คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : [AU]Fic KNB|| ✿ For You ✿ ||
✿ Application ✿
‘...ความทรงจำทุกอย่างที่มีร่วมกับคุณเป็นสิ่งล้ำค่า...’
‘ต่อให้สมองลืมเลือนไป...แต่หัวใจของฉันจะจดจำคุณไว้ตลอดไปค่ะ...’
[เอ่อ...อย่าไปสนไก่ที่ไหล่นางเลยนะคะ
พอดีมันเป็นภาพสวัสดีปีไก่...เลยมีไก่อยู่ด้วย TwTb]
คู่ :: อิมาโยชิ โชอิจิ
ชื่อ :: Mochizuki Misuzu [โมจิสึกิ
มิซูสุ] [เรียงสกุล-ชื่อ แบบญี่ปุ่น]
ชื่อเล่น :: Mizu [มิสุ]
ความหมายของชื่อ :: โมจิสึกิ –
พระจันทร์เต็มดวง / มิซูสุ – กระดิ่งอันงดงาม
อายุ :: 23 [อยากให้พี่อิมาเขากินเด็กสักหน่อยน่ะค่ะ
แฮ่...]
ลักษณะรูปร่างหน้าตา ::
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง สัดส่วนเอวบอบบางดูน่าทะนุถนอมทำให้ใครหลายคนอยากปกป้อง
ผิวเนียนสีขาวผ่องราวกับกระเบื้องเคลือบชั้นดี
ดวงหน้ารูปไข่ดูอ่อนหวานมีดวงตาสีชมพูกลมโตเหมือนพลอยล้ำค่าประดับอยู่
จมูกโด่งรั้นพองาม ริมปากสีซากุระที่มักระบายยิ้มอยู่เสมอ รวมกับแก้มสีระเรื่อ ประกอบกันเป็นดวงหน้าที่งดงามชวนมองไม่น้อย
เรือนผมสีชมพูใสเช่นเดียวกับสีตาที่ตัดเป็นหน้าม้า ปล่อยยาวจรดกลางหลัง
เมื่อล้อมใบหน้าแล้วก็ยิ่งเสริมให้ดูดีขึ้นไปอีก แขนขาเพรียวยาวไร้ตำหนิใดๆ
ลักษณะคำพูด ::
มิซูสุเป็นคนที่พูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานไพเราะ ติดจะเบาไปสักหน่อยแต่ก็ฟังชัดดี
รู้กาลเทศะรู้มารยาทอันควร ส่วนใหญ่มักมีคำลงท้ายในทุกประโยค
ยกเว้นจะพูดกับคนที่สนิทจริงๆหรือหลุดปากตอนตกใจอะไรทำนองนี้ถึงจะไม่มี
น้ำเสียงของเธอมักจะแสดงอารมณ์ออกมา ทั้งความดีใจ และเป็นห่วงเป็นใย
แต่หากเสียใจเธอจะพยายามปิดมันเอาไว้ แต่เสียงก็จะแผ่วลงจนฟังแล้วรู้สึกโศกเศร้าอยู่ดี...ส่วนตอนโกรธ
เสียงจะดังขึ้นเล็กน้อย แต่หนักแน่นขึ้น
มิซูสุมักแทนตัวเองว่า “ดิฉัน”
สำหรับคนทั่วไป “ฉัน” สำหรับคนสนิท มักแทนคนอื่นว่า “คุณ” หรือไม่ก็เรียกชื่อไปเลย
หากสนิทกันในระดับหนึ่งและไม่เสียมารยาทมากจนเกินไปค่อยแทนว่า “เธอ” “นาย”
หรือหากเป็นชื่อก็อาจจะเติม “จัง” / “คุง” มาด้วย
(ตอนปกติ)
“...โมจิซึกิ มิซูสุ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ต่อจากนี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะ” (พูดแนะนำตัว)
“...แผลนั่น...ริเอะจังไปทำอะไรมาถึงได้แผลมาล่ะเนี่ย...ยังไงก็มาทำแผลก่อนเถอะนะ”
(พูดกับเพื่อน)
“...อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณป้า
เช้านี้อากาศดีนะคะ” (พูดกับผู้ใหญ่)
“โอ๋ๆ...ว่าไงจ๊ะหนูน้อย
หลงทางเหรอ?”
“ทุกคนคะ..รบกวนมองกล้องหน่อยนะ
หนึ่ง...สอง...”
(ตอนโกรธ)
“อย่าทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้สิคะ....กว่าทุกคนจะทำงานมาได้ขนาดนี้ก็ลำบากกันมาตั้งมาก
อย่าเอาความเอาแต่ใจและความสบายของตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วทำตัวงี่เง่าแบบนี้จะได้ไหมคะ?
มันลำบากคนอื่นเขาน่ะค่ะ...”
“ถ้าทำผิดแล้วยอมรับผิด...มันก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ
แต่ทำผิดแล้วหนีน่ะ...คนแบบนี้เขาเรียกว่าขี้ขลาดค่ะ”
(ตอนเสียใจ)
“...ฉันน่ะเหรอ?
ไม่เป็นไรนี่...ไม่มีอะไรหรอก...ก็แค่พักผ่อนไม่ค่อยพอน่ะ...”
“...ไม่เป็นไรหรอก
อีกสักพักก็ดีขึ้นเอง”
ส่วนสูง :: 165
น้ำหนัก :: 49
อาชีพ :: เจ้าของร้านคาเฟ่
วันเกิด :: 14 มีนาคม [วันไวท์เดย์พอดี]
ราศี :: ถ้านับแบบญี่ปุ่นก็ “มีน” ค่ะ
กรุ๊ปเลือด :: A
ลักษณะนิสัย ::โมจิสึกิ มิซูสุ หญิงสาวที่อายุย่างเข้าเลขสองไม่นานนัก
เจ้าของรอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนหวานอบอุ่น
ให้ความรู้สึกดีทุกครั้งยามได้เจอหน้าหรือพูดคุย
ดวงตาคู่สวยที่มักทอประกายอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใยราวกับพี่สาวที่มองน้องอย่างเอ็นดูนั้นช่างดูมีเสน่ห์จนยากละสายตา...นั่นคือภายนอกของเธอ
ไม่แปลกใจเลยที่หลายคนจะมองว่าเธอเหมาะกับการเป็นแม่ของลูกในอนาคตเอามากๆ
ซึ่งจริงอย่างที่สุด แต่ไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
ยังมีอะไรมากกว่านี้อีกเยอะที่ทำให้เธอเหมาะสมกับคำพูดนี้...
มิซูสุเป็นคนที่อ่อนโยนเหมือนภาพลักษณ์ที่แสดงออก
แถมยังใจเย็น เธอเป็นเหมือนคุณพี่สาวไม่ก็คุณแม่ที่คอยดูแลคนรอบตัวตลอดเวลา แอบจะติดขี้กังวล เป็นห่วงเกินเหตุมากไปในบางที
เนื่องจากติดนิสัยที่คอยดูแลน้องชายมาตั้งแต่เด็ก
ทำให้กังวลโน่นนี่เกี่ยวกับคนรอบตัวตลอด
เวลาเพื่อนจะไปทำอะไรก็กังวลโน่นนี่ไปเรื่อย
แถมยังกังวลไปล่วงหน้าต่างๆนานาจนเหมือนตีตนไปก่อนไข้ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เป็นทุกครั้ง
จะเป็นเฉพาะเรื่องที่มิซูสุคิดว่าไม่ค่อยจะปลอดภัยหรือฟังดูดีสักเท่าไหร่ในความคิดของเธอ
ในแง่หนึ่งจะเรียกว่าเป็นคนเอาใจใส่ก็ไม่ผิดเท่าไหร่หรอก
เพียงแต่บางทีมันก็มากไปหน่อยจนเกือบจะเป็นระแวงแล้วเนี่ยสิ
มิซูสุชอบดูแล กังวลเรื่องคนอื่นเหมือนเป็นคุณแม่ คอยดูไม่ให้คนอื่นทำอะไรเกินตัวก็จริง แต่ตัวเองดันเป็นคนที่ฝืนที่สุดเสียอย่างนั้น เป็นคนที่จะพยายามมากที่สุดเงียบๆ ทำตัวปิดทองหลังพระ เพื่อให้เบื้องหน้าออกมาอย่างดีที่สุด โดยที่เธอไม่เคยคิดขอความดีความชอบเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่จะยิ้มยินดีกับความสำเร็จกับคนเบื้องหน้าอย่างจริงใจ แต่ถึงอย่างนั้น...ลึกๆในใจแล้ว เธอก็อยากให้มีคนมองเห็นความดีของเธอบ้าง...ไม่ต้องทุกคนหรอก...แค่ใครสักคน...ที่เราคิดว่าสำคัญ และอยากให้เขาชม อยากให้เขาให้กำลังใจเธอ ก็เท่านั้นเอง...ขี้น้อยใจนิดๆ ขี้เหงาหน่อยๆตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เนื่องจากปกติเจ้าตัวไม่ใช่คนคิดมากอยู่แล้วก็เลยมักจะเกิดอารมณ์แบบนี้แค่ชั่ววูบเท่านั้น
มิซูสุเองก็มีความเป็นผู้หญิงในตัวค่อนข้างพอสมควรทีเดียว เพียงแต่การแสดงออกจะไม่ได้วี๊ดว๊ายเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่จะเป็นการใช้สายตามองอย่างสนอกและสนใจและแสดงออกทางคำพูดเล็กน้อยมากกว่าจะแสดงออกมาตรงๆ แหม...ถึงจะเรียบร้อยแค่ไหน แต่เป็นผู้หญิงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แค่ไม่ทำตอนสมัยเรียนเพราะมันผิดกฎเท่านั้นแหละ แต่พอได้อิสระในการแต่งหน้าแต่งตัวมา เธอก็ไม่ได้บ้าตามแฟชั่นแต่อย่างใด เพียงแต่เลือกเสื้อผ้าที่ดูดีมีรสนิยม ใส่ได้หลายหลายโอกาส มีเครื่องประดับที่ชอบบ้าง แต่งหน้าอ่อนๆ ประทินโฉมดูแลตัวเองตามประสาผู้หญิงทั่วไปเท่านั้นเอง มีช้อปปิ้ง ทานขนมหวาน ออกไปเม้าท์มอยบ้างตามประสาหญิงสาว แหม...ก็ไม่ได้ทำแบบนี้ทุกวันสักหน่อยนี่นา นานๆทีน่า ต่อให้เหมือนคุณแม่แค่ไหนก็ต้องมีเวลาพักละน้า...ยกเว้นแต่จะงานหนักมากจนไม่มีเวลาพักไปไหนจริงๆเท่านั้นแหละ...ถึงจะบ้างานฝืนตัวเองอยู่อย่างนั้น...ซึ่งตอนบ้างานก็เป็นบ่อยซะด้วยจนเพื่อนต้องลากออกไปพักเนี่ยสิ อืมม์...
แม้มิซูสุจะเป็นคนขี้กังวล แต่กลับเป็นคนที่ทำงานภายใต้ความกดดันได้ดี ไม่สติแตกหรือแพนิคยามขับคัน เป็นเพราะว่ากังวลมาก่อนแล้วในใจเลยเตรียมใจมาก่อนแล้ว บวกกับความคิดที่ว่าใจร้อนไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ค่อยๆคิดหาทางออกด้วยกันไปจะดีกว่า แต่ถึงกระนั้นถ้าสถานการณ์มันเปลี่ยนปุบปับ เธอก็ไม่ชอบเหมือนกัน เพราะมันกะทันหันเกินไปจนรับมือไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไงดี แต่ก็เป็นแค่ระยะแรกๆเท่านั้นก่อนที่จะกลับมาใจเย็นคิดอ่านทางแก้ปัญหาได้เหมือนเดิม
มิซูสุเป็นคนเรียบร้อยมาก
ตั้งแต่สมัยเรียนประถมเครื่องแบบถูกระเบียบเป๊ะตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม
แทบไม่เคยละเมิดกฎ
อาจมีบ้างเรื่องเล็กๆน้อยๆตามประสาวัยรุ่นแต่ก็นั่นแหละ...เรียบร้อยอยู่ดี
เป็นหญิงสาวที่เรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีเอามากๆ กิริยามารยาทไม่ต้องถามถึง
ผู้ใหญ่คนไหนเห็นก็ล้วนแล้วแต่ประทับใจและชมเชยไม่ขาดสาย
เพราะเธอเป็นคนมีมารยาทมีสัมมาคารวะ รู้กาลเทศะ
รู้ว่าเวลาแบบไหนควรวางตัวอย่างไรในสถานการณ์แต่ละอย่าง
แถมเวลาทำอะไรยังทำได้ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป
คงความเรียบร้อยสง่างามและอ่อนช้อยไว้ในทุกอิริยาบถ
ในสายตาคนนอกที่มองมา
มิซูสุจะดูเป็นคนที่เรียบร้อยติดจะขี้อายนิดๆ แต่ความจริงแล้ว...เอ่อ
เจ้าตัวน่ะไม่ได้ขี้อายระดับที่ใครๆเข้าใจกันหรอก
เพราะด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยพูดเยอะ จะพูดมากขึ้นหน่อยก็ต่อเมื่อกับคนสนิท
และการที่ไม่ค่อยชอบโชว์ตัวแสดงออกถึงความสามารถและอะไรต่างๆทำให้คนมองเธอเป็นเช่นนั้น
ที่จริงแล้วมิซูสุเป็นคนที่กล้าหาญพอสมควรเลยทีเดียว กล้าในสิ่งที่ถูกต้อง
แม้ว่าคนอื่นจะไม่กล้าทำในตอนนั้นๆก็ตาม
แต่ไม่ค่อยได้แสดงออกมาให้คนทั่วไปเห็นในสถานการณ์ทั่วไปน่ะสิ...เช่น เวลาคนในทีมบาสหมดกำลังใจ
เธอในฐานะผู้จัดการที่มองมาเงียบๆตลอด เมื่อเห็นว่าต้องทำอะไรสักอย่างก็อาจจะเกิดมหกรรมดีดเหม่งไม่ก็ตบหลังนักกีฬาดังป้าบแบบทุกคนคาดไม่ถึง
พร้อมกับคำพูดเรียกกำลังใจที่ทำให้ทีมกลับมาอีกครั้ง เป็นต้น
มิซูสุเป็นคนที่ช่างสังเกต
รู้ว่าใครชอบไม่ชอบอะไร ใครนิสัยอย่างไรและเหมาะกับอะไรบ้าง ทำให้การดูแลเอาใจใส่ยิ่งไปได้ราบรื่น
เมื่อประกอบกับความหัวไวและไหวพริบที่มีอยู่ในตัวแล้ว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเรียกได้ว่ากำลังดี
ไม่มีมากไป ไม่มีน้อยไป เธอไม่ได้ยัดเยียดความช่วยเหลือของเธอไปให้ใคร
หากอีกฝ่ายไม่ต้องการ เธอก็พร้อมจะถอย แต่หากต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่
เธอก็พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเหลือตลอดเวลา เหมือนคุณแม่ที่คอยเฝ้ามองจากที่ไกลๆนั่นแหละ
มิซูสุเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการบ้านการเรือนครบถ้วน
ทั้งการทำอาหาร ปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาด เย็บปักถักร้อย กระทั่งปฐมพยาบาล
อะไรที่เข้าข่ายงานพวกนี้ เธอล้วนทำได้ดีไปเสียหมด โดยเฉพาะการทำอาหาร ไม่ใช่เพียงเพราะพรสวรรค์ที่สืบทอดมาจากแม่เท่านั้น
แต่เพราะว่าเธอได้ฝึกฝนความสามารถเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กต่างหากล่ะ
เมื่อรวมกับความชอบส่วนตัวแล้วทำให้อาหารฝีมือเธออร่อยจนเปิดร้านได้สบายๆเลย
แล้วเธอเองก็ชอบที่จะคิดสูตรใหม่ๆ ทำให้คนอื่นบอกว่าอร่อยด้วยรอยยิ้มอีกด้วย
ก็เห็นคนอื่นยิ้มได้เพราะตัวเองน่ะมันมีความสุขจะตายไปนี่นา
มิซูสุเป็นคนที่มีผลการเรียนดี...หากจะกล่าวย้อนกลับไปในสมัยเรียนน่ะนะ
จุดที่โดดเด่นของเธอคือการที่เป็นคนเรียนรู้อะไรเร็วและความจำดีพอสมควร
สามารถทำอะไรหลายๆพร้อมกันได้ดี แต่เจ้าตัวชอบทำทีละเรื่องมากกว่าเพราะงานจะได้ออกมาดีที่สุด
แต่บางทีมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา...เมื่อประกอบกับนิสัยแล้ว
ไม่แปลกที่เพื่อนๆจะขอให้เธอช่วยติวก่อนสอบ ให้สอนการบ้านให้
ซึ่งเธอก็มักจะยินดีเสียด้วย น้ำใจของเธอนั้นมีมากมายกับคนรอบข้าง
ชวนให้อบอุ่นและเข้าใกล้ แม้กระทั่งเรียนจบโตมาเธอก็ยังเอื้อเฟื้อกับคนรอบข้าง
ไม่แปลกใจเลยว่าเธอจะมีมิตรสหายมากมาย
แต่ถึงอย่างนั้น...ที่สนิทด้วยก็ใช่ว่าจะเป็นทุกคนหรอกนะ กับคนที่สนิทด้วย
เธอจะเป็นกันเองมากขึ้น แอบขี้เล่นขี้แกล้ง แล้วก็เป็นห่วงมากขึ้นด้วย จนพวกเพื่อนสนิทเรียกเธอว่าเป็น
‘คุณแม่’ เสียด้วยซ้ำ
อีกทั้งยังเป็นคนที่เป็นมิตรกระทั่งกับเด็ก คนชรา และสัตว์เล็กอีกด้วย...
แม้มิซูสุจะดูเป็นคนดีขนาดไหน แต่ก็ไม่ใช่แม่พระที่จะให้ใครมาหลอกใช้ก็ได้หรอกนะ เธออาจจะดูเหมือนโง่ที่ยอมทำเพื่อคนอื่นเขาไปทั่ว แต่นั่นก็เพราะเธอเต็มใจจะทำหรอกนะ ความจริงเธอค่อนข้างจะทันคนพอสมควรเลย ถึงจะเป็นคนที่ใจเย็นแค่ไหน...พอโกรธเท่านั้นแหละ ยิ่งกว่าพญายมมาเองอีก เขาว่ายิ่งคนใจเย็นโกรธเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวเท่านั้นใช่ไหมล่ะ? เวลาคุณแม่ที่ใจดีดุน่ากลัวยังไง...ก็เป็นอย่างนั้นแหละ มิซูสุเข้าข่ายนี้ทุกประการ ในเวลานี้เธอจะยิ่งเยือกเย็น สงบดั่งสายน้ำลึกไหลเอื่อย แต่แววตาจะโกรธอย่างจริงจัง คำพูดที่ออกมาจะเปล่งออกมาจากความรู้สึก มีพลังอำนาจในการกดดันและแทงใจดำอย่างเหลือเชื่อด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม...แต่มันไม่ได้อ่อนหวานเหมือนเคย กลับเป็นยิ้มน้อยๆที่ดูสง่าสูงศักดิ์แบบผู้ดี...จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนกำลังโดนเย้ยหยัน ไม่ว่าเจ้าตัวจะเจนตาหรือไม่ก็ตามแต่ก็ตาม ทำเอาอีกฝ่ายตัวลีบหดด้วยความผวาไม่ก็ประสาทกินได้ไม่ยากเย็นนัก เรียกได้เป็นคนที่ไม่สมควรทำให้โกรธในทุกกรณีจริงๆ แต่เป็นพวกประเภทโกรธยาก...หายง่าย ถ้ามีเหตุผล แต่ถ้างี่เง่าใส่อย่าหวังเลยค่ะว่าจะหายง่ายๆ ใช้เวลาพอดูเหมือนกันในกรณีนี้
หากจะถามว่าปกติแล้วมิซูสุพูดจาแบบไหน
ก็ต้องบอกว่าพูดจาไพเราะ ลงท้ายมีหางเสียงแทบทุกครั้งเมื่อพูด กระทั่งกับเพื่อนร่วมรุ่น...แม้แต่กับเด็กก็ยังมีหางเสียงด้วยเพียงแต่จะเปลี่ยนไปใช้
จ๊ะ-จ้ะ
แทน ค่ะ-คะ เพื่อให้ดูเป็นกันเองมากขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลเป็นมิตรเหมือนเคย
เป็นคนที่พูดจาแบบรู้ว่าควรพูดอะไร แต่ก็ไม่ใช่คนไหลตามน้ำไปเรื่อย พูดตรงไปตรงมา
แต่ไม่ใช่คนเปิดเผย อะไรก็ตามที่พูดไปแล้วอาจทำให้คนฟังลำบากใจเธอก็จะไม่พูด
คงไม่แปลกใจถ้าจะบอกว่าเป็นพวกเก็บความทุกข์ไว้ตามลำพังด้วยการกลบเกลื่อนว่า ‘ไม่เป็นไร’ หรือ ‘ไม่มีอะไร’ เพราะกลัวคนอื่นลำบาก แต่หากเป็นเรื่องทุกข์ของคนอื่นเธอจะรับฟังช่วยเต็มที่เลยล่ะ
รวมถึงหากเธอมีเรื่องดีๆก็พร้อมจะแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นด้วย
แต่ถึงจะบอกว่าปิดบังเรื่องทุกข์ของตัวเอง แต่เธอก็ใช่ว่าจะเป็นนักแสดงที่ดีขนาดนั้น
แม้พยายามจะกลบเกลื่อนสีหน้าอย่างไร แต่ก็ไม่อาจซ่อนแววตาที่โศกเศร้าลึกๆของเธอได้หรอก...
ถามเรื่องความรัก...หลายคนถามว่ามิซูสุไม่คิดจะมีแฟนเหรอ?
เพราะเห็นมีคนมาจีบเยอะแยะแต่ก็ไม่เอาสักคน เอาจริงๆเธอเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อบื้อเรื่องความรักนะ
เพราะฉะนั้นคนที่จีบจริงน่ะมีมากกว่าที่เธอรู้
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่คนเนื้อหอมแบบเด่นชัด เป็นพวกออกจะเนื้อหอมเงียบๆมากกว่า
ส่วนคำตอบของคำถามเมื่อครู่
มิซูสุก็ได้แต่บอกว่าเมื่อถึงเวลาก็คงจะมีเอง แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้หมายความตามนั้นหรอก...เธอเองก็ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ชอบใครคนอื่นเป็น
และให้บังเอิญว่าเธอเป็นคนที่ชอบใครแล้วก็จะชอบไปยาวๆเสียด้วยสิ...ก็นะ
เรียกว่าเป็นคนที่รักแล้วจะฝังใจไปยาวๆ แถมรักเดียวใจเดียวก็ว่าได้
ถึงเขาจะไม่ได้มองเธอแบบเดียวกัน ได้อยู่ข้างๆ ได้เห็นรอยยิ้มของเขา ได้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของเขาก็มากพอแล้ว...เพราะใครคนนั้นจะอยู่ในความทรงจำของเธอ...ไม่ว่าจะยังไง...การมีความทรงจำร่วมกับคนที่ชอบ...มันก็เป็นเรื่องที่วิเศษไปเลยไม่ใช่เหรอ?
และคงเป็นความทรงจำที่เธอไม่มีวันลืมเลย แม้ว่าลึกๆจะหวังให้เขาไม่ลืมเธอด้วยก็ตาม...
ประวัติส่วนตัว :: โมจิสึกิ มิซูสุ...เด็กสาวธรรมดาที่เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา
ไม่ได้โดดเด่นหรือพิเศษกว่าเด็กคนอื่นแต่อย่างใด ที่บ้านพ่อทำงานบริษัทตำแหน่งผู้จัดการ
แม่เปิดร้านคาเฟ่เล็กๆอยู่หน้าสถานี ชีวิตในวัยเด็กของเธอนนั้นเรียบง่าย
ไม่มีอะไรหวือหวา เหมือนเด็กทั่วไปที่เช้ามาก็ไปเรียน เลิกเรียนก็ไปเล่นกับเพื่อน
แล้วก็กลับบ้าน มีเพื่อนฝูง
ทุกอย่างราวกับเป็นต้นแบบมาตรฐานของเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน
จนกระทั่งจุดเปลี่ยนในชีวิตของเธอเข้ามา...เมื่อมิซูสุกลายเป็นพี่คน...
แม่ของมิซูสุมีน้องอีกคนเมื่อมิซูสุย่างเข้าวัยประถม
เดิมทีพ่อแม่ของมิซูสุก็ยุ่งอยู่แล้ว แทบจะเจียดเวลามาดูแลเธอได้น้อยเต็มที
ยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทั้งคู่ก็ยิ่งต้องทำงานหนักทำให้ไม่มีเวลามาดูแลลูกๆ
หน้าที่ดูแลน้องจึงตกเป็นของมิซูสุไปโดยปริยาย ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปไม่น้อย
จากที่เคยมีอิสระ มีชีวิตตามประสาเด็กทั่วไป กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กจำเป็นด้วยฐานะ ’พี่สาว’ โดยปริยาย
เวลาว่างลดน้อยลง จะไปเล่นตามใจชอบก็ไม่ได้ มีอะไรก็ต้องทำให้น้องก่อน
ตอนแรกก็โกรธและหงุดหงิดอยู่หรอก แต่พอเห็นน้องยิ้ม ดีใจ หัวเราะ
ความรู้สึกแย่ๆและความลำบากทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่แปลกใจเลยที่โตมาแล้วน้องชายของเธอจะรักเธอยิ่งกว่าใคร มากกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ
เมื่อน้องโตพอจะทำอะไรเองได้แล้ว
ชีวิตของมิซูสุจึงกลับมาตามปกติ ที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นนิสัยที่เอาใจใส่คนอื่นมากขึ้น
รวมไปถึงขี้กังวลมากอีกหน่อย เนื่องจากติดมาตอนที่ดูแลน้องชายตอนยังเล็ก
เพื่อนๆหลายคนเลยคิดว่าเธอเหมือนพี่สาวหน่อยๆไปเป็นที่เรียบร้อย
ไม่แปลกใจเลยที่พอขึ้นมัธยมปลายเธอจะโดนทาบทามให้มาเป็นผู้จัดการชมรมกีฬาหลายชมรม...แต่เธอก็เลือกชมรมบาสเพราะว่ารุ่นพี่ที่เธอสนิทกันมาชวน
และในช่วงเวลานี้เองที่เธอได้พบกับ
‘เขา’ ...
อิมาโยชิ
โชอิจิ...
อิมาโยชิในตอนนั้นเป็นรุ่นพี่ปีสาม
ในขณะที่มิซูสุเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการ
เพราะฉะนั้นเวลาที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกันนั้นจึงมีเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น
ตอนนั้นอิมาโยชิอยู่ในฐานะกัปตันทีม...จึงมีช่วงเวลาที่ทั้งสองต้องพูดคุยปรึกษากันพอสมควร
กล่าวได้ว่าทั้งสองในตอนนั้นมีความสัมพันธ์ฉันท์รุ่นพี่รุ่นน้องที่ดี
แน่นอนว่าช่วงวัยนี้จะมีการแอบปลื้มแอบชอบก็เป็นเรื่องปกติ มิซูสุเองก็ปลื้มรุ่นพี่อิมาโยชิพอสมควร
เพียงแต่ไม่ได้แสดงหรือพูดอะไรออกไป ได้แต่เก็บซ่อนไว้ในใจ
เพราะคิดว่าอาจจะทำให้เขาลำบากใจ
อีกอย่าง...เธอก็พอใจที่ได้เฝ้ามองและใกล้ชิดเขาแบบนี้
เพราะฉะนั้น...ขอแค่ได้อยู่ข้างๆเขาแบบนี้ต่อไป...เธอก็พอใจแล้ว
เวลาหนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก...ในวันจบการศึกษาของอิมาโยชิ
มิซูสุได้เข้าไปแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็ลำบากเหลือเกินเมื่อเขามีแต่ผู้คนรายล้อมเต็มไปหมด
เธอจึงตัดสินใจรอจนคนซาลงแล้วค่อยเข้าไป
เมื่ออิมาโยชิเห็นมิซูสุก็เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม
‘นึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว’
‘งานของพวกรุ่นพี่ทั้งที ฉันต้องมาอยู่แล้วล่ะค่ะ...ยินดีด้วยที่เรียนจบนะคะ...รุ่นพี่อิมาโยชิ’
‘ขอบใจมากนะ...อา จริงสิ...’
อิมาโยชิจับมือของมิซูสุแบออก ก่อนจะวางบางสิ่งลงไป ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู
ทำเอาหัวใจของเธอกระตุกวูบ ‘ฉันให้นี่...เก็บไว้ดีๆนะ...’
มิซูสุจะก้มลงไปดู
แต่อิมาโยชิก็กำมือของเธอไว้เสียก่อน ทำให้มองไม่เห็นว่าเขาให้อะไรเธอมา
‘เก็บไว้ดีๆนะ...ขอบใจมากที่มา ไว้พบกันใหม่นะ โมจิสึกิ...’ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ลูบหัวเธอเบาๆ ก่อนจะจากไป
เมื่อมาดูทีหลังก็พบว่าของสิ่งนั้นคือ...กระดุมเงินอันหนึ่ง...
หลังจากนั้น
ชีวิตทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง
มิซูสุเองก็เรียนจบแล้วไปต่อมหาวิทยาลัยคนละที่กับอิมาโยชิ
ต่างฝ่ายไม่ได้ติดต่อกันอีก เรียนจบแล้วก็มาทำงานในร้านคาเฟ่ของแม่
ให้แม่กลับไปทำงานบ้านสบายๆ (แม้ว่าบ้านกับคาเฟ่มันจะเดินห่างกันแค่สิบนาทีก็เถอะ)
หากน้องชายว่างหลังเลิกเรียนโดยที่ไม่มีซ้อมก็จะมาช่วยงานด้วย และเป็นเช่นนี้มาจนปัจจุบัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง...วันที่มิซูสุได้พบกับ
‘เขา’ อีกครั้ง...
แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานจนความทรงจำเหล่านั้น...
รวมถึงความรู้สึกในวันวานจะดูเลือนลางเหมือนภาพสีจางๆก็ตาม...
งานอดิเรก :: คิดสูตรอาหาร ขนม
และเครื่องดื่มใหม่ๆ / ฟังเพลงและฮัมเพลงไปด้วย / เล่นกับสัตว์เล็กๆ / ถ่ายรูปโพลารอยด์
ชอบ ::
- รอยยิ้มมีความสุขของคนอื่น [เพราะมันมองแล้วทำเธอมีความสุขด้วย]
- สปาเก็ตตี้ไข่ปลาเมนไทโกะ
[เพราะเป็นอาหารโปรดของเธอค่ะ
แม่เธอทำให้ทานตอนเด็ก]
- ชาผลไม้ [เพราะชอบกลิ่นหอมของผลไม้
และรสชาติมันกำลังพอดีสำหรับเธอ]
- ดอกไม้ [เพราะว่ามันสวยดี
กลิ่นหอม และแฝงด้วยความหมาย]
- สัตว์เล็กๆ [เพราะว่ามันน่ารักน่าเอ็นดู
เธอชอบเล่นกับพวกมัน]
- การถ่ายรูป [เพราะว่า...เธอคิดว่ารูปถ่ายคือเครื่องบันทึกความทรงจำ...ที่ดีที่สุด]
ไม่ชอบ ::
- การที่คนอื่นทำหน้าเศร้า [เพราะดูแล้วหม่นหมอง
และรู้สึกกังวลแทน]
- การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว [เพราะว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ค่อยถูก]
- เรื่องที่ฟังดูเสี่ยงอันตราย [เพราะเธอกลัวว่ามันอาจจะทำให้คนอื่นเป็นอันตราย
เลยไม่ชอบ]
- ของเผ็ดจัด [เพราะทานแล้วแสบลิ้น]
- ความสกปรก / ความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย [เพราะเห็นแล้วจะรู้สึกขัดตา]
แพ้ ::
- หญ้าเจ้าชู้ [โดนแล้วจะคันแล้วมีผื่นแดงขึ้นหลังจากโดนไปวันสองวัน]
Character Voice:: จิ้มไปเลยค่ะ
ความหมายของเพลงนี้เหมาะกับความคิดของมิซูสุที่มีต่ออิมาโยชิด้วย...
เพิ่มเติม ::
- กระดุมที่อิมาโยชิให้มิซูสุไว้ เป็นกระดุมเม็ดที่สองจากเครื่องแบบกักคุรันของเขาเอง
ซึ่งตามความเชื่อของญี่ปุ่นแล้วถือว่าเป็นกระดุมเม็ดที่ใกล้หัวใจมากที่สุด
และจะเอาไว้ให้คนที่ชอบค่ะ (แต่มิซูสุไม่รู้เลยว่านี่คือกระดุมเม็ดที่สอง
เพราะคิดว่าอิมาโยชิเอาให้คนอื่นไปแล้ว...แล้วก็ไม่ได้คิดว่าเขามองเธอในแง่นั้นด้วย)
ปัจจุบันมิซูสุเก็บมันไว้ในกล่องเก็บของกระจุกกระจิกในห้องส่วนตัว
โดยใส่ไว้ในถุงผ้าเล็กๆที่ทำเองอีกที
- อิมาโยชิไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่มิซูสุปลื้ม
แต่เป็นคนสุดท้าย และยังคงปลื้มอยู่ลึกๆ ปัจจุบันที่โต๊ะทำงานในห้องส่วนตัวของเธอ
มีรูปถ่ายที่เธอเคยถ่ายกับชมรมบาส...และเป็นรูปที่เธอและอิมาโยชิยืนอยู่ข้างกันด้วย
- น้องชายของมิซูสุชื่อ “โมจิสึกิ
มาโมรุ” ปัจจุบันเรียนอยู่ม.ปลายปีสอง [อิมเมจ]
โรงเรียนเดียวกับพี่สาว สังกัดชมรมบาส ตำแหน่งรองกัปตันทีม ตำแหน่ง SG
[Shooting guard] นิสัยโดยพื้นฐานก็...ร่าเริงสดใสเฮฮา (เอาง่ายๆ
นิสัยน้องเขาคล้ายทาคาโอะน่ะค่ะ) สมเป็นนักม.ปลาย ก็แค่เกือบจะเป็นซิสค่อน
รักและหวงพี่สาวมาก ใครริจะจีบพี่คงยากหน่อยล่ะ...
- มิซุสุเสียงเพราะสมชื่อเจ้าตัว และชอบฮัมเพลงเบาๆเวลาทำอะไรเพลินๆ แต่พอรู้ว่าคนอื่นฟังอยู่จะเลิกฮัมเพลงทันที ไม่ใช่อะไร...อาย...
-
มิซูสุชอบถ่ายรูปโพลารอยด์เพราะมันแค่ใบเดียวในโลก ทำซ้ำไม่ได้ ตัดต่อก็ไม่ได้
เป็นการบันทึกความทรงจำว่าเรื่องราวที่เธอเก็บไว้ในรูปถ่ายเหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริง
-
เห็นแบบนี้มิซูสุแข็งแรงกว่าที่เห็นภายนอกนะ เพราะทำงานต้องขยับตัวตลอด
- จริงๆแอบกลุ้มใจเรื่องหน้าอก เพราะมิซูสุอกแบนมาก...คัพ A จ้า...
- ที่บ้านเลี้ยงแมวดำชื่อ “โช”เป็นลูกแมวถูกทิ้งที่มิซูสุเจอสมัยม.ปลาย
เธอเลยเก็บไปเลี้ยงที่บ้าน [ตั้งชื่อตามชื่อจริงอิมาโยชิ...โช(อิจิ)
ไงล่ะ...]
Talk To Me
✿ สวัสดีค่ะ..เราไดอาน่าเองง
จะเรียกไดอาก็ได้นะ! แล้วผปค.ชื่ออะไรเอ่ย?
:: เรียกเราว่า “ยูกินะ”
ได้เลยค่ะ
✿ ใบสมัครกับคำถามเราอาจจะเยอะไป(ไม่)หน่อย
ขออภัยด้วยนะคะ! *กราบงามๆ*
:: ไม่เป็นไรค่ะ
ของเราเรื่องมากกว่านี้อีก
✿ ทำไมถึงเลือกคู่กับคนนี้คะ?
:: ชอบพล็อต
แล้วก็ชอบพี่อิมาโยชิด้วยค่ะ เป็นพ่อหนุ่มแว่นที่กร๊าวใจเรามากในเรื่องนี้ หล่อ
เจ้าเล่ห์และแอบร้าย โอ้ยยยยยย รักค่ะ!
✿ ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้ค---แค่ก
:: พล็อตน่าสนใจดีค่ะ
อีกอย่างเราสนใจเรื่องภาษาดอกไม้มาแต่แรกอยู่แล้ว
✿ เรื่องนี้อาจจะมีการดองหรือลงช้าเป็นบ้างครั้งนะคะ
รอได้รึเปล่าเอ่ย?
:: ไม่มีปัญหาค่ะ
เราเองก็ดอง
✿ ถ้าไม่ติด..เราขอโทษนะคะ
,_, ))
:: เข้าใจดีค่ะ
แค่เสียใจ 555
✿ สุดท้ายนี้
มีอะไรจะบอกเรามั้ยคะ?
รักนะ ❤ 。◕‿◕
:: ก็...รับมิซูสุลูกสาวเราไว้พิจารณาด้วยนะคะ
จะมาส่งคนถัดไปในไม่ช้าค่ะ
ความคิดเห็น