คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #107 : 「 AU KNB 」Destiny Story
Our gazes entwined under the moonlight,
[แววตาของเราสองสบกันใต้แสงจันทร์]
Asking each other through the silence,
[ถามไถ่อีกฝ่ายผ่านความเงียบงัน]
And when you smiled, the world seemed so bright,
[และเมื่อเธอยิ้มออกมา...โลกนี้พลันดูสว่างสดใส...]
The warmth passed through our linked hands felt so right.
[ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทางมือที่กอบกุมกันไว้...มันช่างดีเหลือเกิน...]
Even though we had never met before,
[แม้ว่าเราจะไม่เคยพบกันมาก่อนก็ตาม...]
Just standing by your side washed away all my sores.
[แต่เพียงแค่ได้ยืนข้างๆเธอ ความทุกข์ทั้งหมดของฉันก็สลายหายไป...]
Something in my heart screamed ‘this is where I belong’,
[บางสิ่งในหัวใจฉันกรีดร้องบอกว่า ‘นี่คือที่ๆฉันควรจะอยู่...’]
Under the moonlight, my destiny, now, finally began.
[ใต้แสงจันทร์ในยามนี้...โชคชะตาของฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...]
APPLICATION
"...การดูแลเจ้านายเป็นหน้าที่ของเลขาอย่างดิฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ
ท่านอาคาชิ"
ชื่อ : Tsukikage Nadeshiko [สึกิคาเงะ
นาเดชิโกะ] [เรียง สกุล-ชื่อ
แบบญี่ปุ่น]
[แปลว่า ดอกนาเดชิโกะใต้แสงจันทร์]
ชื่อเล่น : Nako [นาโกะ] [ให้แค่คนสนิทจริงๆเรียกเท่านั้น]
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
(จริงๆเป็นลูกเสี้ยวญี่ปุ่น – อังกฤษ เพราะแม่เป็นลูกครึ่ง)
อายุ : 24
ลักษณะของตัวละคร : นาเดชิโกะ...หญิงสาววัยแรกแย้มผู้งดงามดั่งดอกไม้แรกแย้ม
รูปร่างเพรียวสวยอรอชรราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดชวนให้ปกป้อง
ผิวขาวนวลเหมือนแสงจันทร์ อีกทั้งใบหน้านั่นก็ดูแล้วงามไปเสียทุกส่วน ทั้งโครงหน้ารูปไข่ได้สัดส่วน
ดวงตาสีฟ้าคู่สวยราวกับสายน้ำที่เยือกเย็นและสงบนิ่ง จมูกโด่งรั้น
ริมฝีปากบางสีอ่อนดั่งกลีบซากุระ แก้มสีระเรื่อ รวมกันเป็นดวงหน้าที่สวยงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย
ยิ่งล้อมด้วยเรือนผมสีฟ้าใสที่เหมือนสายน้ำที่มักปล่อยยาวสยายจรดเอวแล้ว
ทำให้หากมองเธอใต้แสงจันทร์แล้ว...อาจเหมือนเทพธิกาหรือนางพรายหลุดออกจากภาพวาดมาเดินเล่นก็เป็นได้
สูง 168 เซนติเมตร หนัก 55 กิโลกรัม
นิสัย : สงบนิ่งและงดงามดุจบุปผาใต้แสงจันทร์...นั่นคือตัวตนของ
‘สึกิคาเงะ นาเดชิโกะ’ สมชื่อของเธอ
นอกจากความงดงามดุจดอกไม้ที่ทำให้ใครหลายคนเผลอมองตามยามได้เห็นแล้ว
ยังมีกิริยามารยาทที่เรียบร้อย ดูอ่อนหวานนุ่มนวล แต่ในขณะเดียวกันก็ดูสูงส่งสง่างามเลอค่า
ไม่อาจแตะต้องได้โดยง่าย ราวกับแสงจันทร์ที่แม้จะสาดส่องลงมา แต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้นั่นเอง...
นาเดชิโกะเป็นผู้หญิงที่นิ่งสงบ
ไม่ได้ถึงขั้นร่าเริงแจ่มใสหรือมืดหม่นไร้สังคม
แต่ทำตัวเหมือนอยู่ระหว่างกลางทั้งสองอย่างพอดี คือเป็นคนที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์อยู่ในสังคมได้เหมือนคนทั่วไป
เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกถึงความกระตือรือร้นที่จะเข้าหาคนอื่นก็เท่านั้น
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นาเดชิโกะก็จะยังคงนิ่งความสุขุมอยู่เสมอจนคล้ายกับว่ามีเพียงใบหน้าเดียว
สีหน้าของเธอนั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่แม้ว่าจะต้องเผชิญเรื่องไม่คาดฝันเพียงใดก็ตาม
เป็นผลจากการอบรมอย่างเข้มงวดในยามเด็กว่าไม่ควรแสดงความรู้สึกออกไปให้ใครเห็นมากมายนัก
แต่หากมองดีๆ จะพบว่าที่จริงแล้วสีหน้าของเธอจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและชั่ววูบเท่านั้น
ก่อนจะกลับมานิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากจะเอาที่ชัดเจนกว่านั้น
ให้มองลึกลงไปในตาของเธอ...หากมองดีพอจะเห็นความรู้สึกที่แท้จริงซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใน
ที่เขาว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจยังไงล่ะ...
แม้นาเดชิโกะจะภายนอกจะดูใจเย็นสงบนิ่งจนบางทีเหมือนเฉยชา
ไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนอ่อนโยนกว่าที่แสดงออกมาก
แค่เธอไม่ได้ไปเที่ยวพูดว่าใครน่าสงสารจังหรือเข้าไปช่วยเหลืออะไรโจ่งแจ้ง
แต่ชอบทำตัวเหมือนปิดทองหลังพระ ช่วยเหลือลับๆแบบที่อีกฝ่ายไม่รู้
แล้วก็ไม่ได้หวังว่าจะให้รู้ด้วย ถามว่าทำไม? เอาเป็นว่าเธอมีเหตุผล
นั่นก็เพราะเธอเองก็เคยได้รับความช่วยเหลือแบบที่อีกฝ่ายไม่ได้หวังอะไรตอบแทนจากเธอเช่นกัน
(ดูได้ในประวัติ...) ทำให้เธอเองก็อยากช่วยเหลือทุกครั้งเท่าที่พอจะทำได้เช่นกัน
อืม..จะว่าเหมือนทำมันเพื่อตอบแทนความช่วยเหลือสิ่งที่เธอเคยได้มาในอดีตก็ไม่ผิดเท่าไหร่
สิ่งที่ซ่อนเร้นไว้ในตัวนาเดชิโกะไม่ได้มีเพียงแค่ความอ่อนโยนเท่านั้น
แต่เป็นความทรงจำอันดีเลิศและมันสมองอันเฉลียวฉลาดที่แสดงออกในทุกย่างก้าวการกระทำของเธอ
เป็นคนที่ฉลาดทั้งในด้านการเรียนรู้ คำพูดคำจา การกระทำ รวมไปถึงการใช้ชีวิต
ด้วยความที่ว่าเคยใช้ชีวิตมาทั้งแบบคุณหนูและคนธรรมดาทำให้รู้เรื่องไลฟ์สไตล์ของทั้งสองแบบดี
และนำมันมาปรับใช้กับการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง
เธอเป็นคนฉลาดที่ไม่เคยบอกว่าตัวเองฉลาด แต่ไม่ได้ถึงกับขั้นแกล้งโง่
แค่คิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศทุกสิ่งที่เราทำหรือทุกสิ่งที่เราทีให้คนอื่นรู้ก็เท่านั้น
ให้คนอื่นรู้ในสิ่งที่คนๆนั้นควรรู้ก็พอ
ดังนั้นในสายตาของบางคนนาเดชิโกะจะเป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นอายลึกลับนิดๆ
เดาใจไม่ค่อยถูกว่าคิดอะไรอยู่กันแน่เพราะแบบนี้เอง
แต่ก็ขอให้รู้ว่าว่าทุกการกระทำของเธอมีเหตุผลเสมอ...
ความฉลาดของนาเดชิโกะ
หากจะพูดให้ละเอียดขึ้นอีกนิด คือเป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้เร็ว ช่างสังเกต
และคิดวิเคราะห์ได้ดี มองอะไรล้ำหน้าและล้ำลึกกว่าคนทั่วไป
เพียงแต่การแสดงออกของเธอจะทำให้ตรงจุดนี้ไม่ได้เด่นชัดนักเนื่องจากเป็นคนไม่ชอบเสนอหน้าหากไม่จำเป็น
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอขี้อายหรือขี้ขลาดแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ออกจะใจกล้าเกินไปในบางครั้งด้วยซ้ำ
เช่น
กล้าที่จะทักท้วงอาคาชิเมื่อเห็นว่านายน้อยของตนเหมือนกำลังจะทำอะไรไม่เข้าท่า
เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้ขนาดเข้าข่ายสอดไปทั่วหรอกนะ
แน่นอนว่าความสามารถของเธอไปได้ไกลมากกว่าการเป็นเลขา แต่เจ้าตัวกลับเลือกเส้นทางนี้อย่างไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปไหน
อาจพูดได้ว่ามันเป็นความตั้งใจและมุ่งมั่นของเธอก็ได้
เมื่อตัดสินใจและใคร่ครวญอะไรได้แน่นอนแล้วจะลงมือทำทันทีและไม่มีวันเปลี่ยนใจอีก
นอกจากนั้นแล้ว ไหวพริบการแก้ปัญหาเฉาะหน้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่
หลายครั้งแล้วที่เธอทำคนรอบข้างอึ้งกับการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะดูบ้าบิ่นผิดท่าทีสุขุมบ้าง
เกินความคาดหมายบ้าง แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีทุกครั้งจนนายน้อยพอใจ
อืม...จะบอกว่าไม่ค่อยสนวิธีการ สนแต่ผลลัพธ์ก็ไม่ผิดเท่าไหร่
ในโลกนี้มีใครบ้างล่ะที่ไม่เคยทำเรื่องไม่ดี? แต่ถึงกระนั้นหากเลือกได้ นาเดชิโกะก็จะเลือกทางที่ไม่ผิดทำนองคลองธรรมมาเป็นอันดับแรกๆอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวนาเดชิโกะก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องดีๆเท่านั้น
ในความสงบ สุขุม และใจเย็นของเธอนั้น...ส่วนหนึ่งคือความร้ายลึก แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนคนสงบเสงี่ยมจนเหมือนง่ายต่อการเล่นงาน
แต่นั่นเป็นการคิดที่ผิดมหันต์ เธอเคี้ยวยากกว่าที่คิดเยอะ แถมยังเป็นสาวสตรองอีกต่างหาก
เป็นคนที่ไม่พลาดพลั้งหรือตกหลุมพรางอะไรใครง่ายๆ และจะไม่เสี่ยงเข้าไปทำเรื่องอันตรายหากผลลัพธ์ได้ไม้คุ้มเสีย
เรียกว่าระมัดระวังตัวดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากเปรียบง่ายๆก็คงเป็น ‘น้ำนิ่งไหลลึก’ ละมั้ง... อีกทั้งเธอเป็นผู้หญิงที่หากคิดจะร้ายจะล้ำลึกมาก
เพราะมาแบบเงียบๆ แต่เฉียบขาด
ด้วยความที่ว่าไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรมากมาย จุดนี้เลยเห็นไม่ค่อยชัด
แต่อย่าไปเป็นศัตรูกับนาเดชิโกะเชียว เพราะแม้สีหน้าจะยังนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร
แต่เธอจะทำชีวิตคุณล่มจมได้หลายวิธีเลยล่ะ
ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องที่ทำกับเธอมันร้ายแรงแค่ไหน เป็นพวกโกรธยากหายยากกว่า
และจะหายสนิทต่อเมื่อได้รับการสะสางแล้วเท่านั้น
ร้ายที่สุดคือสืบไม่ได้ว่าเธอเป็นตัวการน่ะสิ...บอกแล้วไงว่าไม่ใช่คนชอบเสนอหน้า
แต่เวลาลงมือจะมีแผนการรัดกุมและเด็ดขาดมากเลยล่ะ
แต่ถามว่าถ้าโกรธระดับสุดๆจะเป็นยังไง...บอกได้คำเดียวว่า
คนๆนั้นจะไร้ตัวตนทันทีในสายตาของนาเดชิโกะค่ะ...
นอกจากนั้นแล้ว...ความโศกเศร้าและเหงาหงอยก็ยังเป็นสิ่งที่นาเดชิโกะปิดบังไว้จากคนอื่นอีกด้วย
จากแผลใจในอดีต แม้ว่าปัจจุบันจะเหลือเพียงรอยแผลเป็นก็ตาม เพื่อไม่ให้ซ้ำรอย
เธอจึงไม่ค่อยมีความคิดที่จะผูกพันกับใครเป็นพิเศษยกเว้นแต่จะเห็นคนนั้นเป็นคนสำคัญจริงๆ
หากเป็นคนสำคัญของเธอแล้ว จะได้รับการดูแลอย่างดีกว่าคนทั่วไปเอาใจใส่กว่าคนทั่วไป
โดยทั้งหมดทำแบบเงียบๆ แสดงออกเพียงการกระทำและคำพูดต่อหน้าเพียงเล็กน้อยเบาบาง
แต่ลับหลังเธอจะสนับสนุนและให้กำลังใจ
ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนๆนั้นอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเรื่องงานก็จะจงรักภักดีมาก
แต่ก็ไม่ได้ขนาดที่ว่าจะยอมทำตามไปเสียทุกอย่างโดยไม่มีติดใจสงสัย
เรียกว่ารักคนยาก แต่หากรักใครก็จะรักไปอย่างนั้นเลยไม่เปลี่ยนใจ
แน่นอนว่ากับเรื่องคนรักก็เช่นกัน แต่ก็เพราะรักมาก
เวลาเจ็บปวดด้วยเรื่องนี้ก็จะบาดเจ็บสาหัสมากเช่นกัน
สาหัสจนถึงขนาดที่ว่าเหม่อลอยเศร้าสร้อยไม่เป็นผู้เป็นคนไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
แต่พอตัดใจได้ ทุกอย่างจะง่ายเอง(?)
แม้ว่านาเดชิโกะจะเหมือนพวกไม่รักหรือเกลียดอะไรใครเป็นพิเศษเพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรก็นิ่ง
เหมือนพวกความอดทนสูง แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่รักแรงเกลียดแรงพอสมควรเลยล่ะ
ชอบอะไรก็ชอบไปเลย เกลียดอะไรก็เกลียดมันอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ ยากที่เธอจะกลับมาชอบอะไรที่เกลียด
และเกลียดอะไรที่ชอบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้
ใครที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจได้...ขอคารวะให้เลย
นาเดชิโกะเห็นนิ่งๆแบบนี้
ความจริงแล้วเป็นพวกกวนประสาทและกัดเจ็บแบบหน้านิ่ง แม้ตอนสนทนาปกติจะไม่ได้แสดงออกตรงจุดนี้นักเพราะก็โต้ตอบไปตามปกติ
ที่จริงออกจะเป็นพวกพูดน้อยนิดๆด้วยซ้ำ เพราะจะพูดเท่าที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
แต่ลองเป็นคนที่เธอทำเธออารมณ์ไม่ดีหนักๆหรือลองไปมีเรื่องกับเธอสิรับรองได้เจอแน่ๆ
แถมเป็นพวกถ้าคิดจะด่าจะด่าเจ็บมากแม้ไม่ได้ด่าตรงๆ
ความกวนประสาทและจิกกัดของเธอนั้นจะแสดงออกทางคำพูดอันแสนถูกที่ถูกจังหวะด้วยสีหน้านิ่งเฉยหรือยิ้มมุมปากน้อยๆ
ที่มันทำเอาอีกฝ่ายอยากเอาเท้าไปนาบหน้าเธอเหลือเกินแต่ก็ทำไม่ได้
โกหกหน้าตายก็เก่ง ด้วยความที่โป๊กเกอร์เฟซเป็นเลิศอยู่แล้วก็เลยไม่ใช่เรื่องยากเลย
แม้จะกวนและกัดเจ็บ แต่โดยมากแล้วการพูดจาโดยปกติของนาเดชิโกะมักจะสั้นและเข้าประเด็นทันที
อาจมีอารัมภบทแค่พอเป็นพิธีไม่ให้ฟังดูน่าเกลียดเกินไปเท่านั้น
แต่พอมาเรื่องความรู้สึก เธอมักจะทำการเบี่ยงประเด็นไม่ก็ปิดปากเงียบทันที
ไม่ใช่อะไร...เธอไม่อยากให้ใครมาสอดรู้เรื่องความรู้สึกของเธอ อีกอย่าง
เธอโกหกเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะรู้ว่าถ้าโกหก
คนๆนั้นจะดูออกทันที...และคนที่ว่าดันเป็นคนที่เธอไม่อยากจะให้รู้มากที่สุดอีกด้วย
เพราะคนที่เธอกำลังชื่นชมประทับใจ...ก็คือเจ้านายของเธอเองเนี่ยแหละ
ประวัติ : ‘สึกิคาเงะ นาเดชิโกะ’ ทายาทแห่งตระกูลสึกิคาเงะที่มีเชื้อขุนนางเก่า
ซึ่งหากว่ากันตามจริงแล้ว....ตระกูลของเธอก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมายนัก
แต่ก็นับว่าร่ำรวยและเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมชั้นสูงพอควร
เธอโตมาด้วยการอบรมอย่างเข้มงวดในด้านกิริยามารยาททั้งทางญี่ปุ่นและอังกฤษ
ช่วงเวลาในวัยเด็กของเธอจึงไม่ค่อยเหมือนเด็กทั่วไปในวัยเดียวกันเสียเท่าไหร่
แต่แม้จะว้าเหว่เพียงใด เธอก็ยังมีพี่สาวและแม่ที่คอยปลอบประโลมเธออยู่เสมอ...แต่อย่างที่รู้กันว่า...ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน...
เมื่อนาเดชิโกะอายุได้เก้าปี
ครอบครัวของนาเดชิโกะทุกคนยกเว้นตัวเธอเองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางเรือ
สาเหตุที่เธอรอดชีวิตมาได้คนเดียวเป็นเพราะว่าวันนั้นเธอป่วยหนัก
ครอบครัวเลยเลยตัดสินใจให้เธอนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน
เลยไม่ได้ไปนั่งเรือเที่ยวด้วยจึงรอดมาได้ ทันทีที่รู้ข่าว
นาเดชิโกะตกใจจนเป็นลมสลบไปสามวันเต็ม เมื่อฟื้นขึ้นมาก็น้ำตาไหลไม่หยุด
ไม่ว่าใครจะพูดปลอบเท่าไหร่หรือทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดน้ำตาของเธอได้เลย
แม้งานศพจะจบลงแล้วก็ตาม
ซ้ำยังไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกแห่งความเป็นจริง
ได้แต่จมดิ่งลงไปในความโศกเศร้าจนยากจะหยั่งถึง เธอเก็บตัวไม่ทำอะไร
ได้แต่ไปเยี่ยมหลุมศพแม่และพี่สาวในทุกคืน เป็นอย่างนี้จนคนรอบข้างกังวลใจ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งนาเดชิโกะได้พบกับใครคนหนึ่ง...
คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง
นี่ก็เป็นคืนที่เจ็ดแล้วที่นาเดชิโกะออกไปเยี่ยมหลุมศพตามปกติ
สีหน้ายังคงหมองเศร้าและมีรอยทางของน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล เธอวางดอกไม้หน้าหลุมศพแล้วก็ปิดหน้า
คร่ำครวญเบาๆ
“ทำไม...ทำไมทุกคนต้องทิ้งหนูไว้คนเดียวด้วยล่ะคะ...”
หลังจากสะอึกสะอื้นอยู่สักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้น
พบว่าด้านข้างของเธอมีเด็กชายผมแดงที่วัยน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เขากำลังหลับตาพนมมือราวกับคุยอยู่กับเจ้าของหลุมศพตรงหน้าในใจ
น้ำตาไหลออกมาหนึ่งหยด ทิ้งคราบเป็นทางยาว และเมื่อเขาลืมตาก็หันมาทางเธอ นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างเงียบงัน
ไม่มีใครพูดหรือถามอะไรอีกฝ่าย แต่นาเดชิโกะกลับรู้สึกได้ว่าเขาเองก็เหมือนกันเธอ
เพราะดวงตาสีแดงคู่นั้นของเขา ใช่...เธอจำแววตาแบบนั้นได้
แม้ดวงตาไม่ได้บวมแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก
หรือขอบตาคล้ำเพราะไม่ค่อยได้นอนเหมือนเธอ แต่เธอก็มั่นใจว่ามองไม่ผิด
เพราะมันเป็นแววตาที่นาเดชิโกะเห็นทุกครั้งที่ตัวเองส่องกระจกหลังจากที่เธอสูญเสียครอบครัวไป...
...แววตาของคนที่ทุกข์ระทมจากการสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รัก...
นาเดชิโกะคิดว่าอีกฝ่ายเองก็รู้สึกเช่นกัน
เพราะหลังจากจ้องตากันอยู่สักพัก ริมฝีปากเขาก็ขยับเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
ดูงดงามใต้แสงจันทร์ มันไม่ได้เสแสร้งหรือเป็นเพียงยิ้มตามมารยาท
เพราะทันทีที่เขายิ้ม
ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อบอุ่นห่อหุ้มหัวใจเธอไว้...ราวกับจะปลอบประโลมว่า ‘เธอไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะ...’
พร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือเธอไว้หลวมๆ บีบเบาๆราวกับจะส่งกำลังใจให้
และนั่นทำเธอยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เธอสูญเสียครอบครัวไป
เหมือนว่ารอยยิ้มอีกฝ่ายมีมนตร์สะกดให้เธอยิ้มตามด้วยความเต็มใจ
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
แต่สั้นเพียงชั่วอึดใจสำหรับนาเดชิโกะ เด็กชายคนนั้นปล่อยมือเธอช้าๆ
ส่งยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะบอกชื่อ
นาเดชิโกะเองก็ไม่ได้คิดจะถาม
เธอมองแผ่นหลังของเขาที่สะท้อนแสงจันทร์ค่อยๆหายลับไปในความมืด
ก่อนจะหันมามองป้ายหลุมศพที่เด็กชายปริศนาเพิ่งจะเคารพไปเมื่อครู่อย่างสงสัย
จนลืมความเศร้าในใจไปจนหมดสิ้น
‘อาคาชิ ชิโอริ’
ป้ายหลุมศพสลักชื่อไว้เช่นนั้น
ทำให้นาเดชิโกะค่อนข้างมั่นใจว่าเด็กคนเมื่อครู่ต้องเป็นทายาทของตระกูลอาคาชิอย่างแน่นอน
เพราะเธอเองก็เคยได้ยินมาว่าทายาทคนปัจจุบันคนเดียวของอาคาชินั้นมีผมและดวงตาสีแดงถอดแบบมาจากแม่ไม่ผิดเพี้ยน...
หลังจากกลับไป
นาเดชิโกะก็จัดการสะสางธุระของตระกูลที่ค้างคาไว้จนเรียบร้อยด้วยความสงบนิ่งและใจเย็นสมเป็นตัวเธอ
ทำเอาคนรอบข้างประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ แต่เธอก็ไม่ตอบคำถามใดๆ
หลังจากนั้นเธอก็ถูกญาติห่างๆของฝั่งพ่อรับไปดูแลส่งเสีย
ใช้ชีวิตเติบโตเหมือนเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน
แต่เธอก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นใคร และเกิดมาเพื่ออะไร หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย
นาเดชิโกะก็ทำงานไปเรื่อยๆเฝ้ารอโอกาส จนกระทั่งได้รู้ข่าวว่าทายาทคนเดียวของอาคาชิกรุ๊ปจะเปิดรับสมัครเลขาหลังจากที่คนเก่าลาออกไปเนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดี
เธอก็ตัดสินใจลาออกจากที่เก่าและมาสมัครทันที
และเมื่อสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้ายที่ต้องพูดคุยกับอาคาชิตัวต่อตัวนั้นเอง...
“ทำไมคุณถึงได้ลาออกจากที่เก่าแล้วมาสมัครเป็นเลขาของผมล่ะ...ผมทราบมาว่าที่เก่า
ตำแหน่งงานคุณก็ดี สวัสดิการก็ดี ความสัมพันธ์ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ...ไม่แน่ว่าคุณอาจจะไม่ได้งานนี้เสียด้วยซ้ำ”
นั่นสินะ...
นาเดชิโกะก็คิดเช่นนั้น
แต่มันเป็นหนึ่งในคำถามที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าน่าจะโดนถาม เธอจึงเพียงยิ้มอย่างสงบแล้วตอบกลับไปว่า...
“เพราะดิฉันรู้ตัวดีว่า...ตัวเองต้องการอะไรค่ะ
ดังนั้นเมื่อโอกาสที่ดิฉันต้องการมาหาแล้ว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งไหน...ฉันก็จะขอเดิมพันกับทุกความเป็นไปได้เพื่อคว้าโอกาสนั้นมาค่ะ
แม้จะน้อยนิดแค่ไหนก็ตาม...แต่ดิฉันก็จะทำค่ะ...”
ก็ไม่ใช่อะไรหรอก...
แม้เขาจะลืมเธอไปแล้ว...ไม่สิ
จะเรียกว่าลืมได้ยังไง ในเมื่อพวกเธอไม่แม้แต่จะรู้จักกันด้วยซ้ำ...แต่นั่นไม่สำคัญนักหรอก...
เพราะนาเดชิโกะรู้ดี...ว่านับตั้งแต่คืนนั้น...
การพบพานใต้แสงจันทร์ได้ผูกโชคชะตาของเธอเอาไว้กับเขา...’อาคาชิ เซย์จูโร่’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
หลังจากนั้น...นาเดชิโกะก็ได้รับตำแหน่งให้เป็นเลขาของอาคาชิ
และทำงานให้เขามาจวบจนปัจจุบัน
คู่ : อาคาชิ
เซย์จูโร่
ชอบ :
- คืนที่มีแสงจันทร์ [เพราะมันทำให้เธอนึกถึงเรื่องในสุสานเมื่อวันนั้น]
- ชาทุกประเภท [เพราะเธอเป็นคอชาตัวยงเลยล่ะ...ไม่ว่าชาชนิดไหนก็ชอบไปหมด
เพราะอร่อยดี...]
- อาหารญี่ปุ่น
โดยเฉพาะซูชิกับซาซิมิ [เพราะมันอร่อยดี...]
- ดนตรีคลาสสิก [เพราะฟังแล้วจิตใจสงบ]
- หนังสือ [เพราะทำให้เธอเพลินเพลินมีความสุข]
- ความสงบ [เพราะมันทำให้ใจของเธอเป็นสุข]
- ตุ๊กตา [เพราะการได้กอดมันทำให้จิตใจเธอสงบ
แน่นอนว่ากอดแค่ที่บ้านเท่านั้น...]
เกลียด :
- อากาศร้อน
[เพราะว่าเธอเป็นคนขี้ร้อน และมันทำเธอเหนอะหนะ
แน่นอนว่าเธอย่อมเกลียดฤดูร้อนไปด้วย]
- ความวุ่นวาย / เสียงดังอึกทึก [เพราะว่าเธอชอบความสงบ ดังนั้นจึงเกลียดสิ่งที่มาทำลายมัน]
- คนที่มองเธอออกไปหมดทุกอย่าง [อันนี้แค่ไม่ชอบ เพราะว่าเธอเองมีสิ่งที่ต้องปิดเป็นความลับอยู่
หากใครมองออกเธอจะไม่สบายใจเท่าไหร่]
- การใช้กำลัง [เพราะเธอมองว่าอารยชนเขาใช้สมองในการแก้ปัญหา
วิธีใช้กำลังนั่นมันสำหรับพวกคนไม่มีหัวคิดเท่านั้นแหละถึงจะใช้...]
- หน่อไม้ฝรั่ง [เพราะตอนเด็กเคยกินอันที่มันปรุงมาไม่อร่อย
เลยฝังใจไม่ชอบมาจนวันนี้]
ลักษณะการพูด : นาเดชิโกะเป็นคนที่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ไม่ค่อยบ่งบอกอารมณ์เท่าไหร่ เมื่อรวมกับสีหน้าที่สงบนิ่งไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงแล้วจึงยากที่จะเดาอารมณ์ในขณะพูด
มักพูดเข้าตรงประเด็นและสั้นได้ใจความมากกว่าจะยาวยืดเยื้อ
แต่หากอารมณ์ไม่ดีหรืออะไรขึ้นมาอาจจะเจอวิธีการพูดกัดเจ็บหรือกวนประสาทหน้านิ่งๆ
มาด้วย ส่วนหากโกรธหรือเสียใจ...เงียบ เงียบ และเงียบเท่านั้น
แต่ดวงตาของเธอจะสะท้อนแววเศร้าสร้อยออกมายามเศร้า
แต่โกรธจะเป็นแววครุ่กกรุ่นเงียบๆบวกด้วยการเมินไม่ใส่ใจ
แล้วไปหาทางเอาคืนวิธีอื่นแทนซึ่งบอกเลยว่าเจ็บแสบมาก
มักแทนตัวเองว่า “ดิฉัน” กับคนทั่วไปและเจ้านาย แทนด้วย “ฉัน” กับคนสนิท
ส่วนแทนคนอื่นมักจะแทนว่า “คุณ” “ท่าน” ตามแต่กาลเทศะ แต่มักเรียกชื่อไปเลยมากกว่า
ไม่ค่อยใช้คำว่า “เธอ” “นาย” ยกเว้นจะสนิทหรือสถานการณ์เป็นกันเองจริงๆ
ไม่มีคำหยาบหลุด ด่ายังสุภาพ เพราะคิดว่าคำหยาบพูดไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองดูต่ำลง
ไม่เอา...ส่วนคำลงท้ายมักจะมี แต่ไม่มีก็พอควร เรียกว่าตามสถานการณ์จะดีกว่า
มักเรียกอาคาชิว่า “ท่านอาคาชิ” “ท่านประธาน”
ไม่ก็ “นายน้อย”
ตัวอย่างคำพูด
(แนะนำตัว)
“ดิฉัน...สึกิคาเงะ นาเดชิโกะ ยินดีที่ได้รู้จัก
ขอฝากตัวด้วยนะคะ...”
(พูดเรื่องงาน)
“เอกสารที่ต้องเซ็น ดิฉันวางตรงนี้นะคะท่านประธาน”
“ตารางวันนี้มีประชุมบอร์ดบริหารตอนบ่ายสองโมง
ที่ห้องประชุม A ค่ะ นี่เอกสารค่ะ...”
(พูดคุยทั่วไป)
“ดิฉันไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ค่ะ...”
“...หมากรุกเหรอคะ ดิฉันก็พอเล่นเป็นบ้างค่ะ”
(ตอนโกรธ)
“....” (เงียบใส่)
“...งั้นหรือคะ งั้นก็เชิญคิดไปตามสบายเถอะค่ะ”
(ตอนเสียใจ)
“...” (เงียบ)
“...เปล่านี่คะ...ดิฉันไม่ได้กำลังร้องไห้สักหน่อย...”
(พูดทั้งๆที่น้ำตาไหล แต่ก็พยายามปาดทิ้ง)
เพิ่มเติม :
-
กลอนด้านบนคือส่วนหนึ่งของประวัตินั่นเองค่ะ ส่วนตัวประวัติเต็มๆ
ก็มาในธีมแสงจันทร์ตามคอนเซปต์คู่ ‘Moonlight
destiny’ หวังว่าคงชอบนะคะ
- จริงๆแล้วนาเดชิโกะถนัดซ้าย
แต่ตอนเด็กโดนบังคับให้ใช้มือขวา ปัจจุบันเธอจึงสามารถใช้ได้ทั้งสองมือ
- เล่นเปียโนได้ไพเราะ เพลงโปรดของนาเดชิโกะคือ ‘Moonlight
Sonata’ ของบีโทเฟ่น กับ ‘Moon River’...สาเหตุเหรอ?
ก็เพราะมันทำให้เธอนึกถึงคืนนั้นยังไงล่ะ?
- จริงๆแล้วนาเดชิโกะติดตุ๊กตา
ที่เตียงจะมีตุ๊กตาเอาไว้นอนกอดเสมอ...แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความลับกับคนนอก ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวที่รับเธอไปเลี้ยงเท่านั้น
ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเหมือนเฉยๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ
ลับหลัง...แอบไปซื้อ(?)
- นาเดชิโกะเล่นหมากรุกเป็น
- หากเลี่ยงได้
นาเดชิโกะจะไม่เดินทางโดยเรือและจะพยายามลงน้ำให้น้อยที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย
ไม่ใช่ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น แต่การลงน้ำกับเดินทางด้วยเรือมันทำให้ถึงการเสียชีวิตของครอบครัว
เลยพยายามเลี่ยง
Talk
with Charisma!
- สวัสดีค่ะ ไรท์ชื่อชาร์ริสม่า ผ.ป.ค.ชื่ออะไรเอ่ยยยย?
:: เรียกเราว่า “ยูกินะ” ได้เลยค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
- มีเหตุผลอะไรถึงได้มาสมัครเรื่องนี้กันคะ?
:: พล็อตน่าสนใจดีค่ะ
- ถ้าเราจะขอปรับเปลี่ยนข้อมูลหรือรูปภาพได้ไหมคะ?
:: ไม่มีปัญหาค่ะ
- ถ้าไม่ติดอย่าทำอะไรเราน้าาาาา ฮืออออออY^Y
:: ไม่ทำหรอกค่ะ แค่อาจจะต้องขอที่อยู่สักหน่--
//
ผิด ไม่ว่าหรอกค่ะ การตัดสินใจของไรท์เตอร์ถือเป็นที่สิ้นสุดอยู่แล้ว
- งั้นก็ บ้ายบาย~~ ติดเเล้วอย่าลืมรายงานตัวด้วยนะคะ!~
:: แน่นอนค่า รับนาเดชิโกะไว้พิจารณาด้วยนะคะ
ความคิดเห็น