คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #115 : [Fic KNB] Difference
Application
“...ฉันเหรอคะ?
ฉันไม่มีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นหรอกค่ะ...ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงเท่านั้นเอง...”
ชื่อจริง : Hinamori Mitsuha [ฮินาโมริ มิตสึฮะ] [แปลว่า ปีกแห่งแสงสว่างจากป่าแห่งแสงแดด]
ชื่อเล่น : Mitsu [มิตสึ] [แปลว่า แสงสว่าง]
โค้ดเนม : Vega [เวก้า] [ตั้งชื่อตามดาวเวก้าแห่งกลุ่มดาวพิณ แปลว่า อินทรีที่บินโฉบเฉี่ยว]
อายุ : 17
ลักษณะรูปร่างภายนอก :
เด็กสาวรูปร่างเพรียวท่าทางคล่องแคล่ว แม้ไม่ได้งดงามเลิศเลอเป็นหนึ่งแต่ก็น่ารักมีเสน่ห์ชวนให้มองไม่น้อย
ผิวขาวนวลใสไร้รอบตำหนิ ดวงหน้ารูปไข่ดูอ่อนโยนมีดวงตาเขียวอมฟ้าดั่งน้ำทะเลคู่โตประดับอยู่
ล้อมด้วยแพขนตาหนา คิ้วเรียวบาง จมูกโด่งเล็กน้อย เรียวปากบางสีซากุระที่มักยิ้มแย้ม
รวมกับแก้มใสมีสีระเรื่อ ก่อเกิดเป็นใบหน้าน่ารักชวนมองไม่รู้เบื่อ
เรือนผมของเธอเป็นสีเขียวอมฟ้าเช่นเดียวกับสีดวงตายาวจรดเอวไว้หน้าม้าที่มักรวบไว้เป็นทรงทวินเทลเพื่อไม่ให้มันมาเกะกะหน้าจนเกินไป
แขนขาเรียวบางเหมือนจะหักง่ายแต่ก็แข็งแรงสุขภาพดี ไม่มีรอยตำหนิใดๆ
ผู้คนมักเห็นสัตว์มาเดินคลอเคลียอยู่ใกล้ๆเธอบ่อยๆ
รวมๆแล้วเธอก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าถนอมคนหนึ่งเลยทีเดียว สูง 163 เซนติเมตร หนัก 44 กิโลกรัม
อุปนิสัย : ฮินาโมริ
มิตสึฮะ เด็กสาวผู้มีบุคลิกอ่อนโยนและสดใส เปรียบดังฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนหวาน
ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป นั่นแหละตัวเธอ แม้จะมีความสดใส
แต่ก็ไม่ได้ร่าเริงจนเป็นบ้าแต่อย่างใด เธอยิ้มแย้มอัธยาศัยดี แต่ก็ไม่ได้ลามปามจนเสียมารยาทแต่อย่างใด
‘วาจาส่อภาษา กิริยาส่อสกุล’ คือคำที่แม่ใช้สอนเธอมาตั้งแต่เล็กๆ
แม้ว่าบ้านของเธอจะไม่ได้เป็นผู้ดีจากที่ไหน แต่หากวางตัวดีแล้ว
คนอื่นก็ย่อมจะมองเราดีแน่นอน
ด้วยคำสอนข้างต้นทำให้มิตสึฮะเป็นคนที่รู้สัมมาคารวะและกาลเทศะ
รู้วิธีปฏิบัติตัวต่อผู้คนอย่างมีมารยาทอย่างเป็นตัวของตัวเอง ไม่เสแสร้งแกล้งทำ
หรือมากพิธีเกินไปจนคนรอบข้างอึดอัด กับเพื่อนหรือคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน
เธอจะไม่มีพิธีรีตองมากนัก มักเป็นกันเองให้บรรยากาศสบายๆ แต่ก็จะเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสมหากเป็นคนที่เพิ่งรู้จัก
ไม่ได้ละลาบละล้วงหรือตีซี้ในทันที แต่ถ้าสนิทด้วยแล้วก็สดใสอย่างเป็นตัวของตัวเอง
และคงมีความเกรงใจให้เพื่อนฝูงเสมอ ส่วนกับผู้ใหญ่ก็จะนอบน้อมด้วย
อาจจะมีพูดทีเล่นทีจริงนิดหน่อยผสมปนไปบ้าง
แต่เมื่อเอามารวมกับการวางตัวแล้วก็ดูสดใสดี เรียกว่าเป็นคนที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดีเลยล่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ประเภทตอแหลแถใส่สเก็ตไปเรื่อยเปื่อยด้วย...
มิตสึฮะเป็นคนที่พูดจาได้ค่อนข้างน่าฟัง
จะเรียกว่ามีวาทศิลป์ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว
เพราะว่าโดยปกติแล้วเธอเป็นคนที่พูดจาค่อนข้างตรงไปตรงมา
ซื่อสัตย์และซื่อตรงกับตัวเองมากพอสมควร
แต่ก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรพูดสิ่งที่คิดในใจออกไปทั้งหมด
ดังนั้นเธอมักจะพูดอย่างที่คิด แต่ไม่ได้พูดทุกอย่างที่คิด
แล้วก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาเสียทุกครั้งจนซื่อ ก็แค่ส่วนมากเท่านั้น
เวลาจำเป็นจริงๆมันก็ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมลูกล่อลูกชนกับเขาบ้าง
ตรงไปตรงมามากไปก็ไม่ไหว...ตายกันพอดี
ภายนอกมิตสึฮะจะดูเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่ความอ่อนโยน
รักสัตว์เป็นที่สุด เห็นสัตว์ที่ไหนเดาได้เลยว่าแม่นางจะต้องเข้าหาแน่ๆ
โดยเฉพาะเมื่อสัตว์ที่ว่าบาดเจ็บหรือหิว
เธอก็พร้อมจะช่วยเหลือเต็มที่จนเหมือนเป็นแม่พระ
แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น
มิตสึฮะรักสัตว์มากเพราะผูกพันกับพวกมันมาตั้งแต่ยังเล็ก เหมือนสหายร่วมโลก
เธอพอใจที่จะเห็นพวกมันใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีความสุข และไม่ชอบใจที่มีใครไปขัดขวางหรือทำร้ายพวกมัน
และจะยับยั้งไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านั้นเต็มที่
ที่สำคัญคือ...มิตสึฮะมีความสามารถพิเศษที่เกี่ยวข้องกับสัตว์สองอย่าง คือ หนึ่ง
เธอสามารถสั่งสัตว์ได้ดังใจ คือไม่ว่าเธอจะพูดอะไร
เหล่าสัตว์ก็เหมือนจะเข้าใจและยอมทำตามเธอไปเสียหมด
ซึ่งเรื่องที่เธอสั่ง...เรียกว่าขอจะดีกว่ามักจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นให้เข้าใกล้
นั่งลง เท่านั้น ไม่ได้ขออะไรเกินเลยมากมาย
และสอง...ไม่ว่าสัตว์จะดุแค่ไหนก็จะไม่มีวันทำร้ายเธอ ทั้งสองเป็นพรสวรรค์ที่เธอมีอย่างงงๆ
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่คิดจะอวดอะไร ออกเก็บมันไว้เป็นความลับด้วยซ้ำ
เพราะกลัวว่าถ้ามีคนรู้แล้วจะเอาไปทำเรื่องไม่ดีขึ้นมาน่ะสิ
นอกจากอ่อนโยนกับสัตว์แล้ว
มิตสึฮะก็ยังอ่อนโยนกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอีกด้วย
ใส่ใจคนอื่นแบบไม่มากจนเรียกว่าจุ้นจ้าน เป็นคนที่ไม่นิ่งดูดายเวลาคนอื่นเดือดร้อน
ช่วยอะไรได้ก็จะช่วย
แต่ถึงกระนั้นเธอไม่ได้ช่วยไปหมดจนเอาตัวเองไปเสี่ยงแต่อย่างใด
ถ้าเอาตัวเองไม่รอดก็ไม่มีสิทธิจะไปช่วยใครหรอก
แต่เธอเองก็ไม่ได้เป็นพวกทิ้งอะไรไว้กลางทางเสียด้วย
ดังนั้นหากรับปากไปว่าจะช่วยแล้วลงมือทำไปแล้วเรื่องมันเกิดยากขึ้นกลางคัน
ก็ขอให้สบายใจได้ว่าเธอจะไม่ทิ้งงานกลางทางแล้วชิ่งอย่างแน่นอน
ความเห็นแก่ตัวเธอมีก็จริง แต่ความรับผิดชอบเธอมีสูงกว่ามาก สบายใจได้
แต่ถ้าเธอไม่รับงานแต่แรกก็เป็นอีกเรื่องนะ
แต่แม้มิตสึฮะจะอ่อนโยน จนใครหลายคนคิดว่าเอาเปรียบหรือแกล้งเธอได้ง่ายๆ
ขอบอกเลยว่าคิดผิดถนัด เธอเป็นสาวสายอ่อนนอกแข็งใน
ภายใต้ความอ่อนโยนที่แสดงออกมานั้นคือหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่อุปสรรคใดๆ
และจะใช้ทุกอย่างที่ตนเองมีฝ่าฟันมันไปให้ได้
ถือว่าอุปสรรคและปัญหาเป็นสิ่งที่พัฒนาคนเราให้เข้มแข็งขึ้น ในพจนานุกรมของเธออาจมีคำว่าเป็นไปไม่ได้
แต่ไม่มีวันมีคำว่าย่อท้อหรือยอมแพ้ก่อนจะได้ลงมือทำเด็ดขาด
หากไม่ลองทำดูแล้วเอาแต่กลัว มันจะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องเดินหน้าต่อไปสิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าเธอไม่ใช่ประเภทหาเหาใส่หัว
เพียงแต่คิดว่าหากเรื่องอะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
กลัวหรือตีโพยตีพายอะไรไปก็เท่านั้น สู้คิดหาทางรับมือไว้จะดีกว่า
และเธอก็คิดว่าคนที่มีสิทธิกำหนดชะตาชีวิตได้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นตัวเอง
เพราะฉะนั้นเธอจะทำทุกๆเรื่องอย่างดีที่สุดและเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียใจทีหลัง
แม้บางคนจะมองว่าไม่จำเป็นต้องทุ่มเทขนาดนั้นก็ได้
แต่มิตสึฮะกลับเห็นว่าทุกการกระทำของเราจะส่งผลไปในทางใดทางหนึ่ง
หากเราทำไปส่งๆอย่างนั้น มันก็แค่นั้น แต่หากเราตั้งใจทำ
มันจะได้อะไรมากกว่าการทำส่งๆไปอย่างแน่นอน เรียกว่ามีความเชื่อมั่นสูง
แต่ไม่ถึงกับหลงตัวเอง และเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้วจะไม่มีวันหันหลังกลับ
ยอมเสี่ยงกับผลลัพธ์ข้างหน้าและยอมรับมันไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม
เป็นความเชื่อมั่นและความกล้าหาญที่นำเธอก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งเลยล่ะ
มิตสึฮะเป็นคนที่แบ่งเวลาได้ดีและใช้ชีวิตเป็น
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอขอบคุณตารางอันยุ่งเหยิงในช่วงม.ต้นของเธอที่ทำให้เธอฝึกฝนจนได้ความสามารถอันนี้มา
ทำให้เธอรู้จักแยกแยะระหว่างเรื่องสำคัญและไม่สำคัญ
และการจัดการลำดับพวกมันอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นคนขยันขันแข็ง มีความพยายามสูง
ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะทำให้ดีที่สุด เรียกได้ว่าเป็นคนจริงจังเอาการเอางานก็ว่าได้ พึ่งพาได้เลยล่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะอยู่ในซีเรียสโหมดตลอดเวลานะ
เธอรู้ว่าเรื่องไหนควรจริงจังมากน้อย
มีเล่นบ้างด้วยเป็นระยะๆทำให้ผู้คนไม่ค่อยเครียดตอนร่วมงานกับเธอ ออกจะสบายใจด้วยซ้ำเวลาอยู่ด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามิตสึฮะคิดว่าขืนเครียดกับทุกเรื่องก็บ้าตายกันพอดี
แต่ถ้าไม่จริงจังเลยก็ไม่ได้การ ก็เลยออกมาผสมๆกันอย่างที่เห็น จะเรียกว่ามีความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ผสมกันอยู่มันก็ไม่ผิดเท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องไหนเธอซีเรียสมาก อย่าหวังเลยนะว่าเธอจะทำเป็นเล่นๆด้วยน่ะ...
ในสายตาของหลายๆคน มิตสึฮะเหมือนเป็นเด็กเรียนบ้างานเพราะวันๆเห็นเอาแต่อ่านหนังสือไม่ก็ทำงาน ไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย...คืออันที่จริงแล้วต้องบอกว่า มันไม่มีอะไรให้เธอทำนอกจากอ่านหนังสือและทำงานต่างหาก เพราะงานอดิเรกอย่างอื่นเช่นเล่นกับสัตว์ก็กลัวความลับจะแตก คุยกันเรื่องดาราหรือแฟชั่นเธอก็ไม่รู้เรื่อง ร้องเพลงในที่สาธารณะเธอก็เกรงใจกลัวจะเป็นรบกวนชาวบ้านเขาเลยไม่ร้อง ดูดาวมันก็ดูได้แค่ตอนกลางคืน สรุปไปๆมาๆก็เลยเหลือแค่อ่านหนังสือกับทำงานนนี่แหละ นอกจากนั้นก็อาจมีคุยเรื่องจิปาถะทั่วไปกับเพื่อนๆบ้าง แต่ภาพที่ทุกคนชินตาคือ...ภาพที่มิตสึฮะมักจะยิ้มน้อยๆแล้วอ่านหนังสืออย่างใจจดใจจ่อนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วยังถูกมองว่าเรียบร้อยมากๆ เพราะไม่เคยทำผิดกฎรร.เลยแม้แต่ข้อเดียว อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่เธอสบายใจที่จะทำตามกฎเหล่านั้น เพราะมันเป็นเป็นกฎที่มีเหตุผลพอและจะคุ้มครองเธอได้หากเกิดเรื่องเท่านั้นเอง...ถ้าจำเป็นจริงๆ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นมิตสึฮะแหกกฎก็เป็นได้...เห็นแบบนี้ก็เป็นคนกล้าได้กล้าเสียและใจเด็ดกว่าที่เห็นภายนอกเยอะนะ...
มิตสึฮะเป็นคนที่เหมือนจะอ่อนโอนผ่อนผัน เกรงใจคนอื่นพอควร ยอมตามคนอื่นได้จนบางทีดูเหมือนไหลไปตามน้ำ ปรับตัวได้ดี รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง แต่ความจริงแล้วเปล่าเลย ในใจของเธอนั้นมีความเชื่อที่หนักแน่นไม่สั่นคลอน ที่อ่อนโอนผ่อนผันนั่นก็เพราะเป็นเรื่องที่เธอเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เธอไม่ถือสาอะไร และไม่มีอะไรเสียหายที่จะทำตามคำขอก็เท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิหรือก้าวก่ายเธอมากเกินไปด้วย กล่าวได้ว่าเธอเป็นคนที่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมากพอสมควร แต่เธอไม่ใช่เบ๊รับใช้ใคร เพราะฉะนั้นจะให้เชื่อฟังคนอื่นเต็มร้อย...บอกเลยว่าอย่าคิดดีกว่า เป็นคนที่เพื่อสิ่งสำคัญของตนแล้วก็พร้อมจะสู้แม้จะต้องเผชิญปัญหาหนักหนาสาหัสปานใดก็ตาม กล้าหาญพอจะยืนหยัดในความคิดและความเชื่อของตนเองจนถึงท้ายที่สุดเพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
มิตสึฮะเป็นคนฉลาดในด้านการเรียนรู้
วิเคราะห์ และวางแผน ในด้านการเรียนรู้นั้น ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานสมองดีๆ เรียนรู้เร็วกว่าคนอื่นมาให้
เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย สอนแค่ครั้งเดียวก็จำได้
และทำตามได้อย่างไม่ค่อยติดขัดอะไรนัก ส่วนในด้านการวิเคราะห์...อืม
แม้เธอจะเป็นเหมือนพวกไม่ได้คิดอะไรมากมายให้ปวดหัว
เผลอๆออกจะเป็นคนที่ใช้สัญชาตญาณและความรู้สึกนำไปด้วยซ้ำ แต่กับบางเรื่องจะเป็นคนที่คิดถี่ถ้วนมาก
โดยเฉพาะเมื่อตนเองอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติอาทิเช่นตอนอยู่โลวคลาสนี่ไง
เธอจะวิเคราะห์ว่าเธอควรไปที่ไหนถึงจะปลอดภัย อะไรแบบนี้ ขอบคุณความช่างสังเกตของเธอด้วยเพราะมันมีส่วนช่วยมากทีเดียว แต่ถ้าคิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่ตก
อันนี้ก็ต้องพึ่งสัญชาตญาณกับความรู้สึกล้วนๆแล้วล่ะ แล้วก็นำไปสู่การวางแผนของเธอ
แต่ถึงจะบอกว่าแผนก็ไม่เลิศล้ำอลังการอะไรขนาดนั้น ชอบแผนที่ง่ายๆ
แต่ใช้ได้ผลมากกว่า แต่บางทีกับเรื่องบางอย่างต้องวางกลยุทธ์พอควร
เธอเองก็แอบหืดขึ้นคอเหมือนกัน ถึงการเล่นโชงิจะช่วยได้บ้าง แต่ต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ตัวเองกับการคุมตัวหมากมันไม่เหมือนกัน
ดังนั้นเวลาเจออะไรแบบนี้ก็จะเครียดเอาเรื่องเลยทีเดียว
แม้ปกติจะไม่ใช่คนคิดมากก็ตาม แต่เจอเรื่องเครียดเข้าไปมากๆ ใครไม่เครียดสิแปลก
จริงม้า...
มิตสึฮะเป็นคนที่มีความอดทนสูงเสียดฟ้า
ใจเย็นเป็นที่สุด
ชนิดที่ว่ามีคนด่าเธอมาเธอก็ยังยิ้มสวยๆแล้วโต้กลับไปแบบสุภาพชนแต่ฟังแล้วจุกไปถึงไส้ติ่งได้
ให้ฟีลเหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยกแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเธอไม่ได้ด่า ไม่ได้ย้อน
ไม่ได้กวนประสาทอะไรทั้งนั้น ไม่แคร์ด้วยว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ถือว่าดีมาดีกลับ
แต่ถ้าจะมาลองดี เธอก็พร้อมจะทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้ยอมกดขี่ง่ายๆ
แต่ไม่ได้ถึงขั้นกร่างโชว์พาวตัวเองนะ เพราะรู้ว่าแรงไปก็จะอันตรายกับตัวเองมากกว่า
เป็นคนที่ไม่ชอบโดนกดขี่แบบไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ ด้วยความคิดนี้ทำให้กว่าจะปรับตัวอยู่ในชั้นโลวคลาสได้ก็มีเรื่องไปหลายทีอยู่
โชคยังดีที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายและเธอแก้ไขสถานการณ์ได้
เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปมีเรื่องอีกโดยเฉพาะกับไฮคลาส
เธอจะพยายามเลี่ยงไม่เจอหน้าพวกไฮคลาสเลย ไม่ใช่กลัวพวกเขานะ แต่กลัวว่าหากเจอหน้ากันแล้วมีเรื่องอะไรจะซวยเธอเท่านั้นแหละ
เห็นช่วยคนอื่นมีน้ำใจแบบนี้ก็มีมุมเห็นแก่ตัวนิดๆ เหมือนกันนะ รักสงบด้วย...
แต่ถึงจะบอกว่าอดทนใจเย็นยังไง
มีก็ต้องมีลิมิตของมัน มิตสึฮะเองก็เช่นกัน
หากถึงขีดจำกัดเมื่อไหร่แปลว่าเธอจะโกรธแน่นอน
ขอแสดงความยินดีกับผู้โชคร้ายคนนั้นด้วย เพราะเธอเป็นคนที่โกรธยาก หายยากกว่าตอนโกรธอีก
เพราะแน่นอนว่าเรื่องที่จะมาทำให้มิตสึฮะโกรธได้ต้องเป็นเรื่องใหญ่ไม่ก็คอขาดบาดตายมากๆ
และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าถ้าซีเรียสเรื่องไหนจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ
เมื่อรวมกันแล้ว...หากไม่ทำให้ปัญหามันจบ โอกาสหายโกรธนี่มีสิทธิติดลบด้วยซ้ำ...ถามว่าโกรธแล้วจะแสดงท่าทียังไงน่ะเหรอ
คำตอบง่ายมาก...ตอนแรกก็จะพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้โวยวายตีโพยตีพาย พูดด้วยเสียงนิ่ง
หนักแน่น แต่ฟังแล้วโศกเศร้า ก่อนจะจากมา
และเริ่มหลบหน้าตัวการทันทีเพื่อไม่ให้เจอหน้ากันแล้วรู้สึกโกรธไปมากกว่านี้
และหลบไปเรื่อยๆ หากบังเอิญเจอหน้ากันก็จะทำเหมือนมองไม่เห็น เหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุได้เลยล่ะ...
ถามว่าแล้วเรื่องอะไรที่ทำให้มิตสึฮะโกรธได้น่ะเหรอ?
ต้องขอบอกเลยว่าส่วนใหญ่มักไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่
เพราะสิ่งสำคัญของเธอที่เธอรักเหนือสิ่งอื่นใดคือคุณแม่...ครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของเธอ
ผู้อบรมเลี้ยงดู และทำให้เธอเป็นเธอจนทุกวันนี้ การตัดสินใจทุกย่างก้าวที่เดินไป
มักไม่ได้ทำเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น แต่ทำเพื่อแม่ด้วย
รักแม่ที่สุดในโลกชนิดที่ว่าชาตินี้ก็หาใครมาแทนที่แม่ไม่ได้ ต่อให้มีแฟนก็เถอะ
และถ้ามีแฟนเชื่อว่าถ้าแม่ไม่โอเค เธอก็จะไม่เอา
เพราะไม่อยากทำให้แม่เสียใจนั่นเอง
(แม้ว่าด้วยนิสัยของแม่น่าจะบอกให้เธอเป็นคนเลือกเองก็เถอะ) แอบติดแม่พอควรถึงขั้นที่ว่าตอนเลิกเรียนทุกวันต้องส่งข้อความสั้นๆเล่าเหตุการณ์ประจำวันคุยกับแม่อยู่เสมอ
และเสาร์อาทิตย์หากไม่มีอะไรเป็นพิเศษเธอก็มักจะกลับบ้านไปหาแม่ด้วย
เพราะงั้นหากมีใครมาทำอะไรแม่เธอ มิตสึฮะไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆแน่
เรื่องคนสำคัญ...นอกจากครอบครัวแล้วก็คงเป็นเพื่อน...แม้ว่าจะดูอัธยาศัยดี
คุยได้ไปหมด แต่คนที่สนิทกับเธอจริงๆมีไม่เยอะ ด้วยความถูกชะตาและอื่นๆ
หากเป็นเพื่อนสนิทเธอจะค่อนข้างไว้ใจพอสมควร ช่วยเหลือเต็มที่ สุขทุกข์ไม่ทิ้งกัน
และเป็นเองด้วยมากๆ แต่เธอมีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถวางใจคนอื่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ไม่ว่าจะสนิทกันขนาดไหนก็ตาม
โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องที่คิดว่าสำคัญสำหรับตัวเธอเอง ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่ดูมีความลับในความธรรมดาของเธอเองเต็มไปหมด
ทั้งเรื่องความสามารถพิเศษเอย โน่นนี่นั่น...
หากจะกล่าวถึงงานบ้านงานเรือน
คงไม่แปลกใจที่จะบอกว่ามิตสึฮะทำเป็นทุกอย่าง
เหตุเพราะต้องช่วยงานที่บ้านตั้งแต่ยังเล็ก เธอจึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อที่จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ได้
เมื่อประกอบกับความทุ่มเทและเอาใจใส่แล้ว
ทำให้งานเหล่านี้ของเธอออกมาเรียบร้อยมากๆ อาหารอร่อยแบบฝีมือคุณแม่ เย็บปักและทำความสะอาดเรียบร้อยดี
แม่ศรีเรือนตัวอย่างเลยล่ะ
ถามว่าไม่มีเรื่องที่มิตสึฮะไม่ถนัดบ้างเหรอ?
มีค่ะ...คือเรื่องเทคโนโลยี และพวกแฟชั่นทั้งหลาย
ด้วยความที่ว่าบ้านฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เรื่องเทคโนโลยีก็เลยมักได้ใช้แต่ของตกรุ่นที่เขาเอามาลดราคาขายกันถูกๆ
ก็เลยใช้พวกของไฮเทคไม่ค่อยจะเป็นเท่าไหร่ เรียกว่าเอ๋อเลยก็ได้
โทรศัพท์มือถือมีไว้โทรเข้าออก ส่งความ ถ่ายรูป อัดเสียง เสิร์ชข้อมูล
ที่เหลือก็ไม่รู้แล้วว่าจะเอาไปทำอะไรทั้งที่ความจริงมือถือสมัยนี้ทำได้เยอะแยะ
บอกแล้วไงว่าโลวเทค...ส่วนเรื่องแฟชั่น คือเรื่องนี้ไม่ค่อยอยู่ในหัวมิตสึฮะเท่าไหร่
ตราบเท่าที่ยังแต่งตัวถูกกาลเทศะและไม่ดูป้ามากจนเกินไปเธอก็เอาหมดนั่นแหละ
เครื่องสำอางอะไรอย่าหวังเลยว่าจะได้เงินเธอ
เพราะนอกจากจะไม่มีตังค์ซื้อแล้วยังใช้ไม่เป็นอีกด้วย ก็เกิดมาคนมันไม่เคยใช้นี่นา...
อีกเรื่องที่มิตสึฮะไม่เคยมาก่อนในชีวิต...คือการตกหลุมรักใครสักคน
ไม่สิ
ไม่รู้ว่าหัวสมองของเธอจะมีที่เหลือไว้ให้เรื่องความรักหรือเปล่าด้วยซ้ำเพราะมีแต่เรื่องเรียน
งานอดิเรกต่างๆ สัตว์และครอบครัวอยู่เต็มหัวไปหมด ไม่ใช่เจ้าตัวไร้เสน่ห์ขนาดไม่มีผู้ชายมาจีบนะ
แต่จีบแล้วแม่นางไม่เคยเอาสักคน ด้วยเหตุผลที่ว่า หนึ่ง ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน สอง...เอ่อ...เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้
และมองคนนั้นเป็นได้อย่างมากสุดแค่เพื่อนเท่านั้น
และกรณีโดนปฏิเสธแปลว่าอีกฝ่ายต้องมาสารภาพรักเธอเท่านั้น เพราะไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้ก็เลยไม่รู้ว่าที่เขามาทำดีด้วย
เอาใจใส่มากกว่าใครคือการจีบ
ซื่อบื้อเรื่องนี้อย่างไร้ที่ติแบบที่น่าจับไปอบรมซักยก
ดังนั้นหากจะจีบต้องบอกให้ชัด
แต่อาจจะไม่มีประโยชน์มากเท่าไหร่เพราะสารภาพไปก็โดนเหวี่ยงเข้าเฟรนด์โซนหมดอยู่ดี
อีกอย่าง...ด้วยฐานะทางบ้าน ความฝันของเธอ และอื่นๆ
เธอไม่คิดว่าจะมีคนที่จะยอมรับเธออย่างที่เธอเป็นตอนนี้ได้หมดหรอก...ตอนนี้เธอมีหน้าที่ๆต้องทำ
ยังไม่มีเวลามาคิดเรื่องความรักหรอก...
แต่ก็ว่ากันว่าชะตาชีวิตคนเรามันชอบเล่นตลก
ไม่แน่ว่าเธออาจจะได้แต่งงานก่อนใครในรุ่นเลยก็ได้?
เรื่องสุดท้าย...เรื่องความเสียใจ
ปติแล้วมิตสึฮะเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ยิ้มสู้และไม้หลั่งน้ำตาให้เห็นเลยซักหยด
แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ยังคงเป็นเด็กสาวผู้ยังมีเลือดเนื้อน้ำตาเหมือนคนทั่วไป
เวลาเสียใจจริงๆ น้ำตาของเธอจะไหลออกมาปริ่มๆดวงตา
แล้วเธอจะหลบไปทันทีเพื่อไม่ให้ใครเห็นเธอในสภาพดูไม่ได้แบบนี้ ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาแม่แล้วร้องไห้กับแม่
เธอรู้ว่าแบบนี้ทำให้แม่ไม่สบายใจที่เธอร้องไห้...แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่
ตั้งแต่เล็กจนโต หากเธอร้องไห้แล้ว คนที่ปลอบเธอจนน้ำตาหยุดลงได้ก็มีเพียงแม่เท่านั้น
ไม่อย่างนั้นมันก็จะไหลไปเรื่อยๆทีละหยดอย่างช้าๆ และหลังจากแม่ปลอบแล้ว
เธอจะดีขึ้นมากเลยล่ะ เรียกได้ว่าแม่เป็นที่พึ่งทางจิตใจของเธอถึงที่สุดเลยทีเดียว
ประวัติ :
หากจะกล่าวถึงประวัติที่มาของ “ฮินาโมริ มิตสึฮะ” คนนี้แล้วล่ะก็...
ฮินาโมริ มิตสึฮะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านฮินาโมริ
ผู้ปกครองของเธอนั้นมีเพียงคุณแม่ “ฮินาโมริ คานน”ที่มีอาชีพเป็นสัตวแพทย์
แต่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมายเนื่องจากคุณแม่มักจะไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ
หรือไม่บางทีหากคนมาหาไม่มีค่ารักษา คานนก็มักจะช่วยจ่ายให้โดยหักจากเงินเดือนของตนเองไปอยู่เรื่อย
ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านฮินาโมริไม่ได้เรียกว่าดีนัก ก็แค่พออยู่พอกินอาจจะแอบกระเบียดกระเสียรนิดหน่อย
มีเหลือเก็บบ้างเล็กน้อยไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ แต่ถึงกระนั้นสองแม่ลูกก็อยู่กันอย่างมีความสุขดี...
มิตสึฮะเดิมทีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการไม่มีพ่ออยู่แล้ว
แต่พอเข้าเรียนชั้นประถมและเพื่อนๆรู้เรื่องนี้เข้า ก็มีเพื่อนบางคนที่นิสัยไม่ดีใช้จุดนี้มาล้อ
แรกๆมิตสึฮะก็โกรธอยู่เหมือนกันและจบลงด้วยการโต้เถียงกันกันตามประสาเด็ก
แต่พอไปนานๆเข้า...มันก็เริ่มแทนที่ด้วยความน้อยใจและสงสัย...ยิ่งเห็นภาพคุณพ่อของเด็กคนอื่นๆมารับเพื่อนๆกลับบ้าน
ก็ยิ่งเกิดความน้อยใจ จนในที่สุดวันหนึ่งมิตสึฮะก็เข้าไปถามแม่ด้วยใบหน้าสงสัยปนหม่นหมอง
“คุณแม่ขา...ทำไมคุณพ่อถึงไม่อยู่กับพวกเราล่ะคะ”
คานนได้ฟังลูกสาวพูดก็กระพริบตาเล็กน้อย
ก่อนจะลูบหัวลูกสาวเบาๆ
“ทำไมอยู่ๆถึงอยากรู้ล่ะจ๊ะลูกแม่”
“ก็...ยูยะเขาบอกว่าหนูเป็นเด็กไม่ดี
พ่อเลยไม่รัก พ่อเลยไม่อยู่กับหนูแล้ว...”
ได้ฟังดังนั้นคนเป็นแม่ก็ยิ้ม
ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามากอด
“ไม่จริงหรอกจ้ะ...ถึงคุณพ่อจะไม่ได้อยู่กับพวกเราในตอนนี้
แต่เขาก็ยังรักเรานะ...” นิ้วของคานนชี้ไปบนฟ้า “คุณพ่อน่ะ...คอยเฝ้ามองพวกเราจากบนฟ้าอยู่ตลอดเลยนะ”
มิตสึฮะเงยหน้ามองตามด้วยความฉงน
“จากบนนั้นเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ...ถ้ามิตสึฮะเป็นเด็กดี...คุณพ่อจะต้องยิ้มอยู่บนนั้นแน่นอน
แล้วคุณพ่อก็รักมิตสึฮะมากด้วย เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องคิดมาก
ไม่ต้องไปฟังคนอื่นพูดมากก็ได้นะ เพราะคนที่รู้ดีที่สุดว่าคุณพ่อรักมิตสึฮะก็คือมิตสึฮะนี่นา
เนอะ”
รอยยิ้มสว่างไสวปรากฏบนหน้ามิตสึฮะอีกครั้ง
“ค่ะ!”
ก็เรื่องบางเรื่อง...คนที่รู้ดีที่สุด...คนที่เข้าใจที่สุดก็คือตัวเราเองนี่นา...
ดังนั้นบางเรื่องที่คนอื่นเขาพูดกัน
ถ้ามันหนักหัวแต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก...
หลังจากนั้น
ไม่ว่าเพื่อนๆจะล้อหรือกลั่นแกล้งมิตสึฮะเรื่องนี้อย่างไร
เธอก็เพียงแค่ยิ้มให้แล้วตอบกลับไปว่า
“ถึงคุณพ่อจะไม่ได้อยู่กับฉันในตอนนี้
แต่ฉันก็เชื่อว่าคุณพ่อก็ยังรักฉันเหมือนเดิมและคอยเฝ้ามองฉันจากบนฟ้าอยู่เสมอ
ขอบคุณพวกเธอที่เป็นห่วงนะ”
หลังจากนั้น
การล้อเลียนก็ลดน้อยลงและหมดไปในที่สุด เพราะนอกจากมิตสึฮะจะไม่สะดุ้งสะเทือนแล้ว
ตัวคนล้อเองก็ละอายใจด้วย
ก็เริ่มโตกันแล้ว...จะให้มาล้อกันเป็นเด็กแบบนี้ตลอดไปคงไม่ดีหรอกมั้ง...
และในช่วงนั้นเอง...ที่มิตสึฮะได้ค้นพบความสามารถพิเศษในตัวเอง...
คือการที่เธอสามารถเรียกสัตว์ให้เข้ามาหาเธอได้เพียงแค่เอ่ยปาก
และเหล่าสัตว์ไม่มีวันทำร้ายเธอไม่ว่าคนอื่นจะบอกว่าพวกมันดุร้ายอย่างไรก็ตาม
ราวกับว่าพวกมันคิดว่าเธอคือเพื่อนพ้อง...คือสหายที่พวกมันจะวางใจได้...แต่นอกจากคานนผู้เป็นมารดาแล้ว
มิตสึฮะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรอวดตัว
ออกจะระวังด้วยซ้ำเพื่อไม่ให้ใครเห็นความสามารถของเธอแล้วเอาไปทำเรื่องไม่ดี...
ทุกอย่างในชีวิตของมิตสึฮะตอนนั้นราบรื่น
ไปเรียนที่โรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลิกเรียนแล้วกลับมาทำการบ้าน
แล้วก็ออกไปเล่นกับเพื่อนบ้าง ช่วยคุณแม่ดูแลสัตว์ที่มาตรวจบ้าง ช่วยทำงานบ้านบ้าง
จนเรื่องเหล่านี้กลายเป็นชีวิตประจำวันของเธอไปแล้ว และในคืนหนึ่ง
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเตรียมจะเข้านอน คุณแม่ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ
แล้วพูดว่า...
“มิตสึฮะ...แม่มีนิทานจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งก่อนนอน...อยากฟังมั้ยเอ่ย”
มิตสึฮะประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะปกติก่อนนอนทุกวัน คุณแม่จะมาพูดราตรีสวัสดิ์
จูบหน้าผากแล้วแยกย้ายกันเข้านอนในฟูกของแต่ละคนในห้องนอน
แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวัน
แต่ถึงอย่างนั้น มิตสึฮะก็ตอบอย่างไม่ได้คิดมากว่า
“อยากฟังสิคะ
นิทานอะไรเหรอ”
“อืม...นั่นสินะ...”
คุณแม่หลับตาลง “เรื่องมันมีอยู่ว่า...”
กาลครั้งหนึ่ง...มีหญิงสาวที่ไม่ได้งามโดดเด่น
ออกจะธรรมดาๆเสียด้วยซ้ำ เกิดในครอบครัวธรรมดา ทุกอย่างธรรมดาไปหมดจนอาจกล่าวได้ว่าเป็น
“ตัวอย่างของคนธรรมดาสามัญทั่วไป”ได้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เธอมีโดดเด่นกว่าคนทั่วไปคือความอ่อนโยน และความรักในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย
ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่เธอจะเลือกเรียนสัตวแพทยศาสตร์ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบ
เธอก็ทำงานเป็นสัตวแพทย์ในคลินิกเล็กๆแถวบ้าน บ้างก็ไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นไปด้วยใจรักทั้งสิ้น...
หญิงสาวใช้ชีวิตธรรมดาเรื่อยไปอย่างมีความสุข
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น...
บริเวณที่เธออาศัยอยู่นั้นเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีแผ่นดินไหวบ่อยและมีมาตรการการรับมือที่รัดกุมก็ตาม
อย่างไรเสียก็ไม่อาจป้องกันความเสียหายทั้งหมดได้อยู่ดี
เพราะภัยธรรมชาติก็ยังคงเป็นภัยต่อมนุษยชาติ...ตรงตามความหมายวันยังวันค่ำ...
ผลของแผ่นดินไหวในครั้งนั้น ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากถูกทำลาย
มีผู้เสียชีวิตมากมาย ซ้ำยังโดนสึนามิกระหน่ำซ้ำจนความเสียหายยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก...
หญิงสาวสูญเสียคนรอบข้างมากมาย...รวมไปถึงครอบครัวทั้งหมดของเธอด้วย...
ทั้งพ่อแม่พี่น้อง...รวมไปถึงคนรักของเธอ...
และยังไม่นับรวม...เพื่อนร่วมงานทั้งหมดในคลินิกที่เธอทำงานอยู่ด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสวรรค์ช่วยหรือฟ้าจงใจกลั่นแกล้งกันแน่
ที่เหลือเธอให้มีชีวิตรอดคนเดียวเช่นนี้...
แต่เหมือนพระเจ้าจะยังไม่ใจร้ายกับเธอนักทีเดียว...
เมื่อตอนที่เธอออกไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่น
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้มาจากใต้ซากปรักหักพัง และสิ่งที่เธอค้นพบเมื่อลองไปค้นหาคือ...
เด็กทารกคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้จ้า...
หญิงสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
แต่อย่างไรเสียก็ต้องคืนเธอให้กับครอบครัวของเธออยู่ดี แต่เหตุใด...ทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงได้อยู่ตัวคนเดียวกันนะ...
เมื่อพากลับไปเพื่อตามหาครอบครัวของเด็กน้อย
ก็ปรากฏว่า...ครอบครัวของเธอทั้งหมดก็ได้จากไปแล้วเช่นเดียวกับกรณีของเธอ ด้วยความเห็นใจและถูกชะตาแต่แรกพบ
หญิงสาวจึงรับเด็กน้อยมาเลี้ยงราวกับลูกแท้ๆ และตั้งชื่อใหม่ให้เธอว่า...
“ฮินาโมริ มิตสึฮะ”
“นิทานจบแล้ว...สนุกมั้ยจ๊ะ”
“เอ...ทำไมเด็กคนนั้นถึงชื่อเหมือนหนูเลยล่ะคะ
ผู้หญิงที่อยู่ในเรื่องก็ฟังดูเหมือนคุณแม่จัง...”
คานนรวบตัวมิตสึฮะมากอดแน่นๆ “ก็เพราะว่านางเอกในนิทานเรื่องนี้คือแม่กับลูกยังไงล่ะจ๊ะ...”
มิตสึฮะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ...
“งั้น...คุณแม่ก็...”
“อืม...ลูกไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของแม่หรอก...แม่คิดว่าลูกโตพอจะรับเรื่องนี้ได้แล้ว
แม่ก็เลยอยากให้หนูรู้ไว้”
มิตสึฮะพยักหน้าช้าๆ
แต่น้ำตากลับไหล ที่แม่พูดแบบนี้ แปลว่าแม่ไม่รักเธอแล้วงั้นเหรอ?
จะทิ้งเธอไปงั้นเหรอ?
ไม่เอา...ไม่เอานะ!
แต่อ้อมกอดของคุณแม่ก็กระชับเบาๆพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นอีกครั้ง
ราวกับมานั่งอยู่กลางใจเธอ
“มิตสึฮะ...ที่แม่บอกลูก
เพราะนี่คือความจริงที่ไม่ว่ายังไงลูกก็ต้องรู้ในซักวัน...แต่จำไว้นะ
ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆของหนู แม่ก็ยังรักลูก
และเห็นลูกเป็นลูกสาวแท้ๆคนหนึ่งของแม่เสมอนะ...มิตสึฮะ”
“จริงๆนะ...”
น้ำตาของมิตสึฮะเริ่มไหลอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความยินดี ดวงตาสีอ่อนเป็นประกายเปี่ยมด้วยความสุขและความหวังจนดูเจิดจ้า
“จริงสิจ๊ะ...ลูกน่ะ...เป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของแม่เลยนะ”
คืนนั้น มิตสึฮะหลับไปในอ้อมกอดของแม่ทั้งน้ำตาและรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข...
ไม่ใช่แม่แท้ๆ...แล้วยังไงล่ะ?
ไม่ผูกพันกันทางสายเลือดแล้วยังไงล่ะ?
ตราบเท่าที่คุณแม่ยังรักเธอ...ยังดูแลเธอเหมือนลูก...เหมือนที่เคยทำมาตลอดหลายปี...
ความสัมพันธ์นี้...มันก็เหมือนกับแม่ลูกกันจริงๆอยู่ดี...
ไม่ว่าใครจะพูดอะไรยังไง...
ผู้หญิงคนนี้ก็จะยังเป็น “แม่” ของเธอตลอดไป...
ด้วยการอบรมเลี้ยงดูที่ดี
ความอ่อนโยนและความรักที่เปี่ยมล้นจากคานน มิตสึฮะจึงเติบโตมาเป็นเด็กสาวที่เข้มแข็ง
ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร
เธอก็จะอดทนใจเย็นและฟันฝ่าไปได้เสมอ...
ตอนเข้ามัธยมต้น ครอบครัวของมิตสึฮะได้ย้ายบ้านเนื่องจากอพาร์ตเม้นท์เก่าที่เธออยู่กำลังจะถูกรื้อถอน
สองแม่ลูกย้ายไปอยู่ที่หอพักขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
แม้ทำเลจะดูห่างไกลพวกสถานีไปสักหน่อย แตก็ดูอบอุ่นและปลอดภัยดี
หากไม่นับว่าตรงแถวๆหลังหอพักมีสุสานน่ะนะ
และนี่เองเป็นสาเหตุว่าทำไมค่าเช่าที่นี่ถึงได้ถูกพอควรเมื่อเทียบกับขนาดห้องและข้าวของเครื่องใช้ที่พอมีให้บ้างแล้ว
ที่นั่น มิตสึฮะก็ได้พบกับ...
“ฮินาโมริ...เธอ ฮินาโมริใช่มั้ย?”
เมื่อมิตสึฮะหันไปก็พบกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเธอในชุดเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกันกับที่เธอจะเข้า
หน้าตาเขาดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน
“ใช่ค่ะ...ว่าแต่...”
“ฉันยูยะไง...ทามามิยะ
ยูยะ ที่เคยเรียนอยู่ห้องเดียวกันตอนป.2 ไง...”
นัยน์ตาของมิตสึฮะเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะจำได้ว่า
ที่แท้เขาก็คือเด็กชายที่เคยล้อเธอเมื่อสมัยเด็กนั่นเอง
หลังจากนั้นเขาก็ย้ายโรงเรียนไปและไม่ได้พบกันอีก แต่ถึงจะเคยมีเรื่องกันในอดีต มิตสึฮะก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ชอบใจแต่อย่างใด
กลับยิ้มทักทายเหมือนกับเวลาเจอเพื่อนตามปกติ
“อ๋อ...ทามามิยะนี่เอง
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ บังเอิญจังที่มาเจอกันที่นี่”
“ฉันต่างหากต้องถามว่าเธอมาทำอะไรแถวนี้...”
“อ๋อ...ฉันเพิ่งย้ายบ้านมาอยู่ที่หอพักตรงซอยนั้นน่ะ
ทามามิยะเองก็อยู่แถวนี้เหรอ”
“...จะเรียกแถวนี้มันก็ใช่แหละ...ก็หอพักที่เธอย้ายเข้าไปน่ะ
เป็นหอพักของคุณน้าฉันน่ะสิ...ฉันก็เลยพักอยู่ที่นั่นด้วยเพราะมันใกล้โรงเรียนดีน่ะ”
“เอ๋!?”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น
เวลาเลิกเรียนหากไม่ต้องเข้าชมรม
พวกเขาทั้งสองก็มักจะกลับหอพักพร้อมกันและนั่งทำการบ้านด้วยกันเงียบๆ จริงๆแล้วมิตสึฮะอยากช่วยงานคุณแม่มากกว่าจะเข้าชมรม
แต่แม่ก็ดีดหน้าผากเธอดังเพียะแล้วพูดว่า
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะมิตสึฮะ
ลูกมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปเถอะ ถ้ามีชมรมที่อยากเข้าก็เข้าไปเลย!”
“แต่...”
“ชีวิตวัยรุ่นน่ะ...ชีวิตนึงมีได้แค่ครั้งเดียวนะ
ดังนั้น ทำสิ่งที่ลูกอยากทำให้เต็มที่เถอะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังไงล่ะ
เรื่องงานน่ะ...ถ้าอยากช่วยก็มาวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ระหว่างนี้ก็ตั้งใจเรียนไป
จะได้มาช่วยแม่ตอนแก่ได้ไง”
“แต่แม่ก็จะทำงานหนักคนเดียว...”
“มิตสึฮะ...เพื่อลูกแล้ว
สำหรับแม่...หนักแค่ไหนแม่ก็ไม่กลัวหรอก
แม่ภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักเพื่อลูก แค่ลูกเป็นเด็กดี ยิ้มได้
และยังนึกถึงแม่ แค่นั้นแม่ก็ดีใจแล้ว...”
ดังนั้นมิตสึฮะจึงตัดสินใจจะใช้ชีวิตให้เต็มที่
และเลือกเข้าชมรมหมากรุกญี่ปุ่น(โชงิ) เพราะนอกจากเธอจะสนใจแล้ว
ยังไม่ต้องซ้อมอะไรเป็นบ้าเป็นหลังมากมายเหมือนพวกชมรมกีฬา อีกอย่าง
การได้ลับสมองด้วยการวางกลยุทธ์บนแผ่นกระดาน ก็เป็นสิ่งที่มอบความเพลิดเพลินให้มิตสึฮะได้มากพอควรเลยทีเดียว
นอกจากนั้นเธอยังลงแข่งได้รางวัลมาด้วย...แม้จะเป็นที่สามก็ตาม...
แน่นอนว่าที่หนึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจาก “อาคาชิ เซย์จูโร่”
ผู้ชายที่มิตสึฮะพ่ายแพ้ให้ในรอบรองชนะเลิศ
ทายาทของตระกูลอาคาชิผู้ร่ำรวยล้นฟ้า หล่อเหลาและมากด้วยความสามารถ
เธอชื่นชมและนับถือในฝีมือของเขา และก็ได้พบกันอีกในการแข่งรายการถัดๆมา
แต่ก็เป็นเพียงแค่คนรู้จักผิวเผินเท่านั้น...
เรียกได้ว่าชีวิตวัยมัธยมต้นของมิตสึฮะนั้นเรียกได้ว่ามีสีสีนตามประสาวัยรุ่นอย่างแท้จริง
เธอเรียน เธอเล่น เธอทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียใจภายหลัง ตอนขึ้นชั้นม.ต้นปีสอง
เธอได้รับเลือกให้เป็นรองประธานนักเรียน
แม้ว่าตอนแรกเธอจะกังวลอยู่บ้างเพราะกลัวว่าอาจจะทำให้สมดุลอย่างอื่นเสียไป
และเวลาที่จะอยู่ช่วยแม่ยิ่งลดลงอีก แต่แม่ก็สนับสนุนเต็มที่ด้วยรอยยิ้ม
“แหม...ก็ดีสิจ๊ะ
ที่เพื่อนๆเลือกลูกมาเนี่ย แสดงว่าต้องไว้ใจลูกพอควรเลยนะ”
คานนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...ลูกอยากทำหรือเปล่าล่ะจ๊ะ”
“หมายความว่า...”
“มิตสึฮะ...บางเรื่องก็เป็นหน้าที่หรือเรื่องที่เราเลือกไม่ได้
แต่ถ้าเลือกได้...ก็เลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเองไว้นะ
แม่รู้ว่าลูกเป็นคนมีน้ำใจ
อยากทำเพื่อคนอื่น...แต่กับบางเรื่องน่ะ...จะเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ใจสักหน่อยก็ได้
เพราะคนที่มีสิทธิกำหนดชีวิตของลูกน่ะ...มีแค่ตัวลูกเองเท่านั้นแหละ
แม่เองก็ทำได้แค่แนะนำและเฝ้ามองเท่านั้นเอง...”
ด้วยคำแนะนำนั้นเอง...มิตสึฮะจึงตัดสินใจรับตำแหน่ง
เพราะว่าเธออยากพัฒนาตัวเอง อยากเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ
อยากจะเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากกว่านี้เพื่อที่โตขึ้นเธอจะได้ช่วยเหลือคุณแม่ได้อย่างเต็มที่
แต่ไม่ว่าจะทำกิจกรรมทั้งสภานักเรียนและชมรมยุ่งเพียงไหน
เธอก็ไม่เคยละทิ้งการเรียน จะเรียกว่าทุกอย่างที่เข้ามาทำให้มิตสึฮะรู้จักการจัดสรรเวลาในการทำสิ่งต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม
วันธรรมดาก็เรียนและทำกิจกรรม เลิกเรียนกลับมาทำการบ้านสะสางธุระ วันหยุดก็ไปช่วยแม่ทำงาน
บ้างก็นอนพักผ่อนหย่อนใจอยู่กับแม่
และที่มิตสึฮะยอมรับตำแหน่ง..และเข้าชมรมนั้น...ก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง...
เธออยากได้ทุนตอนม.ปลาย...
การจะได้ทุนมานั้น ต้องมีผลการเรียนดีเป็นตัวแปรสำคัญก็จริง
แต่ผลงานในด้านอื่นๆก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในหัวข้อที่ประชุมด้วยอย่างแน่นอน
ดังนั้นเพื่อให้มีผลงาน ประกอบกันมันเป็นสิ่งที่เธออยากทำ ก็ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แม่ให้เธอใช้ชีวิตเต็มที่แล้ว...และเธอก็จะใช้มันเพื่อตัวเอง...และเพื่อแม่ด้วย...
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
ไม่ทันไรก็เข้าสู่ช่วงปีสาม...ปีแห่งความเคร่งเครียดและจากลาไปสู่ชีวิตม.ปลาย มิตสึฮะก็ยังงานยุ่งเหมือนเดิม...เพิ่มเติมคือเวลาพักของเธอถูกเจียดไปอ่านหนังสือสอบ
แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยคือ...ไม่ว่าเธอจะงานยุ่งขนาดไหน
ยูยะก็มักจะรอกลับบ้านพร้อมเธอเสมอ...เป็นแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว...
“ขอโทษทีที่ช้านะ”
“ช่างเถอะ...ชมรมฉันก็เพิ่งเลิกซ้อม
ไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินกลับหอพักกันเงียบๆ
ไม่มีใครพูดอะไร แต่อยู่ๆยูยะก็หยุดเดิน
“จะว่าไป...วันนี้แม่เธอไปทำงานกลับดึกสินะ”
“มันก็ใช่อยู่หรอก
นี่ก็ต้องกลับไปทำข้าวเย็นเนี่ย...มืดแล้วด้วยสิ” มิตสึฮะเงยหน้ามองฟ้า
“รีบกลับกันเถอะ”
แต่ยูยะก็คว้าแขนของมิตสึฮะไว้แล้วลากเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
โดยไม่สนใจเสียงประท้วงเล็กๆของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้ที่นั่งแล้ว มิตสึฮะก็หรี่ตาลงเล็กน้อยจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนิดๆ
ก่อนจะถอนหายใจ
“นี่ยูยะ...ถ้านายหิวมากล่ะก็บอกกันก่อนก็ได้...แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉัน...”
“กว่าจะกลับถึงหอ
กว่าจะทำกับข้าวเสร็จ เธอหิวตายกันพอดี เงียบๆแล้วสั่งไปเหอะน่า ฉันเลี้ยงเอง”
“ไม่ได้หรอก!
ฉัน...”
“แต่ฉันสั่งเผื่อเธอไปแล้ว” ยูยะพูดพลางวางเมนูลงหลังจากเลือกรายการเสร็จแล้ว
ยักคิ้วเล็กน้อยเหมือนกวนประสาท “ถ้าเธอไม่กินก็เท่ากับว่ากินเหลือนั่นแหละ...”
“...ยูยะ
นายนี่มัน...”
ยูยะรู้ว่าด้วยฐานะและการเลี้ยงดูของมิตสึฮะ...ทำให้เธอเป็นคนที่ไม่มีวันทานอาหารเหลือเด็ดขาดหากไม่จำเป็นจริงๆ
ก็นั่นแหละ...เขาถึงต้องมัดมือชกไง ไม่งั้นต่อให้หิวแทบตายแต่ไม่สั่งให้
เธอก็จะนั่งจ้องเขากินไปเรื่อยๆนั่นแหละ...
“แค่ข้าวมื้อเดียว
ฉันมีปัญญาเลี้ยงเธออยู่แล้วน่า เลิกคิดมากแล้วกินๆไปเถอะ ที่สำคัญ
คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ แทนที่จะมามัวยึกยักโน่นนี่นั่น...เธอมีคำอื่นที่ต้องพูดอยู่อีกไม่ใช่รึไง”
มิตสึฮะถอนหายใจอีกครั้ง
แค่มื้อเดียวอะไรกัน ตลอดสามปีนี้เขาเลี้ยงข้าวเธอเกินร้อยครั้งแล้วด้วยซ้ำมั้ง
จะจ่ายหารทีไร เขาก็ชิงจ่ายก่อนและไม่เคยยอมรับเงินเธอซักที ในเมื่ออีกฝ่ายพูดมาแบบนี้
เธอเองก็จนใจ ได้แต่ระบายยิ้มน้อยๆ “ขอบใจนะ...ยูยะ”
“...ก็แค่นั้น”
หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มทานอาหารกันเงียบๆ
จนยูยะเอ่ยปากขึ้นมาอีกรอบ
“คิดแล้วรึยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน?”
“...อืม ก็มีที่ๆเล็งไว้อยู่
นายล่ะ?”
“ฉันจะไปต่อเทย์โคว...ผลออกมาแล้ว
ฉันสอบผ่าน”
“เทย์โควเหรอ...ดีนี่นา
ยินดีด้วยนะ!”
“...เธอเองก็ขอทุนของเทย์โควไปไม่ใช่รึไง?”
มิตสึฮะยิ้มน้อยๆ
ยูยะก็ยังรู้เรื่องของเธอไปหมดเหมือนเคย “ใช่...ฉันยื่นขอไปแล้ว”
“เธอรู้ใช่ไหม...ว่าเทย์โควน่ะเป็นโรงเรียนยังไง?”
“...ยังไงของนายนี่คือ?”
“...ก็จริงอยู่หรอกที่ว่าที่นั่นน่ะเป็นโรงเรียนดีมีชื่อเสียง
ยังไงก็ได้เข้ามหาลัยต่อแน่ๆ แต่ว่า...พี่ที่ฉันรู้จักบอกมาว่า ที่นั่นมี ‘ระบบชนชั้น’ อยู่ด้วย
ซึ่งถ้าเธอได้ทุนล่ะก็...เธอจะถูกจัดอยู่ในพวกระดับต่ำสุดหรือที่เขาเรียกกันว่าโลวคลาสทันทีเลย”
“...แล้วยังไงต่อ?”
“พูดให้ง่ายๆคือ
ระบบของเทย์โควแบ่งออกเป็นสามชนชั้น High Normal และ Low Class พวกที่อยู่พวกแรกมันจะเป็นพวกรวยล้นฟ้าไม่ก็เก่งจนเป็นบ้า
พวกสองคือพวกนักเรียนธรรมดาทั่วไป
และพวกสามคือพวกที่ได้ทุนเข้ามา...ไม่ก็ตกลงมาจากพวกสองเพราะผิดกฎหรืออะไรนี่แหละ
ซึ่งพวกหลังสุดน่ะ...ทั้งโดนรังแก
กลั่นแกล้งกันบ่อยจากสองกลุ่มก่อนหน้า...โดยเฉพาะถ้าไปยุ่งกับพวกแรกแล้วล่ะก็...”
“อืม...แล้ว?”
ยูยะเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ได้ยินแบบนี้แล้วนี่เธอยังคิดจะไปที่นั่นอีกเหรอ?
อย่าเลย...ทุนที่เรียนดีๆอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ฉันช่วย...”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบ
เธอก็แทรกขึ้น “ยูยะ...ฉันดีใจนะที่นายเป็นห่วงฉัน แต่ฉันตัดสินใจไปแล้ว...”
เธอพูดพลางล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกจากกระเป๋า
มันประทับตราของเทย์โควไว้
“...อีกอย่าง...ฉันได้ทุนนั่นแล้วล่ะ...”
ดวงตาของยูยะหรี่ลงทันที
ดูก็รู้ว่าไม่ชอบใจ “เธอจะทนทรมานไปอีกสามปีจริงๆเหรอ ถ้าคุณน้ารู้...”
“...ยูยะ ฉันไปที่นั่นเพื่อไปเรียน
เพื่อเอาความรู้กลับมาช่วยแม่...” มิตสึฮะยิ้มบางๆ เก็บจดหมายเข้ากระเป๋า
“ฉันเลือกทางเดินของฉันเองแล้ว ถึงอาจจะต้องทรมาน...แต่ถ้าถอยตั้งแต่ตอนนี้
ถ้าเอาแต่กลัว ฉันคงไม่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆเลยในชีวิตแน่ๆ...อีกอย่าง
อุปสรรคน่ะ...มันยิ่งทำให้เราเข้มแข็งขึ้นไม่ใช่หรือไง”
“มิตสึฮะ...”
“ดังนั้น...ไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะ
ยูยะ...”
ยูยะจ้องมิตสึฮะนิ่งๆ
สุดท้ายแล้วก็ถอนหายใจ “ผิดแล้ว...ไม่ใช่ยูยะ....เรียกอัลแตร์สิ”
“อัลแตร์?”
“...โค้ดเนมของฉัน...”
ยูยะพูดพลางกินของหวานที่เพิ่งถูกนำมาเสิร์ฟ
สายตามองรอบข้างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจ “...ที่นั่นมีกฎอีกอย่าง
คือห้ามเรียกชื่อจริงของคนอื่นเด็ดขาดและห้ามเผยชื่อจริงให้คนอื่นรู้ด้วย...”
“งั้นโค้ดเนมของฉันก็...อืม...เอาเป็นอะไรดีนะ...”
“เวก้า”
“หา?”
“...โค้ดเนมของเธอ...ใช้ชื่อเวก้าสิ”
มิตสึฮะเลิกคิ้ว
ชื่อมันก็เพราะดีอยู่หรอก
แต่วันนี้ผีอะไรเข้าสิงคนตรงหน้าจนมาตั้งโค้ดเนมที่จะเป็นเหมือนชื่อของเธอตลอดสามปีข้างหน้าให้ด้วยล่ะเนี่ย?
“...เดี๋ยวเธอก็ตั้งชื่อแปลกๆให้ตัวเองอีก
ใช้ชื่อนี้แหละ...” ยูยะพูดง่ายๆ ก่อนจะลุกขึ้น “กลับกันเถอะ”
“อืม...”
ระหว่างทางกลับบ้าน
มิตสึฮะก็ทำเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“ว่าแต่...ยูยะยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่านายอยู่ชนชั้นไหน...”
ยูยะนิ่งไป...เหมือนไม่ได้ยินคำถาม
แต่เมื่อโดนจ้องมากๆสุดท้ายก็ยอมตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด
“...ฉันอยู่ไฮคลาส”
“งั้นเหรอ...”
ใบหน้ามิตสึฮะหมองลงเล็กน้อย “งั้นฉันกับนายก็คงต้องทำเป็นไม่รู้จักกันสินะ...”
“...”
“...”
“...เธอไม่ต้องคิดมากอะไรทั้งนั้นแหละ
มิตสึฮะ เธอตัดสินใจเรื่องของเธอไปก็พอ เรื่องของฉัน...ฉันก็จะตัดสินใจเอง
ไม่ต้องเอาเรื่องคนอื่นไปคิดเพิ่มให้มันปวดสมองนักหรอก”
“อืม...นั่นสินะ”
เวลาหมุนผ่านไปอีกครั้ง...
มิตสึฮะกลายเป็นนักเรียนทุนของเทย์โควแห่งชนชั้นโลวคลาส
แรกๆก็อาจจะรู้สึกขัดๆแปลกๆบ้าง แต่สักพักเธอก็ปรับตัวได้ มองในแง่ดี
การหลบพวกไฮคลาสก็เหมือนกับเล่นซ่อนแอบในโรงเรียนนั่นแหละ...อีกอย่างพอไม่ได้เข้าชมรมหรือทำงานสภาเหมือนสมัยม.ต้นแล้วก็ทำให้เธอมีเวลาว่างมากพอจะเอาไปทำอะไรตามใจได้ด้วย
สถานที่ประจำของมิตสึฮะ
แน่นอนว่าต้องเป็นพวกกรงสัตว์หลังโรงเรียนมีทั้งกระต่าย นก รวมถึงสุนัขไม่ก็แมวจรจัดที่มักมาแถวนี้เป็นประจำ...
หลังเลิกเรียนวันหนึ่ง...เธอก็ไปให้อาหารนกตามปกติในกรงนกใหญ่
โดยการยื่นมือออกไปด้านหน้าข้างหนึ่งแล้วร้องเรียก “มานี่สิ~”
ทันทีที่ได้ยินเสียงของมิตสึฮะ
บรรดานกทั้งหมดในกรงก็โผเข้ามาเกาะแขนไม่ก็กิ่งไม้ใกล้ๆตัวเธอในทันทีราวกับตอบรับคำเรียกนั้น
โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตลอดเวลา
หลังจากเธอให้อาหารพวกมันหมดแล้ว
เธอก็เดินออกมาปิดล็อกกรงให้เรียบร้อย และพยายามปัดขนนกที่ติดหัวและเครื่องแบบออกไป
แล้วเมื่อเงยหน้าก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้ชายในชุดเครื่องแบบสีเทายืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มทรงอำนาจและลึกลับจนยากจะเดาความคิด...
คนจากไฮคลาส...
แล้วใบหน้านั่น...เธอจำเขาได้...
อาคาชิ เซย์จูโร่
นี่เขาก็เรียนที่เทย์โควด้วยเหรอเนี่ย!?
ว่าแต่แย่แล้ว...มีคนเห็นความสามารถพิเศษของเธอซะแล้ว...
แบบนี้...จะรอดมั้ยเนี่ย...
สิ่งที่ชอบ / ไม่ชอบ / กลัว :
ชอบ
- คุณแม่ [เรียกว่ารักเลยดีกว่า
ทำไมน่ะเหรอ...ก็เพราะแม่คือทุกอย่างของเธอไงล่ะ]
- สัตว์เกือบทุกประเภท [เพราะมันน่ารักน่าเอ็นดูไปหมดในสายตาเธอ]
- เสียงเพลง [เพราะมันทำให้เธอสบายใจ]
- ปลาดิบ / เต้าหู้ขาว [เพราะทานแล้วอร่อยดี]
- อาหารทำมือฝีมือแม่ [เพราะมันอร่อยที่สุดเลยไงล่ะ]
- โชงิ [มันทำให้เธอใจเย็นและได้ฝึกคิดวิเคราะห์วางแผน]
- หนังสือ [เพราะมันทำให้เธอเพลิดเพลินและมอบความรู้ให้เธอ]
- การมองดูดาว [เพราะมันสวยดี...]
ไม่ชอบ
- คนที่ทำร้ายสัตว์ [เพราะเธอเป็นคนรักสัตว์
เลยไม่ชอบพวกนี้มาก]
- การกดขี่ข่มเหงโดยไม่มีเหตุผล [เพราะเธอคิดว่าจะรวยจนยังไง ทุกคนก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน]
- แมลงสาบ [สัตว์โลกไม่กี่ประเภทที่เธอไม่ชอบ
เหตุเพราะว่ามีมันที่ไหนแปลว่ามันสกปรก...]
- การเห็นคุณแม่เสียใจหรือกังวล [เพราะแม่คือคนสำคัญ...ความรู้สึกของคนสำคัญสำคัญเสมอ]
- การถูกเลี้ยงข้าวหรือซื้อของให้ [เพราะเธอจะเกรงใจและแอบอึดอัดนิดๆ]
- คนที่ไม่พยายามทำอะไรเลย [เพราะเธอคิดว่าถ้าเอาแต่บ่นแต่ไม่ทำอะไร
มันก็ไม่มีทางจะได้เรื่อง]
- การใช้กำลัง [เพราะเธอคิดว่านั่นเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่แย่ที่สุด]
กลัว
- การถูกทอดทิ้งจากคนสำคัญ [เพราะเธออยู่ได้เพราะมีพวกเขาให้กำลังใจ]
- หนอน... [เพราะเคยเจอในผลไม้ที่กำลังทานอยู่พอดี
เลยกลัวหนอนมาก]
- การมีคนเอาความสามารถพิเศษของเธอไปทำในเรื่องไม่ดี [เพราะเธอรักสัตว์
เลยกลัวว่าความสามารถที่เธอมีนี้จะถูกคนอื่นเอาไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ดีเอามากๆ]
แพ้ : -
ลักษณะการพูด : มิตสึฮะเป็นคนที่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ฟังดูอ่อนโยนเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
หากเป็นพูดกับเพื่อนๆก็จะมีความเป็นกันเองมากกว่าตอนพูดกับผู้ใหญ่หรือคนไม่รู้จัก
มักมีคำลงท้ายเวลาคุยกับผู้ใหญ่ แต่กับเพื่อนก็จะมีแต่น้อยกว่าหน่อย (ถ้าเป็นพวกไฮคลาส
เธอจะพูดกับด้วยวิธีที่เหมือนพูดกับผู้ใหญ่) เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี
โกรธน้ำเสียงจะแค่ดังขึ้นเล็กน้อยและหนักแน่นเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ไม่มีการโวยวายเสียงดังให้รำคาญหูแน่นอน แต่คนฟังอาจจะเสียวสันหลังไม่น้อย
เพราะเธออาจจะปล่อยออร่าบางอย่างออกมาด้วย นอกจากนั้นยังเป็นคนที่ตอบโต้เก่ง
ใช้คำสุภาพไม่ได้ถากถาง แต่ให้ความรู้สึกเหมือนโดนตตบหน้ากลางสี่แยกแต่ทำอะไรไม่ได้ได้ด้วย
เวลาเสียใจจะไม่พูดต่อหน้าคนอื่น แต่จะไปร้องไห้ระบายให้แม่ฟังด้วยเสียงสั่นเครือ
ให้แม่ปลอบจนกว่าเธอจะสงบลงและน้ำตาหยุดไหล...
มิตสึฮะมักแทนตัวเองว่า “ฉัน” มักแทนคนอื่นว่า “คุณ”
กับคนที่ไม่รู้จัก “นาย / เธอ” หากรู้จักกันแล้วและรุ่นราวคราวเดียวกัน
หรือไม่ก็เรียกชื่อ หากสนิทกันจริงๆถึงจะเรียกชื่อต้น
ตัวอย่าง
(ตอนปกติ)
“ฮินาโมริ มิตสึฮะ ฝากตัวด้วยนะคะ”
“กับเรื่องนี้น่ะ...ฉันคิดว่าพวกเราเองก็โตๆกันแล้ว
ฉันเชื่อว่าคุณใจกว้างพอที่จะไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอกค่ะ เนอะ?”
“เอ๋...ฉันเหรอคะ?
ฉันไม่มีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นหรอกค่ะ...ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงเท่านั้นเอง...”
“มานี่สิ ฮะๆ...อย่าเลียสิ มันจั๊กจี้นะ” (เล่นกับสัตว์)
(ตอนโกรธ)
“...ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมนายถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม..เรื่องนี้ฉันยกโทษนายให้ไม่ได้จริงๆ”
(ตอนเสียใจ)
“...ฮึก...แม่เหรอคะ...คือว่า...ฮึก...” (พูดไปน้ำตาไหลไป)
ชนชั้น : ชนชั้นต่ำ
(Low Class)
คู่ : อาคาชิ
เซย์จูโร่
เพิ่มเติม :
- คิดว่าเซ็นซังน่าจะอยากรู้เรื่องของ “ทามามิยะ ยูยะ”
ก็เลยจะมาบอกไว้เป็นข้อมูลค่ะ ฮา
ทามามิยะ ยูยะ [Tamamiya Yuuya]
(จิ้มดูภาพ) (17) เป็นเพื่อนร่วมชั้นของมิตสึฮะสมัยประถม
ก่อนจะย้ายรร.แล้วกลับมาเจอกันอีกตอนม.ต้น ตอนนี้อยู่เทย์โควชั้น High
class โค้ดเนม
“อัลแตร์” [Altair]
นิสัยคือภายนอกดูแอบเย็นชาและไม่ค่อยไว้หน้าใครเท่าไหร่
หน้าไม่รับแขก พูดจาตรงๆห้วนๆไม่ค่อยน่าฟัง กับบางเรื่องปากแอบไม่ตรงกับใจ
ดูหงุดหงิดง่ายทั้งที่ความจริงก็ใจเย็น
แต่ถ้าสนิทแล้วจะเป็นคนที่รักเพื่อนเอาเรื่อง หัวดี แอบฮอตในหมู่สาวๆ
ฐานะทางบ้านก็...ธุรกิจเครืออสังหาริมทรัพย์ระดับกลางๆ
มูลค่าหลักพันล้านเอง...สู้ตระกูลอาคาชิไม่ได้หรอก (นั่นเรียกว่าหน่อยเรอะ?)
- ที่ยูยะตั้งโค้ดเนม “เวก้า” ให้มิตสึฮะ
เพราะเขาชอบเรื่องดาราศาสตร์ และ เรื่องตำนานทานาบาตะที่เป็นตำนานคลาสสิกของชาวญี่ปุ่น
หญิงทอผ้า หรือคือ “เวก้า” จะเจอกับชายเลี้ยงวัว “อัลแตร์” ได้ปีละครั้งในวันที่ 7/7 โดยมีฝูงนก
(เดเนบ) เป็นสะพาน (เป็นกลุ่มดาวสามเหลี่ยมฤดูร้อน) เพราะฉะนั้น...เขาเลยเอาชื่อนี้มาตั้งให้มิตสึฮะ
เป็นการบอกอ้อมๆว่า “เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่เขาอยากจะพบเจอ
ไม่ว่าจะโดนกั้นขวางใดๆก็ตาม” อีกอย่าง ทุกครั้งเวลาที่มีคนเรียกโค้ดเนมของมิตสึฮะ
เธอจะได้นึกถึงเขาเพราะเขาเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกครั้งที่มิตสึฮะเหมือนจะไปมีเรื่องกับคนในไฮคลาส
ยูยะจะเป็นคนหนึ่งที่แอบชักใยทำให้เรื่องมันจบลงเพื่อมิตสึฮะ...โดยที่เธอไม่เคยรู้เลย
อ้อ...ยูยะจะเจอมิตสึฮะแค่นอกรั้วรร.เท่านั้น ในรร.ทั้งสองจะไม่เจอกันเลย ถึงเจอหน้าก็ทำเหมือนไม่รู้จักกันอยู่ดี
แต่ก็ส่งข้อความหากันบ้าง
- จากทั้งหมดที่พูดมาก่อนหน้า
ถ้าเซ็นซังกำลังสงสัย...ใช่ค่ะ ยูยะแอบชอบมิตสึฮะ เอ่อ...จริงๆก็เริ่มแอบมองมาตั้งแต่ประถมแล้ว
ไม่งั้นเขาจะไปล้อเธอเพื่อให้ได้คุยกับเธอทำไมล่ะ?
(เพื่อนคิดไม่ซื่อว่างั้นแหละค่ะ) แต่พอเห็นคนอื่นที่สารภาพโดนปฏิเสธหมดแล้วเขาก็ขออยู่แบบนี้ของเขาต่อไปดีกว่า...
- มิตสึฮะร้องเพลงเพราะ
จริงๆก็อยากเล่นเครื่องดนตรีด้วย แต่ไม่มีตังค์ซื้อก็เลยชวดไปตามระเบียบ...
- จริงๆแล้วมิตสึฮะไม่ค่อยชอบให้ใครเลี้ยงข้าวหรือซื้ออะไรให้หากไม่ใช่ในโอกาสพิเศษ
(ยกเว้นแม่) เพราะจะรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก
และอึดอัดนิดหน่อยที่ตัวเองช่วยจ่ายอะไรไม่ได้แล้วยังได้กินหรือได้ของมาฟรีๆอีก...
- มิตสึฮะไม่กลัวผีหรือเรื่องเหนือธรรมชาติ
เพราะหลังหอพักสมัยเธออยู่ม.ต้นเป็นสุสาน แล้วเธอก็ไม่เคยเจออะไรเลยด้วย
ภูมิต้านทานเรื่องนี้สูงเอาเรื่องเลยล่ะ
- เอ่อ...เนื่องจากถูกเก็บมา
ทำให้ไม่รู้วันเกิดจริงๆของมิตสึฮะ
ดังนั้นแม่ของเธอจึงถือว่าวันที่เจอเธอวันแรกคือวันเกิดเธอ ซึ่งก็คือวันที่ 4 ตุลาคมค่ะ
- เห็นแบบนี้จริงๆแล้วก็แอบมีมุมซุ่มซ่ามอยู่ ซึ่งมักจะมาเวลาเจ้าตัวกำลังรีบๆ แต่นานๆจะเป็นสักที และไม่ค่อยมีใครเห็นมุมนี้เท่าไหร่ (...ยูยะเคยเห็นเธอสะดุดเท้าตัวเองมาแล้วครั้งนึงจนกระโปรงเปิดด้วย...แต่ไม่บอกหรอกว่าเขาเห็นอะไรไปบ้าง...)
TALK
1. ชื่ออะไรเอ่ย ? เราเซ็นเน้อ //ยิ้มแรง
- ยูกินะเจ้าค่ะ //ยิ้มตอบ
2. ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้ล่ะคะ //ขยิบตา
- พล็อตน่าสนใจดีค่ะ
3. ถ้าหากไม่ติดในบทที่ต้องการ
อยากให้มีบทใหม่ไหม (ครู อาจารย์ เพื่อนร่วมห้องพระเอก,นางเอก
ตัวร้าย(?)และอื่นๆ) หรือว่าจะรับกลับคะ?
- รับกลับค่า // กอดลูกสาวทั้งน้ำตา
4. เตงแอดเฟบไว้ด้วยนะ
เวลาเซ็นอัพเดทมันจะได้ขึ้น <3
- รับทราบค่า
5. หมดกับคำถามแล้วล่ะค่ะ ถามเยอะเดี๋ยวโดนตื้บ(?)5555555555555 ขอบคุณที่มาสมัครเรื่องนี้นะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ จุ้บๆ <3
- ค่า ฝากพิจารณามิตสึฮะด้วยนะคะ
เอ้อ...เรามีโค้ดเนมจะมาเสนอแหละค่ะ
อันแรกเลยคือของพี่ฮิมุโระ เราว่า “ฟรอสต์” [Frost] ก็เหมาะดีนะคะ เพราะด้วย ความหมายก็ทำนองเดียวกัน
ส่วนของมิโดริมะ
จริงๆชุนก็ดีนะคะ แต่เราว่าคนบ้าดวงอย่างพี่เขา “เฟท” [Fate] ที่แปลว่าโชคชะตาก็เหมาะดีค่ะ
ส่วนอาโอมิเนะ เป็น Panther [แพนเธอร์] ที่แปลว่า เสือดำก็ได้นะคะ ดำเหมือนกัน // ผิดๆ
ที่เหลือคิดว่าเหมาะดีแล้วค่ะ
(จริงๆของคุโรโกะกับคางามิแอบอยากเปลี่ยน แต่มันคิดไม่ออก...)
อันนี้ก็แล้วแต่เซ็นซังจะพิจารณาเลยนะคะ
// โค้ง
ความคิดเห็น