ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My room :)

    ลำดับตอนที่ #116 : [Fic KNB] Difference [2]

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 60


    Application

     

     

     

    "จะใช่หรือไม่ยังไง...อีกไม่นานฉันจะกระชากตัวตนที่แท้จริงของนายออกมาให้ดูเอง..."

     

    ชื่อจริง : Harukaze Ageha [ฮารุคาเสะ อาเกฮะ] [เรียงสกุล-ชื่อแบบญี่ปุ่น]

    ฮารุคาเสะ – สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ

    อาเกฮะ – เป็นชื่อผีเสื้อค่ะ

    รวมๆแล้วจะแปลได้ว่า “ผีเสื้ออาเกฮะที่โบยบินในสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ”ค่ะ

    ชื่อเล่น : ไม่มีค่ะ กรุณาเรียก “อาเกฮะ” เถอะ...

    โค้ดเนม : เทียร่า [Tiara] [มันคือชื่อของเครื่องประดับศีรษะของพวกชนชั้นสูงค่ะ ตัวชื่อนั้นมีความหมายว่า “แสงแห่งชีวิต” หรือ “เปลวไฟแห่งชีวิต” ค่ะ]

    อายุ : 17

    ลักษณะรูปร่างภายนอก : เด็กสาวรูปร่างสูงโปร่งระหงสูงค่า แขนขาเรียวยาวดูแล้วน่ามองไปเสียทุกส่วนราวกับภูตพรายที่หลุดออกมาจากภาพวาด ผิวสีขาวนวลอมชมพูสุขภาพดีไร้ริ้วรอยใดๆชวนให้ผู้คนที่มองเห็นอยากเข้ามาสัมผัสอย่างยิ่ง และเมื่อมีเส้มผมสีเขียวครึ้มโดดเด่นที่ปล่อยยาวสลวยจรดเอวมาตัดกันแล้วก็ยิ่งทำให้ผิวเธอดูขาวยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้าประกอบจากเครื่องหน้าอันงดงามตั้งแต่คิ้วโก่งเรียวบางราวคันศร จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนดั่งกลีบซากุระ แก้มใสสีระเรื่อ แต่ที่สะกดสายตาผู้คนได้มากที่สุดคงจะเป็นดวงตาสีน้ำเงินฟ้างดงามคู่นั้น...มันทอประกายแพรวพราวระยิบระยับมองแล้วดูคล้ายปีกเสื้ออาเกฮะยามมันโบยบินล้อแสงอาทิตย์ ดูเจิดจ้าและลึกลับจนยากจะละสายตาได้จริงๆ สูง 169 เซนติเมตร หนัก 53 กิโลกรัม

    PS. ผีเสื้อที่บินในรูปอิมเมจก็คือผีเสื้ออาเกฮะค่ะ

     

    อุปนิสัย : ฮารุคาเสะ อาเกฮะ เด็กสาวผู้มีรอยยิ้มน้อยๆที่แย้มออกมาอย่างสนุกสนานประดับใบหน้าเกือบจะตลอดเวลา มองเผินๆแล้วจึงเหมือนเป็นคนร่าเริงสดใสซึ่งก็จริงในส่วนหนึ่ง สามารถคุยกับคนอื่นโดยเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อนได้อย่างไม่มีการเคอะเขินหรืออึดอัดลำบากใจแต่อย่างใด ทำให้มีคนรู้จักกว้างขวางและหลากหลาย หลายคนเลยมองว่าเธอเข้ากับคนง่ายไปโดยปริยาย

     

    อาเกฮะไม่เข้าข่ายผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อย กิริยามารยาทอย่าไปหวังอะไรมากว่าเธอจะชดช้อยมีมารยาทขนาดนั้น แค่เธอแสดงความเคารพตามปกติพูดมีคำลงท้ายมันก็เพียงพอแล้ว  ออกจะแนวค่อนข้างเป็นกันเองมากกว่า และเธอจะเคารพคนที่ควรจะเคารพเท่านั้น อย่าหวังว่าแค่แก่กว่าแล้วเธอจะเคารพเลย เพราะต่อให้แสดงท่าทีเคารพภายนอก ในใจเธอก็ด่านินทาไฟแลบอยู่ดี ชนิดที่ว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะจามไม่หยุดก็เป็นได้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าอาเกฮะคิดว่าท่าทีนุ่มนิ่มอ่อนหวานไม่เข้ากับตัวเอง  และเธอไม่อยากเสแสร้งขนาดนั้นจนน่าอึดอัด บุคลิกของเธอจึงออกจะเป็นสาวมั่นนิดๆมากกว่า แถมยังเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควรแต่ก็ยังไม่เข้าขั้นหลงตัวเองอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นสาวซน...ขี้แกล้งเป็นที่สุด แถมบางทีแกล้งที่ว่านี่ก็แอบแรงใช่ย่อย คนที่โดนไม่สนิทมากก็ต้องเป็นเพราะเป็นเป้าหมายของเธอ แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าเธอแกล้งเล่นๆก็ตามเถอะ

     

    อาเกฮะเป็นคนที่ไม่อาจเรียกได้ว่าจิตใจดีประหนึ่งแม่พระ ไม่ได้มีน้ำใจเอื้อเฟื้ออะไรมากมายขนาดนั้น แอบเห็นแก่ตัวนิดๆด้วยซ้ำแต่ก็อยูในระดับมนุษย์มนาปกติเขาเป็นกัน ไม่ชอบหาเหาใส่หัวและไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไหร่หากไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองสนใจ แต่เป็นคนที่รักพวกพ้องมาก ให้ความสำคัญและชอบที่จะปกป้องพวกพ้อง หากเป็นเรื่องเล็กน้อยขอให้รู้ไว้ก่อนเลยว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็เลือกเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาก่อนคนนอกแน่นอน ฟังดูลำเอียงใช่มั้ย? ก็ใช่...แต่แล้วยังไงล่ะ มนุษย์ทุกคนมีความลำเอียงในตัวเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ไว้ใจใครหรือยกให้ใครเป็นคนใกล้ชิดง่ายๆ แต่หากได้เป็นแล้วก็จะให้ความสำคัญอย่างมากเหนือคนทั่วไป เชื่อใจมากพอสมควร แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ เวลาคนใกล้ตัวทำอะไรให้เสียใจหรือผิดหวังก็จะเจ็บหนักด้วย นอกจากนั้นยังเป็นคนที่ถือสโลแกนร้ายมาร้ายกลับอีกด้วย ใครทำเธอเจ็บ...รับรองเจอกลับแน่ แต่เธอไม่ใช่พวกที่ประเภทตบหน้าด่าแว้ดๆเหมือนพวกนางร้ายในละครหลังข่าวหรอกนะ หึหึหึ จะเอาคืนทั้งที...มันต้องมีชั้นเชิงหน่อยสิ...

     

    แม้จะบอกว่าอาเกฮะมีมุมซนๆในตัว แตก็ไม่ใช่คนอยู่ไม่สุข ต้องหาอะไรทำไปเรื่อยแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ออกจะทำตัวสบายๆชิวๆด้วยซ้ำ หากเป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจแล้วจะขี้เกียจมาก ขี้เกียจเบอร์สุด และทำตัวสโลว์ไลฟ์ใส่มากแม้รู้ว่ามันเป็นงานที่ต้องทำก็เถอะ สุดท้ายก็ทำอยู่ดีแม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม แต่พอเป็นเรื่องที่สนใจหรืออยากทำ ต่อให้มันไร้สาระหรือยากเพียงไหน บุกน้ำลุยไฟก็บ่ยั่น ถือสโลแกน “เป้าหมายมีไว้พุ่งชน” มุ่งมั่นพยายามมากไม่หวั่นต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น บางทีถึงกับเอาตัวเข้าไปเสี่ยงหรือทำอะไรบ้าๆที่คาดไม่ถึงด้วยซ้ำ...

    ดูเผินๆแล้วอาเกฮะก็เหมือนเป็นเด็กสาวสดใสและขี้แกล้งคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นหากใครรู้จักเธอดี จะพบว่าทุกสิ่งที่เธอแสดงออกภายนอกนั้นมันก็เหมือนยอดเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งที่จมอยู่ในห้วงมหาสมุทรอันเย็นเยียบเท่านั้นเอง

     

    คนส่วนใหญ่จะมองว่าอาเกฮะเป็นคนพูดตรง คิดยังไงก็พูดมันออกมาอย่างนั้น แสดงความรู้สึกได้ตรงไปตรงไปตรงมาและเปิดเผย ซึ่งมันก็ถูกส่วนหนึ่ง หากเป็นเรื่องที่คิดว่าพูดออกไปไม่ได้สลักสำคัญอะไรหนักหนาในความคิดเธอ เธอจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนึ้ความสำคัญที่ว่าของเธออาจจะไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านสักเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ว่าเรื่องที่คนอื่นเขาพยายามไม่พูดกัน...เธอกลับพูดได้หน้าตาเฉยแบบไม่ทุกข์ร้อนใดๆ แต่ที่ทุกคนคิดผิดหนักมากคือ...เธอไม่ใช่คนเปิดเผย ออกจะเข้าข่ายมีความลับเยอะมากเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่าทางที่เธอแสดงออกมาให้คนภายนอกเห็นจะเป็นการเสแสร้งไปเสียหมดหรอกนะ มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ(มั้ง?)

     

    แล้วถ้าถามว่าอาเกฮะจริงๆแล้วพูดจายังไงน่ะเหรอ? นอกจากเรื่องที่พูดตรงจนสะอึกได้แล้ว ยังเป็นคนที่ชอบพูดสองแง่สามง่ามติดกวนประสาทไม่น้อย ฟังเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไรแต่พอมาคิดๆดูแล้วก็สามารถตีความหมายได้อีกทางเหมือนกัน จะเรียกว่ามีคำพูดเป็นอาวุธก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ละมั้ง...

     

    อาเกฮะดูเป็นคนทำอะไรเสี่ยงและมุทะลุไปบ้างก็จริง ทำให้คนรอบตัวมักคิดว่าเธอเป็นคนเลือดร้อน แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนประเภทร้อนนอกเย็นใน แม้ภายนอกจะสดใสหรือดูมุทะลุเพียงใด แต่ในใจกลับมีความสงบเย็อกเย็นที่ไม่ค่อยได้แสงออกมาให้ใครเห็นเท่าไหร่นักอยู่เต็มเปี่ยม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอจะทำตัวชิวมันได้แทบทุกสถานการณ์แม้ว่ามันจะดูอันตรายยังไงก็ตาม อาจมีบ้างบางครั้งที่ทำสีหน้าจริงจังแปลว่าเรื่องใหญ่จริงๆ ทั้งที่คนปกติความจริงควรจะแพนิคกันไปข้าง ก็เพราะแบบนี้ไง...ความจริงแล้วเธอใจเย็นจะตาย...ความอดทนก็ค่อนข้างสูงอยู่ ยกเว้นแค่กับเรื่องที่ตัวเองสนใจมากๆจนอยากรู้อยากเห็นสุดๆเท่านั้นแหละ ถึงจะไม่ค่อยอดทนเท่าไหร่ แต่บางเรื่องที่ต้องรอ...เธอก็พอจะใจเย็นรอได้แม้ว่าอยากจะรุ้ใจจะขาดแล้วก็ตาม

     

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด...สิ่งที่เธอตบตาคนอื่นได้เนียนที่สุดคงจะเป็นการแกล้งโง่ ที่จริงแล้วอาเกฮะเป็นคนฉลาดเอาเรื่อง เอาตัวรอดได้ดี ไหวพริบและเล่ห์เหลี่ยมนั้นถือว่าไม่เป็นสองรองใคร อีกทั้งยังมีสายตาในการมองที่เฉียบคมพอสมควร ไม่นับเรื่องที่ว่าเธอมีลางสังหรณ์ของผู้หญิงสูงพอตัวอีกด้วย แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้...กลับไม่ได้แสดงออกมาเนื่องจากเจ้าตัวรู้ดีว่าหากแสดงความสามารถมากไปก็มีแต่จะโดดเด่น ซึ่งเธอไม่ปรารถนาความโดดเด่นและการเป็นจุดสนใจเท่าไหร่ แม้จะไม่ใช่พวกที่ทำอะไรแคร์สายตาคนอื่น แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดีที่จะมีคนมารุมล้อมหรืออะไรอื่นๆ จนทำให้ไม่มีเวลาไปทำอะไรที่อยากทำ อีกอย่าง...เธอไม่ชอบใช้ของดีไปกับเรื่องไม่จำเป็นในความคิดเธอเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงรักษาระดับผลการเรียนให้อยู่ประมาณท็อป 50 ของรุ่น (ประมาณลำดับที่สี่สิบ) วิชาอื่นเช่นพละหรือดนตรีก็แค่ทำดีเกินกว่ามาตรฐานแต่ไม่ได้ขนาดโดดเด่นเตะตาใคร ที่คนมองว่าเธอธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น...ก็เพราะว่าเธออยากให้มองเป็นอย่างนั้นยังไงล่ะ

     

    ถามว่าเวลาไหนอาเกฮะถึงจะยอมงัดความสามารถที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้หรือที่เรียกว่าเอาจริงน่ะเหรอ? ก็ตอนที่เธอมีเป้าหมายในใจที่ต้องการจะทำให้ได้ยังไงล่ะ! เพื่อสิ่งที่เธอต้องการแล้ว เธอจะทุ่มเทความสามารถและใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีเพื่อให้ได้มันมา ต่อให้เสี่ยงแค่ไหนแต่ผลลัพธ์คุ้มค่า เธอก็ยินดีที่จะเสี่ยงดีกว่าอยู่ในโซนปลอดภัย ไม่ทำอะไรเลย ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่ต้องเจ็บปวด [No pain, no gain.] เป็นสุภาษิตประจำใจของอาเกฮะ และเป็นพวกบางทีไม่ค่อยสนวิธีการเท่าไหร่ เป็นไปได้ก็จะเลือกวิธีที่มันไม่ต้องข้องเกี่ยวกับใครมากเพราะยิ่งคนเยอะ เรื่องก็จะเยอะตาม แต่เอาจริงๆไม่เหลือทางแล้วเธอก็ไม่ลังเลที่จะทำ จะบอกว่าเป็นพวกไม่เกี่ยงวิธีการก็ไม่ผิดนัก และจากสุภาษิตที่ว่า...อาเกฮะไม่ชอบทำอะไรฟรีๆค่ะ ยิ่งเป็นเรื่องที่คนอื่นมาขอร้องด้วยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ หากไม่ใช่เรื่องที่เธอสนใจล่ะก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนหรือตอบแทนค่อยพอคุยกันได้ แต่ถ้าเป็นงานส่วนรวมล่ะก็....โอเค...ก็ได้...

     

    อย่างที่เคยกล่าวไปว่าหากร้ายมา อาเกฮะจะร้ายกลับอย่างมีชั้นเชิง...ซึ่งก็แน่นอนเพราะความจริงแล้วเธอเป็นประเภทร้ายลึก ทำหน้าเหมือนไม่รู้อะไร แต่ความจริงตัวเองน่ะรู้ทุกอย่างแค่ไม่พูด หากจะเปิดเผยก็ต้องแน่ใจก่อนว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยบอก เรียกได้ว่าเป็นคนมีจังหวะและชั้นเชิงสูง ที่ทุกคนเห็นว่าทำตัวง่ายๆสบายๆเหมือนไม่คิดอะไร แต่ความจริงแล้วร้อยละหกสิบของการกระทำเธอนั้นผ่านการคิดในหัวมาแล้วว่าทำแบบนี้แหละดี ส่วนอีกสี่สิบก็ปล่อยไปตามสัญชาตญาณและให้หัวใจพาไปตามธรรมชาติ(และมักเป็นส่วนใหญ่ที่แสดงออก) โอเค...กลับมาเข้าเรื่อง ร้ายกลับอย่างมีชั้นเชิงคือเธอจะวางแผนให้อีกฝ่ายโดนเอาคืนโดยที่สาวมาถึงตัวเธอไม่ได้หรือไม่ก็ไม่อาจตอบโต้กลับได้ อาศัยการชี้นำเหตุการณ์รอบข้างทีละเล็กละน้อยเพื่อไปสู่เป้าหมายที่เธอต้องการ และผลลัพธ์มันก็ออกมาน่าพอใจอย่างถึงที่สุด จะกล่าวว่าเธอเลือดเย็นเหนือความคาดมายก็ไม่ผิดอะไร หากจะบอกว่าเธอเป็นตัวร้าย ก็คงเป็นตัวร้ายระดับลาสบอสที่เป็นจอมบงการอยู่เบื้องหลังนั่นแหละ...

     

    ด้วยเหตุนี้เอง ใครที่ทำอาเกฮะโกรธจะซวยมาก...เพราะนอกจากที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว แม่เจ้าประคุณจะเป็นคนที่ต้องเอาคืนถึงจะหายโกรธอีกต่างหาก แต่คนภายนอกจะรู้แค่ว่าเธอจะส่งสายตาที่เย็นเยียบด้วยความโกรธไปให้จนทำเอาอีกฝ่ายคิดว่า “เธอโกรธแล้วไง...แล้วจะทำอะไรได้?” ขอโทษค่ะ...ต่อให้คู่กรณีเป็นไฮคลาสก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นหรอกนะ มันคงฟังดูน่าขนลุกถ้าจะบอกว่าเธอเคยเอาคืนพวกไฮคลาสที่มาหาเรื่องเธอกับเพื่อนๆจนอีกฝ่ายต้องลาออกจากรร.ไปแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนลงมือโดยตรงหรอก แต่ถามว่าเหตุการณ์มันจะประจวบเหมาะได้ขนาดนี้มีสาเหตุจากอะไร...ก็เพราะเธอชักใยอยู่เบื้องหลังไงล่ะ หึหึหึ...ก็แค้นนี้ต้องชำระนี่เนอะ?

     

    ส่วนหากใครทำอาเกฮะเสียใจ...อันนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่ากันเท่าไหร่ เพียงแต่น่ากลัวคนละแบบ เธอไม่ชอบที่จะหนี ดังนั้นเธอจะเผชิญหน้ากับตัวต้นเหตุตรงๆเพื่อฟังเหตุผล ถ้าฟังขึ้นก็รอดตัวไป...แต่ถ้าฟังไม่ขึ้น...คงต้องเจอดีกันสักยก เป็นพวกรักแรงแค้นแรงก็จริง แต่ยังดีที่เป็นพวกถ้าเอาคืนแล้วก็จะจบเรื่องนั้นไปเลยไม่รื้อฟื้นซ้ำ ยกเว้นอีกฝ่ายจะทำก่อน อันนั้นมันอีกเรื่อง...ถ้าเธอเสียใจ เธอจะเพียงแค่น้ำตาไหลเท่านั้น ไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญน่าสงสาร แต่ความโศกเศร้านั้นจะหยั่งลึกลงไปในจิตใจของเธออย่างห้ามไม่ได้ ทั้งที่ไม่ใช่คนที่เซนซิทีฟหรืออ่อนไหวแท้ๆ แต่หากเสียใจเมื่อไหร่แปลว่าเรื่องต้องใหญ่มากและเป็นหนักมาก และเธอจะเปลี่ยนความโศกเศร้าเสียใจที่ว่าไปเป็นพลังงานเพื่อเอาคืนคนที่ทำเธอเสียใจอย่างสวยๆค่ะ

     

    มาถึงขนาดนี้แล้ว...ก็คงพอจะเดาได้ว่าอาเกฮะไม่ได้ใสซื่อเรื่องความรักอะไรนัก เพราะเธอมีเซ้นส์และความสังเกตในตัว ใครรักใครชอบใคร...แค่จับตาดูสักพักก็รู้แล้ว ประกอบกับที่เธอเองก็หน้าตาเรียกได้ว่าสวยเอาเรื่องเลยมีคนมาชอบพอไม่น้อย แต่เธอก็ปฏิเสธหมด...ทำไมน่ะเหรอ? ก็คนพวกนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ แล้วเธอก็ไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นด้วย เธอจะไปมีทำไมกัน? เวลายังมีอีกตั้งมาก สู้ปล่อยตัวเองโสดแบบสวยๆไปเจอคนที่ใช่จริงๆดีกว่า จะบอกว่าตอนนี้ไม่สนใจความรักก็คงไม่ผิดเท่าไหร่...แต่ถ้าเป็นคนๆนั้นล่ะก็...จะเป็นยังไงกันนะ

     

    งานบ้านงานเรือนสำหรับอาเกฮะแล้ว...ก็เกือบจะเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันน่ะนะ ด้วยนิสัยสโลว์ไลฟ์กับเรื่องที่ตัวเองไม่สนใจของเจ้าตัว ทำให้เจ้าตัวไม่ได้จู้จี้จุกจิกเรื่องความสะอาดเรียบร้อยอะไรมากมาย ขอแค่ไม่มีตัวอะไรมาสิงอยู่ในนั้นก็พอ หากใครได้เป็นรูมเมทอาเกฮะอาจจะปวดหัวกับกองชีทงานและอะไรอื่นๆที่สุมๆรวมกันดูแล้วไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาเท่าไหร่ นานๆจะลุกขึ้นมาเก็บห้องที (ก็ราวๆสัปดาห์ละครั้ง...ไม่ก็สองสัปดาห์ครั้ง) แถมไม่ค่อยชอบให้คนอื่นเก็บให้เท่าไหร่ เพราะนอกจากบางทีจะเป็นของที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นแล้ว พอคนอื่นเก็บเรียบร้อย...เธอจะหาไม่เจอ เพราะต่อให้รก แต่เธอก็จำได้ว่าตัวเองวางอะไรเอาไว้ตรงไหนบ้าง พอมีใครมาย้ายที่ก็ไม่รู้แล้วน่ะสิ เย็บปักถักร้อยอย่าไปหวัง เบื่อตาย...เธอจำได้ว่าหลับคางานแบบนี้ทุกที ทำอาหาร...ฝีมือก็เข้าขั้นว่าดี แต่เนื่องจากขี้เกียจและที่บ้านคุณแม่ก็ทำให้อยู่แล้วเลยไม่ค่อยได้แสดงฝีมือ พอมาอยู่หอก็ขี้เกียจเลยพึ่งพาโรงอาหารกับร้านค้าในรร.เป็นหลัก ด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจตื่นมาทำนั่นเอง...

     

    สุดท้ายนี้...อาเกฮะเองก็ยังรักสวยรักงามเหมือนผู้หญิงทั่วไปอยู่ เพียงแต่ไม่ได้บ้าขนาดโบ๊ะหน้าจัดเต็มมาเรียนทุกวัน ซื้อคอลเลคชั่นกระเป๋าใหม่ทุกอันอะไรแบบนี้ มันสิ้นเปลืองจะตาย (แม้ว่าด้วยฐานะทางบ้านเธอจะทำได้ก็เถอะ) ก็แค่แต่งหน้านิดหน่อยพอให้สวยไปเรียนเท่านั้น บางวันขี้เกียจก็ไปหน้าสดเลยด้วยซ้ำ แต่จริงๆก็ไม่ได้แต่งนักเพราะไม่อยากไปมีเรื่องกับพวกกรรมการคุมกฎเท่าไหร่ มันยุ่งยากน่ารำคาญ อีกอย่างหน้าสดของเธอก็ดูดีพออยู่แล้ว แค่ประดับของกับเสื้อหนาวนิดหน่อยตามสมควรไม่ให้เชยก็เท่านั้นแหละ  

     

     

     

     

     

    ประวัติ : ฮารุคาเสะ อาเกฮะ...เธอเกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่ค่อนไปทางร่ำรวยไม่น้อย เนื่องจากพ่อของเธอนั้นทำงานอยู่ต่างประเทศมีรายได้สูงพอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นอาเกฮะจึงใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นกับคุณแม่และคุณตาในคฤหาสน์เรียบง่ายที่โตเกียวด้วยกันสามคน คุณแม่ของเธอนั้นเป็นนักแปลมืออาชีพ จึงมักจะเอางานมาทำที่บ้านและเป็นแม่บ้านไปในตัว ส่วนคุณตาของเธอนั้นเป็นถึงผอ.ของโรงเรียนมัธยมปลายเทย์โคว รร.เอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดที่หนึ่งในญี่ปุ่นที่มีระบบแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ชีวิตในวัยเด็กของอาเกฮะนั้นเข้าออกเทย์โควเป็นว่าเล่นเหมือนกับว่ามันเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ เขามักพูดกับอาเกฮะที่ห้องผอ.เสมอว่า...

    “อีกเดี๋ยวหลานก็ได้จะมาเรียนที่นี่นะ...แล้วไม่แน่...เก้าอี้ตัวนี้ก็อาจจะเป็นของหลานด้วยก็ได้...”

    “ว้าว...หนูจะได้มาเรียนที่นี่จริงๆเหรอคะคุณตา?”

    “แน่นอนอยู่แล้ว อาเกฮะหลานรัก...แต่หลานต้องตั้งใจเรียนแล้วสอบเข้ามาให้ได้นะ สัญญากับตานะ...”

    “อื้อ! หนูสัญญา! หนูจะสอบเข้าที่นี่ให้ได้เลย”

    เพราะที่นี่คือความภูมิใจของคุณตา...และความภูมิใจของตาก็เป็นความภูมิใจของเธอด้วย...

    แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่ง...เมื่อเธอกลับบ้านมาเหมือนทุกครั้ง...และพบกับภาพที่แม่นั่งร้องไห้คร่ำครวญ ก่อนจะคว้าเธอไปกอดไว้แน่นแล้วพูดความจริงอันแสนสะเทือนใจ

    คุณตาของเธอเสียชีวิต...

     

    อาเกฮะที่อยู่ในวัยประถมปลายถึงกับร้องไห้จนสลบไป ไม่ใช่เธอไม่รู้ว่าวันแบบนี้จะมาไม่ถึง คุณตาของเธอมักพูดเสมอว่า...

    “หากวันไหนตาไม่อยู่แล้ว อาเกฮะก็ต้องเข้มแข็งนะ อยู่ดูแลแม่แทนตาด้วยนะหลาน...”

    ด้วยความที่ว่าคุณตาของเธอนั้นมีอายุมากแล้ว ซ้ำยังมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจที่สามารถอาการกำเริบได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง แม้ว่าจะมียาเอาไว้แก้อาการกำเริบ แต่ทุกสิ่งก็ไม่แน่นอน...เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่กำลังเป็นอยู่นี้...

    อาเกฮะในวัยประถมปลายนั้นเสียใจ แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำตามสัญญาที่เธอเคยให้ไว้กับคุณตา คือสอบเข้าเทย์โควให้ได้ แต่คนอื่นในตระกูลสึบากิฮาระไม่ได้คิดแบบนั้น พวกเขาวางแผนกันอย่างจริงจังว่าต้องทำอย่างไรจึงได้สิทธิในการบริหารรร.กลับคืนมา และผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ...ทางตระกูลตัดสินใจส่งลูกพี่ลูกน้องของเธอ “สึบากิฮาระ มิสึกิ” ไปเพื่อสืบหาอะไรบางอย่างให้เทย์โคว สร้างความน่าเชื่อถือและให้อำนาจในรร.กลับคืนสู่ตระกูลสึบากิฮาระอีกครั้ง...

     

    ก่อนหน้าที่มิสึกิจะไปเข้าเทย์โคว เขาได้มาหาอาเกฮะแล้วพูดว่า

    “ถ้าฉันทวงตำแหน่งมาได้จริง...จะช่วยฉันหน่อยได้ไหม อาเกฮะ...”

    “ช่วย?” คิ้วเรียวขมวดมุ่น “ช่วยอะไรเหรอ?”

    ฝ่ามือหนาค่อยๆเอื้อมมากุมฝ่ามือบางของเธอไว้ ประคองมันขึ้นมาอย่างอ่อนโยน

    “...ก็ช่วยฉันบริหารเทย์โควไง...ถ้าเป็นเราสองคนล่ะก็...”

    มะ...มิสึกิ...?”

    “ฉันรักเธอนะ...อาเกฮะ” เขาพูดเบาๆ แต่ก็ชัดพอที่เธอจะได้ยินอย่างไม่ผิดเพี้ยน “...ฉันมองเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งมาตั้งนานแล้ว...”

    “ดะ เดี๋ยวสิ...”

    ปลายนิ้วของมิสึกิเลื่อนมาแตะริมฝีปากของอาเกฮะอย่างแผ่วเบา ยิ้มให้เธออย่างเข้าใจ “ยังไม่ต้องให้คำตอบฉันตอนนี้ก็ได้...ไว้เธอตัดสินใจได้เมื่อไหร่ค่อยมาบอกฉันแล้วกันนะ...”

    “อืม...”

    มิสึกิดึงตัวอาเกฮะเข้าไปกอดไว้หลวมๆ “ไม่ว่าเมื่อไหร่...เธอจะยังมีฉันเสมอนะ อาเกฮะ...”

    ก่อนที่เขาจะจากไป...

     

    เมื่อมิสึกิเข้าเทย์โควไป เขาก็หมั่นส่งข้อความหรือไม่ก็โทรหาอาเกฮะอยู่สม่ำเสมอ แต่แล้วเมื่อเข้าเทอมสาม...ข้อความและการโทรมาจากมิสึกิก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แถมน้ำเสียงในแต่ละครั้งที่พูดกับเธอ...แม้จะอ่อนโยนเอาใจใส่ แต่เธอก็จับได้ถึงความเหนื่อยล้าและกระวนกระวายอยู่ในน้ำเสียง ราวกับว่าเขากำลังกลัวอะไรบางอย่างและไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงมัน...

    และเมื่อเข้าสู่เดือนธันวา...การติดต่อก็ขาดหายไป...

     

    อาเกฮะกังวลใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นเดิม เพราะกลัวว่าถ้าติดต่อไปจะทำให้ทุกสิ่งที่อีกฝ่ายทำอยู่พังทลาย เธอจึงได้แต่รอ รอ และรอ อดทนเฝ้ารอข้อความของอีกฝ่ายด้วยใจที่กระวนกระวายจนแทบบ้า แต่ก็ต้องทำตัวให้สงบเยือกเย็นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนในที่สุด...ข้อความของอีกฝ่ายก็มาถึง

    แต่มันไม่ใช่อะไรอย่างที่เธอรอ...ไม่ใช่อะไรที่อยู่ในการคาดเดาของเธอเสียด้วยซ้ำ

    อย่ามาที่เทย์โควนะ

    [จาก มูนไลท์ - Moonlight]

     

    ข้อความสั้น ง่าย แต่ไม่ได้ทำให้อาเกฮะเข้าใจอะไรมากขึ้นเลย ทำไมมิสึกิถึงพูดแบบนี้กัน? เธอไม่เข้าใจ คืนนั้นเธอหงุดหงิดและสงสัยทั้งคืน และเมื่อรุ่งเช้ามาเยือน...เมื่อออกมาจากห้องตั้งใจจะมาทานข้าวเช้าก็เห็นแม่คุยโทรศัพท์ทั้งน้ำตา

    “ไม่จริงใช่มั้ย...”

    “ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลยจริงๆ...”

    “เสียใจด้วยจริงๆนะ เรื่องของมิสึกิคุงน่ะ...”

    มิสึกิ?

    มิสึกิเป็นอะไร?

    ยังไม่ทันจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น แม่เธอก็วางโทรศัพท์แล้วหันมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเศร้า...

    “คุณน้าโทรมา...บอกว่ามิสึกิคุงน่ะ...มิสึกิคุงกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว...”

    ดวงตาของอาเกฮะเบิกกว้าง น้ำตาเอ่อรื้นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับข้อความเมื่อตอนเย็นวานฉายชัดขึ้นในสมอง

    อย่ามาที่เทย์โควนะ...

    ทำไม? ที่เทย์โควมันมีอะไรงั้นเหรอ?

    แล้ว...มิสึกิ...เป็นเจ้าชายนิทรา?

    “ไม่...ไม่จริงน่า! มิสึกิกลายเป็นแบบนั้น...ได้ยังไง...”

    “แม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน...แต่เห็นคุณน้าบอกว่า...ดูเหมือนว่าเขาจะตกบันไดหัวกระแทกอย่างแรง พอส่งรพ.หมอก็บอกมาว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือน ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ก็จริง แต่ก็เป็นเจ้าชายนิทราที่ไม่รู้ว่าจะตื่นเมื่อไหร่น่ะสิ...”

    เจ้าชาย...นิทรา?

    มิสึกิ!!!

    “...เขาอยู่ที่รพ.ไหนเหรอคะ?”

    “รพ.ชิอินะ ดะ...เดี๋ยวก่อนสิอาเกฮะ!!!

    อาเกฮะพุ่งตัวออกไปทันทีเมื่อรู้สถานที่ ไม่รอให้แม่ของเธอพูดจบด้วยซ้ำ ในใจตอนนี้ของเธอเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ถาโถมเข้ามาในหัว

    ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

    ทำไม...อะไรทำให้มิสึกิส่งข้อความมาหาเธอแบบนั้น?

    ที่เทย์โควมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่?

    แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ...หรือฝีมือใคร...?

    เมื่อรู้สึกตัวอีกที เธอก็มายืนหอบหายใจอยู่หน้าเตียงที่มีร่างของมิสึกินอนอยู่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มันดูเหมือนภาพที่เขาหลับธรรมดาๆ หากไม่มองศีรษะโดนพันแผลไว้มีเลือดซึมออกมาจนเห็นเป็นสีแดงจาง สายน้ำเกลือและอะไรหลายอย่างระโยงระยางทั่วตัว และเครื่องมอนิเตอร์ที่มีตัวเลขหลากหลายค่าขึ้นเรียงราย

    “มิสึกิ...”

    อาเกฮะเดินเข้าไปหาและกุมมือมิสึกิไว้ สีหน้าผ่อนลงเล็กน้อยเมื่อยังสัมผัสได้ถึงจังหวะชีพจรตรงข้อมือแผ่วเบา

    “ทำไมล่ะ...ไหนนายบอกว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะอยู่กับฉันไง...”

    ดวงตาของอาเกฮะหลุบลง ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่ข้างเตียง มือบางเอื้อมเปิดมันโดยไม่สนว่ามันจะเสียมารยาท ในนี้อาจจะมีเบาะแสอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้...

    เธอกวาดมองข้อความ การโทรเข้าออก ไม่มีอะไรผิดปกติชวนให้สงสัย บางทีมิสึกิอาจจะลบมันทิ้งไปเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยก็เป็นได้ หรือไม่มันก็ถูกลบทิ้งโดยคนอื่น...

    แต่เมื่อเธอกดเข้าไปดูตรงส่วนภาพถ่ายกับวีดิโอ มันทำเอาเธอปิดปากแทบไม่ทัน

    ...มันเป็นภาพที่ถ่ายในวันที่เขาส่งข้อความมาหาเธอเป็นครั้งสุดท้าย เวลาหลังส่งข้อความไม่ถึงสิบนาที

    ภาพถูกถ่ายด้วยกล้องหน้าของโทรศัพท์...นอกจากไหล่ของมิสึกิเองแล้ว มีใครบางคนอยู่ข้างหลังเขา ท่อนแขนที่ถูกไหล่บดบังนั่น...เขาเป็นคนผลักมิสึกิ?

    ไม่มีอะไรชัดเจนในภาพนั้น ทุกอย่างเลือนลางมากเหมือนกับรีบถ่าย เธอรีบส่งรูปนั้นเข้ามือถือตัวเองทันที ก่อนจะหันไปมองที่เตียงอีกครั้ง กุมมือเขาไว้แน่นจนมันร้อน

    “ฉันจะหาคนทำผิดมาชดใช้ให้นายเอง...ฉันสัญญา...”

    อาเกฮะตรงกลับบ้านทันที ก่อนที่เอารูปที่ได้มาส่งให้เพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ลองปรับแก้ อ้างว่าเป็นภาพแอบเซลฟี่กับคนที่ตัวเองแอบปลื้มแต่ตอนถ่ายมันตื่นเต้นไปหน่อยจนมือสั่น ถึงไอ้เพื่อนมันจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...แต่มันก็ยังยอมทำให้ แต่โชคร้าย...เนื่องจากภาพกระตุกมาก โฟกัสเบลอ ทุกอย่างเลือนไปหมด จึงบอกอะไรมากไม่ได้นัก...นอกจากว่าคนๆนั้นเป็นผู้ชายที่มีผมสั้นสีดำและตาสีดำเท่านั้น...

    เธอถอนหายใจ การระบุตัวคนผมดำตาดำในเทย์โควไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเกินครึ่งของนักเรียนที่นั่นก็สีผมดำไม่ก็น้ำตาลทั้งนั้น แถมตอนที่เกิดเหตุยังเป็นตอนเย็นแล้ว อาจจะเป็นคนนอกก็ได้...

    แต่ใครบอกว่าเธอจะถอดใจด้วยเรื่องแค่นี้กันเล่า...

    อาเกฮะถอนหายใจเฮือก...อีกไม่กี่เดือนเธอจะต้องไปเข้าเทย์โควแล้ว ถึงเธอจะสอบได้ตามที่สัญญาไว้กับคุณตา แต่พอเกิดเรื่องกับมิสึกิก็ทำเอาเธอไม่รู้สึกยินดีนัก เมื่อสถานที่ๆเธอสัญญาว่าจะไป...ดันเป็นสถานที่ๆทำร้ายหนึ่งในคนสำคัญของเธอจนเป็นแบบนั้น...

    คุณตาคะ...หนูทำได้แล้วนะ...

    มิสึกิ...รออีกหน่อยนะ...

     

    อย่างไรก็ตาม...อาเกฮะก็เข้าเทย์โควนอร์มอลคลาสและใช้ชีวิตตามปกติ และไม่ลืมที่จะสืบเสาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นของมิสึกิไว้ เธอรวบรวมข้อมูลได้พอสมควร แต่มันยังขาดไปเยอะกว่าจะระบุตัวคนทำและสาเหตุได้ และที่สำคัญคือคนในโรงเรียนนี้คนที่เข้าข่ายผู้ต้องสงสัยของเธอดันไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุกันหมด ทำเอาอาเกฮะหนักใจ แต่ก็สืบต่อไปไม่ลดละ จนกระทั่งเธอเข้าปีสอง...

     

    ที่จริงแล้ว อาเกฮะไม่ได้อยากมาวันปฐมนิเทศเท่าไหร่ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระซิบบอกให้เธอไป แล้วเธอก็เชื่อตามนั้นแม้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม เนื่องจากเดินคิดอะไรไปเรื่อย จึงเดินไปชนกับใครบางคนเข้า

    “ขะ...ขอ...โทษ...ค่ะ...”

    เสียงของอาเกฮะเหมือนกับจะหายไปทันทีที่เงยหน้ามองคู่กรณี อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่เรียกได้ว่าทั้งหล่อและสวยในเวลาเดียวกัน สวมเครื่องแบบสีเทาของเทย์โคว แต่เธอมั่นใจว่าไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ในโรงเรียนมาก่อนแน่ เพราะคนที่ดูโดดเด่นขนาดนี้แถมเป็นไฮคลาส เธอต้องจำได้แน่

    และอีกอย่าง...รูปลักษณ์ภายนอกของเขา...คล้าย...คล้ายคนในรูปนั่นเหลือเกิน...

    “ไม่เป็นไรครับ...” เขายิ้มบางๆ ดูไม่ติดใจเอาความ “...ว่าแต่...คุณเองก็เป็นนร.เทย์โควใช่มั้ย?”

    “ใช่ค่ะ”

    “ดีจัง...พอดีว่าฉันไม่ได้กลับมาที่นี่ปีสองปีแล้วก็เลยจำทางไม่ค่อยได้ ช่วยพาฉันไปหน่อยจะได้ไหม?”

    อาเกฮะพยักหน้า แต่ในใจกลับเต้นแรง...

    ไม่ได้กลับมา..ปีสองปี?

    แปลว่าตอนนั้น...เขาอาจจะกลับมาที่นี่...งั้นเหรอ...

    หมายความว่า!!!

    “ที่นี่เองสินะ ขอบคุณมาก...” เด็กหนุ่มคนนั้นหันมายิ้มให้ “ฟรีซ...ยินดีที่ได้พบกันนะ...คุณ...”

    “เทียร่า...ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ...”

    เขายิ้มก่อนจะจากไป ในขณะที่อาเกฮะเฝ้ามองแผ่นหลังของเขาด้วยสายตาที่ลึกล้ำ

    “นี่เทียร่า...เทียร่า!!!

    “หะ? โธ่เอ้ย...เรียกอะไรซะเสียงดัง” อาเกฮะถอนหายใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนอยู่ข้างๆ...ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

    “ยิ้มอะไรของเธอเนี่ย?”

    “แหมๆ ฉันเห็นนะ...เธอมองหนุ่มคนนั้นไม่วางตาเลย...อ้า แต่เขาก็หล่อจริงๆนั่นแหละ”

    “ปีที่แล้วฉันไม่เคยเห็นเลย แถมยังเป็นไฮคลาสด้วย...ท่าทางจะเป็นรุ่นน้องพวกเรานะ”

    “ฉันได้ข่าวมา...ปีนี้ดูเหมือนว่าจะมีลูกของกรรมการบริหารใหญ่ของรร.มาเรียนที่นี่ ถ้าข่าวไม่ผิดก็น่าจะเป็นคนเมื่อกี้แหละ”

    “...หืม...เหรอ...”

    “อะไร? แค่เหรอเองเหรอ? หล่อขนาดนั้น ดูดีขนาดนั้น แถมอยู่ไฮคลาส เชื่อสิว่าสาวติดตรึมชัวร์”

    ...เรื่องนั้นแค่มองก็รู้แล้ว...

    แต่ว่า...เขาคนนั้น...มีความเป็นไปได้ที่จะ...

    อาเกฮะถอนหายใจ รู้งี้เธอน่าจะทำผลสอบปลายภาคให้ดีกว่านี้สักหน่อย ไม่น่าแกล้งโง่เลือกช้อยส์ผิดไปวิชาละสิบข้อเลย..ไม่งั้นเธอคงมีสิทธิเลื่อนไปไฮคลาสสบายๆแล้ว การเข้าหาเขาคนนั้นก็น่าจะง่ายขึ้น

    แต่เอาเถอะ...อยู่นอร์มอลคลาสก็สะดวกดี สืบอะไรก็ง่าย ไปไหนก็ไม่สะดุดตาใครด้วย คนหล่อแบบนั้นน่าจะมีข่าวอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วด้วย แค่กรองข่าวให้ดีก็พอ เลื่อนไปไฮคลาสตอนนี้มีแต่จะรวมความสนใจมาที่เธอเปล่าๆ อย่างน้อยก็จากเพื่อนรุ่นเดียวกันแน่ๆ ซึ่งเธอไม่ต้องการแบบนั้น

    ถึงลางสังหรณ์มันจะบอกว่าคนนี้มีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้อง แต่อาเกฮะก็ตัดสินใจตรวจสอบเพิ่มอยู่หลายสัปดาห์ ข้อมูลที่ได้ล้วนบอกอ้อมๆว่าคนๆนั้นมีสิทธิอยู่ในที่เกิดเหตุและอาจเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ แต่เธอต้องการข้อมูลมากกว่านั้น

    อะไรก็ตามที่มีแต่คนร้ายเท่านั้นที่รู้...ซึ่งก็ต้องถามเอาจากเจ้าตัวเท่านั้น

    ปัญหาตอนนี้ก็คือ...จะเข้าหาเขายังไงดีไม่ให้สะดุดตาเนี่ยสิ...

    คงจะยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางสักหน่อยนี่นะ...

    หางตาของอาเกฮะมองเห็นเขาเดินผ่านระเบียงไป รู้ตัวอีกทีก็เผลอจ้องจนแผ่นหลังนั้นลับสายตาไปเสียแล้ว

    “นี่...คิดอะไรอยู่น่ะเทียร่า? สนใจเขาเหรอ? เห็นมองมาตั้งแต่เปิดเทอมแล้วนะ”

    เสียงของเพื่อนดังขึ้นอีกครั้ง ดึงสติอาเกฮะให้กลับมา รอยยิ้มซุกซนแกมเจ้าเล่ห์โค้งขึ้นอย่างห้ามไม่ได้

    “ก็งานดีขนาดนั้น...ไม่สนใจสิแปลกจริงมั้ย?”

    “เอาจริงดิ...นั่นไฮคลาสเชียวนะ...”

    อาเกฮะยังคงยิ้ม ดวงตาทอประกายมุ่งมั่น “ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไงล่ะ..หืม...”

    ใช่...ไม่ลองก็ไม่รู้...

    ไม่เข้าถ้ำเสือ...แล้วมันจะได้ลูกเสือได้ยังไง...

    รอก่อนเถอะ...ถ้านายเป็นคนที่ทำร้ายมิสึกิแล้วล่ะก็....

    ฉันจะแฉออกมาให้หมดและเอาคืนให้สาสมเลยคอยดูสิ!!!

     

     

    สิ่งที่ชอบ / ไม่ชอบ / กลัว : 

    สิ่งที่ชอบ

    - เรื่องหรือคนที่น่าสนใจ [เพราะว่ามันน่าสนุกดียังไงล่ะ ทำให้ชีวิตมีสีสัน]

    - นิยายสืบสวนสอบสวน / หนังสือจิตวิทยา [เพราะว่ามันน่าตื่นเต้น ชวนให้คิดตาม และอาจพลิกผันตลอดเวลา]

    - ชา [เพราะดื่มแล้วอารมณ์ดี]

    - ขนมหวาน [เพราะทานแล้วมีความสุข อร่อย...]

    - ท้องฟ้าตอนกลางคืน [เพราะมองแล้วสบายใจดี ไม่แสบตา...]

    - คุณตา [เพราะท่านใจดีกับเธอมาตลอด แม้ท่านจะเสียไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงคิดถึงท่านอยู่เสมอ]

    - แมว [เพราะมันน่ารักยังไงล่ะ นิสัยคาดเดาไม่ได้ด้วย น่าสนใจออก]

    - ผีเสื้อ [เพราะรู้สึกมันเป็นพวกพ้องของตัวเอง และยังดูสวยงาม มีอิสระและมีความลึกลับในตัว]

    - เพลงป๊อบ [เพราะทำให้อารมณ์ดี มีคววามสุข]

    สิ่งที่ไม่ชอบ

    - สุนัข [เพราะเธอแพ้ขนหมา...อยู่ใกล้ทีไรจามทุกทีก็เลยไม่ชอบไปโดยปริยาย อีกอย่าง กระดิกหางทำตามคำสั่งอย่างนั้นแบบเดียวมันน่าเบื่อจะตาย...ว่ามั้ย?]

    - การเป็นจุดสนใจ [เพราะเธอไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่มย่ามกับเธอหากเธอไม่สนใจ]

    - พวกพ้องโดนทำร้าย [เพราะเธอรักเพื่อนไงล่ะ]

    - เรื่องยุ่งยากน่ารำคาญที่ตัวเองไม่ได้สนใจ โดยเฉพาะถ้าต้องทำฟรีๆ [เพราะมันน่ารำคาญและเสียเวลา]

    - อากาศร้อนจัด [เพราะมันทำให้เธอหงุดหงิด]

    กลัว

    - คุณแม่ตอนโกรธ... [เพราะ...แม่ก็คือแม่นั่นแหละ รู้สารพัดวิธีในการปราบเธออยู่แล้ว]

    แพ้ : ขนสุนัข [จะจามและพอไปนานๆจะเริ่มหายใจลำบาก ต้องไปไกลๆไม่ก็กินยาแก้แพ้อาการจะดีขึ้น]

    ลักษณะการพูด : ลักษณะการพูดของอาเกฮะนั้นจะมีเด่นๆอยู่ประมาณสองสามแบบ แบบแรกคือตอนปกติไม่มีอะไรมากจะพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ติดจะซนๆกวนๆหน่อย และมีกลิ่นอายลึกลับนิดๆ แบบที่เหมือนจะเดาทางออกแต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าในใจคิดอะไรอยู่กันแน่ แบบที่สองคือเวลาเจอเรื่องน่าสนใจ...วิธีการพูดจะออกแนวสองแง่สามง่าม ฟังดูลึกลับมากขึ้นทันที เลเวลความกวนประสาทจะเพิ่มขึ้นด้วย พร้อมด้วยรอยยิ้มในดวงตาที่แพรวพราวราวกับเด็กเจอของเล่นชิ้นใหม่ ส่วนหากโกรธหรือเสียใจจะมีอยู่สองแบบ หนึ่งคือน้ำเสียงและสีหน้าจะเย็นชา พูดน้อยแต่กระแทกกลางใจลงทุกคำราวกับมีดที่กรีดหัวใจ หรือไม่ก็กวนประสาทแกมเย้ยหยันจนอีกฝ่ายสติแตกไปเลยก็มี ขึ้นกับสถานการณ์และอารมณ์ตอนนั้นล้วนๆ

    ตัวอย่างคำพูด

    ตอนปกติ

    “ชื่อของฉันน่ะเหรอ? ความลับ~” (ยิ้มแล้วเอานิ้วชี้แตะปากตัวเอง ขยิบตาแบบขี้เล่น) “...แต่ถ้าเธอยอมบอกชื่อมาก่อน ฉันอาจจะบอกก็ได้นะ...ว่าไงล่ะ?” (เวลามีคนมาถามชื่อในสถานการณ์ธรรมดาๆ (แน่นอนว่าไม่ใช่แบบในประวัติ...))

     “การบ้านของฉันน่ะ...จะมาขอลอกกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอหืม?” (เวลามีเพื่อนมาขอลอกการบ้าน)

    “มีการบ้านวิชานี้อีกแล้วเหรอเนี่ย...” (บ่นเรื่องทั่วไป...)

    ตอนเจอเรื่องน่าสนใจ

    “เรื่องน่าสนใจแบบนี้...ปล่อยไว้เฉยๆมันน่าเสียดายจะดายไป...”

    “เห...น่าสนุกดีนี่นา มันต้องแบบนี้สิถึงจะดี...”

    “เอาล่ะ จะเริ่มจากตรงไหนดีนะ~~~

    ตอนโกรธหรือเสียใจ

    “...ต่อให้เธอเป็นไฮคลาสสูงส่งมาจากไหน แต่สำหรับฉันแล้ว...คนอย่างเธอก็เป็นแค่เศษสวะไร้ค่าเท่านั้นแหละ”

    “...ฉันไม่คิดที่จะเข้าใจเธอ และไม่คาดหวังให้คนไร้ความคิดอย่างเธอมาเข้าใจฉันด้วย...

    (แบบเย็นชา พูดตรงไปตรงมาไม่ไว้หน้าใคร)

     “ตายจริง...โกรธจนหน้าเบี้ยวเชียวเหรอ ระวังตีนกาขึ้นหน้าตั้งแต่ยังเรียนไม่จบนะ”

    “แล้วจะทำไม? จะวิ่งกลับไปฟ้องพ่อเหรอ? ไม่เอาน่า...มีแต่เด็กประถมไม่ก็พวกขี้แพ้เท่านั้นแหละที่ทำแบบนั้น...เอ...หรือว่าเธอจะเป็นหนึ่งในพวกที่ว่ากันนะ?”

    (แบบกวนประสาท พูดจาอ้อนเท้าสุดๆ)

    ชนชั้น :  ชนชั้นกลาง (Normal Class) 

    คู่ : ฮิมุโระ ทัตสึยะ

    เพิ่มเติม :

    - อาเกฮะเรียนคาราเต้ตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันสายดำแล้ว...แต่คนไม่ค่อยรู้ เพราะไม่ค่อยใช้

    - อาเกฮะหูดีมาก ใครกระซิบอะไรก็ได้ยินชัดเจน แต่ร้องเพลงหลงคีย์ตลอด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เป่าคลาริเน็ตได้ดีมาก แต่ก็อีกนั่นแหละ...ไม่ได้เล่นให้ใครเห็นบ่อย...

    - จริงๆอาเกฮะเป็นคนที่เก็บสีหน้าเก่ง แต่จะเก็บเฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น มันเปลืองแรง...

    - สิ่งที่เป็นจุดอ่อนของอาเกฮะคืออาเกฮะจำชื่อคนไม่ค่อยเก่งเนื่องจากชื่อญี่ปุ่นมันออกเสียงคล้ายกันเยอะ นามสกุลโหลๆก็เยอะเลยสับสน ถ้าไม่ใช่คนที่สนใจ สนิท หรือเด่นจริงๆมักจะเรียกผิดๆถูกๆอยู่เรื่อย แต่ด้วยระบบโค้ดเนมของเทย์โควทำให้เธอจำชื่อคนง่ายขึ้นมาก...แต่ถ้าเรื่องจำหน้าล่ะก็...อย่าหวังเลยว่าจะลืม...

    - ที่คุณแม่ตั้งชื่อ “อาเกฮะ” ให้เธอ เพราะตอนเธอเกิดมา มีผีเสื้ออาเกฮะบินมาเกาะหน้าต่างในห้องพักฟื้นของคุณแม่ ประกอบกับสีดวงตาของอาเกฮะนั้นดูเหมือนสีปีกผีเสื้อมากและคุณแม่ชอบผีเสื้อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยได้ชื่อว่า “อาเกฮะ” ไปโดยปริยาย

    - เกิดวันที่ 20 มีนาคม (ราศีเมษ) กรุ๊ปเลือด AB

    - ทุกปีในวันครบรอบวันตายของคุณตา อาเกฮะจะโดดเรียนไปไหว้สุสานทั้งวัน...

    - ความสัมพันธ์ของพ่อกับอาเกฮะค่อนข้างห่างเหิน อาจเพราะไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ลึกๆแล้วเธอก็ยังรักพ่ออยู่ดี

    - อาเกฮะเป็นคนที่เดาทางยากแม้ว่าจะดูเหมือนตรงไปตรงมาก็เถอะ และชอบทำอะไรเหนือความคาดหมายของชาวบ้านจนอาจผิดสามัญสำนึกชาวบ้านไปในบางทีอีกด้วย...

    - เรื่องปมของประวัติเชิญท่านเซ็นแต่งต่อได้ตามใจชอบเลยค่ะ แต่จริงๆเราก็มีคิดเฉลยของปมเอาไว้เหมือนกัน ถ้าสนใจยังไงก็บอกมาได้นะคะ จะส่งไปให้ทางข้อความลับค่ะ

    - เพิ่มเติมเรื่อง "สึบากิฮาระ มิสึกิ" ค่ะ

    ข้อมูลพื้นฐาน


    - สึบากิฮาระ มิสึกิ [Tsubakihara Mizuki] [18] 

    - เป็นลูกชายคนโตของหัวหน้าตระกูลสึบากิฮาระ "สึบากิฮาระ ยาฮิโระ" ซึ่งหัวหน้าคนปัจจุบันมีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆของแม่อาเกฮะ "สึบากิฮาระ อายานะ" ดังนั้นเมื่อนับศักดิ์แล้ว มิสึกิจะเป็นญาติผู้พี่ของอาเกฮะ 

    - มิสึกิและอาเกฮะสนิทกันมากเนื่องจากอาเกฮะอยู่กับแม่และคุณตามาตั้งแต่เล็ก เวลาพ่อเขาแวะมาเยี่ยมน้องสาวหรือคือแม่ของอาเกฮะมักจะพาเขามาด้วยเลยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ แต่พอมาช่วงหลังๆเริ่มคิดกับอาเกฮะมากกว่าแค่ลูกพี่ลูกน้อง และสารภาพรักไปแล้วด้วย...

    [ปล. ขอบอกไว้ตรงนี้ละกันว่า...อาเกฮะมองมิสึกิเหมือนเป็นพี่ชายกับเพื่อนรวมกัน ไม่ได้คิดในแง่โรแมนติกเลย...]

    - นิสัยโดยพื้นฐานเป็นคนสุภาพ ค่อนข้างใจเย็น รักสงบ ไม่ชอบชิงดีชิงเด่นเท่าไหร่ แต่ก็มีความกล้าหาญในตัวสูงยามต้องใช้ ฉลาดแต่บางทีก็ไม่ค่อยเฉลียวเท่าไหร่ ละเอียดอ่อนในเรื่องความรู้สึก แต่บทจะบื้อขึ้นมาทีก็ทำเอาคนกุมขมับกันเป็นแถบ และเป็นคนโกรธยาก แต่โกรธแล้วน่ากลัวมากๆ

    - โค้ดเนม : Moonlight [มูนไลท์] / Normal class (จริงๆที่ตระกูลอยากให้เข้า High class หัวสมองและฐานะก็ให้อยู่ แต่ดันอ่านหนังสือคืนก่อนสอบมากไปจนหลับในตอนสอบเข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง...คะแนนมันเลยออกมาอยู่ Normal class แทน)

    - ตอนเกิดเรื่อง...มิสึกิอายุ 16และอยู่ปีหนึ่ง ปัจจุบันก็ยังนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนั้น เพื่อนในเทย์โควจะมาเยี่ยมก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ชื่อจริงนั่นเอง... 

     

    TALK

    1. ชื่ออะไรเอ่ย ? เราเซ็นเน้อ //ยิ้มแรง

    - ยูกินะคนเดิมเองค่า

    2. ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้ล่ะคะ //ขยิบตา

    - พล็อตน่าสนใจ บทนี้ฟรีสไตล์ด้วยเลยจัดไปเลยค่ะ 5555

    3. ถ้าหากไม่ติดในบทที่ต้องการ อยากให้มีบทใหม่ไหม (ครู อาจารย์ เพื่อนร่วมห้องพระเอก,นางเอก ตัวร้าย(?)และอื่นๆ) หรือว่าจะรับกลับคะ?

    - รับกลับเท่านั้นค่ะ 5555 //หัวเราะทั้งน้ำตา

    4. เตงแอดเฟบไว้ด้วยนะ เวลาเซ็นอัพเดทมันจะได้ขึ้น <3

    - แอดไว้แล้วค่ะ จุ๊บุ

    5. หมดกับคำถามแล้วล่ะค่ะ ถามเยอะเดี๋ยวโดนตื้บ(?)5555555555555 ขอบคุณที่มาสมัครเรื่องนี้นะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ้บๆ <3

    ฝากพิจารณามิตสึฮะและอาเกฮะไว้ในอ้อมใจท่านเซ็นด้วยนะคะ

    อ้อใช่...เรื่องโค้ดเนมเนาะ

    คางามิ – เนื่องจากคอนเซ็ปต์ของพี่แกมากับไฟ เสือและแสงสว่าง ดังนั้นโค้ดเนมที่เราคิดมามันจะมีความหมายหนึ่งในสามอย่างค่ะ แต่ไม่พิสดารไปเพราะเชื่อว่าเฮียแกไม่ตั้งอะไรน่ารำคาญให้ตัวเองหรอก ซึ่งที่เราคิดๆไว้มี...

    ลีโอพาร์ด (ลีโอ) [Leopard-Leo] – แปลว่าเสือดาวค่ะ จริงๆเสือดาวมันเหมาะกับฮายามะมากกว่า แต่จะตั้งว่าไทเกอร์มันก็ดูจะสิ้นคิดไปนิดสำหรับเรา อีกอย่าง...คำย่อของชื่อนี้คือลีโอ...ตรงกับราศีเกิดของคางามิ (ราศีสิงห์) พอดีเลยค่ะ

    ชายน์ [Shine] – แปลว่าแสงสว่างตรงตัวเลยค่ะ

    เฟลม [Flame] / ไฟร์ [Fire] – แปลว่าเปลวไฟตามตัวเลยค่ะ

    คุโรโกะ – สารภาพว่ารายนี้คิดหนักมากค่ะ คอมเซ็ปต์น้องแกแบบ...เอ่อ สีดำเหรอ? หรือไงดี เราเลยเอาคอนเซ็ปต์จากโค้ดเนมเก่าน้องที่แปลว่าท้องฟ้ามาใช้ด้วยซะเลย ที่เราคิดไว้มี..

    ชิเอล [Ciel] – แปลว่าท้องฟ้าในภาษาอิตาลีค่ะ

    น็อกซ์ [Nox] / นิกซ์ [Nyx] – แปลว่าความมืดไม่ก็ราตรีค่ะ (เป็นชื่อเทพแห่งราตรีกาลของกรีก-โรมัน ชื่อนึงเป็นกรีก อีกอันเป็นโรมัน แต่เราก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าชื่อไหนภาษาอะไร (อ้าว?) 5555)

    นัวร์ [Noir] – แปลว่าสีดำในภาษาฝรั่งเศสค่ะ

    ไนท์ [Knight] – แปลว่าอัศวิน อาจจะมาแหวกแนว...แต่...ด้วยความที่ว่าออกเสียงเหมือนไนท์ [Night] ที่แปลว่ากลางคืน เมื่อรวมกับนิสัยเจ้าตัวแล้ว เกือบทั้งรร.น่าจะเข้าใจโค้ดเนมน้องเขาผิดเป็นไนท์ที่แปลว่ากลางคืนแน่เลยค่ะ 55555

    เชิญท่านเซ็นเลือกได้ตามสบายค่ะ ถ้าเป็นประโยชน์เราจะดีใจมากเลย

     

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×