...ต้องไม่คิด...
หวังว่าคงเป็นไปได้ด้วยดีนะ...พี่...
การดูตัวถูกจัดขึ้นที่ภัตตาคารใหญ่แห่งหนึ่ง
ยูคานะทำได้เพียงแค่ส่งยูคาริที่หน้าทางเข้าอาคารเท่านั้น การดูตัวของพี่สาวทั้งที
จะให้น้องสาวฝาแฝดไปอยู่ใกล้ๆดูยังไงก็แปลก
ดังนั้นยูคานะจึงโดนกันออกนอกวงไปโดยปริยาย มีการ์ดคอยคุ้มความประพฤติเธอแจ
ที่จริงแล้วยูคาริตั้งใจจะใช้พลังทำให้เธอหายตัวได้เพื่อจะได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ
แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่เธอก็ไม่ล่องหนซักทีจนสุดท้ายก็ต้องล้มพับเรื่องนี้ไป
สุดท้ายเธอเลยตัดสินใจไปเดินเล่นในสวนเพื่อฆ่าเวลา
และเหมือนเป็นโชคชะตาที่ทำให้เธอเห็น...อาคาชิ เซย์จูโร่คนนั้นกับพ่อของเขานั่งรออยู่ในห้องหนึ่งไม่ไกลพอดี
ดูเหมือนว่าผนังด้านหนึ่งจะเป็นกระจกที่ยังไม่ได้ยกม่านไม้ไผ่ลงมาปิด
ทำให้เธอสามารถเห็นสภาพภายในห้องได้
...ถ้าเขาอยู่นี่...งั้นนี่ก็ห้องดูตัวน่ะสิ...
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นแล้วนั่งพัก
ในมุมที่อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น
แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อผ่านไปหลายนาทีแล้วพี่สาวของเธอก็ยังไม่มาสักที
ทั้งที่เข้าไปได้ตั้งสิบกว่านาทีแล้ว
ในขณะที่ตัดสินใจจะหาทางเข้าไปดูลาดเลานั้นเอง บานประตูเลื่อนก็เปิดออก
ร่างงามระหงก้าวเข้ามาพร้อมกับท่านปู่ แต่มันกลับทำให้รู้สึกแปลกยิ่งกว่าเก่า...
พี่ก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีสง่างามนุ่มนวล
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเบิกตาโตเท่าไข่ห่านคือ
การที่พี่แทบจะไปนั่งเกยบนตักอาคาชิคนนั้นอยู่แล้ว!
เป็นไปไม่ได้! พี่น่ะไม่ชินกับผู้ชายแถมยังหวงเนื้อหวงตัวจะตาย!
สังหรณ์ร้ายคืบคลานเข้ามาทันที
พลันความคิดหนึ่งวาบเข้ามาในหัว...
ถ้าพี่เธอมีพลังพิเศษได้...คนอื่น...ก็อาจจะมีได้!
นรกแล้ว!
ยูคานะกำหมัดแน่น เหลือบมองการ์ดที่มองเธอแจ
นี่เป็นงานของพี่ เธอพังมันตรงๆไมได้ แต่ถ้าคนที่อยู่กับอาคาชิไม่ใช่พี่
จุดประสงค์ต้องไม่ดีแน่นอน วินาทีที่เห็นรอยยิ้มแสยะของร่างงามระหง
เธอก็รู้เลยว่ามันต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ และเธอต้องแก้มันเดี๋ยวนี้!
“เอ่อ...คือ...ฉันรู้สึกเวียนหัวน่ะ
พาเข้าไปพักในนั้นหน่อยได้มั้ย?”
เป็นการตอแหลที่ยูคานะอยากจะสำลักน้ำลายตัวเองตายที่สุดในชีวิต
แต่เพื่อลดความยุ่งยาก ใช้วิธีนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว สุดท้ายหลังจากการเล่นละครเหมือนจะเป็นลมคาสวน
การ์ดก็จำใจส่งเธอไปนอนพักในร้านอาหาร พอทางร้านรู้ว่าเธอเป็นคุณหนูอีกคนของโคโตฮิระก็ต้อนรับขับสู้อย่างดี
และปล่อยให้เธออยู่สงบๆ อย่างที่ต้องการ
เมื่อสบโอกาส ยูคานะก็พลิกบทบาทจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
ขอยืมชุดพนักงานและจ่ายเงินปิดปากอ้างว่าอยากจะไปดูพี่สาว
อีกทั้งขอให้ช่วยแสดงเป็นตัวเองนอนพักอยู่ตรงนี้แทนด้วย
ซึ่งสุดท้ายก็ได้ชุดมาบวกกับการแต่งหน้ากลบเกลื่อน และก็เริ่มปฏิบัติการทันที...
ยูคานะลัดเลาะไปตามระเบียงด้วยฝีเท้าเร็วแต่เงียบกริบ
กิริยามารยาทสง่างามอ่อนน้อมที่ฝึกมาทำให้ไม่ดูเด่นเกินไป
มีแวะช่วยงานด้วยเพื่อไม่ให้ถูกสงสัยและตามหาพี่ไปในเวลาเดียวกัน
จนในที่สุดก็มีถึงห้องเจ้าปัญหา...
“นี่เด็กใหม่เหรอ...”
พนักงานเก่าแก่หน้าห้องนั้นทำสีหน้ายุ่งยากเมื่อเห็นเธอ แต่สุดท้ายก็ผ่อนลมหายใจ
“เอาเถอะคนขาดพอดี มาเสิร์ฟชาหน่อย อย่าให้พลาดนะ นี่ลูกค้าคนสำคัญ”
ยูคานะรับคำเสียงไม่เบาไม่ดัง ก่อนจะค่อยๆเปิดบานเลื่อน
แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพบาดตาที่พี่แนบชิดกับคู่ดูตัว
ก่อนจะแกล้งเอามือไปปัดโดนมือของพี่...
“ขอ...” ยูคานะตั้งใจจะเอ่ยขอโทษตามบท
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำเธอแทบกลั้นหายใจ
ร่างของพี่กลายเป็นหญิงสาวอีกคนที่จำได้ว่าเป็นหนึ่งในสายรองของโคโตฮิระทันที
ลางสังหรณ์ของเธอไม่ผิดดังคาด “ขอ...ขออภัยด้วยค่ะ”
เธอเหลือบมองสีหน้าท่านปู่ที่ทำหน้าตกใจอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตวาดกร้าว “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!!!”
ลางสังหรณ์เธอไม่ผิด...ญาติเธอก็มีพลังพิเศษ...
และพลังของคนนี้คือการปลอมตัว!!!
เธอรีบฉวยโอกาสนั้นขอตัวออกจากห้องที่มีแต่เสียงดุด่าไล่ออกมา
วิ่งตามหาพี่อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
จนไปพบว่าพี่ถูกขังอยู่ในห้องน้ำหญิงและช่วยออกมาจนได้
“พี่...พี่เป็นอะไรมั้ย?”
ยูคาริสั่นหน้า แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พี่ผิดเอง...ทำไม...ทำไมนะ...”
ยูคานะกอดพี่ไว้ “ไม่เป็นไรพี่
ฉันยังอยู่ตรงนี้...อยู่กับพี่นะ...”
สองพี่น้องกอดกันเงียบๆ ปลอบประโลมโดยไร้คำพูด
ก่อนที่จะมีการ์ดเข้ามาหาและบอกเรียบๆกับพวกเธอว่า
“คุณท่านสั่งว่าให้ท่านยูคาริกลับบ้านครับ”
“เอ๊ะ?” ยุคาริอุทาน “แต่ว่าการดูตัว...”
“นี่เป็นคำสั่งครับ ท่านยูคานะก็ด้วย”
เด็กสาวหน้าเจื่อนทันที ความแตกแล้ว
งานนี้ไม่จบลงง่ายๆแน่นอน...
เมื่อกลับไปทั้งสองก็โดนท่านปู่ท่านย่าเรียกเขาพบทั้งที
ทั้งสองมีสีหน้าสงบนิ่ง
“สรุปแล้วคือ...ซึกิโกะใช้พลังปลอมตัวเป็นยูคาริเพื่อจะล่มการดูตัวงั้นสินะ”
ท่านปู่เอ่ยทวนช้าๆ ส่ายหัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “...การดูตัวครั้งนี้ก็เลยล่ม
ให้ตายเถอะ”
“ท่านพี่ไม่ผิดนะคะท่านปู่...” ยูคานะเอ่ยเสียงอ่อน
“เงียบไปก่อนยูคานะ” ท่านย่าเอ่ยเรียบๆ
“นี่เป็นเรื่องของยูคาริ”
“ปู่ลงโทษพวกที่มีส่วนร่วมในการล่มการดูตัวครั้งนี้ไปหมดแล้ว
พวกนั้นจะไม่มีสิทธิสืบทอดโคโตฮิระอีกชั่วชีวิต”
ปู่เอ่ยขึ้นมาในที่สุดหลังจากเงียบไปสักพัก
“แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีคนรู้เห็นตั้งมากมาย...ยูคาริในตอนนี้...คงเป็นผู้สืบทอดไม่ได้แล้ว”
“ทะ...ทำไมล่ะคะ!?”
“ผู้อาวุโสคนอื่นในตระกูลไม่ยอมน่ะสิ
ยังไงเรื่องที่เกิดต่อให้ยูคาริไม่ผิดก็ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเสื่อมเสีย
คนแบบนี้น่ะเป็นผู้สืบทอดไม่ได้หรอก...”
“ตะ...แต่ว่า...” ยูคาริหน้าซีดขาว
เสียงสั่นราวกับโดนดูดวิญญาณ “ตะ...แต่ว่า...”
“แปลว่าต้องเอาคนอื่นที่มีสิทธิมาแทนเหรอคะ?
ทั้งๆที่ท่านพี่ไม่ผิด...”
“ยูคานะ” ท่านย่าเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ไม่ใช่ว่าย่าไม่เข้าใจนะ
แต่หลานต้องเข้าใจว่า...สำหรับตระกูลแล้ว เราต้องยอมสละ...”
“หมายความว่าท่านพี่ไม่ได้เสียสละตัวเองมามากพอเหรอคะท่านย่า!”
น้ำเสียงของยูคานะดังขึ้นอย่างคับแค้นและน้อยใจ
“พี่น่ะ...ท่านพี่น่ะ...”
สัมผัสแผ่วเบาที่ไหล่หยุดคำพูดต่อไปของยูคานะจนหมดสิ้น
เมื่อหันไปก็เห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของพี่สาว “พอเถอะ...พี่...พี่ไม่เป็นไร...พี่น่ะ...”
ยูคาริพูดได้แค่นั้นก็ลุกขึ้นแล้วคำนับ
เดินออกไปอย่างเชื่องช้า ตอนแรกเธอว่าจะไปประคอง แต่เจ้าตัวสั่นหน้า
“พี่...อยากอยู่คนเดียวสักพัก”
เมื่อยูคาริจากไป ยูคานะก็ตั้งท่าจะลุกบ้าง
แต่เสียงของท่านปู่ก็หยุดเธอไว้
“แล้วนี่เราจะทำยังไงต่อล่ะ?”
“...”
“การประชุมใหญ่จะมีขึ้นในอาทิตย์หน้า รู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดก็อยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้”
“ค่ะ”
“คิดให้ดีนะยูคานะ...จะเลือกทางไหน
สุดท้ายแล้วคนที่กำหนดคือหลานเอง”
ยูคานะค้อมตัวแล้วจากมา แอบมองพี่ผ่านทางประตู
เห็นพี่ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจจนชวนให้หัวใจสลาย อยากเข้าไปกอดปลอบ
แต่ตอนนี้...พี่เธอคงต้องใช้เวลา...
ยิ่งสองสามวันนี้มีญาติมีเยี่ยมเยียนถามไถ่
แต่นัยน์ตากลับซ่อนความดีใจไว้ไม่มิดทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอม...
พวกญาติยังมีบ้านข้างนอกให้อยู่
ส่วนพวกเธอที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่
อีกทั้งเป็นสายตระกูลหลักที่อยู่บ้านนี้มานานจะไปซุกหัวอยู่ที่ไหนได้..ทางเดียวคือต้องอยู่บ้านหลังนี้ต่อให้ได้เท่านั้น...
คงเหลือทางนี้เพียงทางเดียวแล้ว...
แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะยังไม่ใจร้ายกับเธอเท่าไหร่นัก
เมื่อเพื่อนรักเธอที่เป็นแฟนคลับรุ่นพี่อาคาชิมาเล่าเรื่องราวหนึ่งที่น่าสนใจให้ฟัง...
“ได้ยินว่าตอนนี้เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเอเซนเธอเรีย
เป็นโรงเรียนที่มีแต่ผู้มีพลังพิเศษเลยนะ สมกับเป็นท่านอาคาชิจริงๆ”
“เฮ้ออออ โลกลำเอียงดีเนอะ คนที่มีทุกอย่างแถมเก่งขนาดนั้น
ยังจะมีพลังพิเศษอีก”
“ใช่มะ...แถมยังเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎทั้งเจ็ดที่คุมโรงเรียนอีก”
บางที...ที่การดูตัวล่มไปอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้...
เธอคิดภาพพี่ไปอยู่กับคนแบบนั้นไม่ออกจริงๆ...
“ใหญ่ขนาดนั้นเชียว”
“ก็คุมนักเรียนทั้งโรงเรียนได้อ่ะ ใหญ่ไม่ใหญ่ก็คิดดูเอาละกัน”
ยูคานะเลิกคิ้ว รู้หรอกว่าเขาเก่ง
แต่คนที่มีพลังพิเศษเป็นร้อยขนาดนั้น คุมให้อยู่หมัดเลยด้วยพลังตัวเองเพียวๆก็น่ากลัวไปหน่อยมั้ย
คนอะไรกันเนี่ย
“เก่งเกินไปแล้ว...ตกลงเขามีพลังอะไรกันแน่เนี่ย”
“ไม่รู้สิ ไม่มีใครบอกได้เลยสักคน”
“อ้าว...”
“แต่ได้ยินมาว่า...ในฐานะผู้คุมกฎ
เขาเลยได้ครอบครองรูบี้ออฟคิง หรือทับทิมแห่งราชันไว้ด้วย...”
“ทับทิม...แห่งราชัน?”
“ใช่ๆ เห็นว่าสามารถสั่งให้คนสามารถทำตามที่ตัวเองต้องการได้แหละ
เหมือนมีวาจาสิทธิ์เลยล่ะ”
นี่แหละ!
ของเพียงมีสิ่งนี้...เพียงสิ่งนี้....
ยูคานะหลับตา...
เธอสาบานกับตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ...ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนและเดินเคียงข้างพี่
เพื่อการนั้นแล้ว...จะต้องเอาทับทิมแห่งราชันเม็ดนั้นมาให้ได้!
ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับราชาหรืออะไรก็ตาม...
แต่เพื่อพี่สาวเพียงคนเดียวของเธอแล้ว อะไรก็หยุดเธอไม่ได้ทั้งนั้น!
เมื่อยูคานะกลับบ้าน เธอก็บุกเข้าที่ประชุมแล้วประกาศก้อง
“ฉันจะเป็นผู้สืบทอดของโคโตฮิระสายหลักเองค่ะ”
แน่นอนมีเสียงคัดค้านมากมาย
ทั้งเรื่องวีรกรรมและอะไรหลายๆอย่างในอดีตถูกหยิบยกมาเล่ายิ่งกว่ากรอเทป
แต่สุดท้ายทุกคนก็เงียบปากเมื่อเธอพูดออกมาว่า
“งั้นจะพิสูจน์มั้ยล่ะคะ...ว่าใครจะมีดีสมตำแหน่งทายาทมากกว่ากัน”
“เหอะ! เธอเป็นผู้หญิงแล้วจะแข่งอะไร...”
“ลืมที่ตัวเองพูดไปหรือคะว่าฉันก็เรียนไอคิโค้ท่านน้า”
เธอยิ้มเยือกเย็น “มาแข่งกันมั้ยคะ”
“ก็ได้...แต่อย่าหาว่าใจร้ายกับผู้หญิงแล้วกัน”
ผลก็คือเธอคว่ำญาติผู้ชายทั้งหมดที่มีสิทธิทิ้ง
ไม่พอ...ยังแข่งโคโตะชนะผู้มีสิทธิที่เป็นหญิงทั้งหมด
ผลงานในเรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสตกลงใจที่จะให้เธอเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไปทันที
เมื่อการประชุมจบลง
ยูคานะก็เดินไปยังห้องของพี่...เคาะประตูและเปิดออกโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตอบรับหรือไม่
ก่อนจะไปทรุดนั่งข้างๆ
“ยูกะ...”
“...พี่...ฉัน...ได้เป็นผู้สืบทอดคนปัจจุบันแล้วนะ”
ยูคาริยิ้มให้เธออย่างอ่อนแรง
“พี่ว่าแล้ว...ยูกะน้องพี่ต้องทำได้...”
“...แต่...ตำแหน่งนี้ คนที่คู่ควรมีเพียงพี่เท่านั้น”
อ่อนโยนสง่างามอะไรนั่น...ไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด...
แต่ถ้าเธอไม่เป็นผู้สืบทอดในตอนนี้...พี่ก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย...
“ยูกะ...” น้ำเสียงยูคาริอ่อนล้า “พี่ก็ไม่ได้อยากทิ้งตำแหน่ง...แต่พวกผู้อาวุโสเขา...”
“ถ้าเขายอมรับก็พอแล้วใช่มั้ยล่ะ” ยูคานะทำหน้าจริงจัง
“ตอบฉันมาตรงๆนะ...พี่ยังอยากเป็นผู้สืบทอดใช่มั้ย”
ยูคาริหลับตา นิ่งไปสักพัก แล้วพยักหน้า
“ใช่...พี่อยากเป็น...”
“พี่จะได้ตำแหน่งนั้นคืน...ฉันสัญญา”
“ยูกะ...คิดจะทำอะไร...”
ยูคานะเพียงแค่กอดพี่สาวไว้แน่นๆ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
ก็แค่พอจะหาวิธีกล่อมพวกตาแก่หัวดื้อนั่นได้แล้วเท่านั้นเอง แต่ต้องใช้เวลาหน่อย”
“...ยูกะ...จะไปเอาคืนมาให้พี่จริงๆเหรอ?”
“แน่นอน” ยูคานะผละตัวออกแล้วยิ้ม “ในบ้านนี้
ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งไปมากกว่าพี่อีกแล้ว ฉันน่ะ...ไม่เหมาะหรอก
ยังไงช่วงที่ฉันยังเป็นอยู่พี่ก็พยายามฝึกฝีมือแล้วทำตัวเงียบๆไปนะ พวกนั้นจะได้ไม่เพ่งเล็งพี่”
“พี่ขอโทษนะ...ที่ทำยูกะลำบาก ทั้งๆที่พี่เป็นพี่แท้ๆ...”
“ก็บอกแล้วไงว่าแม่อาจจะจำพวกเราสลับกันตอนเกิดก็ได้”
พูดจบแล้วสองสาวก็หัวเราะ ก่อนที่ยูคานะจะลุกขึ้น
“ช่วงนี้...ฉันอาจจะไม่ได้มาหาบ่อย ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะพี่”
“...ยูกะก็ด้วย...มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ...จำไว้
พี่อยู่ข้างยูกะเสมอ”
“ฉันก็อยู่ข้างพี่เสมอเหมือนกัน”
ยูคานะยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากห้อง รอยยิ้มค่อยๆจางหาย
ปากเรียบเป็นเส้นตรง มือเอื้อมไปกุมผ้าเช็ดหน้าที่พี่ให้มาผืนนั้นในกระเป๋าแน่น...
การเตรียมตัวเพื่อให้พี่กลับสู่ตำแหน่ง...คงมีอะไรที่ต้องให้เตรียมอีกเยอะสินะ...
“ยานางิซัง...ตอนที่ฉันไม่อยู่ ฝากดูแลพี่ด้วยนะ
ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ยานางิค้อมหัว
ผู้ติดตามเคยที่เป็นคนสนิทของท่านแม่
และตอนนี้กลายเป็นคนข้างกายเธอและพี่สาวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เธอไว้ใจ “แล้ว...จะให้ใครไปช่วยงานท่านดีคะ”
“มีโคอิซึมิซังไปกับฉันแล้วคงไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรให้ช่วยจะติดต่อมาอีกที”
“ทราบแล้วค่ะ”
“อืม”
ยูคานะใช้เวลาทั้งหมดสามปี สามปีเต็มๆในการพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอคู่ควรกับตำแหน่งผู้สืบทอด
เพื่อรักษาที่อยู่เพียงหนึ่งเดียวของพี่และเธอไว้ อีกทั้งยังใช้มันเพื่อเตรียมตัวในการเข้าเอเซนเธอเรียเพื่อไปเผชิญหน้ากับอาคาชิ
รีบไปมีแต่เขาจะเอาพี่เธอมาโจมตีเล่น ต้องรอให้เวลาซาไปสักพักก่อนถึงจะดี
ยังไงเขาก็ไม่เคยเจอเธอตรงๆอยู่แล้ว...ก็ตอนนั้นเธอปลอมตัวอยู่นี่นา...
และเมื่อยูคานะอายุได้สิบเก้าปี เธอก็ยื่นสมัครเข้าโรงเรียนเอเซนเธอเรีย
แหกกฎตระกูลโดยอ้างเรื่องความสัมพันธ์กับคนตระกูลใหญ่โตที่อยู่ที่นั่นจนเหล่าผู้อาวุโสยอมให้ไปในที่สุด...
สามปี...เธอทุ่มเททุกอย่างสามปีเพื่อเวลานี้...
ทับทิมแห่งราชัน...
รอก่อนเถอะ...ไม่ว่าจะต้องขโมยหรือใช้วิธีไหน ฉันก็จะเอามันมาให้จงได้
เพื่อพี่ของเธอ...เพื่อราชาเพียงคนเดียวของเธอ...
เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ อาคาชิ เซย์จูโร่!
ชอบ:
- พี่สาวฝาแฝด (ยูคาริ) (เพราะว่าเป็นสายเลือดคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิต
และเป็นเหตุผลเดียวในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเธอ)
- อาหารญี่ปุ่น (เพราะว่ารสชาติถูกปากเธอไง กินมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
ชอบอาหารที่มีเต้าหู้เป็นพิเศษ)
- อาหารทำมือ (เพราะว่าได้รสชาติอย่างที่ชอบ)
- การเห็นพี่สาวและคนสำคัญมีความสุข
(เพราะความสุขของคนเหล่านั้นคือความสุขของเธอด้วย)
- การได้เคลื่อนไหวร่างกาย / การออกกำลังกาย (เพราะมันทำให้เธอสดชื่นกระปรี้กระเปร่า)
- ความสงบ (เพราะไม่ต้องมีอะไรมากวนหรือทำให้ลำบากใจ
ที่ชอบนอนมองดูเมฆดูดาวเล่นก็เพราะแบบนี้)
- อิสรภาพ
(เพราะจะได้ไม่ต้องมาโดนใครบังคับ)
เกลียด:
- ธรรมเนียมและพิธีรีตองที่ยุ่งยากวุ่นวาย (เพราะมันยุ่งยากวุ่นวาย
และไม่เข้าใจว่าจะทำไปทำไมเนี่ยยยยย)
- การโดนบังคับ
(เพราะว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองเลยไม่ชอบอยู่ใต้คำสั่งใคร
นอกจากพี่สาวจะขอร้องอันนั้นอีกเรื่อง ซึ่งด้วยนิสัยของพี่สาวแล้วไม่สั่งเธอหรอก)
- อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งทั้งหลาย (เพราะไม่อร่อย!)
- พวกดีแต่ปาก (เพราะว่าได้แต่เห่า
แต่ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง)
- การรอคอยอย่างไร้จุดหมาย (เพราะว่าถ้าไม่รู้จะรอไปเพื่ออะไร
จะให้รอทำไม?)
- คนที่มาทำร้ายพี่สาวและคนสำคัญ (เพราะว่ามาทำร้ายคนสำคัญของเธอ
คงทำใจชอบไม่ได้หรอก)
- การทำอะไรช้าๆ เอื่อยๆ (เพราะมันเสียเวลา! สาเหตุนี้เองทำให้เธอไม่ชอบพวกการร่ายรำและพิธีชงชาอะไรทำนองนั้น
ไม่ใช่อะไร...มันช้า! ค้างนานๆมันเมื่อย!)
- การเปรียบเทียบ
(เพราะเจอมาตั้งแต่เด็กจนเหมือนเป็นแผลเป็นในใจไปแล้ว)
กลัว/แพ้:
- การที่พี่สาวเป็นอะไรไป และ
การที่ตัวเองไม่สามารถทำให้พี่สาวกลับไปเป็นผู้สืบทอดได้อีกครั้ง
(เพราะพี่สาวคือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเธอ
และการมาขโมยอัญมณีในครั้งนี้เพื่อพี่สาวทั้งนั้น
เธอกลัวเหลือเกินว่าถ้าทำไม่สำเร็จ...ถ้าอย่างนั้นพี่สาวต้องเสียใจแน่
เพราะการสืบทอดตระกูลโคโตฮิระนั้นก็เหมือนจะเป็นเหตุผลในการมีชีวิตของพี่สาวเช่นกัน)
งานอดิเรก: ไอคิโด้ / นอนมองเมฆมองดาว / เล่นโคโตะ (นานๆทีหากมีอารมณ์) /
คุยกับเพื่อนหรือไม่ก็ถามความเป็นอยู่ของพี่สาว / เดินเล่นไปเรื่อย
ลักษณะคำพูด: ยูคานะเป็นคนที่มีน้ำเสียงใสกังวานเหมือนนกน้อยขับขานยามรุ่งอรุณ
แม้ไม่ไพเราะเสนาะหูถึงขั้นชวนให้หลงใหล
แต่ก็ฟังแล้วรื่นหูดี...ก็ตราบเท่าที่เจ้าตัวพูดดีน่ะนะ เดิมทีจะเป็นคนที่พูดค่อนข้างตรงไปตรงมาในเรื่องที่คิดว่าสมควรพูดตรง
แสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนในทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียง
มีมุมกวนโอ๊ยอยู่เล็กๆบ้าง และเป็นคนที่ว่าเจ็บว่าแรงมาก
แต่พอมาเป็นผู้สืบทอดแล้วก็เลยต้องรักษาภาพพจน์ขึ้นนิดหน่อย ด้วยการพูดให้นุ่มขึ้น
แสดงอารมณ์ออกมาให้น้อยลง แต่เพิ่มการกวนประสาทและคำด่าแบบผู้ดีชดเชยส่วนที่แสดงอารมณ์ออกมาไม่ได้แทน
ยูคานะจะพูดสุภาพแค่กับผู้ใหญ่และคนที่ไม่สนิทเท่านั้น
บางทีหากคนเหล่านี้ทำอะไรให้โกรธอาจจะประชดหรือกวนโอ๊ยเล็กๆด้วย
หากเป็นผู้ใหญ่ที่สนิทจะไม่ค่อยมีคำลงท้ายเท่าไหร่ แต่น้ำเสียงจะแสดงความสุภาพและให้เกียรติมากๆแทน
ส่วนในวันเดียวกัน...ก็...ไม่ต้องมีคำลงท้ายหรอก
แค่น้ำเสียงและเนื้อหาจะไม่เหมือนกันระหว่างคนที่สนิทและไม่สนิท
กับคนที่สนิทจะเปิดเผยอารมณ์ออกมาให้เห็นเยอะกว่า
ในขณะที่คนไม่สนิทจะน้ำเสียงเดิมๆกึ่งเป็นทางการตลอดเวลา
แทนตัวเองว่า “ฉัน”
แทนคนอื่นว่า “คุณ / ท่าน” หรือ “นามสกุล” กรณีไม่สนิทหรือเป็นผู้ใหญ่
แต่ถ้าสนิทจะเรียกชื่อ สรรพนามเป็น “เธอ / นาย” แทน (แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่สนิทจะใช้คำว่า
“คุณ” เป็นสรรพนาม ส่วนจะเรียกชื่อหรือนามสกุลคงต้องแล้วแต
แต่น้ำเสียงจะเป็นคนละแบบกับพวกแรก)
หมายเหตุ – ตัวเอียงหนาคือคำพูดของยูคานะ
[1 – คำถามอันน่าเบื่อ]
“ฉันโคโตฮิระ ยูคานะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เด็กสาวยิ้มตามมารยาทหลังเอ่ยทักทายเสร็จ
“เอ่อ...ใช่โคโตฮิระตระกูลเก่าแก่นั่นรึเปล่าคะ?”
“...ก็โคโตฮิระที่ดังๆนั่นแหละค่ะ...”
ให้ตายเถอะ...เมื่อไหร่คนอื่นจะเลิกถามคำถามนี้สักทีกันนะ...
[2 – พี่น้อง]
“พี่ดูแลตัวเองดีๆจนกว่าฉันจะกลับมานะ
ไว้จะมาเยี่ยม” ยูคานะจับมือพี่สาวไว้ก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายหลวมๆ “ไปนะ”
“ดูแลตัวเองดีๆ...ถ้าไม่ไหว...ก็ไม่ต้องฝืนนะ...”
ยูคาริมองน้องสาวที่กำลังจะขึ้นรถไฟไปอย่างเหงาหงอยและเศร้าสร้อย
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะพี่
เชื่อเถอะ นี่น้องพี่ทั้งคนนะ” เด็กสาวยิ้ม “แล้วก็อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นสิ
ฉันแค่ไปเรียนไม่กี่ปีเอง ปิดเทอมก็กลับมาแล้วน่า”
“อือ...นั่นสินะ โชคดีนะยูกะ”
[3 –
เป้าหมายและหัวขโมย]
“...เข้าหาผมแบบนี้...ต้องการอะไรเหรอครับ?”
คิ้วโก่งเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ
หัวใจเต้นแรงไปวูบหนึ่งเหมือนว่าโดนจับได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรักษาสีหน้าไว้ได้แล้วตอบกลับไป
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ...รุ่นพี่อาคาชิ”
ริมฝีปากบางหยักขึ้นคล้ายยิ้ม
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเฉลย
“เพราะจากประสบการณ์ ไม่มีใครไม่เข้าหาผมโดยไม่หวังอะไรหรอก
อีกอย่างคือผมถูกต้องเสมอ”
“...งั้นนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คุณคิดผิดก็ได้นะคะ
รุ่นพี่”
...ที่จริงก็ไม่ผิดหรอก ถูกเผงเลยล่ะ...
[4 – อย่ามากระตุกหนวดเสือ]
“ได้ยินว่าพี่ของเธอที่หลุดจากตำแหน่งผู้สืบทอดเพราะไปทำอะไรไว้กับตระกูลอาคาชิ
เธอที่เป็นน้องก็คงไม่ต่างหรอก...”
เด็กสาวกระตุกยิ้ม หาเรื่องเรอะ?
ได้...จัดไป!
“ถ้าไม่รู้จริง...ไม่พูดจะดีกว่านะคะ
เพราะคนที่ไม่รู้จริงแล้วพูดออกมาแล้วทำให้ดูโง่ขึ้นเยอะเลย”
“ว่าไงนะ!? ก็เรื่องจริงทั้งนั้นนี่นา”
“โธ่...ขนาดเรียนในโรงเรียนของผู้มีพลังพิเศษแท้ๆ
ไม่รู้เหรอคะว่าการปลอมตัวน่ะมันง่ายดายขนาดไหน...” ยูคานะหัวเราะในลำคอ มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนใจ “แต่จะไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ
เพราะดูแล้วสมองของคุณไม่ได้มีไว้รับอะไรที่มันมีสาระอยู่แล้วนี่นา...”
[5 – ลื่นกว่าปลาไหล]
“ผมต้องการคำอธิบายว่าคุณมาทำอะไรในห้องทำงานของผมในเวลาแบบนี้
คุณโคโตฮิระ”
เด็กสาวทำท่าทางลำบากใจ “เอ่อ...มัน...พูดตรงนี้เลยจะดีเหรอคะรุ่นพี่?”
โอ้ยยยย ดัดจริตไปอีก! ถ้ามันไม่เชื่องานนี้ตายแน่!
“ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรไม่ดีตรงไหน
หรือว่าเป็นอะไรที่คุณพูดไม่ได้กัน”
ยูคานะก้มหน้า สุดท้ายแล้วก็เงยหน้าขึ้น ทำท่าเหมือนตัดสินใจได้แล้ว
ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องแล้วชี้ไปที่นักเรียนชายที่สลบอยู่หน้าห้อง “พอดีว่า...เขา...พูดจาแปลกๆ
ทำท่าน่ากลัว...ก็เลยหนีเข้ามาในห้องนี้น่ะค่ะ”
...ก็เรื่องจริงที่หนีหมอนี่เข้ามา
แต่เรื่องไม่จริงคือหมอนี่ก็พยายามจะขโมยอัญมณีให้ได้เหมือนกันแต่ดันวิ่งช้ากว่าเธอ
เธอก็เลยเข้าห้องมาแล้วฉวยโอกาสปิดประตูฟาดหน้าจนสลบ
เตะเป้าซ้ำอีกทีกันเหนียวแค่นั้นเอ๊งงงงงงงงงงงงง
“ออกไปได้แล้ว”
ยูคานะมองไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งเล็กน้อย
ก่อนจะค่อยๆก้าวอย่างระมักระวังเดินออกนอกห้องไป
...อืม...ต่อไปเอายังไงดีนะ...
ไม่รู้ว่าหมอนั่น(คนที่สลบ)จะเห็นหน้าเธอหรือเปล่าเนี่ยสิ...
ถ้าเห็นคงต้องจัดการหน่อยแล้วล่ะมั้ง...
แต่เสียดายชะมัด...เกือบแล้วเชียว...
เกือบติดเครื่องดักฟังไว้ในห้องเสร็จแล้วเชียว
บ้าเอ้ย!
[6 – เด็กสาวและคนชรา]
“จะเอาอย่างนี้จริงๆน่ะเหรอยูคานะ”
หนึ่งในสองผู้อาวุโสที่ประจันหน้าเด็กสาวถามขึ้น
ทำให้ยูคานะพยักหน้ารับและตอบเสียงหนักแน่น
“ค่ะ...ท่านปู่ หลานจะขอเข้าเรียนที่เอเซนเธอเรียปีหน้า”
“โรงเรียนนี้ก็ไม่ใช่ไม่ดี...แต่ทำไมถึงต้องเป็นโรงเรียนนี้ล่ะ?”
ท่านย่าเอ่ยพลางโบกเอกสารของโรงเรียนไปมา สีหน้าคล้ายไม่เห็นด้วยนัก “หรือว่าโรงเรียนเดิมมีอะไรไม่ดีงั้นรึ”
“...โรงเรียนเอเซนเธอเรียมีลูกหลานตระกูลดังเข้าเรียนมากมาย
อีกอย่างหลานเองก็มีพลังพิเศษเหมือนกัน ถ้าเข้าไปแล้วฝึกใช้ให้ดีน่าจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลเราค่ะ”
“พลัง...อ้อ
ที่ว่าสามารถคลายการปลอมตัวของแม่นั่นได้น่ะรึ” ท่านปู่พยักหน้า “งั้นก็ได้
ปู่จะลองเอาไปคิดอีกที ได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน”
“ขอบพระคุณค่ะท่านปู่ ท่านย่า
แต่เรื่องพลังพิเศษ...รบกวน..”
“รู้แล้ว...ปู่กับย่าไม่บอกพวกนั้นหรอก
จะอ้างเรื่องตระกูลใหญ่ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ” เด็กสาวคำนับติดพื้นด้วยความซาบซึ้งใจที่สุด
...พี่คะ อีกไม่นาน...
อีกไม่นาน...ฉันจะเอาตำแหน่งผู้สืบทอดมาคืนให้พี่เอง...
ช่วยรออีกหน่อยเถอะนะ...
เพิ่มเติม :
- ยูคานะเกิดวันที่ 7 มกราคม (ราศีมังกร) เลือดกรุ๊ป B
- ยูคานะถนัดมือขวา
(แต่ยูคาริถนัดมือซ้าย เป็นวิธีง่ายๆวิธีหนึ่งที่ใช้แยกสองคนนี้ออกจากกัน)
-
ยูคานะเหมือนจะเป็นพวกซนๆแสบๆก็จริง แต่ก็มีความเป็นผู้หญิงอยู่บ้าง
เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมการแต่งตัวแต่งหน้าก็เหมือนเด็กสาวทั่วไป เพียงแต่ไม่ได้แต่งมากมายและไม่ได้บ้าแฟชั่นอะไรขนาดนั้น
รู้วิธีการทำตัวให้ดูดีสมเป็นผู้หญิงผิดลุค
-
ยูคานะเหมือนจะเป็นคนดุในบางเวลา
แต่ถ้าหลายคนที่รู้จักจริงๆจะบอกว่าเธอก็แค่ขี้บ่น
และถ้าบ่นให้ใครฟังแปลว่าสนิทกับคนนั้นพอควรเลย
เพราะถ้าไม่สนิทจะพูดด้วยแค่เท่าที่จำเป็น
-
ทุกวันครบรอบวันเสียชีวิตของมารดาจะต้องเอาดอกไม้ไปไหวที่สุสานทุกปี
ถ้าวันนั้นมีเรียนก็จะโดดเรียนไป (แต่ถ้าติดสอบก็จะรีบไปหลังสอบเสร็จแทน)
-
เรื่องพลังพิเศษของยูคานะ มีแค่ยูคาริ ท่านปู่ท่านย่า
และคนสนิทของเธอเท่านั้นที่รู้
-
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ยูคานะหายตัวไม่ได้และเปิดโปงการปลอมตัวของญาติๆได้...เป็นผลมาจากพลังพิเศษล้วนๆ
จนวันนี้ญาติเธอคนนั้นก็ยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
-
ถ้าทำงานจะชอบทำคนเดียว เพราะคิดว่าตัวเองคุมได้ทั้งหมดจะดีกว่า
(ให้คนอื่นช่วยมันก็อาจจะมีอะไรผิดจากที่คิดก็ได้ไง
แต่ถ้าไม่ไหวอาจจะต้องขอแรงจริงๆก็ไม่ว่ากัน สุมหัวได้)
-
เดิมทีบ้านหลักของโคโตฮิระอยู่ที่เกียวโต แต่เนื่องจากย้ายมาเอเซนเธอเรีย
(ซึ่งน่าจะอยู่โตเกียว) พอย้ายมาเธอเลยต้องอยู่อพาร์ทเม้นต์คนเดียวไปโดยปริยาย
ซึ่งเธอชอบมาก...อิสระสุดๆ (เพราะเธอประกาศหัวเด็ดตีนขาดว่าจะไม่อยู่บ้านญาติเด็ดขาด
โดยเอาเรื่องที่เกิดกับพี่สาวฝาแฝดมาเป็นข้ออ้างในการมาอยู่เองคนเดียว)
(ถ้าต้องอยู่หอโรงเรียนก็ข้ามข้อนี้ไปได้เลยค่ะ)
-
ยูคานะไม่ใช่คนป่วยง่าย ป่วยยากมากๆๆๆๆ แต่ถ้าป่วยแล้วกว่าจะกลับมาแข็งแรงดีก็เกือบอาทิตย์
-
ผ้าเช็ดหน้าซากุระหิมะผืนนั้นสุดท้ายก็ไม่ได้คืนเพราะยูคาริไม่รับคืน
มันจึงกลายเป็นเครื่องรางประจำตัวของยูคานะไปโดยปริยาย
-
สายตระกูลโคโตฮิระหลัก...ผู้สืบทอดก่อนจะมาเป็นยูคาริคือ ชิซึกะ
หรือคือท่านแม่ของพวกเธอนั่นเอง พ่อ(ที่เสียไปตั้งแต่สองแฝดยังจำความไม่ได้)
แต่งเข้าตระกูลนี้ค่ะ ผู้สืบทอดสายเลือดตรงคือแม่เลย เพราะฉะนั้นสองพี่น้องเลยยังอยู่บ้านหลักได้จนวันที่แม่เสีย...
SUB-CHARACTER PROFILE(S)
(หมายเหตุ – ทุกคนในโซนนี้ยังมีชีวิตอยู่นะคะ...)
- Kotohira Yukari [โคโตฮิระ ยูคาริ] (19) -
(ขอไม่ใส่รูปเนื่องจากหน้าตาเหมือนยูคานะอยู่แล้ว)
-
พี่สาวฝาแฝดของยูคานะที่อ่อนโยนสง่างาม มีความเป็นกุลสตรีตัวอย่างครบถ้วน
ฉลาดแต่บางทีก็ไม่เฉลียว ใสซื่อและบางทีไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่
โดยเฉพาะเรื่องผู้ชายที่เจ้าตัวแทบไม่เคยสัมผัส ประสบการณ์แทบจะเฉียดเลขศูนย์สุดๆ
รักยูคานะมากๆ มากยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก
-
ที่เจ้าตัวต้องการเป็นผู้สืบทอดของโคโตฮิระ
เพราะคิดว่านั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้น้องสาวเป็นอิสระได้และยังได้อยู่บ้านหลักต่อ
และเมื่อได้เป็นนานๆ ก็รู้สึกว่าเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันคือทั้งชีวิตของเธอ
ดังนั้นเมื่อเสียไปจึงได้เสียใจมาก และตกใจเมื่อรู้ว่าน้องสาวยอมรับตำแหน่งแทน
แต่พอยูคานะบอกว่าจะเอามาคืนก็ทั้งเสียใจและโล่งใจ...เสียใจที่ตัวเองไม่ได้เรื่องจนทำน้องสาวลำบาก
โล่งใจที่ว่าตัวเองจะได้ความหมายในชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง
- มีพลังพิเศษ “Clear” ตามที่กล่าวไว้ในประวัติ
- Yanagi Mikuni [ยานางิ มิคุนิ] (44) -
- อดีตคนสนิทของท่านแม่ของสองแฝด
เมื่อท่านแม่เสียก็กลายมาเป็นคนสนิทของทั้งสองพี่น้องแทน
เป็นคนที่มีความสุขุมเยือกเย็น รอบคอบรู้งาน ฉลาด
แต่พอแพนิคเรื่องอะไรขึ้นมาทีจะเป็นพวกตื่นไปทุกอย่างทันที
นานกว่าจะกลับมาสงบเหมือนเดิม ขี้ห่วงเกินคาด
ปัจจุบันรับหน้าที่ดูแลยูคาริที่บ้านหลักของโคโตฮิระ และไปช่วยงานยูคานะยามจำเป็น
-
เป็นไม่กี่คนที่รู้เรื่องพลังพิเศษของยูคาริและยูคานะ
และเป็นไม่กี่คนที่ยูคานะไว้ใจจริงๆ
- Koizumi Maki [โคอิซึมิ มากิ]
(39) -
- คนสนิทของยูคานะอีกคนตั้งแต่สมัยมารดายังอยู่
เป็นคนหัวไวที่คอยสนับสนุนให้แผนงานราบรื่น ทำอะไรรวดเร็วแต่ไม่ทิ้งร่องรอยจึงทำให้เข้ากับการทำงานของยูคานะได้ดี
ภักดีกับเธอและยูคาริมากเพราะพวกเธอช่วยชีวิตหล่อนไว้
เป็นคนสนิทคนเดียวที่ได้ติดตามยูคานะ(ตามคำสั่งท่านปู่ท่านย่า) มาที่โตเกียวด้วย
อยู่อพาร์ทเม้นต์ห้องใกล้ๆกันเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย (กรณีอยู่หอ
มากิจะอยู่แถวๆโรงเรียนแทน)
- เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้พลังพิเศษของเธอและยูคาริเช่นกัน
-
Kotohira Hizashi [โคโตฮิระ
ฮิซาชิ] (78) & Kotohira Wakana [โคโตฮิระ วาคานะ] (74) -
(ไม่มีรูปคนแก่ค่ะ...ขอไม่ใส่นะคะ)
- ท่านปู่และท่านย่าของสองแฝด
หัวหน้าตระกูลโคโตฮิระคนปัจจุบัน
-
เป็นคนแก่ที่เข้มงวดที่ซ่อนความใจดีเอาไว้มิดมากๆ ลับหลังคือก็รักหลานแหละ
- จริงๆแล้วสองคนนี้เห็นบางอย่างในตัวยูคานะ
ถึงได้ถามยูคาริตอนแรกว่าจะไม่คุยกับยูคานะก่อนจะดีเหรอ...แต่มาตอนนี้สองคนนี้ก็ลำบากใจเหมือนกัน
เพราะจริงๆก็ไม่ได้อยากให้ยูคาริสละตำแหน่งเพราะทำหน้าที่ได้ดีมาก
แต่ผู้อาวุโสคนอื่นกดดันมาน่ะสิ
Character
Talk
-ทำไมถึงต้องการอัญมณีขนาดนั้นล่ะคะ?
ตอบ: เด็กสาวยืดตัวตรง เอ่ยปากเสียงไม่ดังไม่เบาแต่ฟังชัดเจนเพียงประโยคสั้นๆ
“ฉันทำเพื่อพี่สาวของฉันค่ะ...”
เธอจะไม่พูดเรื่องจะเปลี่ยนผู้สืบทอดตระกูลพร่ำเพรื่อกับคนนอกหรอกนะ...เดี๋ยวเกิดไปเข้าหูพวกตาแก่เข้าแผนเธอก็พังกันหมดพอดี
-แล้วถ้าทำไม่สำเร็จคิดว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อเอ่ย?
ตอบ: ยูคานะหลับตาลงช้าๆ “ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำมันให้สำเร็จค่ะ”
เพราะถ้าทำไม่สำเร็จ...เธอจะไม่สามารถรักษาสัญญากับพี่เอาไว้ได้...และไม่สามารถช่วยเหลือและเคียงข้างพี่ที่เป็นผู้สืบทอดได้อีกต่อไป...
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว...เธอจะอยู่ไปเพื่ออะไรกันล่ะ?
เพราะฉะนั้นไม่มีทางเลือกอื่นหรือคำว่า
‘ถ้า’ มีแต่ต้องสำเร็จเท่านั้น!
-เคยคิดถึงเรื่องความรักบ้างไหมคะ?
ตอบ: เด็กสาวลืมตาช้าๆ ยิ้มตามมารยาทแล้วตอบกลับ “ในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลโคโตฮิระคนปัจจุบัน
ฉันต้องแต่งงานกับคนที่ทางผู้ใหญ่เลือกให้ คง...คิดเรื่องนี้มากไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะยังไงเสียมันก็ถูกกำหนดมาอยู่แล้ว...”
...แล้วก็ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ก็ไม่คิดเรื่องความรักอะไรนี่อยู่ดี...
....ก็เธอต้องดูแลพี่นี่นา...
Natsuki
Talk
-สวัสดีค่ะ นัทสึกิค่ะ จะเรียกว่าเฟย์ก็ไม่ว่ากัน ชื่ออะไรคะ?
ตอบ: “ยูกินะ” ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
-เป็นการเปิดรับสมัครเรื่องแรกถ้ามีข้อผิดพลาดเราขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
ตอบ: ไม่เป็นไรค่ะ เราเข้าใจ แค่นี้ก็ทำได้ดีมากแล้วค่ะ
-หากแต่งหลุดคาร์อย่าตบตีเรานะ><
ตอบ: อันนี้เข้าใจได้ค่ะ มันมีกันได้ๆ
-สุดท้ายนี้ขอบพระคุณที่มาสมัครค่ะ มีอะไรอยากบอก บอกได้เลยค่ะ
ตอบ: ยังไงก็ฝากพิจารณาลูกสาวของเราคนนี้ด้วยนะคะ เฟย์ซังอาจจะลำบากใจที่เราดันมาส่งคู่นายน้อยที่คนล้นจะตายอยู่แล้ว
แต่มันอยากน่ะค่ะเลยปั่นมาจนได้ อาจจะมีมึนๆ แต่ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ
ความคิดเห็น