ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My room :)

    ลำดับตอนที่ #117 : [AU fanfic KHR | Reborn] Hey! Mr. Right

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 60


    APPLICATION

     

     



    “ไม่ได้บ้าความเพอร์เฟ็กต์สักหน่อย...เขาเรียกว่าใส่ใจทุกรายละเอียดต่างหากค่ะ”


    ///////////////////////////////////////////////////////////

    (ปรายมองด้วยหางตาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหันกลับไปจัดกรอบรูปต่อ ถอนหายใจเบาๆพร้อมส่ายหัวนิดๆ)

    ...ถ้าคุณยังจัดการรังนกบนหัวกับเครื่องแบบลุ่ยๆของคุณไม่ได้ก็ไม่ต้องมาคุยกันเรื่องงานนะคะ ดิฉันไม่พร้อมจะสอนคนที่ไม่พร้อม

    (เห็นแล้วอยากเข้าไปจัดให้ คันไม้คันมือแต่ก็ต้องรักษาภาพพจน์และความซึน???)

    ///////////////////////////////////////////////////////////


    ชื่อ :: Cerisier Avriel Cynburleigh [Cerisier A. Cynburleigh] [เซริเซีย เอเรียล ซินเบอเลกฮ์]

    เซริเซีย – ต้นเชอร์รี่ [ภาษาดอกไม้แปลว่า “มีการศึกษา”]

    เอเรียล – ดอกตูมที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ

    ซินเบอเลกฮ์ – ร่มเงาแห่งราชวงศ์

    แปลรวมๆได้ว่า “ต้นเชอร์รี่ที่ผลิดอกในฤดูใบไม้ผลิให้ร่มเงาแห่งราชวงศ์” ค่ะ

    ชื่อเล่น :: เซียร์ [Sier] / เซริ [Seri]

    ชื่อเล่นแรกมีแต่คนในครอบครัวที่เรียกได้ซึ่งก็คือคุณแม่คนเดียว ส่วนชื่อเล่นที่สองให้คนสนิทที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเรียก

     

    อายุ :: 27

     

    ลักษณะภายนอก :: หญิงสาวรูปร่างโปร่งระหงได้สัดส่วน แขนขาเรียวยาวจนน่าอิจฉา ดูแล้วสูงสง่าราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดชั้นหนึ่ง ผิวขาวนวลราวกับสีของกระเบื้องเคลือบชั้นดีเรียบเนียนไร้รอยตำหนิ ดวงหน้ารูปไข่ที่ทั้งสวยคมและหวานในเวลาเดียวกันนั้นมีนัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับท้องทะเลในยามเช้า มีประกายภายในสุกใสเหมือนดวงดาวอยู่คู่หนึ่ง จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่ชวนให้ลิ้มลอง รวมกับแก้มใสที่มีสีเลือดฝาดระเรื่อ ออกมาเป็นใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา จนแม้แต่แว่นสายตาก็ไม่อาจบดบังความงามนี้ได้ ผมสีน้ำตาลดำราวกับเนื้อไม้มะฮอกกานีชั้นเลิศมารีดให้เป็นเส้นไหมเปล่งประกายที่ได้รับการจัดแต่งอย่างดีทุกวันไว้หน้าม้าและปล่อยยาวลงมาจรดเอว รวมแล้วถือเป็นหญิงสาวที่งามมากจนน่าอิจฉาคนหนึ่ง สูง 169 เซนติเมตร หนัก 52 กิโลกรัม  

     

    ลักษณะนิสัย :: สิ่งแรกที่ทุกคนจะกล่าวถึง เซริเซีย เอเรียล ซินเบอเลกฮ์ คือหญิงสาวผู้เป็นเพอร์เฟ็กต์ชั่นนิสต์ระดับสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นงานการ สภาพแวดล้อม อะไรก็ตามที่ผ่านมือผ่านตาเธอมาล้วนแล้วแต่ไร้ข้อตำหนิ เพราะถ้ามี มันจะไม่มีวันผ่านเธอมาได้หรอก เจอแก้เจอจัดใหม่แน่นอน เธอถือว่าเรื่องเล็กน้อยทุกเรื่องเป็นสิ่งสำคัญและสามารถส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆได้ทั้งหมดจนก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ได้ ตัวอย่างง่ายๆ แค่กรอกเลขศูนย์ในบัญชีพลาดไปตัวนึงก็มีค่าเสียหายตามมาบานแล้ว ดังนั้นทุกสิ่งที่ผ่านมือเธอต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดหรือบกพร่องเด็ดขาด นั่นคือที่มาของความเป๊ะที่ดูเหมือนการจุกจิกเกินเหตุของเธอ

    นอกจากจะเป๊ะเรื่องงานแล้ว ตัวเซริเซียเองก็เป๊ะไม่แพ้กัน ทั้งเรื่องกิริยามารยาท การแต่งกาย ภายนอกทุกอย่างดูสง่างามสมบูรณ์แบบราวกับเป็นต้นแบบที่ถอดออกมาจากราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ลื่นไหลไม่ติดขัดราวกับว่าเป็นมาตั้งแต่เกิด เป็นผลพวงมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก เพราะเธอเชื่อว่าการจะให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบนั้น หากตัวเราเองไม่สมบูรณ์แบบก่อนก็คงไม่มีทางทำทุกอย่างให้เป็นไปดังใจหวังได้ จะเห็นได้ว่าเซริเซียเป็นคนที่ถ้ามีเป้าหมายแล้วจะเอาใจใส่และทุ่มเทเต็มที่ สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้อย่างไม่ย่อท้อหากมันทำให้เธอไปถึงเป้าหมายที่เธอต้องการได้ ดังนั้นหากเธอตั้งใจอะไรไว้ก็สบายใจได้...เรื่องนั้นจะต้องสำเร็จอย่างงดงามแน่นอน เธอจะไม่ทำให้เกียรติประวัติตัวเองด่างพร้อยด้วยการทำงานพลาด และจะไม่ดูถูกตนเองหรือปัดความรับผิดชอบด้วยการทิ้งงานไปกลางคันแน่นอน

    แล้วถามว่านิสัยของเซริเซียจริงๆเป็นยังไง...ต้องบอกไว้ก่อนว่าหากมองจากภายนอกแล้ว เซริเซียเป็นคนที่นิ่งๆแอบหยิ่งๆเหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งผู้สูงศักดิ์ แต่เอาเข้าจริงแล้วก็เก๊กไปงั้น ไม่ได้เย็นชาอย่างที่ภายนอกแสดงออกหรอก ที่เธอต้องนิ่งภายนอกเข้าไว้ เพราะต้องการจะซ่อนอารมณ์ทุกอย่างที่อาจมีผลทำให้งานหรือสิ่งที่เธอจะทำไม่สมบูรณ์แบบเอาได้ เป็นคนที่เอาเหตุผลมาก่อนอารมณ์ แม้ไอ้เหตุผลที่ว่ามันจะเป็นเหตุผลของเธอคนเดียวก็เถอะ เป็นคนที่แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้ดีทีเดียว ดังนั้นวางใจได้ว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้น เธอก็สามารถทำงานจนเสร็จได้แน่นอน มีอะไรไว้ค่อยไปจัดการหลังเลิกงาน เพราะเวลางานมันก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้ทำงาน ชัดเจนพออยู่แล้ว ยกเว้นแต่จะมีอะไรไม่เรียบร้อยในที่ทำงานไปขัดหูขัดตาแม่นางนั่นแหละ จะลงมือจัดการทำทันที คือก็ไม่ได้อยากเสียเวลามาทำหรอกนะ แต่ต้องเข้าใจว่าคนที่รักความเพอร์เฟ็กต์อย่างเธอเห็นแล้วรับไม่ได้ มันหงุดหงิด!!!

    และก็เพราะเซริเซียแอ๊บขรึมนี่แหละ การอ่านอารมณ์เธอถึงค่อนข้างยาก แต่ถ้าสังเกตดีๆ หากวันไหนเธออารมณ์ดี จะเหมือนมีประกายตาวิ้งๆซ่อนอยู่ในดวงตานิ่งๆของเธอ และบรรยากาศรอบตัวจะดูสดใสขึ้นนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อย อาจหลุดยิ้มง่ายขึ้นด้วยแต่ก็จะกลับไปเก๊กขรึมตามเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมกับดุแก้เขิน แต่ก็คุ้มค่าแหละนะหากได้เห็นเธอยิ้มอย่างจริงใจที่ไม่ใช่ยิ้มตามมารยาท เพราะยิ้มอ่อนโยนหรือยิ้มมีความสุขของเธอนั้นสวยงามจริงๆ...

    แต่ในกรณีที่เซริเซียโกรธหรือเสียใจ แนะนำว่าคุณควรไปไกลๆหูไกลๆตาเธอไปเลย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่ามีเป้าหมายเมื่อไหร่จะไม่ทิ้งไปกลางทาง เช่นเดียวกัน หากโกรธใครแล้วเธอดันคิดแค้นขึ้น

    เซริเซียเป็นคนที่ใจเด็ดมาก กล้าไม่กลัวใครพร้อมชนได้ทุกสถานการณ์ ไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย เป็นคนที่ถือคติว่า “High risk, high return” ยิ่งเสี่ยงมากเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่ได้ก็จะสูงมากตาม นี่คือกฎทองของการเงินและการลงทุนทุกรูปแบบ มีความสุขในการที่ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ ใต้การควบคุมของตนเอง แหงล่ะ...ก็ชอบความสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ใครมันจะชอบให้ผิดแผนกันล่ะ? แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ชอบความท้าทายสิ่งแปลกใหม่ เธอคิดว่ามันสนุกดีที่คิดวิธีว่าจะผ่านปัญหาใหม่ๆไปอย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเป็นปัญหาที่น่าสนใจ ไม่ใช่งานไก่กาน่าเบื่อที่ต้องมาเจอซ้ำๆซากๆทุกวัน

    อย่าคิดว่าเซริเซียกล้าเสี่ยงขนาดนี้จะเป็นคนมุทะลุนะ ตรงกันข้าม...เธอเป็นคนใจเย็นและเฉลียวฉลาดเอามากๆเลยต่างหาก ช่างสังเกตระดับสุดยอด สามารถสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเล็กน้อยเท่าไหร่ก็ตามประหนึ่งว่าตามีมาตรวัดฝังอยู่ก็ไม่ผิด แถมยังเป็นพวกเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์เสมอ เป็นคนแอบเจ้าแผนการโดยที่บางทีเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ด้วยความที่ว่าชอบความสมบูรณ์แบบ เธอจึงมักวางแผนล่วงหน้าในใจไว้ก่อนแล้วว่าต้องการผลลัพธ์อย่างไร และต้องทำยังไงถึงจะไปยังเป้าหมายได้ดีที่สุด ข้อผิดพลาดน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย ไม่ชอบอะไรที่อยู่นอกแผน ไม่ชอบความผิดพลาด แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเกลียด เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนสมบูรณ์แบบได้ร้อยเปอร์เซนต์ แม้แต่เธอเองก็ทำผิดพลาดได้ และความผิดพลาดเหล่านั้นเองเป็นบทเรียนที่จะทำให้งานของเธอชิ้นถัดๆไปสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เลยไม่ได้เกลียดจ้อผิดพลาด แต่เป็นเจ็บใจไม่ก็หงุดหงิดเสียมากกว่าที่ปล่อยให้เกิดขึ้นได้ และจะระวังไม่ให้เป็นครั้งหน้าอีก ผิดแล้วเจ็บแล้วจำเป็นคน ผิดแล้วเจ็บแล้วทนแถมไม่จำก็...เป็นอะไรก็คงรู้กัน

    อีกอย่างที่โดดเด่นของเซริเซียคงเป็นความปากร้ายอย่างสุภาพชน วาจาไพเราะเพราะพริ้งมีหางเสียงก็จริง แต่พลังทำลายล้างจิตใจสูงมาก เธอเป็นคนที่มีวาจาเชือดเฉือนเป็นอาวุธ เชือดใครเมื่อไหร่เป็นต้องสะดุ้งทุกราย อย่าว่าแต่พูดเลย แค่ใครทำอะไรไม่ดี(ไม่เพอร์เฟ็กต์)นิดหน่อยแล้วโดนแม่เจ้าประคุณมองจิกก็ขนลุกได้แล้ว เพราะเป็นคนที่มีสายตามีอำนาจมากจนน่ากลัวจากการเก๊กและอินเนอร์ด้วยส่วนหนึ่ง

    ไม่จบแค่นั้น...เซริเซียนอกจากปากจัดแล้ว ยังเป็นคนที่ขี้บ่นด้วย ลองใครทำอะไรไม่เพอร์เฟ็กต์ไปเข้าสายตาแม่คุณสิ รับรองว่าแม่นางจะส่งกลับมาให้แก้ ไม่ก็แก้เองเลย แถมด้วยคำบ่นอีกชุดใหญ่ๆ (ซึ่งเดาได้เลยว่าคนเป็นแม่บ้านน่าจะเกลียดเธอมากจากการบ่นเพราะที่จัดเอกสารไม่คืนที่เดิมเป๊ะทุกวัน 555 ไม่ก็ไม่ทำให้ ปล่อยให้จัดเองเลย ซึ่งก็ดี เพราะเซริเซียเชื่อว่าตัวเองทำเนี้ยบกว่าอยู่แล้ว ความลับจะได้ไม่รั่วด้วย เธอรักความสะอาดและความมีระเบียบจะตายไป) บ่นจนหลายคนแอบนินทาว่าเหมือนคนแก่ (เออแก่กว่าเอ็งแล้วกัน) บางทีทำงานเองขัดใจเองก็บ่นตัวเองอีก สรุปก็คือสามารถบ่นได้เรื่อยๆหากมีเรื่องให้บ่น ถ้าวันไหนไม่บ่น แปลได้ไม่กี่อย่าง คือวันนั้นเธอไม่อยู่ ไม่ก็งานเสร็จแล้วนั่นแหละ

    ถามว่าข้อดีน่ะมีบ้างไหม...บอกเลยว่ามี คือจริงๆแล้วเซริเซียน่ะเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดี ว่าง่ายๆนางซึนเดเระ ปากตรงกับใจไม่ได้(?) มันเสียฟอร์มที่เธอแอ๊บขรึม (ยกเว้นเรื่องเพอร์เฟ็กต์ชั่นนิสต์ที่ไม่ต้องแอ๊บมันก็เคร่งอยู่แล้ว) เป็นคนที่เป็นห่วงคนรอบตัวอย่างห่างๆ แต่แสดงออกตรงๆไม่เก่ง เพราะไม่อยากเสียฟอร์มเป็นหลัก อีกอย่าง...ตั้งแต่เธอก้าวเท้าเข้ามาในแฟมิลี่นี้ เธอก็สำนึกตัวเองอยู่เสมอว่าตัวเองน่ะกลายเป็นนักฆ่าไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หากจะทำงานให้สมบูรณ์แบบ การมีความใจดีก็รังแต่จะทำให้ตัวเองโลเลจนงานพลาดเท่านั้น แต่นิสัยที่เป็นมาแต่เด็กทำอย่างไรก็ไม่อาจตัดทิ้งได้หมด จึงได้แต่แสดงออกอย่างอ้อมๆ ผ่านการบ่นและอื่นๆ ทำเอาหลายคนเข้าใจผิดไปไกล แต่เธอก็ไม่คิดจะแก้ไข เรียกว่าใช้มันเป็นตัวกรองคนออกจากเธอด้วยซ้ำ ไม่อยากยุ่งกับเธอก็ไม่ต้องยุ่ง เธอไม่ง้อหรอก เชอะ!

    ด้วยนิสัยหลายอย่างที่กล่าวมาข้างต้น เดาไม่ยากเลยว่าเธอมีเพื่อนปริมาณเท่าไหร่ แม้จะทำตัวสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อประกอบกับหลายๆเหตุผลทำเอาเธอเป็นคนที่เพื่อนน้อยไปโดยปริยาย แถมยังแอบเข้าสังคมลำบากเพราะมีอุดมคติสูง ซ้ำยังดูทระนงในเกียรติของตนอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่า..เธอ-ไม่-แคร์ ใครไม่สำคัญสำหรับเธอก็เมินได้หมดนั่นแหละ แต่คนอื่นห้ามเมินเธอนะ...คือเซริเซียเป็นคนที่เกลียดการถูกเมินเอามากๆ ถ้าเธอให้ความสนใจด้วยการยอมโต้ตอบเล็กๆน้อยๆพอเป็นกระษัย หย่อนเบ็ดให้อีกฝ่ายมาตะครุบแล้วล่ะก็...ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมงับเหยื่อด้วยเหตุผลอะไรก็ตามจะอารมณ์เสียเอามากๆ เพราะเธอถือว่าสนใจแล้วก็ช่วยสนใจกลับเป็นมารยาทหน่อยสิยะ!!! จะบอกว่าลึกๆเป็นคนขี้เหงาก็ไม่ค่อยผิดนักหรอก

    แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเป็นเรื่องของคนสำคัญแล้ว เซริเซียจะเป็นคนที่เอาใจใส่เอาเรื่องไม่ว่าจะแสดงออกมาตรงๆหรือไม่ก็ตาม จะพยายามให้คนๆนั้นมีความสุขที่สุดเท่าที่ความสามารถตัวเองพอจะเอื้ออำนวยให้ได้ ลำบากอะไรก็พยายามหาทางช่วยแม้จะบ่นๆบ้าง แอบๆทำบ้างก็เถอะ เวลาแบบนี้จะนิยมเป็นพวกปิดทองหลังพระ ขอแค่พวกเขามีความสุขดี จะไม่รู้ก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างถ้ารู้เธอจะเอาหน้าที่ไหนไปเก๊กขรึมต่อล่ะ หากเกิดมีคนรู้แล้วมาถามก็จะเฉไฉไม่ก็ซึนเดเระไปตามระเบียบเช่นเคย...(ยกเว้นคุณแม่คนหนึ่งล่ะที่เธอไม่เก๊กใส่)

    เนื่องจากในอดีตมีปมเรื่องครอบครัวโดยเรื่องเริ่มมากจากคุณพ่อ ดังนั้นไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่เซริเซียเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องความรัก ความรักที่เธอเชื่อมีเพียงความรักของแม่ลูกและสายสัมพันธ์ของผองเพื่อนเท่านั้น (แม้ข้อหลังจะไม่ยอมรับออกมาตรงๆก็ตาม) ความรักเรื่องชายหญิงเป็นสิ่งที่เธอคิดว่าไม่มีจริง บทเรียนอันเจ็บปวดนั้นสอนให้รู้ว่า ความรักกินไม่ได้ เพราะฉะนั้นการจะทำให้เธอรักได้ต้องฝ่ากำแพงที่สูงมากซึ่งก็คือกำแพงความคิดและรอยแผลอันเจ็บปวดของเธอนี่แหละ นอกจากนั้นยังเป็นพวกไม่รับมุขเสี่ยว ไม่ชอบให้มาจีบหรือทำตัวใกล้ชิดเกินไป โดยเฉพาะกับผู้ชายจะรุนแรงมากเป็นพิเศษ จะเรียกว่ามองโลกในเรื่องความรักในแง่ร้ายก็ได้ แต่ขอบอกเลยนะว่าเธอไม่ได้ใสซื่อหรือเขินอายเรื่องความรักแต่อย่างใด ออกจะรู้มากไปเสียด้วยซ้ำจนผู้ชายหมดมุกจะจีบและถอดใจไปเอง

    เอาจริงๆแล้ว เซริเซียเป็นพวกชอบฉายเดี่ยว! จะแสดงฝีมือได้ดีมากหากทำงานคนเดียว เพราะเป็นคนที่มีความสามารถหลากหลายบวกกับความรอบคอบทำให้ทำงานได้รัดกุม อีกอย่างคือเพราะเธอสามารถควบคุมทุกอย่างเองได้ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจการทำงานเป็นทีมแต่อย่างใด สอดคล้องกับนิสัยรักสันโดษแต่ก็ไม่ได้เกลียดการสุมหัว เพียงแต่เพื่อนร่วมทีมของเธอก็ควรจะพึงสังวรณ์ไว้สักนิดว่าหากงานออกมาไม่ดีจะเจอนางบ่นอย่างแน่นอน แต่เรื่องที่สำคัญเลยคือเธอไม่ชอบงานน่าเบื่อ! จริงอยู่ที่ว่างานง่ายจะทำให้สมบูรณ์แบบได้ง่ายด้วย แต่แล้วไง? มันน่าภูมิใจตรงไหนล่ะ? ภูมิใจว่าทำงานได้ดีเพราะย่ำอยู่กับที่น่ะนะ ตลก...สู้เอางานที่ท้าทายและพัฒนาความสามารถตัวเองมาทำให้สมบูรณ์แบบมันน่าสนุกกว่าตั้งเยอะ

    ชีวประวัติ :: “เซริเซีย เอเรียล ซินเบอเลกฮ์” ได้ลืมตาดูโลกขึ้นมาในนาม “เซริเซีย เอเรียล กาแรนซ์” ทายาทของตระกูลกาแรนซ์ที่เป็นตระกูลดังในทางการแพทย์ในอังกฤษ คุณพ่อของเธอ “ลูเซิร์น ดี. กาแรนซ์” นั้น เป็นทันตแพทย์มือหนึ่ง ในขณะที่แม่ของเธอ “เอเรียล เอ็ม. ซินเบอเลกฮ์” นั้นเป็นนักเปียโนมีชื่อเสียง

    เซริเซียเกิดมาโดยที่ตระกูลกาแรนซ์ไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่ เพราะเดิมทีลูเซิร์น...คุณพ่อของเธอนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นคุณหนูจากตระกูลผู้ดีเก่า ซ้ำยังแอบชอบลูเซิร์นตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก แต่คุณพ่อกลับคบหากับคุณแม่ที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนอยู่มหาวิทยาลัย ในตอนตัดสินใจแต่งงานกันนั้น คุณแม่ยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก เป็นแค่นักเปียโนธรรมดาๆ ที่มีชื่อเป็นที่รู้จักแค่ในวงการเท่านั้น เมื่อเซริเซียเกิดมา คุณแม่ของเธอก็ยิ่งต้องทำงานมากขึ้นเพื่อที่จะเลี้ยงเธอ แม้ว่ารายได้จากลูเซิร์นจะสามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างไม่ขัดสนอะไรมากมาย แต่เธอก็ไม่คิดที่จะพึ่งพิงสามีเพียงอย่างเดียว แม้ว่าช่วงแรกจะตัดสินใจทุ่มเทให้ลูกเต็มที่เพื่อไม่ให้ขาดแคลนความรัก เมื่อเซริเซียโตพอจะรู้ความแล้ว (ประมาณ 5 ขวบปี) คุณแม่ของเธอก็รับงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงอนุบาลและประถมเธอเลยมักจะได้ไปที่คลินิกทำฟันของพ่อช่วงหลังเลิกเรียนเป็นประจำ...

    เนื่องจากอาชีพทันตแพทย์นั้น เป็นอาชีพที่มีความละเอียดระดับมิลลิเมตร ย้ำ...มิลลิเมตร ในตอนนั้นเซริเซียร์ยังเด็ก เลยไม่เข้าใจว่าไอ้จุดความต่างเล็กๆนี่มันสำคัญตรงไหน ทำไมต้องดูใส่ใจกับค่าเล็กๆน้อยๆที่มองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่เห็นด้วยซ้ำ เมื่อเธอไปถาม คุณพ่อก็ใจดีพอที่จะยกตัวอย่างฟังอย่างละเอียด ด้วยการเอาตัวอย่างเคสที่ผิดพลาดจากการละเลยจุดเล็กๆเหล่านั้นมาให้ดู และให้ดูเคสที่สำเร็จจากการใส่ใจจุดเล็กๆเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกัน พร้อมกับคำพูดที่ว่า

    “เซียร์...ทุกอย่างมันก็เริ่มต้นและประกอบจากสิ่งเล็กๆเหล่านี้ทั้งนั้นแหละ มันอาจดูเล็กน้อย แต่ก็สำคัญนะ อย่าละเลยมันนะลูก”

    แม้กระทั่งคุณแม่ที่งานยุ่ง แต่เมื่อมีเวลา เธอก็มักจะมาเล่นเปียโนให้ฟัง บทเพลงไพเราะจับใจเหล่านั้นเกิดจากการดีดคีย์เล็กๆอย่างต่อเนื่องและแม่นยำ เมื่อเซริเซียลองเล่นบ้างก็ขมวดคิ้วเมื่อเพลงที่เธอเล่นฟังดูไม่เข้าหูเอาเสียเลย

    “ไม่เห็นจะเพราะเหมือนที่คุณแม่ทำเลย”

    “คิก...ก็ลูกดีดผิดคีย์นี่จ๊ะ”

    “แต่มันก็อยู่ติดๆกัน...เสียงก็น่าจะคล้ายๆกันไม่ใช่เหรอ...”

    “อืม มันก็ใช่อยู่ แต่ลูกก็บอกเองว่ามันไม่เพราะ เพลงน่ะดัดแปลงได้ก็จริง แต่ก็ต้องการความถูกต้องแม่นยำด้วยน้า...เพี้ยนไปแค่นิดเดียวเพลงก็ไม่เพราะแล้ว เห็นมั้ย...โน้ตตัวเดียวก็สำคัญนะ...”

    ตั้งแต่นั้นมา เซริเซียก็เริ่มมองอะไรให้ละเอียดลออมากขึ้น ดวงตาของเธอเริ่มเฉียบคม การกระทำเริ่มละเอียดอ่อน มองความแตกต่างและความเปลี่ยนแปลงออกแม้ว่าจะเล็กน้อยเสียจนแทบจะมองไม่เห็นก็ตาม...

    จากสิ่งกว้างใหญ่ค่อยๆมองอย่างละเอียดลออ ใส่ใจแม้กระทั่งจุดเล็กๆที่คนอื่นมองข้าม..

    เธอจะไม่ลืม เธอจะสังเกต เธอจะใส่ใจ

    ก็เธอไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดนี่นา...

    แต่บางทีเซริเซียก็คงลืมไปว่า บางทีการไม่รู้ไม่เห็นก็เป็นเรื่องดี บางเรื่องกับบางคนแล้วมันก็ควรจะเป็นความลับต่อไปจนถึงเวลาอันสมควร แต่โชคร้าย...ความช่างสังเกตของเซริเซียมีมากเกินกว่าจะทำเป็นมองไม่เห็นอะไรพวกนั้น..

    รวมถึงรอยร้าวเล็กๆในครอบครัวที่เริ่มปริออกมานั่นด้วย...

    เซริเซียเริ่มสังเกตว่า คุณพ่อกับคุณแม่ดูไม่ค่อยพูดตากันเหมือนเก่า ทั้งที่แต่ก่อน แม้จะมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อย แต่หากมีเมื่อไหร่ก็จะเป็นเวลาครอบครัวแสนสุขสันต์ แต่พักหลังๆมานี้...ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีตอนมัธยมต้นปีหนึ่ง บรรยากาศตึงเครียดและเย็นชาก็เป็นบรรยากาศประจำบ้านของเธอไปเสียแล้ว...

    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

    เซริเซียพยายามหาคำตอบ แต่ไม่ว่าจะถามทั้งคู่อย่างไร ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มแล้วตอบว่าไม่มีอะไร จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจสืบหาเรื่องราวทั้งหมดด้วยตนเอง ด้วยการตามสะกดรอยทั้งคู่ไป ด้วยความที่คุ้นเคยกับที่ทำงานพ่อ จึงตัดสินใจสะกดรอยตามพ่อก่อน แต่ก็คว้าน้ำเหลวมาหนึ่งอาทิตย์เต็มจนเธอเริ่มจะเบนเป้าหมาย แต่แล้ววันที่เธอคิดจะเปลี่ยนแผน เซริเซียก็บังเอิญไปเห็นคุณพ่อนั่งคุยหัวเราะสนุกสนานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่แม่ และที่สำคัญเธอรู้จักอีกฝ่ายด้วย...

    โรเซเลีย อาร์. ฟิลอนเดส อดีตคู่หมั้นของคุณพ่อ...

    ทำไมคุณพ่อกับเธอคนนั้นถึง...

    เซริเซียพยายามกล่อมว่าตัวเองแค่เข้าใจผิดแล้วกลับบ้าน แต่ก็สลัดภาพนั้นออกจากหัวไม่ได้สักที แถมมันยังทำให้เธอคิดมากจนสุดท้ายก็นอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นมากลางดึกว่าจะไปหานมร้อนทาน แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูห้องออกไป เธอก็ได้ยินเสียงพูดด้วยความโกรธและเย็นชา

    “เธอไม่เข้าใจหรอก...เอล”

    “ฉันรู้ว่าตอนนี้ตระกูลของคุณกำลังย่ำแย่ ลูซ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลอธิบายเรื่องที่คุณกับคุณอดีตคู่หมั้นของคุณมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กัน”

    ...คุณแม่ก็รู้เรื่องนี้?

    หลังจากนั้นเซริเซียก็ฟังบทสนทนาไม่รู้เรื่องเท่าไหร่เพราะทั้งสองพูดเสียงเบาลง แต่แล้วอยู่ๆเสียงของคุณพ่อก็ดังขึ้น

    “เธอไม่เข้าใจหรอกว่าเงินมันสำคัญขนาดไหน!!!

    จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป เซรีเซียเห็นท่าไม่ดีก็เลยเปิดประตูออกไปด้านนอก แล้วก็พบกับสถานการณ์ที่ชวนให้เศร้าและลำบากใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

    ภาพที่พ่อกับแม่ยืนคนละฟากห้อง โดยพ่อถือกระเป๋าเดินทางใบโต ใบหน้านิ่งเฉย ไม่เหมือนคุณพ่อผู้อ่อนโยนที่เธอรู้จัก ส่วนคุณแม่ที่มักมีรอยยิ้มเสมอตอนนี้มีแค่ความเย็นชาและน้ำตาที่ไหลอาบหน้า สีหน้าของแม่ดูตกใจมากเมื่อหันมาเห็นเธอ

    “เซียร์...ทำไมลูกยังตื่นอยู่ล่ะ? นี่ดึกมากแล้ว ไปนอนเถอะนะ...”

    “พ่อกับแม่...มีเรื่องอะไร...กันเหรอคะ? แล้วนั่น...คุณพ่อจะไปไหนเหรอ?”

    ทั้งสองไม่ตอบคำถาม ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่อยู่ชั่วขณะก่อนที่คำเฉลยจะดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของใครคนหนึ่ง

    “แหม...ก็คุณพ่อของเธอน่ะจะมาอยู่กับฉันแทนแม่ของเธอน่ะสิจ๊ะ หนูน้อย...” โรเซเลียกล่าวพลางคล้องแขนของลูเซิร์นไว้อย่างสนิทสนม ทำเอาเขาหน้าเครียดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร

    “...ไม่ได้เจอกันนานนะคะ มิสฟิลอนเดส...”

    “ไม่ได้พบกันนานเช่นกันค่ะ...มิสซิสกาแรนซ์ อ้อ...อีกเดียวก็จะกลายเป็นอดีตแล้วนี่นะ”

    “...คุณเรียกผิดแล้วล่ะค่ะ” คุณแม่ขยับยิ้ม แต่ดวงตาเปล่งประกายท้าทาย “ฉันในตอนนี้คือ...เอเรียล มารีน่า ซินเบอเลกฮ์ ไม่รู้จักมิสซิสกาแรนซ์ที่คุณว่าหรอกค่ะ แล้วตอนนี้คุณก็มารบกวนเวลาพักผ่อนของฉันกับลูก เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะคะ” เอเรียลยิ้มก่อนจะเดินไปรุนหลังทั้งสองให้ออกนอกประตู แล้วฟาดประตูปิดอย่างไม่ใยดีโดยไม่สนเสียงโอดโอยและโวยวายด้านนอก

    “...คุณแม่...คุณพ่อจะไปไหนเหรอคะ?”

    สีหน้าของเอเรียลหม่นหมองลงยามเซริเซียเอ่ยถาม “...คุณพ่อเขาไม่อยู่กับเราแล้วล่ะลูก”

    “...ทะ...ทำไมละคะ?”

    “...นั่นสินะ” สายตาของคนเป็นแม่ปรากฏความลังเล แต่สุดท้ายก็มันก็หายไปพร้อมกบการถอนหายใจ “...ตระกูลกาแรนซ์ของพ่อลูกตอนนี้มีปัญหาด้านการเงินน่ะ ทางตระกูลฟิลอนเดสเลยเสนอความช่วยเหลือโดยการให้พ่อหย่ากับแม่เพื่อไปแต่งงานกับลูกสาวของทางนั้น แล้วพ่อเขาก็ตกลงเท่านั้นเอง...”

    “...ได้ด้วยเหรอคะ? จะแต่งงานมันต้องรักกันไม่ใช่เหรอ? คุณพ่อไม่รักคุณแม่แล้วเหรอ?” เซรีเซียพูดเสียงสั่น น้ำตาไหลพรั่งพรูลงมาไม่ขาดสาย ในอกโหวงวูบเมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะไม่มีพ่อที่คอยสอนสั่งเธออีกต่อไปแล้ว

    ทำไม...ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนี้กัน?

    เอเรียลลูบหัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเธอเบาๆแล้วรั้งเข้ามากอด “...เรื่องนั้นแม่ก็ไม่รู้สินะ มันก็แค่ว่าเขาเห็นความสำคัญของเงินมากกว่าแม่ก็เท่านั้นเอง...”

    “แค่เพื่อเงิน...เท่านั้นเองเหรอคะ?”

    “ในโลกนี้มีคนอยู่สองประเภท คือคนที่เงินซื้อได้ และคนที่เงินซื้อไม่ได้ คุณพ่อเขาเป็นคนแบบแรก มันก็เท่านั้นเองแหละจ้ะ...”

    “แล้วแม่ละคะ?”

    “แม่เหรอ? ก็คงจะแบบแรกเหมือนกันแหละมั้ง...” เอเรียลเอ่ยกลั้วหัวเราะ แต่ในดวงตากลับมีน้ำใสๆไหลออกมา “ไม่งั้นแม่คงไม่ทำงานแทบเป็นแทบตายแบบนั้น...แต่แม่ก็แค่รู้ว่าอะไรที่สำคัญกว่าเงินก็เท่านั้นเอง”

    “อะไรเหรอคะ?”

    เอเรียลยิ้ม “ก็ลูกไงจ๊ะ เงินสำคัญก็จริง แต่ถ้าลูกไม่อยู่ แม่มีเงินขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้แม่มีความสุขหรอกจ๊ะ...แม่ขอโทษนะ...ที่เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ต่อไปแม่อาจจะต้องทำงานหนัก อาจจะต้องปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว แต่ไม่ว่ายังไงแม่ก็จะไม่มีวันทอดทิ้งลูกแน่ เซียร์เป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของแม่เลยนะ” เอเรียลเอ่ยทั้งน้ำตาพลางกอดเซริเซียแน่นขึ้น

    “...อื้อ เซียร์ก็รักแม่ที่สุดเหมือนกัน เซียร์จะพยายาม โตขึ้นจะหาเงินให้ได้เยอะๆ เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปเลย...”

    ...เงิน...สินะ...

    ...ถ้าเงินทำได้ขนาดนั้น งั้นฉันก็จะควบคุมมันให้ได้ คอยดูสิ!!!

    หลังจากนั้นเซริเซียก็เปลี่ยนเป้าหมาย จากที่เคยอยากเป็นทันตแพทย์เหมือนพ่อก็เบนไปทางสายการเงิน ลองเล่นหุ้นจำลองตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ตั้งใจเรียนจนได้ทุน จบมัธยมที่ดีที่สุดในประเทศด้วยคะแนนสูงลิบจนได้ทุนต่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่อังกฤษ โดยเลือกเรียนคณะบัญชีและบริหารควบคู่กันไป เมื่อบรรลุนิติภาวะเธอก็เริ่มซื้อขายหุ้นด้วยเงินเก็บของตัวเองจนทำกำไรได้มหาศาล ได้ฉายาว่า “แม่มดตลาดหุ้น” ในเวลาไม่ถึงสามปี และสิ่งที่เธอทำสิ่งแรกก็คือ...ทุบหุ้นบริษัทที่อยู่ในเครือกาแรนซ์กับฟิลอนเดสให้กระจุยจนขาดทุนยับเยิน เพื่อแก้แค้นในสิ่งที่พ่อทำกับพวกเธอสองแม่ลูก แม้ว่าคุณพ่อของเธอจะโทรมาอ้อนวอน เธอก็เพียงตอบกลับอย่างเย็นชา

    “...คุณพ่อผู้แสนอ่อนโยนและใจดีของดิฉันเสียไปนานแล้วล่ะค่ะ มิสเตอร์กาแรนซ์ ดิฉันไม่เคยมีพ่ออย่างคุณ”

    แม้ว่าเซริเซียจะมีเงินแล้ว แต่เธอและคุณแม่ก็ยังไม่หยุดทำงาน ยิ่งช่วงหลังๆมานี้ชื่อเสียงแม่เธอเป็นที่เลื่องลือ งานก็ยิ่งเยอะ เธอและแม่จึงไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ ด้วยความที่อยู่คนเดียวบ่อย เซริเซียจึงตัดสินใจฝึกศิลปะการต่อสู้ไว้ใช้ในยามคับขันตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัย และวันหนึ่งในขณะที่เธอกลับจากมหาวิทยาลัยสมัยเรียนปริญญาโท (ตอนนั้นเธออายุราวๆ 22 ปี) ก็มีผู้ชายแปลกหน้ายืนอยู่หน้าหอพัก และเดินเข้าหาทันทีเมื่อเห็นเธอ

    “คุณคงเป็นมิสเซริเซีย เอ. ซินเบอเลกฮ์สินะครับ”

    ดวงตาของเซริเซียร์หรี่ลงทันที “คุณเป็นใคร มีธุระอะไรกับดิฉันกันคะ?”

    “โอ๊ะๆ อย่าทำหน้าหวาดระแวงแบบนั้นสิครับ ผมมาจากดอลล่าร์แฟมิลี่...ทางแฟมิลี่ของเราสนใจคุณมาก และอยากให้คุณไปร่วมงานด้วยน่ะครับ”

    “...ตอนนี้ดิฉันยังไม่สะดวกคุย ทิ้งรายละเอียดกับช่องทางติดต่อกลับมาไว้ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงนั้น แล้วดิฉันจะนำไปพิจารณาอีกทีค่ะ” ว่าจบก็สาวเท้าเดินเข้าหอพักไป ไม่รอฟังคำอื่นอีกเลย

    วันถัดมา ในกล่องจดหมายของเซริเซียมีซองเอกสารสีน้ำตาลอยู่ เมื่อเปิดมาก็พบกับรายละเอียดของงานอย่างไม่ปิดบัง และยิ่งเลิกคิ้วเมื่อในเอกสารระบุงานที่น่าจะผิดกฎหมายอย่างไม่คิดจะปั้นแต่งเลยสักนิด แถมยิ่งเมื่อลองตรวจสอบแล้วมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ทำเอาเธอกระตุกยิ้ม ก่อนจะกดเบอร์โทรออก

    “ว่าไงครับ...มิสซินเบอเลกฮ์”

    “ดิฉันว่าพวกคุณต้องบ้ามากแน่ๆที่เอาเอกสารที่เขียนเรื่องพวกนี้ส่งมาตรงๆ ถ้าดิฉันนึกอยากทำตัวเป็นคนดีเอามันไปให้ตำรวจขึ้นมา พวกคุณไม่เดือดร้อนแย่เหรอคะ?”

    “...แต่ถ้าคุณไม่สนใจ คุณคงไม่ติดต่อกลับมาหรอกจริงไหมครับ?”

    “ชะ...ใช่ว่าติดต่อกลับมาจะแปลว่าตอบรับนี่คะ”

    “ครับ...คงใช่...แล้ว...ว่ายังไงล่ะครับ? ข้อเสนอของทางเรา...สนใจไหมครับ?”

    ข้อเสนอที่ทางนั้นยื่นมาคือจะปกป้องคุ้มครองคุณแม่ของเธอตลอดไป...และค่าตอบแทนมหาศาล...

    ถ้าทำได้ขนาดนั้นจริง...จะมีเหตุผลอะไรให้เธอปฏิเสธกันล่ะ...

    ถ้าทำไม่ได้ ยังไงซะเธอก็มีเอกสารนี่เป็นตัวประกันในมืออยู่แล้ว...

    แม่คะ...เซียร์ก็เหมือนแม่นั่นแหละค่ะ...

    เงินอาจซื้อเซียร์ได้ แต่เซียร์รู้ว่าอะไรดีที่สุดและสำคัญที่สุดสำหรับตัวเองก็เท่านั้นเอง...

    “...แล้วคิดว่าดิฉันควรจะตอบว่าอะไรล่ะคะ?”

    “งั้นผมถือว่าคุณตกลงแล้วนะครับ”

    “หึ...หวังว่าคนที่เหลือและงานจะไม่น่าเบื่อ และดิฉันจะได้ค่าตอบแทนตามที่ว่านะคะ”

    “แน่นอนครับ...ยินดีต้อนรับสู่ดอลล่าร์แฟมิลี่นะครับ มิสซินเบอเลกฮ์”

     

    ตำแหน่งงานที่ได้รับ :: พนักงานบัญชี

     

    คู่ :: ฮิบาริ เคียวยะ

     

    อาวุธ :: แส้ที่ทำจากวัสดุพิเศษ เหนียวและยืดหยุ่น ฟาดโดนทีรับรองได้เลือด แถมยังมีปุ่มกลไกเอาไว้ช็อตไฟฟ้าใส่ปลายแส้ได้อีกต่างหาก แถมด้วยไฟธาตุเมฆาทำให้มันยืดยาวได้เรื่อยๆจากคุณสมบัติเพิ่มพูน ซ้ำยังสามารถงอกปลายแส้ออกมาเพิ่มได้เมื่อเร่งไฟธาตุเมฆาใส่มันมากพออีกด้วย 

    เนื่องจากว่าเซริเซียไม่ค่อยชอบสู้แบบเห็นเลือดเนื่องจากไม่ชอบและไม่อยากให้เสื้อผ้าตัวเองเลอะเทอะ ส่วนใหญ่วิธีการต่อสู้จะเป็นการจับกุมและน็อคสลบมากกว่า เรื่องบู๊จนตายก็ยกให้เพื่อนคนอื่นในทีมไป ตายเพราะการสู้เนี่ย...ดูไม่เป็นปัญญาชนเท่าไหร่นะ เธอชอบฆ่าให้ตายด้วยเรื่องการเงินมากกว่า ฮิๆ:) 



     

    ธาตุ :: เมฆา

     

    สิ่งที่ชอบ ::

    - ความเพอร์เฟกต์ มีระเบียบเรียบร้อย [เนื่องจากเธอคิดว่าจุดเล็กๆทุกจุดสำคัญ เลยชอบที่จะเห็นมันสมบูรณ์แบบ เวลาทำได้จะยิ้มบางๆอย่างพึงพอใจ]

    - เสียเปียโน [เนื่องจากทำให้เธอนึกถึงคุณแม่ และรู้สึกสงบใจทุกครั้งที่ได้ฟัง จะเล่นไม่ก็หลับตาฟังอย่างเพลิดเพลิน]

    - สัตว์เล็กๆ [เนื่องจากพวกมันน่ารักน่าเอ็นดู เวลาเจอจะตาเป็นประกาย และหากไม่มีใครอยู่แถวนั้นจะเข้าไปเล่นด้วยทั้งที่หน้าขรึมๆ]

    - การที่ทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมหรือเป็นไปตามแผน [เนื่องจากชอบความสมบูรณ์แบบก็เลยอยากให้มันเป็นไปตามแผนให้ผลออกมาดี ถ้าทำได้จะดูนิ่งๆ แตในใจจะพอใจมาก]

    - เรื่องท้าทาย [เนื่องจากคิดว่าต้องพัฒนาตัวเองตลอด เวลาเจอจะรับงานด้วยความเต็มใจ]

    - เงิน [เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการดำรงชีวิต เวลาได้มาจะกรีดนับอย่างใจเย็นด้วยรอยยิ้ม]

    - สถานที่สงบๆ [เนื่องจากเธอไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆจนแออัด เวลาอยู่ที่นั่นจะผ่อนคลาย]

     

    สิ่งที่ไม่ชอบ ::

    - เรื่องน่าเบื่อ [เนื่องจากไม่มีอะไรน่าสนใจ เวลาเจอก็ทำหน้าซังกะตาย]

    - ความไม่สมบูรณ์แบบ งานที่ทำแบบขอไปที / ข้อผิดพลาด [เนื่องจากจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดต่อๆไป เวลาเจอจะแก้ด้วยท่าทางหงุดหงิดและบ่น]

    - สถานที่ๆคนแออัด [เนื่องจากมันทำให้เธออึดอัด เวลาไปอยู่ที่นั่นจะรีบเฟดตัวออกมา]

    - คนดื้อ พูดด้วยไม่รู้เรื่อง [เนื่องจากเธอไม่ชอบทำอะไรน่าเบื่ออย่างการพูดซ้ำๆ หากเจอจะพยายามเลี่ยงไม่ข้องเกี่ยวด้วย]

     

    สิ่งที่เกลียด ::

    - การถูกเมิน [เนื่องจากเป็นคนที่ถ้าให้ความสนใจใครแล้วจะคาดหวังว่าจะได้ตอบกลับ ถ้าเจอแบบนี้จะอารมณ์เสีย]

    - การนอกใจ และการหักหลัง [เนื่องจากครอบครัวเธอพังทลายเพราะการนอกใจและหักหลัง ดังนั้นหากเจอเธอจะแก้แค้นคืนให้สาสม]

    - แมลงสาบและหนอน [เนื่องจากสัตว์เหล่านี้แสดงถึงความสกปรก ดังนั้นหากเจอจะรับกำจัดทิ้งทันที]

     

    งานอดิเรก ::

    - เดินทางไปชมคอนเสิร์ตของคุณแม่

    - ดูดาว

    - เล่นเปียโน

    - เล่นหุ้น

    - อ่านหนังสือการเงิน หุ้นไม่ก็เกี่ยวกับดนตรี

    - จัดข้าวของให้เข้าที่

     

    ลักษณะคำพูด :: น้ำเสียงของเซริเซียจะเป็นโทนนิ่งๆ ขรึมๆ แต่ฟังดูมีอำนาจ ไม่ได้โมโนโทนจนชวนง่วง แอบติดจะหยิ่งๆนิดหน่อยด้วยนิสัย มักไม่ปรากฏอารมณ์ในน้ำเสียงเท่าไหร่ยกเว้นจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ มักมีคำลงท้ายอยู่เสมอยกเว้นเวลาบ่นกับตัวเอง เวลาแทนตัวเองมักจะใช้คำว่า “ดิฉัน” แต่ถ้ากับคนสนิทจะเป็น “ฉัน” ส่วนคนในครอบครัวหรือคุณแม่ เธอจะแทนตัวเองว่า “เซียร์” มักจะแทนคนอื่นว่า “คุณ” หรือไม่ก็เรียกนามสกุลตามด้วยซัง หากตำแหน่งสูงกว่ามักจะเรียก “ท่าน” ไม่ก็ “ท่าน(นามสกุล)” แต่หากเป็นคนที่สนิทกันแล้วก็จะเรียกชื่อไม่ก็แทนว่า “เธอ /นาย” แทน

    ตัวอย่างสถานการณ์

    [เจอคู่ของตัวเองเป็นครั้งแรกในฐานะรุ่นพี่และเด็กฝึกงาน]

    “...ถ้าจะมาทำงานกับดิฉันรบกวนแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยค่ะ นี่เนกไทก็ไม่มี เสื้อเชิ้ตก็ยับ หัวก็ยุ่งเป็นรังนก ตัวของตัวเองยังรับผิดชอบไม่ได้ จะรับผิดชอบงานอื่นได้ยังไงกันละคะ?”

    [เจองานที่ไม่เพอร์เฟ็กต์ที่ต้องแก้แล้วบ่น]

    “ไม่ได้เรื่องเลย ตรงนี้มีจุดพลาดอยู่ตั้งเยอะยังจะส่งมาอีก...” (บ่นๆๆๆ)

    [เจอแม่]

    “คุณแม่คะ...เซียร์คิดถึงแม่จัง” (กอด)

    [ซึนเดเระเนื่องจากโดนจับได้ว่าแอบช่วยเหลืออยู่]

    “...พูดเรื่องอะไรกันคะ พอดีเห็นว่ามันว่างแล้วก็เบื่อๆก็เลยหาอะไรทำแก้เบื่อ แล้วบังเอิญมันไปเข้าทางงานเธอพอดีเท่านั้นเองแหละค่ะ...ไม่ได้ตั้งใจช่วยสักหน่อย” (ประโยคท้ายพูดเบาๆแล้วก็รีบตะครุบบากเมื่อรู้ตัวว่าหลุด)

    [แนะนำตัวตอนสัมภาษณ์งาน]

    สวัสดีค่ะ...ดิฉัน เซริเซีย เอเรียล ซินเบอเลกฮ์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านกรุณาให้โอกาสดิฉันมาเข้าสัมภาษณ์ในวันนี้ค่ะ”

    [โกรธ]

    “...เราจะได้เห็นดีกันค่ะ” (ดวงตาวาวโรจน์)

     

    เพิ่มเติม ::



    -เอเรียล มารีน่า ซินเบอเลกฮ์

    [Avriel Marina Cynburleigh]

    คุณแม่ผู้เป็นที่หนึ่งในใจ ไม่มีใครมาทดแทนได้

    นักเปียโนมีชื่อเสียงแสนเก่งกาจ แต่กลับมีอดีตความรักแสนเศร้าสร้อย

    และเศร้ายิ่งกว่าที่เธอจำต้องห่างลูกสาวที่รักเพียงคนเดียวเพียงเพื่ออยากให้ลูกสุขสบาย...

    [52 Years old / Alive - Healthy]

    - อยากที่บอกไปในประวัติ...เซริเซียเป็นคนที่ก็เรียกว่าเห็นแก่เงินได้ แต่เธอแค่จัดลำดับความสำคัญเป็น เงินซื้อเธอไม่ได้ในทุกเรื่องหรอกนะ

    - เซริเซียเป็นคนที่มีความสามารถในการโกหกหน้าตาย แต่พอมาถึงเรื่องความรู้สึกจะทำไม่ได้ทันที

    - เซริเซียเรียนไอคิโด้ที่เป็นศิลปะป้องกันตัวญี่ปุ่นที่อาศัยแรงของฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นพวกไม่ชอบลงแรงโดยไม่จำเป็นหรือไม่อยากทำ อีกอย่างคือเธอไม่ได้แรงเยอะอะไรเลย ระดับเท่ากับผู้หญฺงทั่วไปที่ออกกำลังกายประจำเท่านั้นเอง ปัจจุบันสายดำแล้ว

    - เซริเซียเล่นเปียโนได้ดีมาก เพลงโปรดของเธอคือ Clair de lune ที่เป็นเพลงแรกที่แม่ของเธอสอนให้เล่น และแน่นอนเพลงที่ชอบต้องเป็นเพลงคลาสสิก

    - เซริเซียเป็นคนที่มือเบามาก คุมน้ำหนักมือได้ดี และเป็นคนที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมสุดๆ

    - เซริเซียยังเล่นหุ้นอยู่ แต่ก็แค่ทำกำไรไปเล่นๆเท่านั้น ทำเอาฉายาแม่มดของเธอเงียบหายไปอยู่เหมือนกัน

    - เซริเซียแต่งตัวแต่งหน้าเก่ง แต่ชอบแต่งแบบเหมือนไม่แต่งหน้ามากกว่า(?) (แบบแต่งแล้วดูเป็นธรรมชาติ ประมาณว่าหน้าสวยมาแต่เกิดแล้ว ซึ่งก็สวยจริง)

    - งานบ้านงานเรือนอยู่ในระดับคนทั่วไป ยกเว้นเรื่องทำอาหารทำได้ดีเพราะอยู่คนเดียวบ่อยๆ

    - รักสัตว์มาก แต่ชอบทำเก๊กไม่สนใจตอนอยุ่ต่อหน้าคนอื่น

    - พูดได้สามภาษาคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น

    - เซริเซียสายตาสั้นพอสมควรจนต้องสวมแว่นตลอด ถ้าไม่มีแว่นภาพจะเบลอๆ วันไหนเห็นไม่ใส่แว่นแปลว่าใส่คอนแท็กเลนส์ที่เธอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

     - เซริเซียเกิดวันที่ 11 ตุลาคม ราศีตุลย์ เลือดกรุ๊ป A ถนัดมือซ้ายมากกว่าขวา แต่ชอบแอ๊บถนัดขวา

     

    บทสัมภาษณ์

    เอาล่ะ ไหนแนะนำตัวมาสิแม่หนู

    - เซริเซียโค้งคำนับเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ นั่งหลังเหยียดตรงดูสง่างาม ใบหน้าประดับยิ้มบางตามมารยาทด้วยความมั่นใจที่ไม่เปี่ยมล้นจนเกินตัว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่ฟังดูเป็นทางการ ไม่ดังไม่เบาจนเกินไปว่า

    “สวัสดีค่ะ...ดิฉัน เซริเซีย เอเรียล ซินเบอเลกฮ์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านกรุณาให้โอกาสดิฉันมาเข้าสัมภาษณ์ในวันนี้ค่ะ”

    ...บ้าจริง โต๊ะเบี้ยว...อยากจัดชะมัด แต่ไม่ได้ๆ อดทนไว้นะเซียร์...อดทนไว้...

    เธอมาสมัครตำแหน่งอะไรถึงได้ถ่อมาที่นี่

    - เซริเซียมีสีหน้าเรียบนิ่งเมื่อได้ยินคำถาม เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายอย่างพยายามสะกดมือไม้ที่อยากจัดโต๊ะคั่นกลางที่เบี้ยวได้ขัดหูขัดตาเธอเหลือเกิน

    “ตำแหน่งที่ดิฉันต้องการคือพนักงานบัญชีค่ะ”

    แม้จะแอบบ่นในใจว่า...เรซูเม่ของเธอก็อยู่ข้างหน้าเขาแล้ว อ่านก็อ่านแล้ว จะถามอีกทำไมก็ตามที

    เคยมีประสบการณ์ทำงานอะไรมาก่อนรึเปล่า ไหนลองบอกให้ฉันฟังหน่อย

    - แววตาของหญิงสาวฉายประกายประหลาดชั่ววูบจนเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตา “ดิฉันเคยทำงานอยู่กับบริษัท XYZ อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพนักงานบัญชีอยู่ประมาณสองสามปีค่ะ...แต่ที่ลาออกมาเพราะว่าดิฉันมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นสักระยะ”

    แน่นอนว่า...ความจำเป็นบางอย่างที่ว่าก็คือ...การสอดแนมที่นี่ไงล่ะ!!!

    ว่าแต่เมื่อไหร่จะจบสักที โต๊ะนี่มันดูน่ารำคาญเกินไปแล้วนะ!!!  นั่น...กรอบรูปก็เบี้ยวอีก ฮึ่ยยยยยย!!!

    ดีนี่ คิดว่าเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับตำแหน่งนี้

    - เซริเซียหลุบตาลงมองตักเล็กน้อย ทำให้เธอเหมือนมีสีหน้าครุ่นคิด แต่ที่จริงแล้วเธอพยายามอดทนไม่มองโต๊ะและกรอบรูปที่ทำเอาเส้นความอดทนต่อความไม่เพอร์เฟ็กต์ใกล้ขาดผึงแล้วต่างหาก

    “ดิฉันเพิ่งเข้ามาใหม่ ดังนั้นขอรับตามตำแหน่งก็พอค่ะ เพราะดิฉันเชื่อว่า...หากมีผลงานเมื่อไหร่ค่อยปรับขึ้นก็ยังไม่สายนี่คะ”

    อดทนไว้...อดทนไว้...

    ฉันต้องขอเตือนเธอไว้อย่างหนึ่งนะ กฏของบริษัทเรานั้นต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องห้ามมีความสัมพันธ์เกินเลยกับเพื่อนร่วมงาน คงจะปฏิบัติได้ใช่ไหม

    - “แน่นอนค่ะ” เซริเซียเน้นเสียงในทุกพยางค์ ทดแทนความหงุดหงิดที่ระบายออกมาไม่ได้ แต่ในใจกลับเกิดคำถาม

    ...แปลก...

    ที่อื่นไม่เห็นจะมีมีกฎแบบนี้เลย แถมยังเคร่งกฎที่ดูไม่มีสาระสำคัญอะไรมากกว่าเรื่องข้อควรปฏิบัติตอนทำงานอีก...

    มันต้องเคยมีเรื่องอะไรแน่ๆ

    หึ วันเริ่มงานของเธอคือสัปดาห์หน้า หวังว่าจะมาตรงเวลานะสาวน้อย

    - “รับทราบค่ะ ดิฉันจะมาให้ตรงตามเวลาแน่นอน” เซริเซียโค้งคำนับก่อนลุกจากเก้าอี้ ทำหน้าขรึม “แต่ก่อนอื่น...ขออนุญาตนะคะ...”

    สิ้นเสียงเจ้าหล่อนก็จัดการขยับโต๊ะและจัดกรอบรูปในห้องสัมภาษณ์ทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง และดูพึงพอใจอ่างเห็นได้ชัดเมื่อมันกลับเข้าที่อย่างสวยงามแล้ว

    “ขอบคุณมากค่ะที่ให้โอกาส...ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”

    จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี

     

     

    คุยกับผู้ปกครอง

    สวัสดีค่าาา :) เรา ปัน ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเออ

    - “ยูกินะ” ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน

    ตรงๆเลยนะคะ เราดองนานนะจะรอได้ไหม55555555

    - ได้ค่ะ เพราะเราก็ดอง 5555

    ปฏิบัติตามกฏครบรึเปล่าเอ่ย เรื่องขนาดตัวอักษรกับรูปแบบตัวอักษรเราเครียดนะเนี่ย

    - จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ถ้าไม่ติดสนใจรับบทเป็นตัวประกอบอื่นมั้ยเอ่ย ถ้าไม่ก็ข้ามข้อนี้ไปเลย

    - รับกลับโอนลี่ค่ะ

    อยากให้นิยามคุณลูกสาวสั้นๆให้หน่อยค่ะ คิดว่าคุณลูกเป็นยังไงในสายตาคะ

    - น่ารักและน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกันค่ะ 555

    ขอบคุณมากที่มาสมัครค่าาา ขอให้โชคดีลูกเข้าตาเราด้วยเถอะเพี้ยง!

    - สาธุ รับเซริเซียไว้พิจารณาด้วยนะคะ

       
          CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×